เค้ากับเค้า
เอ๊ะยังแปลกๆใจอยู่
จะอธิบายให้ฟัง
เค้า ในความหมายที่เจ้าของกระทู้เล่ามี 2 ความหมาย คำว่าเค้าตัวแรกเป็นคำที่ใช้เรียกแทนตัวเอง ***
เหมือนกับคำว่า เรา ตู ข้า เป็นภาษาพูดตามปกติ เช่น เค้าไปกินข้าวก่อนนะ เค้าคิดว่าไม่ดีนะ เป็นต้น
ส่วน เค้า ในความหมายที่สองก็คือสรรพนามบุรุษที่3(ถูกป่าวหว่า) เหมือนกับคำว่า มัน คนนั้น เจ้านั่น
เธอคนนั้น คนกลุ่มนั้น
เป็นภาษาพูดที่จะสับสนเมื่อผู้ใช้ก็ใช้คำว่าเค้าเรียกแทนตัวเองด้วยเช่น
เค้า(นายคนนั้น)
คงไม่มาสนใจเราหรอก ไปดูเค้า(คนกลุ่มนั้น)
แข่งกีฬากันไหม*** หมายเหตุ ผมก็ใช้อยู่!-_-
-----------------------------------------------------------------
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอเล่าเรื่องของตัวเองด้วยเลยดีกว่า
แต่ก่อนผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน(เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่) เดินไปไหนมาไหนคนเดียว ผิดกับคนอื่น ๆ ที่มักจะมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเองไปกินข้าวหรือทำการบ้านด้วยกัน ถ้าจะให้ผมให้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร ในตอนเด็กก็คงเป็นเพราะผมมีนิสัยชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว พอรู้ความขึ้นมาหน่อยก็เป็นเพราะผมเกลียดการอยู่ด้วยกันเป็นสังคม อยู่ด้วยกันก็ต้องมีการทะเลาะขัดแย้งกัน(ก็เลยไม่ค่อยคบใครมันซะเลย) บวกกับผมเป็นคนตามเพื่อนไม่เก่ง อยู่คนเดียวสบายกว่าก็เลยเป็นแบบนี้แหละ
จนมาช่วงหนึ่งประมาณต้น ๆ ม.2 เทอม2 ผมได้รู้จักกับเพื่อน 2 คน สมมติว่า A และ B พวกเราจะมาเล่นหมากรุกด้วยกันหลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน ทำให้ผมรู้สึกว่า 2 คนนี้เป็นเพื่อนของผมจริง ๆ พอขึ้นม.3 ผมได้อยู่ห้องเดียวกันกับ A ส่วน B อยู่อีกห้องหนึ่ง(หมดบทแล้ว ปัจจุบันยังเป็นเพื่อนกันอยู่) ม.3 เทอม1 สัปดาห์ก่อนสอบกลางภาค ผมไปซีเอ็ดเจอพรีคอนAzar กับAscensiano ก็เลยซื้อมาหัดเล่น(ตอนนั้นรู้แค่ว่าเล่นคล้าย ๆ กับยูกิ)พอมาโรงเรียนก็เอามาหัดเล่นกับA (ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นคาบสังคม น่าจะวันจันทร์หรืออังคาร) แล้วจากนั้นตอนเที่ยงกับหลังเลิกเรียนแทบทุกวัน(หรือจริง ๆ ก็คือทุกวัน)เราก็จะเอาพรีคอน 2 กล่องนี้มาเล่นกัน โดยผมจะเล่นAzarตลอด ส่วน A ก็จะเล่น Ascensiano ตลอด
จนในที่สุดก็จบ ม.3 เทอมแรกผมเริ่มคิดว่าผมรู้สึกยังไงกับAกันแน่ ไม่ต้องเสียเวลาคิดนานเสียงหัวใจบอกเลยว่าผมชอบA แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นแฟนกันนะแค่รู้เฉย ๆ ว่าชอบ ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ตอนเที่ยงกับตอนเย็นเป็นเวลาที่ผมจะได้อยู่กับAเพียง 2 คน แบบว่าเรียนวิชาไหนก็นั่งติดกัน ตอนเที่ยงคนไปกินข้าวกันหมดแล้วAอยู่เล่นการ์ดกับเราไม่ยอมไปกินข้าวเที่ยงเหมือนกับเรา(ลืมบอก แต่ก่อนผมไม่ชอบกินข้าวเที่ยง เดี๋ยวนี้ก็เป็นแต่กินขนมแทน) ตอนเย็นก็เดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน(คือไปเล่นการ์ด) เหมือนกับว่าเวลาว่างของเรามีคน ๆ นี้อยู่ด้วยตลอด ผมที่เคยอยู่คนเดียวมานานเจอแบบนี้เข้าไปก็ละลายดิ
ต้น ๆ ม.3 เทอม 2 แรก ๆ ก็ปกติดี(มั้ง)ต่อมาAก็ไปเล่นบาสกับเพื่อนตอนเที่ยง ผมก็มึน ๆ งง ๆ นิดหน่อย จากนั้นเราก็เริ่มห่าง ๆ กันไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังเล่นการ์ดกันบ้าง(พรีคอนSt.Agnes และMaradan ผมเล่นยูนิคอร์นอ่า)มียกboxบ้าง(ยกไปงั้นแหละ แค่จะเอาซองมาเปิดกับเพื่อนเฉย ๆ ) จนถึง ม.4 เราก็ยังอยู่ห้องเดียวกันอยู่ แต่ตอนนี้เราไม่ได้ตัวติดกันอีกแล้ว ตอนเที่ยงผมก็อยู่บนห้องคนเดียวของผม ส่วนAก็ไปอยู่กับเพื่อน ๆ ยังมีเหมือนเดิมบ้างคือนาน ๆ เล่นการ์ดและนั่งติดกันบางวิชา แต่ในความรู้สึกของผมมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ มันยังคงบอกว่าชอบAเหมือนเดิม
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เป็นช่วงเวลาคาบอังกฤษผมจำได้ว่ามีเหตุการณ์บางอย่างมากระตุ้นผม(คือผมจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้แล้ว) แต่ความรู้สึกประมาณว่าถ้าบอกชอบไปแล้วไม่สมหวังอย่างน้อยก็จะไม่เสียใจในภายหลัง หลังเลิกเรียนวันนั้นที่เราเดินกลับบ้านด้วยกัน ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอรถของA ผมก็ได้พูดออกไป ผมยังคงจำความรู้สึกและคำพูดในวันนั้นได้ชัดทุกพยางค์ ทุกพยางค์จริง ๆ นะ
A A เชื่อป่ะว่าเค้าชอบA
มันเป็นไปไม่ได้ ท่านชาญ(ชื่อเฉพาะที่เพื่อนในห้องบางคนชอบเรียก) เค้ามีดีอะไร(กับผม Aจะใช้แทนตัวเองว่าเค้าด้วย)
แล้วเราก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรอีก... จนผมพูดกับAว่า อย่าบอกพ่อกับแม่ของAนะ เดี๋ยวเค้าถูกฆ่า(คือพูดเล่น ๆ อ่ะ)
แล้ววันต่อมาเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย... แม้ในวิชาที่ได้นั่งติดกัน เราจะพูดเฉพาะเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น แล้วก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปจนจบ ม.4 พอขึ้น ม.5 เราก็อยู่กันคนละห้อง เรียกได้เลยว่าเราก็ต่างทำตัวเหมือนอีกคนไม่มีตัวตนอยู่ เวลาผมมีเหตุให้เดินไปใกล้ ๆ A ก็จะหาทางเดินหนี เป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ มาจนถึงช่วงต้นของ ม.6
หลังเลิกเรียนวันนั้นไปรษณีย์นำ Wiser HOE มาส่ง ผมมองไปยังที่ ๆ A นั่งรอรถอยู่ ผมก็เดินไปหา แล้วก็เอาWiserยื่นให้อ่าน แล้วก็พูดคุยกับAเหมือนกับเป็นปกติคือก่อนที่ผมจะบอกชอบ เราก็พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ผมก็เอาการ์ดมาเล่นกับAบ้าง ผมเล่นZadin ส่วนA เล่นAndre บางทีผมก็เอาSeraph มาเปลี่ยนเล่น ถามAว่าจะลองเล่นเด็คอื่นบ้างหรือเปล่าแต่Aก็จะเล่นAndreไม่ยอมเปลี่ยน ถึงแม้ตอนนี้เราจะอยู่คนละห้อง แต่นาน ๆ ทีก็ได้เล่นการ์ดบ้าง จนถึงวันแข่งขันวิชาการของโรงเรียนมีพ่อค้าเอาจี้ที่เป็นไม้มาขาย(ที่เขียนคำพูดลงไปได้) ผมอยากซื้ออะไรให้Aบ้าง ก็เลยซื้อรูปดาว 2 อันแต่ละอันจะมี 2 หน้า ผมกะว่าอันหนึ่งจะเป็นชื่อผมเอาไว้ใส่เอง ส่วนอีกอันจะเป็นชื่อA (คือชื่อเดียวกันทั้ง 2 หน้า) แล้วทีนี้พ่อค้าเข้าใจผิดเขียนด้านนึงเป็นชื่อผม ส่วนอีกด้านเป็นชื่อA (จริง ๆ ในใจผมก็อยากจะให้เป็นแบบนี้แหละ แต่มันจะเอาให้Aไม่ได้) พอผิดมาแล้วผมก็ปล่อยเลยตามเลย ส่วนจี้ไม้เนี่ยเขียนเสร็จลงสเปรย์เสร็จห้ามจับประมาณ 10 นาที ผมก็เลยเอาแขวนไว้ที่มือแล้วเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ดันไปเจอ A เดินอยู่กับ B A ขอจี้ไม้มาดูพลิกสองด้าน... ความสัมพันธ์ทางการทูตก็จบลง
แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด เราก็ยังคุยเป็นเพื่อนกันตามปกติอ่ะนะ ไม่ถึงขั้นไม่พูดกันเลย แต่ก็ไม่สนิทกันเท่าเดิม เป็นเพื่อนแบบอยู่ห่าง ๆ สด ๆ ร้อน ๆ วันนี้ไปลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนผมก็ยังเอาการ์ดไปเล่นกับA แต่เล่นได้ซักพักผมก็เห็นว่าAไม่ได้อยากเล่นกับผมเลย Aอยากให้จบเกมเพื่อจะไปเล่นเกมที่ร้านคอมกับเพื่อน ผมเลยบอกAว่าเก็บเลยก็ได้ เราก็เก็บการ์ด แล้วAก็ไปร้านคอม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมกล้าพูดได้เลยว่าความหมายในการเล่นการ์ดของผมก็คือA ไม่ว่าช่วงที่สนิทหรือไม่สนิท ผมก็ยังซื้อเด็ค ซื้อการ์ดเก็บสะสมเรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้ไปแข่งอะไร หรือแม้กระทั่งไม่ได้เล่นการ์ดเลยก็ตาม(บ้าป่ะ 555+) นอกนั้นก็ติดตามWiser เข้าบอร์ดนี้ ทุกปีก็ยังไปแข่งวันที่มีโควต้า(และตกรอบแรกทุกครั้ง)
ผมไม่ได้อยากบอกหรอกว่าย่อหน้านี้เป็นย่อหน้าจบ เพราะชีวิตผมก็ยังดำเนินต่อไปอ่ะนะ ความเข้าใจของผมตอนนี้คือ Aก็แค่อยากอยู่กับเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสนุก ทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ อย่างที่ควรจะเป็น มีแต่ผมเองที่คิดหวังเกินไปฝ่ายเดียว Aไม่ผิด ผมก็ไม่ผิด เพียงแต่เรามีหนทางที่เดินมาเจอกันเหมือนกับที่เราต้องเจอคนอื่น ๆ ในสังคม เมื่อเข้าใจกันได้กลายเป็นเพื่อนกันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
ขออีกซักย่อหน้าเถอะคุณเจ้าของกระทู้ฟังผมนะ ผมเคยคิดว่าทำไมผมถึงไม่ได้เป็นแฟนกับA หรือว่าเราพยายามไม่มากพอ แต่เมื่อถึงที่สุดตบมือข้างเดียวไม่ดังความรักกับคน ๆ นี้มันไม่ใช่ ยังไงมันก็ไม่ใช่ ขอให้คุณคิดถึงใครคนหนึ่งในอนาคต คนที่จะมาเป็นแฟนกับคุณไม่ว่าหญิงหรือชาย ถ้าเรายังยึดติดกับคนเก่าที่ไม่ใช่ เราจะทำลายโอกาสที่เราจะได้เจอกับคน ๆ นั้นที่ใช่กับเราจริง ๆ สู้ ๆ สู้ต่อไป
ปล. จะมีใครอ่านไหมเนี่ย ยาวซะขนาดนี้!-_-