Summoner Master Forum
November 28, 2024, 02:48:17 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter22 นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง @@  (Read 12121 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: November 13, 2003, 11:40:38 PM »

Chapter22  นักประดิษฐ์กับหุ่นกระป๋อง
[/b]

                          ไกลออกไปอีกฟากหนึ่งของเทือกเขาคีรีบันดา   สู่นครฟีเลเซียอาณาจักรชาตินักรบอันยิ่งใหญ่   ณ ห้องรับรองส่วนพระองค์ภายในปราสาท   บิชอปเกรเกอรี่ในชุดสงฆ์เต็มยศกำลังยืนสงบนิ่งรอคอยการเสร็จของซิกมันต์ที่3 กษัตริย์แห่งฟีเลเซีย   สีหน้าของเกรเกอรี่ไม่สู้ดีนักคิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากัน   ดวงตาจับจ้องไปที่ธงแห่งฟีเลเซียที่ติดไว้บนผนังเหนือบัลลังก์ที่ประทับ   หากแต่ความคิดดูเหมือนจะโลดแล่นไปไกลเกินกว่าแค่การจับจ้องธงประจำชาติ
                          “ดูเหมือนท่านจะสนใจธงฟีเลเซียมาก”
                          เสียงทุ้มต่ำเจือด้วยเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลังของบิชอปหนุ่ม   เกรเกอรี่หยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น   ก่อนจะค่อยๆหันไปทางต้นเสียงช้าๆจึงได้เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือยอดขุนพลแห่งฟีเลเซียนั่นเอง
                          “แม่ทัพคลาแรนซ์   ท่านมาถึงนานแล้วรึ” เกรเกอรี่เอ่ยถาม
                          ชาร์ลยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากกล่าวว่า “ข้ามานานพอที่จะเห็นท่านบิชอปใจลอยอยู่เป็นนานสองนานเชียวล่ะ   ท่านมีเรื่องด่วนร้ายแรงรึถึงให้คนไปตามข้ามาเข้าเฝ้าพร้อมกันในเวลาเช่นนี้” แม่ทัพหนุ่มกล่าวน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงสาเหตุที่ถูกเรียกตัวในเวลาเช้าตรู่
                          “เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น” เกรเกอรี่กล่าวด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ   ตัวเขาเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อยเพราะเรื่องที่จะนำขึ้นกราบทูลอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือในสายตาของกษัตริย์ และแม่ทัพใหญ่   ก็ในเมื่อบ้านเมืองสงบสุขถึงเพียงนี้  
                           บิชอปเกรเกอรี่ไม่ได้พูดอะไรกับชาร์ลอีกเลยหลังจากนั้น   จนทำให้แม่ทัพใหญ่รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่แสนตึงเครียดนี้อยู่ไม่น้อย   เขาไม่เคยเห็นท่านบิชอปมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน    แต่ ณ เวลานี้เขาทำได้แต่รอเท่านั้น   ชาร์ลรอคอยการเสด็จมาของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียอย่างเงียบๆพลางพยายามคิดถึงเรื่องร้ายแรงที่ท่านบิชอปจะกราบทูล    
                          สักพักเสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณการเสด็จมาของกษัตริย์   ประตูทางทิศตะวันออกถูกเปิดอย่างรวดเร็ว    กษัตริย์แห่งฟีเลเซียในชุดอาภรณ์เนื้อหนาสีเขียวเข้มขลิบดำแลดูเคร่งขรึม   ซิกมันต์สาวเท้ายาวๆก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วท่วงท่าดูปราดเปรียวแต่องอาจในที  
                          ทั้งบิชอปและแม่ทัพทำความเคารพองค์กษัตริย์พลางรอจนพระองค์เสด็จขึ้นบัลลังก์เรียบร้อยแล้วจึงได้ยืดตัวขึ้น  เมื่อซิกมันต์ประทับบนบัลลังก์แล้วจึงหันไปมองทางเกรเกอรี่ที ทางชาร์ลทีด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
                          “พวกท่านมีเหตุด่วนอะไรหรือ”
                          “ทูลฝ่าบาท   หม่อมฉันก็ถูกท่านบิชอปเชิญมาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้เองพะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มตอบ
                          “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นรึท่านบิชอป?”
                           เกรเกอรี่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วค่อยระบายออกช้าๆ    เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มกราบทูลตั้งแต่ตรงไหน  
                          “เมื่อไม่กี่คืนมานี้กระหม่อมนิมิตเห็นนางฟ้าแห่งดาบฟรานเชสก้าปรากฏกายเหนืออาณาจักรฟีเลเซีย   นางฟ้าปรากฏมาท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงฉานราวกับเลือด” เกรเกอรี่เล่าช้าๆอย่างชัดถ้อยชัดคำ “สายตาของนางฟ้ามองออกไปไกลจนดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด”
                          “นางฟ้าฟรานเชสก้าอย่างนั้นรึ   มันหมายความว่าอย่างไรกัน” ซิกมันต์ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
                          “หมายความว่า ฟีเลเซียกำลังจะเผชิญหน้ากับมหาสงครามครั้งรุนแรงที่สุดก็ว่าได้   สงครามนี้จะกินเวลายาวนานซ้ำยังไม่มีบทสรุปว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กำชัยชนะอีกด้วย” บิชอปหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
                          “ท่านตีความถี่ถ้วนแล้วหรือ”   ชาร์ลถามย้ำ “ใช่ว่าข้าจะมีเจตนาเพื่อดูแคลนท่านแต่อย่างใด  เพียงแต่ข้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากจึงอยากจะได้คำยืนยันที่แม่นยำที่สุด”
                          “เราเข้าใจท่านดีท่านแม่ทัพ   เราได้อธิษฐานภาวนาตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อขอสติปัญญาในการตีความนิมิตนี้   แต่ไม่ว่าจะตีความกี่ครั้งความหมายก็ยังคงเหมือนเดิม” เกรเกอรี่กล่าว


                                                   *
« Last Edit: December 15, 2003, 08:45:15 PM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: November 13, 2003, 11:42:14 PM »

                           ออกจากปราสาทลงมาทางทิศใต้   ผู้คนชาวฟีเลเซียกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันขวักไขว่อยู่ในตลาด   เสียงต่อรองราคาค่างวดสินค้าดังมาจากร้านตรงหัวมุมบ้าง จากร้านฟากตรงข้ามของถนนบ้าง   ทำให้ทั่วทั้งตลาดแลดูคึกคักและมีชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย
                           สักพักก็มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังมาจากร้านขายสัตว์ที่ตั้งอยู่ท้ายตลาด   เพียงครู่เดียวทั้งตลาดก็เกิดโกลาหลเมื่อลูกคาทาริโซ่(Katharizo)หลุดออกมาจากคอกแล้ววิ่งพล่านไปทั่วตลาด   เจ้าของร้านที่วิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือไล่หลังมานั้นดูจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากผู้คนที่เดินตลาดมากนัก   เพราะต่างก็รู้กันดีว่าคาทาริโซ่นั้นทั้งว่องไวและไม่ค่อยจะยอมอยู่นิ่งๆให้จับสักเท่าไหร่   กว่าจะจับได้คงสะบักสะบอมอยู่ไม่น้อยทีเดียว   ทุกคนจึงพยายามหลบเลี่ยงและไล่มันไปทางอื่นเสียมากกว่า   บางคนที่เข้าไปช่วยจับก็กระโดดไล่ตะครุบจนหกคะเมนตีลังกาไม่เป็นท่า
                           ที่อีกฟากของตลาดนั้นมีหญิงสาวนางหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวหลวมๆสีมอซอ กระโปรงยาวสีน้ำตาลอ่อนมีชายรุ่ยอยู่ด้านหนึ่ง   บนศรีษะมีผ้าคลุมผมสีน้ำตาลเข้มคลุมอยู่โดยคลุมต่ำลงมาจนเกือบมองไม่เห็นดวงตาทั้งสองข้าง   ผมเผ้ายาวยุ่งปรกหน้า
                           เธอวิ่งอย่างรวดเร็วตรงเข้าไปหาลูกคาทาริโซ่ที่วิ่งไปทางเธอก่อนจะกระโดดตะครุบตัวมันไว้ได้   ทว่าก็เหมือนกับแกล้งเมื่อเธอปล่อยให้ลูกคาทาริโซ่หลุดมือไปและเริ่มออกวิ่งไล่จับเจ้าสัตว์ตัวน้อยอีกครั้ง   พ่อค้าที่วิ่งตามมาแทบหมดแรงที่จะวิ่งจึงได้แต่ยืนมองหญิงสาววิ่งไล่คาทาริโซ่แทน   เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนดูเหมือนเธอวิ่งเล่นกับลูกคาทาริโซ่เสียมากกว่า
                           “มาชูฟูบี้!  เธอช่วยจับมัน  หรือว่าเธอกำลังเล่นกับมันอยู่นี่” เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังมาจากหลังฝูงชนที่กำลังมุ่งดูเหตุการณ์วุ่นวายนี้อยู่
                           “ขอโทษที  ดีนาพาซีบีล่า” หญิงสาวจับตัวคาทาริโซ่ไว้แทบจะทันที  พร้อมๆกับเสียงหัวเราะตลกขบขันของฝูงคนที่ยืนอยู่โดยรอบ
                           หญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับหญิงสาวที่ชื่อดีนาพาซีบีล่ากล่าวขึ้นอย่างขบขัน “พวกเจ้าชื่อนี้กันจริงๆน่ะหรือ   ข้าไม่เคยได้ยินชื่อใครประหลาดเท่าพวกเจ้ามาก่อนเลย”
                           หญิงสาวนางนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำรีบวิ่งเข้าไปจูงมือหญิงสาวที่ชื่อมาชูฟูบี้แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งก้มหน้าก้มตาฝ่าฝูงชนออกมาอย่างรวดเร็ว   จนเมื่อเธอมั่นใจว่าไกลพอแล้วจึงได้กระซิบด้วยเสียงไม่ใคร่จะพอใจนัก
                           “หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระองค์จะต้องตั้งชื่อพวกเราให้ทั้งยาวทั้งประหลาดถึงขนาดนี้เพคะ”  หญิงสาวยังรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ไม่น้อยพลางหันไปเหลือบมองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเป็นระยะ
                           “เจ้าไม่ชอบหรอกรึ   เราว่าดีออก   พวกชาวบ้านยังชอบเลย” หญิงสาวหัวเราะชอบใจเสียงใส
                           “มันประหลาดเกินไปเพคะ  มาชูฟูบี้  กับ ดีนาพาซีบีล่า”  หญิงสาวทวนชื่ออย่างขำขำ “หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมองค์หญิงถึงต้องเสด็จออกมาซื้อของเองล่ะเพคะ   หากพระองค์มีพระประสงค์หม่อมฉันจะจัดเตรียมให้เหล่าพ่อค้าเข้าเฝ้าทันทีเลย”  
                           “ไม่   เราชอบที่จะออกมาเลือกซื้อด้วยตัวเอง”
                           “พระองค์จะเสด็จออกมาให้เหนื่อยพระวรกายทำไมเพคะ   ซ้ำยังต้องลำบากปลอมตัวเช่นนี้อีก”
                           หญิงสาวมองนายของตน   ใครเล่าจะรู้ว่าหญิงสาวที่แต่งตัวซอมซ่อทำตัวแปลกๆแถมยังมีชื่อประหลาดที่ยืนอยู่ต่อหน้าของนางคือเจ้าหญิงเรจิน่า องค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงค์อรีธา   หากนางกำนัลมิได้เห็นพระองค์ทรงแต่งองค์เช่นนี้ก่อน   นางคงไม่มีทางจำเจ้าหญิงได้เลย
                           “ไม่เห็นจะลำบากตรงไหนเลย   เราสนุกมากต่างหาก”  เรจิน่ายิ้มอย่างร่าเริง “เอาล่ะ!  ถ้าเจ้าไม่ชอบชื่อที่เราตั้งให้   เราเปลี่ยนเป็น แอดชูว์ กับ บูลี่ แทนดีไหม?”  เรจิน่าถามพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
                           “หม่อมฉันว่ามันฟังดูพิลึกกว่าเดิมอีกเพคะ”  นางกำนัลทำหน้าย่นกล่าวตอบอย่างไม่ลังเล
                           เรจิน่าตบมือดังฉาด  หัวเราะร่วน “ดี  ถ้าเช่นนั้นเราชื่อ แอดชูว์  แล้วเจ้าก็ชื่อ บูลี่”
                           “องค์หญิง...”  
                           “แอดชูว์จ๊ะ บูลี่ และอย่าลืม...ภาษาชาวบ้านนะจ๊ะ” เรจิน่ากล่าวกำชับ  สายตามองไปยังทิศทางตรงข้าม “เราไปดูร้านขายของเก่าทางโน่นกันเถอะ”  แอดชูว์ออกเดินนำหน้าทันที
« Last Edit: November 14, 2003, 12:00:18 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: November 13, 2003, 11:44:47 PM »

                            ที่ร้านขายของเก่านั้นมีสินค้ามากมาย   ซึ่งล้วนแล้วแต่เก่าและส่วนใหญ่ก็ผุพังไปตามกาลเวลา   แอดชูว์เดินเลือกชมสินค้าอย่างสนุกสนานก่อนที่จะไปสะดุดเข้ากับไหสีฟ้าใบใหญ่ที่มีรูรั่วอยู่ทางด้านข้างใกล้กับก้นไห   เธอกอดอกและใช้มืออีกข้างท้าวคางไว้   นิ้วเรียวยาวเคาะที่ปลายคางเบาๆอย่างใช้ความคิด   เธอยิ้มออกมาช้าๆ
                            “อย่าบอกนะว่าเธอจะซื้อไหใบนี้”  บูลี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของแอดชูว์
                            “ไหใบนี้ข้าได้มาจากเมืองทางเหนือโน่น   ที่นั่นเขาใช้มันลำเลียงน้ำสะอาดไว้ใช้เพราะแหล่งน้ำอยู่ไกล   พวกผู้หญิงจะเทินไหไว้บนหัว.......” พ่อค้าของเก่าพูดบรรยายประวัติของไหรั่วอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อเห็นสองสาวสนใจมัน
                            “ข้าเห็นว่ามันรั่ว”  บูลี่กล่าวเตือนเพราะเกรงว่าทุกคนจะแกล้งทำเป็นลืมจุดสำคัญนี้ไป
                            “เจ้านำไปปะได้   ข้าจะแนะนำร้านดีๆให้” พ่อค้ากล่าวด้วยความกะตือรือล้น “ข้าขายให้เจ้าในราคาถูกด้วย   เจ้าปะนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”
                            “เจ้าจะขายเท่าไหร่ล่ะ” แอดชูว์ถาม
                            “เท่านี้”  พ่อค้าชูนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว
                            “ตกลง” แอดชูว์วางเหรียญเงินห้าเหรียญลงบนโต๊ะแล้วอุ้มไหรั่วออกจากร้านทันทีโดยมีบูลี่รีบสาวเท้าก้าวตามไปติดๆ
                            “ทรงซื้อไหรั่วมาทำไมเพคะ   หม่อมฉันไม่เห็นว่าจะเอาไปใช้อะไรได้เลย”  บูลี่รับไหไปถือไว้พลางหมุนไหตรวจดูรอยรั่ว  “หากพระองค์จะนำไปปะ   หม่อมฉันว่าซื้อใหม่ไม่ดีกว่ารึเพคะ”
                            “ไม่ปะหรอก...   ถ้าหากเราใส่น้ำจนเต็มแล้วเทินไหไว้จากนั้นก็เดินไปรอบๆอุทยาน...   เท่านี้เราก็จะได้วิธีรดน้ำต้นไม้แบบใหม่”  เรจิน่านึกภาพสายน้ำที่โค้งตัวออกมาจากรอยรั่วแล้วก็นึกขำ
                            “แล้วใครจะเป็นคนรดด้วยวิธีนั้นเล่าเพคะ” นางกำนัลถามอย่างหวั่นๆ
                            เรจิน่าหันหน้าไปมองนางกำนัลพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง “เรานึกว่าเจ้ารู้แล้วเสียอีก”
                            นางกำนัลหัวเราะแทบจะทันทีเพราะนึกภาพตัวเองเทินไหรั่วที่มีน้ำพุ่งออกมาเป็นสายเดินไปรอบๆอุทยาน “ไม่เอาหรอกเพคะพิลึกจะตายไป   หม่อมฉันขอรดน้ำแบบเดิมดีกว่าเพคะ”
                            “อ๊ะ!  นั่นบ้านของนักประดิษฐ์นิ   ไปดูกันเถอะว่ามีสิ่งประดิษฐ์อะไรแปลกๆใหม่ๆบ้าง”  เรจิน่ากล่าวจบก็มุ่งไปยังบ้านหลังที่อยู่ตรงหัวมุมถนนทันที
                            “องค์...  แอดชูว์  เดี๋ยวก่อน!  มันอันตราย”
                            “ตูม!!”
                            นางกำนัลพูดยังไม่ทันขาดคำก็เกิดเสียงระเบิดดังมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมกับควันสีฟ้าที่พุ่งออกมาจากปล่องไฟรูปทรงประหลาด   เรจิน่ารีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว   ทันทีที่ประตูเปิดแทนที่จะมีควันสีฟ้าพุ่งออกมากลับมีควันสีแดงพวยพุ่งออกมาจากภายในบ้านแทน
                            “ระเบิด  ระเบิด...แก๊ก   วันนี้ก็ระเบิดอีกแล้ว...แก๊ก”  เสียงพูดฟังกระท่อนกระแท่นซ้ำยังมีเสียงเหมือนเสียงกลไกอะไรสักอย่างติดขัดดังออกมาจากกลุ่มควัน
                            นางกำนัลรีบวิ่งมายืนข้างหน้าเจ้าหญิงเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นพลางกระซิบเสียงเขียว “หม่อมฉันอุตส่าห์เตือนให้ระวังก็ไม่เชื่อ   บ้านนักประดิษฐ์คนนี้ขึ้นชื่อลือชานักว่า ‘วันไหนไม่มีอะไรระเบิด  วันนั้นไม่อยู่บ้าน’   ดูสิ!หากเกิดอะไรขึ้นหม่อมฉันจะอารักขาพระองค์ทันรึเพคะ”
                            “ไม่เห็น....แก๊ก   ไม่เห็น...มองไม่เห็นเลย... แก๊ก” เสียงพูดประหลาดดังออกมาจากกลุ่มควันอีกครั้งก่อนที่จะมีใครคนหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มควันสีแดงนั้นอย่างรวดเร็วจนชนนางกำนัลล้มกลิ้งไปด้วยกัน   เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจผสานกับเสียงโลหะกระทบพื้นดังก๊องแก๊งจนชาวบ้านต่างหันมามองเป็นตาเดียว
                            เมื่อนางกำนัลลุกขึ้นได้ก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจอีกครั้งหนึ่งเพราะผู้ที่ชนนางจนล้มคว่ำนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายมนุษย์ต่างหาก   หุ่นตัวนั้นก็ร้องด้วยความตกใจด้วยเช่นกันสองมือพยายามดันพื้นเพื่อยันตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะถอยหลังไปชนกำแพงบ้าน
                            “คุณผู้หญิง..แก๊ก   คุณผู้หญิง..แก๊ก  แก๊ก  ทินทอน(Tinton, Timothy’s Aide)... ทินทอนขออภัย... แก๊ก” หุ่นยนต์กล่าว
                            นางกำนัลยกมือที่สั่นเทาชี้ไปยังเจ้าหุ่นยนต์ “มัน...มัน...มันพูดได้”
                            “พูด ‘มัน’.....แก๊ก   พูดเรียกว่า ‘มัน’ไม่สุภาพ...แก๊กๆ   ผมเป็นมนุษย์นะ....แก๊ก” เจ้าหุ่นพูดจบก็กอดอกสะบัดหน้าหนีอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: November 13, 2003, 11:46:48 PM »

                          “เจ้าชื่อทินทอนใช่มั๊ยจ๊ะ” เรจิน่าถามพลางใช้สายตามองสำรวจหุ่นยนต์แทบทุกซอกทุกมุม
                          เจ้าหุ่นบิดตัวไปมาอย่างเอียงอาย “ถูกต้องแล้วคุณผู้หญิง....แก๊ก   มีอะไรให้ทินทอนรับใช้ใช่มั๊ยขอรับ...แก๊ก แก๊ก” เจ้าหุ่นโค้งตัวลงอย่างนอบน้อมเหมือนกับที่สุภาพบุรุษโค้งให้หญิงสาว  และทว่ามันกลับไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจนดูเหมือนมันหยุดการทำงานไปเสียอย่างนั้น
                          “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” เรจิน่าถามย้ำเมื่อเห็นว่าเจ้าหุ่นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเสียที   นางกำนัลจึงค่อยๆใช้นิ้วชี้จิ้มบริเวณไหล่ของทินทอนเบาๆก่อนจะค่อยๆเพิ่มแรงขึ้น
                          “ฮ่า ฮ่า...แก๊ก” จู่ๆเจ้าหุ่นยนต์ก็กระเด้งตัวขึ้นหัวเราะเสียงดังจนนางกำนัลหวีดร้องด้วยความตกใจ “เมื่อกี้...แก๊ก  ทินทอนพูดถึงไหนนะ....แก๊ก   บางที....แก๊ก  ทินทอนก็รู้สึกเหมือนหัวหมุนๆ..แก๊ก  หมุนๆ...แก๊ก” เจ้าหุ่นพูดไปตบหัวตัวเองไป  เสียงโลหะกระทบกันดังก๊องแก๊ง
                          “ฉันอยากจะชมผลงานของนักประดิษฐ์จ๊ะ   พวกเราเข้าไปดูได้มั๊ยจ๊ะ” เรจิน่าถามขึ้นในขณะที่นางกำนัลพยายามส่ายศีรษะห้าม
                          เจ้าหุ่นกระป๋องยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ   ใช้มือขวาแตะที่อกซ้ายกล่าวว่า “ทินทอน...แก๊ก   ทินทอน....ยินดีรับใช้...  คุณผู้หญิงทั้งสอง...แก๊ก   ข้างใน....มีสิ่งประดิษฐ์มากมาย....แก๊ก   ทินทอนจะพาชม...   ทิโมธี(Timothy, the Inventor of Felasia)ก็อยู่ข้างใน....แก๊ก   ทินทอนจะพาไปชมทิโมธี...แก๊ก”
                          “ทิโมธีเหรอ” เรจิน่าทวนชื่ออย่างไม่แน่ใจ
                          “ทิโมธีเป็นเพื่อนของทินทอน...แก๊ก” เจ้าหุ่นรีบอวดทันทีด้วยความภาคภูมิใจ “ทิโมธี....แก๊ก....เก่ง   ทำให้สิ่งประดิษฐ์ระเบิดได้ด้วย...แก๊ก   เอ๊ะ....แก๊ก...ไม่ใช่ๆ  ทิโมธีประดิษฐ์ของได้...แก๊ก   แต่ชอบทำมันระเบิดต่างหาก  ฮ่า ฮ่า...แก๊ก” ทินทอนพูดจบก็เดินนำเข้าไปในตัวบ้าน
                          เมื่อทินทอนหายเข้าไปในกลุ่มควันสีแดงที่เริ่มจาง   เรจิน่าที่กำลังจะเดินตามเข้าไปก็ถูกนางกำนัลรั้งตัวไว้  
                          “จะเสด็จเข้าไปจริงๆรึเพคะ   หากเกิดระเบิดขึ้นอีกจะหนีออกมาไม่ทันนะเพคะ   เจ้าหุ่นยนต์ประหลาดนั่นก็ไม่น่าไว้วางใจเลย   อย่าเสด็จเข้าไปเลยเพคะ” นางกำนัลกระซิบเสียงเบา
                          “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ   เราคิดว่าเราไวพอที่จะหาที่กำบังที่ปลอดภัยนะ   ตามมาเถอะ   เราอยากเห็นสิ่งประดิษฐ์แปลกๆใหม่ๆ   เผื่อว่าเราจะนำมาใช้ในวังได้ยังไงล่ะจ๊ะ” เรจิน่ากระซิบตอบอย่างอารมณ์ดี
                          ภายในบ้านยังคงมีกลุ่มควันหนาทึบอยู่   ทำให้หายใจลำบากและทัศนะวิสัยไม่ค่อยชัดเจนนัก   ทั้งสองสาวรู้สึกว่าเหยียบสิ่งของหลายอย่างเป็นหนังสือบ้าง น๊อตบ้าง   นางกำนัลพยายามคลำหาสลักหน้าต่างเพื่อที่จะเปิดให้อากาศถ่ายเท   ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีแดงปรากฏในกลุ่มควันค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเธอทำเอาทั้งสองต้องตกใจอีกครั้ง
                          “แก๊ก  แก๊ก  ทินทอนจะเปิดให้คุณผู้หญิง...แก๊ก”  ที่แท้ก็เป็นเจ้าหุ่นยนต์นั่นเอง “ทินทอนเป็นสุภาพบุรุษ...แก๊ก   ต้องช่วย...ต้องช่วยคุณผู้หญิง” สิ้นเสียงเจ้าหุ่นยนต์ก็ได้ยินเสียงโลหะชนกับสิ่งของบางอย่างเสียงดังโครมครามราวกับว่าข้าวของบริเวณนั้นคงกระจายไปทั่วพื้น   รวมถึงเจ้าหุ่นด้วย
                          “เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ ทินทอน” เรจิน่าถามขึ้น  
                          เมื่อนางกำนัลเปิดหน้าต่างได้สำเร็จ   แสงอาทิตย์และสายลมก็ลอดผ่านช่องหน้าต่างพัดเอาควันเกือบทั้งหมดออกไป   เผยให้เห็นสภาพบ้านที่รกไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆมากมายและเจ้าหุ่นยนต์ที่ชนโต๊ะจนล้มระเนระนาดกวาดเอาข้าวของบนโต๊ะลงมาเกลื่อนพื้น
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: November 13, 2003, 11:48:46 PM »

                         “ไม่...ไม่...ไม่...เป็น....เป็นไร..แก๊ก แก๊ก  ทินทอน....ทอนให้..แก๊ก ทิโม..โม..ธี ซ่อมได้....ได้...แก๊ก” ทินทอนพูดด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่รวนกว่าเดิม
                         “เจ้าแน่ใจนะ”  นางกำนัลขมวดคิ้วถามอย่างไม่เชื่อในคำเจ้าหุ่นยนต์
                         “ทิ..ทิ...โม...ธีธีธี แก๊ก   ซ่อม...ซ่อม...ซ่อมทิน...ทอน..ทอนได้ได้” จู่ๆก็ดูเหมือนว่าเจ้าหุ่นจะควบคุมน้ำหนักเสียงไม่ได้จนกลายเป็นพูดตะเบ็งเสียงดังลั่นบ้าน
                         “เครื่องรวนอีกแล้วรึทินทอน   ไปชนถูกอะไรเข้าล่ะ” เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากห้องทางด้านซ้าย   ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลุ่มควันสีฟ้าจางๆลอยออกมา   ชายเจ้าของเสียงก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว   ผมสีน้ำตาลแดงมีรอยไหม้จนหงิกฟูบางส่วน   หน้าตามอมแมมไปด้วยคราบเขม่าควัน   เขาสวมแว่นตาที่มีกระบอกตาใหญ่พร้อมเลนส์ขยายจนดูเหมือนดวงตาของเขาใหญ่ผิดปกติ   ชุดที่สวมก็หนาและมีรอยไหม้เล็กน้อยแต่ก็คงจะใช้กันความร้อนจากไฟได้ดี
                         “เจ้าทั้งสอง...ง”  ชายหนุ่มพูดลากเสียงเป็นเชิงถามเมื่อเห็นสตรีแปลกหน้าในบ้านของตน
                         “พวกเราอยากจะชมงานประดิษฐ์ของท่านน่ะจ๊ะ  ทินทอนก็เลยอาสาจะพาพวกเราเยี่ยมชม” เรจิน่าอธิบาย
                         “พวกเจ้า....เออ....”  ชายหนุ่มพยายามที่จะเริ่มบทสนทนาแบบเป็นการเป็นงาน
                         “ข้าชื่อ แอดชูว์   ส่วนนางชื่อบูลี่”  เรจิน่ากล่าวแนะนำตัวให้อย่างรู้ทัน
                         “ข้าชื่อ ทิโมธี  ส่วนทินทอนพวกเจ้าก็รู้จักแล้ว” ทิโมธี ผายมือไปทางหุ่นทินทอนที่กำลังโบกมือให้  “ว่าแต่...พวกเจ้าสนใจงานประดิษฐ์ประเภทไหนล่ะ   เครื่องจักร  เครื่องกล เครื่องใช้ เครื่องครัว ข้าประดิษฐ์ได้หมด   หรือจะเป็นพวกเล่นแร่แปรธาตุ” ชายหนุ่มพูดคล่องปร๋อเมื่อพูดถึงงานประดิษฐ์   “อืม...อย่างพวกเจ้าน่าจะสนใจพวกเครื่องครัวนะ   มาที่ห้องนี้เลย   อ๋อ..ทินทอน   นายรอที่นี่นะอย่าลุกไปไหน  เดี๋ยวฉันจะกลับมาซ่อมให้” ทิโมธีกล่าวอย่างอารมณ์ดี พลางเดินนำหญิงสาวทั้งสองเดินตัดไปยังอีกห้องหนึ่ง  
                         “ดูสิ เขาไม่เห็นทักว่าชื่อเราประหลาดเลย”เรจิน่า หันมากระซิบเบาๆ
                         “ก็คนประหลาดแบบนี้ สร้างหุ่นประหลาดๆ ประดิษฐ์ของประหลาดๆ    ชื่อประหลาดๆที่ทรงตั้งคงไม่แปลกสำหรับเขาหรอกเพคะ” นางกำนัลกระซิบตอบพร้อมยิ้มเหนื่อยหน่าย
                         ในห้องนี้มีขนาดใหญ่ไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งใดๆนอกจากสิ่งประดิษฐ์รูปร่างแปลกๆมากมาย   บางชิ้นก็มีผ้าคลุมไว้ บางชิ้นก็ถูกห่ออย่างแน่นหนา    ของประดิษฐ์มีตั้งแต่ชิ้นเล็กๆจนถึงขนาดใหญ่เกือบจรดเพดาน
                         “ชิ้นนี้” ทิโมธีแนะนำสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ใกล้ตัว “สามารถช่วยให้พวกเจ้าบดแป้งพร้อมกับนวดแป้งได้ในเวลาเดียวกัน   เพียงเจ้าวิ่งบนลู่วิ่งนี้   สายพานจะไปหมุนเฟืองสองตัวนี้ให้ทำการบดแป้งและนวดแป้งทางฝั่งนี้” ชายหนุ่มอธิบายวิธีการใช้อย่างกระฉับกระเฉง
                         “น่าสนใจทีเดียว! การนวดแป้งจะกลายเป็นเรื่องน่าสนุก ในวัง เอ๊ย! ในบ้านเราน่าจะมี........”
                         “โอ...ไม่นะ ขอร้องล่ะ  ข้านึกหน้าแม่ครัวเวลาเธอหอบแฮกๆขณะนวดแป้งไม่ออกเลย   ข้าเกรงว่านางจะหัวใจวายตายก่อนจะได้เค้กซักชิ้น” บูลี่ทำหน้าสยดสยอง
                         “งั้นเจ้าต้องชอบชิ้นนี้แน่ๆ มันไม่ใช่แค่หม้อสตูว์ คู่กาต้มน้ำ ที่พ่วงกับรถลากธรรมดา   แต่ที่จริง ไอน้ำจากมันจะส่งแรงให้ไม้ถูพื้นขยับซ้ายขวาและทำให้ล้อแล่นอย่างช้าๆไปเรื่อยๆ   เจ้าจะได้ดื่มกาแฟร้อนๆ พร้อมอาหารเช้า โดยไม่ต้องออกแรงถูพื้นด้วย”ทิโมธี อธิบายอย่างคล่องแคล่ว
                         “แต่เราจะเอาของใหญ่ขนาดนี้ผ่านประตูเข้าไปในห้องแต่ละห้องได้ยังไงล่ะ.....”บูลี่พูดเสียงเบา
                         “อือ...จริงสิ   ขอบใจมากข้าต้องรีบจดบันทึกข้อบกพร่องของมันไว้เพื่อพัฒนารุ่นต่อไป”ทิโมธีคว้าดินสอ และสมุดบันทึกออกมาจดด้วยหน้าตาเบิกบาน
« Last Edit: November 14, 2003, 12:03:32 AM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: November 13, 2003, 11:50:57 PM »

                       “หรือพวกเจ้าสนใจเครื่องแกะเปลือกลูกไม้เปลือกแข็ง   ชิ้นนี้...” ทิโมธีหยิบแผ่นโลหะแผ่นหนึ่งที่มีปลายแหลมอยู่ตรงกลางขึ้นมา “เพียงเจ้าเอาปลายแหลมนี้กดเข้าไปตรงขั้วของลูกไม้แล้วออกแรงบิดนิดเดียว   เปลือกแข็งก็จะแยกอกจากกันอย่างง่ายดาย”
                       “ข้าอยากดูของอื่นที่น่าสนุกกว่าเครื่องครัว”เรจิน่าในคราบแอดชูว์กล่าวลอยๆ
                       “สนุกแค่ไหนล่ะ”นักประดิษฐ์หนุ่มกล่าวพลางควงดินสอ
                       “เอาชนิดที่ทุกคนต้องตะลึง   ที่ผ่านมายังนับว่าธรรมดาในสายตาข้า”แอดชูว์ตอบทันควัน
                       นักประดิษฐ์หนุ่มหยุดกึก   จ้องมาที่แอดชูว์ หรี่ตาลงจนเกิดความเงียบขึ้นในห้อง บูลี่เริ่มใจคอไม่ดี
                       “เจ้า!”อยู่ๆ ทิโมธีก็พูดเสียงดังทำลายความเงียบ
                       “เจ้าต้องไม่ใช่หญิงธรรมดาแน่!” ทิโมธีโพล่งออกมา
                       หญิงทั้งสองคนชะงักกับคำกล่าวนั้น   บูลี่ภาวนาในใจกลัวว่าฐานะของเรจิน่าจะเปิดเผย
                       “เอ่อ....เรา....เรา....”นางกำนัลพูดตะกุกตะกัก
                       “ใช่!”เรจิน่าตะเบงเสียงตอบ   แต่ในใจเริ่มคิดหาคำตอบ
                       “นึกแล้วไม่ผิด.....!”ทิโมธีร้องเสียงดังในขณะที่บูลี่ทำหน้างงสุดขีด
                       “เจ้าคือสมาชิก ‘ชมรมผู้คลั่งไคล้สิ่งประดิษฐ์และการทดลองที่มนุษย์มองข้าม’... เหมือนกับข้าใช่ไม๊ล่ะ”ทิโมธีตะโกนด้วยสีหน้าเบิกบาน
                       “ฮา ฮา ฮา ถูกต้อง   เราเป็นสมาชิกชมรมที่ว่า.......”เรจิน่าหัวเราะเสียงดังก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่   ใช้คำว่า‘ที่ว่า’ เพราะจำชื่อชมรมยาวเหยียดไม่ได้
                       ‘ไม่อยากเชื่อเลยมีชมรมบ้าๆบอๆแบบนี้ในฟีเลเซียของเราด้วยเหรอเนี่ย’ บูลี่คิดในใจ แต่แสดงออกทางสีหน้าว่าอนาถใจอย่างยิ่ง
                       “มิน่าล่ะ เจ้าทั้งสองถึงมีสายตาแหลมคมในการดูสิ่งประดิษฐ์ต่างๆแบบเหนือมนุษย์”
                       ‘โอ้.....ไม่....ไม่จริง....นี่ข้ามีคุณสมบัติเหมือนสมาชิกชมรมบ้าบอที่ว่าขนาดนั้นเชียวเหรอ’บูลี่กู่ร้องก้องในจิตใจ ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้
                       “ถ้างั้น ข้าต้องเสนอสิ่งนี้ เพื่อให้สมกับที่ได้ต้อนรับเพื่อนสมาชิกชมรม”ทิโมธีนัยน์ตาเป็นประกาย
                       “เครื่องเล่นแผ่นเสียงตลกโดยอาศัยพลังงานจากการเกร็งกล้ามเนื้อท้อง!!”
                       เรจิน่าแสดงท่าทางสนใจขึ้นมาอย่างออกนอกหน้า   ขณะที่นางกำนัลแทบไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่งที่ได้ยิน
                       “เจ้าเคยได้ยินคำว่าหัวเราะจนท้องแข็งไม๊ล่ะ”ทิโมธีเกริ่น เรจิน่ารีบพยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย
                       “นั่นแหละ มันคืออาการเกร็งกล้ามเนื้อท้องและในทางวิทยาศาสตร์ มันปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา   ซึ่งข้าคิดว่ามนุษย์เราปล่อยให้พลังงานนี้สูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย”
                       ในขณะที่เรจิน่าพยักหน้าตามอย่างสนใจ ฝ่ายนางกำนัลก็ยืนส่ายหัวอย่างปลงชีวิต
                       “ทีนี้ถ้าเราเอาสายคาดเอวนี้ที่มีสายไฟส่งพลังงานไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียง   โดยเริ่มต้นเกร็งกล้ามเนื้อท้องด้วยตัวเอง แผ่นเสียงจะเริ่มทำงาน   แล้วเราก็จะเริ่มได้ยินเรื่องตลกจากแผ่นเสียงนี้   ทีนี้เราจะเริ่มขำจนท้องเกร็ง    คราวนี้แหละ เรื่องขำก็จะยิ่งดำเนินไปจนทำให้ต้องหัวเราะจนท้องแข็ง   จากนั้นก็จะยิ่งมีพลังงานส่งไปให้เราได้ฟังเรื่องตลกมากขึ้น แล้วก็ยิ่งหัวเราะจนท้องแข็งมากขึ้นอีก    เราก็ยิ่งได้ฟังเรื่องตลกนานออกไปอีก นั่นหมายความว่า เราจะไม่ต้องคอยไขลานเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี้เลย เพราะยิ่งขำ ยิ่งได้ฟัง ยิ่งได้ฟังยิ่งขำ แต่เรื่องตลกจะหยุดตอนหัวเราะจนหมดแรงพอดี”
                       “วิเศษมาก!” เรจิน่าร้องเสียงดัง
                       “ข้ายังมีที่เด็ดกว่านี้อีกนะ...”ทิโมธีอวด
                       ระหว่างที่ทิโมธีกำลังอธิบายสิ่งประดิษฐ์ต่างๆอย่างออกรส   ภายนอกหน้าต่างนั้นมีเสียงม้าจำนวนมากควบผ่านไปพร้อมเสียงแตรปากยาวดังก้องไปทั่วทั้งถนน   ทั้งสองสาวมองหน้ากันแทบจะทันที
                       “ท่านนักประดิษฐ์   พวกเราต้องรีบไปแล้วล่ะ  พอดีพวกข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน   ขออภัยที่มารบกวนท่าน” หญิงสาวกล่าว
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #6 on: November 13, 2003, 11:52:08 PM »

                       “โอ้....ไม่เป็นไร  ข้ายินดีมาก  น่าเสียดายจัง   ถ้าพวกเจ้าสนใจงานประดิษฐ์ก็มาได้ทุกเมื่อนะ” ทิโมธีกล่าว  
                       สองสาวร่ำลาทิโมธีและทินทอนก่อนจะรีบเดินมุ่งหน้าไปทางหลังตลาดที่ลับตาคน   เมื่อตรวจดูแล้วว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเรจิน่าก็รีบถอดชุดตัวนอกออกเผยให้เห็นอาภรณ์เนื้อดีสีเขียวอ่อนอันเป็นชุดทรงตัวโปรดของเจ้าหญิง   นางกำนัลเมื่อจัดการชุดของตนเองแล้วก็รีบเข้ามาจัดแต่งผมให้เจ้าหญิงใหม่  
                       “ไม่ทราบว่าที่ปราสาทมีเรื่องอะไรนะเพคะถึงให้คนออกตามพระองค์เช่นนี้” นางกำนัลกล่าว  ทั้งสองมือรวมผมของเจ้าหญิงอย่างชำนาญ
                       “นั่นสิ   ท่าทางจะมีเรื่องด่วนจริงๆนั่นแหละ”  เรจิน่าหยิบนกหวีดสีทองอันเล็กๆขึ้นมาเป่าเบาๆ   ไม่กี่อึดใจม้าสีขาวรูปร่างสมส่วนสง่างามทั้งตัวก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสองอย่างรวดเร็ว   เรจิน่าขึ้นหลังม้าอย่างชำนิชำนาญแผ่นหลังเหยียดตรง  ท่วงท่าสง่างามยิ่งนัก  
                       เมื่อทั้งสองขี่ม้าออกมาถึงย่านใจกลางเมือง   ประชาชนต่างก็ปลาบปลื้มที่ได้ชมสิริโฉมของเจ้าหญิง   ท่วงท่าม้าหลังม้านั้นก็แสนสง่างามจนหญิงสาวทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันที่จะขี่ม้าได้สง่างามเท่า   ใบหน้างามคมที่ฉายแววฉลาดหลักแหลมก็ทำให้เธอเป็นขวัญใจของประชาชนได้ไม่ยากเลย
                       เพียงไม่กี่นาทีเหล่ามหาดเล็กอันประกอบไปด้วยนายทหารแปดนายก็ควบม้ามาสมทบกับเจ้าหญิง   นายทหารที่นำขบวนมารีบลงจากหลังม้าแล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจ้าหญิง
                       “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเป็นการด่วนพะย่ะค่ะ   เวลานี้ทั้งท่านบิช็อป และ ท่านแม่ทัพก็อยู่ที่ปราสาทแล้วพะย่ะค่ะ” นายทหารกล่าวเสียงฉะฉาน
                       เรจิน่าทอดสายตาไปยังปราสาท เปรยขึ้น “เรื่องอะไรกันนะ”
                       ทันใดนั้นเสียงม้าร้องก็ดังแหวกอากาศผ่านตลาดข้ามศีรษะของเรจิน่าไป   ทั่วทั้งตลาดแทบจะหยุดการเคลื่อนไหวทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังบนท้องฟ้า   เมื่อเห็นอัศวินเปกาซัส(Pegasus Knight)ที่ใส่ชุดศึกเต็มยศขี่เปกาซัสปีกฟ้า(Blue Wings Pegasus)มุ่งไปยังปราสาทอย่างรวดเร็ว   ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งตลาด   เนื่องจากอัศวินเปกาซัสเป็นอัศวินกองกำลังพิเศษที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก   ซ้ำเวลานี้มิใช่กาลศึกสงครามแต่กลับได้เห็นอัศวินเปกาซัส   เรจิน่ารู้สึกใจคอไม่สู้ดีทันที   หัวใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ   เธอจึงรีบควบม้ากลับปราสาททันที  
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #7 on: December 19, 2004, 04:22:26 AM »

เอามาเลย  ขาเม้าส์ทั้งหลาย.....

...มาเม้าส์กันต่อที่นี่เลยจ๊ะ

http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=3786;start=0#lastPost
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.089 seconds with 22 queries.