Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม
หกปีต่อมาหลังจากที่ซาดินวางแผนบุกยึดทวีปเมอริเซีย ซาโลมก็กำลังตกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความสลดหดหู่และเสียงร่ำไห้ของบรรดาหญิงสาวที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกชายในวัยกำลังโตให้กับกองทัพ ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพต้องถูกฝึกอย่างหนักแทบไม่ได้กินได้นอน เด็กๆจำนวนมากมายต้องตายลงเนื่องจากการฝึกที่แสนโหดร้ายทารุณของกองทัพ ส่วนเด็กๆที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการฝึกหฤโหดนี้ก็ดูราวกับว่าความสดใสร่าเริงของวัยเด็กได้ตายจากพวกเขาไปเสียแล้ว กลับกลายเป็นผู้ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความอ่อนไหว ไร้ชีวิตจิตใจ มีชีวิตอยู่เพื่อห้ำหั่นศัตรูเท่านั้น ในขณะที่กองทัพเองก็เริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองในด้านงบประมาณ แม้ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่เพียงพอ
ภายในท้องพระโรงในปราสาทแห่งซาโลม ซาดินกำลังออกว่าราชการตามปกติ เหล่าทหารและเสนาบดีต่างอยู่กันพร้อมหน้า
เรื่องสมบัติโบราณในถ้ำวงกตใต้ภูเขาไฟนั้น บัดนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างท่านนาริส ซาดิน เอ่ยถามพลางหันหน้าไปทาง อำมาตย์เฒ่า
กองทัพที่ส่งไปไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลยฝ่าบาท นาริส โค้งศีรษะลงก่อนจะตอบ
อะไรกัน !! นี่เป็นกองทัพที่สามแล้วนะ ข้าเสียเวลากับถ้ำนี้มากว่าปีแล้ว ในนั้นมันมีสิ่งชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่ ข้าอยากรู้นัก ซาดิน พูดเสียงกร้าวพร้อมกับขบฟันแน่น
พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมเห็นว่าเราอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ด้วยวิธีนี้อีกเลย เราสูญเสียกำลังทหารไปกับถ้ำนี้มิใช่น้อยเลยนะฝ่าบาท แล้วอีกอย่างถ้ำนี้จะมีสมบัติอยู่จริงรึไม่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจจะเป็นแค่คำพูดโคมลอยของมหาอุปราชเท่านั้นก็เป็นได้ นาริส ทูลแฝงคำเหน็บแนม บลาส เซจ อยู่ในที
ซาดินนิ่งเงียบอารมณ์ยังคงคุกรุ่น ในขณะที่บลาส เซจเองก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขาหรี่เล็ก สักพักจึงค่อยๆแสยะยิ้ม ถ้าเช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่เสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเลยเล่า
ซาดินหันควับไปทางบลาส เซจทันที ในขณะที่คนอื่นๆในท้องพระโรงส่งเสียงคัดค้านเสียงดังเซ็งแซ่
รู้สึกว่าท่านมหาอุปราชชอบมีความคิดแปลกประหลาดพิสดารเกินปกติอยู่เสมอ บ่อยครั้งเหลือเกินที่ข้าสงสัยในเจตนาของท่าน ซึ่งครั้งนี้ข้าคงต้องขอฟังคำชี้แจงของท่านเสียหน่อยแล้ว นาริส กล่าวยิ้มพลางโค้งให้น้อยๆ
บลาส เซจกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะโค้งให้ซาดินทูลว่า ฝ่าบาท ข้าพระองค์มั่นใจว่าภายในถ้ำลึกลับนั้นต้องมีสมบัติอยู่แน่นอน หากแต่กองทัพที่ท่านนาริสส่งไปล้วนแล้วแต่อ่อนด้อยฝีมือทั้งนั้น แม้แต่ตัวท่านนาริสเองบัดนี้ยังถอดใจมิหมายจะบุกถ้ำอีก ทั้งหากยังคงส่งทหารด้อยฝีมือไปก็รังแต่จะเสียเวลาเสียการณ์ไปเปล่าๆ เช่นนี้แล้วข้าพระองค์จึงเห็นว่าพระองค์ผู้ทรงเก่งกล้าสามารถน่าจะแสดงให้ท่านมหาอำมาตย์รวมถึงเหล่าทหารแห่งพระองค์ได้ประจักษ์เป็นขวัญตาถึงความห้าวหาญเก่งกาจของพระองค์
ท่านมหาอุปราชนี่ก็ช่างคิดเสียเหลือเกิน ในถิ่นที่ไม่รู้จักมักคุ้น อีกทั้งในนั้นมีสิ่งใดอยู่ก็มิอาจรู้ได้ กลับเสนอให้เจ้าเหนือหัวเข้าไป....
ท่านมหาอำมาตย์ก็พูดเกินไป จากที่ข้ารู้มา...ในถ้ำนั้นมันมีอะไรอยู่ท่านก็ใช่ว่าจะมิรู้ มิใช่หรือ
ท่านรู้หรือ ท่านนาริส ซาดินถามแทบจะทันทีด้วยสีหน้าฉงนระคนประหลาดใจ
นาริส ชะงักเล็กน้อยก่อนโค้งศีรษะตอบ ทูลฝ่าบาท ยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น หม่อมฉันมิอยากชี้เจาะจงให้แน่ใจในทันที
ว่ามา ซาดินโน้มตัวมาข้างหน้านั่งเท้าคาง มีสีหน้าสนอกสนใจ
จากบันทึกเก่าแก่ที่หม่อมฉันได้ค้นคว้ามา อารยธรรมโบราณบูชาภูเขาไฟดั่งเป็นเทพเจ้า ทุกๆปีจะมีพิธีบูชายัญมนุษย์ให้แก่มังกรที่เป็นพาหนะของเทพเจ้า ทั้งสภาพภูมิประเทศแถบนั้นมีภูเขาไฟอยู่มาก ปากถ้ำเทลาดลึกลงไปใต้ภูเขาไฟ อีกทั้งกองทัพได้รายงานมาก่อนจะบุกเข้าถ้ำว่าที่ปากถ้ำนั้นจะมีกลิ่นกำมะถันบางๆโชยออกมาเป็นระยะๆ หม่อมฉันสันนิษฐานว่าใต้ถ้ำนั้นอาจมี มังกรแมกม่า(Magma Dragon)อาศัยอยู่ และหากมีการซุกซ่อนสมบัติในนั้นจริงก็น่าจะมีสัตว์ประหลาดที่ชนเผ่าโบราณปล่อยเอาไว้ให้เฝ้าสมบัติ รวมไปถึงอาจจะมีการซ่อนกับดักกลไกกระจายอยู่ทั่วทั้งถ้ำ...