Avatar เป็นภาพยนตร์พานิชย์เรื่องแรกนับจาก Titanic ของเจมส์ คาเมรอน และเมื่อวัดจากเสียงตอบรับของการฉายคลิปความยาว 25 นาที ในงาน Comic-Con ปีนี้ คาดการณ์กันว่าหนังเรื่องนี้จะสร้างความเกรียวกราวได้ไม่ต่างจากภาพยนตร์ รางวัลออสการ์ปี 1997 ของเขา
Avatar มีฉากเป็นดาวชื่อแพนดาร่าอันไกลโพ้น เป็นโลกที่ทุกสรรพสิ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร เต็มไปด้วยป่าที่มีต้นไม้สูงราว 1,000 ฟุต ซึ่งแปลกประหลาด เขียวชอุ่ม และเรืองแสงได้ ยังไม่รวมสัตว์นักล่าที่อันตรายมากมาย และชนพื้นเมืองที่เรียกว่าชาวเน’วี เป็นมนุษย์ร่างสีน้ำเงินตัวสูงใหญ่ ซึ่งรักสงบเว้นแต่ตอนที่ถูกรุกราน
เรื่องราวของหนังจะเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างชาวเน’วี และกองทัพของมนุษย์โลกที่รุกรานดินแดนของพวกเขา
ใน การสร้างหนังเรื่องนี้ คาเมรอนใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถทำให้เขาสร้างสิ่งมีชีวิตจากคอมพิวเตอร์ กราฟฟิกลงไปในร่างของนักแสดงที่เป็นคนจริงๆ ระหว่างถ่ายทำ คาเมรอนบอกเว่าเขียนโครงการหนังเรื่องนี้ขึ้นเมื่อ 14 ปีก่อน เพื่อใช้ประโยชน์จากศิลปะของงานอนิเมชั่น 3 มิติ อย่างที่ไม่เคยมีใครใช้มา ผลลัพธ์ก็คือทุกคนที่ไปร่วมกันอยู่ในโถง H ในงาน Comic-Con ถึงกับอ้าปากค้าง
ผู้ชมมากมายซึ่งหลายคนไปตั้งแคมป์รอชมร่วมกับแฟนๆ ของ Twilight ได้สิทธิพิเศษชมคลิปฉากต่อเนื่องของหนังเรื่องนี้ก่อนใคร เป็นฉากที่เจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ทธิงตัน) นาวิกโยธินหนุ่มผู้พิการเป็นอัมพาต ได้อาสาสมัครยอมเป็นร่าง “อวตาร” ร่างที่เกิดจากผลงานทางวิศวพันธุกรรมที่ผสมกันระหว่างมนุษย์และชาวเน’วี เขาต้องเจ็บตัวจากสิ่งมีชีวิตที่คล้ายไดโนเสาร์ เข้าไปเกี้ยวพาราสีเจ้าหญิงของชาวเน’วี รวมถึงแทรกซึมเข้าไปในเผ่าพันธุ์นี้
คา เมรอนประกาศว่าจะทดสอบหนังเรื่องนี้ด้วยผู้ชุมกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นมากในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ซึ่งเขาประกาศว่าเป็นวัน “Avatar Day” โดยจะฉายบางส่วนของหนังความยาว 15 นาที ให้ได้ชมกันฟรีตามโรงหนัง IMAX และโรงหนัง 3D ทั่วโลก
ในการแนะนำหนังเรื่องนี้ คาเมรอนบอกว่ามันถูกสร้างมา “เพื่อเด็กชายวัย 14 ปี ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ดีในจิตใจของเขา” แต่อย่าคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเหมาะสำหรับเด็ก เพราะ “ผมคิดว่าหนังเรื่อง Avatar จะมีเนื้อหาที่หนัก”
http://www.youtube.com/v/DYIMoSSB1K0&hl=en&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash“ผมไม่อยากบอกว่า มันสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้นมันจะเหมือนกับว่าเราทำหนังสารคดีอยู่” คาเมรอนบอก “แต่มันมาพร้อมคติสอนใจ ในความสนุกของหนัง มันอาจทำให้มนุษย์ทบทวนในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
หลัง จากฉายบางส่วนของหนังให้ชมแล้ว เห็นได้ชัดว่าทีมนักแสดงสมทบอย่างซิเกอร์นี่ วีเวอร์, ซู ซัลดานา และ สตีเฟ่น แลงก์ ต้องลงทุนและทุ่มเทพอๆ กับตัวผู้กำกับเอง ซึ่งพูดถึงชาวเน’วี ราวกับเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ศาสตราจารย์ ที่ USC ใช้เวลากว่าสองปีในการพัฒนาภาษาที่พิเศษเฉพาะขึ้นมาให้ชาวเน’วี นักแสดงทุกคนต้องฝึกการเคลื่อนไหวเพื่อให้ลดความเป็นมนุษย์ลงไป เธอยังต้องฝึกวูซู ฝึกขี่ม้า ยิงธนู และยกน้ำหนักเพื่อรับบทเป็นเนย์ทิรี เจ้าหญิงชาวเน’วี
คาเมรอนบอกว่า “เรารู้จักระบบนิเวศน์วิทยาและส่วนประกอบของชั้นบรรยากาศ ภูมิประเทศ พืชสายพันธุ์ต่างๆ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชาวเน’วี”
พร้อมๆ กันนี้คาเมรอนยังเผยภาพใบปิดแรกของหนังซึ่งเรานำมาให้ชมด้านล่างนี้ครับ เป็นภาพร่างอวตารของเจค ซัลลี่ ที่เวิร์ทธิงตันสวมบท ซึ่งสามารถคลิกชมภาพใหญ่กว่านี้ได้โดยคลิกที่ภาพ และก็ยังรวมถึงเว็บไซต์ของหนัง AvatarMovie.Com ครับ ซึ่งได้เปิดหน้าแรกของหนังออกมาแล้ว พร้อมจะเฉยโฉมส่วนอื่นๆ ของหนังอย่างเป็นทางการ 21 สิงหาคมนี้
ที่มา
http://www.jediyuth.com/index.php?option=content&task=view&id=4171&Itemid=2---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.youtube.com/v/J9QvS9Y_eX8&hl=en&fs=1&color1=0x234900&color2=0x4e9e00" type="application/x-shockwave-flashหลังจาก Titanic เมื่อปี 1997 ผู้กำกับตุ๊กตาทอง James Cameron ก็หายจ๋อมไม่ขยับทำอะไรใหม่ จนหลายคนสงสัยว่า Cameron คงออกอาการสติแตก กลัวทำหนังใหม่แล้วไม่ได้ จะเสียชื่อ สู้อยู่เฉยๆไม่ได้ เงินทองมีใช้เต็มตู้ จะไปดิ้นรนให้ลำบากอีกทำไม
นั่นคนอื่นคิด แต่ไม่ใช่ Cameron ล่าสุดหลังเวลาผ่านไป 9 ปี ผู้กำกับ Cameron ออกมาประกาศพร้อมทำหนังเรื่องใหม่ให้กับ 20th Century Fox ในชื่ออย่างเป็นทางการ Avatar หรือ อวตาร ในภาษาสันสกฤต แปลได้ว่า การแบ่งภาคมาเกิดบนโลก พล็อต เรื่องว่าด้วยทหารนายหนึ่งที่ต้องต่อสู่กับกองกำลังเอเลี่ยนในดินแดนต่างดาว อันไกลโพ้น หนังจะใช้นักแสดงจริงๆผสมกับเทคโนโลยีด้านดิจจิตอลเพื่อสร้างภาพตัวละครของ สิ่งมีชีวิตต่างดาวแบบเหมือนจิงที่ถ่ายทองอารมณ์และการเคลื่อนไหวได้เหมือน มนุษย์จิงๆครับ
"เชื่อหรือไม่ หนังเรื่องนี้ถ่ายแค่นิดเดียว" Cameron คุยคำโต "นี่คือโปรเจ็กต์ที่ใหญ่มากๆ "แต่ ทว่า โครงเรื่อง ของ Avatar ได้ถูกเขียนนานแล้ว แต่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เนื่องจากเทคโนโลยีก้าวหน้าไม่เพียงพอ Cameron ต้องพัฒนาเทคโนโลยีเทคนิคต่างๆมานานนับหลายปี บัดนี้ มันพร้อมแล้ว
เขาจะทำให้ภาพยนต์เรื่อง TiTaNic เป็นเที่ยวบินปิกนิกไปเลย
มาดูรายละเอียด เทคนิคที่ Cameron จะเอามาใช้ใน Avatar เรียกว่า performance capture ขณะที่เทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายขณะนี้เรียกว่า motion-capture
"ด้วย performance capture คุณสามารถบันทึกลีลาจังหวะการเคลื่อนไหวของนักแสดง แล้วก็แปลงเป็นตัวละคร CG ได้ทันทีโดยไม่ต้องให้ฝ่าย animator มาเติมเนื้อเติมตัวในคอมพิวเตอร์อย่างที่ทำกัน" Cameron อธิบาย "การแสดงของตัวละคร CG จึงไม่ได้มาจากใครหรือกลุ่มใด แต่มาจากนักแสดงโดยตรง ผมชื่นชมเทคนิคนี้มากๆ ผมต้องการเป็นผู้กำกับเป็นศูนย์กลางสามารถควบคุมกระบวนการ performance-capture ทั้งหมด เราคิดสร้างระบบนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีกลาย<2005>และตอนนี้เราพร้อมเปิดไฟเขียว"
http://www.youtube.com/v/CGs3_1qKl34&hl=en&fs=1&color1=0x234900&color2=0x4e9e00" type="application/x-shockwave-flashCameron กับ Vince Pace ใช้เวลาในการสร้างและพัฒนากล้องถ่ายหนังระบบดิจิตอล HD 3-D จุดมุ่งหมายของการสร้างกล้องระบบดิจิตอลนี้ของ Cameron คือทำเพื่อใช้เอง เขาใช้กล้องนี้ทดลองถ่ายหนังสารพัดสำรวจใต้ทะเลในระบบ 3-D เมื่อพบจุดอ่อนข้อบกพร่องก็นำมาปรับปรุงแก้ไข แม้กระทั่งยกเครื่องใหม่ก็ยังเคย ปัจจุบัน มีคนเอาระบบกล้องดิจิตอลของ Cameron ไปใช้ อย่างเช่น หนังของ Eric Brevig เรื่อง Journey 3-D ที่สร้างให้ค่าย New Line Cinema และอีกเรื่องเป็นหนังระบบ IMAX ชื่อ Ocean Frenzy และเรื่องที่ 3 ก็ Avatar ของเจ้าของระบบนี่แหละ
Cameron ว่าต่อไป มันเป็นระบบกล้องสเตอริโอที่ใหม่จิงๆ และภาพที่ออกมานั้นจะทำให้คุณเหมือนอยู่ในนั้นด้วย