Chapter29 สายลมแห่งความทรนง
ในเวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ จอมทัพแห่งฟีเลเซียก็ฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว บาดแผลต่างๆแทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดใดๆ และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะได้รับการเสริมพลังตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่ ทุกวันชาร์ลจะไปสนามฝึกซ้อมภายในกองทัพเพื่อฝึกร่างกายอย่างหนักและในวันนี้ก็เช่นกันที่แม่ทัพหนุ่มคลุกอยู่แต่ในสนามฝึกซ้อม แท่งเหล็กหนาหลายแท่งถูกมัดติดตามร่างกายของเขา ในมือถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่แทนดาบคู่ใจกวัดแกว่งจากกระบวนท่าหนึ่งไปอีกกระบวนท่าหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว นายทหารฝีมือดีมากกว่าสี่สิบนายในชุดเกราะป้องกันเต็มยศต่างยืนรายล้อมรอหาจังหวะเข้าจู่โจมผลัดกันถาโถมเข้าฟาดฟันใส่จอมทัพฟีเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด แม้ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดพักกันสักนาที
ทันใดนั้นเสียงแตรก้านยาวก็ดังขึ้นประกาศการมาถึงขององค์กษัตริย์ กษัตริย์ซิกมันต์ที่3 ในชุดเกราะเต็มยศสีเขียวเข้มมันวาวเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมบิชอปเกรเกอรี่ และ ทหารผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
ข้าดีใจที่ท่านขยันฝึกซ้อมถึงขนาดนี้ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่งให้กับพวกทหาร แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้หักโหมมากจนเกินไป ซิกมันต์กล่าวแก่ชาร์ลผู้เป็นทั้งอาจารย์และสหายคนสนิท พลางกวาดตามองแท่งเหล็กที่ถูกมัดติดตามร่างกายของชาร์ล
ฝ่าบาท เวลานี้ร่างกายของหม่อมฉันดูจะแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่หม่อมฉันก็ประมาทไม่ได้ กองทัพของพวกซาโลมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน ทั้งสัตว์ประหลาดทั้งทหารปีศาจ แม่ทัพหยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งราวกับหวนระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ หลังจากการประมือกับแม่ทัพของฝ่ายนั้นจนอาการสาหัสอยู่เป็นเดือน หม่อมฉันก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ฝึกฝนร่างกายได้อีก การจู่โจมของมันแต่ละครั้งถ้าโดนเข้าทีหนึ่งก็แทบปางตายได้เลย หม่อมฉันจำเป็นต้องว่องไวยิ่งกว่าสายลม ครั้งหน้ามันจะไม่มีโอกาสได้หนีการประลองไปกลางคันแบบนี้อีก ชาร์ล กล่าวอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงการประลองทั้งสองครั้งที่ทำให้เกียรติของเขาต้องด่างพร้อย
ท่านแม่ทัพ ข้าเข้าใจความคับข้องใจของท่านดี แต่ความโกรธจะทำให้ท่านขาดสติในการตัดสินใจที่ดีได้ บิชอปกล่าวเตือนอย่างไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยของจอมทัพหนุ่มผู้นี้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนอารมณ์ดี และสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้เก่ง
ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อโดนบิชอปแกล้งเหน็บ ท่านบิชอป ข้าใช้ความขับข้องใจของข้าไปออกที่แรงที่กำลังนะ ไม่ได้ไปออกที่สมอง
ดี ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไง ซิกมันต์กล่าวขึ้นบ้าง ดาบของท่าน ข้าให้ช่างหลวงเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว
ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แรงปะทะจากเคียวของแม่ทัพทมิฬนั้นทำให้คมดาบหม่อมฉันบิ่นไปหลายที่... เดี๋ยว...ฝ่าบาทตรัสว่าเปลี่ยนอย่างนั้นเหรอ? ชาร์ลถามอย่างไม่แน่ใจ
ซิกมันต์โบกมือเป็นสัญญาให้นายทหารผู้ติดตาม สักพักนายทหารสองนายก็ช่วยกันลำเลียงดาบของชาร์ลเข้ามา ดาบสีเงินอมเขียวขนาดใหญ่เงาวาวคมกริบ ที่ตัวดาบมีลายเส้นสีแดงสวยงาม ด้ามจับสีน้ำเงินยังคงเดิมทว่าหุ้มด้วยหนังมังกรถักอย่างสวยงาม
ดาบนี้หลังจากที่ฝ่าบาททรงปรับเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว ข้าได้เชิญนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์มาร่วมกันสวดและอวยพรแก่ดาบเล่มนี้ ข้าได้ตั้งชื่อให้ดาบเล่มนี้ว่า คูนีกุนเด(Kunigunde, the Sword of Charles) ตั้งชื่อตามนักบุญหญิงผู้เป็นราชินีชาตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ ตัวดาบเป็นโลหะจากสายแร่ใหม่ที่พบบนเกาะวาร็อค เนื้อแข็งมากแต่น้ำหนักเบา เวลานี้ดาบเล่มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งของฟีเลเซีย จงใช้มันเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียเถิด บิชอปเกรเกอรี่กล่าวพร้อมกับวาดมือเหนือดาบคูนีกุนเด
ข้าสั่งให้ใช้โลหะนี้ทำชุดเกราะใหม่ให้แม่ทัพทุกคนรวมถึงท่านด้วย มันคงทำให้ท่านเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นมากทีเดียว ซิกมันต์กล่าว
ลองดูสิ เกรเกอรี่แนะ
เหล่าทหารต่างช่วยกันปลดท่อนเหล็กออกจากตัวจอมทัพ ชาร์ลยกดาบขึ้นคะเนน้ำหนัก เขาอดยิ้มอย่างชื่นชมและตื่นเต้นกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ไม่ได้ สายตาเขาไล่ละไปตามคมดาบ
มันเบาขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ
ซิกมันต์ผายมือไปกลางสนามซ้อม ซึ่งจอมทัพหนุ่มก็ปฏิบัติทันที ชาร์ลเหวี่ยงดาบเบาๆเพื่อสร้างความคุ้นเคย สักพักจึงเริ่มตั้งท่าร่ายรำเพลงดาบ เสียงคมดาบแหวกอากาศค่อยๆดังเร่งจังหวะถี่ระรัวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกคนแทบจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากเสียงหวีดหวิวของลมที่เกิดจากคมดาบ รอบๆบริเวณนั้นเกิดลมหมุนพัดเอากิ่งก้านของต้นไม้โยกไหวอย่างแรง ใบไม้หลุดร่วงปลิวว่อน
ซิกมันต์พยายามจ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของชาร์ลตาไม่กระพริบ เวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลอีกต่อไป
หยิบท่อนเหล็กพวกนั้นมา ซิกมันต์ออกคำสั่งให้ทหารนำท่อนเหล็กที่ชาร์ลใช้มาสักครู่มาให้ตน
ซิกมันต์หยิบท่อนเหล็กขึ้นมาท่อนหนึ่งเขวี้ยงไปเหนือจอมทัพหนุ่มทันที ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นชาร์ลก็ทะยานขึ้นและลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แท่งเหล็กนั้นก็ถูกตัดขาดเป็นสี่ท่อนร่วงลงสู่พื้น แต่ยังไม่ทันที่จะตกกระทบพื้น ชาร์ลก็ตวัดดาบอีกครั้งตัดท่อนเหล็กเหล่านั้นที่จุดกึ่งกลางพอดิบพอดีจนดูราวกับว่าเขาได้คำนวณขนาดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
บรรดานายทหารต่างปรบมือกันเกลียวด้วยความอัศจรรย์ใจ ทั้งซิกมันต์และเกรเกอรี่ต่างก็ยิ้มพยักหน้าอย่างชื่นชม ชาร์ลเดินเข้ามาคำนับขอบคุณบุคคลทั้งสอง
ทันใดนั้นทหารนายหนึ่งก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสามอย่างรวดเร็วกล่าวรายงานเสียงดัง
ฝ่าบาท กองทัพซาโลมมีการเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ซิกมันต์ยิ้มอย่างสะใจ ศึกครั้งนี้ไอ้พวกซาโลมจะต้องประหลาดใจแน่