Title: @@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:09:29 AM Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต เป็นเวลาเพิ่งจะฟ้าสางเมื่อซาดินในชุดเต็มยศก้าวออกมาจากกระโจมที่พัก บัดนี้กองทัพเพลิงแห่งซาโลมได้มาตั้งค่ายอยู่ที่โขดหินใหญ่อันเป็นปราการทางธรรมชาติที่บ่งบอกว่ากองทัพใกล้จะถึงถ้ำวงกตเต็มที เมื่อซาดินเห็นว่าดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าเท่าใดนักก็รีบสั่งเคลื่อนทัพทันที ด้วยเกรงว่าหากยิ่งออกเดินทัพช้าเท่าใดก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคแก่กองทัพมากขึ้น เนื่องจากเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงอันร้อนแรงแล้ว ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะแผดเผาเม็ดทรายให้ร้อนระอุยิ่งกว่าเดินบนกระทะเหล็กลนไฟเสียอีก เมื่อพลแตรเป่าแตรเคลื่อนทัพเป็นสัญญาณ กองทัพอันประกอบไปด้วย กองกำลังนกโมฮาห้าสิบนาย และ ทหารเดินเท้าอีกร้อยนาย ก็ออกเคลื่อนพลทันที ระหว่างทางที่กองทัพเพลิงแห่งซาโลมผ่านมานั้นได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคิเมร่าทะเลทราย(Desert Chimera), สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound) หรือ แม้กระทั่งฝูงมังกรไฟ(Fire Dragon) แต่ด้วยความชาญศึกของซาดินจึงสามารถนำทัพฝ่ามาได้โดยแทบมิต้องเสียเลือดเนื้อ เมื่อเริ่มเข้าเขตภูเขาไฟการเคลื่อนทัพก็เริ่มลำบากมากขึ้น หินภูเขาไฟน้อยใหญ่มากมายกระจัดกระจายไปทั่ว พื้นทรายเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากความร้อนของดวงอาทิตย์และสภาพภูมิอากาศใกล้ภูเขาไฟ ทั่วบริเวณนี้มีตัวสกาเลต (Scarlet) อาศัยอยู่อย่างชุกชุม แนวหินเริ่มสูงชันและสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ สักพักซาดินก็เห็นปากทางเข้าถ้ำวงกต มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆโชยมาเป็นระยะๆ ทั่วบริเวณปากถ้ำยังคงมีร่องรอยของกองทัพชุดก่อนๆหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าคนจำนวนมาก ของใช้ติดตัวของทหารบางนายที่ลืมทิ้งไว้นอกถ้ำ หรือแม้แต่กระเป๋าสัมภาระที่ทหารวางทิ้งที่ปากถ้ำ ซาดินมองสำรวจสภาพรอบๆปากถ้ำอย่างละเอียดก่อนที่จะจัดสัดส่วนกองทัพเสียใหม่ นกโมฮาตัวใหญ่เกินไปเอาเข้าถ้ำไม่ได้ พวกเจ้าสิบคนจงอยู่ที่นี่ดูแลนกโมฮา จัดเรียงเสบียงอาหารสัมภาระเสียใหม่ให้เปลืองเนื้อที่น้อยที่สุด พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพและเตรียมเกวียนรถลากสำหรับให้นกโมฮาลากสมบัติกลับซาโลม พวกที่เหลือเตรียมน้ำ เสบียง คบไฟ และเชื้อเพลิงให้พร้อม ของที่เป็นภาระในการบุกถ้ำจงทิ้งไว้ข้างนอกให้หมด พยายามให้ตัวเองเดินสบายและสะดวกในการเคลื่อนไหวมากที่สุด รถเสบียงและน้ำอยู่หลังขบวน ให้ทหารยี่สิบนายปิดท้ายขบวน เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วจงเงียบให้มากกว่าความเงียบ เราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันจะรู้ว่าเราเข้ามาในถ้ำนี้ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันเป็นตัวอะไรไม่ได้ เมื่อซาดินสั่งการเสร็จแล้วจึงมองสำรวจตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะชูกระบองคู่กายขึ้นสูงเป็นสัญญาณ แล้วทั้งหมดก็เคลื่อนทัพเข้าสู่ถ้ำนั้นอย่างเงียบกริบ คบเพลิงเพียงไม่กี่อันถูกจุดเพียงเพื่อแค่พอมองเห็นทางเดินเท่านั้น ภายในถ้ำนั้นเป็นอุโมงค์คดเคี้ยวสลับซับซ้อนนัก อากาศในนั้นมีกลิ่นอับฉุนและมีกลิ่นกำมะถันโชยมาเป็นระยะๆ ตามผนังถ้ำมีการวาดภาพด้วยสีแดงเป็นรูปของสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆกำลังฆ่าฟันมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆกัน สักพักซาดินก็มาถึงห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีซากทหารและโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น บางศพไหม้เกรียม บางศพมีสภาพแหลกเหลว ที่ด้านตรงข้ามมีอุโมงค์แยกเป็นสามทาง เมื่อซาดินให้สัญญาณ หัวหน้ากองทหารสองนายคือหัวหน้ากองทหารเดินเท้าและหัวหน้ากองทหารนกโมฮารีบออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบทันที ซาดินนั่งลงข้างศพที่ดูใหม่ที่สุดพลางพิจารณาสภาพศพ หัวหน้ากองทหารทั้งสองรีบกลับมารายงานเสียงเบา ฝ่าบาท ศพทหารเพิ่งตายไม่นานนัก คาดว่าจะเป็นทหารชุดก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงพ่ะย่ะค่ะ ซาดินเงยหน้าขึ้นมองอุโมงค์ข้างหน้า เอาคบเพลิงปลุกเสกของบลาส เซจมา นายกองจึงส่งสัญญาณให้นายหมู่ที่ถือกล่องใบหนึ่งอยู่ในมือ นายหมู่ก็รีบวิ่งมาทันที นายกองเปิดกล่องออก ภายในกล่องบรรจุคบเพลิงตัวด้ามมีสีดำสนิทอยู่หนึ่งอัน ซาดินจุดไฟที่ปลายคบเพลิงนั้นแล้วเปลวไฟสีเงินก็สว่างขึ้นทันที ซาดินเดินเข้าไปใกล้อุโมงค์แรกพลางยื่นคบเพลิงเข้าไปที่ปากอุโมงค์ ทันใดนั้นไฟก็ค่อยๆหรี่ลงจนเกือบดับ ซาดินชักมือออกพลางเดินไปหน้าอุโมงค์ถัดมาและทำเหมือนเช่นเดิม คบไฟก็ค่อยๆหรี่ลงเหมือนครั้งแรก ซาดินจึงเดินไปยังอุโมงค์ที่สาม คราวนี้ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วงขึ้นทันที ซาดินยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ พลางส่งสัญญาณให้เดินเข้าอุโมงค์ที่สามนั้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:10:22 AM ภายในอุโมงค์นี้ปูพื้นด้วยแผ่นกระเบื้องไปตลอดทาง กองทัพเดินมาได้สักพักก็พบซากทหารนอนตายเกลื่อนพื้นถ้ำอีกครั้ง มีธนูมากมายปักอยู่เต็มร่าง กษัตริย์หนุ่มมองไปรอบบริเวณทั่วผนังทั้งสองด้านและพื้นถ้ำ ซาดินหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก็กลับหลังหันทันที เหล่าทหารที่อยู่ทางด้านหลังพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ ซาดินชี้นิ้วไปที่นายทหารที่อยู่ใกล้พลางพูดเสียงเบาว่า
เจ้า! เดินไป นายทหารที่ถูกเลือกมองไปข้างหน้า ก็พลันเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจรีบส่ายหัวปฏิเสธ แทบจะทันทีร่างของนายทหารคนนั้นก็พุ่งไปชนกองซากศพอย่างแรงจนใบหน้าศพยุบไปแถบหนึ่ง ซาดินหันหน้ากลับมาอีกครั้ง เหล่านายทหารต่างตัวสั่นเงียบกริบมิกล้าปริปาก ซาดินชี้นิ้วอีกครั้งคราวนี้มิต้องให้พูดซ้ำสอง นายทหารที่ถูกเลือกก็แทบจะวิ่งไปยังทิศทางเบื้องหน้าทันที เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นลูกธนูนับร้อยๆดอกก็พุ่งออกมาจากผนังด้านซ้ายใส่ทหารเคราะห์ร้ายอย่างแรงจนนายทหารคนนั้นกระเด็นไปติดผนังอีกด้าน เขายังวิ่งต่ออีกสองสามก้าวก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น ซาดินจ้องมองเหตุการณ์เบื้องหน้านิ่งพลางเริ่มก้าวเข้าสู่ค่ายกลกับดักอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาค่อยๆเอากระบองคู่กายเคาะที่พื้นกระเบื้องข้างหน้าทีละแผ่นๆ ทันใดนั้นก็มีลูกธนูพุ่งออกจากด้านข้างผนังไปยังผนังอีกฟากอย่างรวดเร็ว ซาดินเคาะต่อไปอีกลูกธนูก็พุ่งออกมาอีกจนรู้ว่าทุกสามแผ่นจะมีกับดักอยู่แผ่นหนึ่ง เขาค่อยๆนำกองทหารฝ่ากับดักไป เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็มีฝูงผีเสื้อไฟ(Betterfire)ประมาณสามสิบตัวบินจากทางเบื้องหน้าตรงมายังพวกเขาทันที กษัตริย์หนุ่มรีบสั่งให้ทหารหมอบลงทันที พลางใช้กระบองเคาะที่แผ่นกระเบื้องกลไกครั้งแล้วครั้งเล่า ลูกธนูนับร้อยๆดอกก็พุ่งเข้าใส่ฝูงผีเสื้อไฟ เหล่าผีเสื้อค่อยๆร่วงลงสู่พื้นราวกับลูกไฟจนกระทั่งไม่เหลือสักตัวเดียว เมื่อผ่านกับดักมาได้ กองทัพเพลิงก็พบกับห้องโถงกว้าง ห้องนี้กว้างกว่าห้องแรก มีอุโมงค์แยกที่ฟากตรงข้ามถึงห้าทาง อากาศเริ่มมีกลิ่นกำมะถันฉุนรุนแรงขึ้น การหายใจเริ่มยากลำบากมากยิ่งขึ้น บรรยากาศร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ ซาดินเดินถือคบเพลิงปลุกเสกเข้าไปสำรวจอุโมงค์ทั้งห้า เมื่อมาถึงอุโมงค์ที่สี่ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วง ทันใดก็มีเสียงคำรามดังก้องขึ้นมาจากภายในอุโมงค์นั้น ซาดินและเหล่าทหารรีบถอยออกห่างปากทางเข้าทันที กษัตริย์หนุ่มส่งสัญญาณให้ทหารแปรขบวนล้อมปากทางเข้าเป็นวงกว้าง เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ เหล่าทหารจ้องปากอุโมงค์อย่างไม่วางตา ฉับพลันที่กลางอุโมงค์อันมืดมิดนั้นก็ปรากฏดวงตาสีแดงวาวโรจน์คู่หนึ่งจ้องเขม็งมายังกลุ่มทหารตรงปากถ้ำ ซาดินค่อยๆส่งคบเพลิงปลุกเสกให้ทหารที่อยู่ใกล้ สองมือกระชับกระบองคู่กายมั่น ชั่ววินาทีนั้นก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากภายในอุโมงค์เป็นลำยาว เหล่าทหารฝั่งตรงข้ามรีบถอยหลังออกห่างโดยเร็ว เจ้าสัตว์ประหลาดเจ้าของตาสีแดงฉานคู่นั้นก็ค่อยเดินออกมาช้าๆที่กลางวงล้อมเผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของมิโนทอร์ภูเขาไฟ(Volcanic Minotaur) ที่ปากของมันมีควันไฟลอยออก มันส่ายหัวไปมา สายตาจ้องมองเหล่าทหารที่รายล้อมมันอยู่ เหล่าทหารผงะถอยหลังด้วยความตกใจ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ซาดินมองเจ้าสัตว์ประหลาดตัวสั่นเทิ้ม หากแต่มิใช่ด้วยความหวาดกลัว เพราะใบหน้าของกษัตริย์หนุ่มนั้นแฝงด้วยรอยยิ้มแห่งความคึกคะนอง มิโนทอร์กระโจนเข้าใส่ทหารที่มิทันตั้งตัว ขาของมันเหยียบทับร่างนายทหารคนหนึ่งไว้ บรรดานายทหารที่อยู่ใกล้นั้นก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที เจ้ามิโนทอร์ก็สะบัดเขาเหวี่ยงทหารไปคนละทิศละทาง ฉับพลันมันก็พ่นไฟใส่ทหารที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของมัน ทำให้ทหารเคราะห์ร้ายร้องเสียงดังกึกก้อง เสียงโหยหวนยิ่งทำให้มิโนทอร์คึกคลุ้มคลั่งไล่ขวิดทหารจนแตกกระเจิง ซาดินโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณ เหล่าทหารก็ถอยออกตีเป็นวงกว้างล้อมเจ้าสัตว์ประหลาดอีกครั้ง ซาดินก้าวออกมายืนเบื้องหน้าสัตว์ร้ายอย่างมั่นคงเชื่องช้า สายตาจ้องนิ่งประสานสายตากับเจ้ามิโนทอร์อย่างมิวางตา เจ้ามิโนทอร์นั้นมิได้หุนหันพุ่งเข้าขวิดเหมือนดั่งที่มันกระทำแก่เหล่าทหารเมื่อครู่นี้ ด้วยสัญชาติญาณของมันทำให้มันสงบลง และดวงตาจดจ้องเพื่อรอจังหวะเข้าจู่โจม เจ้าสัตว์ร้ายเดินวนไปรอบๆ ตัวเขา เมื่อมันเดินคล้อยหลังซาดินไปแค่ชั่วอึดใจ มันพุ่งเข้าจู่โจมกษัตริย์หนุ่มทันที ซาดินเอี้ยวตัวหลบพลางยกกระบองฟาดสวนกลับไปอย่างแรง กระบองฟาดถูกส่วนหัวของมันจนเกิดแผลแตกเป็นทางยาว มันคำรามเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด มันหมุนตัวกลับก้มหัวลงวิ่งเข้าใส่ซาดินอีกครั้ง ครั้งนี้ซาดินไม่เอี้ยวตัวหลบเหมือนเช่นครั้งก่อน หากแต่ยกกระบองเตรียมอยู่ในท่าตั้งรับ มิโนทอร์พุ่งเข้าปะทะซาดินเต็มแรง ขาทั้งสองข้างของกษัตริย์หนุ่มที่ยันพื้นแน่นถูกแรงกระแทกจนถอยครูดไปกับพื้นไกลเกือบเมตร กระบองของซาดินขัดแน่นระหว่างเขาทั้งสองข้างของมัน มันพยายามดันให้ซาดินเสียหลัก ในขณะที่ซาดินก็บิดกระบองงัดเขาของมันขึ้นสุดแรงเกิดจนหัวของมิโนทอร์บิดไปด้านข้าง มันคำรามเสียงดังด้วยความเจ็บปวดและเคืองโกรธพลางฝืนแรงบิดหัวกลับ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแตกหักดังลั่น เขาข้างขวาของมิโนทอร์หักกระเด็น ซาดินรีบพลิกตัวหลบ เจ้าสัตว์ร้ายที่ไม่ทันระวังก็เสียหลักพุ่งเข้าชนผนังเต็มแรงจนเขาอีกข้างฝังลึกเข้าไปในผนัง กษัตริย์หนุ่มฉวยโอกาสนี้เงื้อกระบองขึ้นฟาดใส่ท้ายทอยของเจ้ามิโนทอร์ภูเขาไฟจนสุดแรง เจ้าสัตว์ร้ายคอขาดสะบั้นตายคาที่ เลือดมิโนทอร์ภูเขาไฟไหลออกเป็นทางยาว เหล่าทหารแห่งซาโลมต่างโห่ร้องด้วยความยินดี Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:11:17 AM ฉับพลันนั้นเอง เลือดของมิโนทอร์ซึ่งบัดนี้ไหลตัดผ่านวงล้อมของกองทัพได้กลายเป็นกำแพงขนาดมหึมาพุ่งขึ้นสูงจนสุดเพดานแยกกองทัพของซาดินออกจากกัน เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภายในถ้ำ เศษหินจำนวนมากร่วงลงมาจากบนเพดาน ซาดินและเหล่าทหารที่ยังเหลืออยู่ต่างหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ครั้นเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงแล้ว ซาดินจึงเรียกรวมพลเพื่อตรวจสภาพความเสียหาย บัดนี้อุโมงค์ห้าแยกถูกหินกลบไปหมดแล้วแต่กลับเกิดอุโมงค์เพิ่มขึ้นอีกถึงเจ็ดอุโมงค์ ส่วนบรรดาทหารก็พลัดหลงไปจนเหลือเพียงแปดสิบนายเท่านั้น ซาดินตรวจดูกองทัพอีกครั้งก่อนที่จะคว้าคบเพลิงปลุกเสกมาจากนายทหารแล้วออกเดินทางต่อไป
เมื่อเดินไปได้สักระยะหนทางก็ลาดลงเรื่อยๆ บรรยากาศกลายเป็นร้อนระอุ กลิ่นกำมะถันเริ่มรุนแรงร้ายกาจจนทุกคนต้องใช้ผ้าปิดจมูกไว้ มีเสียงน้ำเดือดแตกพล่านดังเป็นระยะๆ สักพักเส้นทางนั้นก็นำซาดินและกองทัพออกมาสู่ลานกว้างที่มีทะเลสาบลาวาขนาดใหญ่อยู่กลางลานนั้น ณ กลางทะเลสาบลาวานี้เองมีเกาะสูงหน้าตัดขนาดใหญ่ที่มีสมบัติจำนวนมากมายมหาศาลวางกองอยู่ แสงสว่างของลาวาส่องกระทบกับเหรียญทองและเพชรนิลจินดาจนระยิบระยับไปทั่วบริเวณราวกับเกาะนั้นเปล่งแสงได้เอง เหล่าทหารต่างตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นในขณะที่ซาดินกลับนิ่งเฉย สายตามองสอดส่ายไปทั่วบริเวณพลางส่งสัญญาณให้กองทหารอยู่ในความสงบ แทบจะทันทีทันใดคลื่นลาวาลูกโตก็ถาโถมเข้าใส่ฝั่งเบื้องหน้าอย่างแรง พร้อมๆกับการปรากฏตัวของมังกรแมกม่าที่พุ่งขึ้นสู่ผิวลาวาและว่ายเข้าสู่ฝั่งที่ผู้บุกรุกล่วงล้ำเข้ามา ลาวาไหลเจิ่งนองเผาไหม้พื้นที่ซาดินและกองทหารยืนอยู่อย่างรวดเร็วจนต้องรีบก้าวถอยหนี มังกรร้ายร้องคำรามดังก้องพลางใช้หางฟาดใส่ลาวาไม่หยุด ลาวาร้อนจัดก็กระเซ็นขึ้นตกใส่กองทหารบริเวณนั้นราวกับห่าฝน ทั้งกองทัพต่างวิ่งหลบฝนลาวาอย่างชุลมุน เมื่อเจ้ามังกรร้ายหยุดสร้างฝนลาวาแล้ว เหล่าทหารก็วิ่งออกมาขว้างหอกและก้อนหินบริเวณนั้นใส่เจ้ามังกรเป็นการใหญ่ บ้างก็ส่งเสียงอึกทึกจนฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างก็วิ่งไปมาหลอกล่อเจ้ามังกร มังกรแมกม่านั้นมัวแต่สาละวนกองทหารที่อยู่ตรงหน้าจนมิได้เฉลียวใจใดๆ บัดนี้กษัตริย์หนุ่มปีนผนังถ้ำขึ้นไปจนอยู่สูงกว่ามันถึงสามเมตร ครั้นเมื่อเจ้ามังกรพุ่งตัวไปกัดนายทหารคนหนึ่งแล้วสะบัดหัวขึ้น ซาดินก็กระโดดทิ้งตัวลงจากผนังใช้กระบองคู่กายแทงทะลุเข้าไปในดวงตาของมังกรร้าย เลือดสีแดงฉานพุ่งกระจายออกมาจากดวงตาเจ้ามังกร มันร้องคำรามเสียงดังสนั่นและสะบัดตัวไปมาอย่างแรง หางของมันกวาดเอาทหารบางส่วนตกลงไปในทะเลสาบลาวา ซาดินยึดกระบองแน่นขาทั้งสองข้างเกี่ยวรัดส่วนหัวของเจ้ามังกรแมกม่าไว้แล้วก็เริ่มโยกกระบองไปมาอย่างแรง มันกู่ร้องคำรามก้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆกับพยายามสะบัดหัวไปมาอย่างแรงหวังให้ซาดินหลุดจากหัวของมัน แต่ยิ่งสะบัดแรงเท่าไหร่ซาดินก็ยิ่งรัดขาแน่นขึ้นเท่านั้น ซ้ำปากแผลก็ยิ่งฉีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ เลือดสดไหลทะลักจนกระเซ็นเปรอะไปทั่วบริเวณนั้น ตามลำตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลอันเกิดจากการโจมตีอย่างไม่หยุดของเหล่าทหารที่อยู่เบื้องล่าง ฉับพลันมันก็บ่ายหัวลงกระโจนลงสู่ลาวาร้อนระอุ ซาดินรีบถีบตัวออกจากหัวของมันทันที เจ้ามังกรร้ายโถมตัวลงสู่พื้นลาวาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดคลื่นลาวาลูกโตสาดซัดเข้าใส่ฝั่งอย่างแรงจนทำให้พื้นบริเวณริมฝั่งยุบตัวลงสู่ทะเลสาบลาวาอันร้อนระอุเป็นบริเวณกว้าง ลาวาร้อนจัดแตกกระเซ็นขึ้นสูงสู่อากาศเบื้องบนเกิดเป็นฝนลาวาอีกระลอก ทำให้ซาดินและกองทัพต้องรีบหาที่กำบังเป็นการใหญ่ ครั้นแล้วเมื่อเจ้ามังกรแมกม่าพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวลาวาอีกครั้ง ซาดินและกองทหารถึงกับตกตะลึงเมื่อบัดนี้บาดแผลของเจ้าสัตว์ร้ายกลับสมานเป็นปกติมิเหลือร่องรอยที่เคยบาดเจ็บไว้เลย กองทหารต่างเข้าโรมรันเจ้ามังกรครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งก็เป็นดั่งเช่นเดิม เพียงแค่เจ้ามังกรกระโจนลงลาวาบาดแผลก็หายเป็นบิดทิ้ง ซาดินมองเหล่าทหารที่เริ่มท้อและอ่อนกำลังลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าและขาดอากาศหายใจ กษัตริย์หนุ่มรำพันเสียงเบา เราจะจัดการกับมันอย่างไรดี.... ขณะที่ซาดินกำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดเจ้ามังกรร้ายอยู่นั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นดวงตาข้างที่เขาได้ทิ่มทะลุด้วยกระบองคู่กาย ดวงตาข้างนั้นปิดสนิทหากแต่มิได้มีเลือดไหลออกมา ซาดินค่อยๆยิ้มออกมาพลางนึกในใจว่า หึหึ อ้ายมังกรเจ้าเล่ห์ ใช้ลาวาสมานแผลตามร่างกายมาหลอกข้า ลาวาสมานแผลได้แต่สร้างอวัยวะใหม่ไม่ได้ ทีนี้ล่ะดูสิว่าเจ้าจะหลอกข้าได้อีกไหม Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:12:16 AM ซาดินรีบวิ่งไปทางด้านขวาของเจ้ามังกรที่ดวงตาปิดสนิท รีบปีนผนังถ้ำขึ้นไปอีกครั้ง กษัตริย์หนุ่มยืนรอจังหวะอยู่บนแง่งหินก้อนไม่ใหญ่นัก สายตาจับจ้องความเคลื่อนไหวของเจ้ามังกรร้ายไม่วางตา เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็ถีบตัวลงจากแง่งหินอย่างเร็ว ใช้กระบองแทงเข้าไปยังดวงตาอีกข้างหนึ่งอย่างแรง ทันใดนั้นก็มีลาวาร้อนระอุสีแดงเข้มพุ่งออกมา ซาดินรีบชักกระบองออกเหวี่ยงตัวลงจากหัวของมันทันที เจ้ามังกรแมกม่าบิดตัวไปมาทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ด้านซาดินเมื่อลงสู่พื้นก็ต้องหอบหายใจอย่างแรง เนื่องว่ากลิ่นกำมะถันที่รุนแรงจนแทบไม่มีอากาศหายใจ กระบองคู่กายถูกลาวาจากดวงตาของเจ้ามังกรแมกม่าจนละลายไปส่วนหนึ่ง เขาจ้องมองดูมังกรร้ายที่ค่อยๆสิ้นฤทธิ์หมดแรงไปอย่างช้าๆ พลางโบกมือขึ้นเรียกรวมพลทหารอีกครั้งซึ่งบัดนี้เหลือเพียงห้าสิบเจ็ดคนเท่านั้น
ร่างไร้ลมหายใจของมังกรแมกม่าทอดตัวยาวพาดไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา ซาดินใช้กระบองกดร่างของเจ้ามังกรเพื่อคะเนน้ำหนัก จากนั้นก็สั่งให้นายทหารคนหนึ่งลองลงไปยืนทดสอบดู ร่างของเจ้าสัตว์ร้ายจมลงเพียงเล็กน้อย ซาดินจึงสั่งทหารทีละสองนายวิ่งไปตามลำตัวของมังกรจนไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา ณ เกาะมหาสมบัติกลางทะเลสาบลาวานี้มีสมบัติเพชรนิลจินดามากมายวางกองอยู่ เหล่าทหารต่างกระโดดโลดเต้นยินดีบ้างก็ยืนตะลึงงันเนื่องว่ามิเคยเห็นสมบัติมากมายขนาดนี้มาก่อน ซาดินกวาดตามองสมบัติล้ำค่าสีหน้าเรียบเฉย หากแต่แววตาก็มีประกายแห่งความยินดีฉายอยู่ แต่แล้วสายตาของเขาก็สะดุดอยู่ที่หีบทองคำใบเล็กจิ๋วที่ประดับด้วยเพชรสีแดงสดมีกุญแจสีทองดอกเล็กๆดอกหนึ่งเสียบคาอยู่ที่รูกุญแจนั้น ที่พื้นมีรอยลากเส้นด้วยวัตถุมีคมลากผ่านใต้กล่องยาวเป็นเส้นกั้นระหว่างกองทัพและสมบัติ น่าแปลกนัก หีบขนาดแค่อุ้งมือใยจึงดึงดูดสายตาเราถึงเพียงนี้ กษัตริย์แห่งซาโลมส่งสัญญาณให้เหล่าทหารทำการขนย้ายสมบัติ หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หีบเล็กๆนั้น เหล่าทหารก็ทยอยเดินเข้าไปใกล้สมบัติ แต่แล้วจู่ๆนายทหารหน้าแถวประมาณแปดนายที่เพิ่งจะก้าวเท้าผ่านเส้นแบ่งเขตนั้นก็หยุดชะงักพลางค่อยๆ หมุนตัวเดินไปทางเจ้าหีบใบเล็กนั้นราวกับถูกสะกด เหล่าทหารก็ถอยกลับออกมาเว้นแต่นายทหารแปดนายนั้นที่ยังคงเดินต่อไปไม่ฟังเสียง นายทหารคนหนึ่งค่อยๆ ก้มลงหยิบหีบใบจิ๋วนั้นขึ้นมา มือสั่นเทาค่อยๆ บิดลูกกุญแจเปิด ทันใดนั้นก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากหีบอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นร่างของอินเฟอร์นอส(Infernos)ถือเคียวเพลิงลอยอยู่เหนือพวกเขา ปากของมันอ้ากว้างมีเสียงหัวเราะดังสลับผสมปนเปกับเสียงสวดร่ายมนต์ดังกังวานออกมาก่อนที่มันจะสลายตัวไปกับกลุ่มควัน เมื่อซาดินได้ยินเสียงร่ายมนต์นั้นในใจก็เกิดฮึกเหิมขึ้นทันที หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ นายทหารทั้งแปดก็เริ่มหัวเราะและเต้นเร่าๆราวกับคลุ้มคลั่ง ซาดินจึงรีบใช้มืออุดหูพลางตะโกนสุดเสียง อย่าฟัง!! มันคือคำสาป รีบปิดหูซะ บรรดาทหารเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็รีบอุดหูเป็นการใหญ่ เว้นเสียแต่นายทหารทั้งแปดซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงตะโกนของซาดิน ทั้งแปดต่างกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งพลางชักดาบออกมาฟาดฟันใส่กันเองอย่างไม่รู้จักเจ็บปวด อีกนายก็พุ่งเข้าฟาดฟันใส่นายทหารคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นอย่างชุลมุน ในขณะที่นายทหารอีกนายก็พุ่งเข้าไปหาซาดินโดยกวัดแกว่งดาบในมือไปมาอย่างน่ากลัว ซาดินยกกระบองขึ้นฟาดนายทหารเต็มแรงจนลอยละลิ่วตกสู่ทะเลลาวาร้อนระอุทันที กษัตริย์หนุ่มมุ่งตรงไปยังนายทหารบ้าคลั่งที่เหลือแล้วใช้กระบองฟาดให้ตกลาวาไปคนแล้วคนเล่า ในขณะที่ทหารต้องคำสาปบางคนก็ตาเหลือกถลนชักดิ้นชักงอจนตายไปเอง เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วซาดินจึงสั่งให้เริ่มทำการเคลื่อนย้ายสมบัติอีกครั้ง ระหว่างที่เหล่าทหารกำลังโกยสมบัติใส่หีบกันอยู่นั้น จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรง หินก้อนโตหลายก้อนร่วงลงมาราวกับเพดานถล่ม จนเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงก็ปรากฏว่าซากเจ้ามังกรใหญ่บัดนี้ถูกหินทับจนจมลาวาไปเสียแล้ว ในขณะที่ทางตรงข้ามมีกองหินที่ร่วงลงมาจากเพดานทับถมกันจนเกิดเป็นทางเดินยาวไปยังลานกว้างอีกฟากหนึ่ง เหล่าทหารต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ แต่กลับซาดินมองไปยังหนทางเบื้องหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางโบกมือเป็นสัญญาณเคลื่อนทัพทันที กษัตริย์แห่งซาโลมเดินนำกองทัพสู่ทางใหม่อย่างมาดมั่นในมือมีคบเพลิงปลุกเสกที่ขณะนี้ลุกสว่างอย่างโชติช่วง ทางใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ไม่สลับซับซ้อนเหมือนทางที่เข้ามาสักนิดเดียว ทั้งยังมีบรรยากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากเท่าไหร่นัก เหล่าทหารจึงเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่งซาดินก็เห็นแสงสว่างเจิดจ้าเป็นลำแสงทอดตัวยาวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:13:14 AM นั่น ทางออก
บรรดานายทหารข้างหลังก็เริ่มกระซิบกระซาบบอกกันด้วยความยินดี ต่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกถ้ำเสียที ด้านซาดินก็ก้าวขาเร็วขึ้นเช่นกันหากแต่สีหน้ากลับฉายแววสงสัยครุ่นคิด พลางพึมพำเสียงเบา แปลกนัก ทำไมไม่รู้สึกถึงลมสักวูบเลย ซาดินก้าวเท้าผ่านแสงเจิดจ้านั้นออกไป นัยน์ตาหรี่เล็กพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็ตะโกนสั่งกองทหารที่ยังอยู่ในอุโมงค์ให้หยุดเคลื่อนทัพทันที เขาไม่ได้ออกมาสู่นอกถ้ำหากแต่เข้ามาอยู่ในโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงหนูไฟ(Firat) จำนวนนับแสนตัวอาศัยอยู่เต็มห้องโถงนั้นจนโถงถ้ำนั้นสว่างไสวไปด้วยเปลวไฟของพวกมัน ซาดินตกอยู่ในวงล้อมของหนูไฟจำนวนมหาศาล อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นร้อนระอุดังอยู่ในไฟนรก พวกมันค่อยๆ ล้อมกรอบซาดินเข้ามาเป็นวงแคบลงเรื่อยๆ เหล่าทหารต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า บางคนพอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกมาช่วยนายของตน แต่เพียงแค่วิ่งฝ่ากองทัพหนูไฟไปได้แค่สี่ห้าก้าวก็ถูกฝูงหนูไฟตรงเข้าจู่โจม พวกมันเกาะอยู่เต็มตัวจนมองไม่เห็นเค้าร่างเดิม บัดนี้นายทหารเคราะห์ร้ายถูกฝูงหนูไฟขนาดใหญ่รุมโจมตี จะได้ยินก็เพียงแต่เสียงร้องโหยหวนที่ค่อยเงียบเสียงลง แค่นาทีเดียวทหารที่เข้ามาช่วยก็ไหม้เป็นจุลจนแทบไม่เหลือแม้แต่กระดูก หนูไฟตัวจ้อยซึ่งเมื่ออยู่เพียงลำพังกลางทะเลทรายก็เป็นเพียงเหยื่ออันโอชะของบรรดาสัตว์ใหญ่ หากแต่เมื่อรวมกันอยู่เป็นฝูงใหญ่นับแสนตัวเช่นนี้ก็กลับกลายเป็นดั่งพญามังกรไฟแสนร้ายกาจที่ยากจะต่อกร ซาดินใช้กระบองฟาดใส่บรรดาหนูไฟครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดจักสิ้น หนูไฟบางตัวก็กระโดดกัดตามแขนขาที่โผล่พ้นชุดเกราะออกมา ความร้อนจากบรรดาหนูไฟยิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้ชุดเกราะจนแทบจะกลายเป็นเหล็กร้อนลนไฟ ลวกผิวเนื้อของซาดินจนแสบร้อน ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็แว่วได้ยินเสียงฝูงหมาเห่าหอนมาแต่ไกล เสียงโซ่ลากกับพื้นดังสนั่น บรรดาหนูไฟเริ่มส่งเสียงร้องวิ่งไปมาอย่างระส่ำระสาย แทบจะทันทีก็มีสัตว์ร่างใหญ่กระโดดข้ามผ่านซาดินไป เสียงเห่าคำรามดังสนั่น เซเบอรัส(Cerberus) หมาสามหัวขนาดใหญ่ยักษ์ที่เฝ้าปากประตูนรก มันตรงเข้ากัดหนูไฟตัวแล้วตัวเล่า หัวทั้งสามของมันไล่กัดหนูไฟอย่างไม่กลัวความร้อนจากเปลวเพลิง บรรดาหนูไฟต่างรุมกัดเกาะเจ้าหมาสามหัวจนแทบจะมองไม่เห็นตัว หากแต่ไฟไม่อาจทำอันตรายใดๆให้มันต้องระคายผิว เพียงมันสะบัดตัวหนูไฟก็กระเด็นไปตัวละทิศละทาง ซาดินซึ่งบัดนี้ไม่มีหนูไฟมาคอยทำร้ายเนื่องจากบรรดาหนูไฟต่างหันไปโจมตีใส่เจ้าเซเบอรัสแทน เขาได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟพอสมควรแต่ไม่เป็นอะไรมากนัก น่าแปลก เซเบอรัสไม่น่าจะอยู่บนโลกมนุษย์ ทำไมมันมาอยู่ในที่นี้ได้ กษัตริย์หนุ่มหันหน้าไปทางที่เจ้าหมายักษ์กระโดดเข้ามา ที่ด้านบนเหนืออุโมงค์ที่เขาเข้ามานั้นยังมีอีกอุโมงค์หนึ่งซึ่งที่ปากอุโมงค์นั้นมีวงเวทย์เรืองแสงลอยเด่นอยู่ ที่ด้านหลังวงเวทย์นั้นมีบุรุษลึกลับผู้หนึ่งยืนอยู่ในเงามืด มีเพียงแค่ประกายจากลูกแก้วบนไม้เท้าเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นพ่อมด เขาโค้งตัวเล็กน้อยในเงามืดก่อนที่จะชี้มือไปยังฝากตรงข้าม ซาดินหันหน้าไปตามทิศทางนั้นก็ได้พบอุโมงค์เล็กๆอุโมงค์ซึ่งเมื่อครั้งเข้ามาเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น ซาดินรู้สึกว่าห้องเริ่มมืดลงเรื่อยๆรวมทั้งอุณหภูมิในห้องก็เริ่มเย็นลงด้วย เขาจึงหันไปดูเจ้าหมาสามหัวอีกครั้งซึ่งตอนนี้แทบเท้าทั้งสี่ของมันมีซากหนูตายเป็นจำนวนมาก ในปากทั้งสามยังมีหนูไฟที่ไฟค่อยหรี่ลงจนดับไปในที่สุด บัดนี้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง มีเพียงแสงจากคบเพลิงปลุกเสกที่ตกอยู่ที่พื้นและคบเพลิงอีกสองสามอันของบรรดากองทหารที่ยังเหลืออยู่ ซาดินเห็นเงาดำทะมึนของเจ้าเซเบอรัสกระโจนขึ้นไปทางอุโมงค์ด้านบนที่เขาเห็นบุรุษลึกลับผู้นั้นยืนอยู่ ซึ่งขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่นั้นอีกแล้ว ซาดินเดินไปหยิบคบเพลิงปลุกเสกขึ้นมาพลางสำรวจกองทัพที่เหลืออีกครั้ง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์เล็กๆนั้น ไม่นานนักซาดินและกองทัพที่เหลือก็สามารถออกมาจากถ้ำวงกตได้ เหล่าทหารที่เหลืออยู่ต่างช่วยกันลำเลียงสมบัติขึ้นรถลากที่เตรียมไว้ ซึ่งสมบัติที่นำออกมานั้นต้องใช้รถลากถึงห้าสิบเจ็ดคัน และแล้วซาดินก็นำกองทัพกลับซาโลมอย่างสมเกียรติโดยเก็บความสงสัยในตัวบุรุษลึกลับไว้ในใจ |