Chapter 21 สัญญาณจากสวรรค์
ณ กระโจมที่ซึ่งเหล่าแม่ทัพนายกองแห่งอาณาจักรซาโลมกำลังชุมนุมกันอยู่ บรรยากาศภายในนั้นชวนให้อึดอัดและตึงเครียดยิ่งนัก ไม่มีใครกล้าปริปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแม้เพียงสักคนเดียว
หน้าบัลลังก์ที่ประทับ ราชินีแห่งซาโลมยืนขบกรามแน่น มือของนางกำคฑาคู่ใจไว้แน่นจนนิ้วทั้งห้านั้นซีดขาว ความรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาหานางจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ่ม ทั้งอับอายขายหน้าสามีและข้าราชบริพาร ทั้งโกรธแค้นชาวฟูดินัน ทั้งใจหายที่จะไม่ได้กลับไปพบหน้าลูกชายได้ดั่งใจหมาย ภาพเปลวเพลิงที่ค่อยๆมอดดับยังความอัปยศเหลือที่จะกล่าว เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจของบรรดาชาวป่าที่ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งป่าเป็นดั่งคำสบประมาทและท้าทายนาง
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เราคงต้องเปลี่ยนแผนการรบเสียใหม่ อุปราชเฒ่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในที่สุด
เนอริมอร์หันควับไปจ้องบลาสเซจด้วยสายตาเกรี้ยวกราดทันที สิ่งที่จะปกปิดความอัปยศอดสูของนางได้ดีที่สุดก็ไม่พ้นความเกรี้ยวกราดของนางนั่นเองและมันก็ใช้ได้ผลดีมากเสียด้วย เพราะบรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็ไม่มีใครกล้าสบตากับนางแม้เพียงสักคนเดียว ข้างซาดินเองก็อึดอัดใจอยู่มิใช่น้อย เมื่อเห็นได้ชัดว่านางพร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ใครก็ตามที่พลาดท่าจุดชนวนในครั้งนี้
เอาเถิดเนอริมอร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเจ้าของพวกมันช่วยเหลือแล้ว มีรึที่พวกมันจะอาจหาญต่อกรกับเราได้ อารมณ์ของซาดินเองก็เริ่มที่จะคุกรุ่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บัดซบนัก! ข้าเองก็รบทัพจับศึกมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่มีครั้งนี้แหละที่จะต้องมาสู้กับเทพเจ้า ไอ้ต้นไม้บ้านั่น...ข้ารึสู้อุตส่าห์คิดสารพัดวิธีกว่าที่จะผ่านไอ้มังกรสองหัวงี่เง่านั่นได้ ยังต้องมาเจอกับไอ้ต้นไม้บ้านี่อีก นี่มันอะไรกันนักหนานะ
ทุกคนในที่ประชุมต่างเงียบกริบเมื่อได้ฟังกษัตริย์ของตนกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกของแต่ละคนก็แตกต่างประสมปนเปกันไป ทั้งโกรธแค้นตามผู้นำของตน บ้างก็กลัวโทสะที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนของซาดิน บ้างก็รู้สึกสิ้นหวังในการรบที่แทบจะไม่เห็นหนทางชนะในครั้งนี้
ฝ่าบาท นี่อาจจะเป็นชะตาที่ฟ้ากำหนดให้พวกฟูดินันได้ครองดินแดนที่อุดมสมบูรณ์นี้ พวกมันถึงได้มีเทพเจ้ามากมายคอยช่วยเหลือ... บลาสเซจกล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องสะดุดสุดตัวเมื่อซาดินโกรธจนใช้แขนฟาดโต๊ะที่อยู่ข้างกายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาถตัวเองทึงจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า
ชะตาฟ้าบ้าบออะไรกัน!! ข้านี่แหละจะเป็นผู้เปลี่ยนชะตาเอง หุบปากของเจ้าซะแล้วใช้สมองคิดแผนการรบใหม่เสียที กษัตริย์หนุ่มหันไปทางภรรยาของตนแล้วกล่าวว่า เจ้าก็อย่าหัวเสียให้มากนักเลย มาช่วยกันคิดแผนบุกพวกมันใหม่จะดีกว่า
ริ้วแห่งความกระดากและตระหนกปรากฎบนสีหน้าของราชินีแห่งซาโลมเล็กน้อยก่อนที่นางจะก้าวขึ้นที่ประทับที่ถูกจัดเตรียมไว้ เนอริมอร์เองก็รับอารมณ์โกรธที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสามีไม่ทันจนนางลืมความโกรธของตัวเองไปเสียสนิท เวลานี้อารมณ์ที่สับสนปนเปผนวกกับความเหนื่อยล้าทำให้นางอยากจะกลับที่พักและซ่อนตัวอยู่ในกระโจม มากกว่าจะมานั่งที่ประชุมเพื่อตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าข้าราชบริพารอยู่เช่นนี้
เนอริมอร์!
เนอริมอร์หันไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ ซาดินนั่นเองที่เป็นคนเรียกนาง เขามองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจและรวมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย นี่นางนั่งใจลอยไปนานเท่าไรกัน
เจ้าพร้อมที่จะฟังรึยัง ซาดินถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก เนอริมอร์รีบพยักหน้ารับ อุปราชเฒ่าจึงเริ่มต้นกล่าวสรุปแผนการทั้งหมด
เป็นอันว่าเราจะบุกฟีเลเซียโดยเริ่มโจมตีตามตะเข็บชายแดนที่ติดกับเทือกเขาคีรีบันดา บลาสเซจใช้ไม้ปลายแหลมชี้ไปตามหัวเมืองต่างๆที่อยู่ตามแนวชายแดนของฟีเลเซีย เราจะตียาวไปจนสุดชายฝั่งเพื่อตัดขาดการติดต่อระหว่างฟูดินันและฟีเลเซีย แล้วเริ่มตีโอบฟีเลเซียเป็นหน้ากระดานพร้อมกัน นี่จะทำให้พวกฟีเลเซียรวมทัพใหญ่ได้ลำบากมากขึ้นเพราะต้องแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไว้ป้องกันหัวเมืองของตนเอง การโจมตีในครั้งนี้ต้องรุกให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้พวกฟีเลเซียจัดทัพได้ทัน ดังนั้นเราจะต้องยึดแต่ละหัวเมืองให้ได้โดยไม่ควรใช้เวลาเกินเมืองละสามวัน
เกิดเสียงถกเถียงขึ้นในหมู่แม่ทัพนายกองทันทีที่สิ้นคำของบลาสเซจ
มันจะไม่ไหวเอานะท่านอุปราช ถ้าทำเช่นนั้นทหารก็แทบจะไม่ได้หยุดพักเลย แล้วจะรบกันไหวได้อย่างไร แม่ทัพคนหนึ่งท้วงขึ้น ���