บทที่3 การเริ่มต้น
ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านมังกรสะท้อนแสงไฟจากต้านล่างจนกลายเป็นสีแสดเหมือนท้องฟ้ายามเย็นที่ไม่มีดวงอาทิตย์เบื้องล่างเปลวไฟลุกโชติช่วงเผาผลานซากสิ่งก่อสร้างของ หมู่บ้านและเหล่าซากมังกรที่ตายแล้วจนเป็นเถ้าธุรี
ร่างที่นอนสลบไสลของเหล่ามังกรที่บาดเจ็บจากการ โจมตีของพ่อมดแห่งป่าทมิฬจาไนที่ได้รับพลังจากท่านผู้นั้นได้ร่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
และยังปล่อยลำแสงเวทย์สีดำให้กระจาย ไปทั่วหมู่บ้านจนทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำ
ที่วิหารแห่งดินมีแสงสว่างส่องประกายเจิดจ้า สาดส่องมาจนถึงหมู่บ้านกลุ่มแสงนั่นค่อยๆเคลื่อนที่เข้าใกล้หมู่บ้านเรื่อยๆ
เพียงชั่วครู่แสงสีขาวนั่นก็ส่องสว่างลบเอา ความมืดที่ปกคลุมอยู่เมื่อครู่ออกจนหมดแสงทั้งสองหักล้างกันจนจางหายไปหมด
ปรากฏร่างของอัศวินทาลิวิลย่าสีขาว
“ ก..กีซซซซซซ ” ( อ..อาา เกิดอะไรขึ้นเนี่ย )
วิลลุกขึ้นและมองไปรอบๆก็เห็นร่างของทุกคนนอน สลบอยู่วิลเดินไปยังร่างของมังกรสีเขียวตัวหนึ่งที่สลบอยู่ข้างๆซึ่งก็คือพ่อของวิลเป็น มังกรดิมมินูวเลี่ยน(dimminuialion, the wind dragon)
“ ก..ก็าซซซซซซซซซซซซ ” (อ..อยูเกิดอะไรขึ้นเนี่ยอ้าววิลไม่เป็นไรใช่มั้ยเอาล่ะไปปลุกทุกคนกันเถอะ)
พ่อของวิลพูดจบวิลกับเขาก็พากันไปปลุกทุกจนฟื้นครบทุกคน
“ ฮูมมมมมมมมมม ” (เกิดอะไรขึ้นเนี่ยจำได้ว่าพวกเรามารวมตัวกันเพื่อช่วยลูกๆของเรานี่นาแล้วจู่ก็มีแสงสีดำตกลงมาแล้วเราก็หมดสติไป)
แมนเทลลูม่า(mantelluma, the snow storm wyvern) วายเวินแห่งพายุหิมะพ่อของเฟินกอลโล่พูด
“ กีซซซซซซซ ” (ดูนั่นสิพวกเรา)
โอโรฟาเน่(Orofarne, the cliff dragon) มังกรแห่งหินผา พ่อของนิลเฮอร์
พูดพร้อมกับชี้ขึ้นไปบนฟ้าทุกคนจึงหันขึ้นเช่นกัน
และสายตาของทุกคนก็จับจ้องอยู่ที่ร่าง ของทาลูคูสที่บินอยู่เหนือพวกเขาซึ่งกำลังประจันท์หน้ากับจาไนอยู่
“ แกเป็นใครบังอาจมาขวางทางข้า ”
จาไนถาม
“ นามของข้าคือ ทาลูคูส ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าที่บังอาจมาทำลายชีวิตของผู้อื่นจนข้าไม่อาจนิ่งดูดายได้ ”
ทาลูคูสตอบกลับและกำดาบในมือไว้แน่น
“ เจ้าคิดจะเป็นปรปักษ์ กับข้ารึนั่นเท่ากับเจ้าเป็นปรปักษ์กับท่านผู้นั้นด้วยใครก็ตามที่ขัดขวางแผนการนี้ข้าจะเก็บมันเอง ”
จาไน พูดเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับขบกรามแน่นปากเริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง
“ อย่าได้หวังเลยข้าจะจัดการเจ้าซะก่อนที่จะท่องมนต์เสร็จซะอีก Lux et Dragos ”
สิ้นเสียงของทาลูคูสดาบที่มือก็ตวัดออกไปแรงจากการตวัดทำให้ เกิดคลื่นพลังงานรูปเสี้ยวพระจันทร์สีขาวพุ่งไปยังจาไน
“ Earth Barrier “
สิ้นเสัยงจาไน กำแพงดินก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นเบื้องล่างกันการโจมตีเอาไว้
“ เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอกฮ่าๆๆทีนี้รองของข้ามั่ง ”
จาไนพูดจบก็เรื่มท่องมนต์อีกครั้ง
ที่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านมังกร
“ ที่นี่แน่หรือท่านบิชอป ”
เสียงจอมทัพแห่งสายลมชาลว์ดังขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ
“ ไม่ผิดหรอกทางนี้แหล่ะ ”
บิชอปหนุ่มตอบด้วยเสียงมั่นใจพร้อมกับควานทางต่อไป
“ แล้วทำไมต้องพาเพื่อนท่านมาด้วยล่ะเนี่ย ”
ชาลว์พูดเมื่อเห็นทิโมธีเอาแต่จ้องมองดูเครื่องมือ ประหลาดที่อยู่ที่มือเครื่องมือนั้นส่องแสงกระพริบๆตลอด
“ นั่นก็เพราะมีทิโมธีคนเดียวที่ใช้เครื่องแกะรอยเป็นนี่นา ”
บิชอปหนุ่มพูด
“ อะฮ้าถึงแล้วทีนี้ต้องทำอะไรต่อล่ะ ”
ทิโมธีหันไปถามบิชอปหนุ่ม
“ เอาล่ะที่เหลือให้ข้าจัดการเอง ”
บิชอปหนุ่มพูดแล้วหันไปหาอะไร บางอย่างจน เมื่อเขาหันไปทางหนึ่งเขาก็ เริ่มตั้งสมาธิแล้วหยิบเอาเครื่องบางอย่างออกมาจาก ถุงผ้าที่เขาถือ มาด้วยมันเป็นเครื่องที่มีหัวกลมๆและมีโคนยาวลงมาเป็นแท่ง
“ กีซซซซซซซซซซซซซซ ” (ผู้ปกป้องศักดิ์สิทธิ์)
เสียงของบิชอปหนุ่มดังขึ้นทันใดนั้นก็เกิด แสงสว่างรวมตัวกันเป็นประตูและ
ค่อยเปิดออกแม่ทัพชาลว์และ ทิโมธี ทั้งสองมีสีหน้าทึ่งในสิ่งที่เห็นอย่างมาก
“ เอาล่ะพวกท่านตามเรามา ”
บิชอป หนุ่มหันไปพูดกับทั้งสองที่กำลังยืนตะลึงอยู่ทั้งสองจึงรู้สึกตัวและตามบิชอปหนุ่มเข้าไปในประตู
“ นี่เกรเกอรี่เจ้าเคยบอกใช่มั้ยว่าหมู่บ้านของมังกร เนี่ยมันมีวิทยาการที่ก้านหน้ามากๆเลยน่ะ ”
ทิโมธีถามน้ำเสียงดูสนใจไม่น้อยระหว่างที่กำลังผ่านทะลุมิติ
“ ใช่เราเคยแอบเข้ามาแล้วได้เห็นสภาพภายในนั้นช่างหน้าตื่นตาจริงๆ ”
ทิโมธีพูดแล้วหันไปมองแสงสว่างข้างหน้า
“ งั้นที่ท่านเล่า เรื่องทั้งหมดให้พระองค์ซิกมันต์ทรงฟังแล้วพระองค์ดูจะไม่ค่อยเชื่อเลยนะ ”
ชาลว์ถาม
“ นั่นก็คือสาเหตุที่ เราต้องมาสำรวจให้แน่ใจก่อนที่พระองค์จะเสด็จตามมายังไงล่ะ ”
เกรเกอรี่ตอบ
ทั้งหมดผ่านประตูมิติเข้าภาพที่เห็นตรงหน้าแทนที่
จะเป็นหมู่บ้านที่เจริญก้าวหน้าตัดกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนแต่ก็หาเป็นเช่นนั้น
ไม่เพราะภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นหมู่บ้านที่ลุกไหม้ด้วยเปลงเพลิงที่โชติ
ช่วงเหล่ามังกรพากันบินว่อนไปทั่ว ซากมังกรที่ตายแล้วก็ถูกไฟเผาไหม้จนเหลือ
แต่กระดูกซากสิ่งก่อสร้างต่างๆที่พังจนไม่เหลือชิ้นดี
“ นี่มันอะไรกันหมู่บ้านถูกโจมตีรึ ”
ชาลว์พูดด้วยความตื่นตะลึง
“ หรือว่าพวกมังกรฆ่ากันเอง ”
ทิโมธีพูด
“ ไม่น่าใช่นะเพราะว่าตอนที่เราเคยแอบเข้ามาพวกมังกรก็ปรองดองกันดีออก ”
เกรเกอรี่พูด
“ อ๊ะนั่นอะไรน่ะ ”
ทิโมธี อุทานพร้อมกับชี้มือไปที่แสงสีดำและสีขาวกำลังปะทะกันอยู่บนท้องฟ้า
“ หรือว่าหมู่บ้านถูกโจมตีโดยคนนอก ”
ชาลว์กล่าวพร้อมกับหันไปยังทิศที่ทิโมธีชี้
“ งั้นเราคงต้องช่วย พวกเขาแล้วล่ะอีกเดี๋ยวกองทัพของฝ่าบาทก็จะมาถึงแล้ว ”
เกรเกอรี่กล่าวขณะที่มองไปบนฟ้า
“ Lux et Dragos ”
คลื่นแสงถูดตวัดเข้าใส่จาไนไม่หยุดหย่อนแต่จาไนก็หลบได้หมดทุกครั้ง
“ หนอยสู้ซึ่งๆหน้าเห็นทีจะไม่ได้งั้นลองเจอนี่หน่อย Earth Barrier ”
สิ้นคำของจาไนกำแพงดินก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้งบดบังร่างของเขาไว้
“ ต่อให้เจ้าสร้างกำแพงขึ้นปกป้องตัวเจ้าสักกี่ครั้งก็ตามข้าก็จะพังมันลงแล้วเข้าไปจัดการเจ้าให้ได้ ”
ทาลูคูส พูดเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับปล่อยคลื่นแสงไปอีกครั้ง
และพังทลายกำแพงลงได้แต่ทว่าจาไนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ เป็นไปไม่ได้ ”
ทาลูคูสอุทานและบินตรงไปหันซ้ายทีขวาทีแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจาไน
“ หึๆๆตกใจล่ะสิที่ข้าหายไปแบบนี้น่ะ ”
เสียงของจาไนดังขึ้นแต่เมื่อ ทาลูคูส หันไปก็ไม่เห็นวี่แววของจาไนเลยแม้แต่น้อยและทันใดนั้นหางตาของเขาก็ดูเหมือนจะจับภาพอะไรบางอย่างได้แต่เมื่อหันไปก็ไม่มีอะไร
“ หนอยแน่จริงก็อย่าเอาแต่ซ่อนสิวะออกมาสู้กันซึ่งๆหน้าเลยสิ ”
ทาลูคูสตะโกนเสียงเดือดดาล
“ หึๆๆสู้น่ะข้าสู้แน่แต่ข้าจะออกไปสู้กับเจ้าตรงๆหรอกนะเพราะไม่งั้นข้าก็ไม่ชนะสิฮ่าๆๆ ”
จาไนห้วเราะชอบใจที่ศัตรูมองหาตนอย่างหวาดระแวง
“ เอานี่ไปชิม Dark Ray ”
เสียงของจาไนดังขึ้นและแสงสีดำก็พุ่งเข้าใส่หลังของทาลูคูสอย่างจัง
“ อ็าคคคคคคคค ”
ทาลูคูสร้องด้วยความเจ็บปวดปีกของเขาได้รับความเสียหาย
อย่างหนักและเมื่อเขาจะหันไปสวนกลับแต่ก็ไม่เห็นจาไนอีก
“ หนอยเอาอีกแล้วเรอะ ”
ทาลูคูสพูดน้ำเสียงรำคาญและหันไปมองหาจาไนอีกครั้ง
“ ไงฤทธิ์เดชเวทย์ลวงตาของข้า( Dimension curse )ทำเอาสะอึกเลยใช่มั้ยล่า ”
จาไนพูด
“ เวทย์ลวงตาอ๋อ อย่างงี้เองถ้างั้นเราก็มีวิธีรับมือกับมันแล้ว ”
ทาลูคูสคิดในใจแล้วก็แสยะยิ้มออกมาในหัวของเขาเริ่มคิดถึงตอนที่เรียนกับ dvd ในวิชาเวทย์มนต์ศาสตร์
“ ฮูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ” (นักเรียนทุกคนเวทย์มนต์น่ะมีหลายชนิดบางชนิดก็เป็นเวทย์เสริมพลัง ฟื้นฟู หรือโจมตีแต่หนึ่งในนั้นเวทย์ประเภทคำสาป(curse )ก็มีเช่นกันและมันได้แบ่งออกเป็นสองจำพวกได้แก่คำสาปที่ใช้ เสริมพลังไห้กับตัวเอง
และลดพลังคู่ต่อสู้คำสาปประเภทเสริมพลังให้กับตัวเองก็มีเวทย์เร่งพลังและ
เวทย์ลวงตาแต่ เวทย์ลวงตานั้นจะเป็นเวทย์ที่สามารถจะใช้กับตัวเองหรืออีกฝ่าย
ก็ได้แต่เวทย์คำสาปนั้นไม่ว่าจะยังไงมันก็จะ ส่งผลเสียให้แก่ตัวผู้รับเองได้
ในภายหลังเพราะฉะนั้นเวทย์จำพวกนี่จึงนิยมใช้กับอีกฝ่ายมากกว่าตัวเองแต่มันก็มีขั้นตอนที่ยุ่งยากด้วยเช่นกัน )
dvd พูด
“ แล้วข้อเสียของเวทย์ลวงตาคืออะไรล่ะครับ ”
Lr ถาม
“ ฮูมมมมมมมมมมมมมม ” ( ถามได้ดีมากข้อเสียของมันก็คือการที่
ผู้รับมันจะต้องรอจนกว่าผลของเวทย์จะหายไปจนหมดจึงจะสามารถขยับ
ได้เพราะเวทย์นี้ก็คือการส่งตัวผู้รับไปยังมิติขนานและไม่สามรถที่จะขยับ
ได้เพราะม่ว่าจะขยับยังไงก็เมื่อกลับมาก็ยังคงอยู่ที่เดิมเพราะเราจะไปอยู่
ขนานกับจุดที่เราใช้เวทย์นี้พูดง่ายก็คือเหมือนกับเราเข้าไปในช่องส่วนหนึ่งของจุดนั้นๆและวิ่งวนอยูที่เดิม )
dvd พูด
ภาพความคิดของทาลูคูสค่อยๆจางลง
“ หึๆๆ ”
ทาลูคูสหัวเราะอย่างมีเลศนัยขึ้นมาทันที
“ หัวเราะอะไรของแก ”
จาไนเอ่ยขึ้นอย่างหวาดระแวง
“ ฉันหัวเราะเพราะฉันไม่น่าโง่ให้ แกหลอก เลยความจริงแกไม่ได้ไปไหนเลยจากที่เดิมที่แกหายตัวไปแต่แกก็หรอกให้ฉันหันไปหันมาจนลืมทิศแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วแกอยู่ตรงนั้นยังไงล่ะ ”
ทาลูคูสพูดพร้อมกับหันหลังกลับไปยกดาบชี้ไปข้างหน้า
“ เอาล่ะไลท์ขอพลังให้ฉันด้วยเถอะ ”
ทาลูคูส คิดในใจแล้วก็ยกตาบขึ้นตวัดเป็นกากบาท แล้วพุ่งไปด้วยความเร็วจนกลายเป็นแสงรูปมังกรพุ่งผ่านทะลุทะลวงความมืดที่บดบังหมู่บ้านเอาไว้และพอดีกับที่
เวทย์ลวงตาหมดฤทธิ์จาไนค่อยโพล่ออกมาจากช่องมิติและมีสีหน้าหวาดผวา
“ Great of Dragon ( ความยิ่งใหญ่แห่งมังกร ) ”
เสียงของทาลูคูสดังกังวานขึ้น
“ อ็าคคคคคคคคคค ”
จาไน ร้องโอดครวญอย่างโหยหวนทันทีที่ร่างของเขา ปะทะเข้ากับมังกรพลังงานจนร่างแหลกเป็นผุยผง
บัดนี้ความมืดที่ปกคลุมท้องฟ้าค่อยๆจางลงรุ่งอรุณแห่ง
วันใหม่มาถึงแล้วร่างที่เปล่งประกายแสงสีขาวอยู่บนท้องฟ้า ทาลูคูส ค่อยๆลดดาบลง
“ สำเร็จแล้วนะไลท์เราทำได้ ”
เสียงของ Lr ดังออกมาจากตัวทาลูคูส
“ ขอบใจนะ Lr ที่ไม่ทิ้งพวกเราไป ”
เสียงของไลท์เองก็ดังออกมาจากทาลูคูสเช่นกัน
“ ก็าซซซซซซซ ” ) เย้เราชนะแล้ว )
เสียงของโห่ร้องดีใจในชัยชนะของเหล่ามังกรดังกระหึ่ม
“ กีซซซซซซซซ ” ( เอ้าพวกเราไชโยให้ทาลิวิลย่าหน่อย เอ้าเฮ้ )
วิลพูดแล้วทุกคนก็พากันเฮด้วยความดีใจน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตัน
“ กีซซซซซซซ ” ( เอ็ะนั่นมันอะไรน่ะ )
นอพฮอฟ พูดแล้วชี้ขึ้นไปทุกคนจึงหันไปที่พระอาทิตย์
ที่ตอนนี้ขึ้นมาเหนือฟ้าแล้วแต่กลับมีเงาสีดำขนาดใหญ่ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าบดบังดวงอาทิตย์
“ สุริยะคราสรึ ”
เกรเกอรี่พูด
“ ไม่น่าใช่นะนี่ยังไม่กำหนดครบรอบที่สุริยะคลาสจะมานี่นา ”
ทิโมธี พูดพร้อมกับพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุของปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดนี้
“ เดี๋ยวดูให้ดีๆสินั้นมันไม่ใช่เงาพระจันทร์ของสุริยะคลาสหรอกนะมันเป็น.. ”
ชาลว์ พยายามคิดหาคำพูดที่จะเรียกเพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน
สิ่งนั้นเป็นอะไร บางอย่างที่มีลักษณกลมสีดำใหญ่พอที่จะบดบังพระอาทิตย์จนดำมืด
“ เหล่า มังกรทั้งหลายเอ๋ยอย่าพึ่งดีใจไปพวกเจ้าบังอาจขัดขืนการปกิบัติการของท่านผู้นั้นข้าแบล็คไวเซอร์ผู้นี้จะสานต่อเอง ”
เสียงของผู้ที่ติดต่อกับ จาไน ที่ในป่าและเป้นคนๆเดียวกับที่เงาของชานที่ปรากฏบนท้องฟ้าแล้วส่งพลังให้จาไน
“ อะ แบล็ค..แบล็คไวเซอร์ ”
เกรเกอรี่ พูดสีหน้าตกใจไม่ใช่ น้อยเมื่อได้ยินเสียงของชายลึกลับคนั้นที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า
“ ระ..หรือว่าเคอร์วิน(Kerwin) ”
ทิโมธีเองก็เช่นกันสายตาจับจ้องไปที่ชายผู้นั้น
“ ไม่จริงก็เคอร์วินตายไปแล้วนี่ ”
เกรเกอรี่พูด
โปรดติดตามตอนต่อไป ;)
ตัวอย่างตอนต่อไป
ชายลึกลับที่ติดต่อกับจาไนคือแบ็ลคไวเซอร์ที่เป็นเคอร์วินเพื่อนเก่าของทิโมธีกับเกรเกอรี่ที่ตายในสงครามนั้นกลับมาอยู่หน้าพวกเขา
และแล้วหมู่บ้านก็ถูกทำลายลงเหล่ามังกรต่างพากันถูกกองทัพของชายคนนั้นจับตัวทาลูคูสเองก็เข้าต่อกรผลของการต่อสู้จะเป็นเช่นไรโปรดติดตามในตอนหน้าบที่4 กองกำลังต่อต้าน