Title: @@ นิยายSMN Chapter 16 ที่รองพระบาทของพระเจ้า @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:41:51 AM Chapter 16 ที่รองพระบาทของพระเจ้า สูงขึ้นไปเหนือที่ราบลุ่มเขียวชอุ่ม สายลมแห่งความโศกเศร้าและสูญเสียเพิ่งจะพัดผ่านอาณาจักรชาตินักรบที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงฟากตะวันตกของเมอริเซียได้ไม่นานนัก สายลมแห่งความชื่นชมยินดีก็ถึงคราวหมุนเวียนเปลี่ยนพัดมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ ฟีเลเซียอาณาจักรที่สายลมต่างๆล้วนพัดผ่านราวกับอาณาจักรแห่งนี้เป็นทางผ่านของเทพธิดาแห่งสายลม ในวันนี้เองอาณาจักรฟีเลเซียกำลังเฉลิมฉลองการขึ้นเถลิงราชสมบัติขององค์รัชทายาท ซิกมันต์ที่3แห่งราชวงค์อรีธา (Sigmund 3rd, Knight of Swords) ฟีเลเซียอาณาจักรแห่งนักรบวันนี้ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ธงชาติฟีเลเซียถูกนำมาประดับทั่วทุกที่ในอาณาจักร ซึ่งล้วนแล้วแต่บ่งบอกถึงความเป็นฟีเลเซียได้เป็นอย่างดี ธงสีเขียวอ่อนอันเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่ฤดูใบไม้ผลิมีต่อฤดูหนาว ซึ่งก็คือชัยชนะของชาวฟีเลเซียที่มีต่ออริชาติศัตรูทั้งหลายนั่นเองและสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ที่ลานกว้างหน้าปราสาทมีน้ำพุขนาดใหญ่พ่นน้ำใสสะอาดขึ้นสูงลิ่วราวกับจะทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ละอองน้ำจากน้ำพุที่ถูกสายลมพัดผ่านลอยละล่องประพรมลงสู่พื้นบ้างสู่ผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียงบ้าง สร้างความสดชื่นราวกับน้ำอมฤตจากสวรรค์เบื้องบนที่โปรยปรายลงมาอวยพรให้แก่พิธีสำคัญในวันนี้ รูปปั้นสำริดของบรรดาวีรบุรุษนักรบผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรถูกทำความสะอาดและขัดถูให้มันวาวราวกับเพิ่งออกจากโรงหล่อใหม่ๆจนดูราวกับว่ารูปปั้นนักรบเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ทั่วบริเวณลานกว้างหน้าปราสาทคลาคล่ำไปด้วยประชาชนนับหมื่นที่ต่างมายืนเฝ้ารอเพื่อร่วมพิธีสำคัญในวันนี้ ประชาชนทั้งหญิงชายต่างก็สวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของตน บรรดาอัศวินแห่งฟีเลเซีย(Felasias Knight)ในชุดเกราะสีเขียวมรกตมันวาวบนหลังม้าสูงสง่าต่างกระจายกำลังอยู่ตามจุดต่างๆเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่นานนักขบวนเสด็จของว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซียก็ค่อยๆเคลื่อนผ่านฝูงชนที่มายืนรอเฝ้ารับเสด็จ โดยมีว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่เป็นผู้นำขบวน ซิกมันต์ที่ 3 อยู่ในชุดเกราะสีเขียวอมฟ้าขลิบทองมันวาวบนหลังม้าสีขาวราวหิมะที่มีขนาดใหญ่กว่าม้าธรรมดาถึง 4 คืบ ทำให้ร่างของเขายิ่งดูสูงเพรียวงามสง่ายิ่งนัก ผ้าคลุมสีเหลืองสดสะบัดพลิ้วไหวตัดกับผมยาวสีน้ำตาลเข้มอย่างลงตัว ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดแจ้ง ริมฝีปากบางเชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกถึงความหยิ่งทะนงได้เป็นอย่างดี เขามุ่งหน้าสู่ปราสาทด้วยความภาคภูมิ ดวงตาสีเขียวเข้มมองดูบรรดาธงชาติเล็กๆสีเขียวอ่อนที่ประชาชนนับพันนับหมื่นโบกไปมาสะบัดพริ้วหยอกล้อกับสายลมราวกับเริงระบำ เขายิ้มน้อยๆก่อนที่จะมีสีหน้าสลดลง ข้าขอบอกกับท่านตามตรงว่า ข้าอยากให้ทูลกระหม่อมพ่อได้มาเห็นวันอันน่าภาคภูมิใจนี้นัก ซิกมันต์เอ่ยขึ้นแก่บุรุษผู้อยู่ทางเบื้องหลัง องค์ชายอย่าได้เป็นทุกข์ใจไปเลย องค์เหนือหัวแม้จะสวรรคตไปแล้วแต่พระองค์ก็มิได้จากไปไหน กระหม่อมเชื่อเหลือเกินว่าในวันนี้องค์ซิกมันต์ที่2จะต้องกำลังทอดพระเนตรพระองค์จากบนสวรรค์ด้วยความชื่นชมยินดี องค์ชายทรงทอดพระเนตรเหล่าพสกนิกรเหล่านี้ดูเถิด พระองค์คือความภาคภูมิใจของฟีเลเซีย ซิกมันต์เหลือบไปมองเหล่าพสกนิกรที่กำลังโห่ร้องยินดี เขายิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น ขอบใจ และท่านเองก็เป็นความภาคภูมิใจของฟีเลเซียเช่นกัน องค์ชาย... ไม่สิท่านกำลังจะเป็นกษัตริย์แล้ว หม่อมฉันจะต้องเรียกพระองค์ว่าฝ่าบาทสินะ ท่านจะเรียกอย่างไรก็ได้ เพราะไม่ว่าข้าจะเป็นอะไร ท่านก็ยังคงเป็นสหายคนสนิทของข้าเสมอ บุรุษผู้นั้นโค้งตัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณก่อนที่ซิกมันต์ที่3จะหันหน้าไปสู่ถนนใหญ่ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆราวกับจะซึมซาบเอาความปลาบปลื้มของเหล่าพสกนิกรแห่งฟีเลเซียไว้เป็นพลังและกำลังใจของตน ก่อนที่จะยืดตัวตรงมุ่งไปยังปราสาทเบื้องหน้าอย่างสง่างาม ฝ่ายบุรุษผู้อยู่ทางเบื้องหลังก็ควบม้าเหยาะๆตามหลังกษัตริย์องค์ใหม่ไปอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก เขาอยู่ในชุดเกราะเต็มยศสีเงินมันวาว ขี่ม้าสีเทาเงินซึ่งมีขนาดเล็กกว่าม้าขาวของซิกมันต์เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจบดบังร่างกายที่ผึ่งผายของเขาได้ ไหล่ที่กว้างกำยำและหลังที่ยืดตรงของเขาเอื้อให้เห็นถึงอิริยาบถที่กระฉับกระเฉงและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมสำรวมบ่งบอกถึงความเป็นผู้ที่สงบและอดทน เขาคือแม่ทัพใหญ่ผู้มีอนาคตไกลแห่งฟีเลเซีย ผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีฝีมือด้านการรบเป็นหนึ่งที่สุดในฟีเลเซีย และยังได้ชื่อว่ามีความจงรักภักดีต่อฟีเลเซียอย่างที่สุดเช่นกัน เขาคือแม่ทัพหนุ่มผู้มีประสบการณ์ด้านการศึกอย่างโชกโชนแม้จะมีวัยเพียง21ปีเท่านั้น ชาร์ล คลาแรนซ์(Charles Clarence, the General of Felasia) บุตรชายของลอร์ดคลาแรนซ์อดีตจอมทัพแห่งฟีเลเซีย ผู้ซึ่งเป็นราชครูที่สอนวิชาต่อสู้ให้แก่ซิกมันต์ ด้วยพรสวรรค์ด้านเพลงดาบที่เก่งกาจเกินวัยของชาร์ล เขาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคู่ฝึกดาบของซิกมันต์ตั้งแต่เด็กและได้กลายเป็นสหายสนิทที่ซิกมันต์วางใจที่สุด Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 16 ที่รองพระบาทของพระเจ้า @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:43:32 AM เมื่อขบวนเสด็จขึ้นมายังลานหน้าปราสาท ประชาชนนับหมื่นต่างก็โห่ร้องต้อนรับว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่เสียงดังกึกก้อง เสียงบรรเลงเพลงชาติฟีเลเซียดังกระหึ่มจากวงดนตรีของกองทัพเป็นจังหวะไพเราะ สง่า และ หนักแน่น ชวนให้บรรยากาศโดยรอบดูสง่าและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทหารกองเกียรติยศในชุดเกราะสีเขียวมรกตมันวาวนับพันยืนแถวเรียงจากหน้าลานยาวขึ้นไปถึงบันไดขั้นบนสุดหน้าปราสาทโดยมีบรรดาประชาชนนับหมื่นคนยืนเป็นแถวเรียงรายอยู่เบื้องหลังทั้งสองฝั่งฟาก ที่รูปปั้นปฐมกษัตริย์องค์แรกแห่งฟีเลเซียด้านหน้าปราสาทนั้นเองมีคณะขุนนางและผู้ทรงเกียรติมากมายยืนรอรับอยู่
ซิกมันต์ก้าวลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม ทหารกองเกียรติยศเรียบอาวุธเพื่อทำความเคารพอย่างรวดเร็วฉับไวและพร้อมเพรียงราวกับเป็นคนเดียวกัน การเรียบอาวุธไล่ระดับตามขั้นบันไดอย่างสวยงามราวกับพวกเขาทำกันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เสียงเรียบอาวุธของเหล่าทหารนั่นหนักแน่นชวนให้ฮึกเหิม แลดูงามสง่ายิ่ง ซิกมันต์ก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นด้วยความมั่นคงสมภาคภูมิ ตามด้วยชาร์ล คลาแรนซ์ บรรดาองครักษ์และแม่ทัพนายกองทั้งหลาย เมื่อเท้าของซิกมันต์แตะบันไดขั้นบนสุดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงดนตรีจบลง ทันใดเสียงแซ่ซ้องอวยชัยจากประชาชนที่อยู่เบื้องล่างก็ดังขึ้นอย่างกึกก้องพร้อมกัน ไชโย! แด่กษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซีย ขอพระเกียรติจงเลื่องลือระบือไกลไปทั่วแคว้น เพื่อศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ ไชโย! ไชโย! บรรดาขุนนางที่ยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าปราสาทก็โค้งคำนับพลางเดินเข้าร่วมขบวนเสด็จตามหลังซิกมันต์เข้าสู่ภายในปราสาท ซิกมันต์ที่3 เดินนำแถวแม่ทัพและขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งอย่างงามสง่าและศักดิ์สิทธิ์ มีธงชาติฟีเลเซียผืนใหญ่ติดไว้ที่หัวเสาทุกต้น ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์นับพันดอกแซมด้วยใบไม้สีเขียวอ่อนสดใสถูกนำมาประดับประดาทุกแห่งหนทั่วท้องพระโรงส่งกลิ่นหอมเย็นขจรขจายไปทั่วบริเวณ เหล่าครอบครัวของบรรดาแม่ทัพนายกองและขุนนางทั้งหลายต่างก็ยืนออกันเนืองแน่นท้องพระโรงแบ่งเป็นสองฝั่งโดยเว้นช่องตรงกลางที่ปูด้วยพรมสีแดงทอดยาวไปถึงบัลลังก์เบื้องหน้า บนระเบียงชั้นสองที่ทอดยาวยาวตลอดแนวสองข้างท้องพระโรงเนืองแน่นไปด้วยบรรดานักบวชชายหญิงนับพันคน ต่างอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ บ้างสวมเสื้อคลุมสีต่างกันอันเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงสังกัดและคณะนักบวชที่ต่างสำนักกัน เนื่องจากฟีเลเซียนี้นอกจากจะเป็นชาตินักรบแล้ว ยังมีนักบวชมากมายด้วยเช่นกัน ฟีเลเซียนี้ได้ขนานนามตนเองว่าเป็นชาติที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดทั้งนี้เพราะฟีเลเซียมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงที่สุดในทวีปเมอริเซีย อีกทั้งยังมีสำนักสงฆ์และนักบวชมากที่สุดในทวีปเมอริเซียอีกด้วย ทุกคนต่างทราบกันดีว่าฟีเลเซียเป็นแหล่งวิทยาการความรู้และปรัชญา ซึ่งได้ผลิตนักวิชาการและนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม้เท้าและคฑาประจำตำแหน่งของบรรดานักบวชชายหญิงเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าสว่างไสวไปทั้งท้องพระโรง เสียงร้องประสานเพลงบทสวดสรรเสริญพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกังวานไพเราะจับใจ บนบัลลังก์นั้นเองพระราชินีอลิเซีย(Alicia, the Queen of Felasia)ประทับนั่งอยู่อย่างสง่าราวกับพญาหงส์ ใบหน้าของนางยิ้มละไมด้วยความรักและยินดี เยื้องไปทางเบื้องหลังเล็กน้อยมีที่ประทับอีกสองที่ ที่ประทับทางด้านซ้ายนั้นว่างเปล่า ส่วนทางด้านขวานั้น เป็นสาวงามสะพรั่งด้วยวัย17พรรษา เต็มล้นไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยสาว สาวน้อยร่างสูงเพรียวสมส่วน เรือนผมสีทองยาวสลวยเป็นประกาย คิ้วสีน้ำตาลเข้มโค้งบางได้รูป ดวงตาคมโตสีเขียวมรกตเฉียงขึ้นน้อยๆล้อมรอบด้วยแพขนตายาวงอนดกหนาทำให้ดวงตาของเธอดูคมสวยเด่นชัด จมูกเรียวยาว ริมฝีปากเล็กๆแต่เต็มอิ่มสีกุหลาบโค้งสวยแสดงออกถึงความอบอุ่นน่ารักของเธอ วงหน้ารูปไข่งดงาม และผิวขาวเนียนใสราวกับไข่มุก ในฐานะของเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย เรจีน่า อารีธา ผู้ซึ่งความเก่งกาจในเชิงดาบของเธอไม่แพ้กับความงดงามของเธอ ผู้เป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจของชาวฟีเลเซียทั้งหลาย เจ้าหญิงเรจิน่านั่งอยู่บนที่ประทับอย่างสงบและงดงามราวกับรูปสลักของเทพธิดาก็ไม่ปาน ความงามของเธอดูสง่าและสูงศักดิ์สมกับที่เป็นเจ้าหญิงแห่งชาตินักรบที่แม้แต่บรรดาหญิงสาวสูงศักดิ์ทั้งหลายที่อยู่ในท้องพระโรงก็มิอาจเทียบได้ ใบหน้าของนางแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชมยินดีมิต่างจากพระมารดา ที่ข้างบัลลังก์นั้นเองบิชอปเกรเกอรี่(Gregory, the Bishop of Felasia)นักบวชหนุ่มแห่งฟีเลเซีย ยืนอยู่อย่างสำรวม ใบหน้าสงบเรียบแลดูสุขุมน่าเคารพ ในมือถือไม้เท้าสีเงินแวววาว เกรเกอรี่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์คาดทอง เสื้อตัวในและผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มอันเป็นสีของท้องฟ้ามีความหมายถึงความรักแห่งสรวงสวรรค์และเป็นสีแห่งสัจธรรมด้วย เขาสวมหมวกประจำตำแหน่งสีขาวบริสุทธิ์ประดับอัญมณีสีน้ำเงินเข้มมีลวดลายสีทองยิ่งทำให้ดูสง่าและศักดิ์สิทธิ์นัก เมื่อซิกมันต์เดินตรงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์แล้ว ราชินีอลิเซียจึงค่อยๆลุกจากบัลลังก์และเดินไปยืนอยู่หน้าที่ประทับทางด้านซ้าย อันเป็นการบ่งบอกโดยนัยว่าการเป็นผู้สำเร็จราชการชั่วคราวของนางสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ นางยิ้มให้บุตรชายอย่างชื่นชม ในขณะที่เรจิน่าลุกขึ้นยืนและยิ้มอย่างให้กำลังใจผู้เป็นน้องชาย ซิกมันต์ค่อยๆก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อย่างองอาจและมั่นคง เขาค่อยๆคุกเข่าลงหน้าบัลลังก์ช้าๆ บรรดาเหล่าขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่ยืนอยู่เบื้องล่างก็คุกเข่าลงทันที บิชอปหนุ่มก้าวออกมายืนเบื้องหน้าพร้อมกับบรรดานักบวชชั้นผู้ใหญ่อีก10องค์ เพื่อทำพิธีแต่งตั้งด้วยความศักดิ์สิทธิ์ บิชอปหนุ่มและบรรดานักบวชชั้นผู้ใหญ่ต่างทำเครื่องหมายแห่งแสงสว่างที่บนมงกุฎ ศาสตราวุธและเครื่องทรงในการออกศึกของกษัตริย์ โดยมีเสียงสวดมนต์และอวยพรจากบรรดานักบวชนับพัน เกรเกอรี่ยกมงกุฎขึ้นสู่เบื้องบนจนสุดแขนราวกับจะยื่นไปให้ถึงสวรรค์ แสงสว่างส่องผ่านช่องหน้าต่างสูง ทอดเป็นลำลงมายังมงกุฎจนสะท้อนออกมาเป็นแสงเงินแสงทองระยิบระยับ เหล่านักขับร้อง ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ไพเราะจับใจดั่งเสียงแห่งทวยเทพเทวา Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 16 ที่รองพระบาทของพระเจ้า @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:45:23 AM ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสถิตในอาณาจักรสวรรค์อันสูงสุด ได้ทรงโปรดประทานพระพรมายังข้าบริพารของพระองค์ผู้นี้ ให้ความบริสุทธิ์แห่งสวรรค์เป็นคุณธรรมแห่งท่าน ให้ความศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์เป็นเกียรติแห่งท่าน ให้ความสูงส่งแห่งสวรรค์เป็นบารมีแห่งท่าน ให้เทวดาของพระเจ้าปกปักษ์รักษาข้างท่าน ให้ท่านเป็นกษัตริย์ทรงคุณธรรม แห่งฟีเลเซีย อาณาจักรอันเป็นที่รองพระบาทพระเจ้า ข้าแต่พระเจ้าสิ่งที่คั้นระหว่างสวรรค์และแผ่นดินคือลม หากฟีเลเซียคือลม ฟีเลเซียก็เปรียบดังที่รองพระบาทแห่งพระเจ้า ขอพระองค์ทรงประทานพระพรแด่อาณาจักรของพระองค์ในโลกนี้ ให้ยืนยงสถาพรชั่วนิจนิรันดร์ ให้ชัยชนะแห่งฟีเลเซีย เป็นพระเกียรติมงคลของพระองค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า
เกรเกอรี่ค่อยๆลดมือลงจะกระทั่งมงกุฎมาอยู่ต่อหน้าซิกมันต์ที่3 มงกุฎนี้เป็นเครื่องหมายแห่งพระราชอำนาจของพระเจ้าที่ได้ประทานแก่ท่าน เมื่อบิชอปหนุ่มกล่าวจบ ก็ยกมงกุฎขึ้นสวมให้แก่ซิกมันต์ที่3 แล้วค่อยๆก้าวหลบไปยืนด้านข้าง กษัตริย์หนุ่มองค์ใหม่ลุกขึ้นเชื่องช้า เมื่อเขายืนขึ้นในเครื่องทรงกษัตริย์ พร้อมมงกุฎราชาแห่งฟีเลเซีย ก็สง่างาม ไม่เหมือนเด็กหนุ่มอีกแล้ว เราซิกมันต์ที่3จะดำเนินรอยตามพระราชดำริของกษัตริย์ซิกมันต์ที่2พระบิดาของเราที่จะปราบปรามอริศัตรู และ สัตว์ร้ายทั้งหลายที่เที่ยวรังควานชาวฟีเลเซียให้สิ้นซาก และจะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อนำมาซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ สายลมพัดเหนือผืนดิน เหนือผืนน้ำ เหนือเปลวไฟ ลมยิ่งอยู่สูงยิ่งพัดกล้า ศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียคือศักดิ์ศรีแห่งสายลม ขอจงทรงพระเจริญ ขอจงทรงพระเจริญ เสียงแซ่ซ้องจากทุกสารทิศดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรง ซิกมันต์ค่อยๆลุกขึ้นเดินก้าวขึ้นบังลังก์ สีขาวสลับทอง และมีรูปม้าบินเปกาซัสสีทองประดับที่พนัก และที่ท้าวแขน บัดนี้กษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรฟีเลเซียจากราชวงศ์อรีธานั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่าสมความภาคภูมิ บารมีและอำนาจแผ่ออกมาอย่างชัดเจนเมื่อเขาสวมเครื่องทรงกษัตริย์ครบครันบนบัลลังก์ใหญ่ บิชอปเกรเกอรี่ก้าวออกมายืนข้างบัลลังก์ของซิกมันต์พร้อมกับประกาศด้วยเสียงอันดังว่า เวลานี้แม่ทัพนายกองและขุนนางทั้งหลาย จงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีต่อกษัตริย์องค์ใหม่ต่อหน้าพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า ชาร์ล คลาแรนซ์ ก้าวออกมายืนต่อหน้าบัลลังก์ในมือซ้ายถือดาบปักหัวลงข้างลำตัว ส่วนมือขวานั้นยกขึ้นแตะที่เหนือหัวใจพลางประกาศด้วยเสียงอันดังว่า ข้าขอสาบาน ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด หากฟีเลเซียต้องการป้องกัน ข้าจะเป็นโล่ที่คอยปกปักษ์รักษา หากฟีเลเซียต้องการสู้ ข้าจะเป็นดาบที่ประหัตศัตรู เกรเกอรี่ยกมือขึ้นอวยพรแก่ชาร์ล จากนั้นบรรดาแม่ทัพนายกองและขุนนางจึงต่างทยอยกันขึ้นสาบานต่อหน้าพระที่นั่ง ภายในห้องบรรทมของราชินีอลิเซีย เสียงพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนานของสตรีสองนางดังแว่วออกมาเป็นระยะๆ จริงๆเลยนะลูกคนนี้ ช่างพูดให้แม่หัวเราะได้ตลอดเวลาเลย โธ่ท่านแม่ ลูกพูดธรรมดานะเพคะ พระองค์หัวเราะเองต่างหาก ก็เพราะว่าลูกพูดจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้วนะสิ นี่ถ้าประชาชนเขารู้ว่าเจ้าหญิงที่แสนงามเพียบพร้อมของพวกเขาเป็นเจ้าหญิงที่บ้าบอแบบนี้พวกเขาคงจะต้องช็อคกันน่าดูชมเชียวล่ะ ราชินีอลิเซียใช้มือลูบหัวของบุตรสาวที่พาดซบอยู่บนตักของตนอย่างเอ็นดู เรจิน่าผงกหัวขึ้น พลางพูดด้วยเสียงร่าเริงว่าไม่มีทางเพคะ ลูกรู้ว่าประชาชนต้องการอะไรและอยากจะเห็นอะไรจากลูก และที่สำคัญลูกรู้ว่าเวลาไหนสมควรจะทำอะไรเพคะ ราชินีอลิเซียยิ้มอย่างภูมิใจในตัวบุตรสาว รู้จักคิดอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะจ้ะ นางเงยหน้าขึ้นมองภาพเหมือนของกษัตริย์ซิกมันต์ที่2 ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่กล่าวว่าน่าเสียดายนะ ถ้าพ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ วันนี้เขาคงจะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต ใฝ่ฝันถึงวันนี้ วันที่จะได้สวมมงกุฎให้แก่ซิกมันต์ด้วยตัวของพระองค์เอง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 16 ที่รองพระบาทของพระเจ้า @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:46:43 AM น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างขององค์ราชินี เรจิน่ารีบกอดเข่าของพระมารดากล่าวว่าท่านแม่ อย่าร้องไห้สิเพคะ ถ้าท่านแม่ยังร้องไห้อยู่อย่างนี้ ทูลกระหม่อมพ่อก็จะยิ่งเป็นห่วงนะเพคะ ไม่แน่นะ ตอนนี้ทูลกระหม่อมพ่ออาจจะอยู่ข้างๆสมเด็จแม่แล้วก็ได้ แล้วก็อาจจะกำลังพูดว่า...
เรจิน่ารีบลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระมารดาแล้วแกล้งทำท่าลูบเคราเหมือนที่กษัตริย์ซิกมันต์ที่2 ชอบทำ ดัดเสียงให้ฟังแปร่งๆห้าวๆ เจ้าจะร้องไห้ทำไมกันอลิเซีย รู้ไหมว่าเจ้าทำให้เราต้องรีบเหาะลงมาจากสวรรค์มาดูเจ้า อลิเซียยิ้มทั้งน้ำตาแล้วจึงลุกขึ้นหยิกแก้มทั้งสองข้างของบุตรสาว อ้า...ฮั่น...แอ้.....อูก.....เอ็บ.....อ๊ะ...เอ..อ่ะ.... เรจิน่าพยายามพูดทั้งๆที่ยังถูกหยิกแก้มจนปากยืด อลิเซียหัวเราะออกมาได้ในที่สุดด้วยความขบขันใบหน้าของบุตรสาว ก่อนจะปล่อยมือออกจากสองพวงแก้มนั้น คิกๆ เด็กบ๊อง เรจิน่ารีบยกมือขึ้นนวดแก้มของตน ลูกว่าเชื้อความบ๊องของลูกต้องมาจากท่านแม่แน่ๆเพคะ เรจิน่าเอามือไปยืดแก้มของแม่บ้าง อ๋อย....แอ่ะ...เอ้า....อิ๋ง.......อัว......แอบ......อลิเซีย ดึงแก้มลูกสาวของเธอคืน ทันใดนั้นทั้งสองสังเกตเห็นร่างหนึ่งยืนตะลึงกับภาพที่เห็น ทั้งสองจึงปล่อยมือและหัวเราะออกมา แต่ผู้ที่ยืนมองนั้นทำหน้าไม่ขำด้วย สมเด็จแม่กับท่านพี่ ทรงทำอะไรกันอยู่ ใครมาเห็นจะว่าเอาได้ สาวน้อยยังขำไม่เลิก ฮะ ฮะ ซิกมันต์สวมมงกุฎวันเดียวน้องมีรอยย่นที่หว่างคิ้วแล้วนะ ซิกมันต์รีบเอามือจับระหว่างคิ้วตัวเองอย่างไม่รู้ตัว อลิเซีย กับ เรจิน่าระเบิดเสียหัวเราะออกมาอีกครั้ง โธ่........ท่านพี่.......สมเด็จแม่ ถ้าใครมาเห็นข้าถูกหัวเราะเยาะแบบนี้ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เรจิน่าเอื้อมมือไปประคองแก้มน้องชาย ก็ไว้ที่เดิมนี่แหละ ซิกมันต์ การห่วงสายตาคนอื่นเกินไปจะทำให้น้องมีรอยย่นที่หน้าผากเพิ่มอีกที่นะราชินี อลิเซียหัวเราะออกมาอีก ซิกมันต์จับมือพี่สาวออก ท่านพี่ชอบแกล้งข้าเหมือนข้าเป็นเด็ก ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ ใช่จ้ะ วันนี้ลูกแม่เป็นผู้ใหญ่แล้วอลิเซียเอื้อมมือ ไปจับไหล่บุตรชาย ซิกมันต์กุมมืออีกข้างของนางกล่าวขึ้นและวันนี้ลูกก็ดีใจที่เห็นสมเด็จแม่หัวเราะออกมา หลังจากไม่เห็นมาตั้งแต่...... ผลงานของพี่ไง พี่มีหน้าที่ทำให้ท่านแม่หัวเราะ มีแต่น้องนี่แหละ ที่พี่ต้องใช้ความพยายามเป็นสามเท่าเพียงเพื่อให้น้องยิ้มบ้าง นี่.....มีรอยเหี่ยวข้างแก้มแล้ว เรจิน่าลากนิ้ว ข้างมุมปากน้องชาย ซิกมันต์หน้ามุ่ย เรจิน่า..........ลูกนี่.............. อลิเซียพยายามกลั้นหัวเราะ แต่เมื่อเห็นว่าบุตรชายยังคงมีสีหน้าบึงตึงอยู่จึงได้เงียบเสียงลง นางถอนหายใจเบาๆ ยิ้มให้กับบุตรชายซิกมันต์ อย่าทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งโลกไว้ตลอดเวลาสิจ๊ะ เป็นกษัตริย์ก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากพออยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็ผ่อนคลายบ้างเถิด มันไม่สมควรสมเด็จแม่ ลูกเป็นกษัตริย์แล้ว ลูกจะต้องเข็มแข็งเป็นเยี่ยงอย่างแก่อาณาประชาราษฎร์ ลูกจะทำแบบนั้นได้อย่างไรซิกมันต์พูดเสียงดังเกินกว่าที่จำเป็น มือกำแน่น เขาชะงักไปเล็กน้อยกับกริยาของตนเอง ก่อนที่จะพูดเสียงเบาลง ลูกขออภัยสมเด็จแม่ ลูกคงจะเครียดกับพิธีในวันนี้ไปหน่อย อลิเซียไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อยกับกริยาของซิกมันต์ นางยิ้มอย่างเข้าใจ กล่าวว่า ลูกกลัวใช่ไหม กลัวที่จะยอมรับว่ามีความกลัวแอบแฝงอยู่ในจิตใจของลูก ลูกกลัวว่าจะเป็นกษัตริย์ที่เก่งกาจสมกับที่ใครๆคาดหวังไม่ได้ใช่ไหม ซิกมันต์มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขายกมือขวาขึ้นจับมือของมารดาโดยไม่รู้ตัว เรจิน่ายิ้มให้กำลังใจซิกมันต์ เธอใช้มือทั้งสองข้างจับแขนข้างซ้ายของซิกมันต์ไว้ ซิกมันต์ น้องคือความภาคภูมิใจของฟีเลเซีย ของราชวงค์อรีธา พี่เองก็ยังภูมิใจในตัวน้อง น้องถูกฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อเป็นกษัตริย์มิใช่หรือ น้องเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์นะซิกมันต์ จะมีใครในแผ่นดินนี้เหมาะสมยิ่งไปกว่าน้องอีก ลูกทำได้แน่นอนจ้ะ ลูกต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีและเก่งกาจได้แน่ๆ ขอบพระทัยสมเด็จแม่ ท่านพี่ ซิกมันต์กล่าวก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มที่นานเหลือเกินแล้วที่อลิเซียและเรจิน่าเคยเห็น หลังจากที่ซิกมันต์จากไป ทำให้สองแม่ลูกอยู่ในห้องกันตามลำพังอีกครั้ง เรจิน่ามองประตูที่ซิกมันต์เพิ่งจะเดินออกไปเมื่อไม่นานมากนี้ ก่อนจะกล่าวขึ้น น่าแปลกนะเพคะ เมื่อสมัยที่ลูกยังเด็ก ลูกเคยน้อยใจที่ทูลกระหม่อมพ่อไม่เคยใส่ใจดูแลกวดขันลูกเหมือนกับที่ทำกับน้อง จนหลายๆครั้งที่ลูกต้องวิ่งมาหาสมเด็จแม่เพื่อร้องไห้และระบายความอัดอั้นตันใจกับพระองค์ แต่ทุกวันนี้ลูกกลับรู้สึกเป็นโชคดีของลูก เพราะการเป็นรัชทายาทของซิกมันต์ ลูกถึงได้มีอิสระถึงเพียงนี้ ได้ทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำ ในขณะที่ซิกมันต์กลับต้องเรียนการปกครอง ต้องถูกฝึกฝนเพลงดาบและการรบอย่างหนัก ไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ บ่อยครั้งที่ลูกรู้สึกติดหนี้บุญคุณน้องเพคะสมเด็จแม่ ลูกรัก พระเจ้าสร้างมนุษย์แต่ละคนมาให้มีภารกิจหน้าที่แตกต่างกัน สำหรับซิกมันต์นั้นเป็นภารกิจหน้าที่ของเขา พ่อของลูกมีหน้าที่กรุยทางและเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับหนทางข้างหน้า ลูกเลิกคิดน้อยใจได้อย่างนี้ก็ดีแล้วจ้ะ แม่ดีใจที่ลูกสาวของแม่เป็นเด็กที่เข้มแข็งและรู้จักคิด พ่อของลูกก็ภาคภูมิใจในตัวลูกเช่นกันจ้ะ เรจิน่ายิ้มให้มารดาของตน ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองภาพของบิดา ฉับพลันความรู้สึกคิดถึงบิดาก็ก่อตัวขึ้นในใจของเธอทันที น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นคลอเบ้า เรจิน่ากระพริบตาถี่ๆก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจึงค่อยฝืนยิ้มออกมา |