Summoner Master Forum
November 28, 2024, 07:00:49 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: Sicarus, the Labyrinth of Destiny  (Read 3939 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« on: September 21, 2007, 11:34:42 PM »

ณ โทร่า ทวีปที่เล็กที่สุดในTerra เป็นแผ่นดินที่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าดวง ด้วยความที่เขตตะวันออกสุดของTerraนั้นมีสภาพอากาศที่สุดจะหยั่งถึงและแปรปรวน โทร่าจึงมีฤดูร้อนอันแห้งแล้งที่อาจยาวนานเพียง3วันหรือมากถึง3ปี ลมมรสุมรุนแรงที่ไม่มีทิศทางแน่นอน ทะเลที่แปรปรวน ฤดูกาลอุดมสมบูรณ์ที่มีฝน แดด และความเย็นอย่างพอดีที่ยาวนานเป็นปี พายุทรายและพายุหิมะที่เกิดขึ้นในที่เดียวกันวันเดียวกันและปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดหยั่งถึงอีกมากมายเหลือคนานับ

ประชากรบนผืนแผ่นดินนี้ต่างมีวิถีชีวิตที่แปลกประหลาดเพราะความไม่แน่นอนทางสภาพอากาศของทวีปโทร่า ด้วยความเชื่อพื้นเมืองและสภาพอากาศอันสุดจะคาดเดาของทวีปโทร่าต่างเป็นจุดเพาะบ่มให้ชนพื้นเมืองของโทร่าต่างยึดติดกับดวง ชะตากรรมและโชคอย่างช่วยไม่ได้ ศาสตร์การพยากรณ์ที่แม่นยำดุจเห็นจริงนับ10สาขาถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างไม่หยุดหยั้ง

แน่นอนว่าดวงย่อมมากับการพนัน ชาวโทร่าต่างมีวิถีชีวิตทีค่อยู่คู่ขนานมากับการวัดดวงและการพนันและโชคลาภมานับตั้งแต่อดีตกาล แม้แต่คำสอนและสำนวนสุภาษิตของชาวโทร่าล้วนผูกติดกับความเชื่อเรื่องดวง!

ในอดีตกาล เคยมีเรื่องเล่าว่าแผ่นดินโทร่านั้นเป็นแผ่นดินที่ใหญ่ที่สุดในterraและถูกปกครองด้วยเหล่าจอมเวทย์ผู้ชักนำชะตากรรม ลูกหลานของบรรดาเทพีแห่งโชคชะตา พวกเขาคอยชักนำเหตุการณ์ธรรมชาติและชะตาชีวิตของผืนแผ่นดินและผู้คน มันนำความสุขมาสู่ผู้คน ฤดูกาลแห่งความสมบูรณ์ที่ยาวนานนับศตวรรษและภัยธรรมชาติที่ไม่เคยอุบัติ ภายใต้ข้อห้ามแห่งชะตากรรมเพียงสองข้อ "ชะตากรรมจักต้องไม่ถูกฉุดกระชาก หากแต่จงชักนำมัน"และ "ชะตาของแผ่นดินและคนของมันคือชะตาประเภทเดียวที่มนุษย์จักยื่นมือเข้ามาได้"

แต่อะไรที่มีขึ้นก็ต้องมีลง หลังจาก580ปีแห่งยุคทองของโทร่า ตัวทวีปโทร่านั้นต้องมาถึงจุดสิ้นสุดลงเมื่อบรรดาผู้ชักนำชะตากรรมได้ใช้พลังมหาศาลของพวกตนสร้างข่ายมนต์คุมชะตาเพื่อควบคุมควบคุมกระแสแห่งโชคลาภแบบเบ็ดเสร็จ หวังที่จะเข้าควบคุมชะตาของโลกแทนเทพเจ้าซะเอง แต่ทันทีที่ข่ายมนต์นั้นสำเร็จก็ได้เกิดอาเพศขึ้นเพราะสมดุลของชะตากรรมแห่งตัวTerraถูกบิดเบือน ภัยธรรมชาติที่วิปริตผิดธรรมดาเกิดขึ้นทุกหนแห่งบนโทร่า แผ่นดินโทร่าถูกฉีกขาด ทะเลทรายที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเข้ามาแทนที่ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ผืนป่ากว้างใหญ่ถูกมหาสมุทรกลืนกิน ผู้คนบนโทร่าล้มตายเป็นอันมาก บรรดาผู้ชักนำชะตากรรมต่างล้มตายไปจนหมดเพราะการบิดเบือนข้อห้าม

บรรดาเทพีแห่งชะตากรรมบนสวงสวรรค์ต่างเศร้าศร้อยกับโชคชะตาของลูกหลานของตนเองและประชากรบนผืนแผ่นดินโทร่าที่เกิดขึ้นเพราะการละเมิดข้อห้ามของบรรดาผู้ชักนำชะตากรรม แต่อะไรที่เกิดไปแล้วไม่สามารถถูกแก้ได้ พวกนางจึงได้ปฏิยานตนไม่สร้างมนุษย์ที่สามารถควบคุมชะตาได้ขึ้นมาอีก พร้อมทั้งยังทำลายข่ายมนต์ทิ้ง โดยเหลือไว้เพียงอำนาจแห่งชะตากรรมส่วนหนึ่งไว้คุ้มครองโทร่าเท่านั้น
« Last Edit: September 22, 2007, 05:31:53 PM by Moonshiny Doll » Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #1 on: September 22, 2007, 12:11:36 AM »

เรื่องราวดังกล่าวเปลี่ยนจากประวัติศาสตร์เป็นตำนาน จากตำนานเป็นเรื่องเล่า สุดท้ายมันก็ถูกลืมเลือนไปจากชาวโทร่าในที่สุด สิ่งที่เหลือจากตำนานดังกล่าวจึงมีเพียงสภาพอากาศแปรปรวนของโทร่าที่เกิดจากผลตกค้างของการเสียสมดุลแห่งชะตากรรมเท่านั้น

--------------------

2450ปีหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการขุดค้นพบศิลาจารึกซึ่งมีเนื้อความเกี่ยวกับตำนานโบราณนี้ในถ้ำในบริเวณภาคกลางที่มีป่าทึบของโทร่า ศิลาจารึกนั้นกล่าวไว้ว่า พลังที่เหลือจากข่ายมนต์ที่ไม่สามารถทำลายได้นั้นได้ถูกบรรดาเทพีแห่งชะตากรรมผนึกไว้ในสุดของเขาวงกตปริศนานามสิคารัส(Sicarus)ในรูปของกล่องโบราณ กษัตริย์แห่งโทร่า(โทร่าเป็นทวีปที่เล็กมาก จึงถูกรวมเป็นประเทศประเทศเดียวในเวลาอันรวดเร็ว)ในขณะนั้นเมื่อทราบข่าวก็ทรงเกรงกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยและอาจชักนำสงครามมาสู่โทร่าหากเรื่องนี้ถูกป่าวประกาศออกไป จึงสั่งให้กองทหารส่วนพระองค์สังหารทีมนักโบราณคดีทั้งหมดโดยป้ายความผิดไปให้กองโจรนอกกฏหมาย อีกทั้งยังสั่งให้กองทหารส่วนพระองค์จุดไฟเผาทำลายป่าบริเวณนั้นซะไม่เหลือซากเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครค้นพบข่าวสารดังกล่าวอีกต่อไป

แต่ว่าความลับไม่มีในโลก ข่าวแห่งขุมสมบัติแห่งชะตากรรมดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปในโลกมืดของเหล่านักล่าสมบัติ นักเสี่ยงโชค พ่อค้าและโจร เพียง50ปีหลังการค้นพบ เหล่านักล่าสมบัติจากทวีปต่างๆได้เริ่มเข้ามายังทวีปโทร่าแห่งนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
-Rucicus นักล่าสมบัติแห่งประเทศทวีปอาริมาเธีย พร้อมด้วยสหพันธ์แห่งสมบัตวิทยา(Federation of Treasurology)กองกำลังนักล่าสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในอาริมาเธีย เป้าหมายของเขาคือการควบคุมโชคลาภเพื่อเงินทองที่มากขึ้นเท่านั้น

-ดันแคน(Duncan) เซนทอร์หนุ่ม นักพจญภัยแห่งทวีปคาดาร่า พร้อมด้วยเหล่าสหายนักเดินทางของเขา สิ่งที่พวกเขาต้องการคือความสนุกจากการพจญภัยและชื่อเสียง

-ชอน(Shawn) จอมเวทย์มนต์ดำลึกลับ เขาเป็นสมาชิกและเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งสมาคมลับมาดารัน(Madaran Cult)แห่งเมอร์ริเซียที่ถูกส่งมาเพื่อนำกล่องโบราณแห่งโชคชะตากลับไปศึกษา ณ สมาคมเพื่อไขความลับแห่งโชคชะตา

-หน่วยทหารลับแห่งโทร่า(Tora Secret Agent) กองทหารพิเศษที่ไร้ความปราณี หน้าที่ของพวกเขาคือหยุดหยั้งเหล่านักล่าสมบัติที่หมายปองโบราณวัตถุแห่งโชคชะตาเท่านั้นเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

-ตีเลเมกัน(Teelamekun)สมิงสายพันธุ์เสือโคร่ง นายทหารระดับสูงของกองทัพปลดปล่อยอิสรภาพแห่งประเทศซากัสในทวีปมิสรายิม(Sagus Freedom Fighter)ด้วยพลังแห่งโบราณวัตถุนี้ กองทัพปลดปล่อยอิสรภาพของเขาจะได้รับชัยชนะ

-กานัก(Ganuk)นักเล่านิทานเร่ร่อนปริศนา เขาเดินทางตามหาโบราณวัตถุแห่งชะตาไปกับกลุ่มของดันแคนโดยอ้างว่าตนจะได้เอาเรื่องเล่าของพวกดันแคนมาร้อยเรียงเป็นนิยายเรื่องยาวสืบไปเหมือนมหากาพย์สงคราม4อาณาจักร


โทร่าไม่ใช่สถานที่สามารถเดินทางได้ง่ายๆ โรงพนันมากมายพร้อมจะดูดเงินจากคนทุกคน สภาพอากาศที่แปรปรวน สิ่งมีชีวิตสุดแข็งแกร่งและอันตรายที่เกิดจากสภาพอากาศอันไม่แน่นอนของโทร่า นักเดินทางทุกคนต้องการโชค ใครกันที่จะเป็นผู้มีชัยเหนือฝ่ายอื่นแล้วได้โบราณวัตถุแห่งชะตาไปครองแล้วนำมันมาใช้เพื่อตัวเอง ไม่ใช่ใครอื่น...


ปล นี่เป็นเกริ่นเรื่องฟิคที่ผมแต่งช่วยดูหน่อยละกันครับ
« Last Edit: September 22, 2007, 12:22:30 AM by Moonshiny Doll » Logged


ХeЯхe$-КunG АррЯeйтiсЕ $Аiйт
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1816


« Reply #2 on: September 22, 2007, 12:47:00 AM »

น่าสนใจดีครับ แต่ไปไกลเลยแฮะ อยากอ่านต่อแล้วอ่า
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #3 on: September 22, 2007, 12:49:00 AM »

น่าสนใจดีครับ แต่ไปไกลเลยแฮะ อยากอ่านต่อแล้วอ่า
งั้นคงต่อรอหน่อยล่ะครับ เพราะพักนี้ผมติดสอบ กว่าจะเสร็จก็เดือนหน้านู่น
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #4 on: September 22, 2007, 01:21:37 AM »

Quote
"จงอย่าสงสัยหรือข้องใจในวิธีการของข้า เพราะเจ้าไม่มีวันรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของภารกิจของข้าและผลพวงที่จะตามมาหากข้าพลาด"---เจ้าหน้าที่ไกร่า สังกัดกองทหารลับแห่งโทร่า (Agent Gaira)

"การพนันและนักพนันเป็นดั่งไฟกับแมลงเม่า ไฟนั้นเผาพลาญแมลงเม่า แม้กระนั้นแมลงเม่าก็ยังบินเข้ากองไฟ"---นายหญิงแห่งโรงพนันราซัค(Landlady of Razak Gambling Hall)

"เงินทองอย่างมากก็อยู่กับเราไปจนตายเท่านั้น แต่ชื่อเสียงน่ะสามารถอยู่กับเราได้นานกว่านั้นอีก"---นักเดินทางดันแคน(Duncan the Traveller)

"ชีวิตนี่ข้าไขว่คว้าหาเพียงเพื่อนแท้ เพราะแม้แต่โรงพนันที่ให้กำไรมากที่สุดก็ไม่มีเพื่อนแท้เป็นรางวัล"---รีนะ นักแสดงริมถนน(Reena, the Street Acrobat)

"เพราะความโลภไม่ใช่หรือที่ผลักดันคนเรามาถึงจุดนี้ เพราะฉะนั้นเราจะไปเสียเวลาต่อต้านมันทำไม"---นักล่าสมบัติรูซีคัส(Rucicus, the Treasure Hunter)

"เจ้าหนุ่มเอ๊ย คนยึดติดกับวัตถุเช่นเจ้าไม่มีทางเข้าใจความสุขของคนแบบข้าหรอก และเช่นกัน คนแบบข้าก็ไม่มีวันเข้าใจความสุขของคนแบบเจ้า"---นักเล่านิทานเร่ร่อนกานัก(Ganuk, the Wandering Story Teller)

"อิสรภาพนั้นเป็นเหมือนพรอันประเสิรฐ ด้วยพลังของเจ้าหีบนี่แหละข้าจะไคว่คว้าอิสรภาพให้พี่น้องของข้า"---ตีเลเมกัน(Teelemekun)

"ความรู้คือทุกสิ่ง แต่หากเจ้าไม่สามารถใช้ความรู้ที่ว่าได้ เจ้าก็เป็นได้แค่ภาชนะรองรับความรู้เท่านั้น"---ผู้ใช้ไสยศาสตร์ชอน(Shawn the Occult Shaman)
« Last Edit: September 22, 2007, 05:35:16 PM by Moonshiny Doll » Logged


ХeЯхe$-КunG АррЯeйтiсЕ $Аiйт
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1816


« Reply #5 on: September 22, 2007, 02:26:19 AM »

Oh! Awesome!
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #6 on: September 22, 2007, 04:24:48 PM »

สถานที่
เมืองท่าไร้ภัยราทา(Ratha, port land of Tora) อยู่ทางทิศตะวันออกสุดของโทร่า มีสภาพอากาศที่สงบนิ่งที่สุด นักเดินทางส่วนใหญ่จึงมักจะมาลงเรือที่ท่าเรือแห่งนี้ มีสถานที่ขึ้นชื่อเป็นวิหารที่นักบวชสามารถดูดวงจากกระแสน้ำได้
"กระแสน้ำนั้นก็เหมือนโชคชะตา จะดีจะร้ายยังไงไม่มีใครคาดเดาได้"---นักทำนายแห่งราทา(The Oracle of Ratha)


มหานครแห่งพืชพรรณมาดากา(Madaka, the City of Plant) มหานครขนาดใหญ่อันแปลกประหลาดซึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลทรายที่หนาวเหน็บในฤดูหนาวและทุ่งหิมะที่ร้อนระอุในฤดูร้อน น่าแปลกที่มหานครแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตพืชผลที่ใหญ่ที่สุดในโทร่าเนื่องจากการเจริญเติบโตที่เร็วผิดปกติของพืชพรรณทุกชนิดในสถานที่แห่งนี้
"นี่คือต้นกระบองเพชรน้ำแข็ง(Icicle Cactus)อันงดงามสิ้นค้าขึ้นชื่อของที่นี่ แม้มันจะทนทานต่อสภาพอากาศที่หนาวเหน็บหรือร้อนระอุได้เป็นอย่างดี แต่มันไม่สามารถโดนน้ำเค็มได้ เพราะมันจะเฉาตายทันที"---อังบา เจ้าของร้านขายดอกไม้ประจำมาดากา(Angba, the Florist of Madaka)


เมืองแห่งโอกาสชาโรม(Sharom, the City of Oppertunity) เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเมืองท่าราทา เป็นเมืองที่มีโรงพนันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในโทร่า นักเดินทางมากมายได้สูญเสียเงินทั้งหมดไปกับการพนันในเมืองแห่งนี้ แม้กระนั้นก็ตามที่นี่ก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่อยู่ดี
"นั่นคือโรงพนันราซัค(Razak Gambling Hall) โรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในโทร่า ที่นั่นเจ้าสามารถเล่นการพนันที่ได้ขึ้นชื่อว่าแปลกและท้าทายที่สุดไปจนถึงการเล่นเป้ายิ่งฉุบเอาเงินกัน เพราะมันมีการพนันทุกชนิดบนโทร่าให้นักพจญภัยรักสนุกอย่างเจ้าได้ลอง"---แวลนักมายากลข้างถนนแห่งแห่งชาโรม(Val, the Street Magician)


วิหารแห่งคณะเทพีแห่งโชคชะตาเนเมซิส(Shrine of Nemesis) ศาสนาหลักของชาวโทร่านั้นนับถือบูชาคณะเทพีแห่งโชคชะตาเนเมซิส แต่พวกนางมีชื่อเสียงมากกว่าในหมู่นักพนันเล่นของที่จะถวายเงินส่วนนึงให้กับวิหารเพื่อโชคลาภในการพนัน
"ถ้าเจ้าจะข้ามป่าดงดิบนั่นล่ะก็ไปวิหารนั่นเพื่อโชคในการเดินทางบ้างก็ดีนะ"---นักพนันไร้นามแห่งชาโรม(Mysterious Gambler of Sharom)


ป่าดงดิบคาทาชุน(Catachun Forest)ป่าขนาดใหญ่ที่กินบริเวณกว้างถึง5%ของทวีปโทร่า ถือเป็นพื้นที่ๆไม่สามารถบุกเบิกได้เพราะพืชพรรณในป่าที่สามารถโตกลับมาแทนต้นที่ถูกตัดไปได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนและพืชมีพิษนับพันชนิด แม้กระนั้นที่นี่ก็เป็นสนามฝึกที่สำคัญยิ่งของกองกำลังป้องกันตนเองของโทร่า(Tora Imperial Gaurd)และเป็นแหล่งผลิตฟืนคุณภาพสูงขนาดใหญ่ของโทร่า การจะเดินทางข้ามป่านี้จำเป็นต้องใช้ชาวเชอร์ปาพงไพร(Forest Cherpa)เป็นคนพาข้ามอันตรายนับร้อยในป่านี้
"ป่านี่กำลังแผ่ขยายขึ้นเรื่อยๆทุกๆปีแต่ไม่ต้องห่วง ไม้คุณภาพสูงของป่านี้ก็ถูกตัดลงไปเรื่อยๆทุกๆปีเหมือนกัน"---เทนซุง(Tenzung)เชอร์ปาพงไพรคนแรกที่บุกเบิกป่าคาทาชุน
« Last Edit: September 22, 2007, 05:33:17 PM by Moonshiny Doll » Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #7 on: October 12, 2007, 01:22:19 AM »

Chap 1:ปฐมบทแห่งโชคชะตา

ณ จุดขุดค้นโบราณสถานในป่าลึกแห่งนึงบนโทร่า.....

"ศาสตราจารย์! ศาสตราจารย์! เราเจอของบางอย่างแล้วครับ! มาดูเร็ว"ชายหนุ่มผิวสีกาแฟตะโกนไปยังชายสูงวัยคนนึง สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
"อืม อืม เข้าใจแล้วมายิก เดี๋ยวรอฉันแป้ปนึงนะ"ชายสูงวัยคนนั้นกล่าว เขาและผู้ช่วยเดินไปหามายิกอย่างไม่เร่งรีบ กระเป๋าเครื่องมือสั่นส่งเสียงก้องแก้งเป็นระยะ
"มาดูนี่สิครับ"มายิกกล่าวพลางยื่นแผ่นศิลาจารึกขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ไปให้ชายสูงวัย
"อืมๆ... ไหนดูซิ โอ้ นี่เป็นอักษรโบราณที่เก่าแก่มากทีเดียว ขอเวลาฉันกับซิลวาเอาไปตรวจสอบหน่อยนะ เดี๋ยว2-3วันนี้ถ้าฉันตีความได้จะบอกทุกๆคนเอง"ชายสูงวัยกล่าว เขาและผู้ช่วยเดินกลับไปยังกระโจมโดยที่มีศิลาจารึกดังกล่าวอยู่ในมือ


เช้าตรู่ของ4วันต่อมา ...

“เอาล่ะทุกๆคนฉันมีข่าวดีจะมาบอก”ศาสตราจารย์กล่าวในช่วงเวลากินข้าวเช้า เขาและผู้ช่วยคนสนิทมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยแต่มีความสุขดูราวกับเด็กที่เพิ่งต่อตัวต่ออันยากเย็นสำเร็จก็ไม่ปาน “ภาษาโบราณบนศิลาจารึกที่เราเจอเมื่อเช้านั้นฉันกับซิลวาได้แปลความหมายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเป็นบันทึกที่เก่าแก่มากทีเดียว เพราะภาษาที่ใช้ในจารึกนี้มีใช้กันเมื่อ2000กว่าปีก่อนนู่น มันกล่าวไว้ว่าในอดีตกาลนั้น หลังจากข่ายมนต์คุมชะตาได้ถูกทำลายลง พลังที่เหลือจากข่ายมนต์ที่ไม่สามารถทำลายได้นั้นได้ถูกบรรดาเทพีแห่งชะตากรรมผนึกไว้ในสุดของเขาวงกตปริศนานามสิคารัส(Sicarus)ในรูปของกล่อง พวกนางได้วางอาคมแก่กล้าไว้มากมายเพื่อปกป้องกล่องใบนั้น ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะพลังของมัน แม้จะไม่สามารถคุมชะตาแห่งผืนแผ่นดินได้แบบข่ายมนต์ดั้งเดิม แต่ก็ทรงพลังพอที่จะทำให้ผู้ที่สามารถควบคุมมันสามารถควบคุมชะตาของตนเองได้”
“ข่ายมนต์คุมชะตางั้นเหรอ...ศาสตราจารย์ครับ หรือมันจะเกี่ยวกับนิทานปรัมปราสมัยโบราณที่เล่าว่าประเทศนี้ถูกปกครองโดยบรรดาผู้ชักนำชะตากรรม” นักสำรวจคนนึงกล่าว
“ถูกต้องแล้วริซาล ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงล่ะก็ เราอาจจะพิสูจน์ตำนานที่ว่าได้ก็ได้ ฉันเองก็ได้ส่งสารไปยังท่านพระราชาถึงการค้นพบของเราแล้วด้วย” ชายสูงวัยตอบพลางยิ้มกริ่มโดยหารู้ไม่ว่าตัวเองได้ชักนำมรณะมาหาตัวเองแล้ว.....


คืนนั้น...

“อ้ากกก”
“ตูมมม”
เสียงร้องและเสียงระเบิดดังระงมไปทั่วป่าบริเวณนั้น เปลวเพลิงสีแดงฉานเผาไหม้กลืนกินวัตถุโบราณอันประเมินค่ามิได้มากมาย บรรดานักสำรวจต่างถูกไล่ฆ่าอย่างไม่ปราณี หลายๆคนพยายามใช้อาวุธเบาสำหรับป้องกันตัวมาต่อสู้กับผู้บุกรุก แต่ดาบสั้นหรือจะสู้ปืนได้ นักโบราณคดีเพียง10กว่าคนที่ไม่มีอาวุธเพียงพอย่อมถูกผู้บุกรุกติดอาวุธครบมือกว่า30คนจัดการอย่างง่ายดาย
“ศาตราจารย์! ศาสตราจารย์! ศาสตราจารย์ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” มายิกวิ่งเข้ามาช่วยชายสูงวัย แขนของเขามีรอยแผลถูกดาบฟันเป็นทางยาว แต่อาการของศาสตราจารย์นั้นร้ายแรงกว่ามาก เขาถูกปืนของผู้บุกรุกยิงเข้าหลายนัดและกำลังหายใจรวยรินเต็มที ซิลวาผู้ซึ่งหมดลมไปแล้วนอนตายอยู่ไม่ไกลจากศาสตราจารย์มากนัก ตามลำตัวมีรอยถูกดาบแทงหลายแผล ในมือกำมีดสั้นเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามต่อสู้กับผู้บุกรุกแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
“มะมะ....มายิก....” ศาสตราจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงรวยริน “คนอื่นๆละ...ล่ะ”
“มาดิ้บ ราสะ สิงห์กับอูถูกฆ่าตายไปแล้วครับ ส่วนริซาลกลับไปเอาบันทึกค้นคว้าที่เขาลืมไว้ที่จุดขุดค้นครับ เขาออกไป2ชั่วโมงก่อนเราจะถูกโจมตี เขาคงจะมีสิทธิ์รอดมากกว่าพวกเรา” มายิกกล่าว ตาของเขาเริ่มพร่าและตัวเริ่มชาเพราะเสียเลือดมากเกินไป
“งะ...งั้นหรือ งั้นก็ดีอย่างน้อยการค้นคว้าของพวกเราคะ....คงจะไม่สูญปละ....เอ่า......” ศาสตราจารย์กล่าวเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะสิ้นลมไป
ไม่ทันจะได้เศร้าเสียใจต่อการจากไปของศาสตราจารย์ ผู้บุกรุกคนนึงได้มาอยู่ข้างหลังมายิกแล้ว ปืนพกของเขาเล็งมาที่หัวของมายิก

“ปัง!”
มายิกรู้สึกเจ็บแปล้บตรงหน้าผาก ของเหลวอุ่นๆสีแดงไหลออกมาตัดกับผิวสีกาแฟของเขา เขาเหลือบไปเห็นตราบนปืนและชุดของผู้บุกรุก แม้ตาจะพร่าแต่เขามั่นใจว่ามันคือสิ่งที่เขาคิด หูของเขาเองก็ได้ยินเสียงเช่นกัน และเขามั่นใจว่าได้ยินมันได้ถูกต้อง  ประโยคของผู้บุกรุกที่กล่าวว่า “เตรียมระเบิดเพลิงด้วย เราะจะจัดฉากให้เดหมือนนักโบราณคดีพวกนี้ถูกไฟป่าคลอก!”
“ตรามังกรสองหัว...ตราของกองกำลังส่วนพระองค์ วางเพลิง จัดฉาก นี่มันหมายความว่ายังไง....” มายิกคิดได้เพียงเท่านี้ เพราะจู่ๆสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาก็มืดไปหมด

ไกลออกไป ริซาลมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ค่ายที่พักอย่างชัดเจน
“ศาสตราจารย์ มายิก อู ทุกๆคน...” ริซาลรำพึง ดวงตาเอ่อนองไปด้วยน้ำตาพอๆกับเนื้อตัวที่มอมแมมไปด้วยเหงื่อ บันทึกการค้นคว้าอยู่ในมือเขา
นี่ถ้าเขาไม่หลงป่าแล้วกลับมาที่ค่ายเร็วกว่านี้เขาคงตายไปแล้ว โชคกำลังเข้าข้างเขาอยู่งั้นรึ แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะการมีชีวิตอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวดของการสูญเสียของคนรู้จักโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้นั้น มันอาจจะน่ากลัวและทรมานเหนือกว่าความตายไม่รู้กี่เท่าก็เป็นได้
“คณะเทพี่แห่งชะตากรรมเนเมซิส พวกท่านช่างโหดร้ายต่อข้าจริงๆนะ” ริซาลกล่าวพร้อมน้ำตา ก่อนจะใช้ความมืดดุจโล่กำบังหนีออกไปจากบริเวณดังกล่าว

---------

เป็นไงครับ ตอนเเรก ช่วยติชมด้วยนะ
Logged


2a3b!Tz
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 9


Email
« Reply #8 on: February 20, 2008, 03:38:35 AM »

สนุกมากเลยอ่ะ
รีบ แต่งต่อน้าาาาา
Logged


__
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 100


« Reply #9 on: February 21, 2008, 02:37:58 PM »

ดีครับแต่สั้นจัง
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.164 seconds with 21 queries.