Summoner Master Forum
November 26, 2024, 08:54:58 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: The Legend of Martin : The Tears Of Faith [Complete Prolouge]  (Read 2931 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
DynDasE
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 71


« on: December 14, 2005, 02:53:49 AM »

Prolouge

���       ณ เมือง ลาซาล ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทรายอันแห้งแล้ง เมื่อคราวที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ความมืดมิดได้แพร่ขยายไปสู่ทุกผืนแผ่นทราย นายทหารและลาซาลนับพันกำลังจัดทัพเป็นแนวป้องกันล้อมรอบป้อมปราการอย่างแน่นหนา สีหน้าหวาดหวั่นของเหล่าทหาร ล้วนแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าทหารเหล่านั้นได้รับทราบข่าวมาว่า การจู่โจมครั้งนี้เป็นฝีมือของ "บลาส เซจ" จอมมารแห่ง ซาโลม ผู้ซึ่งกระหายในครอบครองอาณาจักรทั้ง 4 ของทวีป เมอร์ริเซีย ผู้ซึ่งมีพลังอำนาจสูงส่งถึงขนาดสามารถกำจัดราชา ซาดิน และ ราชินี เนอร์ริมอร์ แห่งอาณาจักรซาโลม ได้ กองทัพปีศาจอมตะของ บลาสเซจนั้น เป็นที่กล่าวขานกันว่า แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเมอร์ริเซีย แม้ว่า ทางอาณาจักร ฟีเลเซีย ส่ง กองทัพศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ มากำราบแล้ว ก็ยังต้องพ่ายแพ้ อย่างราบคาบ นายทหารทุกคนของกองทัพศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์นั้น ได้ถูกปีศาจอมตะของ บลาส เซจ กลืนกินวิญญาณไปจนหมดสิ้น แล้วถูกทำให้กลายเป็นบริวารของเหล่ามารร้าย เข้าร่วมกองทัพปีศาจอมตะของบลาสเซจไปด้วยเหล่านายทหารชั้นสูงของ กองทัพศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีข่าวคราวมายืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่ ทั้งมาร์ติน และ คอร์เดลเลีย ผู้ซึ่งมีฝีมือฉกาจที่สุดในกองทัพ ก็ได้หายสาบสูญไประหว่างการรบครั้งนั้น
          และแล้วพระอาทิตย์ก็ตกลับขอบฟ้าไป ความมืดมิดก็มาเยือนภายในเวลาทันทีทันใด เมื่อแสงสว่างได้หายไป สายลมอันเย็นยะเยือก ได้พัดผ่านเมืองซาโลมอย่างรวดเร็ว ผิดไปกับอย่างที่ควรจะเป็น เหล่าทหารลาซาล ก็ได้เริ่มจุดคบเพลิง เพื่อที่จะได้มองเห็นสิ่งต่างๆที่คลืบคลานเข้ามาในบริเวณตัวเมือง เสียงลมพัดอันโหยหวนและลมอันหนาวเย็น ทำให้เหล่าทหารอกสั่นขวัญผลาไปตามๆกัน ด้วยความกลัวๆกล้าๆ ทหารลาซาลกลุ่มหนึ่งได้เดินออกไปสำรวจ ไม่ไกลนักจากตัวเมือง ซึ่งก็ไม่ได้พบสิ่งใดนอกจากทุ่งทะเลทรายในความมืดมิดอันอ้างว้างและกว้างใหญ่ ทันใดนั้นเอง เสียงร้องโอดครวญก็ได้ดังขึ้นมา สร้างความสยดสยองให้กับผู้ที่ได้ฟังไปตามๆกัน เหล่าทหารที่ออกไปสำรวจ นั้น ก็รีบวิ่งกลับเข้าเมืองมาอย่างเสียสติ นายทหารคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก็ได้หกล้มลง บริเวณนั้นเองก็ได้มีมือกระดูก ยื่นออกมาจากผืนทราย ดึงนายทหารคนนั้นจมลงไปในกองทรายจนเสียชีวิต

"ข้าศึกโจมตี! ข้าศึกโจมตี!" นายทหารที่วิ่งเข้ามาถึงตัวเมืองคนแรกสุด ตะโกนอย่างหวาดกลัว

"ทหารทุกคน เตรียมอาวุธ!" เสียงตะโกนของหัวหน้ากอง สั่งให้เหล่าทหารเตรียมตัวต่อสู้

           ทันใดนั้นเอง ภายในความมืดมิดก็เกิดแสงสว่างขึ้นมา เหล่าทหารกระดูกปีศาจเพลิง (Flame Soul Skeleton) จำนวนมหาศาลได้โผล่ขึ้นมาจากผืนทราย พร้อมทั้ง อัศวินแห่งความหายนะ (Dread Knight) ได้ยกทัพเข้ามาจากสุดขอบฟ้าซึ่งจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้ โดยที่มี บลาสเซจ จอมมารแห่งซาโลม นั่งเกี้ยว คอยดูสถานการณ์การรบมาแต่ไกลโพ้น

"ฮ่า ฮ่า ! ดู สิว่า ข้าจะสามารถทำลายลาซาลภายในคืนเดียวหรือเปล่า?" บลาสเซจกล่าวอย่างมั่นใจ

หลังจากที่เหล่านายทหารแห่งลาซาลกำลังตะลึงกับภาพที่ได้พบเห็น หัวหน้ากองรวมรวบกำลังใจฮึดสุดท้ายกล่าวออกมาว่า

"โจมตี! เพื่อลาซาลของพวกเรา" หัวหน้ากองตะโกนสั่งคำสั่งสู้ทหารทุกๆคน

          เหล่าทหารของ ลาซาล หลังจากที่ได้ยินคำสั่งแล้ว ก็ได้วิ่งออกจากเมืองอย่างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รูปขบวนของกองทัพได้แตกกระเจิงเพราะความหวาดกลัว และแล้วก็เป็นไปตามความต้องการของบลาสเซจ เหล่าทหารแห่งลาซาลได้ถูกสังหารอย่างง่ายตาย เพราะมีจำนวนที่น้อยกว่าเเละขาดกลยุทธ์ในการทำศึก เหล่าทหารของลาซาลที่ตายไปแล้ว กลับลุกขึ้นมาทั้งๆที่ไม่มีชีวิต และด้วยเวทย์มนต์อาคมที่บลาสเซจได้เสกเอาไว้ ผู้ที่ได้เสียชีวิตในสนามรบจะกลายไปเป็นบริวารของเขา ซึ่งจะเป็นอมตะและไม่มีวันตาย ศพเหล่านั้นจึงได้กลายไปเป็นอัศวินเเห่งความตาย (Dead Warrior) แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าทหารของลาซาล อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ โดยในไม่ช้า ทหารกองหน้าทั้งหมดของลาซาลก็ได้กลายเป็นบริวารของบลาสเซจไป ขณะที่กองทหารปีศาจอมตะกำลังจะบุกเข้าสู่ประตูเมืองลาซาล ชายคนหนึ่งได้กระโดดลงมาจากประตูเมืองลาซาล ยืนขวางทางปีศาจนับพัน โดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว

"เขาคือ.........." หัวหน้ากองคุยกับตนเองด้วยความสงสัย

          ชายคนนั้นมีผมสีทองและผมของเขายาวจนถึงสะโพก ถือดาบเล่มมหึมาด้วยมือขวาข้างเดียว สภาพสะบักสะบอม มีผ้าพันแผลไปเกือบทั้งตัว เขามีหน้า ตาที่หล่อเหลา แต่เต็มด้วยหนวดเครารกรุงรัง กายท่อนบนซีกขวาพันผ้าพันแผลไปหมด แต่กายซีกซ้ายยังคงสวมเกราะทองคำขนนกสีขาว ที่คนส่วนใหญ่ก็รู้จักกันดี แต่ไม่เคยมีใครที่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา มีสัญลักษณ์ กองทัพศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ตีตราอยู่บนดาบเล่มยักษ์ของชายคนนั้นด้วย ซึ่งยืนยันถึงตัวตนที่แท้จริงของชายคนนั้น

"ไม่น่าเชื่อ!.........เขาก็คือ......" หัวหน้ากองคนนั้นตกใจสุดขีด

          ทันใดนั้น ชายผู้หาญกล้าได้สะบัดเหวี่ยงดาบอันมหึมาไปที่เหล่ากองทัพปีศาจอมตะ ฟันโจมตีไปที่ลำตัวของปีศาจนับสิบๆ ตัว แสงสีขาวได้สอดสว่างออกมาจากบาดแผลของปีศาจเหล่านั้น แสงสว่างนั้นได้กัดกร่อนร่างกาย ของพวกมัน ทำให้พวกมันไม่สามารถคงสภาพร่างกายอยู่ได้ และแล้วพวกมันก็ได้สลายตัวหายไปภายในพริบตา

"หือ? เจ้าบ้านี่ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือนี่?" บลาสเซจ ตกใจเพราะได้มองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

"ไอ้เจ้าตัวตายยากเย็น........!"            

"เจ้ามาร์ติน!....."
« Last Edit: December 20, 2005, 01:12:06 PM by DynDasE » Logged


DynDasE
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 71


« Reply #1 on: December 18, 2005, 06:01:57 PM »

ต่อคร้าบผม  :)

          มาร์ตินก็ได้วิ่งบุกตะลุยเข้าไปในกลางฝูงปีศาจ เขากวัดแกว่งดาบเล่มยักษ์นั้นด้วยแขนข้างขวาโดยไม่แสดงทีท่าอันเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย เขาทำลายเหล่าปีศาจที่มารุกรานเมืองลาซาลแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เหล่าทหารที่กลัวขวัญผวา กลับมีกำลังใจขึ้นมาภายในเวลาทันทีทันใด มาร์ตินก็ได้ฟาดฟันกับเหล่าปีศาจ และได้เข่นฆ่าเหล่ามารร้ายไปเป็นจำนวนมาก อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสิ้น แต่ทว่า มาร์ติน ที่กำลังต่อสู้นั้น มีสีหน้าที่โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง แววตาหรือความรู้สึกใดๆ ก็ตามที่ แสดงออกมาจากสีหน้าของเขา ล้วนสื่อถึงความบ้าคลั่งอันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน

"อืม........ ทำไมเจ้ามาร์ตินทำไมยังคงมีชีวิตอยู่.....แถมแข็งแกร่งกว่าเมื่อพบเจอกับมันคราวที่แล้วด้วย?" บลาสเซจผู้เฝ้ามองดูเหตุการณ์ ครุ่นคิดอย่างสงสัย

"หรือว่า!!" บลาสเซจกล่าวอย่างตกใจ จากนั้นก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

บลาสเซจ ได้ชูมือขึ้นไปบนฟ้า แล้วตะโกนว่า "ซานาเร็กซ์ (Zanalex) ! จงปรากฏกาย!"

ทันทีที่กล่าววาจานั้นเสร็จสิ้น ควันสีแดงก็ได้ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าเหนือบลาสเซจ เมฆควันเหล่านั้นได้ลงมารวมตัวกัน ปรากฎกายของ จอมเวทย์มนต์ดำ ลงมาคุกเขาต่อหน้าบลาสเซจ

"เรียกข้าหรือ อาจาร์ย" เขากล่าว

"บังเอิญว่า เพื่อนเก่าของเรา กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งน่ะ! จงไปได้ศิษย์ของข้า ! จงไปจัดการศัตรูของข้า อย่าให้มันเหลือซาก!" บลาสเซจกล่าว

"รับทราบ!" จากนั้น เขาก็แปลงกลายไปเป็นควันสีแดง บินตรงไปหา มาร์ติน อย่างรวดเร็ว

          หลังจากที่มาร์ตินได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน เหล่าปีศาจร้ายก็ได้ล้มตายไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ เขาก้มลง แล้วใช้ดาบเล่มยักษ์ของเขายันตัวไว้กับพื้นทรายเพื่อไม่ให้ตัวเองล้ม เพราะความเหนื่อยล้า

"มาร์ติน! มาร์ติน! " เสียงเชียร์ของเหล่าทหารลาซาลดังอย่างไม่ขาดสาย

          ขณะที่เดียวกันนั้นเอง กลุ่มควันสีแดงก็ได้ พุ่งตรงมาหามาร์ติน อย่างรวดเร็ว มาร์ติน สังเกตุเห็นทันจึงได้เบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว กลุ่มควันที่พุ่งผ่านนั้นได้หลอมละลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัสโดนทั้งหมด กลุ่มควันนั้นก็ได้รวมตัวกันปรากฎตัวอยู่ข้างหลังมาร์ติน

"ไวดีนี่!" พอ ซานาเร็กซ์ กล่าวเสร็จ ก็ยิงลูกไฟขนาดใหญ่ ไปที่มาร์ติน

"ฮึ่ม!" มาร์ติน ก็พุ่งตัวเข้าไปหา ลูกไฟ นั้นแล้วใช้ ดาบเล่มยักษ์ ฟัน ลูกไฟออกเป็น 2 ซีก ทำให้ลูกไฟนั้นพุ่งออกไปคนละทาง

"ไม่ได้เจอกันนาน ฝีมือแก่กล้ามากขึ้นเยอะเลยนิ!" ซานาเร็กซ์กล่าวชม มาร์ติน

"รับไปอีก Soul Burn!" เขาปล่อยลูกไฟ อีกลูกหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก

มาร์ติน ก็ใช้ดาบขนาดมหึมานั้น ฟันลูกไฟอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ ลูกไฟไม่ได้ลอยออกไป มันยังคงลุกไหม้อยู่ตรงหน้ามาร์ติน

เหล่าทหารลาซาลก็ตกใจกลัว เพราะคิดว่ามาร์ตินได้ถูกไฟเผาไปแล้ว

"ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เปลวเพลิงของข้าไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ หรอก!" ซานาเร็กซ์หัวเราะอย่างชอบใจ

"ย้าก!" มาร์ตินกระโดดทะลุลูกไฟออกมา อย่างไม่น่าเชื่อ พุ่งตรงไปยัง ซานาเร็กซ์ อย่างรวดเร็ว

"อะไรกัน!" ซานาเร็กซ์ ตกใจเป็นอย่างมาก

มาร์ติน เหวี่ยงดาบขนาดยักษ์อย่างว่องไว แล้ว ฟันเข้าไปที่ลำตัวของ ซานาเร็กซ์ ทำให้ลำตัวนั้นขาดเป็น 2 ท่อนออกจากกัน

"แก!" ซานาเร็กซ์ แปลงกายเป็นควัน เพื่อสมานบาดแผลฉกรรจ์ในเวลาอันรวดเร็ว

ทันใดนั้น มาร์ตินก็เอาดาบเล่มยักษ์จ่อที่คอหอยของ ซานาเร็กซ์ เพื่อให้ ซานาเร็กซ์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

"ทำไมแกถึงไม่ถูกไฟเผา?" ซานาเร็กซ์ตะโกนอย่างสงสัย

"......" มาร์ตินไม่ได้กล่าวอะไร แล้วแทงดาบเล่มนั้นเข้าที่คอหอยของ ซานาเร็กซ์ทันที

" หนอยแก!" ซานาเร็กซ์ แปลงร่างเป็นควัน บินผ่านออกมาเพื่อหลบหลีกดาบของมาร์ติน

เมื่อซานาเร็กซ์มีเวลามากพอที่จะสังเกตุดู บนร่างกายของมาร์ตินนั้น มีบาดแผลไฟไหม้เต็มไปหมด บาดแผลบนร่างของมาร์ตินนั้น ค่อยๆสมานตัวกัน

อย่างช้าๆ จากนั้น บาดแผลบนตัวของมาร์ตินทั้งหมดก็หายไป

"แก!    ไม่น่าเชื่อแกจะ......" ซานาเร็กซ์กล่าวด้วยความตกใจ

"มีพวกแก...." มาร์ตินกล่าว
"มีพวกแกเท่านั้น ที่ไม่สามารถให้อภัยได้!" เมื่อกล่าวจบมาร์ตินได้รวมรวบพลังที่มีแสงสีขาวบนดาบเล่มยักษ์นั้น แล้วฟาดฟันเป็นคลื่นพลังทำลายไปที่ซานาเร็กซ์

"อย่าคิดว่าจะง่ายเช่นนี้นะ แก! Aura Blast!" ซานาเร็กซ์ระเบิดพลังจากตัวเป็นรัศมีกว้าง แผ่ขยายออกอย่างไม่มีสิ้นสุด

คลื่นทำลายของมาร์ติน ทำลายม่านพลังของซานาเร็กซ์อย่างง่ายดาย แล้วพุ่งเข้าไปฟันซานาเร็กซ์ จนตัวขาดออกเป็น 2 ซีก

"แก! อ๊ากกก!!!" ซานาเร็กซ์ร้องอย่างทรมาน

แสงสีขาวสีสาดส่องออกมาจากร่างของซานาเร็กซ์ กัดกินร่างกายของเขาทำให้ไม่สามารถกลายร่างเป็นควันได้

"จงกลายเป็นความว่างเปล่าไปซะ!" มาร์ตินกล่าว แล้วมองดูร่างของซานาเร็กซ์ค่อยๆ หายไป

"จำคำข้าเอาไว้ให้ดี ไม่มีที่ในสวรรค์ให้กับพวกขายวิญญาณอย่างแก!" ซานาเร็กซ์กล่าว

"ข้าเกิดมาเพื่อทำลายพวกเจ้า เพื่อที่ข้าจะสามารถทำลายมารร้ายอย่างพวกเจ้าได้ การได้ไปสู่อาณาจักรพระเจ้าก็หาสำคัญไม่" มาร์ตินกล่าว

"อ๊าก!" ซานาเร็กซ์ได้ถูกแสงสว่างกลืนกิน แล้วหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

"เฮ!" เหล่าทหารลาซาลส่งเสียงร้องอย่างยินดีปรีดา เพราะว่าศัตรูได้ตายจนหมดสมรภูมิแล้ว จากนั้นก็มีทหารลาซาลลงมาต้อนรับมาร์ติน อย่างเปี่ยมปิติยินดี

"ชายที่ขายวิญญาณให้กับสิ่งที่ตนเกลียดที่สุด เพื่อสิ่งที่ตนรักมากที่สุด...."

"แล้วแกจะรู้ว่า นรก น่ะ จะเป็นที่ ที่ แก อยากไปให้ถึงเร็วที่สุด...."

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" บลาสเซจกล่าวแล้วก็นั่งเกี้ยวกลับไปยัง Zalom

Tears of Faith : The Legend of Martin
« Last Edit: December 20, 2005, 01:13:58 PM by DynDasE » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #2 on: December 18, 2005, 10:01:47 PM »

ให้บทบาทเด่นแก่มาร์ติน กับเนื้อเรื่องที่ลื่นไหลของบทอย่างต่อเนื่องและบรรยายให้เห็นภาพได้อารมณ์ดีครับ  :) แต่บางช่วงดูติดไปหน่อยดูลายตา หากเว้นบรรทัดย่อหน้าหน่อยจะดีมากเลยครับ  :)
Logged


DynDasE
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 71


« Reply #3 on: December 20, 2005, 01:14:39 PM »

ขอบคุณมากครับ เว้น และย่อหน้าแล้วครับผม
« Last Edit: December 20, 2005, 01:16:42 PM by DynDasE » Logged


โยศิ, องเมียวดอกซากุระ
Member
*****
Offline Offline

Posts: 3805


Email
« Reply #4 on: December 20, 2005, 02:24:55 PM »

อืมแปลกใจอยู่2ข้อ

1. คำก็ดาบเล่มยักษ์ 2คำก็ดาบเล่มยักษ์
Nikao, Sword of Martinมันใหญ่มากเลยเหรอ :o

2. ซานาเร็กส์นี่ใครอ่า ???
Logged


DynDasE
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 71


« Reply #5 on: December 20, 2005, 03:47:06 PM »

1.ก็มันม่ะช่าย Nikao อ่ะครับผม
ดาบชื่อ "Gedachtnis , The Great Sword of Martin" แปลว่า "ความทรงจำ" ครับ ผมแต่งขึ้นมาเองครับ
กำลังร่างภาพอยู่ครับผม http://album.romerun.com/altarian29/folder/24174/album/40457/image/819466/pic/original.jpg
2.Zanalex แต่งชื่อมาเองครับผม เหอๆ ไม่มีตัวตนจริงๆใน Summoner หรอกครับ แค่หาชื่อมาใส่เท่านั้นเอง ไม่งั้นต้องพิมพ์ "ลูกศิษย์ของบลาสเซจ" เอาง่ะ
Logged


โยศิ, องเมียวดอกซากุระ
Member
*****
Offline Offline

Posts: 3805


Email
« Reply #6 on: December 20, 2005, 05:12:24 PM »

อืม ใช้ได้

งั้น ขอตินิดนึงส์นะ(คติส่วนตัวเล็กๆ)
ทำไม คุณ แต่งเรื่อง(รวมถึงดาบ)ให้มาร์ติน
เหมือนมาร์ติน เป็นคนเถื่อน(ออกแนวbastard) ทั้งๆที่มาร์ตินเป็น อัศวินศาสนจักรละครับ ???
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.091 seconds with 21 queries.