Summoner Master Forum
November 28, 2024, 07:31:09 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: ใครมีฝีมือแต่งวรรณกรรมเข้ามาช่วยทีงับ  (Read 2799 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
friendlover01
Member
*****
Offline Offline

Posts: 4


Email
« on: October 17, 2005, 03:18:25 AM »

เพื่อนๆครับ พี่ๆครับ ช่วยเรียบเรียง วรรณกรรมของผมทีงับ

ในโบสถ์ฟีลาเซีย  โจซานได้นำไม้สลักอิกดารซิลมาขายเพื่อเป็ยซิลิมงคล  
ทันทีที่สัมผัสโดนไม้
ความรู้สึกของเกรเกอร์รี่   ได้จินตนาการเป็นภาพคนในป่า
ถึงกับน้ำตาแทบไหล –ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน – ในมโนภาพแลเห็นต้นไม้ใหญ่  
“ฝากบอกท่านเรติน่าด้วย ” “ข้าจะไปฟูดินัน” “ ไปฟูดินัน”
 “ใช่ โจซานจะฟาข้าไป”  “ได้ไง ท่านเกรเกอรี่ แล้วสินค้าข้าหละ ” “ข้าเหมาหมด” “เอ๋จิงอะ”
ทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าไปยังฟูดินัน
ท่ามกลางความเงียบสงบ ภายในป่าที่กว้างใหญ่ อันตรายกำลัง คลืบคลานเข้ามา
7วันต่อมา
ป่าดำ –เบล็กวูด
เสียงฝีเท้าของสัตว์น้อยใหญ่กำลังลนลานหนีออกจากป่าดำแห่งนี้ แต่มันไม่สามารถหลบพ้นความตายได้เลย
มัจจุราชในเงามืดกำลังตามล่าพวกมันอย่างสนุกสนาน  นักรบแห่งป่าดำที่น่าเกรงขามเหมือนของเล่นสำหรับมัน
ซากศพกระจัดกระจาย กลิ่นเลือดฟุ้งไปทั่วป่า
มันเพียงผุ้เดียว สามารถทำลายป่าดำได้ในเวลาชั่วข้ามคืน มันคือ ดาคโซ
  ไทเทน เอ็นช่า นักรบผู้ทระนงและ ทากา กำลังยืนหยัดต่อสู่กับพวกมันด้วยร่างกายที่บอบช้ำ  ทากาโดนเอามือจับหัวและตายคาที่ แบบในการ์ดดาคโซ ... “เอนช่า ข้าคิดว่าเจ้าเหมือนกับข้า
แต่มันไม่ใช่ ตอบข้าทีว่าข้าเป็นอะไร
อ๊ากกกกกเอ็นช่าร้องเสียงดังลั่นนนนน เมื่อ ฟูมินและทากาตายต่อหน้าต่อตา
จบ 3-4น้าแรก
หน้าเปิด 4 สี เหอะๆ  4 ตัวเองยืน+นั่ง   เอนช่า+ อีสฮาน +เกรเกอรรี่+โจซาน
   “ท่านผู้เฒ่าวูจิน แย่แล้วๆ” มีอะไรรึรีบร้อนมาแต่ไกล คือว่า ป่าทมินนะสิครับ มัน มัน ..........
  วูจินที่กำลังนั้งอยู่กลางววงเล่านิทานให้เด็กๆฟังถามขึ้น “มีอะไรงั้นรึ  ” “ หา?”
สีหน้าตกใจสุดขีดของวูจิน ให้อารมถึงคำตอบ
ภาพตัดมาที่ชายป่าของป่าดำ   วูจิน
ป่าตอนนี้กลายเป็นดินแดนนรกไปแล้ว ไม่ว่าที่ไหนที่ดาคโซลไปมันก็เฉาหมด  
ทางพุ่มไม้ เริ่มขยับ เอ็นช่า เดินออกมาด้วยร่างกายในคราบเลือด  
เซ็นทอร์พูดและวิ่งเข้าไปโจมตี เอนช่า
“แก.....ทำอะไรเนี่ยไอ้ปีศาจ”
 การต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้น  ..ต้องรีบไปหยุดเขา
ขณะการต่อสู่ เอ็นช่า พูดว่า ต้องรีบไปหยุดเขา
ต้องหยุดเขา
หยุดเขา
.
.
.
การต่อสู่ ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการรุมอ็นช่า
ยักษ์ผู้แสนดีกำลังจะแพ้  

 ไม่ทันแล้วเรอะ
ทุกคนหันไปมองดาร์คโซลที่ไกลออกไป “อะไรกันความรู้สึกที่ชั่วร้ายมาจากเจ้านี่เองหรอ
เอ็นช่า ชี้ให้ดูที่ต้นอิกดราซิล  ดาคโชลกำลังยืนจับมัน มานเริ่มเหี่ยวลงเรื่อยๆ
มันพูด ตอบข้าทีสิข้าคืออะไร
....................
“จ้าปีศาจร้ายที่นี่ไม่ใช่ทีที่เจ้าควรอยู่ นักรบผู้กล้าแห่งป่า
 โจมตีดาคโซล แต่กลับโดนสวนตายล้มระเนระนาด

งั้นพวกเจ้าตอบข้าสิ ว่าที่ไหนเหมาะสมสำหรับข้า  ที่ไหน  ที่ไหนที่พอมีโอกาสข้า  
ข้าคืออะไร  เหตุผลอะไรทีท่ทำให้ข้าเกิดมา
ในป่ารกร้าง “โจซานอีกนานไหม ไม่หรอกท่านอีก  ก้านธูปก็ถึงแล้ว”
“ข้ากลัวว่าจะไม่ทันนะสิ” “เกเกอรรี่ผ่าดงหนามไปด้วยความเร่งรีบ”
ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องกำจัดเจ้าทิ้ง  “น่าขัน เจ้าทั้งสองนะหรอ”
การต่อสู่ดำเนินขึ้น ระหว่าง อิสฮาน+เฮดิสัน  กับ ดาคโช
“คนที่มีทุกสิ่งนะอย่าพูดดีกว่า”  ดาคพูด
การต่อสู่ดำเนินไปเรื่อยๆ
“ใครว่าข้ามีทุกสิ่ง”  อิสฮานพูด
“บิดาข้าเป็นมารร้ายคร่าชีวิตนับล้าน ข้านะเคยเห็นมารดาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา”
“และเจ้าก็กำลังจะฆ่าข้านะหรือ” ดาคพูด
อีสฮานโดนโจมตีกระเดนไปไกล  “อย่างน้อยเจ้าก็รู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่”
ข้าละ เกิดมาทำไม  
ขนาดที่ทั้ง 2 คน กำลังจะตายด้วยความมืด เอ้นช่าก็เข้ามาต่อสู้
“ข้าจะเป็นเพื่อนของเจ้า หยุดทำร้ายคนอื่นได้แล้ว”
“เอนช่า เจ้าหาว่าข้าทำร้ายใครงั้นรึ เจ้าก็น่าจะเห็นพวกเขาทำร้ายข้าก่อน”
“เออ........” เอ็นช่าพูดไม่ออก
“ข้าจะไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับข้า ทำไม ทำไม”

มีคนเดินออกมาจากโพรงไม้  จิตวิญญาณแห่งป่าเรียกข้ามาที่นี่

เกเกอร์รี่ โจฮานก็มาเรอะ  
นักบวชเรอะ มาฆ่า ข้าหละซิ
โกเล็มผู้หน้าสงสาร   เจ้าเกิดมาจากความชั่วร้ายที่สะสมอยู่ในใจของมนุษย์
ข้ามาที่นี่เพื่อชำระบาปให้แก่เจ้า  เกเกอรรี่ภาวนา ภายในมือถือ ไม้สลักอยู่
แสงค่อยๆอาบดาคโช ให้กลายเป็น โกเดนไลท์
..  เกเกอรรี่ พูดขึ้น ปราบใดที่มนุษย์ยังมีความชั่วร้ายในจิตใจ เรื่องอย่างนี้ก็เกิดขึ้นได้เสมอ
  ร่างขาวทองของโกลเด้นไลท์ พลังความชั่วหายไปหมด มีแต่ความงาม

ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน ข้ากำลังเปลี่ยนไป
ก่อนไปเกเกอรรี่ก้มลงภวานะกะอิกดราซิล ในถานะเทพแห่งไม้
เอาละไปกันเถอะ ทั้ง 2 คนเดินออกไป จากที่นี่ ทิ้งให้ทั้งหมดมอง






จบแล้วครับ  ช่วยเอามารีไรท์และเรียบเรียงใหม่ให้สมเหตุสมผลทีครับ ขอบคุณมากๆครับ
Logged


Les aventures de TinTin
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 48


Email
« Reply #1 on: October 27, 2005, 12:16:10 AM »

   คือ... ผมว่าไม่ต้อง rewrite อะไรหรอกนะครับ  คุณลองพยายามเขียน  ค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ  ไม่ต้องรีบ  เขียนตาม plot ที่ตั้งไว้เนี่ยแหละ  ผมว่าอีกหน่อย  ฝีมือของคุณคงจะดีขึ้นเอง  โดยไม่ต้องพึ่งเพื่อนๆ  พี่ๆ คนไหนๆ
   พยายามเข้าครับ
Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #2 on: October 27, 2005, 04:04:20 AM »

ลองดูนิดหน่อยนะ

  วันนี้ เป็นวันน็อกซ์ที่ดูมีสีสันวันหนึ่งของอาณาจักร ฟีเลเซีย เพราะเป็นช่วงที่มี พ่อค้า,แม่ค้า จากต่างอาณาจักรเข้ามาค้าขายสินค้า ในช่วงเดือนนี้ของทุกปี ยิ่งในตลาด ณ ส่วนกลางของอาณาจักร มี พ่อค้า,แม่ค้า นั่งตามพื้นถนนเรียงรายขายสินค้าอยู่แน่นขนัด ลวดลายการแต่งตัวของพวกเขานั้น มีทั้งลวดลาดผ้าทอที่มีความงดงามวิจิตร ในแบบของ ฟูดินัน และ ในแบบผ้าบาง เนื้อดี ของ อาณาจักรต่างๆในแถบทะเลทราย บ่งบอกถึงที่มา ของเหล่าพ่อค้า,แม่ค้าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
  ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก็จะมีแผงนั่งร้านขายสินค้าที่ดูสะอาดตา จัดอย่างเป็นระเบียบของพ่อค้าชาว แอนดิซอง ที่มีอภิสิทธิ์เล็กน้อยในการเลือกพื้นที่ค้าขายแต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ในการเลือกซื้อสินค้าของชาว ฟีเลเซีย ที่มักจะเดินท่องไปหาสินค้าที่ตนเองต้องการอย่างมีความสุข อันเนื่องมาจากเป็นช่วงเวลาเดือนเดียวของปี ที่มีพ่อค้าจากต่างอาณาจักรมาซื้อขายมากกว่าปกตินั่นเอง อีกทั้งอาณาจักรฟีเลเซีย ในช่วงเดือนนี้มีเทศกาล ขอบคุณพระพร ที่มีการนำดอกไม้ ไปปลูกที่ลานดอกไม้ที่กลางเมือง หรือ โบสถ์ และ มีการซื้อของขวัญไปให้กับคนที่ตนเคารพอีกด้วย ในช่วงนี้จึงสามารถดึงดูดพ่อค้าต่างแดนได้เป็นอย่างดี สินค้าต่างแดนที่เป็นที่นิยมของชาวฟีเลเซีย มักจะเป็น น้ำหอม ที่มีกลิ่นหลากหลาย และ แปลกใหม่เสมอในทุกปีเพราะในช่วงสงคราม ชาวฟูดินันที่อพยพได้นำพันธุ์ดอกไม้หลายชนิดมาปลูกในเขตแอนดิซอง ทำให้ดอกไม้พันธุ์ใหม่ผสมกับพันธุ์เก่าของแอนดิซอง ปัจจุบันจึงมีดอกไม้พันธุ์ใหม่เกิดขึ้นในแอนดิซองทุกปี ประเภทของน้ำหอมจึงมีความแปลกใหม่มากมายไปด้วย และ สินค้าทำมือจาก ฟูดินัน ที่มีความวิจิตร แปลกตา โดยเฉพาะสินค้าไม้ที่ทำจากเปลือก ที่หลุดออกมาของต้น อิกดราซิล ก็จะมีราคาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะมีกลิ่นหอมที่สงบ และ สดชื่น โดยราคาที่เพิ่มจะไม่มาก เพราะ ชาวฟูดินัน ไม่ได้ใส่ใจในด้านราคาที่เพิ่มขึ้น แต่สนใจในการเดินทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการ์ณใหม่ๆที่พวกเขาชื่นชอบมากกว่า ผิดกับพ่อค้าชาวแอนดิซอง ที่สนใจวิธีกดราคาสินค้า มากกว่าสนใจทิวทัศน์ระหว่างทางมา อาณาจักรฟีเลเซีย เสียอีก ส่วนเครื่องเทศของอาณาจักรทางทะเลทราย ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี แต่ก็มีการกีดกันซะส่วนใหญ่ จากผู้ที่สูญเสียญาติพี่น้องไปในสงครามกับอาณาจักร ซาโลม ทำให้สินค้าทางอาณาจักร ลาซาล โดนผลกระทบไปด้วย เพราะชาวฟีเลเซียมองการแต่งตัวของ ซาโลม กับ ลาซาล นั้นละม้ายคล้ายกัน แต่ทุกปี สินค้าของทั้งสองอาณาจักรก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น จากชาวฟีเลเซียทุกปี เพราะกำแพงพยาบาทในใจของชาวเมือง ค่อยๆได้รับการกัดกร่อนพังลงทุกปี จาก ความอัธยาสัยดีในการค้าขาย ของ ชาว ซาโลม และ ลาซาล นั่นเอง
  ณ จุดหนึ่งของตลาดที่มีชาว ฟูดินันอยู่อย่างหนาแน่น โจซาน พ่อค้าร่างอ้วนจากฟูดินัน กำลังขายสินค้าไม้แกะสลักพร้อมกับโฆษณาบอกสรรพคุณความคงทน และ งดงามของสินค้าตนเอง ขณะกำลังขายของให้กับสตรีชาวฟีเลเซียนางหนึ่ง เมื่อนางชมตุ๊กตาไม้ชิ้นหนึ่งโจซานได้พูดด้วยเสียงอันดังว่า โอ้ นายหญิงคนสวย ท่านช่างตาแหลมยิ่งนักตุ๊กตาไม้แกะสลักชิ้นนั้น ทำจากไม้เนื้อดี ราคาก็ไม่แพงเลย จริงรึท่าน ราคาลดจากป้ายนี้ได้หรือไม่ หญิงนางนั้นถาม ไม่ได้หรอกนายหญิง โจซานตอบ แต่ข้าสามารถแถมตุ๊กตาตัวเล็กข้างๆนั้นได้ เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า ตกลงข้าจะซื้อสินค้าของท่าน เมื่อสตรีนางนั้น ได้ซื้อสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีสตรีมากมายหลายนางเข้ามาห้อมล้อมสินค้าของโจซาน เพราะได้ยินที่ทั้งสองสนทนากันมาโดยตลอด ทำให้วันนั้นทั้งวัน สินค้าของโจซานขายได้ครึ่งหนึ่งของสินค้าทั้งหมดเลยทีเดียว
  เมื่อถึงตอนเย็น ขณะที่โจซานกำลังเก็บสินค้าอยู่นั้น ก็ได้ยินพ่อค้าชาวฟูดินัน2-3 คน กำลังพูดคุยกันอยู่ โจซานจึงแอบเงี่ยหูฟังจึงจับใจความได้ว่า พรุ่งนี้จะมีพิธีใหญ่เกี่ยวกับ การขอบคุณพระพร ซึ่งชาวเมืองถึง 1 ใน 4 จะไปร่วมปลูกดอกไม้กันที่นั่น อีกทั้งยังมีการเปิดโบสถ์ฟีเลเซีย แห่งใหม่อีกด้วย โจซาน จึงวางแผนว่าจะไปขายของที่โบสถ์แห่งใหม่ในวันรุ่งขึ้น ระหว่างนั้นโจซานได้คิดว่า พรุ่งนี้คงมีพ่อค้าแม่ค้ามากมายไปที่ดังกล่าว จึงวางแผนว่า ในคืนนี้จะรีบไปจับจองพื้นที่ขายของแต่เนิ่นๆเพราะถ้าช้า ก็อาจจะไม่ทันก็เป็นได้ จากนั้นโจซานจึงได้เก็บข้าวของ และ สินค้า เดินทางไปบริเวณของโบสถ์แห่งใหม่โดยอาศัยจากการถามทางชาวเมืองฟีเลเซีย
  ขณะที่โจซาน กำลังเดินทางไปตามทางที่ชาวเมืองบอก ก็เหลือบไปเห็นพ่อค้าแม่ค้า8-9กลุ่ม กำลังจับจองพื้นที่ริมทางอยู่ โจซานเห็นดังนั้นก็แปลกใจจึงได้เดินไปหาพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มหนึ่ง พร้อมถามว่า ชาวฟูดินันเพื่อนข้า เหตุใดพวกท่านถึงมาจับจองพื้นที่ริมถนนเช่นนี้เล่า ผู้ชายหนึ่งในนั้นได้บอกว่า พวกข้ากำลังจับจองพื้นที่เพื่อขายสินค้าในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าจะมีชาวฟีเลเซียถึง 1 ใน4 มาร่วมงานเทศกาล ขอบคุณพระพร ท่านลองมองไปทางด้านหลังของพวกเราสิ เมื่อได้ยินดังนั้นโจซานจึงมองไปในทิศที่ว่าก็ได้เห็น โบสถ์ที่ไกลออกไปพอสมควรหลังหนึ่ง จากแสงจันทร์ และ แสงไฟที่ส่องให้เห็น หน้าโบสถ์หลังนั้นมีทางเดินที่ใหญ่โตพอสมควรลาดยาวจากประตูโบสถ์ มาจนถึงขอบถนนใกล้ๆกับที่โจซานอยู่ ทางดังกล่าวดูจากสภาพก็พอบอกได้ว่าทำจากหินอ่อนเนื้อดี สองข้างของทางเดินนั้น มีพื้นที่ว่างเปล่าอยู่ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าปลูกไว้ โจซาน จึงรู้ได้เลยว่า เป็นพื้นที่ที่เอาไว้สำหรับพิธีในการปลูกดอกไม้ของชาวฟีเลเซียในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง หลังจากนั้น โจซานจึงได้หาทำเลที่เหมาะสม และ ไม่ใกล้กับทางเข้ามากเกินไปเพราะคนจะเยอะจนขายของลำบาก และ จึงตั้งกระโจมเล็กๆ 2 กระโจมเพราะกระโจมใหญ่ อาจขวางทางเดินได้ โจซานเก็บสินค้าราคาถูก ถึง ปานกลางไว้ในกระโจมหนึ่ง ส่วนตนก็ได้เก็บสินค้าไม้แกะสลักที่ทำมาจากเปลือกของต้น อิกดราซิล เอาไว้ในกระโจมที่ตนนอนเพราะราคาจะสูงกว่าสินค้ากระโจมแรกเล็กน้อย เมื่อเก็บข้าวของได้เข้าที่แล้ว โจซานจึงรีบเข้านอนเพราะคิดว่า พรุ่งนี้จะรีบตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตั้งร้านขายของนั่นเอง
   เวลาประมาณก่อนใกล้รุ่งพอสมควรของวันต่อมา(วันนิล) โจซานได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายเกิดขึ้น จึงตื่นขึ้นมาเพื่อดูว่าเกิดเหตุอะไร เมื่อออกมานอกกระโจม ก็ได้ถามชายที่วิ่งผ่านมาคนหนึ่งว่า พี่ชาย เกิดอะไรกันขึ้นรึนี่ก็ยังไม่ถึงเช้าตรู่เลย มีคนอาละวาดแย่งชิงที่ขายของกันหรืออย่างไร มิใช่หรอกท่าน ชายคนนั้นตอบ ก่อนหน้านี้ได้มีโจรกลุ่มหนึ่งแอบมาขโมยของขายของข้าไป พ่อค้าแม่ค้าคนอื่นก็โดนกับถ้วนหน้า ข้าต้องรีบไปก่อนนะท่าน ชายคนนั้นพูดจบจึงปล่อยให้โจซานยืนอยู่คนเดียว ระหว่างนั้นโจซานมองเห็นพ่อค้าแม่ค้าประมาณ 20 คน วิ่งไปวิ่งมาพลุกพล่าน โจซานจึงหันหลังกลับไปเตรียมจะเข้านอนก็เหลือบไปเห็นกระโจมเก็บสินค้าของตน มีรอยถูกกรีดกว้างเพื่อเข้าไปขโมยของ โจซาน รีบเข้าไปดูกระโจมของตนก็ปรากฏว่า สินค้าที่มีอยู่ในกระโจมนั้น ถูกขนไปแทบหมด เหลือเพียงแต่สินค้าที่ถูกวางซ่อนไว้ในมุมเท่านั้น โจซาน งุนงง ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ก้มคุกเข่าแล้วพูดว่า โธ่ ข้าขาดทุนแล้ว ข้าขาดทุนแล้ว ไม่น่าเลยสินค้าที่ถูกขโมยไปมันมีมูลค่ามากกว่ากำไรที่ได้จากการขายของตลอด 5 วันที่ผ่านมาซะอีก โจซานนิ่งอยู่สักครู่ พร้อมได้ยินเสียงคนที่โหวกเหวกมากขึ้นเรื่อยๆ โจซาน จึงลุกขึ้นยืนก่อนคิดว่า ข้าต้องค้นหาคนขโมยให้ได้ โจซานจึงเก็บกระโจม และ สินค้าที่เหลือก่อนพาดบ่า และ เดินสอบถามเรื่องขโมยกับคนอื่นๆ ซึ่งขณะนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 คน ซึ่งกำลังวิ่งพล่านวุ่นวายอยู่เต็มท้องถนน
  ตอนสายของวัน ประชาชนชาวฟีเลเซียได้เดินทางมาที่โบสถ์แห่งใหม่กันอย่างล้นหลาม มีเสียงดังมากมายมาจากทุกแห่งหน ทั้งชาวฟีเลเซียที่เตรียมมาร่วมพิธีการ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกขโมยของเมื่อคืน และ พ่อค้าแม่ค้ากลุ่มใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาหาทำเลขายของ ทุกอย่างดูเหมือนจะทำให้ความวุ่นวายที่วุ่นวายอยู่แล้ว กลับยิ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก ดุจเอาความวุ่นวายของทั้งเมืองมารวมตัวกันอยู่เพียงที่เดียว ทหารชาวฟีเลเซียได้เดินกันขวักไขว่ เพราะเมื่อคืนมีข่าวขโมยเกิดขึ้นจึงต้องมีการตรวจตรากันอย่างรัดกุม พ่อค้าแม่ค้าที่ถูกขโมยของได้ถามทหารว่า สามารถจับกุมคนร้ายได้หรือไม่ เหล่าทหารก็ได้แต่ตอบว่า กำลังตามล่าตัว แต่ยังไม่สามารถตามจับตัวกลับมาได้ คำตอบแบบนี้ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้า รู้สึกหดหู่ใจ ทหารชาวฟีเลเซียรู้ดีว่า การจะตามจับคนร้ายคนจะเป็นไปได้โดยลำบาก เพราะทั่วอาณาบริเวณมีฝูงชนมากมายเหลือเกิน เกินกว่าที่จะตรวจตราไหว และ คนร้ายคงมีไม่ต่ำกว่า 30 คน แต่ล้วนวางแผนกระจายกันขโมยเป็นอย่างดี ไม่งั้นคงไม่สามารถขโมยสินค้าได้ในคืนเดียวนับ 50-60 ราย และ ที่น่าแปลกคือแม้ในยามค่ำคืนก็มีทหารเดินตรวจตรา แต่กลับไม่สามารถตามจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว เหล่าทหารที่มาตรวจตราในบริเวณโบสถ์เวลากลางวัน และ หน่วยทหารที่มีหน้าที่สืบหากลุ่มโจร จึงได้แต่คิดว่า เรื่องนี้มีลับลมคมในมากกว่าที่คิด...
  ทางด้าน โจซาน หลังจากตามข่าวคนร้ายตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนรุ่งเช้า และ สายของวัน ก็ไม่ได้ข่าวคราวของโจรเลย แม้ถามทหารชาวฟีเลเซียก็ไม่ได้รับความคืบหน้ามากนัก โจซาน จึงคิดว่า ข้าขาดทุนป่นปี้หมดแล้ว มาคราวนี้ไม่ได้กำไรกลับไป ถ้าอย่างนั้นก็ขอเข้าชมโบสถ์หน่อยก็ยังดี อย่างน้อยจะได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไปด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้น โจซาน จึงแบกสินค้าที่เหลือพร้อมข้าวของเดินแหวกฝ่าฝูงชนไปที่โบสถ์ แต่คนเยอะมากจึงไม่สามารถแหวกไปถึงได้ ระหว่างนั้น โจซาน สังเกตว่าคนเริ่มบางลงบางส่วนจึงทราบว่า ถึงช่วงเวลาที่ชาวฟีเลเซียจะปลูกดอกไม้กันแล้ว ตนจึงได้พยายามรีบแหวกฝูงชนเพื่อไปที่โบสถ์ เมื่อหลุดมาอยู่หน้าโบสถ์ได้ โจซาน ก็ได้เห็นถึงความสวยงามของโบสถ์ ตัวโบสถ์ตกแต่งด้วยศิลปะที่งดงาม โจซานเองเคยเดินทางไปค้าขายครั้งหนึ่งที่ แอนดิซอง ได้เห็นโบสถ์ที่นั่น และ โบสถ์ทั่วไปตามเมืองของอาณาจักรฟีเลเซีย โจซาน จึงทราบได้เลยว่าโบสถ์หลังนี้ เป็นศิลปะผสมระหว่าง ฟีเลเซีย กับ แอนดิซอง ผนังโบสถ์มีสีส้มอ่อน ดูสวยงามยิ่งนัก อีกทั้งยังมีกระจกสีตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไม่แพ้โบสถ์ใดใดที่โจซานเคยเห็นมาเลย โจซานเห็นดังนั้นจึงได้เปิดประตู และ เดินเข้าไปในโบสถ์อย่างช้าๆ....
  เมื่อเข้ามาในโบสถ์ โจซาน ก็ตกตะลึงในความงดงามยิ่งกว่าเดิม เพราะภายในมีการใช้กระจกสีทำเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า และ เทวทูตผู้กำราบPecca หลายภาพนับไม่ถ้วน ประดับอยู่บนสุดของผนังทั้งสองฝั่ง สีของผนังเป็นสีโทนฟ้า-เขียว ที่ดูเย็นสบายตา โจซานเดินชมอย่างตกตะลึงโดยลืมแม้กระทั่งวางสินค้าเอาไว้ที่พื้น ระหว่างที่โจซานกำลังเดินชมกระจกสีเหล่านั้น ก็ได้ชนเข้ากับนักบวชชายผู้หนึ่ง ด้วยความตกใจ โจซาน จึงเผลอทำสินค้าไม้ตกพื้น ปีกข้างหนึ่งของตุ๊กตาไม้รูปเทวทูตที่ทำจากต้น อิกดราซิล ได้หลุดหักออกมาจากตัวตุ๊กตา โจซานยังไม่ได้เก็บตุ๊กตาไม้ ได้แต่หันมาแล้วก็ได้เจอกับนักบวชผู้หนึ่ง นักบวชผู้นั้นดูสง่างาม น่าเลื่อมใสยิ่งนัก ดูจากการแต่งตัวที่ดูน่าเกรงขามและเครื่องแต่งกายทำจากผ้าเนื้อดีของนักบวชรูปนั้นโจซานจึงทราบได้เลยว่า ตนได้เดินชนนักบวชชั้นสูงเข้าแน่ๆ ระหว่างที่ โจซาน กำลังจะพูดขออภัย ก็มี ซิสเตอร์ท่านหนึ่ง เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า ท่านพ่อค้ามาจากที่ใด ทำไมจึงกล้าชนท่านบิชอปเกรกอรี่ ผู้นำสูงสุดของศาสนจักรฟีเลเซียเรา เมื่อโจซานได้ยินดังนั้น จิตใจก็ลอยร่วงหล่นราวกับจะกองลงแทบเท้า พร้อมกับคุกเข่าแล้วพูดว่า โอ้ ท่านผู้นำแห่งศาสนจักรผู้ยิ่งใหญ่ กระผมขออภัยอย่างสูงที่ได้ล่วงเกินสาวกผู้ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้าเช่นท่าน ขอท่านโปรดเมตตาให้อภัยข้าด้วยเถิด ซิสเตอร์จึงกล่าวว่า ท่านได้ล่วงเกินผู้นำสูงสุดของเราแล้วคิดว่าจะขออภัยง่ายๆหรือ ระหว่างนั้น บิชอปเกรกอรี่ ได้ยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาณให้ซิสเตอร์หยุดพูด แล้วบอกว่า ท่านซิสเตอร์ ท่านเดินไปที่งานพิธีก่อนเถิด แล้วเราจะตามไปทีหลัง ซิสเตอร์ค้านว่า เรื่องให้ดิฉันไปก่อนนั้นได้ แต่ให้ดิฉันอยู่ด้วยดีกว่า ประเดี๋ยวพ่อค้าคนนี้จะล่วงเกินท่านอีก ไม่เป็นไรหรอก บิชอปเกรกอรี่พูด เขาไม่ใช่คนเลวร้ายหรอก เราเคยเจอคนมามากมายดูแล้วรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลว เราจะพูดคุยกับเขาอีกสักพักแล้วจึงตามไป เมื่อซิสเตอร์เห็นว่าเกินที่จะค้านได้จึงได้รีบเดินไปที่ประตู เมื่อออกมานอกโบสถ์ก็ได้บอกกับ ทหารสิบกว่านายที่เฝ้าหน้าโบสถ์ว่า ให้มองเข้ามาในโบสถ์เป็นระยะๆ ถ้าพ่อค้าคนนั้นทำอะไรล่วงเกินท่านบิชอปเกรกอรี่ ให้จัดการจับกุมได้เลย
  เมื่อซิสเตอร์ได้ออกไปแล้ว บิชอปเกรกอรี่จึงได้บอกกับโจซานว่า ท่านพ่อค้าลุกขึ้นเถิด ข้ารู้ว่าที่ท่านล่วงเกินข้าไปมิได้เกิดจากความตั้งใจ ข้าจึงให้อภัยท่าน บิชอปเกรกอรี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เมตตา และ น่าเคารพ เมื่อโจซานได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้น และ กล่าวว่า ขอขอบคุณยิ่งนัก ที่ท่านเมตตาไม่เอาเรื่องข้า บิชอปเกรกอรี่จึงถามว่า ท่านเป็นชาวฟูดินันใช่หรือไม่ เพราะจากที่ข้าดูการแต่งตัวของท่านแล้วคล้ายกับวาณิชชาวฟูดินันทั่วไป แล้วท่านมีความทุกข์เรื่องใดจึงได้เข้ามาในโบสถ์แห่งนี้ โจซานจึงตอบ ใช่ครับท่านบิชอป กระผมเป็นชาวฟูดินัน ที่กระผมเข้ามาในโบสถ์นี้เพียงเพื่อชมความงามของโบสถ์ ส่วนด้านความทุกข์นั้นกระผมก็มีอยู่ เพราะเมื่อคืนกระผมถูกโจรขโมยของครับ เมื่อบิชอปหนุ่มได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า ดูท่าท่านจะสูญเงินพอสมควร ขอเชิญท่านสวดภาวนากับพระผู้เป็นเจ้า ในโบสถ์แห่งนี้เถิด ส่วนตุ๊กตาเทวทูตองค์นั้น บิชอปหนุ่มมองไปยังตุ๊กตาเทวทูตที่ปีกหัก ข้าจะขอซื้อเอาไว้เอง บิชอปหนุ่มกล่าว เมื่อได้ฟังดังนั้น โจซานมีความยินดียิ่งนัก จึงได้หยิบเอา ตุ๊กตาไม้รูปเทวทูต ที่ทำมาจากเปลือกที่หลุดของต้น อิกดราซิล และ ส่วนปีกที่หัก ยื่นให้กับ บิชอปเกรกอรี่ เมื่อบิชอปเกรกอรี่ได้สัมผัส กับ ตัวเทวทูต ทันใดนั้นเองตาของบิชอปหนุ่ม ได้มองเห็นแต่แสงสว่างจ้า บดบังภาพของโจซาน และ โบสถ์ไปจนหมดสิ้น แต่น่าแปลกนักที่แสงนั้นไม่แสบตาเลยแม้แต่น้อย แม้แสงนั้นจะจ้าจนบิชอปหนุ่มคิดไปว่า มันคงจ้ากว่าแสงอาทิตย์อีกด้วย หลังจากนั้นบิชอปหนุ่ม ก็ได้รับนิมิตอยู่ตรงหน้า ภาพนั้นค่อยๆมองเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ....

ขึ้นต้นให้แล้ว แต่งต่อนะ^_^
ปล. ที่ขึ้นต้นให้คุณ Friendlover01 ข้างบน เป็นเพียงนิยายแต่งขึ้นเท่านั้น
       ไม่ใช่เรื่องจริงในนิยายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เทศกาล ขอบคุณพระพร และ ส่วนประกอบหลายๆส่วน จึงมิได้มีจริงอย่างใดทั้งสิ้น
 
 
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.079 seconds with 20 queries.