มาแล้วครับสำหรับบทที่ 21 คิดว่าตอนนี้ทุกคนคงจะรู้วันที่อัพเดทของผมแน่นอนแล้วนะครับว่าเป็นทุกวันอาทิตย์
เวลา ประมาณบ่าย4 กว่าน่ะครับ สำหรับตอนในวันนี้ก็มีเรื่องให้ตะลึงอีกแล้วพักนี้
รู้สึกจะตะลึงบ่อยมาก แต่รับรองว่าวันนี้ตะลึงของแท้แน่นอนครับ อีกอย่างเมื่อคืน
พิมพ์เองพาลจะหลอนซะเอง บรึ๋ยน่ากัว(มั้ง) ถ้ายังไงเราไปชมกันเลยดีกว่าครับ
บทที่ 21 ฝันร้าย คฤหาสน์ผีสิง
สายหมอกที่ปกคลุมไปทั่วหมู่บ้านแหลมเพราะมวลอากาศเย็น ก่อนรุ่งสาง ในตอนนี้แสงจากดวงสุริยันต์
เริ่มสาดส่องไปทั่ว เพื่อบอกเวลาแห่งวันใหม่ แม้ตอนนี้หมอกจะยังคงหนาอยู่ จนราวกับยังมืดค่ำก็ตาม
หากแต่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้มันก็จะจางหายไปจนสิ้น
.
ที่ลานหน้าสำนักงานกองกำลังต่อต้าน กลุ่มเด็กและลูกมังกรกลุ่มนึงกำลัง จัดของและเตรียมตัวออกเดินทางกัน
จากนี่ตรงไปทางเหนือจะเจอป่านะ ถ้าผ่านไปได้เห็นทุ่งกว้างที่ตัดกับหุบเขานะ ให้ตรงไปเลยก็จะถึงทีนวาแลนแล้วนะ
พนักงานของกองกำลังอธิบายไปพร้อมกับเอานิ้วไล่ตามแผนที่ที่ถืออยู่ก่อนจะส่งมันให้ Lr
ซึ่งเค้าก็รับมาดูก่อนจะซักถามในจุดที่ยังสงสัยอยู่บ้างด้านเจนัสพวกเขากำลังจัดสำภาระใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง
งั้นสัมภาระพวกนี้น่ะฉันจะรับผิดชอบดูแลให้เอง
นางกล่าวจบก็คว้าปืนจากซองที่ไข้วเอวนางไว้ แล้วกดสวิตซ์ที่ปืนของนางทันที พร้อมกับที่คาริอุส
จักรกลซึ่งเป็นเสมือนคลังแสงย่อยของนางเลยก็ว่าได้ ค่อยทะยานลงมาจากฟ้า ทันทีที่มันลงจอดเรียบร้อย
นางก็เดินอ้อมไปข้างหลังคาริอุสแล้วจัดแจงเปิดฝาครอบแผงวงจรด้านหลังออกมา
และกดสวิตซ์ตัวนู้นตัวนี้ของแผงวงจรราวกับกำลังตั้งค่าอะไรบางอย่าง ซึ่งพวกเจนัสก็ได้แต่มองด้วยความสงสัย ทันทีที่นางปิดฝาครอบ
แผงวงจรลงก็กดสวิตซ์ ที่ร่องฝาครอบด้านบนของมัน ก่อนที่ฝาครอบด้านบนของมันจะเปิดออก ทำให้มันดูเหมือนกับกล่องกลมๆสำหรับใส่อะไรซักอย่าง
นางไม่รอช้ารีบขน สัมภาระทั้งหมดใส่ลงไปในช่องว่างของตัวคาริอุสที่เปิดออกทันที ก่อนจะปิดมันและกดสวิตซ์สั่งให้มันทะยานกลับขึ้นไป
เอาล่ะเท่านี้ก็เรียบร้อย ฉันป้อนคำสั่งให้มันบินอย ู่ใกล้ๆพวกเราหน่อยจะได้เรียกใช้ได้ตลอกเวลาน่ะ
นางหันมากล่าว
แล้วตอนเรียกใช้มันจะไม่โยนโครมลงมา หรอ
ลากูน่าแหย่นางเล่นๆซึ่งทำให้นางยิ้มด้วย ความเหนื่อยใจกับท่าทีของเขา
ไม่หรอกนั่นน่ะไม่ใช่ช่องใส่อาวุธเพราะฉะนั้นมันโยนลงไม่ได้หรอก และถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเราก็คงเดินทาง กันช้าแน่เลยถือซะว่ามันเป็นเครื่องขนส่งก็ละกันนะ
นางกล่าวจบก็ หันหา Lr เพื่อขอเสียงสนับสนุน แต่ เค้ากลับตีสีหน้าพะวงกับการเดินทาง
ทำให้นางชะงักไป เจนัสที่เห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปตบไหล่ Lr เบาๆ ทำให้
Lr หันมามองด้วยความสงสัย
ยังกังวลอยู่อีกเหรอที่พวกเราจะไปด้วยน่ะ
เจนัสกล่าวเสียงเรียบ Lr ที่ได้ยินคำพูดของเขาก็มีสีหน้าสลดไปทันที
หรือถ้านายคิดว่าพวกเราเป็นตัวเกะกะล่ะก็ ไม่ต้องห่วงหรอกพวกเราไม่คอยขัดแข้งขัดขา
นายอยู่แล้ววางใจได้
ลากูน่ากล่าวจบ Lr ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
ม
ไม่ใช่นะพวกนายไม่ได้ถ่วงอะไรฉันเลย เพียงแต่
Lr กล่าวยังไม่ทัน จบเขาก็นิ่งไปเมื่อสิ่งที่จะพูดนั้นออกจะอธิบายเป็นพูดได้ยาก
แต่เค้าก็พยายามสันหาคำที่จะมากล่าวจนได้
เพียงแต่..ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของชั้นน่ะ เพราะสำหรับชั้นแล้วพวกนายก็ถือเป็นเพื่อนคนสำคัญของชั้นเหมือนกันก็เลยไม่อยากให้เพื่อนต้องมาลำบากด้วยน่ะ
Lr กล่าวเสียงอ่อยด้วยความเกรงใจ แต่นั่นกลับทำให้เจนัสรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่เขากล่าวออกมา
ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ
เจนัสถาม ซึ่ง Lr เองก็ตอบไม่ได้เพราะไม่เข้าถึงสิ่งที่เจนัสถามเพราะเค้าเองก็ได้บอกเหตุผลไปแล้วไยจึงจะมาซักทอดกันต่ออีก แต่เจนัสก็กล่าวต่อขึ้นมาอย่างทันท่วงทีเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป
ถ้านายเห็นเราเป็นเพื่อนจริงก็ไม่ควรจะ ห้ามไม่ให้เราช่วยเหลือจริงมั้ย เพราะเพื่อนน่ะไม่ทิ้งกัน
..อยู่แล้ว
เจนัสเองเมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ทั้งเค้า นีน่าและลากูน่า ก็นิ่งเงียบไปเพราะทันทำให้พวกเค้านึกถึงริคุขึ้นมา
พนักงานที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
อ
เอ่อว่าแต่ไม่ขาดเหลืออะไรแล้วใช่มั้ย
พนักงานกล่าวอย่างลุกลี้ลุกลนซึ่งนั่นก็พอทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเมื่อครู่จางหายไปบ้าง
ครบหมด เพราะเราตรวจดูตั้งแต่เมื่อวานแล้วของที่ขอมาก็ครบแล้ว
เฟินกอลโล่รีบตอบขึ้นทันควันเสียงของลูกมังกรถูก ดราก้อนฮอลลี่แปลแล้วจึงทำมให้พนักงานเข้าใจที่เขากล่าวได้
ทั้งเสบียง ยารักษาโรค เครื่องสาธารณูปโภค และอุปกรณ์สำหรับเดินป่าครบหมดนะ
พนักงานถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าครบ
ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ ที่จริงข้าว่าจะไปส่งพวกเจ้าที่เมืองทีนวาแลน เองหรอกนะแต่ว่าข้าติดงานน่ะเสียใจด้วย
พนักงานกล่าวด้วยความเสียดาย แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเค้าจึงเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ
ครู่ต่อมาเมื่อพวกเขาเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินจากลานหน้าสำนักงานทันที
โดยพวกเขาทิ้งให้ Lr ซึ่งขอตัวคุยกับพนักงานเพียงลำพังเอาไว้ จนเมื่อพวกเขาออกไปจาลานหมดแล้ว Lr
จึงหันไปหาพนักงานซึ่งหลังจากรู้จักกันมานานตลอดสัปดาห์ ทำให้พอจะรู้จักเขามากขึ้นแล้ว
พนักงานคนนี้เป็นชายหนุ่มวัย 18 ปีเค้ามีผมสีดำหยักปลาย ดวงตาคมเกล้าประดุจพญาเหยี่ยว
ร่างกายแข็งแรงกำยำล่ำสันได้ส่วนพอประมาณซึ่งน่าจะ เป็นเพราะเขาเองก็ได้รับการฝึกจากกองกำลังนั่นเอง
ที่นิ้วของเขามีแหวนซึ่งประดับด้วยหินสีเขียวก้อนขนาด พอเหมาะติดที่หัวแหวน
Lr มองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องขึ้นมากมายก็ได้เขาช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้
ไม่ว่าจะตอนลงทะเบียนแข่งให้กับเจนัส หรือคอยดูแลปฐมพยาบาลพวกเขารวมถึงจัดหา สิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางครั้งนี้ให้ด้วย
ที่ผ่านมาผม ต้องขอบพระคุณมากเลยนะครับที่ช่วยพวกเรามาตลอด
Lr กล่าวขอบคุณพร้อมกับโค้งด้วยความเต็มใจ แต่พนักงานเองก็รีบปรามไว้ด้วยความเกรงใจ
ไม่เป็นไรแค่นี้เองอีก อย่างข้าก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นไม่ต้องถือเป็นบุญคุณหรอก
พนักงานกล่าวด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
ถ้าเช่นนั้นผมขอทราบชื่อของท่านหน่อยจะได้มั้ย
Lr ถามขึ้นซึ่งคำพูด ของเขาทำให้พนักงานนิ่งไปราวกับกำลังชั่งใจว่าจะบอกดีหรือไม่
แต่ก็ตัดสินใจบอกไป
กาเทีย
.กาเทีย ลาเซริโอ้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ
พนักงานกล่าวจบก็จับมือทักทายกับเขาเป็นเชิง
ก่อนจะส่งเค้าออกไปสมทบกับพวกเจนัสและลูกมังกร
หลังจากที่ส่งพวก Lr เสร็จเขาก็กลับมายังสำนักงาน
ตอนนี่สภาพรอบๆยังคงมีหมอกลงอยู่หนาเช่นเคย
ทำไมกันนะ
เค้าคิดขณะที่นึกย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันก่อนที่เค้าติดต่อกับทิโมธี
2 วันก่อน
ภายในสำนักงานโต็ะที่วางเครื่องสื่อสารเอาไว้ เค้ากำลังพูดผ่านเครื่องสื่อสารกับทิโมธี
ทำไมเราถึงไม่ช่วยเค้าตามหาลูกมังกรให้ถึงที่สุดล่ะครับ ท่านเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าให้ช่วยเขาเท่าที่จะช่วยได้
พนักงานถามด้วยความฉงนผ่านเครื่องสื่อสาร
เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ ข้าบอกรายละเอียดไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องให้เค้าไปจัดการเอง
เสียงของทิโมธี ดังกลับมาจากเครื่องตอบรับ
แต่นั่นเท่ากับส่งไปตายดีๆเลยนะครับแล้วอีกอยางทำไมถึงต้องมอบงานสำคัญแบบนั้นให้พวกเค้าไปด้วย
พนักงานกล่าวใส่เครื่องรับด้วยความไม่เข้าใจกับความคิดของอีกฝ่าย แต่ทางอีกฝ่ายก็เงียบ
ไปครู่ใหญ่ก่อนจะเริ่มกล่าวขึ้นมา
รู้จักตำนานของอัศวินมังกรคนแรกแห่งเมอริเซียไหม
เสียงตอบกลับจากเครื่องตอบดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกปวดร้าวที่เกิดขึ้นในนทันที แม้ไม่อยากตอบแต่เพราะอยากทราบความตั้งใจของ อีกฝ่ายจึงตัดใจตอบกลับไปทั้งที่ไม่อยากตอบ
หมายถึง ซาราเบลด(ZaraBlade)สินะครับ
พนักงานตอบกลับน้ำเสียงขุ่นมัวเล็กน้อย ที่ถูกถามถึงสิ่งที่ไม่อยากตอบ
จริงสิ เจ้าเองก็เป็นคนจากฟีเลเซียนี่นะ และถึงจะตัดขาด กับตระกูลไปแล้วแต่เรื่องท
ี่ได้รับการปลูกฝังมานี่คงลืมไม่ลงสินะ
เสียงของทิโมธีดังกลับมาจากเครื่องตอบรับ ตอนนี้พนักงานกำมืออีกข้างที่วางอยู่บนโต็ะแน่น เสียจนเหงื่อไหลอาบไปทั่วทั้งฝ่ามือ เมื่อไม่เสียงตอบกลับจากเขาทิโมธีจึงตอบกลับมาอีกครั้ง
ลาเซริโอ้(Laserio) รูลเวลส์(Runevel)สองตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันดีเมื่อหลายสิบปีก่อนจะล่มสลายไป เจ้าเองที่เป็นคนตระกูล ลาเซริโอ้ น่าจะเข้าใจดีนะถึงตำนานนี้น่ะ
เสียงดังกลับจากเครื่องตอบรับ ซึ่งมันทำให้เค้าพูดไม่ออกไปชั่วครู่เมื่อย้อนนึกถึง
อดีตของตนก่อนจะมาสังกัดกองกำลังต่อต้าน
ใช่ตระกูลของเรากับตระกูลรูลเวลส์ ล้วนมีความสัมพันธ์เป็นกับซาราเบลดทั้งสิ้น
ทันทีที่เขากล่าวจบก็ ภาพอดีตสมัยเด็กของเขาก็แวบผ่านเข้ามาในใจ
ภาพของเด็กหญิงครึ่งสมิงนางมีผมสีทองหูแมวสีน้ำตาล นางยิ้มแย้มสดใสร่าเริงตามประสาเด็ก
รอยยิ้มของนางยังคงตราตรึงอยู่ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ เมื่อหวนนึกถงรอยยิ้มนั้นมันทำให้เค้าเจ็บปวด
ใจยิ่งนัก เขาส่ายแรงๆเพื่อสลัดภาพนั้นออกจากหัวเขา
ในตอนนั้นน่ะเองที่ทางด้านทิโมธีมีเสียง อะไรบางอย่างแทรกเข้ามาทำให้เค้าสงสัยจึงถามกลับไป
เมื่อกี้มันเสียงอะไรน่ะครับ
เขาถามด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
เป็นอะไรรึเปล่าครับทางนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือครับ
เขาถามย้ำอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ และซักพักสายก็ถูกตัดไป
ต่อจากนั้นแม้เค้าจะพยายามติดต่อไปอยู่ หลายทีก้ตามแต่ก็ไม่มีการตอบรับจากทิโมธีอีกเลย
ว่าแต่เด็กคนนั้นเหมือนมาก
เมื่อหันกลับไปมองลานหน้าสำนักงานที่เขาพึ่งไปส่งพวก Lr เขาพยายามใช้ความคิดทบทวนอยู่นาน
เขานึกถึงใบหน้าของนีน่า ที่พึ่งจากกันไปเมื่อครู่ก่อนจะย้อนนึกกลับไปถึงภาพความทรงจำในอดีต
เด็กคนนั้นเหมือนกันกับ เธอเลยนะ นีน่า
เขากล่าวพร้อมกับนึกย้อนไปยังวันที่เขาจากบ้านมา
ในวันนั้นเขาตัดสินใจอกจากบ้านและตัดขาดกับตระกูล ก่อนวันทำพิธีสืบทอดตระกูล
แต่ทว่าเค้าเองก็ยังมีบางสิ่งที่ค้างคาอยู่จึงได้รออยู่แถงนั้นจนเมื่อพิธีเริ่มไปได้ไม่นานนัก
ทั้งหมดก็ตกอยู่ในทะเลเพลิงหลังจากที่เค้าได้ห็นเงาของครึ่งสมิงเด็กชายคนนึงพุ่งตัดหน้าชนเค้าจนหมดสติไป
เมื่อฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็ไหม้จนหมด คฤหาสน์ของตระกูลถูกไฟเผาจนมอดไหม้ไม่มีเหลือ บรรดาวงศาคณาญาติ
ทั้งหลายที่มาร่วมงานก็ถูกไฟครอกตายแทบทุกคน เค้าในตอนนั้นที่ได้เห็นสภาพเช่นนั้นก็ไม่รีรอช้า
รีบเข้าไปรื้อซากไหม้ของคฤหาสน์เพื่อหาอะไรบางอย่าง
นีน่า..นีน่า
เค้าร้องเรียกหาใครบางคนทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีใครจะ รอดออกมาจากกองเพลิงนั้นได้
หมอกที่ปกคลุมเริ่มจางลงไปแล้ว เขาจึงเลิกคิดที่จะขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ พร้อมกับเดินตรงเข้าไปยังสำนักงาน
รู้อย่างนี้ถามชื่อเด็กคนนั้นไปซะก็จบเรื่องแล้ว
เค้าคิดด้วยความเสียดาย ก่อนจะยกแหวนที่ประดับหินสีขียว แบบเดียวกับที่เจนัสและนีน่ามีอยู่ขึ้นมามอง
ด้วยสายตาเศร้าๆ
สัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล ลาเซริโอ้กับรูลเวลส์ ตอนนี้ก็เป็นได้แค่หินธรรมดาๆล่ะนะเพราะความสัมพันธ์นั้นน่ะ มันขาดไปตั้งแต่ตอนที่เจ้าเด็กนั่นมาล้างตระกูลเราแล้ว
พนักงานคิดพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแค้นในใจ ทันทีที่นึกถึงตอนที่ เด็กชายครึ่งสมิงเข้ามา
ทำลายชีวิตคนสำคัญของเขา
ทำไม
ทำไมตอนนั้นเรา ถึงไม่ชวนเธอหนีไปด้วยนะ..ทำไม
เขาคิดด้วยความเสียดาย กับการตัดสินใจในวันนั้น
..
.
.
ที่หน้าทางออกของหมู่บ้านเพื่อตรงไปยังป่าทางเหนือ พวกเขาได้เดินฝ่าสายหมอกที่ยังคงหลงเหลืออยู่
จนเริ่มเห็นเงาของคนหลายคนอยู่ลางๆที่ตรงหน้า ทันทีที่หมอกเริ่มจางลงเพราะแสงตะวัน
หนทางข้างหน้านั้นก็มี เหล่าผุ้คนที่อาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้มารอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
นีน่าที่เห็นเช่นนั้นก็วิ่ง ตรงเข้าไปหาพวกชาวบ้านซึ่งพวกเขาเองยิ้มรอต้อนรับอยู่ด้วย
ความยินดี
จะไปแล้วใช่มั้ยจ้ะ ถ้ายังไงรักษาตัวด้วยนะ
ยายแก่ครึ่งสมิงหมี ที่รู้จักกับนางเอ่ยด้วยความห่วงใย
โฮะๆ ว่างๆก็กลับมาที่นี่บ้างนะ ลุงจะเตรียมเสื้อผ้าใหม่ไว้ให้ลองต้องกลับให้ได้นะ
ชายชราที่เป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่นีน่า ไปอุดหนุนบ่อยๆพูดขึ้นด้วยความชอบใจ
ซึ่งพวกชาวบ้านคนอื่นๆเองก็เข้ามาบอกลาและพูดคุยกับเธอก่อนจาก
ซึ่งภาพตรงหน้านั้นทำเอาพวก Lr นิ่งอึ้งไป
หยั่งกับเป็นครอบครัวเดียวกันเลยนะ
Lr กล่าวขึ้นลอยๆเมื่อเห็นภาพตรงหน้ามันทำให้เค้านึกถึง สมัยที่ยังอยู่กับดีวายดราก้อนอย่างเป็นสุข
ในหมู่บ้านมังกร ทุกคนในหมู่บ้านทักทายเขาอย่างเป็นมิตรทำให้ตลอดมาเขาไม่เคยคิดว่า
ตนแตกต่างไปจากคนอื่นเลย แม้รอบข้างเขาจะมีแต่มังกร แต่เขาก็ไม่เคยรู้แตกแยกกับใครเลย
เพราะทุกคนในหมู่บ้านล้วนดูแลซึ่งกันและกัน เขาหยุดคิดเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวก
บางอย่างดังมาจากทางด้านเจนัส ทำให้เขาหันไปมองด้วยความสนใจ
ที่นั่นกลุ่มเด็กประมาณสี่คนทุกคนล้วนมีผ้าพันแผล และรอยฟกช้ำอยู่ตามตัว
ซึ่งเขาเองก็พอจะจำได้ว่าเป็นเหล่าเด็กที่ลงงานประลองหมัดแล้ว แพ้ให้กับเจนัสและลากูน่าไปอย่างง่ายดาย
ครั้งเราจะยอมปล่อยให้นีน่าไปกับพวกนายก็ได้
แต่นายสองคนน่ะ คอยดูแลนีน่าดีๆนะ
ถ้าหากทำให้เธอต้องเสียใจล่ะก้เราไม่ปล่อยเอาไว้แน่
จำเอาไว้ซะ
ทั้งสี่คนกล่าวไล่เรียงกันมาด้วยความหึงหวง ซึ่งลากูน่าเองก็พอจะจำได้ว่า
พวกเด็กเหล่านี้เป็นพวกกลุ่มเด็กชายที่แอบชอบนีน่า และจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ตอนที่เค้าเดินควงแขนกับนีน่าอยู่ในหมู่บ้าน(จำไม่ได้ให้ย้อนกลับไปดูบทที่ 16)
เจนัสและลากูน่าทั้งสองมีสีหน้า เหนื่อยหน่ายกับท่าทีของพวกเด็กๆจึงรับปากส่งๆไป
ซึ่งทำเอา Lr อดอมยิ้มด้วยความตลกขบขันของพวกเขาไม่ได้
..
..
ทีนวาแลน
บัดนี้เมืองใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลออกไปจาก หมู่บ้านแหลมทวีปไปทางเหนือ
ได้ถูกรายล้อมไปด้วยทหารผีดิบที่ เคยถูกใช้เมื่อครั้งสงครามสี่อาณาจักร
พวกมันบุกเข้าโจมตีเมืองอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารและชาวเมืองไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกปิดล้อมทางหนีจนสิ้น
ที่น่านฟ้าเหนือเมืองทีนวาแลน เด็กสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง และลูกมังกรไฟอีกตัว
กำลังลอยตัวอยู่ กลางอากาศ
ดูเหมือนว่าเจ้าคนที่ตามราวีมาตลอดนี่มันจะไม่ลดละความพยายามเลยนะ
เด็กชายกล่าวเขามีผมสีน้ำเงินสวมเสื้อยืดแขนยาวสีเขียวตัดลายเทา แบบเดียวกับลากูน่า
กล่าวขึ้นอย่างเซ็งๆ
งั้นเราก็อย่าต้องลากใครเข้ามาพัวพันด้วยเลย ไปช่วยหน่อยคงไม่เป็นไรนะ
เด็กหญิงกล่าว นางมีปีกราวกับทูตสวรรค์แต่ปีกกลับเป็นสีดำสนิท ปีกของนางกระพือเบาๆทำให้นางสามารถ
ทรงตัวอยู่กลางอากาศได้ในขณะที่เด็กชายนั่งอยู่บนก้อนเมฆ กับลูกมังกรไฟ
งั้นข้าทำเองดีกว่าขืนให้เจ้าทำรังแต่จะทำให้เมืองหายไปด้วย
เด็กชายกล่าว
งั้นฝากด้วยละกันนะเซโร่(Zero)่
นางกล่าวจบ เด็กชายก็ส่งตัวลูกมังกรไฟให้นางอุ้มเอาไว้ก่อน จะสลายเมฆที่ยืนอยู่และพุ่งลงไปอย่างรวดเร็ว
กีซซซซ(สองคนนี่ทำไมถึงเก่งอย่างนี้นะต่อให้ลอว์เลนซ์เก่ง
แค่ไหนก็เถอะถ้ามีเรื่องด้วยมีหวังเราไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแน่)
ลูกมังกรไฟคำรามเบาๆด้วยความกังวล ขณะที่เซโร่ดิ่งลงไปจนจะถึงพื้นอยู่ทนโท่
ไร้รูปแต่ไม่ไร้ตน เจ้าจงแปรเปลี่ยนไปดั่งใจข้า จงเป็นศาสตราให้ข้าได้ทำลายและปกป้อง
เซโร่กล่าวขานคำร่ายมนต์ ขึ้นมาพร้อมกับวาดมือเป็นวงก่อนที่จะดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง
จงฟาดฟันให้สะบั้น
เขากล่าวจบก็เกิดสายฟ้าแลบ ลมพัดอย่างแปรปรวนทันทีก่อนที่สายฝนจะโปรยปรายลงมา
ยังนอกกำแพงเมือง
ทันทีที่กองทัพทหารผีนรกภายนอกกำแพงเมือง สัมผัสถูกสายฝนพวกมันก็หยุดเคลื่อนไหวราวกับถูกตรึงไว้
ก่อนที่ร่างของพวกมันจะกลายเป็นน้ำแข็ง
ต่อเลยละกัน
เซโร่กล่าว บัดนี้มือของเขาถูกห่อหุ้มด้วยมวลน้ำ เป็นรูปทรงแท่งปลายหลามเหมือนทวน ทั้งสองข้าง
ที่ไหล่ของเขามีมวลน้ำที่รวมตัวเป็มรูปร่างของปีกนก โดยส่วนที่เป็นขนนั้นเป็นเกล็ดน้ำแข็งเรียงตัวกันอยู่
บนมวลน้ำ ด้วยปีกนี้ทำให้เขาสามารถทรงัวอยู่ในอากาศได้
เขาเอาทวนวารีที่มือทั้งสองมาไขว้กันไหว้ที่หน้าอก ก่อนจะเริ่มร่ายมนต์บทต่อไป พร้อมกับ
อีกอึดใจต่อมา พวกทหารผีนรกแช่แข็งก็แตกร้าวสลายกลายเป็นผุยผงไป
ภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงนี้กำลังฉายอยู่บนอ่างน้ำ ขนาดใหญ่ ซึ่งวางอยู่ใจกลางห้องโถง
ที่มืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยระย้า อยู่บนเพดานเท่านั้นที่ให้ความสว่างแก่ห้องนี้
ผนังรอบๆห้องมีเงาของกลุ่มคนหลายคน ยืนรายล้อมอยู่รอบห้องที่ใจกลางถัดจากอ่างน้ำขึ้นไป
เสาบังลังค์ที่ยกสูงจากพื้น บุคคลที่นั่งอยู่บนบัลลังค์นั้น สายตาของเขาจ้องมองลงมายังอ่างน้ำที่วางอยู่เบื้องล่าง
อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อภาพบนอ่างจางหายไป เสียงซุบซิบพูดคุยก็ดังเซ้งแซ่จากเบื้องล่างทันที
แต่แล้วทุกเสียงก็หยุดไปเมื่อมีใครบางคนกระแอ่มไอ แทรกขึ้นมา เค้าคนนั้นเดินเขาไปยังวงแสงที่ส่องลงมาจากโคมระย้า พร้อมขุกเข่าลงข้างนึงเพื่อทำความรพก่อนจะลุกขึ้นยืน
ที่ได้ชมไปเมื่อครู่คือการบุกโจมตีที่เมืองทีนวาแลนขอรับจากที่เห็น จอมเวทย์น้อยผู้นี้ช่างทรงพลังยิ่งนัก
ถึงกับทำเอาหัวฝ่ายของเราต้องแตกพ่ายถอยทัพกลับมาอย่างไม่เป็นท่า
ชายผู้นั้นกล่าวจบก็เบือนสายตาไปมองชายอีกคน ที่ยืนอยู่ในความืดนอกระยะแสง ด้วยสายเหน็บแนม
ทำเอาผู้ถูก กระทบกระทั่งแสดงอาการไม่พอใจ ได้ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ ด้วยความเจ็บแค้น
ทันทีที่ผู้อยู่บนบัลลังค์ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็เอามือทุบลงกับพนักบัลลังค์อย่างแรงจน เหล่าผู้อยู่เบื้องล่างรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือน
นี่มันอะไรกันแค่เด็กคนเดียวยังทำอะไรไม่ได้ แล้วพวกเจ้ายังมีหน้ามาเรียกตน ว่าเป็นนักรบแห่งองค์จักรพรรดิ์ทมิฬผู้นี้ได้อีกรึ
เขากล่าวด้วยความเกรี้ยวกราด เหมือนครั้งที่แล้วมา ผลันแสงไฟจากโคมระย้าก็สว่างวาบไปทั่วจนเห็นชัดทั้งห้อง
เหล่าเทพขุนพลที่เหลืออยู่ หัวหน้าฝ่ายอีกสองนายที่ยืนอยู่เบื้องล่าง พากัน สะดุ้งกับสภาพห้องที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน แม้ตอนนี้ทั้งห้องจะสว่างไปจนมองเห็นชัดทั้งห้องก็ตามที แต่ชายที่ถูกพวกเขาเรียกขานว่าท่านผู้นั้น
ยังคงหลบเร้นกายอยู่ในเงามืด ซึ่งแสงจากโคมไฟ ส่องไปไม่ถึงเพราะตัวบัลลังค์อยู่สูงในระดับเดียวกับโคมระย้า
แม้พวกข้างล่างจะพยายามเพ่งมองเท่าไหร่ก็ไม่อาจ มองเห็นร่างของเขาได้เลย
หึ
เซอร์เซส ลูกศิษย์เจ้าทั้งสามคนก็ทรยศหนีตามกันไปอยู่กับเจ้าอัศวินมังกรนั่น แถมเจ้ายังพลาดท่า เสียทีมันจนต้องอยู่ในสภาพน่าสังเวชนั่นอีกเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวมั้ย
ท่านผู้นั้นกล่าว ขณะที่เบียนสายตาไปยังร่างของ เทพขุนพลคนนึงที่ต้องให้เทพขุนพล ในชุดเกราะเหล็กสีดำอีกคนคอยพยุงเพื่อเข้าประชุมเพราะอาการบาดเจ็บทำให้เทพขุนพลผู้นี้ยังไม่อาจฟื้นตัวได้ทัน
ดูเหมือนว่าพักนี้พวกเจ้าชักจะหย่อนยานกันเกินไปแล้วนะ..
ท่านผู้นั้นยังไม่ทันขาดคำก็เกิดวังวนมิติขนาดใหญ่ขึ้นมากลางอากาศถึงสองวงด้วยกัน
ในวังวนเหล่านั้น เริ่มปรากฏภาพขึ้นมารางๆ และค่อยๆชัดขึ้น
ชายคนนึงมีผมสีทอง เขาอยู่ในชุดเกราะสีเขียว
ส่วนอีกหนึ่งเป็นหญิงนางอยู่ในชุดรัดรูปที่ปกน้อยชิ้นซึ่งทำด้วยน้ำแข็งที่ เกิดจาพลังเวทย์ พวกเขาทั้งสอง นั้นหนึ่งคือกษัตริย์แห่งอาณาจักรฟีเลเซีย และอีกหนึ่งคือจอมเวทย์น้ำแข็งผู้มีเชื้อสายพระวงศ์แห่งเแอนดิซอง
นี่ข้าทำตามที่เจ้าขอแล้วนะเรื่องการปลดผนึกมังกรวารีบ้าๆนั่นน่ะเมื่อไหร่ข้าจะได้สิ่งตอบแทนซักที
จอมเวทย์แห่งเชื้อพระวงศ์กล่าวสีหน้าหงุดหงิด ี่ต้องเป็นฝ่ายติดต่อมาเอง
ส่วนกษัตริย์แห่งฟีเลเซียังคงนิ่งเงียบไม่ตรัสอะไร
เรื่องการปลดผนึกจอมอนการ์ดเจ้าทำแล้วใช่มั้ยวิโอเรีย
ท่านผู้นั้นกล่าว
อย่ามาเรียกชื่อข้าห้วนๆนะ และข้าก็บอกว่าทำแล้วยังไงล่ะไม่ได้ยินรึไง แล้วที่สัญญาไว้ล่ะว่าจะให้ข้าเป็นราชินีน่ะ..
นางกล่าวไปได้แค่นั้น ก็หยุดไปเมื่อท่านผู้นั้นยื่นมือขึ้นก็มีพลังเวทย์สีดำพุ่งผ่านวังวนมิตินั้นเข้าครอบงำนางก่อนที่
นางจะถูกคุมสติไป
พวกเจ้าทังสองต่อไปนี้จงจับตา ดูความเคลื่อไหวของกองกำลังต่อต้านและสภาศาสนาต่อไปเสีย
ท่านผู้นั้นออกคำสั่ง
รับทราบ
ทั้งสองกล่าวจบวังวนมิติก็สลายไปทันที พร้อมกับที่แสงจากโคมไฟค่อยๆหรี่ลงกลับมา
เหมือนเดินทั่วทั้งห้องค่อยๆกลับสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรจะรายงานอีกแบล็คไวเซอร์
ท่านผู้นั้นหันมาถามเขาโดยไม่ทัน ตั้งตัวทำให้แบล็คไวเซอร์ลุกลี้ลุกลนรีบจัดแจงทำพิธีสะกดจิตวิหกโลกัณฑ์
ทันที่ก่อนจะควักลูกตาชุ่มเลือดของมันออกมาและจุ่มมันลงในอ่าง ซักครู่น้ำทั่วทั้งอ่างก็ละลายเข้ากับเลือดของ
วิหกโลกัณฑ์ก่อนมันจะเริ่ม ปรากฏภาพขึ้นมา ซึ่งนั่นคือภาพการปะทะกันของพวกทาลูคูสที่ต่อกรกับเทพขุนพล เครสเซนท์ก่อนที่ตัวของทาลูคูสจะพ่ายไปและแยกกลับเป็น Lr กับ ไลท์ตามเดิม
ภาพตรงหน้านั้นทำเอาทุกคนในห้องประชุมที่ยังไม่เคยประมือกับทาลูคูส ต้องตกตะลึงไป
และแม้ภาพบนอ่างจะจาง ไปแล้วก็ตามทุกคนในห้งประชุมก็ยังคงเงียบกันอยู่
แบล็คไวเซอร์ที่เริ่มรู้สึกกดดันกับท่าทีของ ทุกคนในห้องจึงคิดเป็นทำลายความเงียบนี้ซะ
นั่นคืออัศวินมังกรในตำนานที่โผล่ขึ้นมาขัดขวางแผนการของพวกเรา ท่านมีความเห็นว่ายังไงบ้าง
แบล็คไวเซอร์กล่าว โดยขณะที่รอคำตอบเขาเองก็รู้สึก กดดันกับคำตอบที่จะได้รับแต่ท่านผู้นั้นก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่
เขาจึงเริ่มสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามจึงคิดจะบ่ายเบี่ยงคำถามเมื่อครู่
ถ้าเช่นนั้นเรามาถกกันต่อเรื่องแผนการที่จะทำต่อจากนี้ไปละกัน..
แบล็คไวเซอร์กล่าวได้เพียง แค่นั้นเพราะเขารู้สึกเย็นสันหลังวาบทันทีที่
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของท่านผู้นั้นดังขึ้น
หึหึหึ..ไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ที่แท้ตัวตนของอัศวินมังกรแห่งตำนานกลับเป็นคน คนนี้
ท่านผู้นั้นกล่าวยิ้มเยาะด้วยความสำราญ ราวกับโทสะเทื่อครู่ได้มลายหายสิ้นไป
ท่านรู้จักเด็กคนนั้นด้วยหรือขอรับ
บลาสเซจถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ กับคำพูดของท่านผู้นั้น