Summoner Master Forum
October 04, 2024, 08:28:12 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: [ประกวด] เศษซากแห่งสงคราม  (Read 3503 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« on: August 18, 2007, 10:13:06 PM »

    บ่ายแก่ๆ ของวันที่ค่อนข้างร้อนวันหนึ่ง ณ ตลาดในเมืองฟีเลเซีย เมธาส เด็กน้อยซึ่งทำงานในร้านขายของเล็กๆ กำลังจัดข้าวของในร้าน ก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับมีดในมือ

    “เจ้าหนู ถ้าไม่อยากตาย ในร้านมีของมีค่าอะไรส่งมาให้หมด” คนร้ายตะคอกเสียงดัง

    เด็กน้อยหันไปเผชิญหน้ากับคนร้าย อย่างไม่กลัวเกรง ซึ่งความกล้าหาญแบบนี้เป็นลักษณะเฉพาะชาวฟิเลเซียอยู่แล้ว เด็กน้อยพยายามมองหาทางหนีทีไล่เพราะรู้ดีว่าพละกำลังของเด็กกับผู้ใหญ่นั้นต่างกันมาก แต่ขณะเดียวกันเจ้าของร้านก็กำลังเดินออกมาจากหลังร้าน

    “อะไรกันเนี่ย” เจ้าของร้านคว้าเอาดาบที่แขวนไว้ที่ผนัง ตรงมาขวางหน้าคนร้ายกับเมธาสไว้ “เมธาส ออกไปข้างนอกก่อน”
    “เจ้าแก่นี่ คิดจะขัดขืนเรอะ ส่งเงิน และของมีค่ามาซะดีๆ”

    เสียงเอะอะโวยวายจากในร้านทำให้ร้านข้างเคียงเริ่มผิดสังเกตุ เมธาสเองซึ่งยืนมองดูการต่อสู้ของเจ้าของร้านผู้สูงวัย แต่ทว่าในเสี้ยวอึดใจเดียวเท่านั้นที่คนทั้งสองล้มลงไปบนชั้นวางของในร้าน เจ้าคนร้ายก็ลุกขึ้นพร้อมกับมีดที่โชกด้วยเลือด ท่าทางของมันแสดงออกถึงความตื่นตระหนก มันรีบหันหลังวิ่งหนีออกไปนอกร้านทันทีแต่ก็ช้าไปเพราะชาวบ้านในละแวกนั้นได้ล้อมจับมันไว้ได้ เมธาสเองซึ่งเห็นภาพของเจ้าของร้านผู้มีพระคุณนอนจมกองเลือดอยู่ ก็ตกใจระคนโกรธเป็นอย่างมาก เขาตรงไปคว้าดาบจากมือเจ้าของร้านตรงไปยังคนร้ายที่กำลังหมดสภาพ เด็กน้อยกำดาบในมือแน่นใจคิดแต่เพียงจะต้องให้เจ้าคนร้ายนี้ได้รับโทษอันสาสม ไม่มีชาวบ้านคนไหนสังเกตุว่าเด็กน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงพริบตาเด็กน้อยยกดาบในมือขึ้นพร้อมกับฟาดลงไปที่ใบหน้าของคนร้ายเต็มแรง ก็มีดาบอีกเล่มหนึ่งเข้ามาขวางไว้

    ดาบของเด็กน้อยหล่นลงไปที่พื้นอัศวินในชุดผ้าคลุมขนนกสีขาวสว่างตา พร้อมหมวกที่ปิดบังดวงตาไว้แม่ทัพมาร์ตินแห่งกองทัพศาสนจักรอิเครเซียนั่นเอง ริมฝีปากเรียวบางเอ่บกับเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกว่า

    “เจ้าเด็กน้อย มือเจ้ายังไม่เคยเปื้อนเลือด จงอย่าให้เลือกสกปรกของคนบาปทำให้เจ้าแปดเปื้อนเลย”
    “มันฆ่าลุงของข้า เค้าเป็นเหมือนพ่อข้านะ เจ้าจะมาเข้าใจอะไร เค้าเป็นญาติคนเดียวที่ข้าเหลืออยู่นะ” เด็กน้อยตะโกนกลับ

    ฉับพลันอัศวินอีกคนหนึ่งในชุดเกราะซึ่งสวมหมวกปิดบังใบหน้ามิดชิดก็ตรงเข้ามาชี้ปลายดาบไปที่เด็กน้อย เป็นการเตือนว่ากำลังเสียมารยาท

    “แคลรอเรีย เค้าเป็นเด็กนะ” มาร์ตินพูดกับอัศวินคู่ใจของเขา
    “ดาบในมือเจ้ามีไว้เพื่อการฆ่าฟันเท่านั้นเหรอ เจ้าเคยคิดบ้างมั้ยว่ามันก็มีไว้เพื่อปกป้องผู้อื่นได้เหมือนกันหน่ะ”
    “แล้วความแค้นของข้าใครจะช่วยได้หล่ะ”
    “เจ้าไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วเหรอ” มาร์ตินนั่งลงข้างๆ เด็กน้อย
    “ไม่มี” เด็กน้อยส่ายหน้า
    “ไปกับข้าสิ ข้าจะสอนให้เจ้าเองว่าความแค้นหน่ะ มันสามารถหายไปได้อย่างไร”
    “ข้าจะไป แต่ต้องจัดการกับเจ้านี่ก่อน” เด็กน้อยทำท่าจะวิ่งเข้าไปจัดการคนร้ายซึ่งตอนนี้อยู่ในความควบคุมของทหาร
    “ไม่นะ นั่นไม่ใช่ทางออก ทางที่ข้าจะสอนให้เจ้าคือหนทางที่จะปกป้องผู้อื่นด้วยดายในมือที่เจ้ามี เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้อีก เจ้าคนร้ายนี่จะถูกทางการลงโทษในความผิดที่มันก่อ” มาร์ตินอธิบายให้เด็กน้อยที่กำลังโกรธฟัง
    “ก็ได้ ข้าจะไปกับท่าน แต่ท่านต้องสอนข้าจริงๆ นะ”

    มาร์ตินสั่งทหารนำตัวคนร้ายไปที่เรือนจำ พร้อมกับให้นำศพของชายชราเจ้าของร้านไปทำพิธี จากนั้นจึงพาเด็กน้อยเดินจากตลาดแห่งนั้นไป ทิ้งไว้เพียงร้านค้าเล็กๆ ที่กำลังจะปิดตัวลง
« Last Edit: August 21, 2007, 01:12:58 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #1 on: August 18, 2007, 10:15:11 PM »

    นับจากเหตุการณ์ในวันนั้นเวลาได้ล่วงเลยไปถึงสิบเอ็ดปี จากเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นกลายเป็นนักดาบฝีมือดีที่ได้รับการฝึกฝนจากมาร์ตินโดยตรง เมธาสหน้าหลุมศพของลุงของเขา เขายืนมองป้ายหลุมศพอยู่พักใหญ่ๆ มาร์ตินก็เดินมาจากด้านหลังของเขาในชุดลำลองแบบสบายๆ ซึ่งจะหาโอกาสได้เห็นเขาใส่ชุดแบบนี้ได้ไม่บ่อยนัก แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเขาคือหน้ากากที่ปิดบังดวงตาเอาไว้เช่นเดียวกับชุดเกราะที่เขาสวม

    “ก็นึกอยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมาที่นี่” มาร์ตินเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
    “ในโลกนี้จะมีใครที่รู้ทันข้าได้อีกนอกจากท่านคงไม่มีแล้วท่านอาจารย์” ชายหนุ่มพูดตอบอาจารย์ “ข้าเพียงแต่อยากจะบอกลาท่านลุง ก่อนจะไปรับตำแหน่งอัศวินแห่งมิราบิลิส”
    “ข้าภูมิใจในตัวเจ้านะ เจ้าสามารถเรียนรู้วิชาดาบต่างๆ จากข้าได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจทีเดียว ก่อนจะจากกันข้ามีสิ่งหนึ่งจะมอบให้เจ้า” มาร์ตินยื่นดาบเล่มหนึ่งให้กับเมธาส “ดาบเล่มนี้ข้าให้ช่างฝีมือดีที่สุดในแอนดิซองตีขึ้นให้เจ้าโดยเฉพาะ มันจะเป็นอาวุธคู่กายเจ้า จงใช้มันเพื่อปกป้องผู้อื่นอย่างที่เจ้าตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นเถอะ”
    “ครับท่านอาจารย์”


    เมธาสออกเดินทางจากฟิเลเซีย ไปยังมิราบิลิสเพื่อเข้ารับตำแหน่งอัศวิน แต่เมื่อมาถึงเขากลับได้รับข่าวสำคัญเสียก่อน

    “ตามเอกสารนี้ท่านคืนเมธาส ผู้จะมารับตำแหน่งอัศวินแห่งมิราบิลิสใช่มั้ย” หัวหน้าทหารในค่ายเอ่ยถาม
    “ใช่ ทำไมเหรอ”
    “ก่อนอื่นต้องขออภัยที่แจ้งให้ทราบฉุกเฉินไปหน่อย ตอนนี้เรามีภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่หน้าที่ของท่านหรอกนะ แต่ว่าคนที่ได้รับมอบหมายภารกิจนี้บาดเจ็บจนไม่อาจจะไปทำได้ และเราไม่มีกำลังคนเลย พิธีประดับยศของท่านจะเริ่มเย็นนี้เลย และท่านจะได้รับมอบภารกิจพรุ่งนี้เช้า”
    “ไม่เป็นไร ว่าแต่ว่าภารกิจอะไร”
    “อันนี้ข้าเองก็ยังไม่ทราบนะ เพราะรายละเอียดภารกิจยังไม่ส่งมาถึงข้าเลย แต่ว่าน่าจะเกี่ยวกับกองโจรที่ดักปล้นพ่อค้าที่เดินทางผ่านทะเลทรายฟาคารัฟเพื่อไปค้าขายยังซาโลมโน่นแหล่ะ”
    “งั้นเหรอ ขอบคุณท่านมากนะ” เมธาสรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รับภารกิจตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่ง


    คืนนั้นหลังจากพิธีประดับยศจบลง เมธาสยังคงอยู่ในงานเลี้ยงรับรองที่ทางกองทัพจัดขึ้น เขามองดูผู้คนในงานรื่นเริงกันอย่างเต็มที่ เขามองไปยังผู้ที่เข้าร่วมพิธีประดับยศอีกคนหนึ่ง ที่แต่งตัวด้วยชุดค่อนข้างแปลกตาซ้ำยังปิดหน้าตาจนมิดชิด กำลังยืนอยู่อีกด้านของห้องจัดเลี้ยงเช่นเดียวกับเขา แต่เมธาสไม่ได้ติดใจอะไรเป็นพิเศษเขาจึงออกจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปพักผ่อนเพื่อรับภารกิจในวันรุ่งขึ้น


    เช้าวันรุ่งขึ้นเมธาสรีบตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวเข้ารับภารกิจหลังจากจัดการเรื่องส่วนตัวเรียบร้อย เขาก็รีบตรงไปยังห้องประชุมกลางทันที เมธาสเข้าไปในห้องก็พบกับคนที่แต่งตัวประหลายเมื่อคืนนั่งอยู่ที่ห้องก่อนแล้ว เมธาสอยากจะเอ่ยทักทาย แต่ด้วยท่าทางอันสงบของชายคนนั้น ทำให้เขาเลือกที่จะเงียบไว้แล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งแถวหน้าสุด พักใหญ่ๆ หัวหน้ากองก็เข้ามาในห้องพร้อมกับนายทหารอีกห้านาย

    “เอาหล่ะ เริ่มเลยดีกว่านะมากันครบแล้ว เราได้รับการคำขอจากซาโลมให้ช่วยปราบกองโจรที่ดักปล้นพ่อค้าที่ไปค้าขายยังซาโลม เนื่องจากเหตเกิดที่ดินแดนรอยต่อระหว่างทะเลทรายฟาคารัฟ กับชายแดนของเรา เพราะกองทหารของซาโลมนั้นกว่าจะเดินข้ามทะเลทรายได้จะต้องใช้เวลานาน อีกทั้งเหตุการณ์นี้ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับอาณาจักรของเราอีกด้วย กษัตริย์ฮารีซันจึงทรงมีบัญชาให้กองอัศวินที่แปดภายใต้การนำของเซอร์เมธาส วินด์เชสส์ และเซอร์เคน คุราโอะ นำทหารยี่สิบนายไปยังทะเลทรายฟาคารัฟเพื่อสืบหาและปราบกองโจรกลุ่มนี้ ซึ่งข้อมูลได้รับมาชื่อของกองโจรนี้คือกองโจรวายุทราย ใครมีข้อสงสัยประการใดหรือไม่”
« Last Edit: August 21, 2007, 06:35:21 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #2 on: August 18, 2007, 10:18:05 PM »

-    “ท่านต้องการจับเป็นหรือจับตาย” เคนเอ่ยถาม
    “กองโจรนี้โหดเหี้ยมนัก ฆ่าคนเป็นผักปลา ทางการประกาศให้จับตายได้ แต่ยังไงก็พยายามจับเป็นไว้ก่อนก็แล้วกัน” หัวหน้ากองตอบคำถามของเคน
    “งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” เคนยังคงนั่งนิ่ง ตอบด้วยเสียงเรียบๆ
    “ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านโชคดีกับภารกิจแรกนี้”


    เมธาส และเคน นำกองอัศวินที่แปดออกเดินทางจากมิราบิลิสไปยังทะเลทรายฟาคารัฟ นายทหารในกองแม้จะไม่ใช่ทหารใหม่อย่างพวกเขาแต่ก็ยังอายุไม่มากนัก ทำให้เมธาสออกจะประหม่าสักหน่อยกับการที่ต้องออกคำสั่งกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกับและมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่เคนกลับต่างกันออกไปท่าทีของเคนนั้นดูสงบและเคร่งขรึม จนน่าเกรงขาม

    เป็นเวลาสองวันที่กองอัศวินที่แปดเดินทางออกจากมิลาบิลิสกองอัศวินเข้าพักยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ดูค่อนข้างครึกครื้น แม้จะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว เมธาสออกความเห็นกับเคนว่าควรจะให้ทหารได้พักสบายๆ เพราะคืนก่อนต้องนอนกลางป่ากันมา เคนไม่ขัดข้องอะไร กองอัศวินจึงตรงไปยังโรงแรมกลางหมู่บ้าน

    “ท่านเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้หรือ” เมธาสเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่หลังบาร์
    “ใช่แล้ว ท่านจะมาพักงั้นหรือ กี่คนหล่ะ” หญิงสาวตอบแต่ไม่เงยหน้ามามองเมธาส
    “ยี่สิบสองคน” เมธาสก้มหน้าลงไปใกล้ๆ กับหญิงสาวที่ยังคงก้มหน้าก้มตากับตัวเลขอะไรบางอย่างในสมุด
    “ท่านคงเป็นคาราวานพ่อค้าใหญ่มากสินะ” หญิงสาวเงยหน้ามามองก็ต้องตกใจกับหน้าของเมธาสที่อยู่ใกล้กับเธอมาก
    “ท่านจะทำอะไร” หญิงสาวถามเสียงดัง “ท่านไม่ใช่พ่อค้านี่นา”
     “ใช่ข้าเป็นอัศวินและท่านก็คงจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าท่านเงยหน้ามามองข้าซักนิดก่อนจะคุยกับข้านะ”
     “ค่าที่พักยี่สิบออเรียส ค่าเช่าคอกม้าอีกยี่สิบออเรียส ถ้าม้าของท่านต้องการหญ้ากับน้ำ ก็คิดเพิ่มอีกห้าสิบเดนาริอัน ส่วนอาหารก็ดูได้ที่เมนูที่ผนังด้านโน้น และไม่มีบริการเสริฟถึงห้อง ตกลงมั้ย”
     “อืมก็ไม่แพงนะ ทั้งหมดสี่สิบออเรียสกับห้าสิบเดนาริอันใช่มั้ย”
     “ใช่ ถ้าท่านจะพักคนเดียวนะ” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มยียวน
    “อะไรนะ ปล้นกันเลยดีกว่ามั้งแม่คุณ” เมธาสทำตาโตกับราคาห้องพักที่แพงมหาศาล “พลางเหลือบไปเห็นป้ายอัตราค่าที่พักที่เขียนไว้เพียงห้าออเรียสต่อคนต่อคืนเท่านั้น “นี่มันสี่เท่าของปกติเลยไม่ใช่รึไง เจ้าเห็นเราเป็นทหารเลยคิดจะโก่งราคาใช่มั้ย”
    “เมธาสให้ข้าจัดการเองดีกว่า” เคนบอกกับเมธาส “เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน”

    เมธาสออกมายืนรอข้างนอกอย่างหัวเสียกับความยียวนของหญิงสาวเจ้าของโรงแรม สักพักใหญ่ๆ เคนก็เดินออกมาพร้อมกับสั่งให้ทหารนำม้าไปไว้ที่คอก พร้อมหาหญ้ากับน้ำให้ม้าได้กิน แล้วแยกย้ายเข้าห้องพักของตนทันที เมธาสสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมเรื่องจึงง่ายขนาดนี้

    “นางไม่ค่อยชอบทหารซักเท่าไหร่ นางบอกว่าพวกทหารชอบใช้อำนาจข่มเหงชาวบ้าน” เคนหันมาพูดกับเมธาสก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ
    “งั้นข้าจะใช้กับนางเลยก็แล้วกัน” เมธาสรำพึงกับตัวเองเบาๆ
    “ท่านเป็นอัศวินแห่งมิราบิลิสที่มาปราบกองโจรที่อาละวาดในละแวกนี้จริงเหรอ” หญิงสาวเจ้าของโรงแรมถาม
    “ใช่แล้ว เอ่อ...” เมธาสอ้ำอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางพลางนึกสงสัยว่า เคนใช้คาถานินจาสะกดนางรึเปล่า
    “อ้อ ขอโทษที ข้าชื่อ ไอรีน ลอวว์ เมื่อก่อนเคยอยู่ที่ฟิเลเซีย แต่อยากอยู่สงบๆ ก็เลยมาอยู่ที่หมู่บ้านไกลๆ จากเมืองใหญ่ แต่เอาไปเอามาหมู่บ้านเล็กนี่ก็กลายเป็นทางผ่านสู่ซาโลม และเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนเข้าทะเลทรายฟาคารัฟ ก็เลยกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
    “ข้าชื่อเมธาส วินด์เชสส์ อย่างที่ท่านว่าข้ามาปราบกองโจรจริง และหากหมู่บ้านนี้เป็นประตูสู่ฟาคารัฟจริงหล่ะก็ กองโจรที่เราพูดถึงคงเป็นกองโจรวายุทรายใช่มั้ย”
« Last Edit: August 18, 2007, 10:35:27 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #3 on: August 18, 2007, 10:20:39 PM »

-    “ใช่แล้ว พวกมันคอยดักปล้นพ่อค้าที่ผ่านไปผ่านมา แต่นานๆ มันก็จะเข้ามาปล้นที่หมู่บ้านเหมือนกัน”
    “แล้วชาวบ้านทำไมยังอยู่ที่นี่ แล้วดูมีความสุขกันดีหล่ะ” เมธาสถามต่อ
    “ชาวบ้านเค้าไม่ยอมอ่อนข้อให้มันหน่ะสิ คนที่นี่เคยผ่านประสบการณ์แย่ๆ อย่างช่วงสงครามกันมาแล้วทั้งนั้น อีกอย่างพวกมันไม่เคยปล้นเราสำเร็จ จะเปรียบไปที่นี่ก็เหมือนกำแพงไม่ให้มันขยายเขตหากินไปได้นั่นหล่ะ” ไอรีนตอบ
    “แล้วเคยเห็นหัวหน้าของมันมั้ย” เคนถามแทรกการสนทนาของทั้งคู่
    “เคยเห็นไกลๆ นะตอนที่มันมาบุกหมู่บ้านครั้งนึง ไม่ผิดแน่กัลรูท มนุษย์หมาป่าดำ แห่งอดีตกองโจรป่าดำ”
    “ร่องรอยของสงครามที่ยังเหลืออยู่สินะ” เคนพูดอย่างเยือกเย็น
    “ที่ข้าสังเกตุอย่างนึงคืนที่มันจะลงมือมักจะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวงแล้วมันจะออกปล้นหรอกนะ คืนนี้ก็พระจันทร์เต็มดวง ถ้าพวกท่านโชคดีอาจจะไม่ต้องไปตามไล่ล่ามันก็ได้ เพราะแม้ว่าตอนดักปล้นพ่อค้ากัลรูทจะไม่ออกโรงเอง แต่ถ้าจะมาปล้นที่หมู่บ้านนี้ล่ะก็กัลรูทต้องมาด้วยตัวเองทุกครั้ง” ไอรีนเล่าต่อไป

    ทั้งสามแยกย้ายกันไปพักผ่อนหลังจากจบการสนทนา แต่ก็ไม่มีใครนอนหลับเต็มตาซักคนเพราะคิดไว้ว่าอาจจะได้พบกับกัลรูท และกองโจรวายุทรายก็เป็นได้

    และแล้วกลางดึกสงัดที่ทุกคนหลับสนิทนั้นเอง เสียงระเบิดดังสนั่นก็ปลุกทุกคนให้ลุกขึ้นจากเตียง เมธาสวิ่งมาดูที่หน้าต่างว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เขาเห็นคืนกลุ่มคนประมาณหกสิบคนวิ่งมาเป็นกลุ่มจากทางทะเลทรายฟาคารัฟ เมธาสรู้โดยสัญชาตญาณว่าเสียงเมื่อครู่คงเป็นสัญญาณบุกเขารีบคว้าดาบและสวมชุด จึงวิ่งลงมาชั้นล่างเพื่อสมทบกับไอรีน และเคน
    “พวกทหารออกไปตั้งขบวนด้านหน้าหมู่บ้านแล้ว เมธาสเจ้ามีแผนอะไรมั้ย”
    “ให้กองทหารคุ้มกันหมู่บ้าน ท่านมากับข้าเราจะไปจัดการเจ้ากัลรูท”
    “แต่ข้ายังไม่เห็นมันเลยนะ” ไอรีนพูดแทรก “น่าแปลกเพราะทุกทีมันต้องมาด้วยตัวเอง งั้นเดี๋ยวข้าจะไปดูให้เองว่ามันไปหลบอยู่ตรงไหน”
    “แล้วเจ้าจะไปยังไง”
    “บินไปไงล่ะ” ไอรินผิวปากเสียงดังแหลมทันใดนั้นเหยี่ยวตัวใหญ่ก็บินลงมาหาเธอ
    “อะไรละเนี่ย” เมธาสถาม
    “เจ้านี่ชื่อฟีโบ้” ไอรีนตอบ “เมื่อก่อนชั้นเคยเป็นผลแม่นปืนร่วมรบในสงครามมาก่อน พอสงคราบจบเจ้านี่ไม่ยอมไปไหนเลยอยู่ด้วยกันมาตลอด”

    ไอรีนขึ้นขี่บนคอของเจ้าฟีโบ้ มันพาเธอบินขึ้นท้องฟ้าอย่างรวดเร็วสมกับที่เคยเป็นนกในหน่วยพลแม่นปืน ไอรีนมองไปรอบๆ พยายามมองหาตัวของกัลรูท แต่ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ไม่เห็นเพราะแม้จะมีแสงสว่างจากดวงจันทร์บวกกับสายตาอันแหลมคมของเธอ และเจ้าฟีโบ้ก็ตาม ฟีโบ้พาเธอเธอบินออกมาบริเวณหน้าหมู่บ้านที่กองโจรกับกองทหารกำลังต่อสู้กันอยู่ แม้กองโจรจะมีกำลังคนมากกว่า แต่ด้วยฝีมือของเหล่าทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทำให้สถานการณ์ฝ่ายทหารค่อนข้างเป็นต่อ แต่แล้วสิ่งที่ไอรีนเห็นกลับสร้างความตื่นตระหนกให้กับเธอเป็นอย่างมาก ไกลออกไปทางทิศเหนือ สิ่งที่สร้างความตกใจให้กับไอรีนกำลังตรงมาที่หมู่บ้าน ไอรีนรีบควบเจ้าฟีโบ้กลับไปที่โรงแรมเพื่อแจ้งข่าว

    “สั่งคนของท่านถอยออกจากบริเวณนั้นเร็วเข้า” ไอรีนตะโกน “พวกมันถควบคุมเจ้านั่นได้ มันกำลังมาทางนี้”
    “เจ้านั่นหน่ะ อะไร” เมธาสถามต่อ
    “โกเลมทรายแห่งฟาคารัฟ” ไอรีนตอบ “เจ้ากัลรูทมันยืนอยู่บนไหล่ของโกเลมนั่น และมีใครอีกคนมากับมันข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
    “ให้มันมาเถอะข้าจะจัดการมันเอง” เคนพูดขึ้นมาบ้าง
    “จะบ้าเหรอ เจ้านั่นมันโกเลมทรายนะ” ไอรีนตวาด “ร่างกายมันดูดซับทราบได้ ยิ่งมีทรายมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
« Last Edit: August 21, 2007, 01:21:47 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #4 on: August 18, 2007, 10:22:42 PM »

-    “เป็นจุดอ่อนของมันสินะ” เคนตอบพลางหันหน้ามองออกไปด้านหน้าหมู่บ้าน
   “จุดอ่อนอะไรกัน นั่นมันเป็นจุดเด่นของมันต่างหาก” ไอรีนแหวใส่เคน
   “มันอยู่ที่มุมมอง นินจาจะต้องแปรเอาจุดแข็งของศัตรูมาเป็นจุดอ่อนให้ได้” เคนหันมาตอบไอรีน “เมธาสเจ้าจัดการกับกัลรูท ส่วนข้าจะจัดการเจ้าโกเลมทรายนั่นเอง”
   “เจ้าคนเดียวเหรอ” เมธาสถาม “ทางนั่นมีใครอีกคนก็ไม่รู้นะ”
   “ข้าเป็นนินจา นินจาหนึ่งคนสามารถรับมือคนได้เป็นร้อยจะกลัวอะไรแค่สอง และถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดอีกคนที่ว่าคงจะเป็นผู้ควบคุมเจ้าโกเลมนั่นมากกว่า” เคนพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งไปสั่งการให้กองทหารถอยออกจากบริเวณหน้าหมู่บ้าน

    เมธาสรีบตามไปสมทบกับเคน ส่วนไอรีนก็ขี่เจ้าฟีโบ้บินอยู่รอบๆ หมู่บ้านคอยยิงสนับสนุนเหล่าทหารที่กำลังล่อกองโจรออกให้พ้นจากบริเวณหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ตืนขึ้นมาเพราะเสียงการต่อสู้ออกมามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากทางหน้าต่างบ้านตนเอง คนที่เคยสู้กับกองโจรนี้มาแล้วต่างถืออาวุธออกมาเตรียมพร้อม และแล้วเจ้าโกเลมทรายก็เดินมาถึงหน้าหมู่บ้านตรงที่เมธาส และเคนยืนอยู่ กัลรูทยืนอยู่บนไหล่ขวาของเจ้าโกเลมทราย และทางไหล่ซ้ายผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสั่งให้เจ้าโกเลมหยุดเดิน และยืนนิ่งอยู่

    “ไอรีน” กัลรูทตะโกนชื่อของเธอ “ช่างเหมาะเจาะเสียเหลือเกิน ข้าได้ผู้ช่วยคนใหม่ ส่วนเจ้าก็มีอัศวินมาช่วย แต่ก็เสียใจด้วยนะท่าทางอัศวินของเจ้าคงไม่มีค่าอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของข้า ทางที่ดีก็ยอมมอบหมู่บ้านนี้ให้เป็นที่พักของกองโจรข้าดีกว่า”
    “เจ้านั่นแหล่ะที่จะเสียใจที่ไม่ยอมรามือจากหมู่บ้านของข้า” ไอรีนตะโกนกลับ
    “ข้าจะเป็นคู่มือให้เจ้าเอง กัลรูท” เมธาสตะโกนจากข้างล่าง “ข้าคืออัศวินแห่งมิราบิลิส รับคำสั่งมาจับกุมเจ้า”
    “เจ้าหนุ่มเข้าใจผิดอะไรรึเปล่า เจ้าจะมาจับข้าก็ต้องมาจับเอง จะให้ข้าเป็นฝ่ายลงไปให้เจ้าจับมันบ้าเกินไปมั้ง”
    “งั้นเจ้าก็ลงไปซะสิ” เคนพูดเบาที่ข้างหูของกัลรูท

    ไม่มีใครสังเกตว่าเคนขึ้นไปถึงตัวของกัลรูทตั้งแต่เมื่อใด แต่พอขาดคำเคนก็เตะเข้าที่ลำตัวของกัลรูทอย่างจังจนกัลรูทตกลงไปที่พื้นเบื้องล่าง กัลรูทโกรธมาตั้งท่าจะกลับไปสู้กับเคน แต่เมธาสตรงเข้าไปขวางไว้

    “ข้าบอกแล้วว่าข้าจะเป็นคู่มือให้”
    “งั้นข้าจะฆ่าเจ้า และนาช่าจะส่งสหายเจ้าไปเป็นเพื่อนในนรก” กัลรูทคำราม

    ทางด้านเคนหลังจากส่งกัลรูทลงไปด้านล่างให้เมธาสแล้วก็หันมายั่วโมโหโกเลมทรายนายของมันด้วยการใช้ระเบิดควันโจมตีตัวโกเลม แล้วจึงวิ่งหนีขึ้นไปที่เชิงผาด้านหลังหมู่บ้าน นาช่าบังคับโกเลมวิ่งตามเคนไป แต่ด้วยความเร็วของเคนทำให้ระยะห่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนาช่าตามมาจนถึงลานหินก็ไม่พบตัวของเคนแล้ว

    “เจ้าอยู่ไหนเจ้านินจา ออกมาเดี่ยวนี้นะ” นาช่าตะโกน
    “ข้าอยู่นี่” เคนปรากฏตัวออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ โกเลมทรายใช้กำปั้นทุบไปที่เคนทันที
    “หึ นึกว่าจะเร็วซักแค่ไหนเชียว” นาช่ารำพึง
    “ก็เร็วแค่นี้ไงล่ะ” เคนมายืนกอดอกอยู่บนหัวของโกเลททราย
    “อะไรกัน” นาช่าฟาดแส้ในมือของเธอไปที่เคน แต่ก็ได้แค่ลม
    “ช้าจังนะ ข้าอยู่ข้างๆ เจ้านี่ไง” เคนเปลี่ยนมายืนอยู่ด้านหลังของนาช่า

    นาช่าหันตัวกลับฟาดฝ่ามือไปที่หน้าของเคน แต่ก็ยังช้าไป เคนก้มตัวลงพร้อมกับใช้คุไนปักลงไปที่หัวไหล่ของโกเลมทราย แม้จะไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับโกเลมทรายได้ แต่เพราะเป็นจุดสำคัญทำให้โกเลมทรายขัดเคือง และโมโหได้ดีทีเดียว น่าช่าแทงเข่าไปที่หน้าของเคนอีกครั้งแต่ก็ยังพลาด เคนกระโดดไปที่หัวไหล่อีกข้างและปักคุไนอีกเล่มลงไปเช่นกัน คราวนี้เป็นฝ่ายโกเลมทรายที่ยกมือขึ้นหมายจะบี้เคน แต่เคนก็ไวกว่าพุ่งตัวไปที่ข้อศอกของมัน และปักคุไนอีกเล่มที่ข้อต่อตรงศอกของมัน ทางด้านขวา และกระโดดข้ามไปปักอีกเล่ม ณ จุดเดียวกันทางด้านซ้ายทันที
« Last Edit: August 21, 2007, 01:30:13 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #5 on: August 18, 2007, 10:23:53 PM »

    แขนทั้งสองข้าของโกเลม เคลื่อนไหวช้าลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เคนถอยออกไปยืนที่ริมผา นาช่าเห็นเป็นโอกาสที่จะต้อนเคนให้ตกหน้าผา จึงบังคับโกเลมที่ขายังใช้การได้ให้เดินตรงไปที่เคน เคนเองเห็นได้โอกาสจึงวิ่งไต่ขึ้นไปขาของโกเลมทราย และปักคุไนลงไปบนหัวเข่าของโกเลมทราย แต่ก่อนที่เขาจะกระโดดไปปักคุไนเล่มสุดท้ายที่หัวเข่าอีกข้างของโกเลมทรายนั่นเอง แส้ของนาช่าก็หวดมารัดคอของเคนได้พอดิบพอดี

    “หึ หึ หึ ข้าไม่ได้โง่ขนาดจะอ่านความคิดของเจ้าไม่ออกหรอกนะ” นาช่าดึงแส้ในมือให้กระชับขึ้น
    “แต่เจ้าก็ยังอ่านได้ไม่ครบหรอกนะ” เคนตอบ
    “คิดจะซื้อเวลาตายงั้นรึ”

    เคนไม่ตอบแต่ปล่อยมือที่ยื้อแส้ของนาช่า แล้วคว้าชูริเคนปาไปที่นาช่า แต่นาช่าหลบได้ ทำให้แส้ที่รัดคอของเคนอยู่คลายออก เคนร่วงลงสู่เบื้องล่างแต่เขากลับตัวกลางอากาศ และปักคุไนเล่มสุดท้ายลงไปที่หัวเข่าของโกเลมทราย โกเลมทรายทรุดตัวลงบนลานหินเพราะข้อต่อจุดสำคัญทั้งหลายถูกโจมตี แต่ทว่าพื้นที่เห็นเป็นลานหินก็ยุบตัวลงกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดย่อมๆ ซึ่งแท้จริงแล้วนี่คือกับดักที่เคนซึ่งวิ่งมาถึงแอ่งน้ำนี้ก่อนสร้างขึ้นด้วยวิชานินจานั่นเอง ตัวของโกเลมทรายลงไปแช่อยู่ในแอ่งน้ำ ทรายที่ร่างกายของโกเลมทรายดูดซับเอาไว้ซับเอาน้ำจากในแองจนน้ำในแอ่งแห้งขอด น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นรวมกับการถูกทำลายข้อต่อทำให้มันแทบจะขยับตัวไม่ได้ แต่มันยังใช้แรงทั้งหมดพยุงร่างขึ้นมา  และพยายามเดินไปที่เคนที่ยืนอยู่ริมผม เคนจึงพุ่งตัววิ่งไต่ไปบนตัวของโกเลมทราย และใช้ดาบคาตานะของเขาปักลงไปบนหัวของโกเลมทราย โกเลมทรายสิ้มลมหายใจ และร่วงลงจากหน้าผาสู่พื้นเบื้องล่าง นาช่าเห็นโกเลมของตนถูกฆ่าตายก็วิ่งตรงมาที่เคน และชักมีดสั้นออกมา แต่เคนก็เข้าประชิดตัวของนาช่าก่อนใช้ด้ามดาบคาตานะ กระแทกเข้าที่ท้องของนาช่าอย่างแรงทำให้นาช่าหมดสติลงไปนอนกับพื้น


    ทางด้านเมธาสกับกัลรูท ก็กำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง วิชาดาบที่มาร์ตินสั่งสอนให้เมธาสมาเป็นอย่างดี ปะทะกับประสบการณ์ในการต่อสู้อันโชกโชนของกัลรูท ทำให้การต่อสู้นี้ช่างคาดเดาได้ยากยิ่ง เมธาสวิ่งตรงไปยังกัลรูทพร้อมหวดดาบเข้าที่ลำตัวของกัลรูท กัลรูทเอี้ยวตัวหลบและใช้ดาบฟาดลงไปที่หน้าของเมธาส แต่เมธาสก็ยกดาบรับไว้ได้ไม่ยากเย็นพร้อมกับใช้ขาเตะเข้าที่ลำตัวของกัลรูท แต่กัลรูทใช้ท่อนแขนรับเอาไว้ได้ พร้อมใช้ตัวกระแทกเมธาสกลับบ้าง แต่ในจังหวะที่เมธาสถอยหลังออกมาเขาก็หวดดาบอย่างแรงทำให้ดาบของกัลรูทหลุดออกจากมือ พอตั้งหลักได้เมธาสก็โถมตัวเข้าใส่กัลรูทอย่างแรง กัลรูทล้มลงกับพื้นเมธาสตามซ้ำทันที แต่ด้วยประสาทสัมผัสแบบหมาป่าของกัลรูทกัลรูทดีดตัวขึ้นกระโจนใส่เมธาสก่อน และหมายจะขย้ำคอของเมธาส เมธาสเหวี่ยงตัวดิ้นหนีจากกรงเล็บ และคมเขี้ยวของกัลรูทได้ทันควัน เป็นโอกาสให้กัลรูทได้วิ่งไปคว้าเอาดาบของตนไว้ได้
    ทั้งคู่จดจ้องกันอีกครั้ง กัลรูทขู่คำรามตาววิสัยของหมาป่า เมธาสกำดาบในมือเอาไว้แน่น ปะทะสายตากับกัลรูทไม่ลดละ กัลรูทพุ่งดาบใส่เมธาสอย่างแรงเมธาสใช้ดาบปัดดาบที่พุ่งมากระเด็นออกไป แต่นั่นเป็นแค่กลลวง เพราะสิ่งที่ตามมาคือกัลรูท กระโจนใส่เมธาสอีกครั้ง แต่เมธาสรับการโจมตีโดยการใช้ด้ามดาบกระแทกที่ปลายคางของกัลรูท กัลรูตัวลอยหงายหลัง แต่ทว่ายังตั้งสติได้กัลรูทใช้ขาดีดเข้าที่ใบหน้าของเมธาสอย่างแรงเช่นกัน พร้อมกับกลับตัวกลางอากาศลงสู่พื้น และพุ่งตัวเข้ากระแทกเมธาสที่กำลังเสียหลักอีกครั้งหนึ่งจนเมธาสล้มลง กัลรูทคร่อมร่างของเมธาสเอาไว้ และใช้คมเขี้ยว เข้ากัดที่เป้าหมายคือคอของเมธาส แต่เมธาสยกดาบรับไว้ทันกัลรูทกัดดาบไว้แน่น เพื่อไม่ให้คมดาบบาดปากของตน เมธาสรวบรวมแรงที่เหลือยันเข้าไปที่ท้องของกัลรูทอย่างแรง กัลรูทดีดตัวออกมายืนสี่ขาตามสัญชาตญาณ และแล้วกัลรูทก็ใช้กำลังทั้งหมดม้วนตัวดีดเข้าใส่เมธาสอย่างแรง แม้เมธาสจะใช้ดาบรับเอาไว้ได้ แต่ก็ถึงกับผงะ ในจังหวะที่เข้าปะทะ กับรูทใช้มือจับไหล่ของเมธาสเอาไว้ และออกแรงถีบขาทั้งสองข้างดีดตัวออกจากตัวของเมธาสอีกครั้ง และม้วนตัวถีบตัวเองกับกำแพงหิน และพุ่งตัวเข้าใส่เมธาสอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ดาบในมือเมธาสกระเด็นไปไกลที่เดียวเพราะการปะทะที่แรงขึ้น กัลรูทตั้งหลักที่พื้นก่อนจะกระโจนเข้าใส่เมธาสอีกครั้ง แต่คราวนี้ใช้ขาถีบเข้าที่อกของเมธาสอย่างแรง เมธาสล้มลงนอนแผ่กับพื้นเพราะโดนโจมตีซ้อนๆ กันหลายครั้ง กัลรูทเดินมาใช้เท้าเหยียบที่ยอดอกของเมธาสเพื่อไม่ให้เมธาสขยับตัวหนีไปได้ในมือของกัลรูทกำดาบไว้แน่น

    “หึ หึ หึ ข้ายอมรับว่าเจ้ามีฝีมือดีทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาได้แค่นี้แหล่ะ” กัลรูทชูดาบในมือขึ้น
    “ไม่หรอก เจ้าต่างหากที่มาได้แค่นี้” ไอรีนโดดลงจากฟีโบ้หันปืนมาทางกัลรูท และไม่รีรอเธอเหนี่ยวไกทันที
« Last Edit: August 18, 2007, 10:36:49 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #6 on: August 18, 2007, 10:25:43 PM »

เปรี้ยง!!

กระสุนแหวกอากาศตรงเข้ากลางหน้าผากของกัลรูท กัลรูทล้มลงกับพื้นสิ้นใจทันที เมธาสพยุงตัวลุกขึ้นตรงมาที่ไอรีน

    “เจ้าฆ่ามัน สำเร็จ” เมธาสแสดงความยินดีกับไอรีน “ทีนี้หมู่บ้านเจ้าคงสงบสุขแล้วหล่ะนะ”

แสงสว่างยามเช้าค่อยๆ สาดส่องเหมือนเป็นสัญญาณร่วมยินดีกับชัยชนะที่ได้มาทั้งสองหันไปมองทหารกำลังนำกองโจรที่จับได้ออกมารวมกันไว้ที่ลานกลางหมู่บ้าน และแสงสว่างจากดวงตะวันก็ค่อยๆ เผยไม่เห็นสภาพของสิ่งๆ หนึ่งที่เป็นผลพวงจากการต่อสู้

    “ไม่จริงน๊ะ....!! บ้านของข้า....!!”

ไอรีนทรุดตัวลงมองดูโรงแรมของเธอที่พังทลายลงเพราะโกเลมทรายที่ร่วงลงมาจาหน้าผา ทับโรงแรมของเธอจนพังพินาศ

    “เอ่อ... ข้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจหน่ะ” เคนพยายามพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำลายความเงียบ
    “เจ้านินจาบ้า” ไอรีนหันมามองหน้าเคน “ยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอ เพราะกับดักบ้าๆ ของเจ้าบ้านข้าถึงได้พังแบบนี้นะ”
    “เอาน่าแล้วเราจะช่วยสร้างมันให้ใหม่นะ ใช่มั้ยพวกเรา” เคนหันไปมองยังทหารที่เหลือ แม้จะไม่มีทหารเสียชีวิตในการรบครั้งนี้ แต่ก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อยที่เดียว จึงไม่มีใครตอบอะไร
    “สร้างใหม่มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เอาบ้านข้าคืนมาน๊ะ” ไอรีบเริ่มร้องไห้หนักขึ้น
    “เมธาสเจ้าก็พูดอะไรบ้างสิ”
    “ข้า.... ก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดเหมือนกันหน่ะสิ” เมธาสมองหน้าเคน และยิ้มแหยๆ
    “เจ้าก็ด้วยเจ้าอัศวินขี้เต๊ะ ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งนานสู้กับพวกมันมาตลอด บ้านข้าไม่เคยเป็นอะไร เจ้าสองคนมาคืนเดียว บ้านข้าวินาศหมด ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าสองคนต้องรับผิดชอบ ข้าจะย้ายไปอยู่ที่มิราบิลิส และเจ้าจะต้องหาบ้านให้ข้าอยู่ด้วย”
    “อะไรนะ ข้าจะเอาเงินจากไหนมาให้เจ้ากัน”
    “ก็เงินรางวัลนำจับเจ้าพวกนี้ไง รวมกับเงินเก็บของข้าคงหาซื้อบ้านที่มิราบิลิส แต่คนที่จะต้องเป็นธุระหาให้ข้าต้องเป็นเจ้าสองคนนั่นแหล่ะ”
    “นี่แม่คุณเราเป็นอัศวิน เป็นข้าราชการ จะเอาเวลาที่ไหนมาตระเวนหาบ้านให้เจ้า ยิ่งเป็นเมืองสถาปนาใหม่อย่างมิราบิลิสหน่ะราคาบ้านแพงเป็นบ้าเป็นหลัง เงินแค่ไหนถึงจะพอ”
    “นั่นมันปัญหาของเจ้า และท่าทางเพื่อนเจ้าจะไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย อีกอย่างข้าก็เพิ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ”
    “เอ่อ มันเป็นความรับผิดชอบของเราเอง” เคนก้มหน้าตอบรับคำ
    “เจ้า อย่าใช้คำว่าเราสิ เจ้าเป็นคนทำนะ”
    “แต่ในเอกสารเจ้าเป็นหัวหน้ากองอัศวินที่แปดนะ” เคนมองหน้าเมธาสด้วยสายตากึ่งวิงวอน
    “เลิกเถียงกันแล้วมาช่วยข้าหาตู้เก็บเงินของข้าใต้ซากโรงแรมของข้าซะทีซะ” ไอรีนแหว “ชิ พูดแล้วยิ่งเจ็บใจ”

หลังจากเก็บข้าวของที่ยังพอใช้ได้ของไอรีน และเอาเงินเก็บของไอรีนที่เก็บไว้ในบ้านแล้ว ทหารที่ยังแข็งแรงดีก็จับบรรดาโจรวายุทรายรวมทั้งนาช่าที่ได้สติแล้วมัดรวมกันไว้ และเตรียมตัวออกเดินทาง ไอรีนเก็บสัมภาระของเธอมัดไว้กับม้าของเมธาส ก่อนจะขึ้นขี่เจ้าฟีโบ้ และแล้วกองอัศวินที่แปด และไอรีนก็ออกเดินทางสู่มิราบิลิสเพื่อรายงานภารกิจ และหาบ้านใหม่ให้ไอรีน
« Last Edit: August 18, 2007, 10:41:38 PM by Touya Kazami » Logged


Touya Kazami
Judge
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 425


Email
« Reply #7 on: August 18, 2007, 10:29:53 PM »

อธิบายเกี่ยวกับตัวละครเล็กน้อยครับ

เมธาส - ลูกศิษย์ของมาร์ติน เป็นตัวละครออริจินอลของผมเอง
คุราโอะ เคน - แน่นอนที่สุด การ์ดใบนี้เคยเป็นการ์ดที่หลายคนอยากได้เพราะความเท่ห์ และยังไม่เห็นมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองด้วย
ไอรีน ลอวว์ - ดูจากนามสกุล เธอต้องเกี่ยวข้องอะไรซักอย่างกับวิเวียน ลอวว์แน่นอน แต่เนื่อเรื่องของผมอยู่ในช่วงที่สถาปนาอาณาจักรมิลาบิลิสใหม่ๆ ดังนั้นเธอต้องเป็นรุ่นย่า ของวิเวียนล่ะมั้ง ตัวละครนี้ผมเอาแรงบันดาลใจมาจาก Falcon Sniper ครับ แม้ว่า Falcom Sniper ในรูปการ์ดจะออกเหมือนผู้ชายอยู่สักหน่อย แต่ว่าจริงๆ แล้ว Falcom Sniper เป็นแค่ยศ หรือตำแหน่งเท่านั้นเลยคิดว่าน่าจะมี Falcon Sniper ที่เป็นผู้หญิง หรือแม้แต่เด็ก เพราะว่า ไอรีนเองก็อายุไล่เลี่ยกันกับเมธาสนะเนี่ย
กัลรูท - ตัวละครตัวนี้เอามาจาก Black Wood Were Wolf ครับ ขโมยตัวป่วนแกมส์ โดยยึดเอาจากที่ว่าเป็นตัวที่เอามาวาดใหม่ใน M3 แล้วผมชอบมากเลยเอามาใช้
นาช่า - หลายคนคงนึกไม่ออกว่าตัวละครนี้คือใคร นาช่าคือการ์ดที่หลายคนคงจำเธอไม่ได้ เธอคือ Titan Charmer นั่นเอง
โกเลมทรายแห่งฟาคารัฟ - ถ้าใครจำไม่ได้ ก็คือ Fakaruff Golem ไงล่ะครับ

นิยายเรื่องนี้ผมพยายามใช้ตัวละครที่มีในการ์ดจริงให้มากเข้าไว้นะครับ ยกเว้นตัวพระเอกที่ใช้ออริจินอล แต่ก็พยายามกำหนดชื่อให้ตัวละครเพื่อความสมจริงของเนื้อเรื่องนะครับ ถ้ายังไงขอคำวิจารณ์ด้วยก็ดีนะครับ สำหรับคนที่อ่านจบแล้ว

จาก 7  รีพลายเนี่ย พิมพ์ในกระดาษ A4 จริงๆ ได้ 7 หน้าพอดีครับฟอนต์ขนาด 14

รายละเอียดที่อยู่นะครับ

พงษ์เทพ อุตมะ
22/3 ถ.บ้านเหล่า ต.หมากแข้ง
อ.เมือง จ.อุดรธานี
41000
« Last Edit: August 21, 2007, 01:33:27 PM by Touya Kazami » Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #8 on: August 18, 2007, 10:51:46 PM »

สนุกดีครับ น่าจะทำเป็นเรื่องยาวนะ เพราะเริ่มได้ไม่เลวเลยทีเดียว

ปล อยากจะบอกว่าคุราโอะอยู่ในยุคเดียวกะป้าวิเวียนนะครับ
Logged


Wonder~Tanu
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1526


Email
« Reply #9 on: August 20, 2007, 01:58:09 AM »

จบแบบขำๆบ้านพังซะงั้น
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #10 on: August 20, 2007, 07:57:29 PM »

ดูรูปการณ์แล้วเหมือนเป็นเรื่องยาวได้เลยนะนั่น

ถ้าอ่านแต่ชื่อจะนึกว่าตัวละครไม่รู้จักเต็มไปหมดเลย เหอ ๆ 
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.158 seconds with 21 queries.