fic. ใหม่ ที่ขอนำเสนอ ในแนวแบบแปลก ๆ อ่านจนจบแล้วจะ get เอง ~
SYSTEM CODE SMN
Episode I La Praelusionis
[PROLOUGE]เสียงของดาบ การต่อสู้ และการประหัตถ์ประหารกันในสมรภูมิเลือด
การต่อสู้เพื่อชัยชนะ เพื่อเกียรติยศ และแน่นอน เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป
ผมมีนามว่า โทไบแอส (Tobias) ผมเป็น นักสู้ชาวฟูดินัน (Fudenun Battler)
นักสู้ นักรบ นักดาบ ผู้พิทักษ์ นักฆ่า หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่คุณจะเรียก และใช่มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก มันไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่าผมเกิดมาเพื่อรบ เพื่อต่อสู้ เพื่อสิ่งที่ล้ำค่าที่คู่ควรต่อการปกป้อง ทั้งเพื่อนพ้องร่วมเผ่า ทั้งดินแดนผืนดินนี้ และใช่
รวมถึง ชีวิตของผมด้วย
ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ใช่
ผมกำลังต่อสู้ สู้รบอยู่ในสมรภูมิเลือดแห่งนี้ ในสถานที่ที่ถูกเรียกว่าป่าทมิฬ (Black Wood)
และ ใช่ ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมยังมีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ร่วมเป็นร่วมตายสู้รบในศึกครั้งนี้ด้วย
เพื่อนผมที่ร่วมสู้รบที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขผมจนถึงเมื่อครู่นี้ ใช่ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของเขาจะขาดหายไป
จากฝีมือของ ปีศาจ
ใช่ คู่ต่อสู้ของผมไม่ใช่ มนุษย์ เซนทอร์ การูด้า หรือแม้แต่พวกเผ่าสมิงในป่าแห่งนี้
หากแต่เป็น ปีศาจ ปีศาจจริง ๆ ตัวเป็น ๆ ที่มิมีผู้ใดรู้ว่ามันมาจากไหน หรือบุกมาที่ฟูดินันนี้ด้วยจุดประสงค์อันใด
แต่อย่างหนึ่งที่พวกเรารู้คือ
ความมุ่งร้ายของพวกมัน
ดาบสุดท้ายของผมฟันแหวกผ่าอากาศ ฉีกร่างของพวกมันเป็นชิ้น ๆ จนหมด
แต่ไม่ ฝันร้ายยังไม่จบ
เสียง
เสียงร้อง
เสียงโหยหวน
เสียงร้องโหยหวนที่กรีดร้องดังไปจนถึงจิตวิญญาณ
เสียงที่ดังมาจากส่วนอันมืดมิดของป่า
เสียง
ที่กรีดกระชากวิญญาณของพวกเราลงไปทีละคน
เกรย์ แลนด์ดัส ลูบิดัส จีออฟ และเพื่อน ๆ ผมอีกหลายคนที่ผมยังจำชื่อและใบหน้าของพวกเขาได้
ค่อย ๆ ล้มตายลงทีละคน ๆ ๆ จากเสียงกรัดร้องกระชากวิญญาณนั้น
และ ใช่ ผมก็เป็นอีกคนที่รู้ตัวดีว่าตัวเองก็ไม่อาจยืนยัดต่อต้านเสียงนั้นได้นานนัก
ดังนั้นก่อนที่พวกพ้องของผมจะตายหมด ซึ่งหมายถึงความพ่ายแพ้ของพวกเรา
ผมได้ตัดสินใจวิ่ง วิ่ง เข้าไปในมุมมืดของป่า
วิ่งเข้าไปหาต้นกำเนิดของเสียงกรีดร้องนั้น
ปีศาจ
ใช่ปีศาจ ไม่ซินางปีศาจมากกว่า
นางปีศาจอีกนางหนึ่ง รูปร่างซีดขาวซีดเซียว เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ พริ้วตามลม ดวงตาอันไร้ซึ่งแววใด ๆ
ส่งเสียงกรีดร้องกระชากวิญญาณโหยหวนออกมา
ผมรู้ดีว่าวินาทีนั้นผมควรจะทำอย่างไร
ดาบของผมถูกฟาดฟันลงไปอีกครั้งหนึ่ง โดยมีเป้าหมายที่นางปีศาจตนนั้น
ดาบที่แหวกอากาศฟันออกไปและดูเหมือนมันจะได้ผล นางปีศาจท่าทางบาดเจ็บไม่น้อยแต่มันก็หาหยุดกรีดร้องไม่
กลับกันมันกรีดร้องดังขึ้นกว่าเดิมเสียอีก บางทีอาจเป็นความกรีดร้องที่รวมความแค้นและความเจ็บปวดเข้าด้วยกันไปด้วย
แต่ผมหยุดไม่ได้แล้ว เพราะถ้าผมยังมัวชักช้าอยู่ วิญญาณของผมคงลอยออกจากร่างไปเฉกเช่นคนอื่น ๆ ด้วย
ดาบของผมแหวกอากาศฟันซ้ำลงอีกครั้ง อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้นางปีศาจหยุดกรีดร้องได้
แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะปลิดชีวิตนางปีศาจได้ลง บางสิ่งบางอย่างได้เกิดขึ้น อย่างไม่มีใครคาดฝันมาก่อน
วงเวทย์ขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นล้อมรอบนางปีศาจนั้น และ
สูบวิญญาณของนางปีศาจนั้น !!!!!
แม้ผมจะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแต่ผมก็เคยได้ยินถึงปรากฏการณ์นี้มาจากผู้เฒ่าวูจิน (Woojin, the Elder)
สิ่งที่คนโบราณเคยทำเพื่อแลกกับพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีค่าตอบแทนเหนือสิ่งที่สังเวยไป มันคือการ บูชายัญ (sacrifice)
ผมไม่รู้ว่าใครทำเช่นนี้กับนางปีศาจตนนั้น ผมควรจะขอบใจเขาที่ช่วยฆ่ามันให้ใช่ไหม ?
แต่เปล่าเลย ใครบางคนได้ใช้นางปีศาจตนนี้เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง
หมากที่เมื่อหมดประโยชน์ลงแล้วก็ถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่าราวกับเกลือที่ได้สูญเสียความเค็มไปแล้ว ก็ไม่มีค่าอันใดนอกจากจะถูกโยนทิ้งและเป็นที่ย่ำเหยียบ แต่หากจะมีสิ่งใดที่นางปีศาจตนนี้ได้กระทำก่อนจะตายไปละก็ ก็คงเป็นในแง่เหยื่อบูชายัญนั่นเอง
ฝันร้าย
ฝันร้ายที่น่ากลัวกว่าที่ผมเคยเจอมาทั้งหมด
ฝันร้ายที่ยิ่งกว่าสถานการณ์การบุกโจมตีของฝูงปีศาจ
ฝันร้ายที่น่าสยดสยองกว่าเสียงกรีดร้องของนางปีศาจตนนี้
ฝันร้ายที่ก่อตัวเป็นรูปร่างเหนือน่านฟ้าแห่งป่าทมิฬ
ฝันร้าย กับปีศาจขนาดยักษ์สีเขียวที่ผุดขึ้นมาจากนรกผ่านเครื่องสังเวยในการอัญเชิญ
ปีศาจสีเขียวขนาดยักษ์ นัยน์ตาแดง ปากเปิดกว้างกับเคี้ยวที่คมกริบ ขณะที่ร่างกายมีเพียงครึ่งท่อนและถูกพันธนการไว้ส่วนหนึ่งด้วยโซ่สีเงิน ราวกับถูกจองจำในนรกมาอย่างช้านาน และใช่บัดนี้มันได้รับการปลดปล่อยเข้ามาในมิติของโลก Terra ผ่านเครื่องสังเวยนั้นแล้ว
เจ้าปีศาจยักษ์ตัวนั้นขู่คำรามส่งเสียงคุกคามก้องไปทั่วพื้นที่ป่าทมิฬ และ ผืนป่าฟูดินันแห่งนี้
ก่อนจะเริ่มอาละวาดฟาดโซ่ และ แขนอันใหญ่โตของมันไปทั่วผืนป่าแห่งนี้
ผืนป่าทั้งหมดถึงกับสั่นสะเทือน ส่วนผืนดินถึงกับสั่นสะท้าน ราวกับเป็นบทโหมโรงให้กับจุดจบของดินแดนแห่งนี้
ตอนนี้เหลือผมเพียงคนเดียว
ใช่ ผมรู้ตัวก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อน ๆ ของผมทุกคนได้จากไปหมดแล้ว
และผมเป็นนักรบคนสุดท้าย เป็นความหวังทั้งหมด
เพราะถ้าผมตายลงไปเมื่อไหร่ ย่อมหมายความถึงความพ่ายแพ้ของศึกในครั้งนี้ด้วย
ความพ่ายแพ้ของเผ่า ของเกียรติยศแห่งฟูดินัน และแน่นอนของตัวผมด้วย
ผม
ผม จะถอยไม่ได้แล้ว
ผมต้องไม่ทำให้ทุกสิ่งสูญเปล่าแม้จะเหลือเพียงตัวคนเดียวก็ตาม
ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ของผมยังอยู่ ยังอยู่ในหัวใจผม และพร้อมที่จะส่งแรงใจให้ผมพิชิตเข้าปีศาจตัวนี้ให้ได้
เมื่อคิดได้ดังนี้ผมตัดสินใจขั้นเด็ดขาดด้วยการหยิบถุงอะไรบางอย่างออกมาจากกางเกง
ถุงที่บรรจุอาคมมนต์ดำที่ได้รับมาจากชาแมนของเผ่า (Fudenun Shaman) ก่อนที่จะมาร่วมรบในศึกครั้งนี้
ถุงที่เป็นความหวังสุดท้ายที่ได้รับกำชับมาว่าให้เปิดตอนวิกฤตจริง ๆ เท่านั้น และนั่นคือเวลานี้แล้ว
ทันทีที่ถุงนี้เปิดออก ก็ปรากฏวงเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นเหนือผม วงเวทย์สีม่วงดำที่หมุนวนไปมาค่อย ๆ กินท้องฟ้ารอบด้านเป็นสีดำพร้อม ๆ กับการปรากฏร่างของบุรุษผู้หนึ่ง ผู้สวมเกราะสีม่วงนั่งบนรถศึก คุมบังเหียนควบคุมม้าฝันร้าย (Nightmare) ให้ควบออกมาจากโลกอันมืดมิดเบื้องหลังนั้น บุรุษผู้นั้นควบรถศึกมุ่งไปข้างหน้า ควบไปบนท้องฟ้ายามราตรี ควบตรงไปหาเจ้าปีศาจยักษ์ตัวนั้น พร้อม ๆ กับได้นำพาแสงสีม่วงตามมาด้วย
แสงสีม่วงนั้นไม่ใช่แค่แสงธรรมดา
แต่เป็นแสงที่เป็นรูปร่างของคน !!!!!!
และรูปร่างของแสงพวกนั้นผมจำได้ดี
ริพอายส์ เลโอนัลด์ จิโอนอร์ส และอีกหลาย ๆ คน
เพื่อนร่วมรบได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งหมดจากศึกครั้งนี้
เพื่อนของผมทั้งหมดกลับมาแล้ว กลับมาในรูปวิญญาณงั้นหรือ ?
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพื่อนของผมทั้งหมดในรูปของแสงสีม่วงนั้นได้เหาะตามบุรุษผู้ควบรถศึกไปเบื้องหน้า
มุ่งหน้าไปหาเจ้าปีศาจยักษ์ตัวนั้น และ รุมเกาะที่ตัวของมัน
เจ้าปีศาจยักษ์ตัวนั้นพยายามดิ้นพล่าน ฟาดแขนและโซ่ของมันใส่วิญญาณเหล่านั้น แต่กลับไร้ผลจนดูเหมือนว่าทั้งหมดเป็นการดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์เสียมากกว่า
ผมเข้าใจดีว่านี่คือโอกาส
โอกาส ใช่ โอกาส
โอกาสแห่งปาฏิหารย์ที่เพื่อน ๆ ของผมสร้างให้กับผม
โอกาสที่ผมไม่มีวันปล่อยไปเฉย ๆ แน่
ผมวิ่ง
เริ่มต้นวิ่งขึ้นอีกครั้ง
วิ่งด้วยความหวังและหัวใจที่เต็มเปี่ยมจนล้นปรี่ราวกับจะบินได้
ขาที่ซอยยิกราวกับมีปีกเล็ก ๆ ติดอยู่
แขนที่เบาราวกับปุยนุ่นและยกดาบขนาดใหญ่ได้โดยไม่รู้สึกหนักอะไรเลย
และแล้วร่างกายที่ได้พลังใจมาเกินร้อยนั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศจากการถีบตัวสุดแรงเกิด
ดาบเหล็กกล้าที่ใหญ่โตที่ถูกยกขึ้นจนสุดแรง และ
.
ฟาดฟันแหวกอากาศลงไปเป็นครั้งสุดท้าย !!!!!!!!!!!!
ราวกับความเงียบก่อนพายุใหญ่ ทันทีที่เสียงแหวกอากาศของดาบที่ฟาดฟันลงไปจบลง
ก็มีเพียงเสียงตกกระทบพื้นของร่างของโทไบแอสเท่านั้น
แสง
แสง
แสงสีขาวกระจายไปทั่วจากร่างของเจ้าปีศาจตัวใหญ่นั้น
แสงที่ทะลุทะลวงออกมาจากทุกส่วนของร่างกายของมันที่กำลังแตกสลายเป็นชิ้น ๆ ราวกับกระจกที่แตกร้าวด้วยความเย็นจัดหลังเจอความร้อน แสงทะลุทะลวงออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดร่างของเจ้าปีศาจนั้นก็แตกสลายเป็นชิ้น ๆ จากการปะทุด้านในของแสงสว่าง และหายไปกับรัตติกาลของป่าทมิฬ
บุรุษเกราะสีม่วงควบม้าศึกกลับเข้าไปในมิติสีดำที่ถูกเปิดออกมาด้วยผลของวงเวทย์มนต์ดำ พร้อม ๆ กับลากพาวิญญาณทั้งหลายกลับไปด้วย สีหน้าทั้งหมดของดวงวิญญาณเพื่อน ๆ ผมแจ่มชัดจนผมสามารถสัมผัสได้ และใช่ แม้จะไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปาก แต่ทั้งหมดก็สามารถสื่อออกมาได้โดยไม่ต้องการคำพูดหรือคำบรรยายใด ๆ เลย
เพื่อนทุกคน ผมทำสำเร็จแล้ว ผมปกป้องดินแดนของเราจากพวกปีศาจไว้ได้แล้ว
การสูญเสียทั้งหมดที่ไม่สูญเปล่า เพราะผมผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากศึกในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วถึงชัยชนะของพวกเราทุกคน ชัยชนะของชาวฟูดินัน และแน่นอนชัยชนะของผมด้วย !!!!
โทไบแอสถือดาบของเขาทอดไปทางด้านหลัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกจากสมรภูมิเลือดแห่งนี้กลับไปยังหมู่บ้านของชาวฟูดินัน เพื่อประกาศถึงชัยชนะของทุกคน และแน่นอนต้องแวะขอบคุณแม่หมอชาแมนด้วยถึงของขลังที่เธอได้ให้มา
ไกลออกไป ไกลออกไป ไกลออกไป
ใครบางคนได้ Disconnected ออกจากระบบ ก่อนจะค่อย ๆ เอาร่างกายออกมาจากเครื่องมือกลไกที่รายล้อมรอบตัว
ในสถานที่ที่ดูไฮเทคและเต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย ในโลกที่เหนือกว่าจินตนการ ในยุคของอนาคตอันห่างไกลนั่นเอง ชายผู้นั้นได้หันไปมองยังหน้าจอ screen ที่ได้สรุปผลทั้งหมดออกมา
[Fudenun Battler VS Unholy Gargoyle]
[Fudenun Guard VS Screak]
[Fudenun Battler VS Screak]
Unholy Gargoyle Moved to Shrine
Fudenun Guard Moved to Shrine
Screak Moved to Shrine
Opponent cast [Black Wood Forest]
Unable to attack target in Df Line
[Benshee] combines with Unholy Gargoyle
[Benshee] uses skill [Death Curse]
target [Fudenun Battler] DEAD
Player cast [Holy Prayer] on [Tobias, the Fudenun Battler]
[Tobias] cancel [Death Curse]
[Tobias] attacks [Benshee]
Opponent command [Zophos] uses skill from hand
Sacrifice [Benshee] ; bring Zophos into Arena
Player cast [Hades]
[Player Shrine 14 ; number of seals in shrine = 9]
[Zophos] At 9 [9 9 = 0 ]
[Zophos] At = 0
[Tobias] VS [Zophos]
[Zophos] was defeated
.!!!
YOU WIN !!!!
เกือบไปเหมือนกัน แต่ดีที่มี Hades เลยผลิกเกมได้ ฟู่ แต่ก็สนุกไม่เลวแฮะรอบนี้ แบบนี้เนื้อเรื่องทางฝั่งฟูดินันก็น่าจะมีผลเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียวซินะ หวังว่าอีกไม่นาน point เราคงจะมากพอจะ download Rare Card ใหม่ ๆ มาได้บ้างนะ
ตอนนี้คงไปเชื่อมต่อกับ Cybernetwork [WISER] เพื่อติดตามข่าวสารใหม่ ๆ และ download [Promo Card] ใหม่ ๆ มาก่อนดีกว่า
ทันที่พูดจบ ชายผู้นั้นก็เดินออกจากห้องเชื่อมต่อ ห้องที่เชื่อมเข้าสู่โลก [TERRA] ผ่านโปรแกรม [SYSTEM CODE SMN]
เข้าสู่โลกที่มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นจริง
ในโลกที่ข้อมูล DATA ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตัวละคร คน สัตว์ พืช มังกร แมลง เทพ มาร ตลอดจนสถานที่ อุปกรณ์ เวทมนตร์ คาถา ปรากฏการณ์ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในรูปแบบ file ข้อมูลในวัตถุแผ่นข้อมูลที่เรียกว่า [CARD] ผ่านผู้ควบคุมที่เรียกว่า [Player] ควบคุมข้อมูลแต่ละตัวในโลก Terra สร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาผ่านการดวลในแต่ละ match
นี่คือเรื่องราวของโลกอนาคต
โลกที่ผู้คนสร้างโลกอีกโลกหนึ่งขึ้นมาและควบคุมทั้งหมดในโลกนั้นผ่าน card ข้อมูล
คุณเคยคิดบ้างไหมว่าการเล่นการ์ดของคุณในแต่ละครั้งมีความหมายแค่ไหน
คุณเคยคิดบ้างไหมว่าการเล่นการ์ดของคุณแต่ละครั้งเป็นการสร้างเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
คุณเคยคิดบ้างไหมว่าชะตาชีวิตของพวกตัวละครในการืดแต่ละใบอยู่ในมือของคุณ
คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคุณจะมีอิทธิพลต่อโลกโลกหนึ่งได้ราวกับเป็นพระเจ้า ที่กำหนดเรื่องราวความเป็นไปผ่านการเล่นการ์ดแต่ละครั้งของคุณได้
นี่คือโลกที่การเล่นการ์ดเป็นมากกว่าการเล่นการ์ดธรรมดา
โลกที่ชะตาชีวิต ชะตากรรมของอีกโลกหนึ่งอยู่ในมือของผู้เล่นแต่ละคน
โลกที่ความเป็นไปถูกควบคุมจากอีกโลกหนึ่ง
โลกที่ประวัติศาสตร์ถูกวาดขึ้นมาผ่านการ์ด
นี่คือโลกแห่งระบบ
[SYSTEM CODE SMN]
โลกที่เกิดมาจากการ์ด และทุกอย่างเป็นไปด้วยการ์ด !!!!!!SYSTEM CODE SMN
Episode I La Praelusionis
to be continued
.โปรดติดตาม Chapter 1 การเปิดตัวของตัวเอกหนึ่งในผู้สร้างประวัติศาสตร์แห่ง Merrisia ผ่านการเล่นการ์ด ได้เร็ว ๆ นี้