Summoner Master Forum
November 26, 2024, 09:32:44 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10  All
  Print  
Author Topic: Legend of The Thaliwilya (Complete 33 ตอน) update บทพิเศษ ครอบครัว  (Read 145808 times)
0 Members and 76 Guests are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #180 on: June 08, 2008, 08:27:32 PM »

“ รู้สึกจะเป็นคฤหาสน์ร้างนะ ”
นอฟฮอฟกล่าวซึ่งนั่นทำให้เฟินกอลโล่รู้สึกใจไม่ดี และเริ่มสั่นด้วยความกลัว

“ เราค่อมมาพรุ่งนี้เช้าไม่ได้เหรอ ”
เฟินกอลโล่เอ่ยด้วยความกลัวจับจิต
แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟังต่างยังคงเดินสำรวจไปทั่วห้อง

แอ้ดดดดดดดดดด! ปึง

เสียงประตูคฤหาสน์ปิดลงทุกอย่างในห้องมืดลงทันที
ก่อนที่จะมีแสงไฟส่องสว่างขึ้นมาซึ่งมันเป็นแสงของเทียนจากเชิงเทียนที่วางไว้ทั่วผนังบ้านโดยมันค่อยๆโดน
จุดที่ไล่ลึกเข้าไปในบ้านเรื่อยๆ

พวกเขามองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนักแต่เพื่อไม่อยากให้บรรยากาศมันเลวร้านลงกว่าเดิมพวกเขาจึงไม่
กล่าวอะไรออกมาเพื่อที่จะได้ไม่เสียขวัญกำลังใจ

พวกเขาเดินตรงไปตามแสงเทียนที่ถูกจุดจนเมื่อขึ้นบันไดไปถึงระเบียงที่เป็นทางแยกมันกลับเลี้ยวจุดไฟไปทางซ้าย
เพียงทางเดียวพวกเขาจึงตดสินใจเดินไปตามแสงเทียนที่ถูกจุดไล่ไปเรื่อยๆ เฟินกอลโล่เกาะแขนวิลไว้แน่นด้วยความกลัวเขาสั่นตลอดทางจนวิลรู้สึกรำคาญ

แสงเทียนจุดไล่เร็วขึ้นจนพวกเขาตามไม่ทันแต่แล้วพวกเขาก็หยุดเดินเมื่อแสงเทียนมันไล่วนไปจนสุดระเบียงและเลี้ยว
ไประเบียงอีกด้านวนกลับไปจนถึงบันไดอีกครั้งก่อนที่เทียนของโคมไฟระย้าซึ่งแขวนไว้บนเพดานจะถูกจุด
จนสว่างทั้งห้องด้วยไฟสลัวๆจากแสงเทียน

“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ”
เสียงหัวเราะแหลมดังลั่นขึ้นมาทั่วทั้งห้องพร้อมกับเสียงโหยหวนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุดังระงมไปทั่ว
ประตูห้องทุกบาน ที่อยู่ตามระเบียงเปิดโพล่งออกมาพร้อมกันกับฝูงค้างคาวที่บินว่อนไปทั่วโถง

ตอนนี้จิตของพวกเขาแทบไม่อยู่กัเนื้อกับตัวเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้าพวกเขาแทบอยากจะให้พ้นๆไปจากตรงนี้เสีย
แต่ก็ก้าวขาไม่ออกด้วยความกลัวทำให้พวกเขาหมดแรงที่เดินฝูงค้างคาวที่บินไปมาเริ่มไปรวมกันตรงกลางห้อง


ก่อนจะกระจายตัวออกมาพร้อมกับ การปรากกตัวของลูกไฟที่ลอยอยู่กลางอากาศก่อนที่มันจะกลายเป็นฝักทอง
ติดปีกค้างคาวลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ มันหัวเราะด้วยเสียงอันแหลมตากลวงเป็นรูลึกโบ๋ดวงตาลุกโชนด้วยลูกไฟ

พวกเขาไม่คิดอะไรอีกแล้วได้แต ่พากันวิ่งแตกวงกันจ้าละหวั่นก่อนที่เจ้าหัวฝักทองจะหัวเราะชอบใจ
พร้อมฝูงค้างคาวที่เริ่มบินว่อนไปมาทั่วห้องอย่างเร็วอีกครั้ง
Lr ไลท์ นอฟฮอฟและเอิธท์วิ่ง ไปด้วยกันแต่วิลกับเฟินกอลโล่กลับวิ่งแยกไปอีกทาง

เมื่อพวก Lr วิ่งหนีกันเข้าไปหลบ ในห้องบนระเบียงห้องนึงพร้อมกับปิดประตูเพื่อกันไม่ให้พวกค้างคาวตามเข้ามา พวกเขาต่างหอบด้วยความเหนื่อยล้า จนเมื่อ Lr นับจำนวนคนไม่ครบพวกเขาจึงลุกลีลุกลนกันทันที

“ วิลกับเฟินกอลโล่ไม่อยู่ ”
ไลท์กล่าวย่างร้อนรน

“ สงสัยจะหลงทางกันตอนวิ่งตะกี้น่ะ ”
เอิธท์กล่าวพรางเอามือกุมหัวไป

“ ฮิฮิฮิ.. ”
เสียงหัวเราะแหลมๆดังขึ้นราวกับเสียงหัวเราะของเด็ก ทำให้พวกเขาหยุดกึกไป
ก่อนจะค่อยๆหันไปมองยังต้นเสียง ที่ตรงนั้นมีตุ๊กตาเด็กผู้หญิงผมสีทองที่มัดปลายเป็นรูปวงเหมือนกับเชือก

 กำลังหัวเราะสีหน้าของมันไร้ดูอารมณ์ตาเบิกโผลงไร้แวว  มือข้างนึงถือมีดอีโต้ ซึ่งอาบไปด้วยเลือดกับอีกมือหิ้วหัวตุ๊กตาที่ถูกฟันขาดไว้ด้านหลังตุ๊กตาตัวนี้ยังมีบางอย่างเรืองแสงท่ามกลางความมืดภายในห้องดูคล้ยกับวิญญาณ และภายในห้องนี้ยังเต็มไปด้วยตุ๊กตาน่ากลัวๆมากมาย


จู่ๆก็มีตุ๊กตารูปร่างประหลาดตกลงมาจากชั้นวางของตัวมันเต็มไปด้วยเข็มหมุดและน็อตมากมายถูกฝังไว้จนเละ
ดูไม่ออกว่าเคยเป็นตุ๊กตา หลังจากที่มันตกลงมาก็มีเงาร่างเล็กๆโดดตามลงมาที่ตุ๊กตา

ตัวนั้นมันหันมายิ้มเยาะพวกเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ขณะที่เท้าของพวกก็มีพวกตุ๊กตาหมีซึ่งมีรอยเย็บปะ ไปทั่วตัว จำนวนนึงคลานเข้ามาจับขาพวกเขาเอาไว้ โดยมีตุ๊กตาหมีสีดำแววตาเจ้าเล่ห์คอยบงการอยู่ใกล้ๆกับตุ๊กตาเด็กหญิง

พวกเขาแทบจะคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ได้แต่ตัวสั่นพั่บๆเป็นลูกนก อยู่ตรงนั้นขณะที่ตุ๊กตาเด็กหญิงเอามีดสับฉับลงไปเอ็นอะไรซักอย่างที่สะท้อนกับแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาในห้องจึงพอจะเห็นได้ลางๆ ทันทีที่เอ็นถูกตัดขาด


เลือดสีแดงสดก็หกลงมาอาบร่างพวกเขาทันทีดดยมันมีกลิ่นคาวแปลกๆปนมาด้วย แต่พวกเขาเองก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้แล้ว

เพราะทันทีที่พวกมันเดินใกล็เข้ามาอีกพวกเขาก็สลัดเอาตุ๊กตาหมีออกจากขาพร้มกับเปิดประตูห้อง ซึ่งข้างนอกเต็มไปด้วยค้างคาวซึ่งมีกลิ่นคาวแปลกๆโชยมา ทำให้นอฟฮอฟเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ทันได้คิเพราะ Lr ก็เธอไปจากห้องฝ่าฝูงค้างคาวประหลาดที่มีลำตวยาว และมีกลิ่นคาวแปลกๆโชยออกมา

ไลท์กับเอิธท์เองก็ไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวตามไปทันที
ระหว่างทางไลท์กับเอิธท์ก็ถูกอะไรบางอย่างพุ่งโฉบตัวไป

“ กี… ”(อ..)
เสียงตะโกนของ พวกเขาทั้งสองส่งไปไม่ถึงแม้แต่จะให้ดราก้อนฮอลลี่แปลพวกเขาก็หายไปกับความมืดแล้ว
ขณะที่ Lr กับนอฟอฟพากนวิ่งหน้าตั้งโดยไม่เหลียวไปมอง

จนเมื่อพวกเขาวิ่งเข้าไปยังห้องอีกห้อง ใกล้กับบันไดและปิดประตูเพื่อกันค้างคาวทันที
แต่ก็มีหลุดเข้ามาฝูงนึง พวกมันบินพุ่งชนใส่พวกเขาเป็นพัลวัน จนต้องเอามือปัดป้อง

นอฟฮอฟที่รู้สึกสงสัยต้องแต่เมื่อครู่ นี้เริ่มไม่สบอารมณ์กับเจ้าฝูงค้างคาวและเรื่องสยองเหล่านี้อีกแล้ว
จึงพุ่งตัวออกไปจากฝูงค้างคาว

“ หมอบลง ลอว์เรนซ์ ”
เธอสั่ง ซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดีทันทีที่เขาหมอบลง เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ Drak Flame ”(เพลิงดำ)
สิ้นเสียงเปลวอัคคีสีดำสนิทก็พุ่งออก จากปากเธอเข้าเผาผลาญฝูงค้างคาวจนร่วงหล่นลงมา
โดยมีตัวนึงทีถูกเผาไปแค่ปีกเท่านั้น มันยังดิ้นกระเดือกอยู่ซักพักก่อนจะแน่นิ่งไป

Lr ที่หายจากอาการผวาแล้วก็เพิ่งรุ้ตวว่าเพื่อนหายไปอีกสองตัว

“ ไลท์กับเอิธท์ไม่อยู่หรือว่าหลงไปอีกแล้ว ..โธ่ ”
Lr กล่าวด้วยความสลด ขณะที่นอฟฮอฟเอานิ้วป้ายเลือดที่อาบ
ตัวอยู่ขึ้นมาชิมและเดินเข้าไปดูค้าวคาวที่ถูกเผาไปเพียงแค่ปีก เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมา
เธอก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มใช้ความคิดพินิจพิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

และเมื่อเธอปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้แล้วจึงเดินเข้าไปหา Lr ที่ยังคงสลดอยู่

“ นี่ ลอว์เรนซ์ ”
เธอทักเขา ทำให้เขาหันมามองด้วยความสงสัย

“ มีอะไรเหรอนอฟฮอฟ ”
Lr ถามด้วยความฉงน แต่เธอก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะกระซิบที่ข้างๆหูเขาทำให้เขาตาเบิกโผลงด้วยความแปลกใจ

“ จ…จริงเหรอ ”
เขาถามเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้งซึ่งเธอก็พยักหน้าเป็นสัญญาณรับว่าใช่
…………
………………
………………..

ภายในห้องมืดสลัวๆแห่งหนึ่ง ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ภายในห้องมีเพียงตู้ใบใหญ่ตู้นึงกับ โต็ะเก้าอี้และเตียงหนึ่ง หลังวางอยู่สำหรับให้ผู้อาศัยอยู่เพียงลำพัง บนเตียงนั้น มีหญิงสาววัยแรกรุ่นนั่งอยู่ข้างๆกับครึ่งสมิงเด็กชาย
หางสีขาวยาวเป็นพวงไขว้อยู่

“ อึก…. ”
เด็กชายรู้สึกอึดอัดอยู่เต็มหน้าอก และตัวเริ่มสั่น หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงเอามือลูบที่หน้าผากด้วยความเป็นห่วง

“ มันจะออกมาอีกแล้วเหรอ ”
นางถามด้วยความลนลาน


“ ม..ไม่ใช่ครับรู้สึกว่าวันนี้จะ… ”
เด็กชายกล่าวขณะที่ลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดผ้าม่านที่หน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาภายในทำให้พอจะเห็นร่างของพวกเขาทั้งสองได้รางๆซึ่งก้คือริคุกับกรีแวร์นั่นเอง


“ จริงๆด้วย…อัก ”
ริคุมองพระจันทร์ที่เป็นสีเลือดแล้วกล่าวออกมาเช่นนั้น ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น
เามือกุมหน้าอกด้วยความอึดอัดเหงื่ออาบไหลโทรมกายโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ วันนี้ครบรอบวันนั้นแล้วเหรอเนี่ย ”
คำพูดของริคุทำให้นางรุ้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงรีบเข้าไปปิดม่านแล้วพยุงตัวเขากลับไปที่เตียง


“ อ..ออกไปก่อนเถอะครับถายังไม่ถึงรุ่งสางผมอาจจะร้ายคุณได้… ”
ริคุกล่าวอย่างยากลำบากเพราะความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่ทราบสาเหตุราวกับพลังบางอย่างในตัวเขากำลังจะพุ่งพล่านออกมา

“ ไม่นะเธอต้องทนให้ได้เรายังคุยกันไม่จบเลยถ้ารอถึงรุ่งสาง
เธอก็จะกลับไปเป็นอีกคนนะแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมาเป็นคนเดิมอีก ”
นางด้วยดึงดันไม่ยอมที่จะออกไป ริคุที่เริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วจึงผลักนางออกไปและร่ายเวทย์เปิดโพลงมิติก่อนจะพุ่งเข้าไปในนั้น นางรีบยันตัวขึ้นมาพร้อมกับจะกระโจนเข้าไปในมิตินั้นด้วย แต่ก็สายเกินไปโพลงมิติได้หายไปแล้ว

…………………….
…………………………..
………………………………



ที่คฤหาสน์เก่าบัดนี้เสียงความวุ่นวายได้สงบลงไปแล้ว Lr กับนอฟฮอฟที่หลบอยู่หลังประตูห้องจึงค่อยเปิดประตูออกและ เดินตรงไปยังบันได พลันก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีกครั้งนั่นคือเทียนค่อยๆถูกจุดวนไล่ขึ้นมา
ครั้งนี้พวกเขาทั้งสองไม่มีอาการตกใจกลัวหรือหวาดผวาแต่อย่างใดอีกแล้ว

พวกเขาทั้งสองรอจนไฟจุดติดครบทุกดวงจนเหลือเพียงโคมไฟระย้าที่ยังไม่ได้ถูก
จุดและทันทีที่มันเริ่มติดไฟนอฟฮอฟก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไป

“ Dark Flame ”(เพลิงดำ)
สิ้นเสียงเปลวอัคคีสีดำก็พุ่งเข้าเผาผลาญเชิงเทียนจนลุกไหม้ร่วงลงมายังพื้นเบื้องล่างและลุกโหมอย่างหนัก


“ แว้ก ไฟไหม้ ไฟไหม้ ”
เจ้าหัวฝักทองบินได้โผล่หัวลงจากจุดที่โคมไฟระย้า ตกลงมาพร้อมกับบินว่อนด้วยความลนลาน
ทันทีกับที่ประตูห้องที่มีพวกตุ๊กตา น่ากลัวเหล่านั้นเปิดออกพร้อมกับ ร่างเงาสีดำ ตุ๊กตาเด็กหญิงและตุ๊กตาหมีสีดำ
พุ่งออกมาพร้อมถือเอาถังซึ่งใส่น้ำสีแดงคล้ายเลือดสาดลงไปในกองเพลิงจนดับสนิท

ทั่วทั้งห้องจึงกลับสู่ความมืดอีกครั้ง ก่อนที่อยู่ก็สว่างขึ้นมาทั้งห้อง ด้วยแสงไฟจำนวนมากที่ล่องลอยอยู่
กลางอากาศพร้อมกับฝูงค้าวคาวที่พุ่งมาหาพวกเขาแต่นอฟฮอฟก็พ่นไฟเผาพวกมันจนหมด

พวกตุ๊กตาที่พุ่งเข้าทำร้ายพวกเขาก็ถูก Lr ใช้แชลงเหล็กที่วางอยู่ข้างทางฟาดจนร่วงกราวด้วยวิชาดาบที่เรียนมา
และเมื่อพวกเขาสังเกตดีๆจึงรู้ว่าพวกค้าวคาวนั้นไม่ใช่ค้างคาวหากแต่เป็นปลาซาร์ดีนติดปีกค้าวคาวจึงบินได้กลางอากาศ และน้ำเลือดพวกนั้นเมื่อต้องกับแสงที่เจิดจ้าจากดวงไฟที่ส่องให้ความสว่างไปทั่วห้อง มันก็มีสีแดงข้นๆ


เมื่อพิจารณาจากสีและกลิ่น มันเป็นเพียงซอสมะเขือเทศที่พวกเขารู้จักในมิติมังกรดีๆนี่เอง

ทั่วทั้งห้องกลับสู่ความมืดอีกครั้งเมื่อแสงไฟที่ล่องลอยอยู่จางหายไป

“ เอาล่ะเลิกเล่นซ่อนหากันได้แล้ว ”
นอฟฮอฟกล่าวด้วยความฉุนก่อนจะพ่นเปลวเพลิงดำเผาเพดานบ้านจนเป็นรูโหว่ ทำให้แสงจันทร์สาดเข้ามาในตัวบ้านจนเห็นชัดแทบทั้งหมด

ฝูงปลาซาร์ดีนบินได้เริ่มพุ่งออกมาจากประตูห้องอีกครั้งก่อนมันจะรวมตัวกันและ
แยกย้ายกันไปพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้มาเยือนคนใหม่ ร่างนั้นสวมผ้าคลุมสีดำสนิทปลายเป็นหยักราวปีกค้าวคาว

ขนาดร่างเตี้ยป้อมราวกับก้อนอะไรบางอย่างลอยเคว้งอยู่กลางอากาศก่อน

ที่ร่างนั้นจะสบัดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นร่างของอ้วนป้อมจนแทบจะกลม ตั้งแต่ช่วงท้องลงไปลำตัวเป็นสีขาวมีตีนพังพืด มี จงอย ปากเหมือนนก

แขนสั้นด้วนราวกับปีกเล็กๆ ด้านหลังมีปีกค้าวคาวขนาดเล็กยื่นออกมา ตาเรืองแสงไร้แวว ราวกับผีดิบแต่ด้วย
รูปร่างกับความไม่สมประกอบแทนที่ พวกเขาจะหวาดกลัวกลับหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง

“ ก็ากก ฮ่าฮ่าฮ่า…ตัวอะไรเนี่ยนายเป็นนกหรือหมูกันแน่…ฮิฮิฮิ…ฮ่าฮ่าฮ่า ”
Lr หัวเราะด้วยขบขันกับรูปร่างของผู้มา เยือนเช่นกันนอฟฮอฟเองยังอดที่จะหัวเราะไม่ได้จนหงายหลังท้องแข็ง

“ ฮะฮะฮะ.. นั่นสิ..นั่นสินกก็ไม่ใช่หมูก็ไม่เชิงค้าวคาวยิ่งแล้วใหญ่…ก็ากกกฮ่าฮ่า ”
นอฟฮอฟกล่าวอย่างขบขันไม่แพ้ Lr เช่นกัน ทำเอาผู้มาเยือนหงุดหงิดกับท่าทีของพวกเขา เจ้าหัวฝักทองบินด้รีบพุ่งตรงเข้าไปขวางรหว่างผู้มาเยือน ด้วยทีท่าโกรธเกรี้ยว แต่ดูจะน่ารักซะมากกว่าน่ากลัวเมื่อเห็นหัวของมันอย่างชัดเจน ภายใต้แสงจันทร์

“ เสียมารยาท นี่คือท่านเคาท์แวมไพร์เพนกวิน ผู้สูงศักดิ์นะยะท่านเป็นนกเพนกวินย่ะรู้จักไหมน่ะหานกเพนกวินน่ะ ”
เจ้าหัวฝักทองวีนแตกด้วยความ ฉุนเฉียวอย่างที่สุดเมื่อเจ้านายของตนโดนดูถูกเหยียดหยาม
แต่ผู้มาเยือนก็ไม่ได้ถือสาอะไรก่อนจะค่อยลดตัวลงมาจากด้านบนลงสู่ระเบียงใกล้กับพวกเขา



พร้อมกับเจ้าหัวฝักทองและวิญญาณสีขาวที่สิงอยู่ในตุ๊กตาเด็กหญิงกับร่างเงาดำที่ผลักต๊กตาในห้องและ
ตุ๊กตาหมีสีดำกระโดดเข้ามาต้อนรับ

“ อย่าโมโหไปนักเลย แจ็ค(Jack)ยังไงพวกเราก็๔ุกมองว่าเป็นตัวตลกมาตลอดอยู่แล้วช่างเขาอีกอย่าพวก
เขายังคงไม่รู้ถึงพลังของเราจะไม่กลัวก็ไม่แปลก ”

เคาท์เพนกวินกล่าวเน้นเสียงอย่างมีเลศนัยในตอนท้าย ทำให้พวก Lr รู้สึกถึงอันตรายเพราะเพื่อนๆของเขาที่หายตัวไปอาจจะตกอยู่ในมือของพวกมัน
จึงรีบตั้งท่าเตรียมสู้ทันที

“ ระวังด้วยนะนอฟฮอฟ ถ้าขนาดพวกเจนัสเอง ยังเสร็จมันแสดงว่าศัตรูตัวนี้ต้องร้ายกาจกว่าภายนอกเป็นแน่ ”
Lr กล่าวเตือนซึ่งนอฟฮอฟเองก็พยักหน้ารับประสาทรับรู้ของ ทั้งสองเริ่มตื่นตัวไปหมดสถานการณ์ตึวเครียดขึ้นทันที

“ เอาล่ะจัดการเลย ฆาตรกรตุ๊กตา(Murderous doll) มือสังหารตุ๊กตา
(Assassin doll) ตุ๊กตาหมีจอมเพี้ยน(Crazy Teddy Bear)  ”







ทันทีที่เคาท์เพนกวินสั่ง เหล่าตุ๊กตาก็พากันพุ่งเข้าทำร้ายแต่ก็ถูก Lr ปัดกระเด็กด้วยแชลงส่วนวิญญาณตุ๊กตาเด็ก
ก็ถูกไฟของนอฟฮอฟเผาจนสิ้นฤทธิ

“ หนอยงั้นต้องให้เจอกับพลงของพวกเราพร้อมนะแจ็ค ”
เคาท์เพนกวินกล่าวด้วยวามฉุนที่ลูกน้องของตนแพ้หมดท่า

“ ค่ะนายท่าน ”
หัวฝักทองชื่อแจ็ค รีบเข้าไปร่วมกับเคาท์เพนกวินทันที ทั้งคู่ตั้งสมาธิแน่วแน่เพื่อที่จะปล่อยพลัง
จิตสังหารที่แผ่ออกมาทำเอาพวกเขาทั้งสองระวังตัวเป็นพิเศษ

“ ท่าพิฆาต ”
เคาท์เพนกวินกล่าวขึ้นพร้อมกับแจ็คก่อนที่จะตั้งท่าปล่อยพลัง

“ ซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ (Sardines In Tomato Sauce) ”(ให้ลุ้นตั้งนานนึกว่าเก่งดันใช้ท่าพรรค์นี้ฮ่วย!)
สิ้นคำฝูงปลาซาร์ดีนและคลื่นซอสมะเขือเทศก็พุ่งออกมา ทำเอาทั้งสองเซถากับความประหลาดของคู่หูคู่ฮาคู่นี้

“ นี่มันอะไรเนี่ย ”
Lr บ่นอย่างหัวเสียขณะที่หลบการโจมตีของศัตรูอย่างง่ายดาย

“ ถ้ามีแต่ปาหี่หลอก เด็กอย่างนี้ล่ะก็รู้งี้ไม่อยู่ท่าทีหรอกเก็บมันเลยละกัน ”
นอฟฮอฟบ่นอย่างหัวเสียพร้อมกับพ่นไฟใส่ แต่เคาท์เพนกวินหลบทว่า

ปลายผ้าคลุมดันไปโดนสะเก็ดจนลุกไหม้ทำให้ดิ้นผล่านด้วยความร้อน
จนแจ็คต้องเอาซอสมะเขือเทศถังใหญ่มาสาดดับไฟ เคาท์เพนกวินถึงสงบลงได้

“ ย…ยอมแล้ว ”
เคาท์เพนกวินกล่าวด้วยความสลด

“ ตกลงนี่พวกนายเก่งหรือไม่เก่งกันแน่เนี่ย ”
Lr คิด ก่อนจะถอนหายจด้วยความโล่งอก

“ นี่ว่าแต่พวกนายทำแบบนี้ทำไม ”
Lr ถามซึ่งหลังจากเคาท์เพนกวินยนร่างอ้วนป้อมของตน ขึ้นมาได้ก็สารภาพออกมาหมด

“ ที่เราทำอย่างนี้ก็เพราะว่าตลอดมาน่ะพวกเราเป็นพวกที่อ่อนแอ
ไม่มีใครหวาดกลัวเลยก็เลยต้องย้ายมาอยู่กลางป่ากลางเขา แต่ก็ยังไม่วายมีพวกอยากลองของเข้ากวนได้ทุกวัน ถึงต้องหลอกให้กลัวกันไง ”

เคาท์เพนกวินกล่าว ซึ่งนั่นก็เริ่มทำให้พวกเขาเห็นใจเคาท์เพนกวินขึ้นมาบ้าง
แต่ก็ฉุกคิดเรื่องของเพื่อนขึ้นมาได้

“ ว่าแต่เอาตัวเพื่อพวกเราไปไว้ไหนล่ะ ”
Lr รีบถามด้วยความลนลานทันที

“ เอ๋ เพื่อนๆเธอเหรอ ไม่นี่เราแค่หลอกให้พวกเธอกลัวเฉยไม่ได้จับตัวเอาไว้ซะหน่อย ”
แจ็คหัวฝักทองกล่าวด้วยความฉงน ซึ่งนั่นทำเอาพวกเขาเริ่มใจคอไม่ดี


“ แล้วงั้นพวกเจนัสกับทุกคนหายไปไหนล่ะ… ”
Lr คิดด้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยุดกึกไปเมื่อเสียงหอนที่ ได้ยินก่อนจะเข้ามาในคฤหาสน์ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้มันดังมากราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อมเสียงหายใจดงฝืดฝาด จนรู้สึกได้ เมื่อพวกเขาหันไปข้างหลัง

ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้พวกเขาช็อคไปเลย

“ เจ…นัส ”
เขาเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านี้เพราะภาพตรงหน้าคือร่างของสมิงหมาป่าสีดำ
และสมิงหมาป่าสีเงินกับสมิงแมวป่าซึ่งพวกเขาก็คือเจนัส ลากูน่า และนีน่า ในร่างจำแลงสมิงนั่นเอง แต่ทว่าท่าทีของพวกเขาแตกต่างไปจากทุกทีแววตาแดงก่ำราวปีศาจจิตสังหารแผ่กร้าวไปทั่ว

บัดนี้พวกเขาแทบไม่ต่างไปจากอสูรกระหายเลือดเลยและที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ
 ที่สมิงสีเงินและสมิงแมวป่าหิ้วอยู่คือร่างของ ไลท์และเอิธท์
 ที่หมดสติอยู่

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ”
Lr คิด ด้วยความสับสนกับสถานการณ์ ในตอนนี้


โปรดติดตามตอนต่อไป

ในตอนหน้า

“ เมื่อจันทราแดงฉานเป็นสีเลือดวันนั้นพลังแห่งเผ่าพันธุ์สมิงจะ
เดือดพล่านพวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นอสูรที่กระหายการต่อสู้เท่านั้นจนกว่าจะรุ่งสาง ”

“ แล้วเธอล่ะทำไมถึงต้องปกปิดมาตลอด ”

“ อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลย ”

“ อย่าพึ่งสิ้นหวังสิเธอพูดเองไม่ใช่เหรอ ”

“ แม้ไร้ตัวตนแต่ก็ไม่ไร้อิสระ แม้หวาดกลัวก็จะไม่สิ้นหวัง เพราะเราคือสายลมที่พัดพาความหวังนามของเราคือ…. ”

“ เหล่าผู้ลุ่มหลงในความกลัวเอ๋ย จงชะโงกดูเงาสะท้อนใน นที แล้วประจักษ์ความเป็นตนแก่สายตา ….. ”

“ ริคุนี่นาย ”
“ ถ้าเจอกันครั้งหน้าชั้นจะไม่ใช่ชั้นอีกต่อไปเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ ”
ความรู้สึกที่ปกปิดมาตลอดหัวใจที่สิ้นหวังการพบกันอีกครั้งและพลังที่ตื่นขึ้น
สุดท้ายแล้วพวกเขาจะเดินไปในทางใดติดตามได้ใน

  ตอนหน้า บทที่ 22  สายลมคือความหวังสายน้ำคือความสัตย์


เป็นไงอึ้งกิมกี่เลยสิครับ ใครจะไปนึกว่าเป็นตัวเมียเหอขนาดอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ยังไม่รู้เลย 555+

ส่วนริคุนี่คงต้องดูกันต่อไปว่าแต่บทนี้จะกลัวหรือจะฮาดีเนี่ย

ส่วนคุณ RedHarring (อีฟจังละกันถนัดชื่อเก่า)อ่านถึงบทไหนแล้วคร้าบ อย่าหักโหมมากนะครับค่อยๆอ่านไปก็ได้ไม่ต้องรีบนะครับ

เจอกันบทหน้าบายครับ
« Last Edit: June 22, 2008, 08:08:41 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #181 on: June 08, 2008, 09:27:58 PM »

อึ้งเรื่องคืนพระจันทร์แดงฉานมากกว่า  พวกริคุเป็นซะอย่างนั้น  ลอเรนซ์ก็ซวยไปเลย  จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย
ส่วนเซโร่น่ะเอามาจากเรื่อง mamotte lollipop ใช่ม้า       555+
ว่าแต่ท่านผู้นั้นจะจับลอเรนซ์ไปทำไม
« Last Edit: June 08, 2008, 09:54:49 PM by boy » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #182 on: June 08, 2008, 10:12:49 PM »

Quote
ส่วนเซโร่น่ะเอามาจากเรื่อง mamotte lollipop ใช่ม้า       555+



ถุ....ถุ...ถุ..ถูกต้องนะคร้าบ ที่จริงตัวอื่นๆก็ด้วย ไม่ว่าจะ เจนัส ลากูน่า เรโค ่เซโร ่นีน่า Lr หรือแม้แต่Riku
ก็ล้วนแล้วแต่เอามาจากอนิเมะทั้งนั้น ครับแต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยรู้หรอกว่าเรื่องอะไรเพราะกด Google เข้าไปดู
ที่จำได้ก็มี Lr มาจาก เรื่อง Erementar Gerad เรโค่  มาจาก Rozen Maiden  ส่วนเซโร่นี่จนปัญญาจริงๆเลยหาไปๆมาๆ

ก็ถึงถึงเรื่องนี้เลย เพราะไหนๆก็มีนีน่าแล้วเซโร่แล้วงั้นเซโร่เอาจาก Mamotte Lolipop เลยละกัน ไม่แน่ต่อไปอาจจะมี
อิจิอิมาอีกคนก็ได้นะครับเอหรือว่าอาจมีฟอเต้ซัน ยาคุโม่ คิระ L ลุค บลาาาาา ขืนทำอย่างนั้น
เรื่องนี้มั่วแน่คงไม่มีมากกว่านี้แล้วล่ะครับ ว่าแต่ดูด้วยเหรอเนี่ยนึกว่าคนดูน้อยแล้วนาเรื่อง mamotte lolipop เนี่ย
ชอบมากเลย เสียดายอนิเมะ 13 ตอนจบไม่มีภาคต่อฮือๆๆ
« Last Edit: June 08, 2008, 10:14:29 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #183 on: June 09, 2008, 01:25:57 AM »

ว่าแต่ไม่มีใครสงสัยเรื่องกาเทียเลยรึ เคยปรากฏไปในตอนพเศษปะทะเอเลี่ยนอ่ะ
แล้วไหงกลายเป็นอึ้งกับจันทราสีแดงล่ะคร้าบ แค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติเท่านั้นเองบังเอิญมันดันไปข้องเกี่ยวกับความเป็นครึ่งสมิง
เหมือนมนุษย์หมาป่าอะไรเงี้ย

ส่วนทำไมท่านผู้นั้นถึงต้องจับตัว Lr อาจเป็นเพราะคำพูดที่บอกว่าเป็นรัชทายาทแห่งซาราเบลดก็ได้เอรู้สึกกาเทีย
จะนามสกุลไรน้าลองเอาไปทบทวนกันดูอาจจะเดาตอนต่อไปได้นะครับอิอิ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #184 on: June 09, 2008, 11:10:43 PM »

วันอาทิตย์ 4 โมงกว่าใช่มั้ยครับ      ตั้งตารอแน่นอนครับ
แต่อะไรเหรอครับ กาเทีย  ส่วน  lr น่ะดูง่ายอยู่แล้ว
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #185 on: June 10, 2008, 12:16:38 AM »

กาเทียก็ชื่อของพนักงานที่เคยช่วยเรื่องการลงแข่งขันให้เจนัสไงครับโผล่มาหลายบทแล้ว
แถมยังเคยโผล่มาตอนพิเศษที่ปะทะเอเลี่ยนด้วยแต่
อย่างว่านะมันมีบทแค่มาส่งทิโมธีเอาปืนเลเซอร์มายิงเอเลี่ยนนี่เนอะคงไม่มีใครจำได้
งั้นขอแจ้งให้ทราบไว้ณที่นี้เลยแล้วกันครับ หากยังจำไม่ได้เปิดไปหน้า 5 แล้ว กด Ctrl + F พิมพ์ กาเทียลงไปครับ  (ไม่น่าเชื่อไม่มีใครจำได้ T_T)

ส่วนวันเวลาในการอัพนั้นผมจะคงเวลาไว้ตลอดเดิมนะครับช่วงประมาณซัก 4โมง หน่อยๆก็คลิกเข้ามาดูได้เลยครับ
« Last Edit: June 10, 2008, 03:12:22 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #186 on: June 13, 2008, 02:20:23 AM »

หากว่าวันนี้ท่านใดกำลังอ่านนิยายของผมแล้วรูปบางรูปไม่ขึ้นต้องขออภัยด้วยนะครับเพราะเว็บ
ที่ฝากรูปไว้มันล่ม เดี๋ยวผมจะแก้ไขให้เสร็จโดยเร็วน่าจะสักสองสามวันแต่จะพยายามเพราะต้องไล่ดู13หน้าเลย T_T
โดยเฉพาะคุณอีฟที่กำลังไล่ดูอยู่ขอให้ทนรอซํกนิดนะครับถ้าภาพไม่ขึ้นผมเองก็เซ็งเหมือนกัน
T_T 13หน้าเหอๆเลขไม่สวยเลย ซวยจริงๆ :'(

ขณะนี้การแก้ไขภาพได้เสร็จสมบรูณทั้งหมดแล้วครับอ้อผมเปลี่ยนกระทู้หน้าแรกนิดหน่อยนะครับ
ใส่สารบัญบทและเพิ่มองค์นิยายลงไปในกระทู้แรกครับ
« Last Edit: June 13, 2008, 02:47:54 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #187 on: June 14, 2008, 09:58:00 AM »

รู้สึกว่ากระทู้ได้รับการพัฒนา         แล้วก็เพิ่มรูปกับ signature ซะด้วย  
แต่ว่า  ทำไมรูปเซโร่ถึงหายไปอ่ะ 
« Last Edit: June 14, 2008, 10:29:46 AM by boy » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #188 on: June 14, 2008, 03:44:37 PM »

เอ้ออันที่จริงผู้ช่วยผม การูรูม่อน(มีจริงๆนะแต่เป็นใครเดี๋ยวเฉลยให้ตอนหลัง)
มันเข้ามาอัพเดทข้อมูลส่วนตัวให้ฉลองการกลับมาของนิยายน่ะครับเหอๆ เจ้าผู้ช่วยคนนี้นี่
เวลามันกวนก็กวนจริงๆแต่บางเวลามันก็ทำประโยชน์ให้ได้เหมือนกันเนาะ

สงสัยต้องไปขอบคุณมันซะหน่อย เพราะก่อนจะกลับมาแต่งก็ได้มันคอยช่วยดูกระทู้ให้นี่ล่ะ
ว่าตกไปถึงไหนแล้ว ไม่งั้นคงคืนชีพกลับมาไม่ได้แน่ๆเยย T_T
ส่วนรูปของเซโร่แก้ให้แล้วนะครับพอดีลืมนึกถึงไปตัวนึงเพราะ มันดันไม่ค่อยมีบท

ส่วนตอนนี้ขอลาไปเขียนก่อนนะครับเจอกันวันพรุ่งนี้บทที่22 นะครับว่าแต่ชื่อบทมันทะแม่งๆนา
ก่อนหน้านี้ก็มีคล้ายๆกันมาแล้วนิ อะไรน้า บทที่2 กับบทที่12อ่ะ
รอลุ้นละกันครับอุหุหุหุห
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #189 on: June 14, 2008, 09:26:02 PM »

Quote
ส่วนเซโร่น่ะเอามาจากเรื่อง mamotte lollipop ใช่ม้า       555+



ถุ....ถุ...ถุ..ถูกต้องนะคร้าบ ที่จริงตัวอื่นๆก็ด้วย ไม่ว่าจะ เจนัส ลากูน่า เรโค ่เซโร ่นีน่า Lr หรือแม้แต่Riku
ก็ล้วนแล้วแต่เอามาจากอนิเมะทั้งนั้น ครับแต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยรู้หรอกว่าเรื่องอะไรเพราะกด Google เข้าไปดู
ที่จำได้ก็มี Lr มาจาก เรื่อง Erementar Gerad เรโค่  มาจาก Rozen Maiden  ส่วนเซโร่นี่จนปัญญาจริงๆเลยหาไปๆมาๆ

ก็ถึงถึงเรื่องนี้เลย เพราะไหนๆก็มีนีน่าแล้วเซโร่แล้วงั้นเซโร่เอาจาก Mamotte Lolipop เลยละกัน ไม่แน่ต่อไปอาจจะมี
อิจิอิมาอีกคนก็ได้นะครับเอหรือว่าอาจมีฟอเต้ซัน ยาคุโม่ คิระ L ลุค บลาาาาา ขืนทำอย่างนั้น
เรื่องนี้มั่วแน่คงไม่มีมากกว่านี้แล้วล่ะครับ ว่าแต่ดูด้วยเหรอเนี่ยนึกว่าคนดูน้อยแล้วนาเรื่อง mamotte lolipop เนี่ย
ชอบมากเลย เสียดายอนิเมะ 13 ตอนจบไม่มีภาคต่อฮือๆๆ

ขอแสดงความยินดีด้วยคร้าบ   เรื่อง mamotte lollipop กลับมาฉายที่ ubc - true spark อีกครั้ง ณ วันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 17.00 น. ส่วนจันทร์-ศุกร์ก็ www.truevisionstv.com คร้าบ (ไม่ค่อยแน่ใจเวลา 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #190 on: June 14, 2008, 09:51:02 PM »

รอบซ้ำหรือครับ โอว้จอจร์ว่าแต่รู้สึกคุณครูจอมเวทย์เนกิมะภาคสองก็มานิ มาแทนบาคุกันวันนี้อวสานT_T
Drago ตัวน้อยๆจะไปแว้ว รู้สึกเหมือนเสียมังกรไปตัว
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #191 on: June 15, 2008, 12:10:54 AM »

พรุ่งนี้อัพแล้วใช่มะ   
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #192 on: June 15, 2008, 05:55:57 PM »

บทที่ 22  สายลมคือความหวังสายน้ำคือความสัตย์

ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน อัศวินมังกรแท้ในเมอริเซีย คนแรกได้ถือกำเนิดขึ้น มีตำนานมากมายกล่าวขานถึงวีรกรรมของเขามาชั่วลูกชั่วหลาน ก่อนจะถูกลืมเลือนและจางหายไปในหน้าประวัติศาสตร์
หากแต่ทว่าบัดนี้ หน้าประวัติศาสตร์ใหม่กำลังจะเปิดม่านขึ้น เมื่อตระกูลทั้งสามตื่นขึ้น
……..

ลงชื่อ แวร์เลี่ยน เวสเล่ (Werrian Wesley)


………….
………………..
……………….


ราตรีนี้ท้องฟ้าเปิดโล่งเต็มที่ ดวงจันทราแดงก่ำราวกับเลือด นี่คือพลังแห่งธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดจากมนตราใดๆ
ซึ่งหากในคืนนี้พวก Lr ได้ชื่นชมกับปรากฏการณ์แห่งธรรมชาตินี้ อย่างเต็มอิ่มมันคง เป็นช่วงเวลาที่ดีๆซักครั้งในชีวิตที่มีแต่อุปสรรค หากแต่สวรรค์ก็ยัง ไม่อาจปล่อยพวกเขาให้พบกับความสุขได้
บางครั้งโชคชะตาก็โหดร้ายเสียนี่กระไร

เหล่าครึ่งสมิงที่ได้รัอิทธิพลจากปรากฏการณ์นี้จะกลายเป็นอสูรที่กระหายแต่การต่อสู้ ทำให้พวกเขามีชะตาต้องมาสู้กันเองอีกครา

ภายในคฤหาสน์ร้างกลางป่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มของเรื่องในครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนพ้องที่กลายเป็นอสูร
อย่างไม่อาจเลี่ยงได้

“ นี่มันอะไรกัน ”
Lr กล่าวด้วยความสันสนและกระวนกระวายใจ ซึ่งแม้แต่ เคาท์เพนกวิน เองก็ยังขยาดกับ
สิ่งที่อยูตรงหน้า

“ ลอว์เรนซ์ ดูถ้าจะไม่ดีแล้วนะ ท่าทางของพวกเค้ามันแปลกๆยังไงๆอยู่นะ ”
นอฟฮอฟ กล่าวอย่างหวั่นๆ ขณะที่พวกเจนัสในร่างจำแลงสมิง ยังคงยืนดูทีท่าอยู่
โดยที่นีน่ากับลากูน่า โยนตัวไลท์กับเอิทธ์ ใส่พวกเขา ซึ่งทำเอา Lr รับตัวพวกเขาไม่ทัน ทั้งหมดเข้าปะทะกันทันที โดยที่พวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย

เจนัสคำรามลั่นขณะที่ ตวัดอุ้งมือใส่ Lr อย่างบ้าคลั่งจน เขาต้องเอาแชลงที่ที่อยู่ในมือ ปัดป้องเป็นระวิงแต่ก็ได้ไม่นาน เพราะเมื่อเทียบกับ Lr ที่ฝึกกับชาว์ลมาเพียง งูๆปลาๆ กับ

เจนัสที่ฝึกการต่อสู้จนช่ำชองแล้วยังอยู่ในร่างสมิงซึ่งมีสภาพจิตใจที่ไม่เกรงกลัวอะไรใดๆ ถาโถมเข้าจู่โจมเขาจนเมื่อเขาพลาดถูกตะปบเข้าที่ลำตัว

จนแชลงหลุดจามือพร้อมกับร่างกระเด็นปลิวไปกระแทกผนังอย่างแรง เขารู้สึกมึนและจุก เลือดไหลออกมาจากปากแผลที่คิ้วซึ่ง
คงจะแตกตอนที่เขาปลิวมากระแทกกับผนัง เขาค่อยๆยันตัวขึ้นมาอย่างลำบาก ขณะที่เอามือกุมแผลที่หัว


“ ไม่ไหวถ้าไม่แปลงร่างจะไปสู้ เจนัสได้ยังไงกัน ”
นอฟฮอฟกล่าวพร้อมกับบินมาช่วยพยุงตัวเขาขึ้น
แต่ทว่านีน่าในร่างสมิงแมวป่ากับลากูน่าในร่างสมิงหมาป่าสีเงิน ก็พุ่งตรงเข้าใส่พวกเขา
โดยไม่ทันตั้งตัว

“ ซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ(Sardines In Tomato Sauce) ”
สิ้นคำฝูงปลาซาร์ดีนปีกค้างคาวกับคลื่นซอสมะเขือเทศก็พุ่งทะลักออกมาพัดนีน่ากับลากูน่าจนไปเกยกับราวระเบียง

“ มัวทำอะไรอยู่รีบหนีเร็วเข้า.. ”
เคาท์เพนกวินกล่าวพร้อมกับ ปล่อยคลื่นซอสมะเขือเทศออกไปพัดเจนัสที่พุ่งเข้ามา จนปลิวไปไปเกยกับพวก
ลากูน่า

“ ตามมาทางนี้เร็ว ”
เจ้าหัวฟักทองแจ็คกล่าวจบก็ออกบินไปตามระเบียง ซึ่งนำไปยังบันไดโดยที่เคาทืเพนกวินและเหล่าตุ๊กตากัพวก Lr ที่ช่วยกันแบกร่างของเอิธท์กับไลท์ที่หมดสติไปด้วย โดยที่พวกเจนัสเองก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ

พวกเขาวิ่งไปตามระเบียงจนถึงบันไดและตอนนั้นเอง เจนัส ก็กระโดดจากระเบียงมาดักที่หน้าบันได
ทำให้พวกเขาต้องหยุดชะงัก  และเมื่อจะหันกลับไป ลากูน่ากับนีน่าก็รออยู่ก่อนแล้วโดยนีน่าปิดระเบียงทางเดินด้านขวา และลากูน่าปิดด้านซ้าย พวกเขาโดนล้อมเอาไว้แล้ว

“ นี่บ้านนี้ไม่พวกประตูลับหรือห้องใต้ดินมั่งเหรอ ”
นอฟฮอฟถามเคาทืเพนกวินโดยขบคิดหาวิธีรอดออกไปด้วย

“ มีแต่ทางน้ำใต้ดินเท่านั้นน่ะแต่ประตูมันพังไปแล้วลงไปไม่ได้หรอก ”
แจ็คหัวฟักทองกล่าว ซึ่งทันทีที่นอฟฮอฟได้ยินก็เกิดความคิดขึ้น Lr เห็นว่านอฟฮอฟคงจะรู้วิธีที่จะรอดไปได้แล้ว
จึงเริ่มมีหวัง

“ Dark Flame ”
สิ้นคำนอฟฮอฟก็พ่นเพลิงดำอัดใส่พื้นบันไดเต็มแรงจนพื้นบันได ระเบิดและควันฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพร้อมกับ
สะเก็ดไปปลิวว่อนไปทั่วบ้าน แต่เพราะพื้นบ้านและผนังรอบๆเต็ม ไปด้วยซอสมะเขือเทศจึงทำให้สะเก็ดไฟดับไปทั้งหมด และเมื่อควันจางพวกเขาก็หายไปหมดแล้วโดยทิ้งไว้เพียงรูที่พื้น บันไดซึ่งมันลึกลงไปจนถึงชั้นล่าง

พวกเจนัสเดินเข้ามาเกาะกลุ่มกันที่รูโหว่ตรงพื้นบันได

“ กรรรรรรรร ”
เจนัสคำรามเบาๆก่อนที่จะโดดลง ไปในรูโหว่พร้อมกับที่ลากูน่าและนีน่าตามลงไปด้วย

……..
…………….
………………..

ที่หน้าคฤหาสน์

สายลมรอบๆบริเวณเริ่มแปรปรวนเล็กน้อยก่อนทีจะเกิดช่องว่างมิติสีดำ ขึ้นในอากาศและขยายใหญ่
ออกพร้อมร่างของเด็กหนุ่มคนนึงกระโจนออกมา เขากลิ้งคลุกไปกับพื้น
ก่อนจะหยุดโอดโอย พร้อมกับประตูมิติที่จางหายไป

“ อ…อาาาา..อัก ”
เด็กหนุ่มเอามือกุมหน้าอกพร้อมกับสบถ ลั่นด้วยความทรมาน ความอึดอัดจากการกลั้นพลังเอาไว้
ทำเอาหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะบางทีฏ้แทบจะหยุด เต้นหรือระเบิดไปเลย ทำให้หายใจติดๆขัด
เสียงหัวใจเต้นดังก้องในหัวของเขา ราวกับมันจะระเบิดซะให้ได้ จนเมื่อถึงขีดสุดแล้ว เขาก็หมดสติ

และล้มลงก่อนที่ควันสีดำจะพวยขึ้นมาตลบอบอวล ทันทีที่จางลงร่างของเด็กหนุ่มหายไปกลับกลาย
เป็นสมิงพังพอนขนสีขาวปลอดแทน และเมื่อมันเบิกนัยตาขึ้น แววตาของมันแดงก่ำราวกับ

ปีศาจ ไร้ซึ่งสติสัมปัญชัญญะ จมูกของมันหายใจฝืดฝาดอย่างรุนแรง ราวกับกระหายบางสิ่ง
ก่อนที่มันจะ สัมผัสได้ถึงบางอย่างจากในคฤหาสน์ มันไม่รอช้าเลยแม้แต่น้อย รีบพุ่งหายไปจากตรงนั้นด้วยความเร็วประดุจลมกรด

ต่อจากนั้นไม่นานนัก เงาของผู้มาเยือนอีกคนก็ได้ปรากฏขึ้น ทันทีที่ร่างของเขาต้องกับแสงจันทร์
แสงสะท้องจากเสื้อเกราและหน้ากากมังกรเหล็กสีเงินขาว  ก็แวบวาบออกมา

ผ้าคลุมสีขาวสะบัดพลิ้วเป็นทาง ในมือกระชับดาบ เอาไว้แน่นก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้าและทันทีที่สายตาของเขา
ได้เห็นดวงจันทราสีแดงฉาน และยังเปล่งรัศมี ออกมาอีก ราวกับจันทร์ทรงกลด


“ แย่แล้วพวกที่ตาม Lr ไปด้วยนี่คงจะไม่… ”
ผู้มาเยือนกล่าวอย่างร้อนใจเมื่อได้เห็นพระจันทร์ทรงกลด แดงฉาน
ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังประตูคฤหาสน์

……………..
………………..
…………………….


ภายในคฤหาสน์

ที่ระเบียงด้านนึง ประตูห้องถูกเปิดแง้มออกมาเล็กน้อย ดดยมีสายตาล็กจ้องมองลอดผ่านออกมา
ดวงตานั้นเลื่อนไปทางซ้ายทีทางขวาที ก่อนที่ประตูทั้งบานจะเปิดออก


พร้อมกับลูกมังกรดิมมิเนี่ยว(Dimminuial, the Baby Dragon)
และลูกมังกรเฟินกอลโล(Firngollo, the Baby Dragon)
ทั้งสองก้าวออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง






ก่อนจะสอดส่องสายตาไปรอบตัวคฤหาสน์ ซึ่งเปรอะไปด้วยซอสมะเขือเทศและซากหลังคาที่พังลง
ซึ่งแสงจันทร์ที่ส่องทะลุลงนั้นทำให้ภายในบ้านสว่างขึ้นเล็กน้อย

“ กีซซซซซซซซซซ ” (ดูเหมือนจะสงบไปแล้วล่ะ)
วิลกล่าวอย่างโล่งใจ แต่เฟินกอลโล ยังคงตัวสั่นด้วยความกลัวโดยไม่ยอมหยุดอยู่ดีซึ่งนั่นก็ทำเอาวิล
เอือมเต็มที

“ ก…กีซซซซ ” (ง…งั้นเราก็รีบไปกันเถอะที่นี่น่ากลัวจะตาย)
เฟินกอลโลกล่าวโดยที่ยังคงสั่นไม่ยอมหยุดและยังชำเลืองไปมาด้วยความระแวง

“ กีซซซซซซซ ” (แต่เรายังไม่เจอลอว์เรนซ์เลยนะ ต้องหาพวกเขาก่อนสิ)
วิลกล่าวขณะที่เท้ากรงเล็บท้าว สะเอว วางท่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ กีซซซซซซ ”(ไม่เอาน่าเธอก็เห็นอยู่ว่าฉันกลัวอยู่เนี่ยไว้เราค่อยมาตอนเช้าก็ได้)
เฟินกอลโลกล่าวเสียงสั่น

“ กีซซซซซซซซซ กีซซซซซซซ ” (นี่อย่าทำสำออยไปหน่อย เลยนายเป็นผู้ชายซะเปล่าแค่นี้ทำเป็นกลัวไปได้ เพื่อนนายจะเป็นจะตายอยู่นี่นายยังคิดจะเอาตัวรอดอีกเหรอ)
วิลกล่าวใส่เค้าเป็นชุดด้วยความโมโห

“ กีซซซซซซ ”(งั้นเธอก็ไปเองสิ ฉันจะออกไปจากนี่ ไม่เอาแล้วขืนอยู่อย่างนี้มีหวังฉันไม่รอดแน่)
เฟินกอลโลกล่าววาจาเอาแต่ได้ของเขาทำให้วิลถึงกับนิ่ง เงียบไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนี้ ทั้งที่ตลอดมา เธอคิดว่าเขาเป็นเพื่อนของ Lr และน่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อสายสัมพันธ์ดังเช่นที่ เอิธ์ทกับ ไลท์ และ นอฟฮอฟทำกัน


แต่ทว่าเขาไม่ใช่ ซึ่งว่ากันจามจริงแล้วเธอแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ พวกเขาเลยเพียงแค่ได้รู้จักกับพวกเขา
หลังจากที่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมังกร(Dragon Academy)ได้เพียงวันแรก เธอก็ได้ช่วยพวก Lr เอาไว้

และพวกเขาเองยังปฏิบัติราวกับเธอเป็นเพื่อนกับพวกเขามานานแล้ว ทำให้เธอลืมไปว่าแท้จริงเธอยังไม่รู้อะไร
เกี่ยวกับพวกเขาเลย และเมื่อคิดทบทวนจากคำพูดเมื่อครู่ของเธอ เธอก็เข้าใจแล้วว่านั่นเป็นการยัดเยียด
ให้กับเขา ทั้งที่เขาไม่อยากเธอจึงรู้สึกผิด ที่ตนได้กระทำการอันไม่ควรลงไป

“ กีซซซซซ….กีซซซ ”(ขอโทษนะ..ฉันไม่น่าฝืนใจนายเลย ถ้านายกลัวก็ออกไปรอข้างนอกก็ได้เดี๋ยวฉันตามพวกเขา เจอแล้วจะรีบออกไปหา )
วิลกล่าวด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ก่อนจะบินไปที่บันไดเพื่อสำรวจร่องรอย ซึ่งนั่นทำเอาเฟินกอลโล
เองถึงกับผงะไปกับท่าทีที่แปรปรวนของเธอ จึงรีบหันกลับไปหาแตเธอก็บินลงไปในรูโหว่ที่พื้นแล้ว
ทำให้เขาไม่ทันได้แม้แต่จะทักเธอเลย บรรยากาศที่วังเวงเริ่มทำเอาเขาหัวปั่นด้วยกลัว ก่อนจะตัดสินใจบินตามเธอไป

“ กีซซซซซซ ” (รอด้วยอย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวเซ่)
เขาตะดกนก่อนจะบินตามลงไปด้วย

………
…………
……………..


เสียงฝีเท้าสะท้อนก้องดังระงมไปทั่วทางน้ำอันมืดมิด ซึ่งน้ำที่เคยไหลในทางน้ำนี้ได้แห้งเหือดไปแล้ว
พวกเขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อมีเสียงฝีเท้าดังไล่หลังมาเรื่อยๆ

“ แฮ่กๆๆทางน้ำนี่จะยาวไปถึงไหนกันน่ะ ”
Lr กล่าวขณะที่วิ่งไปโดยแบกไลท์ไว้บนหลัง ส่วนเอิธท์นั้นพวกตุ๊กตาทั้งสามแบกเอาไว้อยู่
โดยที่แจ็คซึ่งใช้ไฟจากดวงตาส่องนำทาง

“ รู้สึกจะยาวไปจนถึงต้นน้ำบนภูเขาหลังทะเลสาบน่ะ ”
เคาท์เพนกวินกล่าวขณะที่คอยสั่งการเหล่าปลาซาร์ดีนให้คอยบินปั่นป่วนพวก เจนัสไปเป็นระยะ

“ ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงมาช่วยพวกเราล่ะ ”
นอฟฮอฟกล่าวด้วยความสงสัยขณะที่ คอยพ่นไฟเผาเอาหยากไย่ที่เกาะขวางทางออก

“ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทิ้งพวกเจ้าไว้นี่ ว่าแต่นั่นเพื่อนพวกเจ้าไม่ใช่ เหรอแล้วไหงถึงมีเพื่อเป็นสมิงน่ากลัวงี้ล่ะ ”
เคาท์เพนกวินกล่าว ถามด้วยความสงสัย

“ คือที่จริงพวกเขาไม่ใช่สมิงหรอกนะแต่เป็นครึ่งสมิงน่ะ ”
Lr กล่าวตอบแต่ทันทีที่เคาท์เพนกวินกับแจ็คได้ยิน ก็เข้าใจเรื่องราวขึ้นมาทันที

“ งั้นตอนนี้พวกเขาก็อยู่ในสภาพ คุ้มคลั่งเพราะวันแห่งการคืนสู่สัญชาตญาณสินะ ”
เคาท์เพนกวินกล่าว

“ แล้วมันคืออะไรล่ะ..ไอ้วันอะไรนั่นน่ะ ”
นอฟฮอฟถามด้วยความสงสัย

“ มันเป็นเรื่องเล่าที่มีมานานเกี่ยวกับครึ่งสมิงน่ะ ”
แจ็คอธิบาย


“ ในอดีตมีตำนานที่กล่าวถึงความรักต้องห้าม ระหว่างเผ่าพันธุ์เอลฟ์(Elf)กับสมิงน่ะ ”
แจ็คอธิบายต่อซึ่งมาถึงตรงนี้พวกเขาก็พอ จะเดาออกแล้วแต่ก็ยังไม่อยากเชื่อยู่ดี

“ หมายความว่าครึ่งสมิงคือสายพันธ์ผสมระหว่างเอลฤ์กับสมิงเหรอ ”
Lr กล่าว

“ ใช่ เพราะงั้นพวกเขาจึงเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังไงล่ะ ทั้งพลังกายที่สูงล้ำเหนือมนุษย์ของสมิงและ พลังมนตราอันสูงส่งของเอฟล์พวกเขาแทบจะเป็นเผ่าพันธุ์ ที่ช่ำชองการต่อสู้อย่างที่สุด”
เคาท์เพนกวินอธิบาย ซึ่งนั่นทำให้พวก Lr แทบจะไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้รับรู้มาเลย

“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตอนนี้ล่ะ ”
นอฟฮอฟถาม ขณะที่พวกเจันสไล่เข้ามาเรื่อยๆ

“ เพราะข้อห้ามระหว่างเผ่าพันธุ์น่ะล่ะที่ทำให้พวกเขาเป็นอย่างนี้ จากการที่ทรงพลังมากเกินไปทำให้พวกเขาจะมีอยู่ช่วงนึงที่จะ ควบคุมพลังไม่ได้เพราะความเป็นสมิงครึ่งนึงในตัว ”
แจ็คกล่าว

“ เมื่อจันทราแดงฉานเป็นสีเลือดวันนั้นพลังแห่ง เผ่าพันธุ์สมิงจะเดือดพล่านพวกเขาเหล่านั้น
จะกลายเป็นอสูรที่กระหายการต่อสู้เท่านั้นจนกว่าจะรุ่งสาง ”
เคาท์เพนกวินอธิบายเสริมขณะที่สาดซอสมะเขือเทศ กับฝูงปลาซาร์ดีนใส่พวกเจนัสอีกครั้ง

แต่ทว่าทั้งสามก็หลบได้และหายวับไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขาที่ไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกชนล้มลงและถูกล้อมเอาไว้อีกครั้ง

“ อ…นี่เราจะทำยังไงดี ไม่อยากสู้ด้วยเลย แถมจะแปลง่รางก็ยังทำไม่ได้เพราะสองคนนั้นหมดสติอยู่ จะทำอย่างไงดีล่ะเราจะทำอย่างไงดี ”
Lr คิดอย่างสิ้นหวังเต็มที

………………..
……………………
……………………….

“ กีซซซซซซ ” (Flying Flame)(อัคคีเหินหาว)
สิ้นเสียงลมพายุอันรุนแรงก็พัดโหมไปทั่วทางน้ำ และทันทีที่มันเสียดสีเข้ากับผนังทางน้ำ ก็เกิดไฟสีเขียวลุกพรึ่บขึ้นมา
ลมพายุนั้นพุ่งตรงเข้าหาสมิงพังพอนอย่างรวดเร็วแต่กลับพุ่ง ผ่านร่างของสมิงพังพอนไปดดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ กีซ กีซซซซซ ”(ชิ เกราะมนตรา)
วิลกล่าวขณะที่พุ่งตัวหลบคลื่นสูญญกาศที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว จากการวาด กรงเล็บของสมิงพังพอน

“ กีซซซซซ ” (Blue Bubble) (ฟองสีน้ำเงิน)
สิ้นคำฟองสีน้ำเงินจำนวนมหาศาลก็ถูกพ่นออกมาจากปาก ของเฟินกอลโลจนคละคลุ้งไปทั่ว
ทำให้การเคลื่อนไหวของสมิงพังพอนช้าลง
ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งหนีไปตามทางและเลี้ยวไปอีกแยก
ครู่ต่อมาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาแล้วพวกเขาจึงหยุด พักด้วยความเหนื่อยหอบ

“ กีซ กีซซ ”(แฮ่กแฮ่ก)
วิลหอบด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ซึ่งเฟินกอลโลเองก็ไม่ต่างไปจากเขา เอาแต่นอนแผ่หลาด้วยความเหนื่อยหอบ

“ กีซซซซซซซ ”(นี่เธอน่ะทำไมถึงได้อยากช่วย Lr ขนาดนั้นล่ะ)
เฟินกอลโลถามขึ้นมาทำให้วิลรู้สึก แปลกใจกับคำถามของเขา


“ กีซซซซซซ ”(แล้วนายไม่คิดจะช่วยเค้าบ้างรึไงนั่นเพื่อนนายนะ)
วิลกล่าวจบ เฟินกอลโล ก็ค่อยพลิกตัวกลับขึ้นมามองเธอด้วยสายตาที่แฝงความนัยบางอย่างไว้

“ กีซซ…กีซซซซซ ”(เพื่อนเหรอ…นั่นสินะเธอพึ่งย้ายมาใหม่ๆนี่ เห็นฉันสนิทสนมกับพวกนั้นเป็นใครก็คงคิดว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านั่นเหมือนที่ไลท์กับเอิทธ์เป็นสินะ)
เฟินกอลโลกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัย ซึ่งชั่ววูบนึง เค้าดูเปลี่ยนไปราวกับคนล่ะคนเลยก็ไม่ปาน

“ กี…กีซซ..กีซ…แกว็ก…กีซซ ”(ฟ…เฟิน..เฟินโกว..เฟินกอ…ลโล)
เธอพยายามจะเรียกชื่อเขาแต่ก็เรียกได้ไม่ถนัดนัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกชื่อสกุลเขา ซึ่งท่าทีกระอึกกระอักของเธอทำเอาเฟินกอลโล ตีสีหน้าเอือมๆด้วยความหน่ายใจ

“ กีซซซซซ ”(ถ้ามันเรียกยากนักก็เรียกชื่อชั้นเลยก็ได้ชั้นไม่ถือหรอก ชื่อชั้นอควา)
เฟินกอลโลบอกชื่อของเขาให้เธอทราบโดย ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย

ซึ่งตอนนี้เธอเองก็เกิดความรู้กระดากๆขึ้นมาเพราะอยู่ๆ ก็จะมาให้เธอเรียกชื่อของ
เขาอย่างสนิทสนม แม้กับพวก Lr เธอจะเรียกชื่อพวกเขาได้หน้าตาเฉย แต่ว่ากับเขาเธอไม่เคยได้คิดเลย


“ ก…กีซซซ ”(จ…จะดีเหรอให้เรียกชื่อนายน่ะ)
เธอกล่าวหน้าแดงด้วยความเขินอายแต่เฟินกอลโลเองก็ ไม่ได้ใส่ใจอะไรกลับไม่สนใจกับท่าทีของเธอเลย
แม้แต่น้อย

“ กีซซซซซ ”(ทำไมล่ะทีเธอยัให้ทุกคนเรียกชื่อได้แล้วทำไมจะ เรียกชื่อฉันไม่ได้อีก อย่างกับพวกนั้นเธอก็ยังเรียกชื่อเลยไม่ใช่เหรอ แล้วกับชั้นมันจะต่างกันตรงไหน)
เฟินกอลโลกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยขณะที่ตีหน้ามุ้ยไปด้วย

ซึ่งเธอเองก็ ไม่รู้ว่าจะเขินไปทำไมเพราะกับพวก Lr ตัวเธอยังคุยเรียกกันได้อย่างสนิทสนม แต่กับ
เค้าคนนี้เธอกลับไม่สามารถที่จะทำเป็นเมินเฉยได้

ซึ่งแม้แต่ตัวเธอก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไม แต่แล้วคำถามที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับถูกแทรกขึ้นมาด้วย
เรื่องที่เฟินกอลโลพูดทิ้งไว้เมื่อครู่เธอจึงรีบตัดคำถามทั้งหมดออกไปจากใจ
ก่อนจะถามทันที

“ กีซซซซซซซซ ”(ว่าแต่เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะที่ว่า ฉันยังไม่รู้น่ะคืออะไร)
วิลกล่าวด้วยความลนลานกับสิ่งที่กำลังจะได้รู้ ซึ่งเฟินกอลโลเองก็แปลกใจกับ อาร์มณของเธอที่แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย


“ กีซซซซซซซซซซซซ ”(หึเอาเถอะที่จริงเรื่องนี้น่ะ ไม่มีใครเขาอยากจะเล่าให้ใครต่อใครฟังกันหรอกนะ)
เขาหลับตาลง นึกเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาซึ่งแววตานั้นดูเศร้าสร้อย
เหมือนคะนึงหาอะไรซักอย่าง


“ กีซซซซซซซซซซซซ ” (เธอสงสัยมั้ยว่าทำไมไฟร์หรือที่ Lr เรียกว่านิทินโคถึงได้ ทะเลาะกับเขาอยู่บ่อยๆทำไมเจ้าพวกนั้นถึงได้ไม่ค่อยอยากจะคุย หรือสุงสิงกับฉันนักนอกจาก Lr สาเหตุมันก็ง่ายๆเพราะคนที่ทำให้สายสัมพันธ์ของพวกนั้นต้องมลายลง จนแทบกู่ไม่กลับก็คือฉัน)
เขากล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจซึ่งคำพูดของเขาทำเอานางรู้สึก สงสัยและอยากรู้มากขึ้นจึงตั้งใจฟังสิ่งที่เขา
เล่าออกมาให้เธอฟังอย่างใจจดใจจ่อ


เมื่อ 4 ปีก่อน ในวันที่เขาย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมังกร เค้าเป็นคนเงียบขรึม
ไม่พูดไม่จากับใคร และยังไม่รู้จักหรือมีเพื่อนเลยซักคน จนเมื่ออยู่มาวันนึง เค้าได้เห็น Lr ซึ่งเป็นมนุษย์
มีเพื่อนฝูงรายล้อมไปหมด  แต่เขาที่เป็นมังกรแท้ๆกลับต้องมานั่งเหงาอยู่เพียงตัวเดียว

ความริษยาได้เกิดขึ้นในใจของเขาในตอนนั้น เขาจึงคิดหาทางทำให้ Lr ต้องหลายเป็นคนโดดเดี่ยว
เช่นเดียวกับเขาบ้าง และแล้วการกลั่นแกล้งต่างๆนานาก็เริ่ม ไม่ว่าจะแกล้งทำเป็นโดน Lr รังแก
หรือแกล้งเพื่อนคนอื่น แล้วโยนความผิดให้ Lr เขาก็ทำมันลงไปต่างๆนานา แต่ทว่าถึงกระนั้น


ก็ยังมีคนคอยปกป้องเขาอยู่นั่นก็คือลูกมังกรทั้งสี่ตัว ไลท์ เอิธท์ นอฟฮอฟ และนิทินโคที่ยังสนิทสนมกับเขาอยู่
คอยกันท่าให้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ความริษยาที่มีต่อเขานั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 จนอยู่มาวันนึง  เขาแกล้งเข้าไปทำเป็นตีสนิทและขอโทษเรื่องที่ทำมาทั้งหมด ซึ่งแน่นอนพวกไลท์ไม่เห็นด้วย
แต่ Lr ที่เป็นคนมีน้ำใจและเชื่อคนง่ายจึงถูกหลอกใช้ หลังจากนั้นเค้าก็คอยบงการ การกระทำของ Lr

โดยเริ่มจากแกล้งเขียนสมุดของเอิธท์จนเละแล้วทำให้ดูเหมือนว่า Lr เป็นคนทำ หรือแม้แต่กระทั่ง
แกล้งหลอกนิทินโค โดยทำเป็นว่า Lr รอเขาอยู่ แล้วก็ไม่ไปตามนัดทำให้เขาต้องยืนตากอากาศหนาวจนจับไข้

และสุดท้ายเมื่อไลท์ได้ถูกการกระทำของเขาหลอกลวง ผลก็คือทั้งสามมีปากเสียงกับ Lr และไม่ยอมคุยกันเลย
แต่ทว่านอฟฮอฟที่คอยจับตาดูอยู่ใกล้ๆ เข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมดได้ดีจึง ได้หาทางช่วยเขาอย่างลับๆ
ซึ่งในวันนั้นหลังจากที่ Lr กลับไปบ้านแล้ว นอฟฮอฟก็ได้ ปรากฏตัวออกมาเปิดเผยความจริง

และแผนการณ์อันแยบยลของเขา ต่อหน้าเพื่อนฝูง ซึ่งในวันนั้นคือวันที่ตรงกับ วันที่พายุโหมกระหน่ำ
เขาว่ายน้ำหนี ไปและเพราะพายุทำให้น้ำไหลเชี่ยวจนเขาว่ายทวนไม่ได้จึงถูกน้ำพัด ไปเกยอยู่ใต้หน้าผา
ซึ่งเขาได้เห็นไลท์เกาะอยู่บนชะง่อนผา และถึงแม้จะเลือนรางเต็มทีแต่เค้าก็จำได้ว่าคนที่มาช่วยไลท์

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #193 on: June 15, 2008, 05:56:23 PM »

ก็คือ Lr ทั้งๆที่แผนการของเค้าน่าจะทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเขาพังทลายไปแล้ว
สุดท้ายกลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องจมอยู่กับความโดดเดี่ยวเพราะความริษยา

“ สายสัมพันธ์ของเจ้าพวกนั้นไม่ได้พังทลายลงซักหน่อยแต่เป็นเราเองต่างหากที่ถูกทำลาย หึ..ฉันอิจฉานายจริงๆ ลอว์เรนซ์ ทั้งที่เป็นนายมนุษย์ศัตรูของมังกร แต่ก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นขนาดนี้
ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ยังอยากจะเป็นส่วนนึงในนั้นด้วยอยู่หรอกนะ แต่สำหรับชั้นมันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ลาก่อน… ”
ความในใจที่พุดขึ้นมาตอนนั้น ยังคงตราตรึงอยู่จนถึงวันนี้  หลังจากที่เค้าหมดสติร่างก็ค่อยๆจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำ

แต่สุดท้ายแล้วคนที่ช่วยเขาเอาไว้ก็คือ Lr และพรรคพวกที่ไปตามเพื่อนมังกรน้ำมา ช่วยงมเขาขึ้นมา
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา แม้เขาจะสำนึกผิดกับการกระทำของตนและคิดจะปิดกั้นตนเองแค่ไหน
แต่ Lr กลับเป็นคนที่เปิดใจยอมรับเขามาโดยตลอด แม้ในตอนแรกเขาจะไม่อยากรับมันนัก

แต่พวกไลท์เอง ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรเค้าจริงจังนัก
จนนานเข้าเขาจึงเริ่มที่จะเปิดใจยอมรับ
ภาพความทรงจำนั้นค่อยๆจางหายไปกับเวลา แต่ก็ยังคงอยู่ในใจเขาเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เป็นเค้าได้ในวันนี้

“ กีซซซซซซซซซ ”(ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะหลังจากนั้นชั้นก็ไม่เคยเหงาอีกเลย )
เฟินกอลโลกล่าวหลังจากเล่าทุกอย่างให้วิลฟัง ซึ่งหลังจากที่เธอได้ฟังทั้งหมด

รู้ได้ทันทีว่าที่แล้วมา สายสัมพันธืของพวกเขาไม่ได้มาจากการคบหาสนิทชิดเชื้ออะไรทั้งนั้น
หากแต่เป็นเพราะเคย ขัดแย้งกันถึงได้แน่นแฟ้นกันมากขึ้น

“ กีซซซซซซซซ ”(จะว่าไปแล้วถึงตอนนี้ชั้นเองก็อาจจะยังไม่ได้ละทิ้งความ
รู้สึกตอนนั้นไปเลยทำให้ทุกคนไม่ยอมรับก็ได้)
เขากล่าวอย่างอาลัยอาวร

“ กีซซซซซซซซซ ”(ไม่หรอกนั่นน่ะเป็นเพราะนายยังปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงอยู่ )
เธอกล่าว แต่ดูเหมือนคำพูดของ เธอจะแทงใจดำเขาอย่างจังเพราะเขาตีหน้าบึ้งทันที


“ กีซซซซซซซซ ”(อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย..)
เขาตะคอกกลับมาทำให้เธอนิ่งอึ้งไปชั่วครู่


“ กีซซซซซซซ ” (แล้วเธอล่ะทำไมถึงต้องปกปิดมาตลอด)
เขากล่าวอบ่างหัวเสียทันที ซึ่งคำพูดของเขาทำเอาเธอเริ่มจะหงุดหงิดตาม


“ กีซซซซซซซซซ ”(ปกปิดเรื่องอะไรเล่า)
เธอตะคอกกลับเช่นกันซึ่งนั่นทำเอาเขาเริ่มที่จะมีน้ำโห บ้างแล้ว


“ กีซซซซซซซซ ”(ก็เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงไง ทำไมต้องตัวเป็นผู้ชายด้วย เธอคิดจะหลอกพวกเรารึไงที่จริงก็แอบหัวเราะลับหลังอยู่ล่ะสิ)
เขากล่าวด้วยความฉุนเฉียว

“ กีซซซซซซซซซซซ ”(ไม่จริงนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย นายน่ะล่ะ หัวเสียเรื่องอะไรกันถึงมาตะคอกใส่ฉันเนี่ย)
เธอถาม ซึ่งนั่นเองก็ทำให้เขาเริ่มเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าทำไมต้องโกรธนางด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไง
เขาก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้กับสิ่งที่เธอกล่าวออกมา มันล้วนเป็นความจริงที่เขาปฏิเสธมันมาตลอด

เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เค้าต้องการมาตลอดก็คือมิตรภาพที่ Lr ยื่นให้แต่ด้วยทิฐิทำให้เค้าไม่อาจยอมรับมันได้
และเมื่อถูกจี้เข้า ก็รู้สึกยอมไม่ได้ และเมื่อเขาเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วเขาก็ก้มหน้าสำนึกได้

วิลที่เห็นเช่นนั้น จึงเข้าไปปลอบเขา

“ กีซซซซซซซ ”(อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลย หัดเปิดใจยอมรับตัวเองซะบ้าง)
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อย่างที่ไม่เคยกล่าว เพราะปกติเธอจะทำตัวแข็งกระด้าง
เหมือนชาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมเปิดเผยตัวให้เค้าได้เห็น


“ กีซซซซซซซซ ”(แต่ชั้นกลัวนี่ กลัวว่าถ้าเกิดพวกเขาไม่ยอมรับฉันล่ะ)
เขากล่าว

“ กีซซซซซซซซ ”(อย่าพึ่งสิ้นหวังสิ ถ้ายังไม่ลองเราก็ไม่รู้หรอก)
เธอกล่าว ซึ่งนั่นทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความหว้าวุ่นของเขาเมื่อครู่จางหายไป

แต่แล้วบรรยากาศอันน่าประทับใจนี้ก็ต้องจบลง เพราะเสียงหอนของหมาป่าที่ดังก้องมาทำให้พวกเขาออกบินอีกครั้งโดยตามเสียงนั้นไป

“ กีซซซซซซซ ”(ตะกี้มันเสียงอะไรกัน)
วิลกล่าวขณะที่เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเฟินกอลโลเริ่มจะตามไม่ทัน

“ กีซซซซซซซซ ”(ว่าแต่จะดีเหรอนี่เรากำลังบินเข้าไปยังต้นเสียงนะ)
เฟินกอลโลกล่าวด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ

“ กีซซซซซซซ ”(ไม่แน่บางทีเสียงเมื่อกี้อาจจะเป็นคำตอบที่อยู่ของ Lr และคนอื่นๆก็ได้)
วิลกล่าวและยังไม่ทันได้ฉุกคิดอะไร เมื่อพวกเขาได้บินมาเห็นภาพตรงหน้ากับตาตัวเอง
สมิงสามตนกำลังล้อมกรอบ Lr นอฟฮอฟและเคาท์เพนกวินกับสมุนอยู่

“ กีซซซซซ ”(นี่มันอะไรกัน)
เฟินกอลโลอุทาน
“ กีซซซซ ”(ไม่มีเวลามานั่งคิดแล้วยังไงก็ต้องช่วยพวกเขาก่อน)
ทันทีที่วิลกล่าวจบพวกเขาทั้งสองก็พุ่งถลาข้ามหัวของสมิงแมวป่า กับสมิงหมาป่าสีเงินไป
สมทบที่กลางวง

“ วิล เฟินกอลโล ”
นอฟฮอฟทักขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เสียงของวิลถูกแปลออกมาโยดราก้อนฮอลลี่ ขณะที่กำลังจะอธิบายอยู่นั่นเอง
สมิงทั้งสามก็พุ่งเข้ามาแต่ก็ถูกลมที่เกิดจากการ กระพือปีกของวิลและ ฟองสบู่ของเฟินกอลโล
เล่นงานจนกระเด็นไปติดผนัง

“ ไม่มีเวลาอธิบายแล้วรีบหนีกันก่อน ”
แจ็คกล่าวเมื่อเห็นว่าทางเปิดแล้ว

พวกเขารีบวิ่งไปตามทางซึ่งชันขึ้นเรื่อยๆโดยที่ระหว่างทางก็อธิบาย
เรื่องทั้งหมดให้ทั้งคู่ฟังไปด้วยจนเมื่อเห็นแสงส่องรำไรอยู่ตรงหน้า ก็เริ่มที่จะความหวังขึ้นมา
แต่ทว่า…

“ กรรรรร ”
เสียงคำรามก็ดังขึ้นพร้อมกับคลื่นสูญญากาศพุ่งผ่านพวกเขาไป
ทำลายปากทางออกจนถล่มลงมา และเมื่อพวกเขาหันกลับไปดู ก็เห็นว่านอกจากสมิงสามตนแล้วยังมีสมิงพังพอน
ที่สู้กับพวกวิลมาเพิ่มอีกตัว

“ งั้นเจ้าสมิงพังพอนนี่ก็ เครสเซนท์น่ะสิ ”
วิลกล่าว ซึ่ง Lr เองก็พยักหน้ารับแทนคำตอบ

“ แต่เครสเซนท์น่ะเป็นศัตรูไม่ใช่เหรอแล้วไหงถึงมาช่วยเจนัสล่ะ ”
เฟินกอลโลอ้างขึ้นมาซึ่งพวกเขาเองก็บอกไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด
แต่ทว่าบัดนี้พวกเขาเข้าตาจนแล้ว

“ Paladin Saber ”(คมดาบอัศวินศาสนจักร)
สิ้นเสียงที่ดังมาจากที่ใดซักที่ ประตูทางออกที่ถล่มลงมา ก็ถูกเป่าจนเปิดออก

“ รีบออกมาเร็วเข้า ”
ผู้ทำลายประตูเรียก ซึ่งพวกเขาก็ไม่รอช้ารีบตะเกียกตะกายกันออกมาอย่างร้อนรน
ซึ่ผู้ที่มาช่วยพวกเขาคือนักรบสวมหน้ากากมังกรที่เคยช่วยพวกเขาเอาไว้ เมทาไนท์นั่นเอง

“ ท่าน..เมทาไนท์ ”
Lr ทักขึ้นแต่ก็ไม่เวลาให้สนทนาเมื่อสมิงทั้งสี่พุ่งตามขึ้นมาด้วย
บัดนี้พวกเขาได้มาอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นต้นน้ำไหลไปยังทะเลสาบ เสียงน้ำตกที่ไหลลงปะทะกับโขดหินเบื้องล่าง
ดังซู่ซ่า ทำให้พวกเขาทราบได้ว่าเบื้องล่างนี้หากตกไปคงไม่รอดแน่

“ นี่พวกเจ้าพอจะสู้ได้มั้ยได้มั้ย ”
เมทาไนท์ถามด้วยความกังวล

“ ไม่ได้ ไลท์กับเอิธท์ยังไม่ได้สติเลย ”
Lr กล่าวขณะที่ดูอาการของเพื่อนทั้งสองท ี่จำเป็นต้องรวมร่างเพื่อต่อสู้ ซึ่งยังคงไม่ฟื้นจากอาการหมดสติ

“ งั้นพวกนายล่ะ ”
นอฟฮอฟหันไปถามพวกเคาท์เพนกวินแต่ ระหว่างทางที่คอยใช้พลังขัดขวางพวกเจนัสมาตลอดก็ทำเอา
เคาท์เพนกวินเสียแรงไปมาก ซึ่งมาถึงตอนนี้เขาก็ไม่เหลือพลังที่จะสู้แล้ว

“ ชิ…ครึ่งสมิงพวกนี้ ระดับเทพขุนพลสามตนแถมอีกตัวถึงจะ ไม่ใช่แต่ฝีมือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยเราคนเดียวรับมือมันไม่ได้แน่ ”
เมทาไนร์คิด ขณะที่หาทางออกจากสถานการณ์นี้

“ หมดกันพวกเราไม่รอดแน่ ”
วิลกล่าวอย่างสิ้นหวัง แต่เฟินกอลโลก็เอามือตบเข้าที่ไหล่ของเธอเบาๆ

“ อย่างพึ่งสิ้นหวังสิเธอพูดเองไม่ใช่เหรอ ”
เฟินกอลโลกล่าว โดยที่สายตาฉายประกายความุ่งมั่นไว้เต็มเปี่ยม
ทำให้นางแปลกใจกับทีท่าของเขา

“ หึ…เมื่อกี้ยังกลัวเสียงหลงอยู่เลยแต่ตอน นี้กลับมุ่งมั่นเปลี่ยนกันเป็นคนละคนเลยนะ ”
เธอคิด

“ ใช่แล้วล่ะถ้ายังไม่ลองก็ไม่รู้…งั้นเราก็สู้กัน ซักตั้งเลยแค่ถ่วงเวลาจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็พอแล้วสินะ ”
วิลกล่าวทำให้ทุกคนเริ่มมีกำลังใจ แต่ทว่า ศิลาจันท ราที่ห้อยคออยู่ที่เจนัสกับลากูน่าในร่างสมิงทั้ง สองชิ้นก็ส่องแสงขึ้นมาพร้อมกันกับ ที่พระจันทร์สีเลือดโผล่ขึ้นมาอีกดวง ซึ่งนั้นทำให้พวกเขา
ระเบิดพลังออกมาด้วยความบ้าคลั่งกว่าเดิม

“ กึ๋ยยย อยู่ในร่างนั้นยังใช้ศิลาได้อีกเหรอ ”
เฟินกอลโลกล่าวด้วยความผวา แต่ก็ไม่มีเวลามานั่งตกใจ เพราะพวกเจนัสพุ่งเข้ามาแล้ว

เมทาไนท์กับลูกมังกรพุ่งเข้าปะทะกับเจนัส โดยที่เมทาไนท์รับหน้าที่ คอยล่อพวก
เจนัสเอาไว้และให้ลูกมังกรคอยสนับสนุน ส่วน Lr กับพวกที่เหลือที่สู้ไม่ไหวก็ให้ไปหลบที่หลังต้นไม้ต้นนึง
โดยที่ Lr พยายามจะปลุกไลท์และเอิธท์ แต่ก็ไม่มีประโยชน์พวกเขายังคงไม่ฟื้นอยู่ดี


การต่อสู้เหมือนจะตรึงเวลาไว้ได้อีกไม่นาน และทันทีที่เมทาไนท์พลาดท่าถูกสมิงพังพอนเครสเซนท์กับ
สมิงแมวป่านีน่าเข้าตะครุบตัว สมิงหมาป่าสองพี่น้องก็ตรงเข้าตะปบพวกลูกมังกร ทั้งสามจนกลิ้งโค่โล่
และเมื่อเจนัสจะเข้าไปทำร้ายวิล Lr ที่เห็นเช่นนั้นจึงออกขวางไว้

“ หยุดเถอะเจนัส นี่ชั้นเองนะลอว์เรนซ์ไง ตื่นซะทีสิพวกเราไม่ควรที่จะมาสู้กันเองนะ ”
Lr กล่าวขอร้องเพื่อเตือนสติให้เจนัสหยุดแต่ดูเหมือนว่า เขาจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เพราะทันที
ที่ Lr กล่าวจบเจนัสก็เอาอุ้งมือตะปบเขาจนล้มลงไป ก่อนจะเหยียบซ้ำอีกที

“ ล…ลอว์เรนซ์ ”
เฟินกอลโลเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบากจากอาการบาดเจ็บ แม้ใจเขาอยากจะไปช่วย
แต่อีกใจนึงก็กลัวและไม่อยากเข้ายุ่งด้วย ความสับสนที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้เลย

“ เราจะสิ้นหวังไม่ได้… ”
วิลเอ่ยขณะที่ค่อยๆยันตัวขึ้นมา


“ ไม่ได้การอาจจะเร็ว ไปหน่อยแต่ถ้าอยู่อย่างนี้เราก็เร็วไม่พอที่จะสู้กับพวกนี้แน่ ”
เมทาไนท์คิดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะตัดสินใจดันสลักที่เข็มขัดใต้เสื้อเกราะ
ในสภาพที่โดนกดร่างเอาไว้อยู่
“ Stand By ”
เสียงทุ้มต่ำราวกับเสียงกลไก เครื่องยนต์ดังขึ้นมาจากเข็มขัดเหมือนกับที่เครสเซนท์ทำ
ผลันรอยต่อเสื้อเกราะของเขาก็ ขยายออกและมีไอน้ำพวยพุ่งออกมาตามรอยต่อ

“ Release Armor ”
สิ้นคำของเมทาไนท์เขาก็ดันสลักกลับอีกที
พร้อมกับเสียงหวีดหวิวราวกับเครื่องยนต์ทำงานดังลั่น

“ Push Off ”
เสียงทุ้มต่ำเหมือนตอน แรกดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชิ้นส่วนเสื้อเกราะที่ระเบิดออกมาของเขา
ผลักเอาสมิงทั้งสองที่กดร่างเขาเอาไว้ ปลิวกระเด็นออกไป
จากแรงระเบิดทำให้ทุกคนหันไปทางต้นตอ

ทันทีที่เขายันตัวขึ้นมา เมทาไนท์ที่ เคยอยู่ในชุดเกราะเหล็กปิดหน้าปิดตาก็ได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุราว 14 ปีผมสีทองสวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้น พร้อมกับคลุมผ้าที่กลับด้าน
ขาวมาเป็นดำ เอาไว้ในมือของเขาถือดาบที่ด้ามดาบมีตรารูปมังกรตัวพันไขว้กันอยู่

เขาไม่รอช้าอาศัยจังหวะที่ ทุกคนกำลังตกตะลึงเพียงชั่วพริบ พุ่งเข้าจู่โจมเจนัส
แต่ทว่าก็ถูกสมิงพังพอนเครสเซนท์ เข้ามาขวางเอาไว้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า
ซัดล้มลงไปพร้อมกับที่นีน่าเข้ามาช่วยกดร่างไว้อีกครั้ง เมื่อความพยายามเอือกสุดท้ายนั้นไร้ความหมาย

ความสิ้นหวังก็มาเยือนอีกครั้ง


“ กรรรรร ”
เจนัสคำรามขณะที่ย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับลากูน่า
และเมื่อกรงเล็บของเจนัสถูกตวัดลงเพื่อฝังร่างของ Lr และ วิล
เฟินกอลโลก็พุ่งเข้ามารับการโจมตีนั้นเอาไว้ทำให้ เขาบาดเจ็บสาหัส

“ อควา ”
วิลกล่าวออกไปอย่างลืมตัวขณะที่คลานเข้าไปหาร่างของเฟินกอลโล

“ ชั้นได้ทำในสิ่งที่ชั้นต้องการ แล้วล่ะชั้นปกป้องเพื่อนๆด้วยความต้องการของชั้นได้…แล้วล่ะ ”
เฟินกอลโลฝืนพูดอย่างยากลำบากซึ่งวิล ที่ได้ยินดังนั้นน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า


“ ใช่แล้วนายทำได้แล้ว..นายไม่ได้หลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว ”
วิลกล่าวทั้งน้ำตาซึ่งเฟินกอลโลเองมองนางด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้อีก
เพราะอาการบาดเจ็บ Lr ที่เห็นเหตุการณ์จึงคลานเข้าไปหาวิลในขณะที่เจนัสเองก็ย่างตามไป
เพื่อหมายจะเก็บพวกเขาเสีย

“ วิลชั้นไม่รู้หรอกนะว่านี่มันเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ เราจะต้องทำให้ความหวังมันเกิดขึ้นเองแล้วล่ะ ”
Lr กล่าวข.ณะที่ยกดราก้อนฮอลลี่ ขึ้นมา มันส่องแสงวาบออกมาซึ่งแม้วิลจะยัง

งงๆอยู่แต่ก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาสิ้นหวังหรือเอาแต่รอความหวัง และทันทีที่พวกเขาเข้าใจถึงจิตใจซึ่งกันและกัน
ผลันดราก้อนฮอลลี่ ก็ส่องแสงสว่างสีเขียววาบขึ้นมา ซักครู่ก่อนที่มันจะพุ่งขยาย

ตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและแตกกระจายออก กับการปรากฎของวงแหวนพลังงาน ขนาดใหญ่ หมุนวนรอบอยู่อย่างช้าๆ
ก่อนจะค่อยๆหมุนเร็วขึ้นและดูดเอาละอองพลังงานรอบๆกลับเข้ามาสะสมในวงแหวน และยิงส่งลงสู่ร่างของทั้งสอง ภายในแสงนั้นร่างทั้งสองหลอมรวมกันเป็นหนึ่งก่อนจะค่อยๆเติบโต ขึ้นเรื่อยๆและลอยขึ้นสู่นภา

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #194 on: June 15, 2008, 05:56:50 PM »

ก่อนที่เสาพลังงานสีเขียวนี้จะสลายลงพร้อมกับลมพายุที่พัดอย่าง บ้าคลั่งก่อนจะสงบลงพร้อมกับการ
ปรากฏตัวของอัศวินมังกรกายสีเขียวมรกต สยายปีกเพียงข้างเดียว  ดาบที่ถือไว้ในมือก็แตกต่างจากดาบของร่างก่อนหน้านี้ทั้งสองร่าง ปลายคมดาบเป็นหยักร่องเหมือนขนนก ด้ามดาบบิดเกลียวและหยักเป็นแหลมที่ปลาย

สายตาทอดยาวออกไปราวกับจะเมินทุกสรรพสิ่งในสายตา อัศวินมังกร ตวัดดาบอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงหวีดหวิวจากการเสียดสีของอากาศ ก่อนที่จะตวัดดาบทิ้งอย่างแรง จนคลื่นลมที่เสียดสีกันเมื่อครู่
พุ่งลงสู่เบื้องร่าง เกิดเป็นลม พายุพัดอย่างบ้าคลั่งจนผู้ที่ยืนอยู่เบื้องล่างไม่อาจทรงตัว
อยู่ได้



“ แม้ไร้ตัวตนแต่ก็ไม่ไร้อิสระ แม้หวาดกลัวก็จะไม่สิ้นหวัง เพราะเราคือสายลมที่พัดพาความหวังนามของเราคือทาเวนทอส(Thaventos, the dragoon of Thaliwilya) ”
อัศวินมังกรทาเวนทอสกล่าว ก่อนจะทะยานออกไปด้วยความเร็วจนไม่อาจมองตามได้ทัน
ร่างของสมิงทั้งสี่ที่ถูกลมพายุหอบพัดอยู่ทำให้ทรงตัวไม่ได้ เคาท์เพนกวินที่เห็นเช่นนั้น
จึงพากันออกมารับตัวนอฟฮอฟ กับเฟินกอลโลมาหลบที่หลังต้นไม้ด้วย



ทันทีที่เคาท์เพนกวินพาทั้งคู่ไปหลบแล้ว เมทาไนท์ที่พอจะเดาได้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น
จึงรีบทะยานตัวออกไปหลบให้พ้นรัศมีลม และทันทีที่ในพื้นที่เหลือเพียงแต่สมิงทั้งสี่

ก็มีเงาอะไรบางอย่างพุ่งไปมาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าชนสมิงทั้งสี่ที่ลอยเคว้งด้วยความรุนแรง
โดยที่ไม่อาจป้องกันตัวได้ จนเมื่อลมสงบลง สมิงทั้งสี่ก็ร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับสภาพอิดโรย
จากการโจมตี เงาที่พุ่งชนเมื่อครู่ พุ่งลงมายืนตรงหน้าพวกเขาด้วยความรวดเร็ว

ซึ่งนั่นก็คือทาเวนทอสที่เคลื่อนไหว ด้วยความเร็วสูงน่ะเองสมิงทั้งสี่ยังคงไม่ยอมจำนนแต่โดยดี
พยายามฝืนลุกขึ้นมาสู้ต่อ

“ Ventus et Dragos ”

สิ้นคำทาเวนทอสก็ควงดาบในมือเป็นวงพัดอย่างรวดเร็ว ก่อน

จะตวัดสะบัดดาบให้หยุดซึ่งคลื่นพลังที่ เกิดจาการควงนั้นทันทีที่แหล่งกำเนิดหยุดการทำงาน
มันก็พุ่งเป็นลมหมุนเข้าใส่พวกสมิงทันทีโดย เมื่อลมนั้นพัดถาโถมใส่พวกสมิงก็พัดเอาก้อน เศษหินเศษดิน
ขึ้นมาด้วยและเมื่อมันพัดผ่านไป แทนที่จะสลายไป มันกลับพัดวนทิศกลับมาถาโถมใส่พวกเขาอีก

โดยที่วนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยและทันทีที่พายุสลายลง สมิงหมาป่าสีเงินกับสมิงแมวป่าก็ล้มลงหมดสติ
แต่ทว่าสมิงหมาป่ากับสมิงพังพอนกลับหายตัวไป

ทาเวนทอส สอดส่ายสายตาหาตัวทั้งสองทันที แต่ไม่ทันไร ก็มีแสงสีครามถูกยิงลงมาจากด้านบน
ซึ่งแม้ทาเวนทอสจะเอี้ยวตัวหลบทัน แต่ปีกและแขนของเขาก็กลายเป็นน้ำแข็งไป

ซึ่งแสงนั่นมาจากจันทราดวงที่สามนอก จากพระจันทร์ปกติและจันทราสีเลือด นั่นคือจันทราสีคราม

“ กรรรรร ”
เสียงคำรามของสมิงหมาป่าสีดำดังลั่น พร้อมกับร่างของมันพุ่งเข้าชนร่างของทาเวนทอสที่เริ่ม
จับตัวเป็นน้ำแข็ง ทำให้เขาไปม่อาจหลบพ้นได้และโดนกระแทกตกลงไปยังแอ่งน้ำตกเบื้องล่าง

“ กีซซ ”(วิล)
เฟินกอลโลที่ยังคงประคองสติเอาไว้ได้ ร้องเสียงหลงพร้อมกับวิ่งออกไปจากหลังต้นไม้ทันที
โดยที่ไม่มีใครห้ามไว้ทัน เมทาไนท์ที่หลบอยู่คิดจะพุ่งออกไปช่วยแต่ก็ถูกขวางไว้โดย
สมิงพังพอน

เฟินกอลโลที่วิ่งออกไปนั้นก็ได้กระโดดตามทาเวนทอสลงไปโดยไม่แม้แต่หยุดคิด

“ ที่แล้วมาชั้นไม่เคยเปิดใจรับใครเลย ได้แต่หลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนด้วยแต่เธอ..เธอที่ช่วยทำให้ชั้นเข้าใจ และเปิดใจยอมรับมันได้ ในเมื่อเธอเองยังไม่ละทิ้งความหวังจนถึง ที่สุดล่ะก็ชั้นก็จะซื่อสัตย์ต่อตัวเองด้วยเช่นกันนี่คือความตั้งใจจริงของฉัน ”
เฟินกอลโลคิดขณะที่ดิ่งตามลงไปโดยเขา พยายามว่ายตามน้ำตกลงมาเพื่อเพิ่มความเร็วให้ทันร่างของทาเวนทอส
ที่ร่วงลงมาก่อน
และทันทีที่เขาสัมผัสตัวของทาเวนทอสได้ ร่างของทาเวนทอสก็เปล่งแสง
และแยกกลับเป็น Lr และวิลตามเดิมก่อน ที่ดราก้อนฮอลลี่จะส่องแสงสีฟ้าวาบออกมาอาบร่างของเฟินกอลโลและ Lr ไว้และพุ่งขึ้นสู่ฟ้าอีกครั้งเหมือนกับที่แปลงเป็นทาเวนทอส วงแหวนแสงสีฟ้าที่หมุนวน

รวบรวมเอาละอองพลังงานเข้ามารวมกันและยิงส่งสู่ร่างของทั้งสอง ก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เงาร่างของทั้งสองที่รวมกันนั้นพุ่งหายเข้า ไปในน้ำตกพร้อมกับแสงสีฟ้าที่สลายไปและร่างของวิลที่หายไปแล้ว

หลังจากที่แสงหายไป ทุกคนที่อยู่บนยอดน้ำตกก็หยุดนิ่งไปชั่วครู่ ด้วยแรงสะเทือนของยอดเขา
และแล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็บังเกิดขึ้นน้ำตกได้ไหลย้อนกลับ ขึ้นมายังยอดด้วยความเร็ว
จนมันปะทะเข้ากับชะง่อนผาและแตกกระจาย พร้อมกับการปรากฏกายของ อัศวินมังกรกายสีฟ้าอมเขียวน้ำทะเล

มือข้างนึงจับดาบที่เล่มหนาซึ่งบิดเล็กน้อย ส่วนอีกมืออุ้มร่างที่เปียกปอนของวิลที่หมดสติ
เอาไว้

“ Great of Dragon ”(ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร)
สิ้นคำ มังกรพลังงานสีฟ้า ก็พุ่งขึ้นมาจากน้ำที่ไหลย้อนกลับจำนวนสี่ตัวก็พุ่งตรงไปยังร่างของเจนัสและเครสเซนท์
แต่ทั้งคู่ก็หลบได้ และอ้อมมาล้อมตัวอัศวินมังกร

แต่แล้วดวงตาของอัศวินมังกรก็ส่องประกายวาบออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะควงดาบ เป็นวงพัดเหมือนกับท่าที่ทาเวนทอสใช้

“ Ventus et Dragos ”
สิ้นคำลมพายุหมุนแบบ เดียวกับที่ทาเวนทอสใช้ก็พัดออกมาจากดาบและถาโถมใส่สมิงทั้งสอง
จนร่วงลงสู่พื้น พร้อมกับที่อัศวินมังกรกระโดดลงสู่พื้นด้วย
ก่อนจะยันตัวขึ้นตั้งท่า

“ เหล่าผู้ลุ่มหลงในความกลัวเอ๋ย จงชะโงกดูเงาสะท้อนใน นที แล้วประจักษ์ความเป็นตนแก่สายตาทาลิควาส(Thaliquas, the Dragoon of Thaliwilya) ”
อัศวินมังกรทาลิควาส กล่าว แต่ทว่าเจนัสกับเครสเซนท์ก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง และยังไม่ทันที่จะได้คิดแสงสว่างก็ๆได้สาดส่อง
ลงมาตกกระทบกับร่างของพวกเขาทุกคน
รุ่งอรุณแห่งวันใหม่ได้มาเยือนแล้ว



 ทันทีที่เจนัสและ เครสเซนท์ถูกแสงแดดร่างของพวกเขาก็มีควันไฟโชยออกมา ก่อนจะดิ้นพล่าน
ราวกับโดนไฟลนไม่ต่างไปจาก นีน่าและลากูน่าที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ศิลาจันทราที่ส่องแสงวาบอย ู่ก็จางแสงลงพร้อมจันทรามนตราทั้งสองดวงที่สลายสิ้นไป
และเมื่อดวงตะวันขึ้นเต็มดวงสมิงทั้งสี่ก็หยุดดิ้นก่อนจะล้มฟุบลง พร้อมกับควันสีดำพวยพุ่งออกมาตลบอบอวล
พวกเขาทั้งสี่ได้กลับร่างเดิมแล้ว

“ จบซะที ..ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานเสียจริงๆ ”
ทาลิควาสกล่าวก่อนที่ร่างจะเรืองแสง แยกกลับเป็น Lr และเฟินกอลโล ตามเดิม

……………
…………………
………………………..

“ โอ็ยยยย เจ็บ เจ็บ ”
Lr ร้องเสียงหลงด้วยความ เจ็บปวดจากบาดแผลที่ศรีษะเพราะลากูน่ามัดผ้าพันแผลแน่นเกินไป

“ เบา เบา หน่อยสิ ”
Lr ขอร้องให้ลากูน่าผ่อนแรงลงซึ่งตัวลากูน่าเองพยายามเต็มที่แล้ว แต่เพราะไม่เคยมีปรสบการณ์ทำแผลให้ใคร
จึงทำให้เค้าใช้แรงมากเกินจำเป็น

“ แค่นี้เองทนหน่อยน่า แล้วไอ้ผ้าพันแผลนี่มันยังของมันนะพันยากพันเย็นจริงๆ ”
ลากูน่าบ่นอุบอิบหน้ามุ่ยคิ้วขมวดกับพ้าพันแผลที่พันกันจนวุ่นไปหมด

“ เอาล่ะๆ พอเลย เดี๋ยวฉันทำเอง ลากูน่าเธอไปล้างตัวได้แล้วล่ะ ”
นีน่าเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาที่นั่ง ทำแผลอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้กับบึงใต้น้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดผา
 ซึ่งพอนางเดนมาถึงก็จัดแจงแกะผ้าพันแผลที่พันกนเละเทะออกจาก ตัวทั้งสองคน

“ เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไหงตื่นมาตัวถึงระบมไปหมดงี้นะ แถม… ”
ลากูน่าหยุดกล่าวไปกลางคัยเมื่อ กลิ่นคาวปลาและซอสมะเขือเทศโชยออกมาจากตัวเค้า
ทันทีที่กลิ่นอันแสบทรวงนี้ ถูกดมด้วยประสาทจมูกที่ยอดเยี่ยมของครึ่งสมิง กลิ่นนี้

ก็แรงขึ้นเป็นเท่าตัว จนทำเอาเค้า แทบจะหน้าเป็นลม สีหน้าบอกบุญไม่รับแบบสุดๆ
กับกลิ่นคาวปลานี้ ซึ่งนั่นทำเอานีน่าอมยิ้นหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ


“ แถมยังมีกลิ่นคาวปลาแล้วยังน้ำแดงๆเหนียวๆนี่อีก ”
ลากูน่ากล่าวด้วยความรำคาญ

“ เหรอแต่พี่สาวว่ามันก็ไม่ค่อยเหม็นเท่าไหร่หรอกนะ ”
นีน่ากล่าวเหน็บลากูน่าเป็นการเอาคืน จากเมื่อวานที่นางโดนเค้าเหน็บเรื่องสกาโล่
ซึ่งทำเอาลากูน่า หงุดหงิดเล็กน้อย ที่ถูกเอาคืน
“ แหงสิก็พี่เป็นแมวนี่นา ”
ลากูน่ากล่าวกระแหนะกระแหน ดดยไม่ได้คิดทบทวนคำพูดของตนเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่หลุดคำพูดออกมา ทั้ง Lr และนีน่าแทบจะหยุดกึก ทันที

“ ลากูน่าเมื่อก็นายเรียกนีน่าว่ายังไงนะ ”
Lr ถามย้ำอีกครั้งด้วยความฉงน ซึ่งลากูน่าเองก็งงๆกับ
ท่าทีของเขาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจึงตอบปัดกลับไป

“ ก็เรียกว่าพี่ไง พี่สาวน่ะ ก็เค้าแก่กว่าชั้นกับนายปีนึงนี่ ”
ลากูน่าตอบซึ่งนั่นเองก็ทำเอา Lr อ้าปากค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ แหมๆลากุ ล่ะก็เดี๋ยวนี้ยอมเรียกพี่สาวแล้วเหรอจ้ะ ว่าแต่…. ”
นีน่ากล่าวแทรกขึ้นมาเสียงใสแต่ก้หยุดกึกเอากลางคันแล้วยื่นหน้าเข้าไปหา
ลากูน่าพร้อมกับตีสีหน้าฉุนเฉียว ใส่เขา

“ แต่ที่ว่าแก่เนี่ยรับไม่ได้ มาว่าพี่แก่เรอะลากุ ย้าาาาา ”
นีน่ากล่าวจบจบก็กดสวิตซ์ที่ด้ามปืน เพื่อเรียกให้แคริอุส ทิ้งอาวุธลงมา
ใส่เขา

“ จ้ากกกกก ”
ลากูน่าร้องเสียงหลงทันทีที่อาวุธจำนวนมหาศาลถูกโยนลงนับไม่ถ้วนแต่เค้าก็วิ่งหลบได้หมด

“ แฮ่กๆ ทำอะไรของพี่เนี่ยเล่นเอาตกอกตกใจหมด แล้วก็อย่าเรียกผมว่าลากุเฉยๆนะ ”
ลากูน่ากล่าวขณะที่หอบแฮ่กอยู่ท่ามกลางกองอาวุธที่หล่นลงมา
ซึ่งนีน่าก็ยืนหัวเราะร่า ในขณะที่ Lr กับพวกลูกมังกรอีกสามตัว ยืนมองเหตุการณ์ตาค้างด้วย
ความตกใจสุดขีด

“ นี่เค้าเล่นกันแรงงี้เลยเรอะ ”
Lr คิดอย่างหนักใจกับ เหตุการณ์ตรงหน้าอย่างที่สุด
แต่เมื่อเค้าคิดขึ้นมาได้ว่าไลท์ กับเอิธท์ยังไม่ฟื้นซักทีก็เริ่มที่จะเป็นห่วง
และทันทีที่ลากูน่าเห็นสีหน้าของ เขาเปลี่ยนไปก็เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

“ นี่กังวลอะไรอยู่เหรอ ”
ลากูน่าถาม Lr จึงหันมามองเขาด้วยสีหน้าแฝงความหวังไว้นิดๆ

“ ไลท์กับเอิธท์ยังไม่ฟื้นเลย เมื่อคืนพวกนายทำอะไรพวกเค้ารุนแรงรึเปล่า ”
Lr คะยั้นคะยอซึ่งลากูน่าเงก็ทำหน้างงๆ พร้อมกับเอามือเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ

“ จำไม่ได้ หรอกเพราะตอนที่พวกเราอยู่ในสภาพนั้นน่ะเราก็เบลอไปหมดแล้วถ้า
ยังไงพาชั้นไปดูหน่อยสิเผื่อจะรู้ว่าเป็นอะไร ”
ลากูน่ากล่าวจบ Lr เดินนำลากูน่ากับนีน่าไปที่ใต้ต้นไม้อีกต้นซึ่งพวกนอฟฮอฟกำลัง
เช็ดตัวทั้งสองที่หมดสติอยู่ ทันทีที่ลากูน่า เห็นเค้าก็ก้มลงเอามือลูบที่หน้าผากขงมังกรน้อยทั้งสอง
ที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่ ก่อนจะพึมพำคถา ออกมา ซักครู่ก็เกิดแสงสว่างวาบออกมาจากฝ่ามือของเขา

« Last Edit: June 15, 2008, 11:00:09 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #195 on: June 15, 2008, 05:57:19 PM »

ก่อนที่ควันสีดำจะโชยออกมาจากร่างของลูกมังกรทั้งสอง และถูกดูดกลับเข้าไปในแสงนั่นและจางลง
ทันทีพร้อมกับที่ลูกมังกรทั้งสอง ได้สติ และลุกขึ้นมามองสภาพรอบๆด้วยความงุนงง
Lr ที่เห็นทั้งสองฟื้นขึ้นมาก็โผเข้ากอด ทั้งสองด้วยความดีใจพร้อมกับเพื่อนๆมังกรที่พลอยโล่งอกไปด้วย

“ สงสัยเมื่อคืนจะโดนเวทย์นิทราของชั้น ไปเองน่ะล่ะเพราะดูจากอากการหลับลึกแล้วน่าจะใช่ ”
ลากูน่าอธิบายซึ่งไลท์ที่แม้จะยัง งงๆกับสภาพรอบตัวแต่ก็อยากจะไขข้อสงสัยบางข้ออยู่เต็มที
จึงกล่าวออกไป

“ นี่แล้วเมื่อคืนทำไมพวกนายถึงหายตัวไปล่ะ แถมจำได้ลางๆว่าชั้นเจอพวกนายตอนเป็นสมิงแล้วจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ”
ไลท์ยิงคำถามใส่พวกเขาเป็นชุด จนตอบไม่ถูกสุดท้ายนีน่าจึงสรุปให้ฟังโดยรวม

“ คือว่าเมื่อคืนน่ะ พระจันทร์มันโดนบังเอาไว้อยู่เราเลย ไม่รู้ว่ามันเป็นวันแห่งการคืนกลับสู่สัญชาตญาณน่ะ พอรู้ตัวอีกทีก็คุมตัวเองแทบไม่ได้แล้วเจนัสเลยบอก ให้พวกเราไปหลบอยู่ในคฤหาสน์ร้าง
นั่นจะได้ไม่ไปทำร้ายพวกเธอน่ะเพราะในสภาพนั้น นอกจากสมิงด้วยกันเราจะทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเลย ถ้ายังไงก็ขอโทษด้วยนะ ว่าแต่แผลที่หัวนี่ใครทำเหรอเพราะว่าฉันไม่น่าจะแรงเยอะยังงี้นา  ”

นีน่ากล่าวซึ่งคำถามตอนท้ายที่นางถาม ลากูน่าแทบจะอยากค้านอยู่เต็มแก่ เพราะตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านแหลมทวีปนาง ลากเค้าไปร้านเสื้อผ้าได้สบายๆเลยขนาดว่าเค้าออกแรงยื้อเอาไว้แล้ว แต่ ก็ไม่ได้กล่าวตัขึ้นมาเพราะต้องการจะรู้เหมือนกัน แต่ทว่า Lr ยังไม่ทันได้ตอบก็มีเสียงแทรกเข้ามาซะก่อน

“ แผลนั่นน่ะจากชั้นสินะ ”
ทันทีที่ทุกคนหันไปยังต้นเสียงก็ เห็นเจนัสที่เดินขึ้นมากับพวกเคาท์เพนกวินจากแอ่งน้ำตก
เขาเดินเข้ามาใกล้ Lr แล้วดก้มลงดูอาการของเขา อย่างถี่ถวนก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ เฮ้อ..นายนี่โชคดีนะที่ไม่โดนหนักมาก เพราะรายสุดท้ายที่โดนเมื่อสองปีที่แล้ว ทหารข้าศึกโดนหักกระดูกจนแหลกไปทั้งตัวเลย ”
เจนัสกล่าวซึ่งประโยคของเขาทำเอา Lr เสียงวาบไปถึงกระดูก ที่ตนยังรอดมาได้
แต่แล้วการสนทนาก็ต้องหยุด ไปเมื่อผุ้มาเยือนอีกสองคนเดินอ้อมมาจากอีกฟากของแอ่งน้ำตก

เมทาไนท์ที่ตอนนี้กลับมาใส่ชุดเกราะตามเดิมแล้ว เดินคู่มากับเด็กหนุ่มครึ่งสมิงผมสีทอง
เครสเซนท์หรือริคุน่ะเอง ทันทีที่เครสเซนท์เดินตรงเข้ามา ลากูน่ากับนีน่าก็ไม่รอช้ารีบเตรียมตั้งท่า

พร้อมประจัญบาญทันทีแต่ทว่าเจนัสกลับยกมือขึ้นปรามเอาไว้ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ทั้งคู่ก็
ยอมวางมือ เจนัสที่มองลึกเข้าไปในดวงตาของเครสเซนท์ ก็มีสีหน้าประหลาดใจ ขึ้นมา

และแม้ว่าเครสเซนท์จะเดินใกล้เข้ามาเรื่อยจนหยุดอยู่ตรงหน้าเขา แล้วก็ตามเขาก็ยังไม่มีทีท่าจะป้องกันตัวแต่อย่างใด
เครสเซนท์ที่เห็นดังนั้นก็ หลับตาลงถอนหายใจก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าเขาให้ชัดๆอีกที

“ นายคงเป็นคนเดียวเลยมั้งที่ดูออกว่าเป็นชั้นเองน่ะ ”
เครสเซนท์กล่าวซึ่งคำพูดของเค้าทำเอา พวกลากูน่าและ Lr งงไปตามๆกัน

 “ ริคุนี่นาย ”
เจนัสกล่าว ออกมาได้เท่านั้นเพราะเค้าเองถึงจะมั่นใจแล้วว่าเครสเซนท์ตอนนี้คือริคุตัวจริง
แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองอยู่ดี

“ ชั้นรู้นะว่ามันเชื่อยากแต่สิ่งที่ชั้นจะบอกต่อไปนี้คือความจริง…. ”
ริคุกล่าว ก่อนจะเริ่มเล่าความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีก่อนทั้งหมด

หลังจากที่เค้าเสียชีวิตลงเพราะการประลองกับเจนัส อยู่ๆเค้าก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ในความมืดมิดอาการเจ็บจากบาดแผลและรอยฟกช้ำก็หายไปทั้งหมด ในตอนนั้นเค้าคิดว่าตนได้ตายไปแล้ว

แต่ทว่าผลันแสงสว่างก็ถูกส่องสว่างจ้าขึ้นมา และเมื่อเค้าปรับสายตาให้ชินกับความมืดเค้าก็ได้เห็นว่าตน
อยู่ในห้องโถงประชุมขององค์กรนั่นเอง ที่ตรงหน้าเค้าคือบัลลังค์ของท่านผู้นั้น

“ เครสเซนท์เจ้าได้ฟื้นคืนขึ้นมาจากความตายอีกครั้งด้วยอำนาจของข้าแล้ว จากนี้ไปเจ้าจะต้องรับใช้ข้าด้วยชีวิต ”
เสียงของท่านผูนั้นก้องกังวานลงมา ยังเบื้องล่าง และอยู่เค้าก้รู้สึกว่าในตัวเค้ามีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลาน ออกมาเค้าพยายามจะฝืน

ไม่ให้มันออกมาแต่ก้ไม่อาจต้านทานกับอำนาจของมันได้
จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีเค้าก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ตามที่คิด

“ จากรายงานที่เซอร์เซสส่งมาเจ้าเป็นผู้ที่แนวดน้มจะทรยศและ ก่อกบฏขึ้นในองค์กร
จึงต้องทำให้เจ้าตายและคืนชีพขึ้นมาโดยมีจิตอีกด้านของเจ้าเป็น ผู้คุมชะตาของเจ้า จากนี้ไปเจ้าคือ 12 เทพขุนศึก เครสเซนท์  ”
เสียงของท่านผู้นั้นกังวานงมาอีกครั้ง และตัวเค้าก็โค้งลงรับคำ โดยที่ไม่อาจคุมไว้ได้ราวกบตอนนี้เค้าถูกใครบางคนใช้ร่างอยู่  ซึ่งในตอนนั้น 12 เทพขุนศึกอีกคนที่สวมผ้าคลุมดำปิดหน้าปิดตา ซึ่งพวกเค้าเรียกว่านักประดิษฐ์ก็เดินเข้ามาและสวมเข็มขัด

ที่มีกลไกแปลกๆให้กับเค้า ก่อนที่ชิ้นส่วนชุดเกราะสีดำจะถูกประกอบเข้ากับร่างของเขา    และจากนั้นเป็นต้นมา เค้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ได้มีจิตอีกด้านนึงคอยบงการร่างของเขาอยู่
ส่วนเค้าทำได้เพียงแค่เฝ้ามองอยู่ภายใน จิตใจส่วนลึกเท่านั้นนานๆครั้งเมื่อจิตอีกด้านอ่อน
แรงลงตัวเค้าจึงจะออกมาด้านหน้าได้

หลังจากที่อธิบายจบ พวกเจนัสเองนั้นแม้จะไม่อยากเชื่อแต่ก็ไม่ม ีอะไรที่จะมาอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้นอกจากที่เค้ากล่าวมาอีกแล้ว

“ อย่างที่เล่าไปนั่นล่ะ ตอนนี้ชั้นอาจจะยังประคองสติไว้ได้อยู่แต่อีกไม่นานจิตใจอีกด้าน
(AnotherMind)ของชั้นมันก็คงจะตื่นขึ้นมาแล้วล่ะเพราะฉะนั้น
เพื่อไม่ให้พวกนายต้องลำบากชั้นควรจะรีบๆไปจากนี่จะดีกว่า ”
ริคุกล่าวจบก็กดสวิตซ์ที่เข็มขัดผลันเกิดช่อง ว่างมิติขึ้นในอากาศและเมื่อเค้าจะดนเข้าไป เจนัสพยายามจะเรียกให้เค้าหยุดไว้ก่อนแต่ ทว่าเค้ากลับหน้ามามองเค้าด้วยแววตา เศร้าๆชั่วครู่ก่อนที่มันจะจาง
หายไป เขามองไปที่ Lr




“ นายน่ะชื่อลอว์เรนซ์ใช่มั้ย ”
เขาถามซึ่ง Lr เองก็พยักหน้ารับ

“ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรแต่ตอนนี้องค์กร กำลังจ้องจะจับตัวนายอยู่ถ้ายังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ”
เค้ากล่าวเตือนซึ่งนั่นก็ทำให้ตัว Lr เองแปลกใจไม่น้อยกับคำพูดของเขา  ริคุหันไปมองเจนัสอีกครั้งก่อนจะเอ่ยทิ้งท้าย

“ ถ้าเจอกันครั้งหน้าชั้นจะไม่ใช่ชั้นอีกต่อไปเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ ”
เค้ากล่าวจบก็หายวับเข้าไปในประตูมิติที่ค่อยๆปิดลง อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มีดอกาสบอกลา แม้แต่น้อย

“ ริคุ ”
เจนัสเอ่ยชื่อของเขาออกมาโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย ซึงลากูน่ากับนีน่าเองก็ถึงกับทรุดลง
เมื่อได้รู้ความจริงของการมีชีวิตอยู่ของริคุ เพื่อนสนิทที่คิดว่าตายไปแล้ว และยังอำนาจในการคืนชีพ
ผู้ที่ตายของท่านผู้นั้นอีกด้วยทำให ้หนทางที่พวกเค้าจะต่อกรกับองค์กรได้นั้น ยิ่งริบหรี่ลงเรื่อยๆ

“ เพราะอย่างนี้สินะ เหล่าผู้คนใน ประวัติศาสตร์ที่ได้ตายลงใน ยุคสงครามแห่งเมอริเซียถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ได้ ”
เมทาไนท์กล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกเดินไปแต่ Lr ก็เรียกเค้าเอาไว้ก่อนจนเค้าต้องหยุดชะงักหันกลับไป

“ ทำไม ท่านถึงได้คอยตามช่วยเหลือพวกเราตลอดเลยล่ะ แล้วยังเสื้อเกราะที่ระเบิดออกได้นั่นอีกนั่นน่ะเหมือนกับของที่ ริคุใช้เลยนะ ท่านเป็นใครกันแน่ ”
Lr ถามแต่ดูเหมือนว่า เมทาไนท์จะเมินเฉยต่อคำถามของเขา ก่อนจะล้วงเอาสายคาดข้อมือขึ้นมาแล้วส่งให้กับเขา
ก่อนจะออกเดินไปอีกครั้ง

“ นั่นคือคำตอบแล้วซักวันเจ้าจะเข้าใจเอง ”
เมทาไนท์กล่าวโดยไม่หันกลับมามองทิ้งไว้ แต่เพียงสายคาดที่สลักตัวอักษรเอาไว้ว่า
 Laurence & Garet เท่านั้น

“ นี่มัน… ”
Lr เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับล้วง เอาสายคาดอีกเส้นที่ไหม้ไฟจนเหลือเพียงแค่คำว่า Laurence อยู่บนสายคาดเท่านั้นขึ้นมาเทียบ

“ นี่มันหมายความว่ายังไกัน กาเร็ท(Garet)คือใครกันแน่ ”
Lr คิดอย่างสับสน

บัดนี้มีเพียงเสียงน้ำที่ไหลลงมาตก กระทบกับโขดหินเบื้องล่างที่ดังก้องอยู่ท่ามกลางวังวนแห่งความสับสนนั้น

………….
……………….
…………………

เช้าวันต่อมาที่หน้าคฤหาสน์ร้าง

หลังจากที่ล่ำราเคาท์เพนกวินและลูกน้อง พวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อไปโดยมีจุดหมายคือเมืองทีนวาแลนทางเหนือ หลังจากที่พวกเขาเดินป่ามาได้ซักสองสามชั่วโมงพวกเขาก็พบที่ราบลุ่ม อันเป็นที่ตั้งเมืองทีนวาแลน

สายลมที่โบกพัดโชยกลิ่นหญ้าตลบอบอวลไปทั่ว พวกเขายิมออกทันทีก่อนที่จะ
ตรงต่อไปยังเมืองทันที

โดยที่เอิธท์คอยเดินรั้งท้ายกลุ่มเอาไว้ จนเมื่อเห็นว่าทุกคนวิ่งล่วงหน้าไปกันหมดแล้ว
จึงหยุดเดิน แววตาของเขาลุวาวเป็นสีแดงขึ้นมาทันที

“ ออกมาได้แล้วน่า ”
เอิธท์กล่าวออกมา เป็นภาษามนุษย์ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งไม่เหมือนเสียงของเขาทุกที
ผลันก็เกิดสายฟ้าฟาดลงข้างหลังตัวเค้าพร้อมกับการมาของ บุคคลทั้งสองและเทอเรี่ยนสีดำอีกหนึ่งตัว

คนนึงเป็นหญิงสาวแววตามาดร้ายแบกดาบเล่มใหญ่เอาไว้บนบ่า อีกมือลูบหัวเจ้าเทอเรี่ยนสีดำ ด้วยความเอ็นดู
ซึ่งมันก็เชื่องกับนางราวกับลูกแมว ส่วนอีกคนสวมเสื้อคลุมสีดำปกปิดใบหน้าเอาไว้จนมิดชิด ในมือถือกรง

ซึ่งขังแมวขนสีขาวที่หลังของมันมีปีกค้างคาวยื่นออกมา ซึ่งมันมีรูปร่างเหมือนแมวดาร์คเดสทินี่
(Dark Destiny)ทั่วไป แต่ต่างตรงที่ว่าตัวมันเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว



“ พวกมันมาถึงกันแล้วสินะ ”
หญิงสาวถาม

“ ใช่พร้อมกับเจ้าจอมเวทย์น้อยสองตัวนั้นด้วย ”
เอิธท์กล่าว ซึ่งนางก็ยิ้มขึ้นมาทันที

“ ดีจะได้เก็บกวาดเสียให้หมดๆไปทีเดียวเลย ”
นางกล่าวก่อนจะหัวเราะด้วยกระหยิ่มผยอง




โปรดติดตามตอนต่อไป
 
ในตอนหน้า
 
หลังจากที่พวก Lr เข้าไปในเมืองทีนวาแลน ก็ได้เห็นใบประกาศจับของ เรโค่และเซโร่
เอิธท์ที่มีท่าทีแปลกๆไป ได้ชักจูงให้พวกเขาได้พบเจอกับ เรโค่และเซโร่ จนเกิดการปะทะกัน
แต่นิทินโคที่อยู่ด้วยก็ออกมาห้ามพวกเขาไว้

เหล่าชาวเมืองทีนวาแลนที่ถูกหลอกลวงว่าพวกเซโร่เป็นคนโจมตีเมืองด้วยกองทัพ
ทหารผีต่างพากันมาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาไว้
อดีตที่ทำให้นิทินโคต้องตัดสายสัมพันธ์กับ Lr และท่าทีที่เปลี่ยนไปของเอิธท์คืออะไร

“ เมื่อสิ่งที่ทุกคนลงความเห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกแม้จะไม่ยุติธรรมแต่นั่นก็คือคุณธรรมไม่ใช่รึ ”

คำพูดที่ดังก้องอยู่นั้น

“ ถึงมันจะเป็นคุณธรรมสำหรับพวกเค้าแต่การที่ต้องแลกมาด้วยความเสียสละของใคร
บางคนนี่น่ะเหรอคือคุณธรรมน่ะ…ชั้นไม่มีวันยอมรับมันเด็ดขาด ”

“ จงเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมนะไฟร์เพราะน้องคือ..น้องของพี่ ”
“ พี่คร้าบบบบบบบบบบ ”
 
อุดมการณ์ที่ถูกเหยียบย่ำ และสายสัมพันธุ์ที่ฟื้นคืนกลับมา

“ เพราะเป็นคุณแก่ตน ถึงได้เรียกมันว่าคุณธรรมงั้นเหรอ..ถึงมันจะจริงแต่นั่นก็ไม่ใช่คุณธรรมที่แท้จริงหรอก ”
สิ่งที่นำไปสู่ขุมพลังอันยิ่งใหญ่คีย์เวิดร์นั้นคือ…..

“ คุณธรรมที่แท้จริงจะไม่เกิดจาจากความกลัว นามของข้าจะเป็นเพลิงแห่งคุณธรรมเผาผลาญความกลัวแห่งปีศาจให้วอดวาย ……. ”

ตอนหน้าบทที่ 23 เปลวเพลิงแห่งคุณธรรม

และแล้วก็จบลงไปแล้วนะครับกับอีกบทนึง ว่าแต่เมื่อวานคุณ boy มีอะไรรึเปล่าครับเห็นส่งข้อความา

บทนี้รู้สึกงงๆ กับการบรรยายฉากไหมครับผมเองยังมึนตึ้บเลย และเพราะบทนี้แปลงร่างทีสองตัวเลย
เล่นกันซะลากเลือดเหอๆถ้ายังไงก็ขอให้อ่านสนุกๆอย่าซีเรียสกับบทนี้นักเลยครับ เพราะมันวุ่นจริงๆ
เหอๆอะไรเป็นอะไรมั่วไปหมดแย้วอ้อได้เวลานับถอยหลังละ


    End Time 3
« Last Edit: August 31, 2008, 09:29:06 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #196 on: June 15, 2008, 09:14:32 PM »

สนุกจังเลยแถมรู้สึกสนุกเป็นพิเศษ
ปล.เอิร์ทแย่แล้ว   
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #197 on: June 17, 2008, 01:43:55 AM »

ตอนใกล้เข้าไคลแมกต์และกำลังจะจบช่วงที่สองแล้วนะครับบางทีอาจจะเห็นว่าช่วงนี้แปลงร่างถี่มาก
เลยเพราะอยากจะบอกว่าใกล้
จบช่วงสอง The Dragoon Age แล้ว และจะเริ่มช่วงสามซึ่งจะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมอีกเพราะ
จะเริ่มเข้าใกล้จุดแตก หัก ขึ้นทุกทีๆแล้ว
ดังนั้นหากในช่วงนี้อ่านแล้วเจอเรื่องน่าตกอกตกใจบ่อยๆ หรือการไขปริศนาที่ทิ้งเอาไว้ กระจ่างออกมามากมาย
นะครับส่วนบทที่แล้วถ้าสนุกก็ดีแล้วล่ะครับเอว่าแต่ทำไม เอิธท์ถึงเป็นยังงั้นน้องั้นจะใบ้ให้นะครับลองกลับไปดูบทที่ 16ดูครับแล้วจะกระจ่างขึ้นเยอะ
เพราะบทนั้นมีเงื่อนงำออกมามากเลยทีเดียวครับ
ถ้าหาไม่เจอก็รอดูวันอาทิตย์นี้นะครับ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #198 on: June 18, 2008, 10:18:29 PM »

รู้สึกเหมือนเงื่อนงำที่ว่าคือเอิร์ทถูกเวทย์จำพวกสะกดจิต   ใช่มั้ยครับ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #199 on: June 22, 2008, 07:51:33 PM »

บทที่ 23 เปลวเพลิงแห่งคุณธรรม


 สายลมที่พัดโชยไปทั่วตลอดเวลาในที่ราบลุ่มอันเป็นที่ตั้งของเมืองทีนวาแลน ซึ่งเป็นเมืองชนบทเล็กๆแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่รอบนอกของเมืองก็ยังมีกำแพงเมืองกั้นล้อมเอาไว้ และยังมีการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเหมาะสม
ภายในเขตเมืองมีต้นไม้ถูกปลูกเป็นแนวยาวไปตามถนน สีขาว อาคารบ้านเรือนมีรูปร่าง เป็นทรงกระบอกเสีย

ส่วนใหญ่ เหล่าประชากรในเมืองแห่งนี้ส่วนมากจะเป็นพ่อค่าเร่ และพวกนายพราน เพราะด้วยสภาพของเมืองที่เป็นที่ราบลุ่มจึงชาวบ้านบางส่วนเท่านั้นที่ประกอบการทำไร่ทำนา แต่ทว่าเมืองที่เคยสงบแห่งนี้เมื่อไม่กี่วันมา
กลับถูกปิดล้อมโดยเหล่าทหารผีนรก (Necrotrooper) และแม้เหล่าทหารผีนรกจะถูกใครบางคนทำให้เป็น

น้ำแข็งและแตกสลายไปจนหมดสิ้นแล้วแต่ชาวเมืองก็ยังคงอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้แม้จะไม่มีใครตก
เป็นเหยื่อของทหารผีเหล่านั้นเลยก็ตาม แต่ก็เริ่มมีข่าวลือภายในเมืองอย่างหนาหูว่าจอมเวทย์ที่ร้ายกาจที่สุด

คือผู้ที่ปิดล้อมเมืองเอาไว้และผู้ที่ทำลายทหารผีนรกก็คือจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคนเช่นกัน
ชาวเมืองต่างพากันคิดไปต่างๆนานาว่า จอมเวทย์ ทั้งสองคิดจะปะทะกันโดยใช้เมืองนี้เป็นสมรภูมิ


ในค่ำคืนนึงวันที่จันทราเป็นสีแดงฉาน ได้เกิดฟ้าผ่าขึ้นทั้งที่ไม่มีเมฆฝนผ่าลงมายัง
หน้าที่ว่าการอำเภอของเมือง

ภายในห้องรับรองของที่ว่าการอำเภอ ชายสูงอายุ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นด้วยความชราของเขาทำให้หนังตาย้อยลง
มาปิดตาของเขา ผมสีขาวหงอก บ่งบอกความชราของเขา ไม่มีใครรู้ว่าทำไมชายแก่ผู้นี้ ถึงได้มา
นั่งอยูที่เก้าอี้ไม้ มือทั้งสองข้างเท้าคางไว้บนโต็ะด้านหน้าภายในห้องรับรองของที่ว่าการนี้ และเขามานั่งรอเป็นเวลานานเท่าใดแล้วก็ไม่อาจทราบได้

แอ้ดดดดดด!

เสียงประตูคราดกับพื้นจากการถูกผลักออกดังขึ้น พร้อมกับการมาของคนกลุ่มนึง
โดยที่ภายในกลุ่มมีคนนึงเดินแยกเข้ามาหาชายแก่ ก่อนจะทิ้งตัวลง นั่งบนเก้าอี้ ด้านตรงข้ามเชา
โดยมีโต็ะไม้คั่นกลางระหว่างเค้ากับ คนกลุ่มนั้น

“ ก็อยางที่รู้น่ะล่ะ ว่าตอนนี้เมืองแห่งนี้ไม่ปลอดภัยแล้วเราไม่รู้ว่า จอมเวทย์ทั้งสองจะสู้กันอีกครั้งเมื่อไหร่และครั้งหน้าอาจจะไม่จบแค่นั้นก็ได้ ถ้ารู้อย่างนี้แล้วเจ้าก็ควรตัดสินใจได้แล้ว ”
ผู้มาเยือนกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทั้งตัวเขาและกลุ่มของเขาล้วนแต่สวมผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด
ทุกคน จนไม่อาจรู้ได้เลยว่า ใครเป็นใครบ้าง

ชายแก่ค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อมองกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระแอ่มไอเล็กน้อย เพื่อทบทวนคำพูดของตน

“ อืมจริงอยู่ที่มีความเป็นไปได้แต่เราก็ไม่ควรจะไปกล่าวหาพวกเขานะเพราะเราก็ไม่เห็นกับตาว่าพวกเขา
เป็นผู้กระทำเลยไม่ใช่รึ…. ”
ชายแก่กล่าว คำพูดของเขาทำเอาอีกฝ่าย ต้องตกตะลึงกับวาจาของเขา

“ นี่เจ้าพูดจริงรึ ”
อีกฝ่ายถามย้อนกลับมาด้วยความแปลกใจ ชายแก่หรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับใช้ความคิดพินิจพิเคราะห์
ปฏิกิริยาเมื่อครู่ของอีกฝ่าย

“ ความจริงพวกเจ้าคือผู้ที่โจมตีเมืองด้วยกองทัพผีดิบพวกนั้นสินะ…. ”
ชายแก่กล่าวดดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่ว่าอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน แล้วเพราะผู้ที่มาเจรจาพุ่งตัวลุกขึ้น
จนเก้าอี้ล้มโครมไปก่อนจะเอามือทั้งสองข้างกระแทกลงบนโต็ะอย่างแรง แต่ชายแก่ก็ไม่ได้ ขยับหรือมีท่าที
สะดุ้งเลย เขายังคงเท้าคางอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเยือกเย็น

“ ใช่…พวกข้าเองที่เป็นคนบงการกองทัพผีดิบเหล่านั้นและคนที่มาขัดขวาง
ก็คือเจ้าเทพนทีทลายสวรรค์นั่นแหล่ะ รู้อย่างนี้แล้วเจ้าจะทำไมหือ ”
อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงยียวน เพื่อจะยั่วยวน ให้ชายแก่เสียสมาธิ แต่ทว่าเขากลับไม่สะทกสะท้านใด เพียง
แค่ถอนหายใจออกมาราวกับเบื่อหน่าย

“ เฮ้อ…แล้วพวกเจ้าจะให้ข้าตัดสินใจอะไรอีกล่ะยังไงซะพวกเจ้าก็คิดจะข่มขู่เราอยู่ดีไม่ใช่รึหาก
ปฏิเสธก็ไม่แคล้วโดนบังคับอยู่ดี….แล้วจะมาต่อรองให้เสียเวลาทำไมแล้วแต่พวกเจ้าเถอะ ”
ชายแก่กล่าวด้วยความเอือมระอา ซึ่งแม้ว่าน้ำเสียงของชายแก่จะชวนให้หงุดหงิดเพียงใดแต่อีกฝ่ายก็ข่มความรู้สึกนั้นไว้ก่อนจะหันหลัง
ก้าวกลับไปที่ประตู และหยุดชะงักเพื่อจะหันกลับมา

“ แล้วเราตะได้เห็นดีกันนายอำเภอ… ”
เขากล่าวก่อนจะก้าวออกจากห้องไปพร้อม กลุ่มคนที่ตามเขามาพากันเดินตามหลังเขาออกไป
ทิ้งให้ชายแก่นั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังตามเดิม

“ ไม่ว่าพวกเจ้าจะทำอะไรก็ตาม อย่างไรซะคุณธรรมก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ”
ชายแก่กล่าวก่อนที่จะลุกเดินไปปิดประตูห้อง

………………
………………….
……………………….

ในวันรุ่งขึ้น
เด็กสองคนในชุดคลุมสีขาว สวมฮู้ดกับลูกมังกรนิทินโค กำลังวิ่งไปตามถนน โดยไม่หยุดพัก พร้อมกับเหล่าชาวเมืองที่
ถือเอา จอบ คราด เสียม ไล่กวดหลังมา แม้จะเหนื่อยหอบเต็มที แต่ทั้งสามก็ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่ลดความเร็วลง

จนเมื่อพวกเขาเลี้ยวเข้าไปยังซอกซอยของเมืองและเจอกับทางตัน ด้านหลังชาวเมืองที่ไล่กวดมาก็
ตามมาล้อมพวกเขาไว้

“ พวกแกนี่เองทำให้ เมืองเราต้องกลลาหลกันไปหมด ”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มชาวเมืองกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ หนอยถึงว่าทำไมหาตัวไม่เจอที่แท้ก็ปลอกเป็นเด็กหรอกเรอะ ไอ้ปีศาจ ”
หญิงร่างท้วมคนนึงในกลุ่มชาวเมืองกล่าว ด้วยน้ำเสียงหยาบกร้านเต็มที่

“ พวกแกมันปีศาจ ”
ชายคนแรกกล่าวย้ำอีกครั้งก่อนที่ชาวเมืองจะโห่ และด่ากล่าวต่างๆนานา ใส่พวกเค้า

“ ไร้รูปไม่ไร้ตนเจ้าจงแปรเปลี่ยนไปดั่งใจข้า จงเป็นศาสตราให้ข้าได้ปกป้องและทำลาย ”
“ Icicleric Rain ”
สิ้นคำของเด็กคนนึงที่สวมเสื้อคลุมอยู่ ฝนแท่งน้ำแข็งจำนวนมากก็พุ่งตกลงมาใส่พวกเขาทั้งสาม
จนเกิดควันไอเย็นฟุ้งไปทั่ว พวกชาวเมืองรีบพุ่งเข้าไปเพื่อจะจับตัวพวกเขาท่ามกลาง

ไอหมอกสีขาวที่ตลบอบอวลไปทั่วตรอกจนชนกันเองและเมื่อไอหมอกจางลงทั้งสามก็หายไปแล้ว

………
………….
…………….

เหนือขึ้นไปบนน่านฟ้าของเมือง เด็กสวมเสื้อคลุมทั้งสองกับลูกมังกรไฟ ทั้งหมดกำลังทะยานไปบนน่านฟ้าเพื่อตรงไปยังทุ่งราบนอกเมือง

“ ทำไมพวกชาวเมืองถึงได้มาไล่ล่าพวกเราทั้งที่พวกเราช่วยเค้าเอาไว้นะ ”
เด็กคนนึงถามอีกคนก่อนที่แรงลมจะพัดเอาฮู้ดเสื้อที่คลุมหัวพวกเขาทั้งสองออก
พวกเขาทั้งสองเป็นเด็กหญิงและเด็กชายซึ่ง อายุราวๆ 9-10 ปี

“ นั่นคงเป็นเพราะไอ้นี่ล่ะมั้ง ”
เด็กชายกล่าว ก่อนจะยื่น แผ่นกระดาษในมือส่งให้นางซึ่งนางก็รับมาดูด้วยความงงๆ
ว่าเขาหยิบเอามาตอนไหน
แต่นั้นก็ยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับสิ่งที่พิมพ์อยู่บนกระดาษใบนั้น มันเป็นรูปของพวกเขาทั้งสองคน
และที่ใต้ใบก็เขียนประกาศจับพวกเขาทั้งสอง ในข้อหา เป็นตัวอันตราย

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
เด็กหญิงกล่าวขณะที่พวกเขากำลังค่อยๆลงสู่พื้นอย่างช้าพร้อมกับลูกมังกรนิทินโคที่บินดูใบประกาศในมือของนาง

“ หึ..พวกเค้าคงคิดว่าเราสู้กันจนทำให้เมืองพังพินาศเพราะพลังของพวกเราล่ะมั้ง ”
เด็กชายกล่าว

“ ไม่ยุติธรรมเลย นี่พวกเขาไม่มีคุณธรรมกันบ้างเลยรึไง คิดกันไปเองแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย ”
เด็กหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ซึ่งนิทินโคที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่ก็พลอยไม่ชอบใจไปด้วย กับการกระทำของชาวเมือง

“ บ่นไปก็เท่านั้นล่ะ เพราะสำหรับพวกเค้าเราถือเป็นตัวอันตรายอยู่แล้ว ขนาดสมญานามที่ตั้งให้ยังดังกระฉ่อนไปทั่วแบบนี้น่ะ เป็นธรรมดาที่จะมีคนกลัวอยู่แล้ว ”
เด็กชายกล่าวอย่างเบื่อหน่าย ซึ่งก็ทำเอาเด็กหญิงถอนหายใจกับท่าทีไม่สนใจอะไรของเด็กชายด้วยความเอียนซะเต็มประดา

“ อะไรกันทั้งที่สองคนนี้ช่วยเอาไว้แท้ๆแต่นี่กลับ…เชอะเจ้าพวกมนุษย์ไม่มีคุณธรรมในหัวใจกันบ้างรึไง ”
นิทินโคคิดแต่ดูเหมือนว่า เด็กทั้งสองจะรู้ในสิ่งที่เขาคิด เพราะทั้งคู่ต่างหันมาหาเขา

“ เธอก็คิดยังงั้นเหรอ ”
เด็กหญิงกล่าวกับเขาซึ่งเขาก็ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรเพราะภาษามนุษย์เขาไม่ถนัดนักที่จะพูด
ไม่เหมือนกับที่พวกไลท์คุยกับ Lr เขาจึงพยักหน้ารับแทน

“ เมื่อสิ่งที่ทุกคนลงความเห็นแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกแม้จะไม่ยุติธรรมแต่นั่นก็คือคุณธรรมไม่ใช่รึ ”
เด็กชายกล่าวขึ้นมาก่อนจะเมินสายตาไปยังทิศที่เมืองตั้งอยู่
คำพูดของเด็กชายนั้นทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องในอดีตที่เขาไม่อยากจะนึกถึง

“ ถึงมันจะเป็นคุณธรรมสำหรับพวกเค้าแต่การที่ต้องแลกมาด้วยความเสียสละของใครบางคนนี่น่ะ
เหรอคือคุณธรรมน่ะ…ชั้นไม่มีวันยอมรับมันเด็ดขาด ”
เขาคิดอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะพยายามลืมภาพอดีตนั้นไป

……………………
……………………………..

หน้าประตูทางเข้าเมือง การตรวจตราเป็นไปอย่างเข้มงวด เพราะประกาศจับที่ออกใหม่ในวันนี้
ทำให้เหล่าทหารตรวจการต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้เกวียนสินค้าที่ขึ้นมาจากเรือซึ่งลอยลำจากทะเลเลาะเข้ามาตามแม่น้ำจนถึงทะเลสาบใหญ่ข้างเมือง อันเปรียบได้กับเมืองท่าย่อยเลยทีเดียว
สินค้าทุกอย่างถูกตรวจตราอย่างเข้มงวด

“ จะทำยังไงดีล่ะ เมืองนี้ไม่เหมือนกับหมู่บ้านที่ผ่านมาเลยนะ แล้วพวกนายจะเข้าไปยังไง การตรวจการก็แน่นหนาซะด้วยขืนดุ่มๆเดินเข้าไปมีหวังโดนเรียกแน่ ”
Lr กล่าวอย่างกลัดกลุ้มเมื่อมองมายังครึ่งสมิงทั้งสาม ซึ่งเมื่อดูแล้วหากพวกเขา
เข้าไปในสภาพนี้คงจะเป็นที่สะดุดตามิใช่น้อย เพราะเด็กชายหนึ่งคน ครึ่งสมิงเด็กชาย 2 และ เด็กหญิง 1 ตน
กับลูกมังกรอีก 5 ตัว นอกจากจะไม่ใช่คณะละครหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวธรรมดาๆ
แล้วยังไม่เหมือนพวกพ่อค้าเร่อีก ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็สะดุดตาเกินไปอีกทั้ง ครึ่งสมิงนั้นแม้ที่ทวีปนี้

จะเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็สำหรับบางพื้นที่เท่านั้น ที่ได้พบเห็น ครึ่งสมิง เหมือนอย่างที่เมอริเซียว่าสมิงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาวเผ่าที่อาศัยในอาณาจักรฟูดินัน แต่เป็นสิ่งที่แปลกสำหรับชาวฟีเลเซีย

“ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกถ้าเรื่องนั้นล่ะก็สบายมากเนอะ ”
นีน่ากล่าวพร้อมกับหันมา ขอเสียงสนับสนุนจากเจนัสและลากูน่าครึ่งสมิงหมาป่าสองพี่น้อง

ครู่ต่อมา Lr ที่เดินมาพร้อมกับลูกมังกรทั้ง 5 ตัว และลูกหมาป่าขนสีเงินตัวนึงและขนสีดำอีกตัวนึง
เดินสี่เท้าตามมาต้อยๆ โดยมีลูกแมวป่า เกาะอยู่บนไหล่ ของ Lr ขณะที่พวกเขาเดินผ่านประตูไป
หลังจากที่ทหารยามตรวจตราพวกเขาเรียบร้อย และกำลังเดินเข้าเมืองนั้นพวกเขายังคงตกเป็นเป้าสายตาจาก
ชาวเมืองอยู่ดี

เพราะเด็กชายเพียงคนเดียวแต่เลี้ยงสัตว์หลากหลายประเภท มากเหลือเกินจน Lr โดนใครต่อใครทักว่า
เขาเป็นผู้ฝึกสัตว์ (Tamer)

ครู่ต่อมาที่หน้าร้านเหล้าในเมือง


“ ใจร้ายนี่มันทิ้งให้ชั้นรับกรรมคนเดียวเลยนี่ ”
Lr ตะคอกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใส่ลูกแมวป่าซึ่งกระโดดลงจากไหล่เขามาเหยีบลงบนหัวของลูกหมาป่าขนสีเงิน

“ โอ้ยมันหนักนะลงไป ”
ลูกหมาป่าสะบัดหัวไล่จนลูกแมวป่าต้องกระโดดลงมา

“ แหมๆๆ ลากุล่ะก็พี่แค่แหย่เล่นเองนะ ”
ลูกแมวป่า กล่าวออกมาเป็นภาษามนุษย์ พร้อมกับยกเท้าขึ้นมาเลียทำความสะอาดขนเหมือนแมวป่าทั่วไป
ในขณะที่ลูกหมาป่าขนสีเงินทำหน้ามุ่ยสะบัดหางไปมาด้วยความไม่พอใจ

“ แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าพวกครึ่งสมิงเนี่ย นอกจากแปลงเป็นสมิงได้แล้วยังแปลงเป็นสัตว์ป่าได้อีก ”
เอิธ์ทกล่าวขึ้นขณะที่มองทั้งสามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ แล้วลูกมังกรที่นายกำลังตามหาอยู่น่ะเราจะหากันยังไง ”
ลูกหมาป่าขนสีดำ ถามขณะที่จมูกของมันดม ฟุดฟิดเหมือนกับจับกลิ่นอะไรบางอย่างได้แต่ก็ไม่มีใคร
สนใจกับท่าทีของมัน

“ ยังไงกันนะเมืองนี้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว จิตสังหารแผ่ครุกรุ่น ไปทั่วบริเวณเลย ”
ลูกหมาป่าสีดำคิดขณะที่พยายามดมกลิ่นเพื่อสืบหาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับกลิ่นบางกลิ่นที่
มันรู้สึกได้ในตอนนี้ มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยแต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“ ก็ถตอนนี้เรารู้แค่ว่านิทินโคอยู่กับจอมเวทย์สองคนเท่านั้นเอง รู้สึกจะชื่อ เรโค่ กับ เซโร่นะ ”
Lr ตอบขณะที่กำลังคิดหาวิธีตามหาตัวนิทินโค แต่คำพูดของเขากลับทำให้สรรพสัตว์ทั้งสามตก
ตะอึงตาค้างกับสิ่งที่ได้ยิน


“ เดี๋ยวก่อนนะ ลอว์เรนซ์ (Laurence) ตะกี้นายบอกว่าสองคนนั่นชื่ออะไรนะ ”
ลูกหมาป่าขนเงินกระโจนใส่เขาจนแทบรับไม่ทัน

“ ร…เรโค่ กับเซโร่ น่ะ ”
Lr(เป็นคำย่อของลอว์เรนซ์) ทวนให้ฟังอีกครั้ง ซึ่งทันทีที่กล่าวจบลูกแมวป่าก็เดินเข้าไปหาลูกหมาป่าขนสีดำ
และมองหน้ากันเหมือนกับรับรู้ในสิ่งเดียวกัน ซึ่ง Lr ก็ได้แต่มองด้วยความสงสัยขณะที่ค่อยๆวาง
ตัวลูกหมาป่าขนเงินลงจากแขน  หมาป่าขนสีดำหันมาที่เค้า

“ งั้นเรายิ่งต้องวางแผนให้รัดกุมเลยล่ะ เพราะเรากำลังเผชิญกับอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าที่แล้วมาซะอีก ”
ลูกหมาป่าขนดำกล่าวเสียงขรึม

“ สองคนนั่นน่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ ”
ไลท์ลูกมังกรพาลานัลคา ถามขึ้น

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #200 on: June 22, 2008, 07:51:57 PM »

“ แหงสินั่นน่ะระดับจอมมารเลยนะสมัยที่พวกเราอยู่ในองค์กรก็เคยได้ยินว่า ระดับหัวหน้าฝ่ายสองคน
ยังสู้ไม่ได้เลย ”
ลูกหมาป่าขนเงินกล่าวทั้งที่ยังผวาไม่หาย

“ แต่ชื่อ เรโค่ กับ เซโร่น่ะ เป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันนักหรอกนะจะมีก็แต่องค์กรที่ต้องการตัวพวกเขามาเป็นกำลังรบ
กับพวกกองทัพต่อต้านเท่านั้นล่ะ ”
ลูกแมวป่ากล่าว

“ แล้วยังงี้นิทินโคไม่โดนจับกินไปแล้วเหรอเนี่ย ”
ลูกมังกรเฟินกอลโลกล่าวด้วยความผวา

“ อควานี่ขี้กลัวกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
วิลกล่าวหยอกทำให้ เฟินกอลโลหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ
แต่ดูเหมือนบทสนทนา ของทั้งคู่จะทำให้พวก ลูกมังกร กับ Lr ประหลาดใจซะมากกว่า

“ นี่พวกเธอสนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
นอฟฮอฟถามด้วยความอยากรู้

“ อ๋อเห็นเค้าเรียกชื่อสกุลฉันลำบากน่ะเลยให้เรียกชื่อไปเลยพวกนายจะเรียกก็ได้นะฉันไม่ถือหรอก ”
เฟินกอลโลกล่าวตอบ

“ งั้นก็ถือซะว่าเป็นการเริ่มต้นสายสัมพันธ์ของเธอกับทุกคนไปพร้อมกับฉันเลยสิ ”
วิลกล่าวซึ่งพวก Lr เองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนัก

“ ถ้างั้นตั้งแต่วันนี้เราเรียกนายว่า อควาก็ละกันนะ ”
ไลท์กล่าวด้วยความลิงโลด ซึ่งอควาเอง(ขอเปลี่ยนวิธีเรียกเฟินกอลโลตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเลยนะครับ)
ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่เพื่อนยอมรับเขา จากการที่เขายอมเปิดใจรับตามที่วิลบอกเขาไป
แต่ดูเหมือนว่าวิลจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ เออนี่ อควา ตอนนั้นน่ะเธอเล่าว่าทุกคนเข้าใจและกลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมนิทินโคถึงได้ยังทะเลาะกับ ลอว์เรนซ์ อยู่ล่ะ  ”
วิลถามซึ่งนั่นก้ทำให้พวกเจนัสที่อยู่ในร่างสัตว์สนใจขึ้นมาด้วยทันที ทั้งสามจึงเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
แต่ว่า นอฟฮอฟ ไลท์ และ Lr กลับนิ่งไป ก่อนที่ Lr จะถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“ คือ..ฉันขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกแย่หรอกขอโทษด้วย ”
วิลที่เห็นท่าทีสลดของทั้งสามก็รีบกล่าวขอโทษทันที แต่ Lr ก็ส่ายหัวไม่รับคำขอโทษ

“ ไม่เป็นไรจริงๆนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังกันหรอก ”
Lr กล่าวซึ่ง ไลท์กับนอฟฮอฟก้หันมามองเขาด้วยความลำบากใจแต่ก็
ตัดใจยอมให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง

“ คือว่านิทินโคน่ะเค้าเกลียดมนุษย์มากเลย ก็เลยมาพาลกับ ลอว์เรนซ์ น่ะ ”
ไลท์กล่าวขณะที่ก้มหน้าลง

“ ที่จริงเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกหรอกนะ พูดไปก็คงจะไม่เชื่อแต่เมื่อก่อนนี้น่ะ ลอว์เรนซ์กับนิทินโค
น่ะสนิทกันที่สุดบรรดาพวกเราเลยนะ ”
นอฟฮอฟกล่าวแต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย

“ แล้วทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ ”
ลูกแมวป่าถามด้วยความอยากรู้

“ สองปีก่อน พี่สาวของเค้าตายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยน้ำมือของมนุษย์อย่างชั้นนี่แหล่ะ ”
Lr กล่าวขณะที่นึกถึงความหลังอันเจ็บช้ำที่ทำให้นิทินโค ต้องห่างเหินไปจากพวกเขา
…….
………
…………




เมื่อก่อนนั้นนิทินโคหรือไฟร์ เค้าเป็นลูกของซาลามันเดอร่า (Salamandera) นายพลมังกร
ของหมู่บ้าน ครอบครัวของเขาอยู่ด้วยกันสี่ตัวคือแม่มังกรซาลามันเดอร่า พ่อซาลามันเดอร่าซึ่งเป็นนายพลมังกรและลูกๆอีกสองตัว



โดยตัวนึงก็คือนิทินโค(Niltinco, the Baby Dragon)



และอีกตัวคือพี่สาวของเขาซึ่งโตกว่าเขาและเป็นมังกรนิทินโคออน(Niltincoion, the Fire Dragon)
ทั้งสองเป็นลูกมังกรนิทินโคเหมือนกัน



พ่อของพวกเขามักจะสอนให้พวกเขายึดมั่นในคุณธรรมและคอยช่วยเหลือผู้อื่น
แรกเริ่มเดิมทีนิทินโคเค้ายังเป็นลูกมังกรขวัญอ่อนเอามากๆและติดพี่สาวอย่างที่สุด

พี่สาวของเขาคอยดูแลเขาด้วยความรัก เพราะพ่อของพวกเขาต้องไปประจำการอยู่นานๆที
จึงจะกลับบ้านส่วนแม่ของเขาทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเหล่ามังกรที่ประสบภัยทั้งนอกและในมิติมังกร

ในวันแรกที่เขามาโรงเรียนมังกร เขาไม่กล้าที่จะคุยหรือเล่นกับใครเลย
และเพราะความขวัญอ่อนกับติดพี่สาวแจ ของเขาทำให้เขามักจะ
โดนล้อเป็นประจำ  ไลท์  เอิธท์ Lr และนอฟฮอฟ พวกเขาสนิทกับพี่สาวของนิทินโคมาก

เพราะพี่ของเขาเป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยเฉพาะกับพวก Lr
นั้นพี่สาวของเขาจะสนิทเป็นพิเศษ เพราะพี่สาวของเขาคอยช่วยงาน ดีวายดราก้อน
พ่อของ Lr และไลท์ ที่โรงเรียนมังกรบ่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาพลอยสนิทกับนิทินโคไปด้วย

ซึ่งทุกครั้งที่นิทินโคลำบากพวกเขาก็จะคอยช่วยเหลือเสมอๆมาทำให้สายสัมพันธุ์ของพวกเขาแน่น
แฟ้นอย่างมาก จนกระทั่งวันนั้นมาถึง

หลังจากที่ความจริงเรื่องที่ อควา แกล้งใส่ร้าย Lr ถูกเปิดเผยขึ้น วันนั้นเขาซึ่งจะไปหา Lr
เพื่อขอคืนดีเพราะโดยที่ตัวเองยังมีไข้จากการที่ถูก อควาหลอกให้ไปรอ Lr
ที่สวนทั้งคืน  แม้พี่สาวจะห้ามเค้าแล้วก็ตามที

แต่เขาก็แอบหนีออกมาซึ่งพี่สาวที่รู้เรื่องนี้เข้าก็รีบบินออกตามหาเขา ซึ่งในวันนั้น
คือวันเดียวกับที่มีพายุพัดในหมู่บ้านมังกร  นิทินโคซึ่งบินหนีพายุผ่านออกประตูมิติไป
เพื่อจะไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในถ้ำซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก โดยที่ไม่รู้ว่า
พวก Lr นั้นกลับมาที่มิติมังกรแล้ว ขณะที่เขาเดินไปยังโรงเรียน

ก็บังเอิญไปเห็นเด็กหญิงคนนึงกำลังถูกเสือหางดาบ (Saber Tail Tiger)


ทำร้ายเขารีบบินเข้าไปช่วยเธอโดยไม่ลังเลทันที
แต่แม้เขาจะพ่นไฟสู้ เสือหางดาบก็ยังยากที่จะต่อกรด้วยอยู่ดี
และเมื่อพวกเขาถูกต้อนจนมุม ผู้ที่เข้ามาช่วยทั้งสองไว้ ก้คือนิทินโคออน

พี่สาวของเขาเอง และทันทีที่เสือหางดาบหนีไป พวกทหารฟีเลเซียที่ ออกตรวจตรา
ก็ได้มาเจอพวกเขา เด็กหญิงที่ถูกเสือหางดาบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ กับมังกร สองตัว
ทำให้พวกทหารเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นผู้ทำร้ายเด็กหญิง พวกทหารชักดาบออกจากฝักและเข้า

ฟาดฟันใส่ทันที นิทินโคที่กลังจะถูกดาบ พุ่งเข้าเฉือนร่าง ในวินาทีนั้น เขาที่ควรจะตายไป
กลับต้องเป็นฝ่ายสูญเสีย พี่สาวไป เมื่อพี่ของเขาเอาตัวเข้าปกป้อง เค้าก่อนจะพ่นไฟไล่พวทหาร
ซึ่งทหารคนนึงได้เข้าไปพาตัวเด็กหญิงออกมา และพากันหนีไป ท่ามกลางป่าลุกท่วมไปด้วย


เปลวเพลิง ร่างของนิทินโคออนล้มลง ลมหายใจค่อยๆแผ่วเบาลง นิทินโคเข้าไปเขย่าร่าง
ที่ใกล้หมดลมหายใจของพี่สาวตนด้วยความหวงว่าเธอจะมีชีวิตรอด แต่บาดแผลของเธอก็สาหัส
และเสียเลือดไปมากทำให้ อีกไม่นานเธอคงจะต้องสิ้นใจ  เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าของ
น้องชายด้วยความเป็นห่วงโดยไม่สนใจตน นางพยายามรวบรวมแรงกำลัง
เพื่อจะบอกให้เขาหนีไปจากไฟป่าที่กำลังลุกท่วมนี้

“ ก็าซซซซซ ” (หนี..ไปไฟร์  อีกไม่นานไฟจะลามมาถึงแล้ว)
นางกล่าวกระอึกกระอักด้วยความลำบาก

“ กีซซ..กีซซซซซซ ”(ไม่..ผมจะไม่ทิ้งพี่เด็ดขาด พี่ต้องไปกับผมนะ พี่ครับ)
นิทินโคกล่าวน้ำเสียงสั่นเครือหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาด้วยความเสียขวัญ
พี่ของเขาเอามือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน

“ ก็าซซซซซ ”(พี่ไม่ไหวแล้วล่ะ ไฟร์น้องรีบหนีไปเถอะ)
นางกล่าวจบก็ผลักตัวน้องชายออกไปจากกองเพลิงที่กำลังลุก
ท่วมท้นเข้ามา นิทินโคที่กระเด็นออกมาจากกองเพลิงพยายามจะวิ่งกลับเข้าไปหาพี่สาวของเขา
แต่ไฟก็ลุกท่วมจนไม่อาจเข้าไปได้ เขาได้แต่มองร่างของพี่สาวที่กำลังจะสิ้นใจ
ท่ามกลางกองเพลิง

 “ ก็าซซซซซซซซ..ก็าซซซ ”  (จงเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมนะไฟร์เพราะน้องคือ..น้องของพี่)
นางกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงอันเสียงอันแผ่วเบา ก่อนที่ต้นไม้ซึ่งลุกโหมด้วยเพลงบรรลัยกัณฑ์จะ
ล้มลงทับร่างของนางต่อ หน้าเขา

“ กีาซซซซซ ”  (พี่คร้าบบบบบบบบบบ)
 นิทินโคร้องเรียกพี่สาวของตนที่อยู่ในกองเพลิงอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ด้วยความชอกช้ำใจ




“ ทำไม..ทำไมกันทั้งที่เราช่วยเอาไว้แต่พวกมันกลับทำกันยังงี้ พวกมนุษย์ ”
เขาคิดอย่างเจ็บแค้น กับผลตอบแทนการกระทำของพวกเขา

“ กีซซซซซซซซ ” (มนุษย์อย่างพวกแกไม่มีคุณธรรมกันบ้างรึ ไง….)
เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด

อดีตที่ขมขื่นนั้นหวนกลับมาให้เขานึกย้อนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเซโร่

“ คุณธรรมคือสิ่งที่คนส่วนมากเห็นพ้องกันว่าถูกอย่างนั้นเรอะ..หึ นั่นสิตอนนั้นทหารพวกนั้นมันก็คง
เห็นพ้องกันล่ะนะว่าการกระทำของพวกมันถูกต้อง..แล้วพวกเราก็ต้องมาเสียสละให้กับคุณธรรมของพวกมัน ”
นิทินโค คิดด้วยความขุ่นเคือง เซโร่เดินเข้ามาลูบหัวเขาเบาๆ ราวกับเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ ถึงคุณธรรมนั้นจะเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่แต่ ก็ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไปหรอก หากเราคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องก็จงเดินหน้าต่อไปอย่าได้ละทิ้งความรู้รึกนั้นไปซะล่ะ ”
เซโร่กล่าว คำพูดของเขาทำให้นิทินโค รู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ แต่ยังไงซะตอนนี้ต้องตามหาเอิธท์ที่ถูกจับตัวไปซะก่อน ”
นิทินโคคิด ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเวลาที่หยุดนิ่งเริ่มจะเดินขึ้นอีกครั้ง


……………..
……………………
………………………

ย้อนกลับไปเมื่อวันหนึ่งก่อน

หมู่บ้านแหลมทวีปคาดาร่า

 ภายในสำนักงานกองกำลังต่อต้านพนักงานชายคนหนึ่งนอนเท้าแขนอยู่บนเคาท์เตอร์
เขาหลับด้วยความเพลียอยู่บนเคาท์เตอร์นั้นโดยที่ไม่มีใครเข้าไปรบกวน หรือปลุกเขาขึ้นมา
เวลาได้ล่วงเลยไปนานจนเมื่อ ราตรีมาเยือน หลังจากที่ทุกคนพากันกลับออกไป
หมดทิ้งไว้เขายังคงหลับอยู่เพียงลำพัง

เมื่อภายในสำนักงานไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเขา ก็เกิดไอหมอกขึ้นมาตลบอบอวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ กาเทีย….กาเทีย ”
เสียงแหลมห้วนลึก ดังขึ้นท่ามกลางไอหมอกนั้น ก่อนจะค่อยๆจางหายไปพร้อมกับร่างของพนักงาน
ที่หลับอยู่



“ ฮ้าวววววว ”
พนักงานอ้าปากหาวหวอดก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ และมองไปรอบๆตัวของ
ก่อนจะต้องตกตะลึงกับสภาพในขณะนี้ บัดนี้ตัวเขาไม่ได้อยู่ที่โต็ะในสำนักงานแล้ว

เขารีบยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ
เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำหินมืดที่ไหนซักแห่ง ใกล้กันนั้นมีเสียง
ของน้ำไหลกระทบบางอย่างดังมาเป็นระยะ ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินตามเสียงนั้นเข้าไป
ในถ้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ

จนเมื่อเห็นแสงสว่างที่ปลายทางเขาก็รีบเร่งฝีเท้า ทันทีและเมื่อเขาออกมาจากถ้ำ
ภาพตรงหน้านั้น คือทะเลสาบซึ่งไหลมาจากน้ำตก และป่าทึบรายล้อมไปถั่ว ด้านบนก็มีพุ่มเถาวัลย์
พันเกี่ยวกันอยู่อย่างหนาแน่นจนทึบแสง เว้นแต่เพียงตรงใจกลางของสถานที่นี้ที่ไม่มีเถาวัลย์ปกคลุม

เป็น รอยเว้าให้แสงผ่านลงมา และมองเห็นท้องฟ้ากับพื้นป่าเบื้องบนได้ ซึ่งในตอนนั้น
ได้มีลมพัดโชยลงยังเบื้องล่าง และทันทีที่เขาสูด ดมมันเข้าไปเขากลับรู้สึก

ถึงกลิ่นอายของทะเล ซึ่งนั่นทำให้เขาคิดว่าตัวเขาคงอยู่บนเกาะที่ไหนซักแห่ง


“ ยินดีต้อนรับสู่วิหารแห่งปราชญ์มังกร ”
เสียงหนึ่งดังแว่วมาจากฝากน้ำตก พนักงานชายหันขวับไปยังต้นเสียงทันที
เงาเจ้าของเสียงค่อยเดินออกมาจากมุมมืดของโพรงถ้ำแห่งนี้ จนเมื่อร่างของมันต้องกับแสงจันทร์

กายสีเขียวมรกต เกล็ดที่ส่องประกายสะท้อนกับแสงจนราวกับอัญมณี ปีกของมัน โปร่งใสจน
มองแทบไม่เห็น รูปร่างนั้นประดุจมังกร แห่งวายุ แต่ก็แฝงไปด้วยไอชื้นที่ปกคลุมรอบๆ
ร่างเสมือนมังกรวารี มันเดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

“ ข้ามีนามว่าอีสควอเทีย หน้าที่ของฉันคือการบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ให้แก่เหล่าอนุชนรุ่นหลัง ”
มังกรเกล็ดมรกต แนะนำตัว ซึ่งการที่ตัวมังกรนั้นพูดภาษามนุษย์ขึ้นมาต่อหน้าเขา
ทำให้เค้า ตกอยู่ในความสับสน กับสภาพการณ์ตอนนี้ มังกรเกล็ดมรกตหรืออีสควอเทีย
นั้นเปรยยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรซึ่งนั่นก็ทำให้เขา สงบลงไปบ้าง

“ กาเทีย แห่งตระกูลลาเซริโอ้ บัดนี้ความสงสัยและอดีตของเธอฉันจะเปิดเผยมันให้เอง ”
อีสควอเทียกล่าวเสียงเรียบ ขึ้นมาทันทีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว และรู้สึก
แปลกใจที่นางรู้ชื่อของเขา แต่ความคิดที่จะถามเรื่องไร้สาระเหล่านั้นก็หายไปเมื่อ
คำพูดที่ว่าจะเปิดเผยอดีตทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเองก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร

“ อดีตของตระกูลทั้งสามและการล่มสลายรวมไปถึง คนที่ทำลายตระกูลลาเซริโอ้ และการหายตัวไปของลูกพี่ลูกน้องของเจ้าที่ชื่อ นีน่าน่ะ คำตอบทั้งหมดที่เจ้าต้องการฉันจะเป็นผู้แสดงมันให้เจ้าเห็นเอง..ว่ายังไงล่ะ ”
อีสควอเทียถาม ขึ้นมา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะตอบ

“ ครับช่วยบอกทีเถิด ว่าใครกันที่ทำลายตระกูลของผมและนีน่า เธออยู่ที่ไหน สิ่งที่บรรพบุรษทิ้งไว้ให้น่ะมันคืออะไรกันช่วยตอบผมทีเถอะครับ ”
กาเทียกล่าวขอร้งซึ่งทันทีที่เขากล่าวจบ อีสควอเทียหลับตาลงพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่ไอ
ควันจากน้ำตกจะ ไหลออกมาปกคลุมพวกเขาไว้ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตได้ไหลเข้า
ในหัวของเขา อย่างรุนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปพร้อมกับไอหมอกที่สลายตัวออก
เขาทรุดตัวลงขุกเข่า ก่อนจะเอามือข้างนึงกุมหัวไว้

“ นะนี่คือเรื่องจริงงั้นเหรอ ”
กาเทียถามเพื่อขอคำยืนยัน

“ ถูกต้อง ลูกพี่ลูกน้องที่เจ้าตามหาอยู่น่ะเจ้าก็ได้พบนางแล้วไม่ใช่รึรวมทั้งตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วซินะว่า
ใครทีเป็นคนทำลายตระกูลของเจ้าจนมลายสิ้น ตอนนี้เจ้ารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นรวมไปถึงทุกสิ่งก่อนหน้านั้นแล้วเจ้าจะทำยังไต่อไปล่ะ จะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเหมือนที่แล้วมา หรือว่าจะ… ”
อีสควอเทียกล่าวแต่ก็หยุดไปก่อนจะกล่าวจบประโยคเมื่อเขายกมือขึ้นปรามไว้

“ รอซักครู่นะครับตอนนี้ผมมึนไปหมดแล้วล่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันเร็วมากเลย ”
เขากล่าวโดยที่ยังหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ ราวกับพึ่งจะออกแรงมามาก

ซึ่งอีสควอเทียก็รอให้เขาทำใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ อยู่ดดยปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวโดยตนเองเดินกลับไปที่น้ำตก
ครู่ต่อมากาเทียก็เดินตามมาที่น้ำตกอีสควอเทียนั่งรออยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นเข้าไปยังน้ำตก
ก็หันมายังเขา

“ เลือกได้แล้วหรือยังว่าจะทำอย่างไรต่อไป ”
อีสควอเทีย ถามซึ่งนางเองก็พอจะเดาออกอยู่แล้วว่าเขาจะตอบเช่นไร เพราะนางได้เฝ้ามองเขาผ่านน้ำตก
แห่งนี้มาตลอด

“ ผมอยากจะออกตามหาเธอและพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่ว่าผมคนเดียว
ไม่มีพลังพอที่จะทำยังงั้นได้.. ”
เขากล่าวไม่ทันด้จบอีสควอเทียก็แทรกขึ้นมาทันที

“ มีสิ …พลังของเจ้าน่ะก็อยู่กับตัวของเจ้ามาตลอดอีกอย่างเจ้าก็ไม่ได้สู้ด้วยตัวคนเดียวซักหน่อย
มีไม่ใช่รึเพื่อนที่เฝ้ามองเจ้าอยู่ห่างๆมาตลอด สามปีมานี้น่ะและตอนนี้อีกไม่นานเค้าก็คงจะมาถึงเกาะนี้แล้วล่ะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบ ก็มีเสียงหวีดหวิวราวกับมีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง

จนเกิดเสียงดังระงมไปทั่วและเมื่อทั้งคู่มองขึ้นไปข้างบน ก็มีเงาบางอย่างพุ่งลงก่อนจะหยุด
นิ่งลงตรงหน้าพวกเขาอย่างนิ่มนวล


มันคือนกกริฟฟินขนสีเขียวขนที่ปลายปีกและหางของมันมีสีแตกต่างกันหลากสี
มันมองมาที่กาเทียด้วยสายตา เหงาๆ ตัวเค้าที่ได้เห็นร่างนั้นก็เอามือขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ ไดน่าเบลด…แต่ชั้นปล่อยแกไปแล้วนี่ทำไม ”
เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ กริฟฟินปีกสีรุ้ง(Rainbow Wing Griffin)ที่เจ้าเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กๆ สามปีก่อนเจ้าขี่มันออกตามหาลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอยู่นานแต่ก็ไม่พบสุดท้ายเจ้าตัดสินใจเข้า
กองกำลังต่อต้านและปล่อยมันเป็นอิสระ แต่มันก็ยังคงติดตามเจ้ามาโดยตลอด สายสัมพันธุ์นี้น่ะ
 ตัวเจ้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดนะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบก็กระโดดลงมาจากชะง่อนหิน เดินตรงมาหาเขา

“ จากนี้ไปเจ้าช่วยนำเรื่องนี้ไปบอก กับพวกเด็กๆที่อยู่กับลูกพี่ลูกน้องเจ้าหน่อยนะข้าฝากด้วยล่ะ ”
อีสควอเทียกล่าวจบไอหมอกที่อยู่รอบๆน้ำตกก็โชยมาตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งและสลายพร้อมกับ
ดาบซึ่งเสียบอยู่ในฝักวางอยู่บนพื้น เขาจำได้ว่านั้นเป็นดาบที่เขารู้จัก

“ นี่มันดาบของผมนี่… ”
เขากล่าวก่อนจะหยิบมันชักออกมาดู

“ เจ้าจำเป็นต้องใช้มัน และอีกอย่างหนึ่งข้าฝากพวกเด็กๆเหล่านั้นด้วยนะ ”
อีสควอเทียขอร้องซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ

รุ่งเช้าในวันต่อมากาเทียกับไดน่าเบลดกริฟฟินคู่ใจของเขาก็ได้พุ่งทะยานอกไปจากเกาะนี้
มุ่งตรงไปยังทวีปคาดาร่าสู่ด้านเหนือของทวีป ซึ่งเต็มไปด้วยเทือกเขาและป่าหิมะ อันเป็นที่ตั้งของ
กองกำลังต่อต้านที่พวก Lr จะเดินทางไปรับเอาบันทึกกับแจ้งข่าวการรวมพลให้ทราบ

“ หวังว่าการดิ้นรนนี้คงจะไม่สูญเปล่านะ ”
อีสควอเทียขณะที่กำลังมองภาพที่ฉายอยู่บนน้ำตก ภาพที่เด็กสี่คนนอนจมกองเลือดและเศษซากของดราก้นฮอลลี่
แตกกระจายเกลื่อนพื้น ก่อนที่ภาพนั้นจะจางหายไป

“ จากนี้ไปอีกสองวันโชคชะตาจะยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้โดยที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้เลยรึไงนะ ”
อีสควอเทียกล่าวกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจช่วยอะไรลูกศิษย์ตนได้
ภาพอนาคตที่ฉายบนน้ำตกซึ่งปรากฏขึ้นมาตอนนี้คือภาพของ Lr ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับ เหล่าเพื่อนๆของเขา
ด้วยนัยน์ตาที่แข็งกร้าวดุจปีศาจกับปีกสีดำที่สยายออกมาท่ามกลางความมืด

………………
……………………
……………………….
 



“ หลังจากวันนั้นนิทินโคก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่แข็งกร้าวแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ”
Lr กล่าวด้วยน้ำเสียงหงอยๆทุกคนเงียบไปทันที
ขณะนั้นก็มีกลุ่มคนกลุ่มนึงเดินกระจายเข้ามาล้อมรอบพวเขาอยู่ห่างโดยไม่ให้รู้ตัว
ซึ่งเอิธท์เองก็มีท่าทีแปลกๆไปโดยทุกครั้งที่ไม่มีใครมองเขา จะขยับปีกกับมือเล็กน้อย
ราวกับกำลังสื่อสารกับอะไรบางอย่าง

นอฟฮอฟซึ่งสังเกตเห็ท่าทางแปลกของเอิธท์ก็คอยแอบจับตาดูอยู่โดยไม่ให้รู้ตัว
ขณะที่เหตุการณ์เริ่มไม่น่าไว้วางใจ ก็มีเศษกระดาษปลิวตกลงมาต่อหน้าพวกเขา Lr
เก็บมันขึ้นมาดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งนั่นก็คือใบประกาศจับ
พวกเซโร่กับเรโค่ซึ่งมีรูปกับฉายาของทั้งคู่เขียนเอาไว้

“ นี่มัน ”
พวกเขาแทบจะกล่าวออกมาพร้อมกัน ซึ่งเอิธท์ ที่เห็นว่าทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ที่ประกาศแผ่นนั้น
ก็สะบัดปีกเป็นสัญญาณ ให้ผู้ที่ยืนอยู่บนหลังคาซึ่งเป็นคนปล่อยใบปลิวลงมานั้น

กระทำการบางอย่าง

“ นั่นมันจอมเวทย์ชั่วร้ายที่ประกาศจับอยู่นี่ ”
หญิงชาวเมืองคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมกับเอามือชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
บนนั้น จอมเวทย์เด็กหนุ่มกับเด็กสาวทั้งสองคนกำลังลอยตัวอยู่ก่อนจะโจมตีลงมาด้วยคลื่นพลังงาน

สีดำ ชาวเมืองพากันหลบหนีจนกลลาหลไปหมด พวก Lr ที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนทำอะไรไม่ถูก
ขณะนั้นเองลูกแมวป่าที่เป็นนีน่าจำแลงร่าง ก็ถูกฝูงชาวเมืองที่วิ่งหนี ด้วยความแตกตื่นพัดไป
ลูกหมาป่าสีดำเห็นดังนั้นก็รีบกระโจนตามออกไปทันที

“ ลากูน่าน้องไปกับพวกเค้านะพี่จะไปช่วยเธอกลับมาก่อน ”
ลูกหมาป่าสีดำกล่าวทิ้งท้ายไว้ ซึ่งพวก เขาก็เห็นด้วยกับคำสั่งของเจนัส
จึงพากันตามจอมเวทย์ทั้งสองซึ่งบัดนี้ได้ บินหนีไปทางประตูเมือง

ลูกแมวป่าที่พัดไปกับฝูงคน ต้องคอยหลบซ้ายทีขวาทีเพื่อไม่ให้ถูกเหยียบแต่ทว่า
ก็พลาดหกล้มลง ซึ่งเกวียนใส่สิ้นค้า เล่มใหญ่กำลังแล่นมาที่นางลูกหมาป่าสีดำที่ตามมา
เห็นก็กระโจนเข้าไปสุดตัว แต่ก็ไม่อาจไปถึงตัวลูกแมวป่าได้

แต่ก่อนที่เกวียนจะได้ทันทับร่างของลุกแมวป่าก็มีเงานึงโฉบพาลูกแมวป่าหนีขึ้นไป
บนหลังคาของเรือนแห่งหนึ่ง


« Last Edit: June 22, 2008, 08:16:21 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #201 on: June 22, 2008, 07:52:43 PM »

“ ไม่เป็นไรนะสาวน้อย ”
ผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้กล่าว เขาวางนางลงอย่างนิ่มนวล เมื่อนางแหงนหน้ามองเขา
ก็รู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก่อน ภาพความทรงจำในอดีตของนาง

ในวันที่เด็กชายครึ่งสมิงได้ช่วยนางเอาไว้และฆ่าล้างคนในครอบครัวของเธอ
ก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง  นางก้มตัวลงในร่างของลูกแมวป่าดวงตาเบิกกว้างด้วยความ
รู้สึกกลัวหรือโกรธนางก็ไม่อาจทราบได้

ผู้ที่ช่วยชีวิตนางเห็นว่า ลูกแมวป่าตัวสั่นเขาจึงเอามือซึ่งสวมปลอกแขนถุงมือเล็บอันเป็นเหล็กแหลม
ลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน

ทันทีที่เขาสัมผัสนาง ความรู้สึกอันคุ้นเคยนี้ก็ลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับครึ่งเด็กหนุ่มที่ช่วยนางไว้ แวบขึ้นมาอีกครั้ง

“ เอาเถอะข้าไม่ว่าหรอก ทำซะให้สาสมกับที่ข้าทำไป นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าจะชดใช้ให้ได้ ”
คำพูดของเด็กคนนั้นดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง จนในที่สุดนางก็เสียสมาธิและไม่อาจ
คุมมนตราจำแลงร่างเอาไว้ได้ ควันสีดำพวยพุ่งออกมาตลบอบอวล ก่อนที่นางจะกลับเป็นร่างครึ่งสมิงตามเดิม


“ นี่เจ้า…. ”
ผุ้ที่ช่วยนางเอาไว้กล่าวด้วยความประหลาดใจ เขากระชับดาบยาวในมือแน่น ร่างของสวมเพียงแค่เกราะปลอกแขน กางเกงขายาว สีดำ ผมยาวปกใบหูจนมิด ตามตัวมีรอยสักและรอยแผลเป็น คอมีห่วงคล้องโซ่เหล็กติดอยู่
ดวงตาสีแดง คมกร้าว และหางอย่างหมาป่าขนสีเทาสามหางที่สะบัดไปมา

นีน่าพิจารณาจากรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มผู้นี้แล้วเขาเองก็คงจะเป็นครึ่งสมิงด้วยและ จากที่กะดูอายุของเขาก็ไม่น่าจะห่างกับนางนัก  แต่หางทั้งสามของเขายังคงเป็นประเด็นที่นางยังสงสัยอยุ่ว่าเขาเป็นครึ่งสมิงอะไรกันแน่

“ นายคือ… ”
นางกล่าวขึ้นมาขณะที่นึกไปว่าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือไม่แต่ทว่าอีกฝ่าย จะไม่ไว้ใจกับท่าทีของ
นางนัก เขาชักดาบออกจากฝักมา นั่นทำให้นางต้องชักปืนขึ้นมาเล็งเขา แต่ทันทีที่เขาเห็นปืนของนาง

ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปทันทีเขายิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะกระชับดาบในมือแน่น

“ เธอเป็นใครชั้นไม่รู้หรอกนะ แต่อย่าคิดใช้ปืนนั่นจะดีกว่านะ ”
เขาเตือนนางซึ่งนางเองก็ไม่อยากนักที่จะต้องเล็งปืนใส่คนที่ช่วยชีวิตตนมา

“ หยุดเดี่ยวนี้นะ ”
เสียงนึงดังขึนพร้อมลูกหมาป่าสีดำที่กระโจนเข้ามาขวางระหว่างทั้งสองเอาไว้



“ เสียงนี้มันหรือว่า… ”
เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังลูกหมาป่าสีดำที่เข้ามาขวางก่อนมันจะกลับคืนร่างเป็นเจนัส
ทันใดนั้นเองดาบยาวก็ร่วงหล่นลงจากมือของเด็กหนุ่ม
ซึ่งนีน่าที่มองอยู่ข้างหลังก็อดสงสัยกับท่าทีของเขาไม่ได้

“ จริงๆด้วยนั่นลูกพี่ใช่มั้ย..ลูกพี่เจนัส ”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ ไม่เจอกันนานเลยนะกาโรห์(Garoh, the Half Hell Beast) ”
เจนัสกล่าวด้วยความสนิทสนม ซึ่งนั่นยิ่งทำให้นางสงสัยมากกว่าเดิม




“ ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอลูกพี่อีกนานเท่าไหร่แล้วนะ ”
เด็กหนุ่มที่เจนัสเรียกว่ากาโรห์ กล่าวอย่างตื้นตัน

“ ชั้นก็เหมือนกันไม่นึกเลยนะว่าจะเจอนายที่นี่ ได้ยินว่าหลังจากภารกิจนั้นนายก็หายตัวไป
 องค์กรหาตัวท่าไหร่ก้ไม่เจอนี่ ”
เจนัสถามน้ำเสียงเรียบ ซึ่งแม้บรรยากาศจะเหมือนกับได้พบคนจากหน้าไปนานแต่
เจนัสดูจะรำคาญและมีทีท่าเหมือนจะระแวงๆซะมากกว่า ทำให้นีน่าสงสัยกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากจนทนไม่ไหว

“ นี่พวกนายสองคนลืมฉันไปแล้วเรอะ ”
นางเรียกร้องความสนใจขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าทั้งคู่คงจะลืมนางไปแล้ว ทำให้ทั้งคู่หยุดสนทนากันและหันมาหานาง

“ นี่เจนัสเค้าเป็นใครกันเนี่ย ”
นางถามด้วยความอยากรู้แต่ยังไม่ทันที่เจนัสจะได้ตอบกาโรห์ก้เข้ามาขวาง เอาไว้

“ นี่เธอเป็นใครถึงมาเรียชื่อลูพี่ห้วนๆแบบนี้… ”
กาโร์ กล่าวไม่ทันจบเจนัสก็ปรามไว้

“ไม่เป็นไรหรอก เธอมากับชั้นเอง ”
เจนัสกล่าวน้ำเสียงเรียบก่อนจะเดินอ้อมไปหานีน่า ซึ่งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นกาโรห์ก็รีบก้มลงเก็บดาบลงฝัก
และถอยออกห่างเล็กน้อยด้วยท่าทีแสดงความเคารพ เหมือนลูกน้อง

“ นี่กาโรห์ เขาเป็นครึ่งสัตว์อสูรนรก เซอเบรัส(Cerberus)น่ะอดีตเคยเป็นมือขวาของชั้นแต่ก็หายตัวไป
ขณะปฏิบัติภารกิจน่ะ ”
เจนัสกล่าวแนะนำตัวลูกน้องของเขา
ซึ่งนางเองก็รู้สึกสงสัยกับความรู้สึกประหลาดๆเมื่อครู่หลังจากที่ได้เจอกับกาโรห์อยู่แต่ก็ตัดใจไม่พูดออกไป

“ ว่าแต่ผมได้ยินมาว่าลูกพี่ทรยศองค์กรออกมาแล้วนี่เป็นความจริงหรือครับ ”
กาโรห์ซัก ด้วยความสงสัย

“ อืม ทั้งชั้นทั้งลากูน่าแล้วก็เธอคนนี้ ตอนนี้เราเป็นคนทรยศต่อองค์กรไปแล้วล่ะ ”
เจนัสกล่าว

“ ว่าแต่เธอคนนี้ดูๆไปแล้วคล้ายกับ เทพขุนพลไลซ์ไนท์มากเลยนะครับ ”
กาโรห์กล่าวขณะที่สอดส่องสายตา สำรวจตัวของนาง

“ ก็ใช่น่ะสิเธอคนนี้คือไลซ์ไนท์ไงล่ะ ”
เจนัสกล่าวเสียงเรียบแต่ดูเหมือมกาโรห์จะทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย
กับสิ่งที่ได้ยิน

“ นี่แล้วคนอื่นๆล่ะ ”
นีน่าถามขึ้นมาซึ่งทำให้กาโรห์ ตีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที

“ นี่นอกจากลูกพี่กับลูกพี่ลากูน่าแล้วก็ยัยนี่ยังมีคนอื่นอีกหรือครับ ”
กาโรห์ซักด้วยความฉงนอีกครั้ง

“ ใช่ แต่ว่านายล่ะจะเอายังไง ตอนนี้ฉันเป็นคนทรยศขององค์กรและก็ไม่ได้เป็นเทพขุนพลแล้ว
ด้วยถ้านับกันดูแล้วตอนนี้เท่ากับว่านายกับชั้นเราเป็นศัตรูกัน ”
เจนัสถามกลับ

“ อะไรกันครับลูกพี่ยังไงซะผมก็ยังอยู่ฝ่ายลูกพี่เสมอมานะครับ
 ถ้าลูกพี่เป็นคนทรยศผมก็ต้องเป็นคนทรยศด้วยสิจริงมั้ยครับ ถ้ายังไงขอให้ผมได้ติดตามลูกพี่
ต่อไปก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ”
กาโรห์กล่าวก่อนจะขุกเข่าลงเป็นการแสดงความเคารพต่อนายของตน
ซึ่งเจนัสที่เห็นการกระทำเช่นนี้ก็จ้องมองลูกน้อง ของตนด้วยสายตาระแวงแต่ก็ไม่มีเวลา
มาสนใจนัก



“ เรื่องนั้นไว้ก่อนก็แล้วกันตอนนี้เราไม่มีเวลามากนักหรอกนะ ”
เจนัสกล่าวตัดบทไป ก่อนจะหันไปหานีน่า

“ นี่ทำไมต้องรีบร้อนนักล่ะ ”
นีน่าถามด้วยความรู้สงสัยกับท่าทีแปลกๆตั้งแต่เมื่อครู่ของเขา


“ นี่เธอยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ ”
เจนัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซึ่งนั่นทำให้นางรู้สึกได้ถึงคลื่นจิตสังหารที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ตลบอบอวลไปทั่วทั้งเมือง

“ นี่เราเข้ามาในดงศัตรูแล้วรึเนี่ย ”
นีน่ากล่าวด้วยท่าทีที่ต่างออกไปจากเมื่อครู่ สีหน้าของนางดูจริงจังขึ้น และประสาทสัมผัสทุกเส้นของ
นางก็ถูกขัดเกลาจนตื่นตัวทุกเส้น

“ ถ้าไม่รีบไปช่วยล่ะก็พวกนั้นไม่รอดแน่ ”
เจนัสกล่าวจบทั้งสองก็กระโดดไปหลังคาบ้านมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองโดยตามกลิ่นของพวก
Lr ไป และไม่นานนัก กาโรห์ ก็กระโดดไล่ตามพวกเขามาจนทัน

“ ผมไปด้วยนะครับลูกพี่ ”
กาโรห์กล่าวจบ ทั้งสามก็พุ่งทะยานด้วยความเร็วกว่าเดิมมุ่งสู่ประตูเมือง

ที่เนินหญ้าด้านหน้าเมืองพวก Lr ตามร่างของจอมเวทย์น้อยทั้งสองซึ่งลอยหายมาทางนี้

ก็ได้พบกับ เด็กชายกับเด็กหญิงและลูกมังกรนิทินโคกำลังเดินสวนขึ้นมาบนเนิน

“ นั่นไง นิทินโคก็อยู่ด้วย ”
เอิธท์กล่าวพร้อมกับชี้ไปยังทั้งสาม

“ นั่นใครกันน่ะ ”
เด็กชายเอ่ยขึ้น

“ จะไปรู้ได้ไง ”
เด็กหญิงตอบ

“ หมอนั่น! ”
นิทินโคคิดทันทีที่เห็น พวก Lr และลูกๆมังกรตัวอื่น

“ อ…เธอคนเมื่อตอนนั้นนี่ ”
ลูกหมาป่าสีเงินคืดเมื่อเห็นเด็กหญิง เขาจำได้ว่าเธอคือคนที่เขาเจอที่หมู่บ้านแหลมทวีป
เขากระโจนออกมาขวางหน้าพวก Lr เอาไว้ก่อนจะกลับคืนร่างเป็นลากูน่าตามเดิม

ซึ่งทันทีที่เด็กหญิงเห็นร่างของเขานางก็จำได้ทันทีว่าเขาคือคนที่นางช่วยเอาไว้

“ เธอเด็กเมื่อตอนนั้น ”
เรโค่กล่าว

“ ถอยออกมาเร็วนิทินโคพวกชั้นจะช่วยนายเอง ”
Lr กล่าวจบแสงจากดราก้อนฮอลลี่ก็ส่องสว่างขึ้น
อาบร่างของเขากับไลท์เอาไว้ก่อนจะ ยิงลำพลังงานแสงสีขาว
ขึ้นสู่ฟากฟ้าและแตกกระจายเกิดเป็นวงแหวนแสงขนาดใหญ่
หมุนวนรวมเอาละอองแสงกลับมารวมกันและยิงส่งลงสู่ร่างของทั้งคู่

ภายในลำแสงพลังงานร่างของทั้งคู่ค่อยๆหลอมรวมกันจนเป็นหนึ่งเดียว
และเติบโตขึ้นก่อนที่ แสงพลังงานจะสลายไปพร้อมกับการปรากฏกร่างของ อัศวินมังกรปีกสีขาวปรอด

" แสงสีขาวที่ส่องประกายเจิดจ้าจะลบความกลัวแห่งปิศาจออกจากโลกใบนี้นามของข้าคือ
ทาลูคูส "
สิ้นเสียงทาลูคูสก็พุ่งทะยานเข้าใส่จอมเวทย์ทั้งสองอย่างรวดเร็ว และยังไม่ทันที่ดาบในมือจะแตะต้อง
โดนตัวของทั้งสอง ร่างของทาลูคูสก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ บัดนี้ร่างของเขาถูกตรึงเอาไว้ด้วยเอ็นเส้นเล็กๆ
จำนวนหนึ่ง ที่พุ่งออกมาจากด้านหลังของเรโค่

“ Silver Claws ” (กรงเล็บสีเงิน)
สิ้นเสียงเอ็นทั้งหมดก็ถูกตัดขาดไปด้วยแสงสีเงินที่พุ่งไปมา
ซึ่งเกิดจากการตวัดกรงเล็บของลากูน่า หลังจากที่ตัดเอ็นทั้งหมดแล้วเขาก็คว้าเอาศิลาจันทราขึ้นมาท่องคาถา
ต่อทันที

“ ดวงจันทราที่สถิตย์ในรัตติกาลโปรดมอบลมหายใจที่หนาวเหน็บแก่ผืนพิภพ จันทราที่ส่องแสง
ในรัตติกาลอันหนาวเหน็บ  จงมาจันทราเยือกแข็ง(Cool Moon) ”
สิ้นคำเมฆหมอกก็มารวมตัวกันบนท้องนภา ก่อนจะเบิกออกพร้อมกับการปรากฏของจันทราสีคราม
แสงสีครามซึ่งจะแช่แข็งทุกสรพพสิ่งที่สัมผัสได้ถูกยิงลงมาจาก ดวงจันทราสีครามพุ่งตรงสู่
ร่างของจอมเวทย์ทั้งคู่ ไอเย็นที่เกิดจากการปะทะของลำแสงฟุ้งกระจายไปทั่ว
แต่ทว่าเมื่อควันจางลงจอมเวทย์ทั้งสองกลับไม่มีแม้แต่ รอยขีข่วนเลย


“ มนตราเยือกแข็งสายจันทรารึ ก็แรงใช้ได้นะแต่ว่ายังห่างไกลนักจากศูนย์องศาสมบรูณ์น่ะ ”
เซโร่กล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะวาดมือออกไปเป็นวง

“ ข้าขอวิงวอนต่อ จักรพรรดิแห่งผลึกน้ำแข็ง ด้วยพันธสัญญาอันเป็นนิรันด์ โปรดมอบพลังแก่ข้า
จงเปลี่ยนผืนปฐพีอันเวิ้งว้างเป็นทุ่งหิมะ จงแปรสายน้ำ ให้เป็นธารน้ำแข็ง… ศูนย์องศาสมบูรณ์  ”
ทันทีที่เซโร่กล่าวจบเขาก็ตวัดมือออกไป

“ Perfect Arctic ”(จุดเยือกแข็งสมบูรณ์แบบ)
สิ้นเสียง เพียงพริบตา เนินหญ้าแห่งนี้กลับกลายเป็นทุ่งน้ำแข็งในบัลดล
ต้นหญ้าทุกต้นถูกน้ำแข็งเกาะ อุณหภูมิอากาศเย็นจนกระทั่งกลายเป็นไอน้ำแข็ง
แม้แต่เมฆที่มาก่อตัวด้วยพลังของศิลาจันทรายังกลายเป็นก้อนผลึกโปรยปรายลงมา
เป็นหิมะ ดวงจันทราสีครามบัดนี้ได้ กลายเป็นก้อนผลึกและเริ่มปริแตกร้าวก่อนระเบิดอออกเป็นเสี่ยงๆ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ร่างของทาลูคูสและลากูน่าล้มลงฟุบกับพื้นหิมะ พวกลูกมังกรที่ไม่ได้โดนลูกหลงรีบเข้าไปช่วยพวกเขาทันทียกเว้นเอิธท์ยืนดูภาพตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเยาะ
อย่างมีเลศนัย

ร่างของทาลูคูสเปล่งแสงและแยกกลับเป็น Lr กับไลท์ตามเดิม เมื่อพวกเขาได้สติพร้มกับลากูน่าที่พึ่งฟื้น
พวกเขาก็ สั่นสะท้านกับพลังอันยิ่งใหญ่ของทั้งสอง


“ นี่หยุดนะ ”
เสียงของนิทินโคถูกแปลผ่านดราก้อนฮอลลี่ดังขึ้นมาทำให้พวกเขาชะงักไป
เขาเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างทั้งสองฝ่ายไว้


“ นี่นายพูดได้ด้วยเรอะ ”
เซโร่ถามด้วยความฉงน

“ เปล่าหรอกดูเหมือนว่าเครื่องมือประหลาดๆอันนั้นจะเป็นตัวแปลงเสียงของเค้านะ ”
เรโค่กล่าวเมื่อเห็นว่าดราก้นฮอลลี่มีปกกิริยาทุกครั้งที่พวกลูกมังกรพูด

“ พวกนี้คือเพื่อนๆของชั้นนะพอแค่นี้เถอะ ”
นิทินโคขอร้องซึ่งทั้งคู่เองก็ยอมรามือ

“ ขอโทษด้วยนะเพราะพวกเธอลุยดุ่มๆเข้ามาเราก็เลยต้องป้องกันตัวเอาไว้ก่อนน่ะ ”
เรโค่กล่าวขณะที่เดินเข้ามาช่วยพยุงพวกเขาขึ้นเป็นการแสดงน้ำใจ

“ Thunder Sphere ”()
เสียงนึงดังขึ้นพร้อมกับมวลไฟฟ้าทรงกลมก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่พวกเขา แต่เซโร่ก็ กางกำแพงน้ำกันเอาไว้
คลื่นไฟฟ้าที่กระทบกับกำแพงน้ำ ได้ไหลลงดินไปจนหมด

“ สมแล้วที่เป็นเทพนทีทลายสวรรค์หรือจะให้เรียกว่า เสียงเพรียกจากทะเลทมิฬดีล่ะ ”
เสียงดังมาจากทิศที่มวลไฟฟ้าพุ่งมา ตรงนั้น
มีกลุ่มคนสวมผ้าคลุมสีดำ อยู่สองคนด้วยกันกับเทเรี่ยนสีดำตัวใหญ่เดินตามหลังมา

คนนึงในกลุ่มกระชากผ้าคลุมออกมา โฉมหน้าใต้ผ้าคลุมนั้นคือหญิงสาวที่มีแววตามาดร้ายสวมชุดผ้าหนัง
สีเทา ในมือกระชับดาบเล่มใหญ่ยาวเอาไว้แน่น เดินนวยนาดตรงเข้ามาพร้อมกับอีกคนที่ยังคงสวมเสื้อคลุม
อยู่ในมือของเขาถือกรงที่ขังแมวดาร์คเดสทินี่สีขาวเอาไว้มาด้วย



“ นี่ล่ะมั้งศัตรูที่แท้จริงน่ะ ”
เซโร่กล่าว

“ พวกแกสินะที่เป็นคนใส่ร้ายพวกเราทำให้ถูกชาวเมืองตามไล่ล่าน่ะ ”
เรโค่กล่าวซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเป็นหูทวนลมไม่ตอบรับแต่อย่างใด

“ ดูท่าต้องใช้กำลังบังคับกันงั้นสินะ ”
เซโร่กล่าวจบก็เริ่มร่ายเวทย์ทันที

“ อ้ะอ้ะอ้ะอ้า อย่าจะดีกว่านะไม่อย่างนั้นล่ะก็พวกชาวเมืองก็จะโดนลูกหลงไปด้วยนะ ”
คนที่ยังสวมผ้าคลุมกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตูเมืองที่ชาวเมืองและทหาร
พากันกรู ตรงมายังพวกเขาซึ่งอยู่ห่างพอสมควร

“ ชั้นจัดการเองย้ากก ”
ลากูน่ากล่าวจบก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่ผู้สวมผ้าคลุมสีดำ แต่ยังไม่ทันที่หมัดของเขา
จะได้สัมผัสตัวของอีกฝ่าย เขากลับถูกซัดเข้าที่หน้าท้อง อย่างจังจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น

“ อ่อก..แค่ก..แค่ก ”
เขายันตัวขึ้นด้วยมือข้างนึงส่วนอีกมือกุมหน้าท้องพร้อมกับสำลักด้วยความจุก
ครึ่งสมิงพังพอนเครสเซนท์หรือริคุนั่นเอง ที่เป็นคนซัดเขากลับมาก่อนที่จะถึงตัวผู้ที่สวมผ้าคลุม

“ Kamaitachi ”(เคียววายุ)
สิ้นเสียงเครสเซนท์ก็พุ่งตรงเข้าใส่ลากูน่าอย่างรวดเร็ว
โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว

“ Spell Fist ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่ชาย ซึ่งเข้ามารับหมัดของริคุโดยสวนหมัดของตนเข้าใส่
ลำตัวของเครสเซนท์อย่างเต็มแรงจน กระเด็นกลับไป ในขณะที่เขาถูกลมเฉือนร่างไปเล็กน้อย

“ เชอะแกอีกแล้วเรอะ ”
เครสเซนท์ สบถด้วยความขุ่นเคือง

“ Lost Soul ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับคลื่นพลังสีดำพุ่งตรงมายังพวกเขาสองพี่น้อง
แต่นีน่าก็เข้ามาขวางไว้พร้อมกับเล็งปืนใส่คลื่นพลัง

“ Splash Shot ”
สิ้นคำนางก็เหนี่ยวไกปืนทันทีพร้อมกับแสงกระสุนที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกทั้งแปดนัด พุ่งเข้าปะทะ
กับคลื่นพลังจนสลายไป พร้อมกับการปรากฏตัวของชายสูงวัยสวมชุดเกราะรัดรูปสีดำ ควงคฑาสีดำในมืออย่างคล่องแคล่วซึ่งก็คือ เซอร์เซส น่ะเองเขามาโผล่ใกล้ๆกับเครสเซนท์ตั้งแต่
 เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ

“ หนี้แค้นเมื่อครั้งก่อนข้าจะขอชำระเสียที่นี่เลย เตรียมตัวเตรียมใจซะเถอะ ”
เซอร์เซสกล่าวด้วยความแค้นที่มีมาแต่ครั้งก่อน

“ Gaia Breath ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขาพร้อมกับ ควันดินพุ่งตรงมา
กาโรห์ที่ตามมาเป็นคนสุดท้ายก็เข้ามาขวางเอาไว้

“ Hell Breath ”
สิ้นคำไฟบรรลัยกัลป์ก็ถูกพ่นออกจากปากของกาโรห์
เผาผลาญฝุ่นดินจนมอดไหม้
ซึ่งการโจมตีเมื่อครู่นี้เป็นของลูกมังกรนิลเฮอร์ เอิธท์


“ เอิธท์นายทำอะไรน่ะ ”
ไลท์กล่าวด้วยความตกใจไม่ต่างไปจากทุกคน แต่นอฟฮอฟกับเจนัสที่ดูจะรู้อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่แสดงทีท่าตกใจแต่อย่างใด

“ อย่างที่คิดเอาไว้เลย ”
นอฟฮอฟกล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันไปหานิทินโค

“ นี่ตอนแรกเอิธท์อยู่กับนายที่เมืองนี้ใช่มั้ย ”
นอฟฮอฟหันมาถามนิทินดคซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
ซึ่งนั่นทำให้ พวก Lr ประหลาดใจเป็นอันมาก

“ แต่ว่าเอิธท์น่ะถูกจับอยู่กับ อควาไม่ใช่เหรอตอนที่พวกเราไปที่หมู่บ้านนั้นก็ลงแข่งชิงตัวกลับมาน่ะ..หรือว่า ”
Lr กล่าวได้เพียงตรงนี้ก้เริ่มฉุกขคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ซึ่งในตอนนั้นไลท์ วิล และอควา
ก็เริ่มจะรู้สึกถึงความผืดแปลกบางอย่าง

“ จำได้รึยังว่าภาพบนน้ำตกที่พวกเราเห็นที่วิหารปราชมังกรน่ะ อควาว่ายน้ำแยกอยู่ตัวเดียวต่างหาก
ส่วนเอิธท์ก็วิ่งตามนิทินโคอยู่ที่เมืองนี้น่ะ ”
นอฟฮอฟไขความจริงให้กระจ่างแก่พวกเขา

« Last Edit: June 22, 2008, 07:58:37 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #202 on: June 22, 2008, 07:53:12 PM »

“ อ..จำได้แล้ว ตอนนั้นฉันน่ะถูกเจ้าคนที่สวมผ้าคลุมดำนั้นจับตัวไปแล้วมันก็พาเอิธท์มาด้วย ”
อควา กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ชายสวมผ้าคลุมดำที่ยังคงยืนถือ กรงอยู่เฉยๆ



“ ใช่แล้วเจ้านั่นล่ะที่เป็นคนจับตัวเอิธท์ไป แต่สองคนนี้ก็มาช่วยชั้นเอาไว้เลยรอดมาได้แค่ชั้นคนเดียวน่ะ ”
นิทินโคกล่าวด้วยความร้อนรน ซึ่งเอิธท์นั้นบัดนี้เขา ได้เปลี่ยนท่าทีไปจากทุกครั้ง
ดวงตาลุกวาวเป็นสีแดง รอบตัวมีคลื่นพลังสีดำพุ่งพล่านออกมา ตลอดเวลา

“ เอาล่ะพอได้แล้วซัคคิวบัท(Succubus) ”
ชายสวมผ้าคลุมกล่าวจบ พลังงานสีดำที่พุ่งออกมาจากตัวเอิธท์ก็ พุ่งลอยมาจากร่างของเขา
ก่อนจะมารวมตัวกันใกล้ๆกับชายชุดคลุมดำ และกลายร่างเป็นนางปีศาจสาวซัคคิวบัท
ที่คอยล่อลวงผู้คน เอิธท์ที่หลุดจากการควบคุมของนางก็ล้มลงหมดสติทันที

Lr และลูกๆมังกรพากันวิ่งเข้าไปรับ ตัวเขาออกมา และเมื่อเขาได้สติ
พวกเค้าจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ไม่มีเวลามานั่งดีใจ

เพราะตอนนี้พวกเขาโดนศัตรูล้อมเอาไว้หมดแล้ว อีกทั้งพวกชาวเมือง
ที่แห่กันมาจับตัวเรโค่กับเซโร่ ก็มาถึง และตีวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ

ซึ่งนันทำให้พวกเขาทั้งสองไม่อาจใช้พลังได้เพราะ ชาวเมืองก็จะโดนลูกหลงไปด้วย
นั่นจึงเป็นการเปิดโอกาสนักรบหญิงกับเทอเรี่ยนของนาง และนางปีศาจซัคคิวบัท
เข้าโจมตีโดยที่เซโร่ ทำได้แค่กางกำแพงน้ำป้องกันเอาไว้เท่านั้น

“ ยังไงตอนนี้จำนวนศัตรูก็เยอะเกินไป เราควรจะถอยก่อนนะ ”
เรโค่ออกความคิดเห็น แต่ทว่าบนน่านฟ้าตอนนี้
ก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างไปทั่วจากการใช้พลังของนักรบหญิง
ทำให้พวกเขาถูกปิดกั้นทางหนีโดยสมบูรณ์

“ คิดจะหนีตอนนี้มันก็สายไปแล้ว พวกแกจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยน้ำมือของ12 เทพขุนศึก ลูคเรเทีย(Lucretia, the Sword Magician)
คนนี้แหล่ะ ย้ากกกก ”
นักรบหญิงลูคเรเทียประกาศกร้าว ก่อนที่เจ้าเทอเรี่ยนสีดำจะพุ่งชนกำแพงน้ำจนทลาย นางก็สะสมพลังงานไฟฟ้า
จากฟ้าแลบฟ้าร้องที่อยู่บนฟ้า มาไว้ที่ดาบและ ฟาดดาบลงบนพื้น เกิดเป็นคลื่นไฟฟ้า
พุ่งตรงออกไปยังพวกเขาทั้งสอง



“ จงแสดงตน ประกาpที่เจิดจ้าลูเซียส (Lucis) ”
ทันทีที่เรโค่กล่าวจบแผ่นกระดาษก็ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว ก่อนที่นางจะขว้างมันออกมา
และขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนเป็นภูตสาวผมสีแดงชุดกระโปรงขาวยาวถึงพื้น ขนาดเท่านาง
ออกมา ผลันการโจมตีของลูคเรเทียก็สิ้นสลายไปในทันที
ก่อนที่จะทันได้ถูกต้องตัวภูตของนาง



ขณะเดียวกัน พวกเจนัสเองก็ต้องเข้าปะทะกับ เครสเซนท์ และเซอร์เซสจนไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วย Lr ได้
ที่กำลังจะถูกชายเสื้อคลุมดำจับตัวไป แม้พวกลูกมังกรจะพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่อาจโจมตีผ่าน เกราะพลังงานที่คุ้มครองของได้

“ มากับขาซะดีๆเจ้าหนูแล้วจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ”
ชายเสื้อคลุมดำกล่าวด้วยเสียงเย็นชา ขณะที่เดินเข้ามาใกล้

“ Light Flame ”
สิ้นเสียงเปลวเพลิงสีขาวก็ถูกพ่นอกมาจากปากของไลท์ แต่ก็ถูกสกัดเอาไว้ด้วยเกราะพลังงานของ
เขา

“ น่ารำคาญจริงๆ ข้าไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอกนะ ”
ชายเสื้อคลุมดำตะคอกพร้อมกับ หยิบเอาแท่งโลหะสีดำ ซึ่งมีปุ่มอยู่สี่ปุ่มบนล่างซ้ายขวาอย่างละปุ่มขึ้นมา และกดปุ่มด้านบนของแท่งลงไป ซักพักก็เกิดการบิดเบี้ยวของมิติและเกิดเป็นประตูมิติขึ้นมา
พร้อมกับจักรกลสีขาวขนาดยักษ์ค่อยๆก้าวออกมาจากประตูมิติ

“ จัดการมัน ซะ เบต้า บี(Beta - B) ”
ทันทีที่เขากล่าวจบเจ้าเครื่องจกัรยักษ์ก็เริ่มทำการสะสมพลังงานทันทีก่อนจะปล่อยคลื่น
พลังงานที่มองไม่เห็นออกมา

“ Beta Gravity ”
เสียงทุ้มแหลมดังออกมาจากเครื่องจักรยักษ์คลื่นพลังงานที่ปล่อยออกไปเมื่อครู่
ก็ส่งผลทำให้ Lr กับลูกมังกรล้มทรุดลง ราวกับถูกกดด้วยอะไรบางที่มองไม่เห็น

“ ต..ตัวหนักไปหมดนี่มันอะไรกัน ”
Lr กล่าวขณะที่พยายามยันตัวแต่ก็ไม่อาจลุกขึ้นได้

“ เป็นไงล่ะความสามารของ เบต้า บี ที่ข้าสร้างขึ้นตัวนี้ก็คือควบคุมแรงดึงดูด ตอนนี้พวกเจ้าถูกแรงที่ว่านี้กดอยู่ยังไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ”
ชายเสื้อคลุมดำกล่าวพร้อมกับหัวเราะด้วยความสะใจ

“ แกเป็นใครกัน ”
Lr ถามน้ำเสียงกระอึกกระอักจากการถูกแรงกดทับ ตอนนี้ตัวเขาแทบจะหมอบศิโรลาบลงไปแล้ว

“ ข้าคือ 1 ใน 12 เทพขุนศึก นักประดิษฐ์ และก็เตรียมบอกลาเพื่อนๆของแกได้แล้วเพราะเดี๋ยวแกจะต้องไปกับพวกเราแล้ว อ้อแล้วก็เรื่องภารกิจรับมอบบันทึกกับแจ้งข่าวรวมพลของเจ้าน่ะไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะ
ถึงไปที่นั่นได้ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ฮ่าฮ่า ”
นักประดิษฐ์กล่าว คำพูดของเขาทำให้ Lr เกิดความสงสัยขึ้นทันที

“ หมายความว่ายังไง ”
Lr ตะคอกออกไป

“ ก็หมายความว่ากองกำลังต่อต้านที่หุบเขาน้ำแข็ง ที่พวกเจ้าจะไปกันน่ะถูกพวกหัวหน้าฝ่ายสองคนกับเทพขุนพลคนอื่นๆจัดการไปแล้วไงล่ะ ”
นักประดิษฐ์อธิบายให้พวกเขาฟังด้วยความหรรษาอย่างที่สุดราวกับสุขสรรที่เห็นพวกเขาเกิดความวิตกกังวล

“ ท…ทำไมแกถึงรู้ว่าพวกเราจะไปที่นั่น ”
วิลถามซึ่งทันทีที่เสียงของเธอถูกแปลผ่านดราก้อนฮอลลี่นักประดิษฐ์ก็หันมามองที่ดราก้อนฮอลลี่
ด้วยความสนใจ

“ โฮ่เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจจริงๆ นอกจากจะแปลงร่างของเจ้าให้เป็นอัศวินมังกรได้แล้ว
ยังแปลภาษามังกรได้อีกเรอะหึหึ ไว้นำตัวเจ้ากลับไปได้เมื่อไรข้าจะขอเอามาชำแหะดุให้ระเอียดเลย ฮิฮิฮิ ”
นักประดิษฐ์กล่าว โดยที่ Lr ไม่อาจทำอะไรเขาทำได้เพียงแค่ขบฟันด้วยความเจ็บแค้นในความไร้พลังของตน
สภาพนี้เขาไม่สามารถที่จะแปลงร่างได้เลย และถึงทำได้อย่างมากที่สุดที่เขาสามารถ
จะควบคุมการแปลงร่างได้ก็มีเพียงแค่ทาลูคูสตัวเดียวเท่านั้นเพราะพลังอื่นๆที่ได้มานั้น

เค้ายังไม่อาจที่จะควบคุมได้คล่องนัก


“ ลอว์เรนซ์คอยเดี๋ยวนะชั้นไปช่วยเดี๋ยวนี้แหล่ะ ”
นีน่าที่รับมือกับเซอร์เซสอยู่หันไปกล่าวโดยไม่ระวังตัวเซอร์เซส สบโอกาสจึงอาศัยช่วงนี้
ร่ายเวททันที


“ Lost Soul ”
สิ้นคำ เซอร์เซสก็ยิงคลื่นพลังสีดำออกไปจากฝ่ามือ ก่อนที่ลำแสงจะทันได้พุ่งเข้าใส่ร่างของนาง
กาโรห์ก็เอาตัวเข้ามารับการโจมตีแทนจนตนได้รับ บาดเจ็บและทรุดตัวลง

“ กาโรห์ ”
นีน่าร้องด้วยผวาขณะที่ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ทำให้ภาพอดีตของนางปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

“ นี่มัวเหม่ออะไรอยู่มันจะมาอีกแล้วนะ ”
กาโรห์ที่ยันตัวขึ้นมากล่าวเตือนสตินางก่อนจะ อุ้นตัวนางโฉบหลบการโจมตีของเซอร์เซสอีกครั้ง

“ อ..อีกแล้ว ความรู้สึกนี้ เค้าเป็นใครกันหรือว่า ”
นีน่าคิดขึ้นขณะที่ความรู้สึกจากการถูกช่วยนี้ ทำให้นางเริ่มจะรู้สึกถึงอดีตที่ตนลืมเลือนไป
ผลันหินสีเขียวที่สายคาดข้อมือก็สะท้อนประกายแสงออกมาเล็กน้อย

ความปวดร้าวที่อยู่ในใจซึ่งอักแน่นอยู่ในอกของนาง อย่างไม่ทราบสาเหตุก็ถาโถมขึ้นมา

“ เชอะนี่น่ะรึ ทายาทผู้สืบทอดตระกูลลาเซริโอ้ ”
“ ครึ่งสมิงอย่างพวกรูลเวลส์คิดจะยึดอำนาจของตระกูลเรารึไง ”
“ ฆ่ามันทิ้งซะเลยดีกว่าอย่างนังเด็กนี่น่ะมันไม่มีค่าพอจะสืบทอดตระกูลหรอก ”
“ ใช่..เพราะคนที่จะสืบทอดตระกูลได้ก็มีเพียงคุณหนูกาเทีย ที่มีสายเลือดของลาเซริโอ้อย่างแท้จริงเท่านั้นล่ะ ”
“ เพราะท่านคุณ กลับเลือกมันมากกว่าสายเลือดแท้ของตระกูลซะนี่ ดังนั้นไหนๆท่านคุณก็ตายไปแล้ว
งั้นพิธีรับสืบทอดตระกูลวันพรุ่งนี้ เราก็ฆ่ามันซะแล้วให้คุณหนูกาเทียขึ้นรับเป็นผู้สืบทอดซะเลยเป็นไง ”
เสียงหลายๆเสียงที่เธอรู้สึกคุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัว เธอราวกับตกไปในภวังค์ชั่วครู่

“ หรือว่า ”
เซอร์เซสที่ปฏิกิริยาของนาง พึมพำออกมาราวกับรู้อะไรบางอย่าง
ซึ่งเจนัสเองที่มองคล้อยตามอยู่ก็เริ่มรู้สึกสงสัยและแล้วความวิตกก็บังเกิดขึ้นในใจของเขา
จากการที่เขารู้ถึงเรื่องบางอย่างที่นางไม่รู้ก็เป็นได้

แต่ทว่าเขาก็ต้งหยุดคิดไปเมื่อเขาถูกหมัดของเครสเซนท์ กระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง
จนกระเด็นไป

“ ท่านพี่…หนอย ”
ลากูน่าร้องเสียงหลงก่อนจะหันไปคำรามใส่เครสเซนท์ด้วยความฉุนเฉียว
พร้อมกับพุ่งตรงเขาหมายจะซัดให้หมอบ แต่เครสเซนท์ก็ดันสลักที่เข็มขัด
ทันที

“ Push On ”
เสียงทุ้มต่ำของเครื่องจักรดังออกมาจากเข็มขัดพร้อมกับชิ้นส่วนเกราะปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
ก่อนประกอบเข้ากับตัวเขา และทำให้การโจมตีของลากูน่าไร้ผล
พร้อมกับดันสลักอีกครั้ง

“ Stand By ”
ไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากรอยต่อของเสื้อพร้อมกับแยกขยายออกหลังจากที่เสียงทุ้มต่ำนั้นดังขึ้นอีกครา
และไม่รอช้าเขารีบดันสลักกลับอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ Release Armor ”
สิ้นคำของเขาก็เกิดคลื่นพลังว่งวนไปรอบรอยต่อของเสื้อเกราะ

“ Push Off ”
เสียงทุ้มต่ำของจักรกลดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับ ชิ้นส่วนเกราะที่ระเบิดออกมา
พัดเอาตัวลากูน่ากระเด็น ออกไปไม่ไกลนัก ก่อนที่เขาจะยันตัวขึ้นมาอย่างลำบากด้วยความเจ็บช้ำ

ทันทีที่เครสเซนท์ปลดเกราะออก ความดันพลังเวทย์ของตัวเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนพวกเจนัสรู้สึกได้

“ ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นก็เป็นอีกผลงานของข้าเช่นกันชุดเกราะเสริมพลังทันทีที่สวมใส่เกราะเอาไว้มัน
ก็จะคอยสะสมพลังเอาไว้เรื่อยๆจนเมื่อระเบิดเกราะออกพลังที่ว่านั่นก็ไหลเข้าสู่ร่างเป็นการเพิ่มพลังแบบฉับพลันยังไงล่ะ ที่จริงข้าทำไว้สองแบบนะ อันนึงเพิ่มพลังมนตราซึ่งก็คืออันที่เจ้าเห็นอยู่นี่ล่ะส่วนอีกอันเพิ่มพลังกายแต่ก็ดันโดนเจ้า
เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนชิงไปซะได้ ”
นักประดิษฐ์สาธยาย ด้วยความคับแค้นใจที่ถูกชิงเอาสิ่งประดิษฐ์ไปซึ่งพวก Lr ก็พอจะรู้ว่า
คือเมทาไนท์ นั่นเองที่ขโมยเอาของเขาไป

ด้านพวก เซโร่กับเรโค่ ที่อยู่ไม่ไกลกันนักบนเนินแห่งนี้กำลังโดนล้อมโดยพวกชาวเมืองและ
ต้องรับมือกับลูคเรเทียกับเทอเรี่ยนสีดำของนางและซัคคิวบัท ที่คอยซ้ำอยู่ตลอดโดยทำได้เพียงแค่
ป้องกันตนเท่านั้น และยังต้องคอยหลบหลีกการรุกรานของชาวเมืองด้วย

« Last Edit: June 22, 2008, 08:00:22 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #203 on: June 22, 2008, 07:53:40 PM »

“ พวกแกยอมจำนนซะ ”
“ ไอ้จอมเวทย์ชั่วเพราะพวกแก พวกเราเลยต้องอยู่อย่างไปเป็นสุข ”
“ ปีศาจอย่างพวกแกน่ะไม่มีซะก็ดีหรอก ”

เสียงโห่ร้องด้วยความไม่พอใจขงชาวเมืองยังคอยกดดันพวกเขาจน
แทบไม่มีสมาธิจะร่ายมนต์หรือเสริมพลังของเกราะแต่อย่างใด
ภูตสาวลูเซียสที่เรโค่ส่งออกมา ก็รับมือนางปีศาจซัคคิวบัท เอาไว้แทบไม่ได้

นางจึงหยิบเอากระดาษอีกแผ่น ซึ่งเขียนอักขระคล้ายๆกันออกมาและโยนไปขนาด
ที่คอยควบคุมลวดมนตราให้ขึงเป็นตาข่ายไม่ให้ชาวเมืองบุกเข้ามาได้

กระดาษที่โยนออกไปนั้นลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีดำก่อนจะขยายและเปลี่ยนรูปภูดชาย
ใบหน้าสวมหน้ากากปกปิดเอาไว้

“ จงปกปิดตัวตน เสียงกรีดร้องในความมืด ออบสคูรี (Obscure) ”
สิ้นเสียงของเรโค่ ภูตชายตนนั้นก็ค่อยจางหายไปในอากาศธาตุ ก่อนจะไปปรากฏตัวข้างหลังนางปีศาจซัคคิวบัท
พร้อมกับกางกรงเล็บขึ้นเพื่อจะทำลายนาง แต่ก็ถูกเทเรี่ยนสีดำพุ่งเข้าตะครุบเข้าไว้



“ ทำได้ดีมากไวด์(Wild) ”
นางกล่าวชมเทอเรี่ยนของนางมันเป็นเทอเรี่ยนที่มีพิษสะสมในร่างกายจนเป็นสีดำ
ลมหายใจของมันล้วนเป็นพิษ ผู้คนขนานนามมันว่าเทอเรี่ยนสารพิษ(Toxic Therion)


“ Kamaithachi ”
สิ้นเสียงเครสเซนท์ ก็พุ่งเข้าตวักกรงเล็บรัวใส่เจนัสอย่างรวดเร็ว
แม้จะป้องเอาไว้ได้แต่ร่างของเขาก็ต้องถูกลมเฉือนเอาไปหลายแผล
จนเมื่อเขาเสียท่า ถูกเตะเข้ากลางลำตัวจนล้มลง เครสเซนท์ที่จะซ้ำต่อทันทีก็ถูก
กระสุนแสงเป่าจนกระเด็น โดยมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเพราะเกราะมนตราที่คุ้มกายเขาเอาไว้ถูกเสริมพลัง
จากการ ใช้ชุดเกราะเสริมพลังที่ระเบิดออกไปเมื่อครู่ นีน่าที่ยิงช่วยมานั้นรีบเข้ามาดู
อาการของพี่น้องทั้งสองซึ่งลากูน่ายังนั่งอยู่บนพื้นด้วยความจุกจากถูกเศษชิ้นส่วนเกราะกระแทกอยู่ ก็ได้กาโรห์เข้ามาช่วยพยุงขึ้น

“ ไม่เป็นไรนะครับลูกพี่ลากูน่า ”
กาโรห์ถามซึ่งลากูน่าก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง

“ กาโรห์ไม่นึกเลยว่าจะได้นายมาช่วยเอาไว้นะ ”
ลากูน่ากล่าวขณะที่เดินเข้าไปดูอาการของพี่ชายซึ่งพึ่งจะลุกขึ้นมา


“ ดูเหมือนจะวุ่นวายไปหมดแล้วนะนี่ก่อนอื่นคงต้องช่วยเจ้าเด็กกับลูกมังกรนั่นก่อนล่ะนะ ”
กาโรห์กล่าวหลังจากประมินสภาพสนามรบที่ยุ่งเหยิงนี้

“ นี่แก..คือคนที่หายตัวไปนี่ทำไมถึง ”
เซอร์เซสที่มองมายังกาโรห์ด้วยความสงสัย ซึ่งกาโรห์ก็ส่งสายตาแฝงเลศนัยกลับไปทำให้เขา
ต้องชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหรี่ตาลงเพื่อประเมินสถานการณ์

กาโรห์ซึ่งชักดาบออกมาจากฝัก ก็จับด้ามดาบไว้ด้วยมือทั้งสอง ก่อนจะเหวี่ยงมันไปรอบอย่างรุนแรง

“ Reverse Blade Lightning ”(ดาบย้อนอัศสนีบาต)
สิ้นคำ ดาบในมือของกาโรห์ก็ถูกเหวี่ยงขึ้นสู่ฟากฟ้าและหายลับ ไปพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง

จนทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต้องชะงักขึ้นมอง

ทันทีที่กาโรห์ตวัดมือลงสายฟ้าก็พุ่งลงมาจำนวนมากมายโดย ทุกครั้งจะฟาดลงไปยังตัว
ของ เบต้า บี และนักประดิษฐ์จนกระทั่งกลไลของ เบต้า บีไม่อาจทานทนต่อกระแสไฟฟ้าได้อีก
ก็ระบิดออกเป็นเสี่ยงๆทันที พร้อมแรงโน้มถ่วงที่กดร่างของพวก Lr หายไป
นักประดิษฐ์เท่านั้นที่ยังคงไม่เป็นอะไร เพราะมีเกราะคุ้มกันอยู่

“ เชอะวันนี้ข้าจะถอยก่อนก็ได้แต่แค่ข้าคนเดียวเท่านั้นแล้วเจอกันใหม่ ฮ่าฮ่าฮ่า ”
นักประดิษฐ์กล่าวจบก็เกิดแสง เปล่งขึ้นมาก่อนจะหายตัวไป
สายฟ้าฟาดยังคงพุ่งลงมาฟาดใส่พวก เครสเซนท์ กับเซอร์เซสไม่ยั้ง

แต่ก็ไม่อาจถูกต้งตัวของทั้งสองได้  เซอรืซสที่มองไปยังกาโรห์ก็เข้าใจถึงความหมายของอะไนบางอย่าง
ขึ้นมา


“ เข้าใจแล้วอย่างนี้นี่เอง เครสเซนท์เราถอยกันก่อน ”
เซอร์เซสกล่าวจบก็เปิดประตูมิตออกและหนีเข้าไปพร้อมกับเครสเซนท์

เมื่อเห็นดังนั้นกาโรห์จึงหยุดยั้งการส่งพลังมนตราพร้อมกับดาบที่เหวี่ยงขึ้นไปก็พุ่งตกลงมา
ปักบนพื้นตรงหน้าเขา

“ จริงสิสองคนนั้นล่ะ เราต้องช่วยพวกเขานะ ”
นิทินโคกล่าวด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นพวกชาวเมือง
พยายามจะกรูกันเข้าไปจับตัว เซโร่และ เรโค่
 
โดยที่ทั้งสองยังต้องรับมือับเทพขุนพลอีกคนอยู่

พวกเขาแหวกฝ่าวงล้อมเข้าไปจนถึงใจกลาง
โดยที่เจนัสพุ่งเข้าไปซัด เจ้าเทอเรี่ยนสีดำ จนกระเด็นไปชนนางซัคคิวบัทล้มระเนระนาดไปทั้งคู่
นีน่ากดสวิตซ์ที่ปลายปืนทันที

พร้อมกับวัตถุโลหะทรงกลม แคริอุส ของนางบินลงมาจากฟากฟ้าและกางแขนกลไลที่
ยึดเอาสรรพอาวุธนานาชนิดออกมา

“ Choose ”
เสียงทุ้มแหลมของมันดังขึ้นพร้อม อาวุธทั้งหมดถูกโปรยลงมา
สู่พื้นทำให้ชาวเมืองพากันวิ่งแตกฝูงไปหมดซึ่งก็ไม่มีใครได้รับอันตรายเพราะลากูน่า
ไล่เก็บพาคนที่หนีไม่รอดโยนออกไปทันที

แต่ทว่าดุเหมือนนีน่าจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะแทนที่พวกชาวเมืองจะถอยหนี
ไปไม่กลับมาอีกพวกเขากลับพากันมาหยิบเอาอาวุธที่นางทิ้งลงมา
ขึ้นมาใช้ และเข้าปิดล้มพวกเขาอีกครั้ง

“ แย่ล่ะสิลืมนึกไปเลย ”
นีน่าอุทานดวยความตกใจ

“ ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังบ้างสิ ”
เจนัส กล่าวขณะที่พวกเขาถูกบีบวงล้อมเข้ามาเรื่อยๆ
เรโค่กับเซโร่ ที่หมดแรงกับการตั้งรับไปแล้วจึงไม่ต่อกรอะไรได้อีก
นิทิโคที่เข้าไปดูทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ชาวเมืองกำลังปิดล้อมเข้ามาเรื่อย

“ เจ้าพวกนี้ก็เป็นพวกเดียวกับเจ้าจอมเวทย์นั่น ”
ลูคเรเทียกล่าว ซึ่งชาวเมืองก็พากัน บุกประชิดเข้ามา
ทำให้พวกเขาคอยรับมือกับชาวเมืองที่บัดนี้มีอาวุธครบมือแล้ว

“ พวกคุณกำลังถูกหลอกอยู่นะพวกเขาไม่ใช่คนไม่ดีซะหน่อยที่ผิดก็พวกนั้นต่างหาก ”
Lr อธิบายพร้อมกับชี้ไปเทพขุนพลลูคเรเทีย

“ เพราะพวกแกมาที่นี่น่ะแหล่ะถึงได้ทำให้พวกปีศาจแห่กันมา ”
“ ไปให้พ้นเลยไปพวกแกมันตัวซวย ”
“ พวกไร้คุณธรรมอย่างพวกแกอยู่ไปก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเพื่อคุณธรรมแล้วพวกเรา จะต้องกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ”

คำพูดของชาวเมืองที่ไม่สนใจเหตุผลใดเข้ากดดันพวกเขา
นิทินโคที่ยืนฟังอยู่ด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจขัดขืนต่อความเห็นของชาวเมืองได้

“ คุณธรรมน่ะมันก็แค่สิ่งที่ใช้เรียกการกระทำที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองเท่านั้นงั้นสินะ ”
นิทินโคกล่าวออกมาอย่างสินหวัง Lr ที่ฟังอยู่ใกล้นั้นก็เข้าใจได้ถึงความทุกข์ของเขา
เพราะที่แล้วมาเขาจะทำทุกย่างเพทื่อคุณธรรมที่เขาได้รับการสั่งสอนมาแม้

ซึ่งการที่เขาโกรธเคืองลอว์เรนซ์นั้น ก็เพราะเขาอยากจะหนีจากความคิดที่ว่าเพราะเขาทำให้พี่สาวต้องตาย
จึงพยายามปฏิบัติทุกอย่างเพื่อคุณรรมที่ตนเองเชื่อมาตลอดแม้จะผ่านเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจนั้นมาแล้วก็ตาม
 
ในตอนนี้ความรู้สึกนั้น Lr ได้เข้าใจแล้วจากการที่เขาได้เห้นในหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา
ทั้งตอนที่หมู่บ้านถูกโจมตี เขาเป็นคนที่ไปช่วยพวก ไลท์และถึงแม้ต่อหน้า
จะทำเป็นโกรธเขาแต่ลับหลังแล้ว เขาก็ยังคอยช่วยเหลือ Lr มาตลอดโดยไม่ให้รู้ตัว

Lr ที่เข้าใจขึ้นมาได้ในตอนนี้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่นั้นคงเป็นเพราะ เขาเอง
ก็เคยเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว จึงทำให้เขาเข้าใจในตัวของนิทินโคมากขึ้น

“ ไม่ใช่หรอกไฟร์นายจะว่ายังไงก็ตามแต่ก็อย่าทอดทิ้งสิ่งที่เชื่อมั่นอยู่ซะล่ะ ”
Lr กล่าวโดยเรียกชื่อของเขาเหมือนเมื่อก่อนที่เคยสนิทกันซึ่งคำพูดนั้นก็เตือนสติเขาขึ้นมาทันที
ขณะที่ชาวเมืองกำลังรุกไล่เข้ามามากขึ้น โดยที่พวกลูคเรเทียเอาแต่เฝ้ามองความพินาศของพวกเขาอย่างสบายอารมณ์

“ เพื่อปกป้องคุณธรรมของพวกเราตายซะเถอะพวกปีศาจ ”
ชาวเมืองคนนึงโห่ขึ้นมาอีกครั้งซึ่ง Lr เองที่เริ่มจะฉุนก็ตะคอกกลับไปบ้างทันที


“ เพราะเป็นคุณแก่ตน ถึงได้เรียกมันว่าคุณธรรมงั้นเหรอ..ถึงมันจะจริงแต่นั่นก็ไม่ใช่คุณธรรมที่แท้จริงหรอก ”
คำพูดของเขาทำให้ชาวเมืองต้องหยุดกึกเพื่อทบทวนสิ่งที่เขากล่าวออกมาอีกครั้ง นิทินโคที่ได้ยินคำพูดนั้น
ก็นึกถึงคำพูดที่พี่สาวของเขาเคยพูดไว้

“ ประโยคเมื่อกี้มันที่พี่เคยพูดไว้นี่ ”
นิทินโคคิดขณะที่ ความทรงจำนั้นได้แวบผ่านเข้ามา
ใบหน้าของพี่สาวที่คอยสั่งสอนเขาและดูแลเขามาตลอดนั้นก็ผุดขึ้นมาในใจ

“ เพราะเป็นคุณแก่ตน ถึงจะเรียกมันว่าคุณธรรมเลยไม่ได้หรอกถึงมันจะจริงตามความเห็นคนกลุ่มมากแต่นั่น
ก็ไม่ใช่คุณธรรมที่แท้จริงหรอกนะไฟร์ ”
คำพูดของพี่ก้องอยู่ในหัวของเขา

“ อย่าไปฟังมัน พวกมันแค่ต้องการจะทำให้พวกเจ้าไขว้เขวเท่านั้นจงกำจัดมันเพื่อ
รักษาคุณะรรมของพวกเจ้าซะ ”
ลูคเรเทียกล่าวแย้งขึ้นมาเพื่อให้พวกชาวเมืองลงมือ
แต่แล้วก้มีชายแก่คนหนึ่งเดินตรงมายังกลุ่มชาวเมืองซึ่งทันทีที่
ชาวเมืองและทหารยามเห็น พวกทหารยามก็พากันแหวกฝ่าออกไปอารักขาเขาทันที
พร้อมกับที่พวกชาวเมืองแหวกทางให้แก่ชายแก่ด้วยความเคารพ เขาคือชายแก่คนเดียวกับที่
เจรจากับพวกกลุ่มคนชุดดำซึ่งก็คือพวกลูคเรเทียในที่ว่าการอำเภอเมื่อคืนก่อนนั่นเอง

“ ที่เด็กคนพูดมาน่ะถูกต้องแล้ว ”
ชายแก่ประาศก้องทำเอาชาวเมืองพากันนิ่งเงียบไปทันที

“ น..นี่ตาแก่แกคิดจะทำอะไรกันแน่เจ้าพวกนั้นมันเป็นตัวอันตรายนะ ”
ลูคเรเทียกล่าวด้วความร้อนรน จากการปรากฏตัของชายแก่

« Last Edit: June 22, 2008, 08:01:22 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #204 on: June 22, 2008, 07:53:56 PM »

“ จริงด้วยนะครับท่านนายอำเภอเราต้องทำเพื่อปกป้องเมืงไม่ใช่หรือครับเพื่อคุณธรรมน่ะ ”
ทหารยามคนนึงกล่าวขึ้นซึ่งนั่นทำให้ชายเบิกตาขึ้น สายตาของเขาดุดันเสียจนชาวเมืองที่ได้เห็นทุกคน
ต้องชะงักนิ่งไปทันที

“ พวกเจ้ายังมีหน้ามาอ้างว่าเพื่อคุณธรรมอีกเรอะการกระทำของพวก
เจ้าตอนนี้น่ะยังไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัวอีกเรอะคิดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปถึงไหนกันถึงได้มารุมล้อมเด็กพวกนี้
อีกอย่างพวกเขาคือคนที่ช่วยพวกเราเอาไว้นะนอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแล้วพวกเจ้ายัง
เนรคุณอีกแล้วยังจะกล้าเสนอหน้ามาอีกเรอะ ”
ชายแก่ตะคอกด้วยโทสะที่ครุกรุ่นออย่างเต้มที่ทำเอาพวกชาวเมืองสลดไปตามๆกัน

“ ถ้าสำนึกกันแล้วก็เลิกทำแบบนี้ซะศัตรูที่แท้จริงของเราคือเจ้าคนพวกนั้นตะหาก ”
สิ้นคำของชายแก่ชาวเมืองก็พากันหันทิศเขาหาเทพขุนพลทันที

“ เจ้าพวกสวะเอ๋ยคิดจะต่อต้านพวกข้าเรอะงั้นเราจะได้เห็นดีกันย้ากกกก ”
ลูคเรเทียตวาดด้วยความฉุนเฉียวพร้อมกับยิงระเบิดสายฟ้าใส่ชาวเมือง
จนแตกพ่ายกันเป็นพัลวัน
ทันทีที่กลุ่มชาวเมืองแตกกระจายไปสะเปะสะปะ นางก้พุ่งทะยานเข้าหมายจะบั่นคอชายแก่เสีย
แต่ทว่า Lr ก็รีบพุ่งตัวคว้าดาบที่ปักอยู่บนออกไปรับมือกับนางทันทีดดยที่พวกเจนัสจะตามไปช่วยแต่ก็ถูกสกัด
โดยนางปีศาจซัคคิวบัทกับเทอเรี่ยนสีดำ นิทินโคที่บินแยกออกไปช่วย Lr ทันที


“ คนอย่างพวกแกที่คิใช้คุณะรรมเป้นเครื่องมือหลอกใช้คนอื่นชั้นไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด ”
นิทินโคกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะพุ่งเข้าใส่นาง พร้อมๆกับ Lr แต่ก็ถูกนางปัดกระเด็นไป

“ งั้นก็เริ่มจากพวกแกก่อนเลยละกันแล้วก็แกเจ้าหนูน้อยอยู่นิ่งๆตรงนั้นซะเดี๋ยวแกจะต้องไปกับข้า ”
นางกล่าวจบก็ยิงคลื่นไฟฟ้าจากฝ่ามือใส่ Lr คลื่นไฟฟ้าไหลเวียนไปทั่วร่างของเขา
ความทรมานจากการถูกไฟช็อตได้กล้ำกรายเข้าสู่ร่างของเขา จนดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด

“ ลอว์เรนซ์ ”
นิทินโคร้องเสียงหลงด้วยความเป็นห่วงทันที
ซึ่งดาบของลูคเรเทียกำลังจะพุ่งลงบั่นคอขงเขา ก็ผลันเกิดแสงสว่างสีแดงวาบออกจาก
ดราก้อนฮอลลี่ ทันทีดาบของก็ตวัดพลาดไปเมื่อแสงนั้นเปล่งสว่างเสียงจนตานางพร่าไปหมด
ร่างของ Lr และ นิทินโคถูกอาบด้วยแสงนั้นก่อนที่นิทินโคจะเดินเข้าไปหาร่างของ Lr ที่หมดสติอยู่
บนพื้น

“ ที่แล้วมาชั้นก้แค่จะหนีจากความผิดของตัวเองเท่านั้นเองถึงได้พยายามเป็นบ้าเป็นหลังที่จะทำความดีชดเชย
ให้กับพี่จนลืมสิ่งที่สำคัญไป ลอว์เรนซ์เรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งนะเพราะตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าที่พี่
คอยสอนอยู่ตลอดนั้นไม่ใช่ให้ฉันถือ อคติกับใครหรืออะไรแต่ให้ชั้นเสียสละตนทำเพื่อทุกคนต่างหาก... ”
คำพูดที่กล่าวออกมาจากส่วนลึกของจิตใจนั้นทำให้แสงที่อาบร่างทั้งสองไว้หลอมรวมเป็นหนึ่ง
ก่อนจะขยายตัวขึ้นสู่ท้องนภา และแตกกระจายเป็นวงแหวนพลังงานสีแดง หมุนวนอย่างรวดเร็ว

รวบรวมเอาละอองพลังงานที่กระจายไปกลับมาอีกครั้ง และยิงส่งเปลวเพลิงลงเผาผลาญร่างของทั้งคู่
ท่ามกลางเป็วไฟนั้นร่างของทั้งสองราวกัสูญสลายไปก่อนจะกลับร่วมตัวกันอีกครั้งและขยาย

ตัวขึ้นพร้อมกับปีกเพลิงถุกสยายออกมาจากเสาเพลิงที่ถูกยิงลงมาและกระพืออย่างรุนแรงจนเสาเพลิงสลายไป
ผยร่างของอัศวินมังกรตนใหม่ร่างสีแดงเพลิงเกล็ดมังกรนั้นเรียงตัวกันเป็นเกราะและทันทีที่ร่างนั้นค่อยๆ

ร่อนลงสู่พื้นปีกเพลิงที่สยายออกมาจากหัวไหล่ สลายตัวออกจากกันและมารวมกันที่มือทั้งสองข้าง
ข้างนึงเปลวไฟกลายรูปโล่เกล็ดมังกรสีแดงติดกับข้อมือส่วนอีกมืก็ก่อตัวรวมกันคล้ายก่อนที่อัศวินมังกร
จะกดดาบเพลิงนั้นลงกับพื้นอย่างอย่างจนเปลวไฟที่ติดอยู่สลายไป เผยรูปร่างของดาบ
เรียวยาวเหมือนกระบี่ คมดาบเป็นสีแดงสดและลุกโหมด้วย ออร่าอันร้อนระอุ
หางของอัศวินมังกรสะบัดฟาดไปมาตามพื้นดดยทุกครั้งที่ฟาดโดนจะเกิดประกายไฟขึ้นแต่กลับไม่
ลุกไหม้อย่างน่าอัศจรรย์

“ คุณธรรมที่แท้จริงจะไม่เกิดจาจากความกลัว นามของข้าจะเป็นเพลิงแห่งคุณธรรมเผาผลาญความกลัวแห่งปีศาจให้วอดวาย ทาลิกนัส (Thalignus, the Dragoon of  Thaliwilya) ”
อัศวินมังกรประกาศก้อง ก่อนยกกระบี่ที่ปักพื้นขึ้นมา



“ Great of  Dragon ”(ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร)
สิ้นคำของทาลิกนัสเปลวเพลิงก็ลุกโหมขึ้นบนคมดาบทันที ก่อนที่เขาแทงดาบไปข้างหน้าทันทีที่ดาบถูแทงไป
เปลวเพลิงที่คมดาบก็พุ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็วและแปรรูปเป็นมังกรเปลวเพลิงสีแดง

หุกโหมใส่นางปีศาจซัคคิวบัทกับเทอเรี่ยนสีดำของนาง โดยที่ไฟนั้นแม้จะครอกพวกเจนัสไปด้วย
พวกเขากลับไม่เป็นอะไรเลยกลับกันเทอเรี่ยนสีดำกับนางปีศาจ ถูกเพลิงมังกรเผาผลาญจน

ต้องลงไปกลิ้งและเมื่อไฟดับทั้งสองก็ไม่อาจสู้ต่อได้ด้วยอาการเจ็บแผลไฟไหม้ที่เกิดขึ้น
ลูคเรเทียได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

“ ข้าก็บอกไปแล้วนี่ว่าข้าจะเป็นเพลงแห่งคุณธรรมเผาผลาญความกลัวแห่งปีศาจให้วอดวายดังนั้น
เพลิงนั้นก็จะเผาไหม้แต่เพียงปีศาจแห่งความกลัวอย่างพวกเจ้าเท่านั้นเพราะนี่คือเพลิงชีวิต ของข้าที่ไม่มีวันดับมอด ”
ทาลิกนัสประกาศก้อง

“ หนอยแกย้ากกกก ”
ลูคเรเทียกัดฟันเข้าปะทะด้วยความโกรธเกรี้ยวนางฟาดฟันดาบในมืออย่างรวดเร็วแต่ ทาลิกนัส
ก็รับไว้ได้ทั้งหมดโดยใช้เพียงดล่ของตนเท่านั้นโดย ที่ทุกครั้งที่นางลงดาบใส่โล่ของตน ก็จะแทงกระบี่ออกไป

อย่างรวดเร็วทันที ซึ่งแม้นางจะหลบได้แต่ออร่าเพลงที่ลุกโหมอยู่ที่คมดาบก็จะเผาถูกนางไปด้วย
จนทั่วทั้งตัวนางตอนนี้มีแต่แผลผุพองจากการถูกไฟเผาดาบของนางเริ่มที่จะละลายจากการปะทะ
กับกระบี่เพลิงองทาลิกนัส

บัดนี้ทาลิกนัสไม่คิดที่ยืดเยื้ออีกต่อไป เขาตวัดกระบี่ในมือจนเกิดประกายไฟในอากาศ
เป็นรูปดาวห้าแฉก ก่อนจะถอยกระบี่ออกมาและแทงลงไปตรงกลางแฉกดาวนั้น

“ Ignis et Dragos ”
สิ้นคำดาวห้าแฉกก็ลุกโหมกระหน่ำเป็นพายุเพลิง พัดกระหน่ำสู่ร่างของนาง
โดยที่นางไม่อาจจะหลบหนีได้ แต่ทว่าก่อนที่พายุเพลิงจะกระหน่ำร่างของนาง
ให้มอดไหม้เป็นจุล ก็มีร่างขนาดใหญ่พุ่งทะยานมาและยกปีกสีดำขึ้นปกป้องนางเอาไว้จากพายุเพลิง

“ อะไรกันน่ะ ”
ทาลิกนัสอุทานขึ้นด้วยความตกตะลึงซึ่งทุกคนต่างก็หันกันไปยังทิศทางเดียวกันนั้น

ตรงหน้าร่างของผู้มาเยือน คนใหม่ได้ปรากฏต่อหน้าพวกเขาภายใต้ใต้ปีกของ อัศวินนรกกายสีดำ
ซึ่งเป็นอัศวินนรกตนเดียวกับที่จู่โจมเกรเกอรี่เมื่อครั้งที่เดินทางไปยังฐานกองกำลังทางเหนือของทวีปคาดาร่านี้
ชายคนนึงที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาซึ่งเป็นดูเหมือยเขาจะเป็นผู้ที่ควบคุมอัศวินนรกตนนี้

เขาสวมชุดเหมือนกับบิชอปแห่งฟีเลเซีย เพียง
แต่ชุดของชายผู้นี้เป็นสีดำและสวมหน้ากากสีขาวทรงกลมรีปกปิดใบหน้าที่มีเพียงช่อง
สองดวงเท่านั้นที่ถูกเจาะเอาไว้บนหน้ากาก


“ แกเป็นใครกัน ”
ทาลิกนัสถามพร้มกับกระชับกระบี่ในมือแน่น แต่ชายลึกลับกลับหัวเราะในลำคอเบาก่อนที่
วาดมือออกมา เกิดวงเวทย์รูปดาวหกแฉก ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาพร้อมกับร่างของลูคเรเทีย นางปีศาจซัคคิวบัทและ เทอเรี่ยนสีดำ ได้จางหายไป
ทันที ชายลึกลับ็หันมากล่าวกับพวกเขาเสียงเรียบ

“ ข้าคือใครบางคนที่พวกเจ้าจะต้องสูญเสียไปในกาลข้างหน้า แล้วเจอกันในอนาคตนะข้าจะ
รอจนกว่าเจ้าจะจุติครบทั้งหมด ”
ชายลึกลับกล่าวจบเขาก็ถูกอัศวินนรกพาตัวบินหายลับไปอย่างรวดเร็ว

“ อนาคตงั้นรึ.. ”
ทาลิกนัสกล่าวก่อนจะแยกกลับเป็น Lr และนิทินโค
พวกเพื่อนก็รีบเขามาหาเขาทันที

“ พวกนายสองคนเป็นอะไรมากมั้ย ”
ลากูน่าถามขณะที่มองหาบาดแผลของทั้งคู่แต่กลับไม่เจอแม้แต่น้อย
รวมทั้งแผลที่หัวคิ้วของเขา ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งไป

“ หายไปหมดแล้วแผลทั้งหมดไม่เหลือเลยเป็นไปได้ยังไงกัน ”
Lr อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ คงเป็นเพราะการกลายร่างนั่นสามารถรักษาบาดแผลให้ได้ด้วยละมั้ง ”
เซโร่ที่เพิงเดินมาหาพวกเขาพร้อมกับเรโค่ กล่าวบัดนี้พวกชาวเมืองได้
แต่ยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ดดยไม่ละสายตาจนแม้จะจบสิ้นลงไปแล้วพวกเขาก็ยัง
คงยืนค้างอยู่อย่างนั้นด้วยความตกตะลึง

“ นี่คงเป็นความสามารถอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาสินะ ”
เอิธท์กล่าวอย่างพินิจพิเคราะห์

“ แต่ว่านะไม่มีเวลาแล้วล่ะฐานที่ตั้งกองกำลังทางเหนือที่
พวกเรากำลังจะไปถูกพวกมันโจมตีแล้วถ้าไม่รีบไปช่วยล่ะก็ ”
Lr กล่าวอย่างร้อนรนเพราะเรื่องที่ได้ยินจากนักประดิษฐ์นั้นทำให้เขามั่นใจว่า
พวกนั้นอาจจะรู้อะไรบางอย่างจึงรู้สึกร้อนรนที่จะรีบไปให้ถึง

“ แต่ว่าที่นั่นน่ะมันไลจากที่นี่มากเลยนะ ”
เจนัสกล่าว ซึ่งคำพูดนั้นแทบจะทำให้เขาสิ้นหวังในทันที ไม่มีทางที่พวกเขาจะไปได้ทัน
ในเวลาเพียงแค่นี้แน่

“ งั้นพวกชั้นจะใช้มนตราเคลื่อนย้ายไปส่งเอง เพราะพวกเราก้มีธุระที่ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน ”
เซโร่กล่าวขึ้นทำให้ เขาหันมามองด้วยความหวัง

“ จริงเหรอ..ขอบใจมากนะ ”
Lr กล่าวซึ่งเซโร่เองก็บอกให้เรโค่เตรียมทำพิธีเคลื่อนย้ายทันที

“ ธุระที่ว่าน่ะคืออะไร ”
เจนัสถามด้วยความระแวง

“ ไม่ต้องระแวงไปหรอก เราก็เหมือนกับพวกนายน่ะล่ะ เป็นคนของกองกำลังต่อต้าแต่ว่าเป็นหน่วยอิสระนะ ”
เซโร่กล่าวซึ่งคำพูดของเขาทำเอาพวก Lr แปลกใจไม่น้อยที่

“ ตรานั่นน่ะพวกเธอคงจะเป็นคนของกองกำลังสินะ…ได้ยินมาว่าทางเบื้องบนส่งคนไปทำเรื่งที่ทาง
เหนืออยู่พอดีก็เลยขอให้พวกเรามาช่วยคุ้มครองพวกเค้าแต่ไม่นึกเลยนะว่าจะเป็นฝ่ายถูกคุ้มครองซะเองแบบนี้น่ะ ”
เรโค่กล่าวเสียงใสพร้อมกับชี้ไปที่ตราของกองกำลังที่ Lr  ได้มาจากเกรเกอรี่

“ เพราะงั้นตอนนี้พวกเราก้เป็นพันธมิตรกันแล้วเราจะช่วยอย่างสุดความสามารถเลย ”
เซโร่กล่าวแสดงไมตรีทันทีซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาโล่งอกราวกับยกภูเขาออกจากอก
เพราะการได้ทั้งคุ่มาช่วยก็ราวกับพวกเขามีกำลังเสริมมาเป็นพัน

“ อีกอย่างนะ ชั้นเองก้ชักจะชอบเธอเข้าให้แล้วสิ ”
เรโค่กล่าวพร้อมกับโผเข้ากอด ลากูน่าดดยไม่ทันตั้งตัว
ลากูน่าที่ถูกเธอกอดจนตีสีหน้าไม่ถูกพูดไม่ออกเพราะจะขืนใจก็คงสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่ถนัดกับเรื่องแบบนี้ด้วย
จึงรู้สึกเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก ทำเอาทุกคนอดอมยิ้มด้วยความขบขันไม่ได้

“ เอาล่ะไม่มีเวลาละเราจะไปกันแล้วพร้อมรึยัง ”
เซโร่กล่าวตัดบทพร้มกับเริ่มร่ายคาถาทันทีเกิดแสงสีฟ้าเปล่งสว่างขึ้นมาบนพื้นที่พวกเขายืนอยู่


“ ว่าแต่แล้วนายล่ะจะไปด้วยกันไหมกาโรห์ ”
ลากูน่าถามซึ่งกาโรห์ก็เดินเข้าไปในวงเวทย์โดยไม่ลังเลเลย


“ พวกลูกพี่ทั้งสองจะไปไหนผมคนนี้ก็จะขอตามไปด้วยนะครับ ”
กาโรห์กล่าว โดยที่เจนัสยังคงมองเขาด้วยความระแวง
ส่วนนีน่าเองก็ยังคิดไม่ตกถึงความรู้สึกที่นางรับรู้เมื่อเขาปรากฏตัวมา ว่าทำไมนางถึงได้จดจำเรื่องราวต่างๆ
ในอดีตขึ้นมาได้  แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยก่อนจะจายหายไปพร้อมกับร่างของพวกเขาทุกคน
ทิ้งไว้แต่ความสงสัยให้ชาวเมืองที่เห็นเหตุการณ์ต้องตกตะลึง
……………….
…………………
…………………..

“ ทำไมเราต้องถอยกลับมาให้ลูคเรทียรับมืออยู่คนเดียวล่ะครับท่านอาจารย์ ”
เครสเซนท์ถามเซอร์เซสที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ พวกเขาอยู่บนยอดเขาหิมะแห่งหนึ่งในหุบเขา
ทางเหนือ โดยที่ด้านหลังนั้นลูคเรเทียกำลังพักฟื้นอยู่โดยมีนักประดิษฐ์คอยดูอาการอยู่เป็นระยะๆ

“ นี่เป็นแผนที่ท่านผู้นั้นสั่งลงมาน่ะ ”
นักประดษฐ์กล่าวตอบแทนเมื่อเห็นว่าเซอร์เซสยังไม่ยอมบอกกล่าวอะไรแก่ลูกศิษย์

“ แผนงั้นรึ ”
เครสเซนท์อุทานขึ้นด้วยความสงสัย

“ ในกลุ่มพวกมันตอนนี้น่ะได้มีคนแฝงตัวเข้าไปกับกลุ่มมันแล้ว ”
เซอร์เซสกล่าวน้ำเสียงแฝงเลศนัย

“ และก็ถ้าพวกนั้นไม่มาเราก็คงจะหยุดเจ้าอัศวินกับมังกรเทอะทะสองตัวนั่นไม่ได้แน่ ”
นักประดิษฐ์เอ่ยขึ้น
เครสเซนท์ ที่ได้ฟังคำตอบที่กำกวมรู้สึกไม่พอใจนักเขาหันกลับไปยังทิศอื่น

“ ฮึ่ม ยังไงซะข้าจะต้องจัดการหมอนั่นให้ได้…เจนัสเจอกันครั้งหน้าข้าจะขยี้แกเอง ”
เครสเซนท์คิดอย่างขุ่นเคืองในขณะที่จิตอีกด้านของเขาริคุ
กำลังคิดอย่างวิตกกังวล

“ เจนัส…ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็อยากเป้นอิสระซักทีจากพันธนาการนี่ แล้วเราจะได้สู้ร่วมกันอีก
แต่มันคงเป็นได้แค่ความเพ้อฝันเท่านั้นสินะ ”
จิตของริคุคิดอยุ่ในส่วนลึกของจิตใจของเครสเซนท์

โปรดติดตามตอนต่อไป

ในตอนหน้า

พวก Lr ได้มาถึงหุบเขาทางเหนืออันเป็นที่ตั้งของกองกำลังต่อต้านที่เขาะมารับบันทึกและส่งข่าว
แต่ทว่าพวกเขาก็ไปไม่ทัน กองกำลังทางเหนือถูกทำลายลงแล้ว ที่นั่นพวกเขาได้พบกับ
เทียแมต แกรนเดครอสและเมทาไนท์ อีกครั้ง


ขณะเดียวกันความทรงจำที่หายไปของนีน่าก็เริ่มจะกลับคืนมาเรื่อยๆ
นอฟฮอฟซึ่งเย็นชามาตลอด กลับมีท่าทีปลี่ยนไปเมื่อได้พบเจอกับเทียแมต

“ ตอนนั้นที่อาจารย์อีสควอเทียเรียกเธอเข้าไปคุยน่ะคือเรื่องอะไรเหรอ ”
“ ก็แค่เรื่องในอดีตที่ฉันอยากจะลืมๆมันไปซะที ”
อดีต ที่ไม่อยากจดจำ

“ วันนี้นายกับชั้นต้องแหลกกันไปข้างล่ะ ”
การตัดสินสุดท้ายที่เจ็บปวด

“ พวกนายทำไมถึงต้องทำเพื่อฉันถึงขนาดนี้… ”
“ เพราะข้าอยากจะเห็นความเมตตาที่ส่องประกายในสายตาเจ้าอีกซักครั้งน่ะสิ ”
สิ่งที่ปกปิดมาตลอดในใจที่เต็มไปด้วยความมืด

“ เป็นตัวของตัวเองเถอะเพราะชั้นรู้ดีแม้ว่าเธอจะปกปิดมาตลอดก็ตาม ”



“ เมื่อความกลัวเข้าครอบงำ รความมืดจะเป็นผู้ปลอบโยนจิตใจที่หวาดหวั่นนั้นเอง นามของฉันคือ…. ”


ตอนหน้า บทที่ 24 รัตติกาลที่เปี่ยมด้วยความเมตตา

End Time 2

ใกล้เข้าไปเรื่อยๆแล้วนะครับกับบทสรุปของภาค dragoon age นี้ อีกไม่นานความลับของตัวละครอื่อนๆก็คงจะเปิดดปงจนหมดแน่แล้วครับ

ว่าแต่บทนี้เหนื่อยมากกว่าทุกบทเลย เพราะดารา ยกโขยงกันโผล่ออกมาเกือบหมดเลยถ้าบางทีผมอัพรูปไม่ครบก็ต้องขออภัยด้วนะครับเพราะมันเยอะจริงๆ
ตอนหน้าเป็นทาลิตัวสุดท้าย(จริงเหรอ)คงจะได้เห็นถึงความเก่งกาจของทาลิมืดตัวนี้เป็นแน่ของจริงออกจะแรง
โม่ซีลระเบิดอิอิ ส่วนรูปบัดนี้เว็บล่มอีกแล้วทำไมมันต้องล่มทุกเว็บที่เราไปฝากด้วยเนี่ย
แล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะคร้าบ



« Last Edit: June 22, 2008, 07:59:15 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #205 on: June 22, 2008, 08:59:23 PM »

สนุกอีกตอน   
ผมต้องเปิดหน้านี้ 2 ครั้งรูปถึงจะขึ้นครบ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #206 on: June 22, 2008, 09:19:01 PM »

สงสัยเพราะหน้านีรูปเยอะมั้งครับไม่ก็เพราะ ภาพ signature เลยโหลดช้า
ว่าแต่ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมเอ่ยว่า ทำไมผมให้ย้อนไปดูบทที่16 บ่อยอิอิ
ตอนวันนี้ก็เกี่ยวกับการอยู่ผิดที่ผิดทางของนิลเฮอร์ล่ะนะครับ

ส่วนภาพผมจะทยอยแก้ให้ไปเรื่อยๆนะครับ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #207 on: June 24, 2008, 01:13:15 AM »

ช่วงนี้เว็บเป็นอะไรก็ไม่รงู้บางครั้งก็เข้าไม่ได้ เมื่อวานก็เป็นเอหรือจะโดนไวรัส แล้ว
คุณboy เป็นมั่งรึเปล่าครับ ถ้าเป็นด้วยคงเพราะเว็บปิดปรับปรุงมั้งครับ
ขอให้เป็นยังงั้นเท้อ จะได้ไม่ต้องขนกันไปซ่อม

ปล. อึ้งมากภาพที่ยังไม่ได้ซ่อมแซมขึ้นมาครบหมดแล้ว งง นะนี่ เอาเถอะก็ดีครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอัพรูปใหม่อีก
« Last Edit: June 25, 2008, 10:34:21 AM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #208 on: June 25, 2008, 10:15:44 PM »

รูปก็ขึ้นได้ตามปกติครับ  ว่าแต่แบบสอบถามหายไปไหนเหรอครับ  กะว่าจะตอบให้ซักหน่อย 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #209 on: June 26, 2008, 01:21:56 AM »

อ๋อแบบสอบถามนั่นเหรอครับ
ไม่ต้องตอบนะ ครับอันนั้นเจ้าผู้ช่วย ตัวป่วนของผมมันมาแอบเขียนไว้เลยแก้ไปแล้วล่ะครับ
อีกอย่างแต่ละข้อจะเอาไปปรับปรุงอะไรได้ ดูยังไง ยังไง
มันก็แบบสอบถามเช็คเลตติ้งนะนั่น ไว้แบบสอบถามถ้าผมจะตั้งถาม
ก็คงจะหลังจบนิยายเรื่องนี้ล่ะครับหรือไม่ก็มา
พร้อม tip for dragonology

ว่าแต่สุดสัปดาห์นี้บทที่24 มีเนื้อเรื่องชวนออกทะเลพอสมควรเลย

อีกอย่างศึกตัดสินของเจนัสกับริคุก็ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ด้วย
การดวลครั้งสุดท้ายคงจะมันน่าดู(หรืออาจออกทะเลอีก  )

ส่วนด้านอื่นๆก็คือบทอาทิตย์นี้จะ End Time 1 แล้วนะครับการนับถอยหลังเริ่มจะถึงจุดสิ้นสุดเสียที
ก่อนการขึ้นมหากาพท์อันเป็นองค์สุดท้ายของนิยาย

หรือภาค...... (อุปไว้ก่อนเน้อ)

แต่น่าเสียดายบทที่ 25 อาทิตย์หน้าจะต้องเลื่อนเพราะต้องสอบนะครับ
« Last Edit: June 26, 2008, 10:20:56 PM by greamon » Logged


Pages: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.207 seconds with 21 queries.