Summoner Master Forum
October 08, 2024, 09:19:12 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: แสงสว่างในความมืดและอสุราในแดนทิพ 2  (Read 1937 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
lastfriendder
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 74


Email
« on: June 15, 2006, 02:53:41 AM »

ต่อจากตอนที่ 24 ที่ค้างเอาไว้
          มหากษัตริย์ทั้งสี่ไม่ยอมยอท้อต่อการบุกโจมตีเข้าหาดิวาทอร์ ทุกท่าทางที่ลำเรียนมาอันสะสมเป็นประสบการณ์บุกทะลวงได้เพียงแค่ห่างกายของดิวาทอร์ประมาณสองวา แน่ละว่ากษัตริย์ทั้งสี่แทบอยู่ในฐานะรุมดิวาทอร์ แต่ใยเล่าพวกเขาจึงไม่สามารถเอาชนะมหาเทพองค์นี้ได้เลย ดิวาทอร์เองก็ไม่มีท่าทีเหน็ดเหนือยกับการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ
   “ข้าว่าเราเลิกเล่นกันดีกว่า” ดิวาทอร์กล่าวขึ้นพร้อมซีกยิ้มกวนๆใส่มหากษัตริย์ทั้งสี่ ดิวาทอร์กล่าวคำบางคำขึ้น  “คำตัดสินแห่งมหาเทพกษัตริย์(The decision of Devatos)” เกรกอรี่ได้ยินเข้าก็ถึงกับชงักและรีบควบม้าตรงเข้ามาอยู่เบื่องหน้ามหากษัตริย์ทั้งสี่ทันทีเขากีดกรายคาฑาออกมาเบื่องหน้า พลังที่จีเนรอสมอบให้เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า  ดิวาทอร์เห็นแววตาของบุคคลเบื่องหน้าที่มีแววตาแห่งการเอาเป็นเอาตายกับเขา แน่ละว่ามันทำให้ดิวาทอร์เริ่มสนุกกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
   ดิวาทอร์ชูฝ่ามือขึ้นแสงสว่างก็แหวกเมฆดำลงมาอยู่ในเงือมมือของเขาก่อนที่ดิวาทอร์จะตวัดแสงสว่างออกมาเบื่องหน้า ประกายแสงสว่างก่อตัวเป็นดาบเล่มใหญ่สีทองอร่ามรางๆ ‘ดวงจิตแห่งดาบของหระเจ้า’(The spirit of god’s sword)!!! มหากษัตริย์ทั้งสี่มองตาคางอยู่ที่ดาบสีทองเล่มนั้นซึ่งแพร่รังสีแห่งความตายออกมาสร้างความหวาดกลัวให้แก่บุคคลรอบข้าง

   จีเนรอสสัมผัสได้ถึงการมาของดิวาทอร์ พลันที่นางจะเดินกลับไปเรียกม้าของนาง จีเนรอสก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ลดลงอย่างมหาศาล และสัมผัสได้ถึงแสงสว่างที่ก่อขึ้นรอบกายของเธอเอง กลับเมฆสีทองที่เธอเคยสัมผัสและแสงสว่างอันอบอุ่นที่ทอดลงมายังเธอ ชุดเกราะสีดำ...สีดำที่เธอรู้จักดีแหวกออกมาจากปีกที่สยาออกปัดเอาหมู่เมฆที่ขวางทางตีฟุ่งออกด้านข้าง สุวรรณบัณลังปรากฏขึ้นสุ่สายตาพร้อมปีกนับหกหมื่นปีกที่ค่อยๆขยับ เธอรู้ว่าหมื่นปีกนั้นเคยเป็นของเธอมาก่อนและมันจะกลับมาที่เธอเมื่อถึงเวลานั้น สายใยโยงยางจากบุคคลในชุดเกราะใหญ่โตที่นั่งนิ่งสงบไม่ไหวติงนั้น ทุกเส้นส่องแสงระยิบระยับราวกับเพชรมณีที่งดงาม แต่ทุกสายหมายถึงชีวิตแห่งสวรรค์ โลกและนรกชุดเกราะที่หน้าเกรงขามสีดำไหวติงเล็กน้อยพร้อมแสงสว่างจากดวงตาทีทองคู่นั้นที่นางรู้จักดี อเลทาดอส และสถานที่แห่งนี้ นี้คือกาแลกซิริก เมืองฟ้ามหาสวรรค์ (Galexiric, the god of heaven castle)
   “จีเนรอส...”
   “อเลทาดอสท่านมีเรื่องใดมาพบข้า”
   “ข้ามาเพื่อขอแลกเปลี่ยน...”
   “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
   “ดิวาทอร์ไม่มีแม้แต่ความทรงจำกับเจ้าแล้วใยเล่าเจ้าต้องมีความทรงจำกับเขา...”
   “ท่านหมายความว่า”
               “เจ้าก็รู้ว่า...เรามีพันธสัญญากับพ่ออยู่...”
“แต่ท่านพ่อไม่รู้เห็น”
“แต่ข้ารู้เห็น! ข้าคือผู้ตัดสินคดีเทพครั้งนี้ และข้าขอความทรงจำบางส่วนของเจ้าแลกกับคาฑาของเจ้าเทพอาวุธของเจ้า”จีเนรอสได้ยินก็มองอเลทาดอสด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง นางเริ่มไม่แน่ใจว่าอเลทาดอสจะเป็นกลางอยู่หรือไม่เพราะคนที่ก่อความวุ่นวายก็คือเอกาลอสบุตรชายของเขา แต่นางก็ต้องไว้ใจเขาในเมื่อพรของเขาคือสัจจะแห่งสวรรค์ตัวแทนแห่งสุรเสียงของพระเจ้า “เจ้าก็รู้ว่าเทพอาวุธของดิวาทอร์ ดาบของพระเจ้านั้นแม้จะหักเป็นสองส่วนและหายไปจากอธิริก เร็กซิริกบันดาร แค่พลังเพียงครึ่งเดียวศาสตราวุธใดๆ ก็หาทางชนะมันได้ แต่เราไม่ต้องสู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ยอมไรความเป็นนิรันดร์ สิ่งที่จะสงบมันได้ก็มีเพียงเทพอาวุธแห่งการสร้าง คาฑาแห่งชีวิต ดาบแห่งนางฟ้า ธนูแห่งสวรรค์ โล่แห่งชัยชนะ มหาเทพอาวุธของจีเนรอสเท่านั้น(Holy Generos guard)”
“เป็นข้อเสนอที่ดี แต่-”
“ไม่มีเวลาแล้วจีเนรอส...”

   ดิวาทอร์มองดาบที่หน้าเกรงขามภายในมือ มันส่องแสงเรืองรางอยู่ในสายลม เขาค่อยๆมองมายังกลุ่มของกษัตริย์ทั้งสี่และเกรกอรี่ก่อนจะตวัดคมดาบเกิดเป็นสายลมและแสงสว่าง ทุกที่ที่ผ่านนั้นต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ก็ตายและสลายกลายเป็นเถ่าดินทันที คลื่นดาบขยายตัวเป็นเสียวพระจันกวาดวงใหญ่ออกเรื่อยๆกวาดกองทัพมหาศาลของมวลมนุษย์และออร์คที่ขวางทางอย่างงายดาย เพียงแค่การตวัดเพียงครั้งเดียวเมื่อกายของกายของมนุษย์สัมผัสก็สลายกลายเป็นเถ่าดิน
เกรกอรี่ใช้พลังของคาฑาต้านเอาไว้จนพลังของคมดาบตีวงคลื่นสลายไปเบื่องหน้าและผ่านเลยออกไป แต่เกรกอรี่ก็กระเด้นถอยมาชนกษัตริย์ทั้งสี่พร้อมสำลักโลหิตแดงฉานออกมา คาฑาของเขาแตกและสลายเป็นผุยผงต่อหน้าต่อตาของเขา อองเดรเห็นท่าไม่ดีก็คว้าร่างของเกรกอรี่ขึ้นพาดบ่าและขึ้นม้าข้างๆ อิสฮานฮาริสันและซิกมันก็รีบตรงไปที่ม้าที่ไกลที่สุดแล้วควบออกไป ดิวาทอร์เพียงมองตามโดยไม่ทำอะไรพร้อมโบกมือลาและยิ้มกวนๆส่ง

จีเนรอสตื่นขึ้นเมื่อเรจิน่ามาเข้าเฝ้า เธอมองจีเนรอสอย่างอ่อนโยนและแววตาแหางความสิ้นหวังพร้อมทั้งหยดน้ำตาก็ไหลรินลงมา
“กองข่าวจากสายลมแจ้งข่าวมาว่าทัพของกษัตริย์ทั้งสี่พ่ายแพ้ที่มหาวิหารฟรานเซสก้า มหาวิหารเองก็พังทลายและมีข่าวมาว่าฟรานเซสก้าสิ้นแล้ว”
“แล้วกษัตริย์ทั้งสี่ละ”
“ปลอดภัยค่ะ จะเดินทางมาถึงในเร็นวัน หน้าจะเป็นสิ้นเดืนหน้าค่ะ”
“แล้วกองทัพของเอกาลอสละ”
“กำลังตรงมาเช่นกันค่ะ”เรจิน่ากล่าวจบจีเนรอสก็หลีบตาลงพร้อมน้ำตา
“ข้าแต่ท่านเทพนางฟ้าดาบของข้าขอถวายให้แก่ท่าน”เรจิน่ากล่าวพร้อมคุกเข่าลงจีเนรอสก็หันมา
“เจ้ารู้ใหมว่าหน้าที่องครักษ์ของมหาราชินีแห่งเซนทิริกนี้ยิ่งใหญ่มาก”
“ท่านกล่าวราวกับมันยิ่งใหญ่กว่ายศเจ้าหญิงแห่งฟรีเลเซีย”
“เจ้าต้องผ่านการตัดสินใจจากนางฟ้าแห่งการลงฑัณและนางฟ้าแห่งความเมตตา”
“ถ้าข้าพระองค์ไม่ผ่าน-”
“นั้นก็หมายถึงชีวิตของเจ้า”จีเนรอสกล่าวจบก็เดินออกไปจากเรจิน่าสองสามก้าว
“ข้าพระองค์ขอเสี่ยง”เรจิน่ากล่าวขึ้นพร้อมแววตาแห่งความมั่นใจ จีเนรอสหันมาพร้อมสายตาอันอ่อนโยนที่มองเรจืน่าเอาไว้ เธอสัมผัสได้ทันทีว่าหญิงสาวนางนี้ในดวงจิตของนางมิได้คิดจะปกป้องจีเนรอสอย่างเดียวนางต้องการพลังที่สามารถต่อกรกับอสูรร้ายเพื่อช่วยฟรีเลเซียด้วยต่างหาก

      กองทัพของสี่อาณาจักรเดินทางมาสมทบกับกองอพยบจากที่ต่างๆ ทางซาโลมมีข่าวของการที่อิมพรีร่าถูกเหล่าไททันป่า ทางฟรีเลเชียเองก็หลีถัยทันทีที่รู้ว่าวิหารฟรานเซสก้าพินาจ อลานิก้าก็มีถูกเหล่าพรายทะเลเข้าโจมตี และฟูดินันเอง เผ่าต่างๆก็ต้องหนีตายจากการที่ผีพรายป่าเป็นกองทัพออกอาละวาดฆ่าผู้คน
วานาแอนที่ออกมาจากรถม้าสายตาของเธอก็รีบมองหาอิสฮาน สายตาของตาก็ได้พบชายเบื่องหน้าที่หมอมแมมแต่เธอก็รีบวิ่งเข้ากอดคออิสฮานเอาไว้แนบแน่น

Logged


lastfriendder
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 74


Email
« Reply #1 on: June 15, 2006, 02:54:24 AM »

ตอนที่ 24 การหายตัวของเทพาราชินี
���จีเนรอสเดินออกมาที่ระเบียงราชวังที่ทอดยาวยื่นออกไปนางมองดูกองทัพและประชาชนของสี่อาณาจักรที่เดินทางมาเต็มทุ่งอิเรนการทห่างจากกำแพงเมืองหลวงราวๆแปดไมล์ซึงเป็นเหมือนกับแผ่นของราดำที่ขึ้นบนขนมปัง นางก็เดินตรงไปที่ม้าของนางทันที
���เกรกอรี่มองดูท้องทุ่งห่งเซนทิริกที่เป็นสีน้ำตาลราวกับความแห้งแล้งกำลังเข้ามายังมหาอาณาจักรแห่งนี้ ก่อนที่มองตรงมาขังประตูเมืดงที่เป็นออกช้าๆพร้อมสตรีที่อยู่ในชุดขาวถือคาฑาที่เขารู้จักดี “คาฑานางฟ้าปกป้อง” มันถูกเรียกในพระคัมภีร์ของเขา แสงสว่างจากคาฑาเปล่งแสงสว่างอันอบอุ่นไปยังทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่องแสงสว่างจางลงเกรกอรี่ก็คุกเข่าลงทำความเคารพ กษัตริย์ทั้งสี่เห็นดังนั้นก็ทำความเคารพพร้อมกองทัพทั้งหมด
���“พวกเจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ท่านคือมหาเทพจากกาแล็คซิริก”เกรกอรี่พูดดังนั้นกษัตริย์และปวงประชาก็คุกเข่าลง
���“ข้าจำท่านได้”แฮริสันกล่าวขึ้นแต่เขาได้เพียงรอยยิ้มที่อ่อนหวานตอบกลับมา ทุกสายตาหันไปมองเรจิน่าที่ควบม้าตามจีเนรอสมา นางอยู่ในชุดสีเขียวสดใสกับดาบสีทองเล่มใหม่นั้น ชุดนักรบนั้นสวยงามสมกับเธอเธอเป็นองครักษ์ของจีเนรอสแล้ว (Regina, the Generos’s follower)
���“ท่านพี่!”
���“ซิกมันด์”เรจิน่าก้าวลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งวิ่งเข้ากอดน้องชายเอาไว้ นางจับใบหน้าของน้องชายเอาไว้แนบแน่นราวกับว่ากลัวเสียเขาไป จีเนรอสลงจากหลังกษัตริย์แห่งอาชาเดินตรงมาที่เกรกอรี่สายตาของนางตรงผ่านไปที่กองทหารที่บาดเจ็บ เพียงนางชูคาฑาขึ้นแสงสว่างก็สาดส่องไปทั่วมหานคร เพียงเท่านั้นแม้หนูตายยังฟื้นชีพ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอาการก็ดีขึ้น
���“ขอให้พระเมตตาของพระองค์โปรดคุ้มภัยในครั้งนี้”
���“เกรกอรี่ เกิดสิ่งใดขึ้น”จีเนรอสมองลงมาที่เกรกอรี่ด้วยสายตาแห่งความเศร้า
���“ขุนพลแห่งเอกาลอสทรงพลังนัก พวกมันกำลังรวมพลกับด้านตะวันออกเพื่อตรงมายังเซนทิริก มิเนทาริก”
���“เราจะคุยกันต่อที่ท้องพระโรง”จีเนรอสกล่าวขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังหมุนตัวไปยังม้าสีขาวที่อยู่เบื่องหลัง เรจิน่าเห็นจีเนรอสขึ้นขี่ม้านางก็แยกจากน้องชายตรงไปที่ม้าเช่นกัน “เซนทิริก มิเนทาริกยินดีต้อนรับปวงประชาแห่งมิดการท ฉันได้ให้เจ้ากรมราชวังจัดสรรที่พักไว้ให้พวกท่านแล้ว ส่วนกองทหารให้ติดตามไปที่ลานเทพปฏิญาณ (Loyal of royal god field) หลังกำแพงพระราชฐานชั้นแรก (The government castle, the first state of Senthiric menetharic) ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถอยู่ที่นี้ได้ดังเช่นบ้านเกิดของท่าน”จีเนรอสกล่าวจบก็ควบม้าตรงกลับไปยังปราสาทที่ไกลสุดลูกหูลูกตาของทุกคน ดาบใหญ่ยักษ์(Alexandamenegus Nos de Temus dominatus)ที่เด่นตะหง่าแต่ไกลก็ส่องแสงสวยงามลงมายังอาณาจักรราวกับเป็นการตอนรับปวงประชาจากที่ต่างๆ

���ดิวาทอร์เดินย่ำอยู่ที่พื้นหญ้าเขียวขจีของฟรีเลเซีย ที่นี้รกร้างและไร้ผู้คน เพราะผู้คนต่างหลบหลี้หนีไปยังเซนทิริกเสียแล้ว ทุ่งข้าวเขียวขจีเบื่องหน้าของเขาและสัตว์ทีถูกปล่อยไว้เป็นอาหารอันโอชะของพวกออร์คที่หน้าขยะแขยง เขามองไปยังพื่นทะเลทรายเบื่องหน้าที่อยู่ถัดจากทุ่งหญ้าเขียวแก่ที่ลดหลั่นความอุดมสมบูรณืไปยังดินแดนที่ถูกสาป แต่สายตาของเขาไม่ได้ตรงมาที่ซาโลม สายตาของดิวาทอร์ตรงไปยังเซนทิริก มิเนทาริก
���ดิวาทอร์สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอันอบอุ่นและไออุ่นที่มาจากที่แห่งนั้น เขาขยับริมผีปากอย่างใคร่หาแต่แล้วความรู้สึกนั้นก็จืดจางหายไป  ฟรานเซสก้า... นางพูดถึงเรื่องอะไร มีอะไรสักอย่างที่นางอยากให้เขารู้ แต่สิ่งนั้นสวรรค์และนรกจงใจปิดบังเอาไว้เพราะอะไร เขาต้องรู้ให้ได้  พลันเขาก็คิดได้ว่าเขาเพิ่งเริ่มมีความคิดก็วันนี้ ไม่คิดว่าเขาจะคิดอะไรมากมายจากคำพูดของนางฟ้าที่เขาได้ปลิดชีพไป แต่มันก็ทำให้เขาคิดถึงวันข้างหน้า
���นกแห่งความตาย (Bazina, the dead bird) บินมาบอกแผนใหม่ของเขา “ปิดล้อมเซนทิริก มิเนทาริกแล้วทำลายปราการดาบสวรรค์เสีย!”
���
���จีเนรอสนั้งอยู่บนบัญลังค์แห่งเซนทิริกที่สวยงาม เมื่อเกรกอรี่เข้ามาพร้อมกษัตริย์และราชวงษ์ของสี่อาณาจักร ทุกคนต่างแปลกใจว่าเธอเป็นกษัตริย์แห่งอธิริกเหตุใดจึงประทับอยู่บนบัณลังค์แห่งเซนทิริก เหล่ากษัตริย์ที่หยิ่งในเกียรติของตนก็ไม่ทำความเคารพที่ราวกับเถิอดบูชาของเกรกอรี่ แต่เธอก็ไม่ตอบรับอันใด
   "พวกเจ้ารู้ใหมว่าทำไม เซนทิริก มิเนทาริกถึงเป็นมหานครแห่งกษัตริย์"เกรกอรี่หันกลับไปยังเหล่าเชื้อพระวงศ์เบื่องหลัง เรจิน่ามองน้องชายพร้อมแสดงความแปลกใจออกทางสีหน้าและสายตาที่ทำให้เธอเข้าใจได้เป็นอันดีว่ากษัตริย์ยอมไม่คุกเข่าให้ใคร แน่ละว่าทุกคนหน้าแดงด้วยความโกรธที่เกรกอรี่มาบอกว่าเธอเป็นมหาเทพอะไรบ้าๆนั้น แต่อยู่บนบัณลัญของมหานครห้องห้ามแห่งนี้ ถ้าจะให้คุกเข่าเคารพกษัตริย์ด้วยกันไม่มีทางอยู่แล้ว เพราะการทำเช่นนั้นหมายความว่าประเทศของตนไปอยู่ใต้ร่มเงาดาบแห่งเซนทิรืก "เพราะอาณาจักรแห่งนี้อาณาจักรแห่งนี้ได้รับพระบัญชาให้เทพมือซ้ายและมือขวาของพระเจ้าเป็นราชาและราชินี"เกรกอรี่กล่าวจบอิสฮานก็คุกเข่าลงทันที ก่อนที่กษัตริย์องค์อื่นๆจะค่อยคุกเข่าลง
   "ท่านพูดเกินไปเกรกอรี่ เพราะที่นี้เพียงได้รับเลือกให้เป็นประตูสู่สวรรค์เท่านั้น และที่นี้มีกษัตริย์ถึงเก้าพระองค์หากไม่รวมเทพกษัตริย์"จีเนรอสกล่าวจบก็ยิ้มส่งมาให้ทุกคน"แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น-"
    "พวกข้าได้ปะทะกับแม่ทัพคนหนึ่งของเอกาลอส เขาทรงพลังอีกทั้งยังใช้พลังของสวรรค์ได้ เกรงว่ามหาซินแห่งความศักดิ์สิทย์เป็นผู้คุมทัพเอง"
    "ถ้าเช่นนั้น ใยท่านจะจัดการมิได้ พลังของคาฑาท่านชนะทุกสิ่งที่มาจากมหาซิน นั้นคือพรที่ข้าให้ไว้"จีเนรอสลุกขึ้นเดินลงมาจากบัณลัญทำให้เรจิน่าเดินเข้ามาข้างๆนาง จีเนรอสรายเรียกคาฑาที่นางเคยใช้ตอนต้านศึกกับแอนดิซอง และต้านศึกที่วิหารฟรานเซสก้าออกมา
   "ข้าให้ท่านไว้"
    "แต่..."
    "ยังงัยท่านก็เป็นนักบุญในตอนนี้ถือว่าเป็นพระพรแห่งเทพ ให้ท่านเป็นผู้นำพาแห่งสว่างไปในแดนที่ห่างไกล ด้วยพลังแห่งข้า นักบุญของข้า(Gregory, the generos religion phophet)"จีเนรอสกล่าจบเกรกอรี่ก็รับคาฑาไป"ถ้าเขามีพลังเช่นนั้นจริงข้าก็ไม่อาจเดาได้ว่าเขาเป็นผู้ใด หรือว่าเอกาลอสออกมาแล้ว"
    "เอกาลอสหรือ"
    "คงไม่ใช่เพราะข้าสัมผัสไม่ได้ถึงพลังของเขา"
« Last Edit: June 15, 2006, 03:55:42 AM by lastfriendder » Logged


~★~ Yeo Ree : Come light like a star ~★~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 216


Email
« Reply #2 on: June 15, 2006, 05:07:13 AM »

สร้างสรรค์ดีคร่ะ......... 8 / 10
แต่ยกบางส่วนของตัวละคร smn มาด้วยใช่ไหม ?

อิอิ น่าจะตั้งชื่อเองนะ ให้ดูเป็นเอกลักษณ์นะ
( ป.ล. ขยันพิมพ์จัง หรือว่าพิมพ์ใน word แล้วก็อปมาลงต่อ....งิงิ )

- ความจริงแล้วไม่ได้อ่านหมดทุกคำ ทุกบรรทัดหรอก แค่ดูผ่าน ๆ เฉย ๆ
   เง้อ...ถือสิทธิ์มาให้เรทเค้าซะงั้น !!!
« Last Edit: June 15, 2006, 05:08:17 AM by -:- Cute Arity -:- » Logged


lastfriendder
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 74


Email
« Reply #3 on: June 17, 2006, 06:22:54 AM »

อ่านที่นี้เลยเด่อค่ะ

http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=25;action=display;threadid=18649

แบบว่าบอร์ดเปิดแล้ว โง่ล็อคอยู่นาน
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.199 seconds with 21 queries.