เครดิต :
http://www.online-station.net/news/41/20212.htmlประเภท: REAL-TIME STRATEGY
ผู้พัฒนา: PHENOMIC
ผู้ผลิต: EA
ผู้จัดจำหน่าย: EA
เว็บไซต์:
WWW.BATTLEFORGE.COMกำหนดวางตลาด: ปลายปี 2008
นอกเหนือไปจากเกมแนวเดินหน้ายิงและสวมบทบาททั้งหลายแล้วนั้น เกมวางแผนแบบ Real-Time Strategy ก็เป็นอีกประเภทหนึ่งที่มีรูปแบบการควบคุมที่ซับซ้อนและอาศัยเวลาในการเรียน รู้วิธีการเล่นที่สูงติดเพดานบิน ซึ่งก็ถือเป็นเสาหลักแห่งแวดวงเกมพีซีที่ยังไม่ถือว่าถูกปล้นชิงไปโดยญาติ ห่างๆ อย่างระบบ Consoles แต่มันก็ถือเป็นดาบสองคมเมื่อข้อดีดังกล่าวกลายเป็นผลลบต่อบรรดานักเล่นเกม พีซีหน้าใหม่ใจรักที่ริอ่านอยากจะลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังเวียนออนไลน์ ที่ซึ่งเหล่าเซียนนิ้วระวิงทั้งหลายพร้อมใจกันกระหน่ำบรรดาหมูสนามให้ถึงกับ ร้องไห้จ้าหาแม่กันมานักต่อนัก ซึ่งกำแพงเหล็กกล้านี้เองที่ทาง EA และ Phenomic ทีมพัฒนาเกมตั้งใจที่จะทลายมันลงไปด้วยเกมอย่าง BattleForge ที่พวกเขาขนานนามให้กับมันว่าเป็นเกม 'RTS แบบออนไลน์' ที่ ไม่เพียงแต่เข้าถึงง่ายสำหรับมือใหม่ แต่ยังอุดมไปด้วยการสัประยุทธ์โรมรันที่เร้าใจกับบรรดามือเซียนทั้งหลายอีก ด้วย ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้มีโอกาสไปทดสอบตัวเกมในโหมดช่วยกันเล่นที่แสดง ถึงศักยภาพในแง่ของความเป็น RPG และเกมการ์ดเข้าไว้ได้อย่างลงตัว
แม้ว่าโดยหลักๆ แล้ว BattleForge จะเป็นเกม แนว RTS ที่คุณต้องสร้างและนำกองทัพของคุณเข้าสู้รบในสมรภูมิกับฝ่ายตรงข้ามในแบบ เวลาจริง แต่ระบบเกมส่วนใหญ่จะอิงกับรูปแบบการสะสมการ์ดเช่นเดียวกับที่มีในซีรีส์ Magic: The Gathering หรือ Pokemon อีกทั้งในส่วนของชื่อ BattleForge เองนั้นก็เป็นการบอกใบ้ถึงโลกของเกมโดยกลายๆ อันเป็นสถานที่ที่บรรดาสัตว์ร้ายในตำนานปกรณัมจะเดินออกมาเพ่นพ่านเพื่อ สร้างสีสันและขับเคลื่อนเนื้อหาของเกม ผมเริ่มต้นเกมด้วยการเลือกการ์ดออกมา 20 ใบจากกองสำรับที่ EA ได้จัดเตรียมไว้ให้ โดยเลือกสำรับทีมสีแดง 'ธาตุไฟ' ที่ประกอบไปด้วยเหล่าลูกสมุนตัวร้ายในระยะประชิด และคาถา 'มหาวินาศ' ส่วนเพื่อนร่วมทีมของผมเลือกสำรับสีฟ้า 'ธาตุน้ำแข็ง' ที่เน้นไปที่การป้องกันสุดแข็งและจู่โจมระยะไกลด้วยพลธนู (แต่สำหรับอีกสองฝ่ายที่เหลือจะมีให้เลือกเล่นในเกมเวอร์ชั่นเต็ม) ซึ่งรูปแบบการวางแผนก็มักจะวนเวียนอยู่กับการเลือกใช้และผสมผสานการ์ดที่คุณมีอยู่เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม
จะใช้จ่ายแต้มเพื่อเรียกกองทัพระดับปลายแถวเป็นฝูง หรือจะเก็บสะสมไว้เรียกยูนิตระดับยักษ์?
ตามสะดวกเลย ในส่วนของเควสต์ที่ผมเล่นอยู่นั้น ทั้งผมและเพื่อนร่วมทีมจะต้องต่อสู้กับบรรดาปีศาจ ลูกสมุนตัวโกง และรองบอสชุดใหญ่ๆ เพื่อหยุดยั้งเจ้า Soul Harvester บอสใหญ่ของ ภารกิจก่อนที่มันจะเดินทางไปถึงแหล่งกำเนิดพลังงาน ในส่วนของแผนที่ที่เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ นั้น ก็จะมีเส้นทางที่ค่อนข้างตรงสำหรับการเดินทัพของผม และในแต่ละพื้นที่นั้นก็จะมีศัตรูหน้าใหม่ๆ รวมถึงกับดักสภาพแวดล้อม และสิ่งก่อสร้างที่ผุดขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลากองทัพของผมเอาไว้ แน่นอนว่าเกมนี้ไม่มีการสร้างฐานเพราะคุณสามารถที่จะเรียกยูนิตในกองการ์ดลง สู่สนามรบได้ในทุกที่และทุกเวลา แต่คุณจะสามารถสร้างเครื่องทำลายป้อมขนาดใหญ่ได้ในภารกิจที่ต้องอาศัยการตี โอบล้อม ทั้งหมดนี้เป็นข้อยืนยันว่า BattleForge นั้น มีโหมดช่วยกันเล่นที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายจนแทบจะเป็นจุดแข็งหลักของมัน (แต่ โหมดสู้กันเองก็ยังมีอยู่นะครับ) อีกทั้งทางผู้พัฒนายังเตรียมที่จะใส่ภารกิจระดับมหากาพย์สำหรับผู้เล่น 12 คนที่จะมียูนิตนับร้อยตัวปรากฏอยู่บนหน้าจอ ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว
เจ้ายักษ์ใหญ่ Juggernaut ตัวนี้ชื่นชอบความรู้สึกที่ได้บดบี้ฝูงทหารสีฟ้าให้แหลกเละคาเท้า ในขณะเล่นนี้เอง ที่ผมลองเรียกเจ้า Fiery Emberstrike ยูนิตระยะประชิดระดับกลาง ก่อนจะสั่งการมันให้เข้าโรมรันในสนามรบ ระบบการสั่งการระดับย่อยในตอนต่อสู้ถูกจำกัดให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ ปัญหาสำหรับผมจึงเหลือแค่เพียงเลือกว่าจะจัดการกับศัตรูตัวไหน หรือเลือกใช้คาถาชนิดใด แต่ดูเหมือนว่ารองบอสตัวหนึ่งจะสามารถกวาดกองทัพเจ้าตัวเล็กของผมจนหาย เกลี้ยงในพริบตา ผมจึงต้องค่อยๆ ล่อมันให้มาอยู่ในระยะโจมตีของยูนิตที่แกร่งกว่า รวมถึงคอยให้เพื่อนร่วมทีมดักสอยด้วยอาวุธระยะไกลอีกทางหนึ่ง ในส่วนของยูนิตกับสภาพแวดล้อมเองก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งสวยงามและมีรูปแบบแอนิเมชั่นที่จ๊าบมากๆ อย่างเช่น เจ้ากองพันซี่โครงที่ลุกขึ้นจากสนามรบ หรือยักษ์ใหญ่ Juggernaut ที่กระหน่ำกระแทกกำแพงหินผา ทำให้ศึกครั้งหนึ่งๆ เป็นอะไรที่บันเทิงศิลป์ควรค่าแก่การรับชมพอสมควร
กองทัพนับร้อยกับป้อมปราการทรงพลังอาจจะไม่เพียงพอที่จะหยุดเจ้าแรดบ้าเลือด
ที่รู้จักแต่การวิ่งชนนี้ได้ง่ายนัก ผมกับเพื่อนร่วมทีมใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการจบภารกิจและกำจัดบอสใหญ่ ซึ่ง ทาง EA เองก็ได้ออกมาย้ำว่า ภารกิจหนึ่งๆ จะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 20 นาทีในการเล่น และที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือ บอสทุกตัวที่ถูกคุณกำจัดจะถูกนำมารวมในสำรับการ์ดเพื่อเรียกใช้ในครั้งถัดๆ ไป อันเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างสำรับการ์ดของเกม โดยตัวเกมจะวางจำหน่ายพร้อมยูนิต 80 ชนิดและภารกิจอีก 40 แผนที่ แต่สำหรับอีก 120 ชนิดที่เหลือผู้เล่นสามารถเลือกซื้อได้จาก 'ซองแยกขาย' ซึ่งแม้ทาง EA จะยังไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำไว้ แต่ก็ยืนยันอีกครั้งว่ามันจะไม่แพงอย่างที่คิด อีกทั้งคุณยังสามารถซื้อขายและแลกเปลี่ยนการ์ดชนิดต่างๆ ได้จากตลาดซื้อในเกม และนอกเหนือจากเนื้อหาในตอนวางจำหน่าย ทีมพัฒนายังตั้งใจไว้ว่าจะปล่อยแผนที่ให้โหลดกันฟรีๆ รวมถึงออกแบบยูนิตใหม่ในทุกๆ ปีอีกด้วย
สุดท้ายนี้เสน่ห์ของ BattleForge นั้นไม่ได้เป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องเข้ารวมกลุ่มหรือซื้อแพ็คการ์ดเริ่มต้นเป็นหลัก แต่อยู่ที่การร่วมเล่นกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในภารกิจและสะสมกองการ์ดของตัวเองไประหว่างทาง แน่นอนว่าด้วยงานศิลป์ที่น่าประทับใจ รวมถึงความเข้าถึงง่ายของตัวเกม คงเป็นเหตุผลที่ดีที่เหล่ามือใหม่ทั้งหลายจะกระโจนลงสู่สนามเกมวางแผนได้ อย่างสะดวกใจครับ
