บทที่ 9 อาณาจักรทั้ง 4 Vol. 3 Part2
ภายในห้องโถงของประสาทแห่งอาณาจักรซาโลม
มีแต่ความตึงเครียดที่ทวีขึ้นเรื่อยๆอุณหภูมิภายในห้องร้อนเหมือน
กับจะลุกเป็นไฟจากความตึงเครียดทั้งๆที่อากาศวันนี้มีลมพัดอ่อนๆโชยเข้ามาในห้องไม่ขาดสายจนรู้ได้ว่าได้ว่าเย็นกว่าทุกวัน
“ แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดี ”
ซูไลก้าถามอย่างกังวล
“ นั่นสิถ้าตอนนี้เพื่อนๆในคณะประกาศก (Prophet ) ยังอยู่ครบละก็เราเองก็ยังคงจะต่อกรกับพวกมันได้บ้างนะ ”
อิสฮานรำพึงขึ้นมา
“ แต่พวกเขาต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังบ้านเกิดตัวเองหมดแล้วนะ ”
ซูไลก้าพูดอย่างหงุดหงิด
“ แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดีล่ะ ”
วานาอันพูด พลางคิดหาวิธีต่างๆนานาแต่ก็คิดไม่
ทั้งห้องเงียบกันไปชั่วครู่
“ อ็ะ ”
วานาอันอุทานขึ้นมาทำให้ทั้งสองหันมามอง
“ มีอะไรหรือวานาอัน ”
อิสฮานถาม
“ หรือว่าเจ้านึกอะไรออก ”
ซูไลก้าถามอย่างมีความหวัง
“ เอ่อไม่มีอะไรหรอกนะ ”
วานาอันรีบแก้ตัวทันที ซูไลก้าจึงมีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย
“ เจ้าไหวหรือเปล่าวานาอันถ้าไม่ไหวจริงๆจะไปพักที่ห้องก่อนก็ได้นะ ”
อิสฮานถามด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่เป็นไรจ้ะฉันยังไหวเรารีบหาทางแก้ดีกว่า ”
วานาอันพูด
“ ไหวนะวานาอันเจ้าไม่ต้องเกรงใจหรอกพวกเราจะช่วยหาทางออกให้เองเจ้าไม่ต้องห่วง ”
ซูไลก้าพูดปลอบแต่วานาอันก็ยังยืนกรานที่จะอยู่ต่อทั้งสองจึงวางใจ
“ เมื่อกี๊มันอะไรกันลางสังหรณ์เมื่อกี๊ ”
วานาอันคิดในใจ แต่แล้วก็มีนายทหารคนหนึ่งเข้ามา
“ ท่านครับทางฟูดินันส่งนกสื่อสารมาแจ้งว่าถูกคนลึกลับไปอาละวาดนี่คือสารที่ทางนั้นส่งมาครับ ”
นายทหารพูดจบก็ยื่นม้วนกระดาษขนาดกลางออกมาอิสฮานรับมาแล้วเปิดอ่าน
วานาอันเองก็รีบเข้ามาดูอย่างสนอกใจซูไลก้าก็เช่น
“ ตอนนี้ที่ฟูดินันถูกคนลึกลับคนหนึ่งอาละวาดอยู่มันควบคุมไพทอนไว้ด้วย
และบังคับให้มันทำลายต้นอิกดราซิลอยู่อยากจะให้มาช่วยหน่อยทางเราส่งสารนี้ไปที่ฟีเลเซียด้วยเช่นกัน ”
อิสฮานอ่านข้อความในสารจบก็หันมายังวานาอันทันที นางมีสีหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที
“ ไม่เป็นไรนะวานาอันพวกเราจะรีบหาทางแก้ ”
ซูไลก้าพูดปลอบพลางเข้าออบกอดเพื่อปลอบใจ
“ ทำยังไงดีล่ะทีนี้ทางเรายังหาทางออกไม่ได้เลยนี่ฟูดินันก็ถูกคุกคามจากไอ้ท่านผู้นั้นอีกเหรอ ”
อิสฮานพูดอย่างหัวเสียเพราะก่อนเกิดสงครามกับทัพปีศาจนี้ นาซาอี แม่หมอทำนายของประสาทได้ทำนายไว้ว่าเหล่าซินกำลังจะทำการใหญ่อีกครั้ง
เนื่องจากตอนที่ทำนายไพ่ Devil (ปีศาจ) ตกลงมาคว่ำหน้ากับ
พื้นพร้อมกับไพ่ Hermit(ผู้บงการจากความมืด)ตกลงมาทับไพ่ Devil
แบบหงายหน้านาซาอีจึงตีความว่าปีศาจคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
และหลังจากนั้นอีกสัปดาห์ต่อมาทั้งกองทัพ
มนุษย์หมาป่า กองทัพภูตผี และ เหล่า
ผู้นำทัพปีศาจทั้งสิบสองตนที่ประกาศว่าตนคือ
12 เทพขุนศึกก็บุกมาการต่อสู้รุนแรง
ยาวนานทางซาโลมเคยส่งหมายสารขอความ
ช่วยเหลือให้ทางฟีเลเซียแล้ว
แต่กลับไม่มีคำตอบกลับและแน่นอนทาง
แอนดิซองก็เคยส่งไปแล้วแต่ผู้นำสารบอกว่า
เกิดมีกำแพงผลึกแก้วครอบทั่วทั้งทวีปเลยจะส่งสารไปทางฟูดินันบ้าง
แต่แล้วก็ถูกพวกปีศาจล้อมไว้จึงทำให้ส่งสารไปไหน
ไม่ได้นอกจากใช้นกสื่อสารแต่ช่วงนี้มีลมแรง
มากนกของทางซาโลมจึงขึ้นไม่ได้ได้แต่รับสาร
จากทางอื่นบินในตอนนั้นทัพจากลาซาลก็ตีบุกเข้ามา
ช่วยกลับกลายเป็นว่าเข้ามาอยู่ในวงล้อมเดียวกันอีก
“ ขอร้องล่ะท่านเทพีอันดีน (Undine) ท่านได้ยินข้าไหมท่าได้ยินโปรดตอบด้วย ”
วานาอันภาวนาในใจมือสองข้างประสานกันอยู่ปากก็พึมพำคำภาวนา
“ ข้าได้ยินเจ้า ”
เสียงหนึ่งดังตอบมาทำให้วานาอันยิ้มออก ซูไลก้าหันมาเห็นจะสะกิดเรียกแต่อิสฮาน
ห้ามไว้แล้วบอกว่าวานาอันกำลังภาวนาอยู่เธอจึงหยุดแล้วดูวานาอันภาวนาต่อ
“ ท่านเทพีอันดีนได้โปรดช่วยพวกเขาด้วยพวกเค้ากำลังมีภัย ”
วานาอันภาวนาต่อ
“ ข้าทราบดีแต่ว่าอำนาจมืดมีพลังมากข้าไม่อาจช่วยได้สิ่งที่ศัตรูต้องการคงจะเป็น… ”
เสียงนั้นตอบกลับแล้วก็เงียบไปชั่วครู่
“ สิ่งนั้นคืออะไร ”
วานาอันถาม
ที่ฟูดินัน
“ อีกนิดเดียวข้าก็จะได้พลังชีวิตของมหาพฤกษาอิกดราซิลแล้ว ”
แบล็คไวเซอร์ที่กำลังจ้องมองเหล่าครุฑที่กำลัง ต่อกรกับไนแมร์เปกาซัส
อย่างยากลำบากเบื้องล่างชาวป่าที่กำลังหนีไฟป่า ไปรวมกันที่เผ่าฟูดินัน
ก็กระจัดจายไปทั่วเสียงคำรามกึกก้องของมังกรไพทอนกับมารัค
ที่กำลังปะทะกันอยู่นั้นดังกังวานไปทั่ว
ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาของเทพีแห่งทะเลสาบนีรันดาอันดีน
ไปยังจิตของวานาอัน
“ สิ่งที่ศัตรูต้องการก็คือฟอจูนทรี(For june tree) พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ของมหาพฤกษา ”
เสียงของเทพีอันดีนตอบกลับ
“ พลังชีวิตของอิกดราซิลเหรอแต่มันต้องการไปทำไมกัน ”
วานาอันถาม
“ ข้าเองก็ไม่แน่ใจซักเท่าไรหรอกแต่คิดว่าการที่ต้องการเอาพลังชีวิตที่
มหาศาลขนาดนั้นคงจะต้องนำไปใช้คืนชีพอะไรบางอย่างแน่ ”
เสียงเทพีอันดีนตอบ
“ ว่าแต่ท่านช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ ”
วานาอันถามอีกครั้ง
“ ไม่ได้เลยแต่ข้ายังพอมีทางข้าจะลองขอร้องท่านเรน่า (Raina, the Rain Godess) ดูนะเจ้าวางใจได้ข้าไปล่ะ ”
เสียงของเทพีอันดีน
“ ฝากด้วยนะคะท่านเทพีอันดีน ”
วานาอันฝากความหวังไว้แล้วนางก็หลุดจากพวัง
“ เป็นไงมั่งได้เรื่องมั้ย ”
ซูไลก้ากับอิสฮานพูดแทบจะพร้อม
“ อืมท่านอันดีนบอกว่าจะช่วยเหลือน่ะ ”
วานาอันกล่าว
“ งั้นรึงั้นก็วางใจไปเปราะหนึ่งแต่ว่าทางเรานี่สิ ”
อิสฮานพูดอย่างกังวลแต่ก็ต้องหยุดสนทนาไปเมื่อนายทหารอีกคนเข้ามา
“ มีคนมาขอพบครับ ”
นายทหารกล่าวพร้อมกับย่อตัวคำนับ
“ ให้เข้ามาได้ ”
อิสฮานสั่งนายทหารจึงลุกไปตามให้เข้ามา
“ ว่าไงหนักใจอยู่รึไง ”
เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมเสียงพิณถูกดีด
“ พ..พวกเจ้า… ”
อิสฮานถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นคนทั้งสามมายืนอยู่ตรงหน้า
“ ลืมพวกเราแล้วเหรอ ”
“ ฟีเดลม่า(Fidelma, the Prophet’s Follower) จีน(Gene,the Prophet’s Follower) โจฮัน(Johan,the Prophet’s Follower) ”
วานาอันพูดด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด
“ พวกเจ้ามาได้ไงน่ะ ”
ซูไลก้าพูดสีหน้าประหลาดใจ
“ ท่านอิสฮานๆ! ”
เสียงของคนทั้งสองดังขึ้นแล้วร่าง ของทั้งสองก็วิ่งเข้ามาในห้องฟาริด(Fariod,the Prophet’s Follower) กับ ซาโลเม่(Salome,the Prophet’s Follower)ทั้งสองเดินตรงไปยังอิสฮาน
“ พวกของเรากลับมาแล้ว ”
ทั้งฟาริดและซาโลเม่ต่างก็พูดขึ้นพร้อมกัน
ที่ฟูดินัน
บัดนี้ ร่างของครุฑที่ถูกเตะร่วงจากฟ้าตัวแล้วตัวเล่านอนเกลื่อน ใต้ต้นมหาพฤกษา
บางตัวปีกฉีกขาดออกจากร่างเพราะถูกม้าบินฝันร้ายฉีกทึ้ง ระหว่างร่วงลง
บางตัวปีกหักหงิกงอและอีกหลายตัวถูกหอกที่เหล่า เกลการูด้า พุ่งเพื่อจะ ปักม้าบินกลับถูกพวกมันคาบไปปักซะเอง
มารัคเองก็โดนไพทอนกัดทึ้งจนสะบักสะบอมไปทั่วเพราะหัวหนึ่งของไพทอน
คอยล่อมารัคไว้อีกหัวก็ลอบโจมตีสลับไปเรื่อย
ในที่สุดดูเหมือนว่าแบล็คไวเซอร์จะชนะแล้วแต่ทว่าจู่ๆ ม้าบินฝันร้ายตัวหนึ่ง
ถูกหอกแทงจนแตกสลายกลายเป็นควันสีดำดังเดิมความเร็วในการพุ่งหอกของ
ผู้ที่แทงเร็วจนมองตามไม่ทันนั่นเพราะ พญาเกลการูด้า เป็นผู้พุ่งหอกนั่นเอง
“ หนอย ออกโรงเองลยรึงั้นต้องเจอแบบนี้ ”
แบล็คไวเซอร์พูดจบก็เรียกวิหกคู่ใจออกมาแล้วถอนขนมันออกมาสี่เส้น
พร้อมกับเสกลูกบอลสีดำสี่ลูกแล้วรวมมันขนอีกครั้งแล้วปาออกไป
“ ออกมาสัตว์อสูรดาร์คดรีมเปกาซัส (Drak Dream Pegasus) ”
สิ้นคำของแบล็คไวเซอร์บอลที่ถูกปาออกไปก็แตกออกพร้อมกับควันสีดำที่
กระจายฟุ้งปรากฏร่างของม้าบินความมืดแห่งฝัน
“ ไปป้องกันไนท์แมร์เปกาซัสซะ ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งม้าบินความมืดแห่งฝัน ก็พุ่งเข้าเอาตัวเป็นโล่กำบังจาหอกของฑญาเกลการูด้าทันทีพวกมันทั้งสี่ตัวถูกฆ่าก็กลายเป็นควันพร้อมกับ
มีเงาสีดำพุ่งไปยังม้าบินฝันร้ายแล้วเงานั้นก็ซึมซับเข้า สู่ร่างของมัน ทันใดนั้นร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นและบินรวดเร็วขึ้น(ไนท์แมร์เปกาซัสบวกพลังตามดาร์คดรีมในไชน์)
“ ฮ่าๆๆทันทีที่ดาร์คดรีมตายมันจะปล่อยคลื่นฝันแห่ง ความมืดไปยังไนท์แมร์เปกาซัส
และเพราะไนท์แมร์เปกาซัสไวต่อความรู้สึกคลื่นนั้นก็ จะทำให้พลังของมันเพิ่มและคึกคะนองทีนี้พวกแกไม่รอดแน่ ”
สิ้นคำของแบล็คไวเซอร์เหล่าม้าบินฝันร้ายก็ตรงเข้า เล่นงานพญาเกลการูด้าจนตกลงจากฟ้า
“ ก็าซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของมารัคทำให้ชาวป่าต่างหยุดหันมาดู หัวทั้งสองไพทอนกำลัง
ขย้ำคอของมารัคอย่างแรงจนขาดสะบั้น ตอนนี้มารัคได้ตายลงแล้ว
“ โอไม่นะเทพพิทักษ์มหาพฤกษาสิ้นชีพซะแล้ว! ”
วูจินพูดเสียงหว้าวุ่นตอนนี้ร่างของมารัคได้ล้มลงไพทอนสะลัดเอาหัวของมารัคที่
ปากอยู่ออกและตรงเข้าถอนลำต้นมหาพฤกษา
“ แย่ละสิไพทอนกำลังจะโค่นมหาพฤกษาแล้ว! ”
ดามิก้าอุทานในใจร้อนลุ่มเหมือนโดนไฟลน
“ ยังไงซะตอนนี้หนีไปไม่ทันแล้วล่ะไฟป่ามันลามดักหน้าเราแล้ว ”
ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนตกใจหันไปมองกันเป็นการใหญ่
“ เป็นไปไม่ได้ไฟมันไม่น่าจะลามเร็วขณะนี้นี่ ”
ฮารีซันพูดอย่างไม่อยากเชื่อในสายตาตนเองแต่แล้วเขาก็รู้ว่าเพราะเหตุใด
“ อย่านึกนะว่าข้าลืมพวกเจ้าไปแล้วน่ะข้าไม่ปล่อยให้ เจ้าไปยุ่งหรอกโดนไฟคลอกตายกันหมดเถอะฮ่าๆๆ ”
สิ้นคำแบล็คไวเซอร์ก็มุ่งตรงไปยังมหาพฤกษา
“ อะไรกันยังถอนไม่ได้อีกรึ ”
แบล็คไวเซอร์ พูดน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับเร่งให้ไพทอนเร่งรีบถอนลำต้น
แต่แล้วก็มีหอกพุ่งเข้ามา
“ ฮึ่ย ”
แบล็คไวเซอร์พูดขึ้นแล้วก็ชูมือออกไปหอกที่พุ่งมา ถูกเปลวไฟเวทย์เผาจนไหม้
“ เชอะยังไม่ตายอีกเรอะ ”
แบล็คไวเซอร์ กล่าวขณะหันไปมองพญาเกลการูด้าที่สะบักสะบอมไปทั้งตัวจากการถูก
ม้าบินฝันร้ายถีบ
“ เชอะจัดการซะ ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งทำให้ม้าบิน กลับมาทำร้ายพญาเกลการูด้าอีกครั้ง
“ เปรี้ยงงงงงงงงงงครืนนนนนนน! ”
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทำให้เหล่าม้าบิน ฝันร้ายตกใจจนปล่อยพญาเกลการูด้า
ทันใดนั้นฝนก็ตกลงลมพายุพัดแรงจนเพลิงเวทย์ดับ
“ ฮึ้ยนี่ฝนทิพย์นี่เป็นไปไม่ได้ ”
แบล็คไวเซอร์ พูดและไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองแผนการทั้งหมดของตนกำลังจะถูกทำลาย
เมื่อแสงจากฟ้าแลบกระพริบอีกครั้ง
ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนปลาแต่มันมีเขาและ กายสีขาวบริสุทธิ์แววตา
ของมันทำให้แบล็คไวเซอร์หนาวสะท้านไปถึงกระดูก
“ เป็น…เป็นไปไม่ได้ หนอยยยยยยยยยย ไนท์แมรจัดการ ”
แบล็คไวเซอร์ออกคำสั่งบ้ามินฝันร้ายทั้งหมดก็พุ่งเข้าหมายจะทำร้าย
สัตว์เทพนั้นแต่แล้วเหล่าม้าบินทั้งหลายก็ถูกแสงจากเขาของมัน
ระเบิดจนแตกสลาย
“ ก็าซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามของ ไพทอน ดังกังวาลที่เบื้องล่างเมื่อแบล็คไวเซอร์หันไปมอง
ก็พบว่าไพทอนถูกกลุ่ม หญิงสาวที่มีกายสีขาวท่อนล่างเป็นดอกไม้กำลังบินวน
และปล่อยละอองชำระจิตใจไพทอนถึงคำรามก้องด้วยความเจ็บปวดครั้น
จะปัดป้องก็กลับถูกรากไม้ขนาดใหญ่มัดแข้งมัดขาเอาไว้
รากไม้นั้นค่อยดึงเอาบางอย่างออกมาจากพื้นดินร่างขนาดยักษ์
ที่มีเศษดินเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกายเป็นไม้แข็งนัยน์ตาไร้แวว สองร่างขึ้นมาจากพื้น
เข้าจับร่างของไพทอนไว้ ไพทอนพยายามขัดขืนแต่ก็ไร้ประโยชน์
“ นั่นมันอะไรน่ะ ”
คาร์นคำรามออกมา
“ ทั้งปลาสีขาวที่ลอยอยู่นั่นและอสูรกายพวกนี้มันคืออะไรน่ะท่านปู่ ”
ฮาริซันถามวูจิน
“ ปลาสีขาวนั้นเป็นสัตว์เทพที่องค์บารามันสร้างขึ้น ”
วูจินตอบ
“ หรือว่านั่นคือปลาเทพ พันนิชชูร่า (Punishula) ผู้ทำลายล้างปีศาจอย่างสนุกสนาน ”
ดามิก้าเอ่ยขึ้นทันทีที่วูจินกล่าว
“ ถูกต้องนั้นคือพันนิชชูร่าและอสูรกายที่พวกเจ้าเห็นนั้นจริงๆแล้วพวกเขาคือเผ่าพันธุ์แห่งพฤกษาชาติ ”
วูจินตอบเกิดเสียงซุบซิบขึ้นในกลุ่มทันที
“ เผ่าพันธ์พฤกษาชาติเผ่าแห่งตำนานที่ว่า คอยอารักขาเทพอิกดราซิลและยังผนึกมังกรมารัคไว้อย่างที่ท่านปู่เคยเล่าน่ะเหรอ ”
ฮารีซันถามเพื่อความแน่ใจ
“ ใช่รวมทั้งอราวเน่นั้นด้วยพวกนางคือเพียวไวท์ฟลอกซ์(Pure White Phlox Alraune)พวกนางมีละอองที่สามารถชำระล้างจิตใจและพิษต่างๆ ”
วูจินตอบ
“ ส่วนที่จับไพทอนไว้นั่นคือมอลเดียร่า(Maldeira)เป็นพฤกษาที่ผนึกมังกรมารัคไว้ ”
วูจินไขข้อสงสัยของทุกคนขณะที่ไฟป่ค่อยๆดับจากฝนทิพย์
“ อะไรกันนี่แผนข้าพังหมดเลยรึ ”
แบล็คไวเซอร์กล่าวเสียงสั่น แววตายังจ้องปลาเทพพันนิชชูร่าตัวนั้นอยู่อย่างหวาดกลัว
แต่แล้วมันก็บินจากไปทิ้งไว้เพียง ร่างที่ยังคงแข็งทื่ออยู่บนฟ้าเพราะความหวาดกลัว
ทันทีที่แบล็ไวเซอร์ตั้งสติได้เขาก็มองลงไปยังเบื้องร่าง
ก็เห็นว่าเหล่าเพียวไวท์ฟลอกซ์ โปรยละอองชำระจิตจนในที่นางปีศาจที่แบล็คไวเซอร์
ส่งไปสิงก็ทรมานจนหลุดออกจากร่างทำให้ไพทอนหมดสติและล้มลง
ทันทีที่นางปีศาจโพเนรอสหลุดออกมานางก็ถูกเหล่านางไม้ (Dryad)รุมโจมตี
จนสลายกลายเป็นควันอีกครั้ง เมื่อไฟดับดีแล้วซากต้นไม้ไหม้ที่ได้รับฝนทิพย์
ก็เริ่มแตกยอดอ่อนออกมาและซักพักก็ปรากฏร่างของวาฬสีน้ำตาล
แหวกเมฆออกมาแล้วอ้ปากกินเมฆฝนเข้าไปบนหลัง
ของวาฬมีองค์เทพีเรน่า(Raina, the Rain Godess)ยืนอยู่
นางยิงธนูสีฟ้าใสเข้าปักแบล็คไวเซอร์จนตกลง
ไปยังป่าบนหลังของวาฬเมการัตต้า(Megalasta)เทพีอันดีนนั่งอยู่บนนั้น
“ นี่ยังดีนะที่ท่านรีบมาบอกเราตอนกำลังผลิตฝนอยู่พอดีไม่เช่นนั้นคงมีน้ำฝนไม่เพียงพอจะดับไฟแน่ ”
เรน่ากล่าวกับอันดีนขณะเมการัตต้าค่อยๆไต่ระดับขึ้นฟ้า
“ เรื่องนี้ต้องขอบคุณวานาอันต่างหาก ”
อันดีนกล่าวแก้
“ เอาล่ะตอนนี้สถานการดีขึ้นแล้วงั้นเราก็กันละกัน ”
เรน่าพูด
“ เดี๋ยวแล้วมารัคล่ะ ”
อันดีนพูดใจร้อนรน
“ ยังไง อิกดราซิล ก็ไม่มีทางทอดทิ้งผู้มีพระคุณหรอกท่านน่ะแหละรีบลงไปก่อนเถอะ ”
เรน่าเร่งอันดีน
“ อืมงั้นข้าไปล่ะนะ ”
อันดีนกล่าวจบก็กระโดดลงทะเลสาบไปและก็เป็นจริงอย่างที่เรน่าพูดไว้
อิกดราซิล ปลดปล่อยพลังออกมาชุบชีวิตมังกรมารัคหัวที่ขาดไปค่อยๆกลับมา
ประสานกันดังเดิมและ มอลเดียล่า ก็รากกับไปยังที่พำนักของมันไพทอนเมื่อได้สติก็ลุกกลับไปยังเขาคีรีบันดาและแล้วแสงพลังชีวตของอิกดราซิลก็แผ่ออกรักษาป่าและหมู่บ้านจนเหมือนเดิม
ชาวป่าต่างก็กลับไปยังเผ่าของตนดูอเหมือนทุกอย่าง จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วแต่ทว่า
ในป่าลึกที่แบล็คไวเซอร์ตกลงไป
ร่างสีดำขนดกไปทั้งตัวปากที่ยื่นยาว เขี้ยวอันคมกริบสะท้อนแสงตะวันอ่อนๆยามเย็น
“ เฮอะพลาดซะได้นะ ”
ร่างนั้นพูด
“ อูยยยยยยยย หนอยไอ้เทพนั้นบังอาจนัก ”
แบล็คไวเซอร์ ลุกขึ้นนั่งมือถอนลูกประกายแสงออกบาดแผลที่เกิดจากลูกศร
กลับไปสมานดังเดิม
“ เอาล่ะเดี๋ยวข้าออกโรงเองเจ้าน่ะถอยไปเลย ”
ร่างนั้นต้องแสงตะวันจนเห็นร่างของมนุษย์หมาป่าสีดำกับ
กองทัพมนุษย์หมาป่าข้างหลังอีกมากมาย
ที่ฟีเลเซีย
ในห้องโถงองกษัตริย์ซิกมันต์ที่สามกำลังอ่านสารขอความช่วยเหลือจาก
ฟูดินันแล้วก็บอกให้นายทหารเดินออกไปให้หมดขณะนั้นเรจิน่าพี่สาว
ของซิกมันต์ก็เสด็จมาถึงพอดี
“ น้องจ้ะทางฟูดินันส่งหมายสารมาเหรอ ”
เรจิน่าตรัสกับผู้เป็นน้อง
“ อืมแต่ว่าข้าเองก็ส่งทัพไปแล้วนี่ท่านพี่ ”
ซิกมันต์ ตรัสแล้วจึงทรงเดินออกไปแต่เรจิน่าตรัสเรียกไว้ก่อน
“ เดี๋ยวน้องพี่ ”
เรจิน่าตรัสซิกมันต์จึงหันมา
“ น้องส่งทหารไปตอน ไหนทำไมพี่ไม่เห็นเลยล่ะอีกอย่างช่วงนี้น้อง เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องบรรทมมีอะไรรึเปล่า ”
เรจิน่าตรัสถามอย่างเป็นห่วง
“ ข้าไม่เป็นไรหรอกอย่าห่วงนัก เลยท่านพี่อีกอย่างท่านพี่ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับฮารีซันไม่ใช่รึ ”
ซิกมันต์ตรัสทำให้เรจิน่านิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะเดินจากไป
“ ฮึยังไงซะข้าก็ให้ท่านพี่แต่งงานกับคนอวดดี แบบนั้นไม่ได้หรอกข้าไม่ยอม ”
ซิกมันตืคิดในใจก่อนจะเดินไปยังห้องบรรทม
เมื่อเสด็จถึงห้องบรรทมซิกมันต์ก็ทรงเดินเข้าไปหากระจกบานใหญ่
ซักพักทั้งห้องก็มืดลงกระจกผลันสว่างวาบปรากฏเงาของ หัวหน้าองค์กรโฮลี่ไนท์แมร์
หรือที่พวกคนในองค์กรเรียกว่าท่านผู้นั้น
“ เป็นยังไงบ้างได้เรื่องมั้ย ”
เงาในกระจกถาม
“ ทางนั้นส่งสารขอความช่วยเหลือมา ”
ซิกมันต์ตรัสตอบ
“ งั้นรึ ”
เงาในกระจกพูด
“ ว่าแต่เรื่องที่เรา สัญญากันไว้ล่ะว่าถ้าข้าไม่ให้ความช่วยเหลือแก่
อาณาจักรใดๆแล้วจะช่วยไม่ให้ท่านพี่แต่งงานกับหมอนั่นน่ะว่าไง ”
ซิกมันต์ตรัส
“ เรื่องนั้นน่ะรึได้งั้นเจ้าก็จงมาอยู่ในการควบคุมของข้าซะ ”
เงาในกระจกพูดและแล้วก็มีเงาสีดำพุ่งเข้าครอบงำเขาไว้และในที่สุด
ซิกมันต์ก็ถูกคุมสติสัมปัญชัญไว้
โปรดติดตามตอนต่อไป ;)
ตัวอย่างตอนต่อไป
ตอนนี้เรากลับมาทาง Lr มั่งพวกเขากำลังจะได้รู้จากปากเกรเกอรี่ว่าพ่อของอีสควอเทียอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่โรงเรียนมังกรถูกฆ่าอย่างไรติดตามได้ในตอนหน้า