Title: @@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:12:17 AM Chapter20 น้ำจากพระทัย [/size]รุ่งสางของวันใหม่ ขณะที่ทุกชีวิตกำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข ฝูงมังกรไฟนับร้อยต่างโผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเช้าอย่างรวดเร็ว ราชินีแห่งซาโลมนำฝูงมังกรบินวนสูงเหนือป่าทมิฬและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงโดยรอบถึงสามครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าลูกตาแก้วที่ติดอยู่บริเวณอกของซาลามันเดอร่าจะสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆของป่าบริเวณนี้ได้ครบถ้วน นางก้มลงมองดูภาพเบื้องล่าง ทะเลเมฆสีเขียวทึบเมื่อคืนนี้เพียงแค่สัมผัสกับแสงแรกของดวงอาทิทย์ก็กลับดูสดใสเขียวชอุ่มและชุ่มชื่นยิ่งนัก ลำแสงจากดวงอาทิตย์สาดกระทบกับหยาดน้ำค้างอันเกิดจากความเย็นที่โรยตัวลงเกาะตามใบไม้ใบหญ้าทำให้เกิดแสงสะท้อนระยิบระยับไปทั่วทั้งป่าจนดูราวกับว่าต้นไม้ทั้งป่ากำลังส่องประกาย หลังคาบ้านเรือนน้อยใหญ่กระจุกตัวอยู่ด้วยกันเป็นหย่อมๆ บางแห่งก็อยู่รวมกันมากถึงสองร้อยหลังคาเรือน อันแสดงถึงความหนาแน่นของหมู่บ้านเผ่าต่างๆทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณป่าฝั่งตะวันตกนับร้อยหมู่บ้าน ทว่าความงดงามของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เบื้องล่างนั้นมิได้สร้างอารมณ์ความรู้สึกใดๆให้แก่ราชินีแห่งซาโลมเลย เว้นเสียแต่ความริษยาที่พุ่งพล่านอยู่ในจิตใจของนาง นางกัดริมฝีปากแน่นพลางกวาดตามองไปทั่วผืนป่า ความคิดที่ว่า มันจะเป็นการดีสักเพียงไร หากความอุดมสมบูรณ์นี้จะเป็นของอิสฮานลูกชายสุดที่รัก ผนวกกับความถวิลหาลูกชายที่นางรู้อยู่เต็มอกว่าอีกเพียงไม่กี่อึดใจนางก็จะได้กลับไปซาโลมไปหาลูกชายของนาง ความริษยาที่มีความรักเป็นพื้นฐานนั้นได้เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของนางอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เสียงของมันร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนางเองแทบทนเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้ เนอริมอร์นำฝูงมังกรไฟบินกลับมาเหนือป่าทมิฬอีกครั้งพร้อมกับให้สัญญาณผู้ควบคุมสัตว์แห่งซาโลม ผู้ควบคุมสัตว์เมื่อได้รับสัญญาณก็จัดแจงสั่งมังกรไฟให้กระจายกำลังไปตามจุดต่างๆทั่วบริเวณผืนป่าทิศตะวันตก เหล่ามังกรไฟนับร้อยต่างฮึกเหิมและคึกคะนองเต็มที่ ลมหายใจร้อนระอุคุกรุ่นถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเป็นสัญญาณแสดงความพร้อมของเปลวเพลิงที่อัดแน่นอยู่ในตัวของพวกมัน เนอริมอร์ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงจนสุดแขนโดยในมือขวายังคงถือคฑาไว้แน่น ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดุดันและเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคมโตเบิกกว้างดูวาวโรจน์ เกิดไอร้อนระอุรอบตัวของนางและค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทับทิมสีแดงสดที่หัวคฑาเปล่งประกายเจิดจ้า ลูกไฟขนาดย่อมๆเหนือฝ่ามือทั้งสองที่ชูขึ้น ขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ขนาดของลูกไฟยักษ์ใหญ่มากกว่ามังกรซาลามันเดอร่าถึงสองเท่า ซึ่งแม้นางจะออกศึกมาแล้วหลายครั้งหลายคราแต่การสร้างลูกไฟขนาดมหึมาเช่นนี้ก็แทบจะไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ทำให้แม้แต่ผู้ควบคุมสัตว์และเหล่ามังกรยังต้องตื่นตะลึง แสงสว่างจากลูกไฟใหญ่นั้นโชติช่วงสว่างเจิดจ้าราวกับว่ามีดวงอาทิตย์อีกดวงที่กำลังลอยต่ำเหนือพื้นโลกเพียงไม่กี่เมตร เนอริมอร์หัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียมพร้อมประกาศเสียงกร้าว ฮ่า ฮ่า ฮ่า จงลืมตาตื่นซะเจ้าพวกชาวป่าทั้งหลาย เปิดตาดูมหาเพลิงที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์หน้าไหนของเจ้ามาก่อน ยุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สิ้นเสียง เนอริมอร์ก็ขว้างมหาเพลิงใส่ใจกลางของป่าทมิฬทันที ฉับพลันก็เกิดแรงระเบิดมหาศาลหมู่บ้านขนาดใหญ่ห้าหมู่บ้านแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงในบัดดล ความรุนแรงของเพลิงเวทย์เผาผลาญป่าโดยรอบและขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ฝูงมังกรไฟนับร้อยก็พุ่งตัวลงสู่ป่าเบื้องล่างและพ่นไฟร้อนจัดเผาหมู่บ้านและป่าไม้ตามจุดต่างๆโดยรอบทันทีชนิดที่มิให้ใครตั้งตัวได้ทัน เสียงมังกรไฟร้องขู่คำรามประสานกับเสียงหวีดร้องของชาวป่าเบื้องล่างจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผู้คนนับร้อยนับพันต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่น บางคนที่มัวแต่ห่วงสมบัติก็แบกข้าวของหนีพะรุงพะรัง แต่ก็หนีไปได้ไม่ไกลเพราะหนักสมบัติจนตกอยู่ในวงล้อมของเปลวเพลิง บางคนที่ขวัญอ่อนมั่วแต่ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็ถูกไฟครอกทั้งเป็น บางคนมีลูกเล็กๆก็ต้องหอบลูกจูงหลานหนีอย่างทุลักทุเล Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:13:40 AM ณ ผืนป่าเบื้องล่าง ไฟป่าที่ลุกโหมอย่างรุนแรงสร้างหมอกควันสีเทาหนาทึบไปทั่วบริเวณทำให้การเคลื่อนย้ายผู้คนลำบากขึ้นเรื่อยๆ เสียงแตกปะทุของต้นไม้ดังเป็นระยะๆ ดามิก้าผู้ควบคุมสัตว์สาวชาวป่าทมิฬรวมกับผู้นำคนอื่นๆกำลังสาละวนอยู่กับการสั่งสัตว์ป่าทั้งหลายให้ช่วยผู้คนอพยพออกจากพื้นที่อันตราย ไฟป่าที่ลุกท่วมกำลังลุกไหม้โอบล้อมหมู่บ้านของเธอเข้าไปทุกที เส้นทางที่สามารถออกจากหมู่บ้านถูกไฟป่าถาโถมทำลายจนเหลือทางเข้าออกเพียงทางเดียว ทันใดนั้นเองต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งก็ล้มครืนลงพาดขวางเส้นทางการอพยพ ทำให้ดามิก้าและชาวบ้านอีกนับร้อยตกอยู่ในวงล้อมเพลิงทันที
ดามิก้าจัดแจงควงดาบขนาดใหญ่ฟันที่กลางลำต้นของต้นไม้อย่างแรง บรรดาชาวบ้านที่เป็นผู้ชายก็รีบมาช่วยกันเป็นพัลวัน ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับลำต้นของต้นไม้ขนาดเจ็ดคนโอบในเวลาที่เหลือน้อยเช่นนี้ ที่ปลายทั้งสองด้านของต้นไม้ค่อยๆถูกเผาไหม้ทีละน้อย เสียงแตกปะทุของเนื้อไม้เริ่มดังเป็นระยะๆ ดามิก้าและชาวบ้านต่างเร่งมือแข่งกับเศษเสี้ยวของเวลาอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงไม้แตกดังสนั่นจากลำต้นอีกด้าน ดามิก้ารีบสั่งให้ชาวบ้านถอยห่างจากต้นไม้ทันที เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่คมขวานลงอักขระขนาดมหึมาจะจามลงผ่ากลางตลอดลำต้นของต้นไม้นั้นเปิดเป็นช่องเล็กๆขนาดคนเดินได้ ที่ฝั่งตรงข้ามของต้นไม้นั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำที่แขนขวาสักลวดลายสีแดงเข้มยืนถือขวานยักษ์คู่กายอยู่ ท่านดามิก้า ท่านผู้นำให้ข้าย้อนกลับมาดูกลุ่มของท่าน เพราะเหลือกลุ่มของท่านกลุ่มเดียวที่ยังไม่ได้ออกจากหมู่บ้าน ชายเจ้าของขวานยักษ์กล่าวอย่างร้อนรน ขอบใจมากท่านโทนิม่า (Tonima, the Black Wood Tamer) ต้นไม้ต้นนี้มันล้มลงมาขวางเส้นทางพอดี ทำให้เสียเวลาไปมาก ดามิก้ากล่าวอย่างเร่งรีบ เราไม่มีเวลาเปิดทางให้กว้างกว่านี้แล้ว รีบลำเลียงผู้คนเถิด โทนิม่ากล่าวหลังจากประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ทุกคนทิ้งสัมภาระให้หมดแล้วรีบออกไปทางช่องนี้ เร็วเข้า! เราไม่มีเวลาแล้ว ดามิก้าออกคำสั่งทันที ชาวบ้านทุกคนต่างทิ้งสัมภาระของตนแล้วรีบวิ่งออกจากพื้นที่นั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อชาวบ้านคนสุดท้ายหลุดออกมาจากช่องไม้นั้นได้ ผืนป่าเบื้องหลังก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว ชาวป่าเผ่าต่างๆต่างก็อพยพหนีไฟป่าอย่างไม่คิดชีวิตโดยมุ่งหน้าสู่ฟูดินัน แรงระเบิดที่เกิดขึ้นจากการทำลายล้างของเนอริมอร์นั้นสะเทือนไปไกลถึงฟูดินัน ชาวบ้านต่างอกสั่นขวัญแขวนด้วยไม่รู้ว่าเหตุอาเพทนี้คืออะไร บรรดาชาวบ้านต่างออกมายืนชุมนุมกันที่ลานกว้างใจกลางเผ่า ต่างซักถามพูดคุยและวิจารณ์กันไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าธรณีพิโรธ บ้างก็ว่าเทพพิทักษ์คีรีบันดาอาละวาด จนเสียงวิพากวิจารณ์ดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ ร้อนถึงครอบครัวบันดาราต้องออกมายุติความตื่นตระหนก วูจินเดินออกมาที่ระเบียงหน้าบ้านซึ่งเป็นพื้นไม้ยกสูงจากพื้นราวๆหนึ่งคืบ โดยมีวานาอันคอยจับแขนประคองอยู่ไม่ห่าง การกระทำเช่นนี้เป็นภาพที่ชินตาของชาวฟูดินัน แม้ว่าท่านผู้เฒ่าจะยังคงแข็งแรงและเดินเหินได้สะดวก แต่ทุกครั้งตั้งแต่วานาอันยังเป็นเด็กน้อยเธอก็จะคอยปฏิบัติเช่นนี้อยู่เสมอเรื่อยมา ซึ่งท่านผู้เฒ่าเองก็ดูจะพึงพอใจที่หลานสาวแสดงความรักความกตัญญูต่อตนเช่นนี้อยู่ไม่น้อย เพราะวูจินก็ไม่เคยห้ามปรามหรือแสดงความรำคาญให้เห็น ฝ่ายฮารีซันซึ่งเดินตามออกมาหยุดยืนอยู่ข้างๆวูจินนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกันกับวูจิน ใจเย็นๆไว้ก่อนท่านทั้งหลาย ข้าสอบถามไปทางหอสังเกตการณ์แล้ว อีกประเดี๋ยวก็คงจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อ๊ะ! นั่นยังไง ล่ะ มาโน่นแล้ว ฮารีซัน กล่าวขึ้น ชายหนุ่มผู้เฝ้าหอทางทิศตะวันตกรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือยังคงกำกล้องส่องทางไกลไว้แน่น พลางกล่าวทักทายวูจินและฮารีซัน ก่อนจะรีบรายงานเหตุการณ์ที่เกิด มีฝูงนกเป็นหมื่นๆตัวจากฟากตะวันตกกำลังบินมุ่งหน้ามาทางนี้ครับ ฝูงนกอพยพรึ ชาวบ้านคนหนึ่งถาม ถ้าถึงขนาดเป็นหมื่นตัว ข้าว่ามันอพยพมาทั้งป่าแล้วกระมัง ชาวบ้านอีกคนพูดขึ้น นี่มันไม่ใช่ฤดูอพยพเสียหน่อย ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหน้ากล่าวโต้ก่อนที่เสียงถกเถียงกันไปมาจะดังขึ้นอีกครั้ง วูจินต้องใช้ไม้เท้าเคาะกับพื้นหลายครั้งเสียงจึงเงียบลง แล้วเจ้าสังเกตเห็นอะไรอย่างอื่นอีกรึไม่ วูจินถามเสียงเครียด Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:15:23 AM ครับ!! ที่บริเวณป่าทมิฬเกิดกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งสูงทีเดียวครับ
ทันทีที่สิ้นเสียงก็พลันบังเกิดความเงียบขึ้นทั่วทั้งที่ชุมนุม ก่อนจะเกิดการทุ่มเถียงโหวกเหวกจนฟังไม่เป็นภาษา ไฟป่ารึ ชาวป่าวัยกลางคนพูดขึ้น เป็นไปไม่ได้ อากาศชุ่มชื้นถึงเพียงนี้แล้วจะเกิดไฟป่าได้อย่างไร หรือจะเกิดสงครามระหว่างเผ่าขึ้นอีก อีกคนหนึ่งผู้ขึ้นอย่างตื่นตระหนก ฟ้าพิโรธ ต้องเกิดเหตุอาเพทเพราะมีคนไปล่วงเกินเทพเจ้าแน่ๆ หญิงชราร้องขึ้นอย่างหวาดกลัว บรรดาชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์กันจนสับสนอลหม่าน วูจินต้องกระแทกไม้เท้าอีกหลายครั้งกว่าบรรดาชาวบ้านจะสงบลง แล้วฮารีซันจึงหันไปกล่าวกับผู้เฝ้าหอคอย ท่านรีบกลับไปที่หอคอย สังเกตความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แล้วรีบส่งคนกลับมารายงานโดยด่วนที่สุด ครับ ชาวหนุ่มรับคำแล้วรีบกลับไปประจำการที่หอคอยทันที วานาอัน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าน้องดูไม่ดีเลย ฮารีซันเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่สังเกตเห็นความผิดปกติของน้องสาว วูจินซึ่งก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกันจึงเอ่ยขึ้น วานาอัน ฟังสิ เจ้าได้ยินอะไร วานาอันมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก เธอก้าวลงจากระเบียงไปยืนบนพื้นดิน ย่อตัวลงก่อนจะวางมือเรียวงามทั้งคู่แนบลงกับผืนดิน เธอสูดหายใจลึกค่อยๆหลับตาช้าๆปล่อยจิตให้สัมผัสกับจิตแห่งธรรมชาติ คิ้วน้อยๆขมวดเข้าหากัน มีฝีเท้าจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ฝีเท้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ผืนดินร้อนระอุและครวญครางด้วยความเจ็บปวด วานาอันกล่าวก่อนจะค่อยๆยืนขึ้น แขนทั้งสองข้างกางออก เธอหงายฝ่ามือขึ้นดวงตาคู่งามยังคงปิดสนิท สายลมจากทิศตะวันตกโชยพัดจนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอพริ้วไหว สายลมหวีดร้องอย่างโหยหวนและตื่นกลัว ความน่ากลัวยิ่งกว่าภัยธรรมชาติครั้งไหนๆกำลังจะมา เปลวเพลิงที่รุนแรงยิ่งกว่าไฟป่าอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารและการเข่นฆ่า ชาวบ้านต่างมองหน้ากันเพราะยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเด็กสาวกำลังพูดถึงอะไร ทันใดนั้นฝูงนกนับหมื่นก็บินมาถึงฟูดินันและบินผ่านลานกว้างที่ชาวบ้านกำลังชุมนุมกันอยู่ เสียงนกร้องดังสนั่นลั่นเซ็งแซ่จนต่างก็ต้องเอามือปิดหู ลมที่เกิดจากการกระพือปีกของนกนับหมื่นตัวพัดกระหน่ำลงสู่พื้นเบื้องล่าง วานาอันเงยหน้าขึ้นพยายามสัมผัสถึงบรรยากาศที่บรรดานกเหล่านี้ได้หอบมา เมื่อนกทั้งหมดบินผ่านไปแล้ว วานาอันก็ถึงกับหน้าซีดเข่าอ่อนหัวใจของเธอเต้นแรงเร็วสั่นรัว ฮารีซันต้องรีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นและพาขึ้นระเบียงบ้าน วานาอันรีบคว้าแขนพี่ชายไว้ พี่คะรีบอพยพชาวบ้านเถอะค่ะ ท่านปู่เราต้องรีบอพยพชาวบ้านเดี๋ยวนี้นะคะ วานาอันรีบกล่าวละล่ำละลัก ฮารีซันนั้นก็วิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่มิใช่น้อยเพราะวานาอันไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน วูจินจับมือหลานสาวตบเบาๆเป็นเชิงปลอบก่อนที่จะซักถามเหตุการณ์กับหลานสาวเสียงเบา วูจินพยักหน้าเป็นครั้งคราว สีหน้าเริ่มดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ฮารีซันนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นนิ่งเงียบ บรรดาชาวบ้านต่างก็ร้อนใจอยู่ไม่เป็นสุขและรอคอยการตัดสินใจจากหัวหน้าเผ่าอย่างใจจดใจจ่อ วูจินพูดกับฮารีซันอีกสองสามคำ ฮารีซันซึ่งเวลานี้มีสีหน้าหนักใจไม่ต่างจากวูจินและวานาอัน เขาเดินออกมายืนต่อหน้าชาวบ้านที่ชุมนุมกันอยู่กล่าวว่า พี่น้องทุกท่าน ข้าอยากให้ทุกท่านกลับไปบ้านและเก็บเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้วรีบกลับมารวมตัวกันที่นี่ให้เร็วที่สุด อะไรกัน มันจะเกิดอะไรขึ้นรึ ทำไมพวกเราจะต้องเก็บของ หญิงชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น ข้าไม่อยากไป ข้าจะอยู่ที่นี่ ชายแก่อีกคนพูดขึ้น ตอนนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก จะเป็นการดีกว่านะครับถ้าพวกเราจะอพยพไปในที่ๆปลอดภัย หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่คิดเราก็ค่อย ก๊าซซซซซซซ!!!! ฮารีซันพูดยังไม่ทันจบก็เกิดแผ่นดินไหวและเสียงร้องคำรามดังสั่นจากทางเทือกเขาฝั่งตะวันตก เสียงอะไรนะ เด็กสาวรุ่นคนหนึ่งร้องอย่างตกใจ เทพพิทักษ์พิโรธแล้ว!! ชายแก่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าทรุดลงไปนั่งกับพื้นตัวสั่นงันงก เทพพิทักษ์มีอยู่จริงๆด้วย เราต้องตายแน่ๆ เด็กสาวรุ่นอีกคนหนึ่งผวาไปกอดเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ บรรดาชาวบ้านเริ่มระส่ำระสายและตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทุกท่านอย่าเพิ่งตื่นตระหนกครับ ทำตามที่ข้าบอก กลับไปที่บ้านแล้วเตรียมสัมภาระให้พร้อมแล้วมารวมตัวกันที่นี่ให้เร็วที่สุด ฮารีซันกล่าวกำชับอีกครั้ง เอาเฉพาะของที่จำเป็นนะครับ บรรดาชาวบ้านต่างก็ทยอยแยกย้ายกลับไปตระเตรียมของที่บ้านของตนอย่างสับสนและงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเมื่อลานบ้านไม่เหลือใครแล้ววูจินจึงหันกับมากล่าวกับหลานของตน พวกเราก็ไปเตรียมตัวกันเถอะ ฮารีซันและวานาอันก็รีบปฏิบัติทันที Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:17:52 AM ไม่นานนักฮารีซันก็สะพายห่อผ้าขนาดใหญ่ออกมายืนรอชาวบ้านอยู่ตรงบริเวณหน้าลานกว้างพร้อมกับวูจินและวานาอัน เด็กสาวสะพายย่ามใบโตที่บรรจุสมุนไพรไว้จนเต็ม เมื่อทุกคนมาชุมนุมที่ลานกว้างโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว ฮารีซันจึงคิดจะแบ่งชาวบ้านออกเป็นกลุ่มๆเพื่อที่จะได้ดูแลช่วยเหลือกันได้สะดวกขึ้น แต่ทว่ายังมิทันได้ทำอะไรจู่ๆสัตว์ป่าสีขาวขนาดใหญ่ก็กระโจนข้ามพุ่มไม้จากทางทิศตะวันตกเข้ามาขวางระหว่างชาวบ้านและครอบครัวบันดารา ทำเอาบรรดาชาวบ้านต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ เสียงหอบหายใจของมันดังฟืดฟาดน่ากลัว น้ำลายไหลย้อยด้วยความเหนื่อยและกระหายน้ำ บนตัวของมันมีหญิงสาวที่เนื้อตัวมอมแมมนั่งหมอบอยู่ซึ่งก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อยไม่แพ้กับเจ้าสัตว์ป่านั้น เธอค่อยๆยันตัวขึ้นมาจึงได้รู้ว่าเธอคือดามิก้าจากป่าทมิฬนั่นเอง
ชาวบ้านสองคนรีบตักน้ำมาให้เธอและสัตว์ป่าสีขาวนั้น เธอรับไปดื่มอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดปนหอบว่า รีบ...รีบอพยพให้เร็วที่สุด พวกมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ใครกำลังไล่หลังมา? เกิดอะไรขึ้น? ฮารีซันถามเสียงเครียด ฝูงมังกรไฟ พวกมันมาเป็นร้อยๆตัวไล่เผาป่าด้านทิศตะวันตกจนวอดวายไปหมดแล้ว เสียงชาวบ้านอุทานด้วยความกลัวดังไปทั่วลานกว้างทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น วานาอันเกาะแขนท่านปู่แน่นสีหน้าตื่นตระหนก พวกมันมาจากไหนกัน แล้วชาวบ้านเผ่าต่างๆล่ะ ฮารีซันถามต่อ ข้าก็ไม่รู้ เพราะโดยปกติแล้วมังกรไฟมีถิ่นที่อยู่อาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของเทือกเขาไม่เคยข้ามมาในแถบนี้เลย แต่มีชาวบ้านจากเขตป่าลึกที่รอดจากการโจมตีเล่าว่าเห็นผู้หญิงในชุดสีแดงเพลิงขี่มังกรสีแดงสี่ปีกเป็นผู้นำพวกมันมา มังกรแต่ละตัวสวมเกราะสีแดงเข้มเหมือนมังกรที่ใช้ออกศึก มีสัญลักษณ์รูปนกไฟสีเหลืองอยู่ที่เกราะด้วย กองทัพเพลิงแห่งซาโลม วูจินพูดเสียงเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ วานาอันเหลือบมองตาท่านปู่พร้อมกับจับแขนไว้แน่น เธอรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอหายจากตัวไปเสียเฉยๆ ฮารีซันหันมามองวูจินแวบหนึ่ง เสียงเล่าลือถึงกิตติศักดิ์อันโหดเหี้ยมของกองทัพเพลิงทมิฬที่บรรดาพ่อค้าเร่และเหล่านักดนตรีพเนจรต่างก็กล่าวขวัญถึงความหฤโหดด้วยความอกสั่นขวัญแขวนดังก้องอยู่ในหัวของเขา วันนี้พวกเขากำลังจะได้ลิ้มรสความโหดเหี้ยมนั้นแล้ว ดามิก้ายังคงเล่าเหตุการณ์ต่ออย่างรวดเร็ว หมู่บ้านหลายหมู่บ้านถูกเผาทั้งๆที่ยังมีบรรดาชาวบ้านติดอยู่ข้างใน ตั้งแต่เช้ามืดพวกมันโจมตีพร้อมๆกันจากทุกทิศทุกทางไม่มีหยุด ไม่มีใครตั้งตัวกันได้ทัน ส่วนผู้ที่รอดชีวิตต่างก็หนีกันอลหม่านและกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกขบวนหลังๆที่หนีไม่ทันก็ถูกไล่ต้อนเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม ข้ารีบล่วงหน้ามาบอกพวกท่านให้เตรียมตัวอพยพก่อน อีกไม่นานขบวนชาวบ้านเผ่าต่างๆคงจะมาถึงที่นี่แล้ว หากไม่รีบอพยพตอนนี้ก็พาลจะทำให้ท้ายขบวนหนีไม่ทัน ฮารีซันพยักหน้าก่อนจะรีบสั่งชาวบ้านให้ตั้งขบวน เสียงแตรเขาสัตว์จากเผ่าเซนทอร์ดังแว่วขึ้นจากป่าด้านตะวันตก ทำเอาบรรดาชาวบ้านเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไฟมาเร็วเหลือเกิน นี่คงใกล้จะลามถึงเผ่าเซนทอร์แล้ว รีบไปเถอะ ข้าจะล่วงหน้าไปเตือนหมู่บ้านข้างหน้าก่อน ดามิก้ากล่าวจบก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว เร็วเข้า เรามีเวลาเหลือน้อยแล้ว ฮารีซันสั่งอพยพทันที บรรดาชาวบ้านบางคนก็รีบวิ่งอย่างหวาดผวา บางคนก็เริ่มร้องไห้ด้วยความอาลัยบ้านของตน ฮารีซันเดินนำหน้าขบวนโดยมีวานาอันคอยพยุงวูจินอยู่ข้างๆ เสียงแตรเขาสัตว์จากเผ่าเซนทอร์ดังแว่วเป็นระยะๆ วูจินสังเกตเห็นหลานสาวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงใช้มือตบที่หลังหลังมือที่เย็นเฉียบของวานาอันเบาๆกล่าวว่า ทำใจดีๆไว้ ปู่กำลังนึกหาวิธีแก้อยู่ เข้มแข็งเข้าไว้ วานาอันรู้สึกว่ามือและเท้าของเธอเย็นเฉียบไม่ต่างกับน้ำแข็ง เสียงกลองและเสียงแตรจากเผ่าต่างๆเริ่มดังขึ้นเป็นระยะๆ เสียงสัตว์ป่าที่กู่ร้องเรียกฝูงของพวกมัน ทุกเสียงล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ทุกครั้งที่เธอหลับตา ภาพของผู้คน ภาพบรรดาสัตว์น้อยใหญ่และต้นไม้ใบหญ้าที่กรีดร้องอย่างทรมานและหวาดกลัวบีบคั้นหัวใจดวงน้อยของเธอ ความรู้สึกเวทนาสงสารเอ่อล้นขึ้นจนน้ำตาไหลลงอาบพวงแก้มของเธอ ฉับพลันนั้นเองเสียงร้องที่แหลมจนแสบแก้วหูก็ดังขึ้นเหนือกลุ่มชาวบ้านก่อนที่สัตว์ขนาดใหญ่สีแดงสดสองตัวจะโฉบต่ำอย่างรวดเร็วผ่านเหนือศีรษะของพวกเขาเพียงไม่กี่นิ้ว บรรดาชาวบ้านหวีดร้องด้วยความตกใจต่างก้มลงหมอบต่ำกันอย่างชุลมุน เสียงหัวเราะแข็งกร้าวดังลั่นอยู่เหนือพวกเขา ทุกคนต่างมองไปที่ทิศทางต้นเสียงทันที ก็พลันเห็นหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงขี่มังกรสี่ปีกในมือถือคฑาที่บัดนี้เปล่งประกายสีแดงวาวโรจน์จ้องมองพวกเขาพลางหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม วิ่งสิเจ้าพวกโง่ วิ่ง!! สิ้นเสียงเนอริมอร์ ก็ยิงลูกไฟเวทย์จากคฑาใส่กลุ่มชาวบ้านทันทีทำเอาขบวนชาวบ้านแตกกระจายวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างชุลมุน เสียงหวีดร้องด้วยความกลัวดังสลับกับเสียงเรียกหาสมาชิกในครอบครัวของแต่ละคนจนสับสนอลหม่านไปหมด แล้วเสียงร้องจากมังกรไฟตัวหนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่มันจะโฉบลงพ่นไฟใส่บ้านหลังที่อยู่ใกล้กับครอบครัวบันดารา ฮารีซันจึงรีบพาปู่และน้องหลบไปอีกทางหนึ่ง บรรดาชาวบ้านต่างวิ่งกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางราวกับมดแตกรัง คนที่หนีไม่ทันก็ถูกไฟครอกดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน เนอริมอร์ยังคงยิงไฟเวทย์ใส่ชาวบ้านไม่หยุด เหล่ามังกรไฟที่บินมาสมทบก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆจากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด พวกมันแยกกันโจมตีไล่เผาบ้านเรือนหลังแล้วหลังเล่า ชาวบ้านต่างวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต บ้างก็ชนกันจนหกล้มหกลุก ที่เสียหลักล้มก็ถูกเหยียบซ้ำจนไปไหนไม่ได้ ขณะที่ฮารีซันรีบพาปู่และน้องพร้อมชาวบ้านวิ่งหนีการทำลายล้างของเนอริมอร์และฝูงมังกรไฟอยู่นั้น วานาอันเกิดสะดุดขากับชาวบ้านคนหนึ่งจนล้มลง วูจินใจหายวาบเมื่อรู้ว่าหลานสาวหลุดจากขบวนไป วานาอัน!! วูจินตะโกนเรียกพยายามยื่นมือไปหาหลานสาวแต่ทว่าบรรดาชาวบ้านที่วิ่งตามมาผลักเขาให้ออกห่างจากหลานสาวไปเรื่อยๆ ฮารีซัน! วูจินตะโกนเรียกหลานชายที่บัดนี้ก็ถูกคลื่นคนผลักออกไปไกลเช่นกัน บรรดาชาวป่าต่างเผ่าเริ่มหนาตาขึ้นทั้งเซนทอร์ เผ่าสมิง และเผ่าข้างเคียงเริ่มปะปนมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ขบวนดูแออัดยิ่งขึ้น ฮารีซันพยายามฝ่าคลื่นคนที่วิ่งเบียดเสียดยัดเยียดกันจนสามารถเข้ามาประคองวูจินที่เกือบจะถูกชนจนล้มลงได้ทัน วานาอันล่ะครับท่านปู่ ฮารีซันหน้าซีดเผือดเมื่อไม่เห็นน้องสาว ช่วยน้องด้วยเร็วเข้า น้องเจ้าพลัดกับปู่ที่โคนต้นไม้นั่น วูจินรีบชี้มือไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ฮารีซันพยายามมองหาน้องสาวแต่ทว่าบรรดาชาวบ้านที่วิ่งสวนมาทำให้เขามองหาวานาอันได้ลำบากยิ่งขึ้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:19:17 AM วานาอัน!! วานาอัน!! ฮารีซันตะโกนเรียกพลางพยายามฝ่าคนเข้าไปใกล้ต้นไม้นั้น เสียงร้องแหลมของมังกรไฟดังเหนือหัวเขาไม่กี่นิ้วก่อนที่มันจะพ่นไฟใส่บ้านหลังที่อยู่ใกล้ๆ ฮารีซันรีบเร่งฝีเท้ายิ่งขึ้นโดยมีวูจินเดินตามหลังไปติดๆ ที่ใต้ต้นไม้นั้นเขาพบแต่ความว่างเปล่า วานาอันพลัดหลงไปกับฝูงชนเสียแล้ว
ท่านปู่คะ!! ท่านพี่คะ!! วานาอันตะโกนเรียกแข่งกับเสียงกรีดร้องของชาวบ้าน เธอพยายามชะเง้อมองหาบุคคลทั้งสองแต่ตัวของเธอเล็กเกินกว่าจะมองเห็นได้ถนัดนัก ผู้คนล้วนเบียดเสียดกันเธอถูกชนไปทางซ้ายทีขวาทีจนสับสนทิศทางไปหมด แม่จ๋า แม่อยู่ไหน เสียงเด็กน้อยคนหนึ่งร้องเรียกแม่อยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เด็กน้อยถูกชนจนล้มคะมำลง วานาอันรีบวิ่งเข้าไปช่วยเด็กน้อยทันที เธอพยุงเด็กน้อยให้ลุกขึ้น เด็กน้อยหันมามองเธอด้วยความดีใจเพราะคิดว่าเป็นแม่ของตน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ก็เริ่มเบ้ปากร้องไห้ ลูกแม่ เสียงหญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกเด็กน้อยจากอีกฟากของฝูงคน เด็กน้อยผละจากวานาอันรีบวิ่งไปหาแม่ทันที ทันใดนั้นมังกรไฟตัวหนึ่งบินโฉบต่ำไล่หลังเธอมา วานาอันรีบวิ่งไปคว้าตัวเด็กน้อยไว้แล้วหมอบตัวลง แทบจะทันทีมังกรก็พ่นเปลวไฟร้อนผ่าวข้ามหัวเธอไปถูกกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ห่างจากเธอไม่กี่ก้าว เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมานจากกลุ่มชาวบ้านเคราะห์ร้ายบาดลึกเข้าไปในจิตใจของเธอ เนื้อตัวของเธอเย็นเฉียบและสั่นเทาเธอกอดเด็กน้อยไว้แน่น แม่!! แม่จ๋า เสียงร้องของเด็กน้อยทำให้เธอรู้สึกตัว เด็กน้อยพยายามตะเกียดตะกายยื่นมือเข้าไปหากองไฟที่อยู่ตรงหน้า ไม่! วานาอันสะอื้นไห้กอดเด็กน้อยไว้แน่นพยายามปิดตาของเด็กน้อยไม่ให้เห็นภาพที่โหดเหี้ยมที่เกิดกับแม่ของเขา เด็กน้อยกรีดร้องเสียงดังก่อนที่จะหมดสติไป วานาอันร้องไห้กอดเด็กน้อยไว้แน่นทรุดลงนั่งกับพื้น น้ำตาพรั่งพรูออกจากดวงตาทั้งสองข้าง เธอมองไปรอบๆเห็นซากศพที่ถูกเผาจนดำเป็นตอตะโกมากมายทุกศพล้วนแต่อยู่ในสภาพที่น่าเวทนานัก บางศพถูกเผาทั้งๆที่มีทารกน้อยกอดอยู่แนบอก บางคนก็ถูกเหยียบจนตาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ไฟและความหายนะทั่วไปหมด แม่หนูมัวแต่ทำอะไรอยู่ ไม่รีบหนีล่ะ เดี๋ยวก็ถูกเผาตายอยู่ที่นี่หรอก หญิงวัยกลางคนที่ผ่านมาถามเธอและพยายามดึงเธอให้ลุกขึ้น วานาอันมองหญิงต่างเผ่าผ่านม่านน้ำตา น้าจ๋า หนูฝากเด็กคนนี้ได้ไหมคะ แม่ของเธอถูกเผาทั้งเป็น วานาอันชี้มือไปที่กองไฟข้างหน้า หญิงวัยกลางคนมองกองไฟด้วยความตระหนก เอ่อ...ได้สิ หญิงวัยกลางคนลังเลเล็กน้อย แต่ก็รับเด็กน้อยมาอุ้มไว้ในที่สุด มาเถอะ ไฟไหม้ใหญ่แล้วเดี๋ยวจะหนีไม่ทัน หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางเริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่ง วานาอันยืนมองเด็กน้อยแล้วหันไปมองรอบๆตัว แม่หนูเร็วเข้า หญิงวัยกลางคนตะโกนเรียก วานาอันหันหน้าไปสบตาหญิงวัยกลางคนอีกครั้งก่อนที่จะกลับหลังหันแล้วออกวิ่ง แม่หนู! แม่หนู! หญิงวัยกลางคนจะก้าวตามแต่เมื่อเห็นเปลวไฟที่กำลังลุกโหมก็เปลี่ยนใจและวิ่งหนีไปพร้อมกับชาวบ้านคนอื่นๆ วานาอันวิ่งไปร้องไห้ไป เธอคิดแต่เพียงว่าเธอจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดเหตุร้ายนี้ แต่เธอจะต้องทำอะไรเล่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ เด็กสาววิ่งสวนกับขบวนชาวป่าเผ่าต่างๆบางครั้งก็ถูกชนจนล้มลุกคลุกคลาน แต่เมื่อเธอลุกขึ้นมาได้ก็ออกวิ่งอีก บางคนเมื่อเห็นว่าเธอกำลังวิ่งสวนไปก็พยายามดึงเธอไว้เพราะคิดว่าเธอตกใจจนสติเลอะเลือนวิ่งเข้าไปหาเปลวไฟ แต่วานาอันก็พยายามสะบัดมือจนเป็นอิสระและออกวิ่งต่อไป ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไรไฟก็ยิ่งโหมรุนแรงมากขึ้นจนใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแดงก่ำ ดวงตาของเธอแสบจนแทบจะลืมไม่ขึ้นเพราะควันไฟ เธอเริ่มสำลักควันไฟและหายใจลำบากขึ้นทุกที ตลอดทางที่เธอวิ่งผ่านมาเธอต้องสะดุดซากศพของทั้งผู้คนและบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่หลายครั้งจนเนื้อตัวสกปรกมอมแมมไปหมด สายลม สายลมผู้เป็นพี่น้องของเรา ปราณแห่งเหล่าทวยเทพ โปรดพัดนำทาง.... นำทางเรา ไปยังที่หมาย..... เสียงของเธอเบาพริ้วเหมือนสายลม ทันใดนั้นก็มีลมพัดผ่านด้านหลังของเด็กสาวไล่เปลวควันแหวกออกเป็นทาง วานาอันออกวิ่ง สายตาของเธอ และจิตใจของเธอ เริ่มเข้าสู่ภวังค์ เธอมองไกลออกไป คีรีบันดา โปรดปกป้องเรา เหล่าพฤกษา โปรดเสริมความกล้าในใจของเรา......... ทั้งๆที่ยังวิ่งอยู่ บรรดาต้นไม้ใหญ่น้อยต่างก็ลู่ตามลมแยกออกเป็นทางทั้งซ้ายขวาแม้จะมีเปลวไฟเผาไหม้อยู่ตามกิ่ง จนดูราวกับว่าพวกมันแหวกทางให้กับเธอ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter20 น้ำจากพระทัย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:20:36 AM ผืนแผ่นดินผู้เป็นมารดาของลูก..................ลูกจะทำอย่างไรดี.. โปรดเป็นกำลังเพื่อเท้าของลูกจะวิ่งได้ไหว
ทันใดเด็กสาวรู้สึกตัวเบาหวิว เธอวิ่งไปเหมือนติดปีกบิน เธอไม่รู้สึกว่าเท้าของเธอขยับแต่เธอกำลังวิ่งมุ่งไปข้างหน้า อย่างรวดเร็วราวกับว่าเท้าเธอคือปีกและผืนดินคือเมฆอันอ่อนนุ่ม สายลมพัดจากด้านหลังของเธอเหมือนจะผลักเธอให้ไปถึงยังที่หมาย วานาอันตอนนี้ไม่รู้ทิศรู้ทางเพราะรอบข้างมีแต่ไฟแดงฉาน เธอวิ่งตามที่พลังอำนาจแห่งธรรมชาติของเธอนำทาง และตามสายลมที่พัดพาเธอไป เธอวิ่ง วิ่ง และวิ่ง น้ำตายังไหลอาบแก้ม แต่ในใจของเธอกลับสัมผัสถึงสิ่งยิ่งใหญ่ ในอกร้อนผ่าวประหนึ่งว่ามีมืออันใหญ่วางลงบนหัวใจของเธอ และลูบปลอบใจ ในหูของเธอได้ยินเสียง เป็นเหมือนเสียงของน้ำ เป็นเสียงน้ำไหลที่ฟังดูเหมือนเสียงร้องไห้คร่ำครวญ ร่างกายเธอสัมผัสสายลม แต่เป็นสัมผัสแบบที่เธอไม่เคยรู้สึกรับรู้ได้รุนแรงเท่านี้ มันราวกับสายลมพัดเข้าไปในตัวเธอหมุนวนและพัดทะลุผ่านร่างของเธอ เธอมองเห็นเปลวไฟคลุ้มคลั่งคำรามหากแต่เกรงกลัวเธอ ไม่ใช่ ไม่ได้เกรงกลัวเธอ มันเกรงกลัวบางสิ่งที่กำลังผสานเข้ากับเธอ เด็กสาวเริ่มรู้สึกว่าเธอรับรู้บางอย่างแจ่มชัดในใจ จิตใจของแผ่นดินซึ่งขณะนี้เหมือนมารดาที่พยายามจะปกป้องลูกน้อยของตน ทั้งอบอุ่นแต่ทว่าปวดร้าว เธอรู้สึกถึงความกังวลของสายน้ำ แม้ทะเลสาบนีรันดาจะอยู่ห่างไกลแต่เธอสัมผัสได้ไม่ต่างกับอยู่กลางทะเลสาบ เธอรับรู้ว่าสายลมกำลังเป็นห่วงเธอเหมือนพี่ชายที่จับมือน้องสาวแน่นไม่ให้หลงทาง ที่สุดเท้าของเธอก็หยุดวิ่ง วานาอันรู้สึกตัวเหมือนตื่นจากฝัน ภาพเบื้องหน้าคือมหาพฤกษาใบสีเงินที่ตอนนี้สะท้อนแสงจากเปลวไฟเป็นสีแดงระยับ มหาพฤกษาอิกดราซิลสูงจรดฟ้าตระหง่านท่ามกลางเปลวเพลิง น่าแปลกนักที่ต้นไม้โดยรอบถูกเผาจนไหม้เกรียม บางต้นก็กำลังถูกไฟไหม้จนเปลวไฟลุกท่วม แต่ต้นอิกดราซิลกลับแทบจะไม่มีร่องรอยถูกไหม้เลยแม้แต่น้อย วานาอันทรุดตัวคุกเข่าลงเบื้องหน้ามหาเทพพฤกษาน้ำตาไหลอาบแก้ม มือน้อยๆเวลานี้มีแผลถลอกจนเลือดไหลทั้งสองข้างทั้งยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าและฝุ่นดิน เธอยกมันขึ้นสัมผัสกับต้นอิกดราซิลและเริ่มสะอื้นไห้ ข้าแต่เทพพฤกษา ขอโปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด วานาอันอ้อนวอนทั้งน้ำตา ภาพความทุกข์ระทม ความเศร้าโศก และความหายนะปรากฏขึ้นในใจของเธออีกครั้งอย่างแจ่มชัด ต้นอิกดราซิลโบกไหวอย่างช้าๆประหนึ่งว่ากำลังทุกข์ระทมร่วมกับเด็กสาว น้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่าตกลงสู่ผืนดินและรากที่โผล่พ้นดินของมหาพฤกษา หมดสิ้นแล้ว พินาศไปหมดสิ้น........ เธอร้องไห้อย่างขมขื่น ได้โปรดเถิด มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ไม่ว่าจะบรรดาชาวบ้าน พวกสัตว์ป่าล้มตาย แม้แต่เด็กทารก ก็ยังต้องตายอย่างทารุณ ใบสีเงินเลื่อมสีแดงระยับขยับสั่นสะท้านราวกับสะอื้น เหล่าทวยเทพทั้งหลายผู้เป็นบิดาและมารดาของเรา ได้โปรดปกป้องลูกๆของพระองค์ด้วยเถิด วานาอันซบหน้าลงกับรากแขนงหนึ่งของต้นอิกดราซิลสะอื้นไห้จนตัวโยน ปากก็พร่ำวอนขอความเมตตาจากเหล่าเทพมิได้หยุด ทันใดนั้นใบสีเงินเลื่อมระยับก็ขยับพริ้วรุนแรงไม่ต่างกับคลื่นในมหาสมุทรจนใบไม้ทั้งหลายกระทบกันเป็นเสียงดังเหมือนเสียงระฆังเงินเล็กๆนับร้อยนับพันใบสั่นระรัว อากาศโดยรอบเย็นตัวลงแทบจะทันที ละอองน้ำเล็กๆค่อยๆโรยตัวจากใบสีเงินแต่ละใบลงสู่พื้นดิน วานาอันรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันนี้ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นช้าๆและมองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ละอองน้ำจากใบสีเงินนับหมื่นนับแสนใบตกชโลมพื้นดินและทั่วบริเวณรอบต้นอิกดราซิลจนฉ่ำชื้น และเมื่อละอองน้ำสัมผัสกับความร้อนโดยรอบก็ระเหยกลายเป็นไอน้ำลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน เสียงขยับใบดังกังวานครั้งแล้วครั้งเล่า ละอองน้ำใสเย็นนับหมื่นนับแสนที่โรยตัวลงมาแต่ละครั้งสัมผัสถูกใบหน้าหวานของเด็กสาว เรือนผมมันเงาของเธอระยิบระยับไปด้วยละอองน้ำเม็ดเล็กๆมากมาย เพียงเวลาไม่กี่นาทีท้องฟ้าทั่วทั้งบริเวณก็มืดครึ้มลง ไอน้ำที่ลอยตัวสูงขึ้นรวมตัวกันจนเกิดเป็นเมฆฝนดำทะมึนขนาดมหึมาและเริ่มโปรยปรายสายฝนเย็นฉ่ำไปทั่วทั้งป่า ต้นไม้ใบหญ้าต่างโบกกิ่งพริ้วรับสายฝนเย็นฉ่ำราวกับเริงระบำ ไม่ต่างกับดวงใจของวานาอันที่เต้นรัวด้วยความโลดเต้นยินดี เสียงหยดน้ำฝนที่เดือดจนกลายเป็นไอเพราะตกลงสู่เปลวไฟดังไปทั่วบริเวณ อีกครั้งที่ในหูของเด็กสาวได้ยินเสียงเรียกจากระลอกคลื่นกระซิบหาอย่างอ่อนโยน วานาอันมองไปรอบๆพยายามมองหาที่มาของเสียงนั้น เธอลุกขึ้นช้าๆขาของเธอเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นและสงบนิ่ง เด็กสาวเดินลัดเลาะไปตามแขนงรากอันใหญ่โตของเทพพฤกษา ไม่นานนักเธอก็พบกับธารน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลมาจากแง่งรากแขนงหนึ่งของต้นอิกดราซิลนั่นเอง วานาอันคุกเข่าลงช้าๆด้วยความอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นที่ใจกลางทางน้ำนั้นมีแสงเรืองรองเป็นวงเจิดจ้าอยู่ใต้พื้นน้ำ เกิดระลอกคลื่นสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับไม่ต่างกับทะเลดาวในยามค่ำคืน ที่กลางน้ำนั้นเกิดหยดน้ำเรืองแสงนับร้อยนับพันลอยขึ้นมาจากน้ำแล้วหมุนวนเป็นวงรอบๆบริเวณนั้น ระลอกคลื่นที่เกิดจากใจกลางแห่งแสงนั้นกระจายตัวเป็นวงกว้างจนแรงกระเพื่อมกระทบฝั่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉับพลัน ณ ใจกลางของวงคลื่นนั้นก็เกิดน้ำพุพุ่งขึ้นสูงบิดเป็นเกลียวเหนือผืนน้ำก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวนางหนึ่ง ผิวกายของเธอเป็นสีฟ้าใสรับกับเรือนผมสีฟ้าเข้มยาวสยาย วงหน้างดงามได้รูปกับใบหูที่เหมือนครีบปลาสีฟ้าเหลือบเงินขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง ดวงตาคมสีฟ้าเข้มราวกับสีของน้ำทะเลจ้องมองเธออย่างเอ็นดู ท...เท...เทพีอันดีน(Undine) วานาอันได้แต่ตกตะลึงพูดได้เพียงแค่นั้น ไม่เคยมีใครเคยได้เข้าเฝ้าหรือได้เห็นเทพีอันดีนเลยสักครั้ง แต่บัดนี้เทพีมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เด็กสาวทั้งประหม่าทั้งปลาบปลื้มจนตัวเธอเองก็สับสนในความรู้สึกของตน เทพีเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจในความประหม่าของเด็กสาวจึงยิ้มให้กับเธออย่างเอ็นดู แล้วจึงหันหน้าไปทางป่าทมิฬพลางยกแขนซ้ายขึ้นช้าๆแล้วเริ่มต้นวาดมือเหมือนกับร่ายเวทย์ ทันใดนั้นน้ำปริมาณมากมายมหาศาลก็เอ่อล้นฝั่งแล้วพุ่งขึ้นสูงถึงยอดไม้ก่อนจะม้วนตัวเป็นเกลียวคลืนไหลบ่าสู่ป่าฝั่งตะวันตกราวกับน้ำป่าหลาก เสียงไฟที่กำลังโหมไหม้ป่าถูกน้ำซัดสาดเสียงดังฟู่ฟ่อเหมือนเสียงงูพิษที่ขู่คำรามเพื่อเอาชีวิตรอดในเฮือกนาทีสุดท้าย แต่น้ำปริมาณมหาศาลที่ไหลบ่าล้นตลิ่งอย่างไม่มีวันหมดนั้นมากมายจนดูเหมือนว่าน้ำทั้งทวีปเมอรีเซียกำลังถูกสูบมาดับมหาเพลิงในครั้งนี้ เทพีอันดีนมองผลงานของตนพลางยิ้มอย่างพอใจ เธอยกแขนขึ้นอีกครั้งหยดน้ำเรืองแสงก็หมุนวนรอบตัวของเทพีอันดีน แล้วเธอก็หมุนตัวกลายเป็นน้ำตกลงสู่ธารน้ำนั้นทันที ปล่อยเด็กสาวที่กำลังอัศจรรย์ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ไว้เพียงลำพัง ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ เมื่อตั้งสติได้วานาอันก็รีบกล่าวขอบคุณเหล่าทวยเทพอย่างตื้นตันใจ ก้มลงกราบจนหน้าผากจรดพื้นดิน น้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลอาบสองพวงแก้ม เด็กสาวลุกขึ้นยืนปล่อยจิตให้สัมผัสกับธรรมชาติอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มขับร้องบทเพลงสรรเสริญเหล่าทวยเทพด้วยน้ำเสียงใสเย็น จิตใจที่หมองหม่นบัดนี้กลับเบิกบาน ดวงใจน้อยๆของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี |