Title: @@ นิยายSMN Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:05:11 AM Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม หกปีต่อมาหลังจากที่ซาดินวางแผนบุกยึดทวีปเมอริเซีย ซาโลมก็กำลังตกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความสลดหดหู่และเสียงร่ำไห้ของบรรดาหญิงสาวที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกชายในวัยกำลังโตให้กับกองทัพ ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพต้องถูกฝึกอย่างหนักแทบไม่ได้กินได้นอน เด็กๆจำนวนมากมายต้องตายลงเนื่องจากการฝึกที่แสนโหดร้ายทารุณของกองทัพ ส่วนเด็กๆที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการฝึกหฤโหดนี้ก็ดูราวกับว่าความสดใสร่าเริงของวัยเด็กได้ตายจากพวกเขาไปเสียแล้ว กลับกลายเป็นผู้ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความอ่อนไหว ไร้ชีวิตจิตใจ มีชีวิตอยู่เพื่อห้ำหั่นศัตรูเท่านั้น ในขณะที่กองทัพเองก็เริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองในด้านงบประมาณ แม้ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่เพียงพอ ภายในท้องพระโรงในปราสาทแห่งซาโลม ซาดินกำลังออกว่าราชการตามปกติ เหล่าทหารและเสนาบดีต่างอยู่กันพร้อมหน้า เรื่องสมบัติโบราณในถ้ำวงกตใต้ภูเขาไฟนั้น บัดนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างท่านนาริส ซาดิน เอ่ยถามพลางหันหน้าไปทาง อำมาตย์เฒ่า กองทัพที่ส่งไปไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลยฝ่าบาท นาริส โค้งศีรษะลงก่อนจะตอบ อะไรกัน !! นี่เป็นกองทัพที่สามแล้วนะ ข้าเสียเวลากับถ้ำนี้มากว่าปีแล้ว ในนั้นมันมีสิ่งชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่ ข้าอยากรู้นัก ซาดิน พูดเสียงกร้าวพร้อมกับขบฟันแน่น พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมเห็นว่าเราอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ด้วยวิธีนี้อีกเลย เราสูญเสียกำลังทหารไปกับถ้ำนี้มิใช่น้อยเลยนะฝ่าบาท แล้วอีกอย่างถ้ำนี้จะมีสมบัติอยู่จริงรึไม่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อาจจะเป็นแค่คำพูดโคมลอยของมหาอุปราชเท่านั้นก็เป็นได้ นาริส ทูลแฝงคำเหน็บแนม บลาส เซจ อยู่ในที ซาดินนิ่งเงียบอารมณ์ยังคงคุกรุ่น ในขณะที่บลาส เซจเองก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขาหรี่เล็ก สักพักจึงค่อยๆแสยะยิ้ม ถ้าเช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่เสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเลยเล่า ซาดินหันควับไปทางบลาส เซจทันที ในขณะที่คนอื่นๆในท้องพระโรงส่งเสียงคัดค้านเสียงดังเซ็งแซ่ รู้สึกว่าท่านมหาอุปราชชอบมีความคิดแปลกประหลาดพิสดารเกินปกติอยู่เสมอ บ่อยครั้งเหลือเกินที่ข้าสงสัยในเจตนาของท่าน ซึ่งครั้งนี้ข้าคงต้องขอฟังคำชี้แจงของท่านเสียหน่อยแล้ว นาริส กล่าวยิ้มพลางโค้งให้น้อยๆ บลาส เซจกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะโค้งให้ซาดินทูลว่า ฝ่าบาท ข้าพระองค์มั่นใจว่าภายในถ้ำลึกลับนั้นต้องมีสมบัติอยู่แน่นอน หากแต่กองทัพที่ท่านนาริสส่งไปล้วนแล้วแต่อ่อนด้อยฝีมือทั้งนั้น แม้แต่ตัวท่านนาริสเองบัดนี้ยังถอดใจมิหมายจะบุกถ้ำอีก ทั้งหากยังคงส่งทหารด้อยฝีมือไปก็รังแต่จะเสียเวลาเสียการณ์ไปเปล่าๆ เช่นนี้แล้วข้าพระองค์จึงเห็นว่าพระองค์ผู้ทรงเก่งกล้าสามารถน่าจะแสดงให้ท่านมหาอำมาตย์รวมถึงเหล่าทหารแห่งพระองค์ได้ประจักษ์เป็นขวัญตาถึงความห้าวหาญเก่งกาจของพระองค์ ท่านมหาอุปราชนี่ก็ช่างคิดเสียเหลือเกิน ในถิ่นที่ไม่รู้จักมักคุ้น อีกทั้งในนั้นมีสิ่งใดอยู่ก็มิอาจรู้ได้ กลับเสนอให้เจ้าเหนือหัวเข้าไป.... ท่านมหาอำมาตย์ก็พูดเกินไป จากที่ข้ารู้มา...ในถ้ำนั้นมันมีอะไรอยู่ท่านก็ใช่ว่าจะมิรู้ มิใช่หรือ ท่านรู้หรือ ท่านนาริส ซาดินถามแทบจะทันทีด้วยสีหน้าฉงนระคนประหลาดใจ นาริส ชะงักเล็กน้อยก่อนโค้งศีรษะตอบ ทูลฝ่าบาท ยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น หม่อมฉันมิอยากชี้เจาะจงให้แน่ใจในทันที ว่ามา ซาดินโน้มตัวมาข้างหน้านั่งเท้าคาง มีสีหน้าสนอกสนใจ จากบันทึกเก่าแก่ที่หม่อมฉันได้ค้นคว้ามา อารยธรรมโบราณบูชาภูเขาไฟดั่งเป็นเทพเจ้า ทุกๆปีจะมีพิธีบูชายัญมนุษย์ให้แก่มังกรที่เป็นพาหนะของเทพเจ้า ทั้งสภาพภูมิประเทศแถบนั้นมีภูเขาไฟอยู่มาก ปากถ้ำเทลาดลึกลงไปใต้ภูเขาไฟ อีกทั้งกองทัพได้รายงานมาก่อนจะบุกเข้าถ้ำว่าที่ปากถ้ำนั้นจะมีกลิ่นกำมะถันบางๆโชยออกมาเป็นระยะๆ หม่อมฉันสันนิษฐานว่าใต้ถ้ำนั้นอาจมี มังกรแมกม่า(Magma Dragon)อาศัยอยู่ และหากมีการซุกซ่อนสมบัติในนั้นจริงก็น่าจะมีสัตว์ประหลาดที่ชนเผ่าโบราณปล่อยเอาไว้ให้เฝ้าสมบัติ รวมไปถึงอาจจะมีการซ่อนกับดักกลไกกระจายอยู่ทั่วทั้งถ้ำ... Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:06:43 AM เสียงซุบซิบดังอื้ออึงไปทั่วท้องพระโรง ซาดินเอนหลังกลับไปพิงพนักกล่าวเสียงเบา
มิน่าเล่า ข้ามิแปลกใจเลยที่ไม่เหลือใครรอดกลับมาสักคน... ดีล่ะข้าจะไปเอง ฝ่าบาท!! มันอันตรายเกินไป ฝ่าบาทโปรดทรงคิดทบทวนดูใหม่เถิด เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างพากันคัดค้านจนแทบจะพร้อมเพรียงกัน ฝ่าบาท มีนักแสวงโชคจำนวนมากมายที่ต่างสังเวยชีวิตให้กับถ้ำนี้มานับไม่ถ้วนและยังมิเคยมีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาได้แม้สักคนเดียว... นาริสยังไม่ทันพูดจบ ซาดินก็พูดแทรกขึ้นมา ข้าเบื่อที่จะต้องมานั่งรอฟังความล้มเหลวซ้ำซาก และข้าก็ไม่ได้ออกรบทัพจับศึกมานานพอดูแล้ว ชักรู้สึกเบื่อๆเต็มที... ยังไงเสียสมบัติเหล่านั้นเมื่ออยู่ในอาณาจักรของข้า ก็ย่อมเป็นของข้าโดยชอบธรรมอยู่แล้ว อีกอย่างข้าไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆหรอกพวกเจ้าอย่ากังวลไม่เข้าเรื่องเลย ท่านจงเตรียมทัพให้พร้อมอีกสองวันข้าจะออกเดินทาง เมื่อซาดินกล่าวเช่นนี้ นาริสจึงมิอาจโต้แย้งใดๆได้อีก จึงได้น้อมรับคำบัญชาโดยมีบลาส เซจแสยะยิ้มให้อย่างล้อเลียน อีกฟากของปราสาท เนริมอร์กำลังสั่งการต่างๆภายในวังตามปกติ ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบผ่านบรรดาข้าราชบริพารที่ยืนเรียงรายรอรับคำสั่งจากเนริมอร์อยู่ เนริมอร์หันไปมองนางกำนัลซึ่งบัดนี้หมอบอยู่ข้างที่ประทับด้วยสายตาคมดุ เนื่องจากถูกขัดจังหวะอย่างไร้มารยาท พูดธุระของเจ้ามา หากไม่ใช่เรื่องสำคัญมากพอที่ทำให้ข้าต้องยุติงานในวันนี้ ข้าจะสับขาของเจ้าทิ้งซะ นางกำนัลชี้มือชี้ไม้เปะปะไปทางอุทยาน ระร่ำระลักฟูดปนหอบ พระโอรส! พระโอรสอิสฮาน... นางกำนัลพูดยังไม่ทันจบ เนริมอร์ก็ลุกพรวดออกวิ่งไปทางอุทยานทันที จนบรรดานางกำนัลต่างตกตะลึงวิ่งตามเสด็จแทบไม่ทัน เนริมอร์วิ่งไปอย่างแทบไม่รู้สึกตัว มือและเท้าของนางเย็นเฉียบ หัวใจของนางเล่าก็ราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้ นางวิ่งจนมาถึงบริเวณอุทยานโล่งกว้าง ทันทีที่นางเห็นกลุ่มพวกลูกขุนนางและนางกำนัลมุงกันอยู่ที่ข้างสระน้ำ นางรีบวิ่งเข้าไปผลักกลุ่มเด็กๆและนางกำนัลที่ล้อมอยู่ไปคนละทิศละทาง อิสฮานน้อยวัยเจ็ดชันษานั่งน้ำตาไหล หากแต่พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ เนื้อตัวเปียกปอน ที่ขามีรอยถากจากเศษกิ่งไม้ มีเลือดออกเป็นทางยาวประมาณคืบหนึ่งแต่ไม่ลึกนัก นางรีบถลาไปกอดบุตรชายไว้แนบอก เลือด! หมอหลวง หมอหลวง ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ นางตะโกนสุดเสียง ลูกแม่ทำไมเป็นแบบนี้ ไหนให้แม่ดูหน่อยสิ เมื่อนางค่อยคลายความตระหนกลงได้ ความโกรธแทบจะระเบิดก็เข้าครอบงำทันที นางหายใจแรงดวงตาลุกวาว มือสั่นจนแทบจะคุมไม่อยู่ นางหันไปทางบรรดานางกำนัลพี่เลี้ยงที่ต่างหมอบจนตัวติดพื้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้! เกิดอะไรขึ้น เหล่านางกำนัลต่างพากันมองหน้ากันไปมาไม่กล้าเอ่ยปาก ด้านเด็กๆคนอื่นๆก็พากันร้องไห้แต่มิกล้าให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมา เนริมอร์ยิ่งโกรธหนัก ชี้มือไปทางนางกำนัลพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ที่สุด ตวาดเสียงดังว่า ตอบ!! นางกำนัลสะดุ้งสุดตัว ตะกุกตะกักตอบ พ...พระ... พระอาญามิพ้นเกล้า ตอนที่พระโอรสเล่น....เล่นกับทุกๆคนอยู่ บุตรท่านหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้าย นางพยักเพยิดใบหน้าไปยังเด็กชายที่แต่งตัวดูหรูหราภูมิฐานที่นั่งหมอบร้องไห้ตัวสั่นเทาอยู่ทางด้านหลังสุด ก็...ก็ลองเวทย์ใหม่ที่เพิ่งเรียนมากับบุตรของมหาดเล็กคนนี้...จ...จนกระเด็น ไปชนต้นไม้ นางหันหน้าไปทางเด็กชายที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยขี้ดินและฝุ่นทราย พอบุตรท่านเสนาปล่อยพลังเวทย์อีกครั้ง แล้ว...แล้วอยู่ๆพระโอรสก็ท่องคาถาอะไรไม่ทราบ เวทย์ก็ย้อน...ย้อนกลับมาใส่พระโอรสจนกระเด็นตกน้ำ แล้วก็ทรง...ทรงถูกกิ่งไม้ใต้น้ำถากเอา... เนริมอร์บัดนี้ควบคุมอารมณ์โกรธไม่อยู่แล้ว ตะโกนเสียงดังว่า ประหารให้หมด นางชี้มือไปยังบุตรของหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้ายที่เวลานี้ผวาจนสุดตัว เจ้าโทษฐานที่ปล่อยพลังเวทย์ใส่พระโอรส นางชี้มือไปยังบุตรของมหาดเล็ก เจ้าโทษฐานที่เป็นแค่ลูกมหาดเล็กแทนที่จะยอมโดนพลังเวทย์ กลับบังอาจให้พระโอรสปกป้องเจ้า และพวกเจ้า นางกราดมือไปยังบรรดาเด็กๆที่เหลือและพวกนางกำนัลพี่เลี้ยง โทษฐานที่ไม่ดูแลพระโอรสให้ดี ทหารลากไปประหารให้หมด Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:07:53 AM พระนางได้โปรดเมตตาด้วย พระนางโปรดเมตตาด้วย บรรดาเด็กๆต่างร้องไห้กระจองอแงทั้งนางกำนัลต่างร้องไห้วิงวอนขอชีวิต
ไม่นะสมเด็จแม่ อิสฮานผวาไปกระตุกแขนเนริมอร์ไว้ เนริมอร์ชะงักเล็กน้อยความโกรธเกรี้ยวค่อยคลายลง สีหน้าของนางอ่อนโยนขึ้นเมื่อหันไปหาบุตรชายซึ่งมีสีหน้าตกใจ นัยน์ตายังคงชื้นแฉะด้วยน้ำตาอยู่ พวกมันปล่อยให้ลูกบาดเจ็บถึงเพียงนี้ พวกมันสมควรตาย นางเอามือประคองใบหน้าของอิสฮานไว้ แล้วนี่ ใครสอนวิชาบ้าบออย่างนี้ให้เจ้ากันฮึ วิชาทำร้ายตัวเองอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ท่านราชครูสอนลูก ท่านบอกว่าเป็นวิชาที่เอาไว้ย้ายความเจ็บปวดไปให้คนอื่น แต่ว่าลูกไม่รู้จะย้ายไปที่ใครดี ถ้าย้ายไปที่บุตรท่านเสนา ลูกก็กลัวเขาจะเจ็บ ถ้าย้ายไปที่พวกนางกำนัล ลูกก็กลัวพวกนางจะเจ็บ ก็เลยเหลือลูกคนเดียว ลูกก็เลยคิดว่าย้ายมาที่ลูกคงจะดีที่สุด เด็กโง่ เจ้าไม่รู้รึว่าคนพวกนี้อย่าว่าแต่เจ็บแทนเจ้าเลย พวกมันตายแทนลูกได้ด้วยซ้ำ อิสฮานเหลือบดูบรรดาข้าราชบริพาร สมเด็จแม่ อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลย พวกเขาเป็นเพื่อนลูกนะ ถ้าพวกเขาตายแล้วใครจะเล่นกับลูกล่ะ พวกมันสมควรตายแล้ว เพื่อนเล่นน่ะหาเอาใหม่ก็ได้ เจ้าจะเอาสักกี่คนแม่ก็หาให้เจ้าได้ ไม่เอา สมเด็จแม่อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลยนะ องค์ชายน้อยพูดอ้อนพลางกอดแขนพระมารดาไว้ เนริมอร์ซึ่งขณะนี้ลืมความโกรธจนหมดสิ้นแล้ว นางพิศดูใบหน้าบุตรชายอย่างอ่อนใจพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาเถอะ แล้วแต่ลูกเถิด โอ๊ะ!นั่นหมอหลวงมาแล้ว ไปทำแผลกันดีกว่าลูก เนริมอร์รีบอุ้มอิสฮานขึ้นและออกเดินไปทางพระราชวังทันที ทันใดนั้นนางก็หยุดชะงักราวกับจะนึกขึ้นได้ นางหันกลับมายังบรรดาเด็กๆและนางกำนัลที่ยังคงหมอบอยู่ที่พื้นมิกล้าลุกไปไหน จำใส่หัวของพวกเจ้าไว้ อย่าให้มีครั้งที่สองอีก ไสหัวไปได้แล้ว แล้วนางจึงรีบสาวเท้าไปโดยมีเสียงสรรเสริญและขอบคุณจากบรรดาเด็กๆและเหล่านางกำนัลดังอยู่เบื้องหลัง |