“ แหงสินั่นน่ะระดับจอมมารเลยนะสมัยที่พวกเราอยู่ในองค์กรก็เคยได้ยินว่า ระดับหัวหน้าฝ่ายสองคน
ยังสู้ไม่ได้เลย ”
ลูกหมาป่าขนเงินกล่าวทั้งที่ยังผวาไม่หาย
“ แต่ชื่อ เรโค่ กับ เซโร่น่ะ เป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันนักหรอกนะจะมีก็แต่องค์กรที่ต้องการตัวพวกเขามาเป็นกำลังรบ
กับพวกกองทัพต่อต้านเท่านั้นล่ะ ”
ลูกแมวป่ากล่าว
“ แล้วยังงี้นิทินโคไม่โดนจับกินไปแล้วเหรอเนี่ย ”
ลูกมังกรเฟินกอลโลกล่าวด้วยความผวา
“ อควานี่ขี้กลัวกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
วิลกล่าวหยอกทำให้ เฟินกอลโลหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ
แต่ดูเหมือนบทสนทนา ของทั้งคู่จะทำให้พวก ลูกมังกร กับ Lr ประหลาดใจซะมากกว่า
“ นี่พวกเธอสนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
นอฟฮอฟถามด้วยความอยากรู้
“ อ๋อเห็นเค้าเรียกชื่อสกุลฉันลำบากน่ะเลยให้เรียกชื่อไปเลยพวกนายจะเรียกก็ได้นะฉันไม่ถือหรอก ”
เฟินกอลโลกล่าวตอบ
“ งั้นก็ถือซะว่าเป็นการเริ่มต้นสายสัมพันธ์ของเธอกับทุกคนไปพร้อมกับฉันเลยสิ ”
วิลกล่าวซึ่งพวก Lr เองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนัก
“ ถ้างั้นตั้งแต่วันนี้เราเรียกนายว่า อควาก็ละกันนะ ”
ไลท์กล่าวด้วยความลิงโลด ซึ่งอควาเอง(ขอเปลี่ยนวิธีเรียกเฟินกอลโลตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเลยนะครับ)
ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เพื่อนยอมรับเขา จากการที่เขายอมเปิดใจรับตามที่วิลบอกเขาไป
แต่ดูเหมือนว่าวิลจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ เออนี่ อควา ตอนนั้นน่ะเธอเล่าว่าทุกคนเข้าใจและกลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมนิทินโคถึงได้ยังทะเลาะกับ ลอว์เรนซ์ อยู่ล่ะ ”
วิลถามซึ่งนั่นก้ทำให้พวกเจนัสที่อยู่ในร่างสัตว์สนใจขึ้นมาด้วยทันที ทั้งสามจึงเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
แต่ว่า นอฟฮอฟ ไลท์ และ Lr กลับนิ่งไป ก่อนที่ Lr จะถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ คือ..ฉันขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกแย่หรอกขอโทษด้วย ”
วิลที่เห็นท่าทีสลดของทั้งสามก็รีบกล่าวขอโทษทันที แต่ Lr ก็ส่ายหัวไม่รับคำขอโทษ
“ ไม่เป็นไรจริงๆนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังกันหรอก ”
Lr กล่าวซึ่ง ไลท์กับนอฟฮอฟก้หันมามองเขาด้วยความลำบากใจแต่ก็
ตัดใจยอมให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง
“ คือว่านิทินโคน่ะเค้าเกลียดมนุษย์มากเลย ก็เลยมาพาลกับ ลอว์เรนซ์ น่ะ ”
ไลท์กล่าวขณะที่ก้มหน้าลง
“ ที่จริงเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกหรอกนะ พูดไปก็คงจะไม่เชื่อแต่เมื่อก่อนนี้น่ะ ลอว์เรนซ์กับนิทินโค
น่ะสนิทกันที่สุดบรรดาพวกเราเลยนะ ”
นอฟฮอฟกล่าวแต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย
“ แล้วทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ ”
ลูกแมวป่าถามด้วยความอยากรู้
“ สองปีก่อน พี่สาวของเค้าตายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยน้ำมือของมนุษย์อย่างชั้นนี่แหล่ะ ”
Lr กล่าวขณะที่นึกถึงความหลังอันเจ็บช้ำที่ทำให้นิทินโค ต้องห่างเหินไปจากพวกเขา
…….
………
…………
เมื่อก่อนนั้นนิทินโคหรือไฟร์ เค้าเป็นลูกของซาลามันเดอร่า (Salamandera) นายพลมังกร
ของหมู่บ้าน ครอบครัวของเขาอยู่ด้วยกันสี่ตัวคือแม่มังกรซาลามันเดอร่า พ่อซาลามันเดอร่าซึ่งเป็นนายพลมังกรและลูกๆอีกสองตัว
โดยตัวนึงก็คือนิทินโค(Niltinco, the Baby Dragon)
และอีกตัวคือพี่สาวของเขาซึ่งโตกว่าเขาและเป็นมังกรนิทินโคออน(Niltincoion, the Fire Dragon)
ทั้งสองเป็นลูกมังกรนิทินโคเหมือนกัน
พ่อของพวกเขามักจะสอนให้พวกเขายึดมั่นในคุณธรรมและคอยช่วยเหลือผู้อื่น
แรกเริ่มเดิมทีนิทินโคเค้ายังเป็นลูกมังกรขวัญอ่อนเอามากๆและติดพี่สาวอย่างที่สุด
พี่สาวของเขาคอยดูแลเขาด้วยความรัก เพราะพ่อของพวกเขาต้องไปประจำการอยู่นานๆที
จึงจะกลับบ้านส่วนแม่ของเขาทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเหล่ามังกรที่ประสบภัยทั้งนอกและในมิติมังกร
ในวันแรกที่เขามาโรงเรียนมังกร เขาไม่กล้าที่จะคุยหรือเล่นกับใครเลย
และเพราะความขวัญอ่อนกับติดพี่สาวแจ ของเขาทำให้เขามักจะ
โดนล้อเป็นประจำ ไลท์ เอิธท์ Lr และนอฟฮอฟ พวกเขาสนิทกับพี่สาวของนิทินโคมาก
เพราะพี่ของเขาเป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยเฉพาะกับพวก Lr
นั้นพี่สาวของเขาจะสนิทเป็นพิเศษ เพราะพี่สาวของเขาคอยช่วยงาน ดีวายดราก้อน
พ่อของ Lr และไลท์ ที่โรงเรียนมังกรบ่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาพลอยสนิทกับนิทินโคไปด้วย
ซึ่งทุกครั้งที่นิทินโคลำบากพวกเขาก็จะคอยช่วยเหลือเสมอๆมาทำให้สายสัมพันธุ์ของพวกเขาแน่น
แฟ้นอย่างมาก จนกระทั่งวันนั้นมาถึง
หลังจากที่ความจริงเรื่องที่ อควา แกล้งใส่ร้าย Lr ถูกเปิดเผยขึ้น วันนั้นเขาซึ่งจะไปหา Lr
เพื่อขอคืนดีเพราะโดยที่ตัวเองยังมีไข้จากการที่ถูก อควาหลอกให้ไปรอ Lr
ที่สวนทั้งคืน แม้พี่สาวจะห้ามเค้าแล้วก็ตามที
แต่เขาก็แอบหนีออกมาซึ่งพี่สาวที่รู้เรื่องนี้เข้าก็รีบบินออกตามหาเขา ซึ่งในวันนั้น
คือวันเดียวกับที่มีพายุพัดในหมู่บ้านมังกร นิทินโคซึ่งบินหนีพายุผ่านออกประตูมิติไป
เพื่อจะไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในถ้ำซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก โดยที่ไม่รู้ว่า
พวก Lr นั้นกลับมาที่มิติมังกรแล้ว ขณะที่เขาเดินไปยังโรงเรียน
ก็บังเอิญไปเห็นเด็กหญิงคนนึงกำลังถูกเสือหางดาบ (Saber Tail Tiger)
ทำร้ายเขารีบบินเข้าไปช่วยเธอโดยไม่ลังเลทันที
แต่แม้เขาจะพ่นไฟสู้ เสือหางดาบก็ยังยากที่จะต่อกรด้วยอยู่ดี
และเมื่อพวกเขาถูกต้อนจนมุม ผู้ที่เข้ามาช่วยทั้งสองไว้ ก้คือนิทินโคออน
พี่สาวของเขาเอง และทันทีที่เสือหางดาบหนีไป พวกทหารฟีเลเซียที่ ออกตรวจตรา
ก็ได้มาเจอพวกเขา เด็กหญิงที่ถูกเสือหางดาบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ กับมังกร สองตัว
ทำให้พวกทหารเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นผู้ทำร้ายเด็กหญิง พวกทหารชักดาบออกจากฝักและเข้า
ฟาดฟันใส่ทันที นิทินโคที่กลังจะถูกดาบ พุ่งเข้าเฉือนร่าง ในวินาทีนั้น เขาที่ควรจะตายไป
กลับต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย พี่สาวไป เมื่อพี่ของเขาเอาตัวเข้าปกป้อง เค้าก่อนจะพ่นไฟไล่พวทหาร
ซึ่งทหารคนนึงได้เข้าไปพาตัวเด็กหญิงออกมา และพากันหนีไป ท่ามกลางป่าลุกท่วมไปด้วย
เปลวเพลิง ร่างของนิทินโคออนล้มลง ลมหายใจค่อยๆแผ่วเบาลง นิทินโคเข้าไปเขย่าร่าง
ที่ใกล้หมดลมหายใจของพี่สาวตนด้วยความหวงว่าเธอจะมีชีวิตรอด แต่บาดแผลของเธอก็สาหัส
และเสียเลือดไปมากทำให้ อีกไม่นานเธอคงจะต้องสิ้นใจ เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าของ
น้องชายด้วยความเป็นห่วงโดยไม่สนใจตน นางพยายามรวบรวมแรงกำลัง
เพื่อจะบอกให้เขาหนีไปจากไฟป่าที่กำลังลุกท่วมนี้
“ ก็าซซซซซ ” (หนี..ไปไฟร์ อีกไม่นานไฟจะลามมาถึงแล้ว)
นางกล่าวกระอึกกระอักด้วยความลำบาก
“ กีซซ..กีซซซซซซ ”(ไม่..ผมจะไม่ทิ้งพี่เด็ดขาด พี่ต้องไปกับผมนะ พี่ครับ)
นิทินโคกล่าวน้ำเสียงสั่นเครือหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาด้วยความเสียขวัญ
พี่ของเขาเอามือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน
“ ก็าซซซซซ ”(พี่ไม่ไหวแล้วล่ะ ไฟร์น้องรีบหนีไปเถอะ)
นางกล่าวจบก็ผลักตัวน้องชายออกไปจากกองเพลิงที่กำลังลุก
ท่วมท้นเข้ามา นิทินโคที่กระเด็นออกมาจากกองเพลิงพยายามจะวิ่งกลับเข้าไปหาพี่สาวของเขา
แต่ไฟก็ลุกท่วมจนไม่อาจเข้าไปได้ เขาได้แต่มองร่างของพี่สาวที่กำลังจะสิ้นใจ
ท่ามกลางกองเพลิง
“ ก็าซซซซซซซซ..ก็าซซซ ” (จงเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมนะไฟร์เพราะน้องคือ..น้องของพี่)
นางกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงอันเสียงอันแผ่วเบา ก่อนที่ต้นไม้ซึ่งลุกโหมด้วยเพลงบรรลัยกัณฑ์จะ
ล้มลงทับร่างของนางต่อ หน้าเขา
“ กีาซซซซซ ” (พี่คร้าบบบบบบบบบบ)
นิทินโคร้องเรียกพี่สาวของตนที่อยู่ในกองเพลิงอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ด้วยความชอกช้ำใจ
“ ทำไม..ทำไมกันทั้งที่เราช่วยเอาไว้แต่พวกมันกลับทำกันยังงี้ พวกมนุษย์ ”
เขาคิดอย่างเจ็บแค้น กับผลตอบแทนการกระทำของพวกเขา
“ กีซซซซซซซซ ” (มนุษย์อย่างพวกแกไม่มีคุณธรรมกันบ้างรึ ไง….)
เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด
อดีตที่ขมขื่นนั้นหวนกลับมาให้เขานึกย้อนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเซโร่
“ คุณธรรมคือสิ่งที่คนส่วนมากเห็นพ้องกันว่าถูกอย่างนั้นเรอะ..หึ นั่นสิตอนนั้นทหารพวกนั้นมันก็คง
เห็นพ้องกันล่ะนะว่าการกระทำของพวกมันถูกต้อง..แล้วพวกเราก็ต้องมาเสียสละให้กับคุณธรรมของพวกมัน ”
นิทินโค คิดด้วยความขุ่นเคือง เซโร่เดินเข้ามาลูบหัวเขาเบาๆ ราวกับเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ ถึงคุณธรรมนั้นจะเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่แต่ ก็ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไปหรอก หากเราคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องก็จงเดินหน้าต่อไปอย่าได้ละทิ้งความรู้รึกนั้นไปซะล่ะ ”
เซโร่กล่าว คำพูดของเขาทำให้นิทินโค รู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ แต่ยังไงซะตอนนี้ต้องตามหาเอิธท์ที่ถูกจับตัวไปซะก่อน ”
นิทินโคคิด ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเวลาที่หยุดนิ่งเริ่มจะเดินขึ้นอีกครั้ง
……………..
……………………
………………………
ย้อนกลับไปเมื่อวันหนึ่งก่อน
หมู่บ้านแหลมทวีปคาดาร่า
ภายในสำนักงานกองกำลังต่อต้านพนักงานชายคนหนึ่งนอนเท้าแขนอยู่บนเคาท์เตอร์
เขาหลับด้วยความเพลียอยู่บนเคาท์เตอร์นั้นโดยที่ไม่มีใครเข้าไปรบกวน หรือปลุกเขาขึ้นมา
เวลาได้ล่วงเลยไปนานจนเมื่อ ราตรีมาเยือน หลังจากที่ทุกคนพากันกลับออกไป
หมดทิ้งไว้เขายังคงหลับอยู่เพียงลำพัง
เมื่อภายในสำนักงานไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเขา ก็เกิดไอหมอกขึ้นมาตลบอบอวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ กาเทีย….กาเทีย ”
เสียงแหลมห้วนลึก ดังขึ้นท่ามกลางไอหมอกนั้น ก่อนจะค่อยๆจางหายไปพร้อมกับร่างของพนักงาน
ที่หลับอยู่
“ ฮ้าวววววว ”
พนักงานอ้าปากหาวหวอดก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ และมองไปรอบๆตัวของ
ก่อนจะต้องตกตะลึงกับสภาพในขณะนี้ บัดนี้ตัวเขาไม่ได้อยู่ที่โต็ะในสำนักงานแล้ว
เขารีบยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ
เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำหินมืดที่ไหนซักแห่ง ใกล้กันนั้นมีเสียง
ของน้ำไหลกระทบบางอย่างดังมาเป็นระยะ ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินตามเสียงนั้นเข้าไป
ในถ้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ
จนเมื่อเห็นแสงสว่างที่ปลายทางเขาก็รีบเร่งฝีเท้า ทันทีและเมื่อเขาออกมาจากถ้ำ
ภาพตรงหน้านั้น คือทะเลสาบซึ่งไหลมาจากน้ำตก และป่าทึบรายล้อมไปถั่ว ด้านบนก็มีพุ่มเถาวัลย์
พันเกี่ยวกันอยู่อย่างหนาแน่นจนทึบแสง เว้นแต่เพียงตรงใจกลางของสถานที่นี้ที่ไม่มีเถาวัลย์ปกคลุม
เป็น รอยเว้าให้แสงผ่านลงมา และมองเห็นท้องฟ้ากับพื้นป่าเบื้องบนได้ ซึ่งในตอนนั้น
ได้มีลมพัดโชยลงยังเบื้องล่าง และทันทีที่เขาสูด ดมมันเข้าไปเขากลับรู้สึก
ถึงกลิ่นอายของทะเล ซึ่งนั่นทำให้เขาคิดว่าตัวเขาคงอยู่บนเกาะที่ไหนซักแห่ง
“ ยินดีต้อนรับสู่วิหารแห่งปราชญ์มังกร ”
เสียงหนึ่งดังแว่วมาจากฝากน้ำตก พนักงานชายหันขวับไปยังต้นเสียงทันที
เงาเจ้าของเสียงค่อยเดินออกมาจากมุมมืดของโพรงถ้ำแห่งนี้ จนเมื่อร่างของมันต้องกับแสงจันทร์
กายสีเขียวมรกต เกล็ดที่ส่องประกายสะท้อนกับแสงจนราวกับอัญมณี ปีกของมัน โปร่งใสจน
มองแทบไม่เห็น รูปร่างนั้นประดุจมังกร แห่งวายุ แต่ก็แฝงไปด้วยไอชื้นที่ปกคลุมรอบๆ
ร่างเสมือนมังกรวารี มันเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“ ข้ามีนามว่าอีสควอเทีย หน้าที่ของฉันคือการบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ให้แก่เหล่าอนุชนรุ่นหลัง ”
มังกรเกล็ดมรกต แนะนำตัว ซึ่งการที่ตัวมังกรนั้นพูดภาษามนุษย์ขึ้นมาต่อหน้าเขา
ทำให้เค้า ตกอยู่ในความสับสน กับสภาพการณ์ตอนนี้ มังกรเกล็ดมรกตหรืออีสควอเทีย
นั้นเปรยยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรซึ่งนั่นก็ทำให้เขา สงบลงไปบ้าง
“ กาเทีย แห่งตระกูลลาเซริโอ้ บัดนี้ความสงสัยและอดีตของเธอฉันจะเปิดเผยมันให้เอง ”
อีสควอเทียกล่าวเสียงเรียบ ขึ้นมาทันทีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว และรู้สึก
แปลกใจที่นางรู้ชื่อของเขา แต่ความคิดที่จะถามเรื่องไร้สาระเหล่านั้นก็หายไปเมื่อ
คำพูดที่ว่าจะเปิดเผยอดีตทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเองก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร
“ อดีตของตระกูลทั้งสามและการล่มสลายรวมไปถึง คนที่ทำลายตระกูลลาเซริโอ้ และการหายตัวไปของลูกพี่ลูกน้องของเจ้าที่ชื่อ นีน่าน่ะ คำตอบทั้งหมดที่เจ้าต้องการฉันจะเป็นผู้แสดงมันให้เจ้าเห็นเอง..ว่ายังไงล่ะ ”
อีสควอเทียถาม ขึ้นมา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะตอบ
“ ครับช่วยบอกทีเถิด ว่าใครกันที่ทำลายตระกูลของผมและนีน่า เธออยู่ที่ไหน สิ่งที่บรรพบุรษทิ้งไว้ให้น่ะมันคืออะไรกันช่วยตอบผมทีเถอะครับ ”
กาเทียกล่าวขอร้งซึ่งทันทีที่เขากล่าวจบ อีสควอเทียหลับตาลงพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่ไอ
ควันจากน้ำตกจะ ไหลออกมาปกคลุมพวกเขาไว้ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตได้ไหลเข้า
ในหัวของเขา อย่างรุนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปพร้อมกับไอหมอกที่สลายตัวออก
เขาทรุดตัวลงขุกเข่า ก่อนจะเอามือข้างนึงกุมหัวไว้
“ นะนี่คือเรื่องจริงงั้นเหรอ ”
กาเทียถามเพื่อขอคำยืนยัน
“ ถูกต้อง ลูกพี่ลูกน้องที่เจ้าตามหาอยู่น่ะเจ้าก็ได้พบนางแล้วไม่ใช่รึรวมทั้งตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วซินะว่า
ใครทีเป็นคนทำลายตระกูลของเจ้าจนมลายสิ้น ตอนนี้เจ้ารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นรวมไปถึงทุกสิ่งก่อนหน้านั้นแล้วเจ้าจะทำยังไต่อไปล่ะ จะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเหมือนที่แล้วมา หรือว่าจะ… ”
อีสควอเทียกล่าวแต่ก็หยุดไปก่อนจะกล่าวจบประโยคเมื่อเขายกมือขึ้นปรามไว้
“ รอซักครู่นะครับตอนนี้ผมมึนไปหมดแล้วล่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันเร็วมากเลย ”
เขากล่าวโดยที่ยังหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ ราวกับพึ่งจะออกแรงมามาก
ซึ่งอีสควอเทียก็รอให้เขาทำใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ อยู่ดดยปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวโดยตนเองเดินกลับไปที่น้ำตก
ครู่ต่อมากาเทียก็เดินตามมาที่น้ำตกอีสควอเทียนั่งรออยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นเข้าไปยังน้ำตก
ก็หันมายังเขา
“ เลือกได้แล้วหรือยังว่าจะทำอย่างไรต่อไป ”
อีสควอเทีย ถามซึ่งนางเองก็พอจะเดาออกอยู่แล้วว่าเขาจะตอบเช่นไร เพราะนางได้เฝ้ามองเขาผ่านน้ำตก
แห่งนี้มาตลอด
“ ผมอยากจะออกตามหาเธอและพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่ว่าผมคนเดียว
ไม่มีพลังพอที่จะทำยังงั้นได้.. ”
เขากล่าวไม่ทันด้จบอีสควอเทียก็แทรกขึ้นมาทันที
“ มีสิ …พลังของเจ้าน่ะก็อยู่กับตัวของเจ้ามาตลอดอีกอย่างเจ้าก็ไม่ได้สู้ด้วยตัวคนเดียวซักหน่อย
มีไม่ใช่รึเพื่อนที่เฝ้ามองเจ้าอยู่ห่างๆมาตลอด สามปีมานี้น่ะและตอนนี้อีกไม่นานเค้าก็คงจะมาถึงเกาะนี้แล้วล่ะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบ ก็มีเสียงหวีดหวิวราวกับมีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง
จนเกิดเสียงดังระงมไปทั่วและเมื่อทั้งคู่มองขึ้นไปข้างบน ก็มีเงาบางอย่างพุ่งลงก่อนจะหยุด
นิ่งลงตรงหน้าพวกเขาอย่างนิ่มนวล
มันคือนกกริฟฟินขนสีเขียวขนที่ปลายปีกและหางของมันมีสีแตกต่างกันหลากสี
มันมองมาที่กาเทียด้วยสายตา เหงาๆ ตัวเค้าที่ได้เห็นร่างนั้นก็เอามือขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ ไดน่าเบลด…แต่ชั้นปล่อยแกไปแล้วนี่ทำไม ”
เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ กริฟฟินปีกสีรุ้ง(Rainbow Wing Griffin)ที่เจ้าเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กๆ สามปีก่อนเจ้าขี่มันออกตามหาลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอยู่นานแต่ก็ไม่พบสุดท้ายเจ้าตัดสินใจเข้า
กองกำลังต่อต้านและปล่อยมันเป็นอิสระ แต่มันก็ยังคงติดตามเจ้ามาโดยตลอด สายสัมพันธุ์นี้น่ะ
ตัวเจ้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดนะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบก็กระโดดลงมาจากชะง่อนหิน เดินตรงมาหาเขา
“ จากนี้ไปเจ้าช่วยนำเรื่องนี้ไปบอก กับพวกเด็กๆที่อยู่กับลูกพี่ลูกน้องเจ้าหน่อยนะข้าฝากด้วยล่ะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบไอหมอกที่อยู่รอบๆน้ำตกก็โชยมาตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งและสลายพร้อมกับ
ดาบซึ่งเสียบอยู่ในฝักวางอยู่บนพื้น เขาจำได้ว่านั้นเป็นดาบที่เขารู้จัก
“ นี่มันดาบของผมนี่… ”
เขากล่าวก่อนจะหยิบมันชักออกมาดู
“ เจ้าจำเป็นต้องใช้มัน และอีกอย่างหนึ่งข้าฝากพวกเด็กๆเหล่านั้นด้วยนะ ”
อีสควอเทียขอร้องซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
รุ่งเช้าในวันต่อมากาเทียกับไดน่าเบลดกริฟฟินคู่ใจของเขาก็ได้พุ่งทะยานอกไปจากเกาะนี้
มุ่งตรงไปยังทวีปคาดาร่าสู่ด้านเหนือของทวีป ซึ่งเต็มไปด้วยเทือกเขาและป่าหิมะ อันเป็นที่ตั้งของ
กองกำลังต่อต้านที่พวก Lr จะเดินทางไปรับเอาบันทึกกับแจ้งข่าวการรวมพลให้ทราบ
“ หวังว่าการดิ้นรนนี้คงจะไม่สูญเปล่านะ ”
อีสควอเทียขณะที่กำลังมองภาพที่ฉายอยู่บนน้ำตก ภาพที่เด็กสี่คนนอนจมกองเลือดและเศษซากของดราก้นฮอลลี่
แตกกระจายเกลื่อนพื้น ก่อนที่ภาพนั้นจะจางหายไป
“ จากนี้ไปอีกสองวันโชคชะตาจะยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้โดยที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้เลยรึไงนะ ”
อีสควอเทียกล่าวกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจช่วยอะไรลูกศิษย์ตนได้
ภาพอนาคตที่ฉายบนน้ำตกซึ่งปรากฏขึ้นมาตอนนี้คือภาพของ Lr ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับ เหล่าเพื่อนๆของเขา
ด้วยนัยน์ตาที่แข็งกร้าวดุจปีศาจกับปีกสีดำที่สยายออกมาท่ามกลางความมืด
………………
……………………
……………………….
“ หลังจากวันนั้นนิทินโคก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่แข็งกร้าวแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ”
Lr กล่าวด้วยน้ำเสียงหงอยๆทุกคนเงียบไปทันที
ขณะนั้นก็มีกลุ่มคนกลุ่มนึงเดินกระจายเข้ามาล้อมรอบพวเขาอยู่ห่างโดยไม่ให้รู้ตัว
ซึ่งเอิธท์เองก็มีท่าทีแปลกๆไปโดยทุกครั้งที่ไม่มีใครมองเขา จะขยับปีกกับมือเล็กน้อย
ราวกับกำลังสื่อสารกับอะไรบางอย่าง
นอฟฮอฟซึ่งสังเกตเห็ท่าทางแปลกของเอิธท์ก็คอยแอบจับตาดูอยู่โดยไม่ให้รู้ตัว
ขณะที่เหตุการณ์เริ่มไม่น่าไว้วางใจ ก็มีเศษกระดาษปลิวตกลงมาต่อหน้าพวกเขา Lr
เก็บมันขึ้นมาดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งนั่นก็คือใบประกาศจับ
พวกเซโร่กับเรโค่ซึ่งมีรูปกับฉายาของทั้งคู่เขียนเอาไว้
“ นี่มัน ”
พวกเขาแทบจะกล่าวออกมาพร้อมกัน ซึ่งเอิธท์ ที่เห็นว่าทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ที่ประกาศแผ่นนั้น
ก็สะบัดปีกเป็นสัญญาณ ให้ผู้ที่ยืนอยู่บนหลังคาซึ่งเป็นคนปล่อยใบปลิวลงมานั้น
กระทำการบางอย่าง
“ นั่นมันจอมเวทย์ชั่วร้ายที่ประกาศจับอยู่นี่ ”
หญิงชาวเมืองคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมกับเอามือชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
บนนั้น จอมเวทย์เด็กหนุ่มกับเด็กสาวทั้งสองคนกำลังลอยตัวอยู่ก่อนจะโจมตีลงมาด้วยคลื่นพลังงาน
สีดำ ชาวเมืองพากันหลบหนีจนกลลาหลไปหมด พวก Lr ที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก
ขณะนั้นเองลูกแมวป่าที่เป็นนีน่าจำแลงร่าง ก็ถูกฝูงชาวเมืองที่วิ่งหนี ด้วยความแตกตื่นพัดไป
ลูกหมาป่าสีดำเห็นดังนั้นก็รีบกระโจนตามออกไปทันที
“ ลากูน่าน้องไปกับพวกเค้านะพี่จะไปช่วยเธอกลับมาก่อน ”
ลูกหมาป่าสีดำกล่าวทิ้งท้ายไว้ ซึ่งพวก เขาก็เห็นด้วยกับคำสั่งของเจนัส
จึงพากันตามจอมเวทย์ทั้งสองซึ่งบัดนี้ได้ บินหนีไปทางประตูเมือง
ลูกแมวป่าที่พัดไปกับฝูงคน ต้องคอยหลบซ้ายทีขวาทีเพื่อไม่ให้ถูกเหยียบแต่ทว่า
ก็พลาดหกล้มลง ซึ่งเกวียนใส่สิ้นค้า เล่มใหญ่กำลังแล่นมาที่นางลูกหมาป่าสีดำที่ตามมา
เห็นก็กระโจนเข้าไปสุดตัว แต่ก็ไม่อาจไปถึงตัวลูกแมวป่าได้
แต่ก่อนที่เกวียนจะได้ทันทับร่างของลุกแมวป่าก็มีเงานึงโฉบพาลูกแมวป่าหนีขึ้นไป
บนหลังคาของเรือนแห่งหนึ่ง