Title: @@ นิยายSMN Chapter 10 ก้าวแรกแห่งภารกิจ@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:00:46 AM Chapter 10 ก้าวแรกแห่งภารกิจ เมืองท่าแอนดิซองขณะนี้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามมิแพ้ที่แผ่นดินใหญ่ ริ้วธงหลากสีที่สะบัดพริ้วเพราะลมทะเลตัดกับผืนท้องฟ้าใสดูงดงามยิ่ง นกทะเลสีขาวสะอาดตาที่บินอยู่เหนือผืนน้ำสีครามก็งดงามมิแพ้กัน ตามท้องถนนนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลายชาติหลายภาษา ทุกคนต่างพากันมายืนเฝ้ารอการเสด็จมาของเจ้าหญิงน้อยผู้สำเร็จราชการคนใหม่ แต่กระนั้นก็ยังมิสู้ฝูงชนที่พากันมาเพื่อหวังจะได้เห็นเจ้าหญิงผู้ประเสริฐที่พวกเขาได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์มานานนักหนา เสียงวงดนตรีบรรเลงเพลงประจำราชวงศ์ดังกึกก้อง เรือรบแอนดิซองค่อยๆเข้าเทียบท่าพร้อมกับเหล่าฝูงเงือกที่เริ่มถอนกำลังกลับลงสู่ทะเลลึก เมื่อเรือจอดสนิทดีแล้วเจ้าหญิงอลาน่าก็ค่อยๆเสด็จลงมาตามสะพานที่ประดับประดาด้วยทองคำและไข่มุก จากประตูแห่งราชนาวายาวตลอดจนจรดพื้นดิน แทบจะทันใดเสียงฮือฮาไชโยโห่ร้องก็ดังกึกก้องทั่วบริเวณ ที่ท่าเรือนั้นบัดนี้มีผู้คนแน่นขนัด ทหารรักษาการณ์มากมายยืนเฝ้าอยู่ตามเสาที่มีโซ่ทองเหลืองแบ่งกั้นผู้คนออกเป็นกลุ่มๆ โดยมีพรมสีแดงปูลาดยาวตลอดตั้งแต่เรือใหญ่ทอดไกลไปจนถึงรถเทียมม้าสีทองอร่าม ที่ซี่ล้อประดับด้วยเงินเป็นลวดลายอยู่บนพื้นทองเหลือง รถม้าสีขาวประดับขอบประตูและหน้าต่างเป็นลวดลายสีทอง ฝังผลึก และแก้วเจียระไนเป็นประกายระยิบระยับกับแสงแดด ม่านไหมสีน้ำเงินขลิบทองที่โผล่พ้นหน้าต่างออกมา ก็ปักฉลุอย่างงดงาม ตั้งแต่เรือใหญ่จนถึงราชรถ มีบรรดาครอบครัวผู้สูงศักดิ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ยืนคอยรับเสด็จอยู่บนพื้นพรมสีแดงยาวไปจนตลอดทาง จากนั้นก็มีโซ่ทองกั้นแยกบรรดาพ่อค้าวาณิช และเหล่าเศรษฐีผู้มั่งมี ที่สวมใส่อาภรณ์สวยงามราคาแพง และประดับประดาร่างกายด้วยอัญมณีหลากหลายราวกับประกวดประชันกัน ถัดไปจึงเป็นโซ่ทองเหลือง ที่กั้นประชาชนทั่วไปที่ยืนรอรับเสด็จอยู่เนืองแน่น ต่อจากนั้นจึงเป็นโซ่เหล็ก ที่กั้นผู้ไม่พึงประสงค์ อันได้แก่ชาวสลัมท่าเรือ เหล่ากรรมกรท่าเรือ หญิงงามเมือง ตลอดจนคนต่างถิ่นที่เร่ร่อนรับจ้าง และพวกคนขอทานประทังชีวิต ยืนออกันแน่นขนัด โดยมีเหล่าทหารถืออาวุธยืนจังก้าดูน่ากลัว ณ บัดนี้ท่าเรือแอนดิซองด้านใต้ อันเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมอริเซียแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนนับหมื่น เจ้าหญิงทรงก้าวช้าๆลงจากสะพานโดยมีซิสเตอร์โรซาน่าเดินตามลงมา เจ้าหญิงทรงหยุดเล็กน้อยพลางทอดพระเนตรยาวไปไกลยังเหล่าผู้คนจรจัดหลังบริเวณโซ่เหล็ก เจ้าหญิงโบกมือและยิ้มให้พวกเขา เหล่าประชาชนก็ส่งเสียงแซ่ซ้องกันอีกครั้ง เจ้าหญิงหันไปกระซิบกับซิสเตอร์ที่เดินตามมาข้างหลัง ที่นี่มีคนยากจนเยอะกว่าที่คิดนะคะ ซิสเตอร์ ซิสเตอร์มองไกลออกไปก่อนจะกล่าวตอบว่า เพคะ มากกว่ากันนับสิบเท่า นอกจากนี้ ความที่เป็นเมืองท่า ยังมีผู้อพยพต่างถิ่นมากมาย เจ้าหญิงมีแววแห่งความเมตตาสงสารปรากฏขึ้นในแววตา ก่อนจะหันกลับและก้าวลงสะพานต่อไปโดยมิได้ตอบอันใด ในบริเวณที่เหล่าขุนนางและข้าราชการยืนอยู่หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของพระมาตุจฉา(น้องสาวของแม่)ของเจ้าหญิง อลาน่านั่นเอง เจ้าหญิงตรงเข้าไปสวมกอดพระมาตุจฉาทันที ข้างสตรีนั้นมีเด็กหญิงหน้าตาสะสวยวัย12 ปีคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าคมของเธอดูบึ้งตึง และดวงตาที่แลดูมีเสน่ห์นั้นไม่มองหน้าอลาน่าเลยแม้แต่น้อย นี่วิโอเรีย(Vioria) บุตรสาวของน้าเอง แม้เด็กหญิงจะมีสีหน้าบึ้งตึงแต่ก็ยอมย่อคำนับแต่โดยดี อลาน่ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวว่า เป็นอะไรไปจ๊ะวิโอเรีย ใครทำอะไรให้ไม่พอใจหรือจ๊ะ หม่อมฉันมิบังอาจไม่พอใจอะไรได้หรอกเพคะ หยุดนะวิโอเรีย! เจ้ากำลังทำให้แม่อับอาย ขออภัยแทนนางด้วย นางยังเด็กนักยังไม่รู้จักยั้งคิด วิโอร่า( Viora)ผู้เป็นน้องสาวของราชินีคอรัลลี่ พระมารดาของเจ้าหญิงอลาน่า กล่าวขออภัยแทนธิดาของตน ไม่เป็นไรค่ะ อลาน่ากล่าวพลางเอื้อมมือไปจับมือเด็กหญิง ที่ชะงักมือกลับเล็กน้อย หากแต่ก็ยอมให้จับแต่โดยดี ถึงกระนั้นก็ยังคงหันหน้ามองไปทางอื่น พี่เองมาใหม่ที่นี่ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก คงต้องรบกวนวิโอเรีย ช่วยแนะนำบ้าง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 10 ก้าวแรกแห่งภารกิจ@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 03:02:12 AM เจ้าหญิงกล่าวพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
เพคะ เด็กสาวตอบโดยไม่หันมามอง ค่ำนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าหญิง ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ ไม่เป็นไรค่ะ จัดง่ายๆเถิดค่ะ อย่าให้ต้องยุ่งยากลำบากเลย อลาน่ากล่าวตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ ท่านนี้คงเป็นซิสเตอร์ โรซาน่า ซิสเตอร์ยิ้มก่อนย่อคำนับ และท่านนี้.......... สายตาของสตรีสูงศักดิ์จับจ้องไปยังชายในชุดเกราะ ที่มีเพียงแววตาที่เรียบเฉยโผล่พ้นออกมาจากหมวกเกราะเหล็ก คงเป็นท่านราชองครักษ์ อองเดร นายทหารหนุ่มก้มหัวคำนับช้าๆ แววตายังคงเย็นชา ได้ข่าวว่า ท่านราชองครักษ์ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล ได้ยศสูงเพียงนี้แม้ยังอยู่ในวัยหนุ่มอยู่มาก อองเดรยังคงยืนนิ่งไม่ตอบอันใด ถอดหน้ากากให้ข้าดูหน่อยสิ อยู่ๆ วิโอเรียก็โพล่งออกมา สายตาจับจ้องไปยังดวงตาอันไร้อารมณ์นั้น อองเดรยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม วิโอร่า เขย่ามือบุตรสาว มองตาดุ ก็หม่อมฉันอยากเห็นหน้าเค้านี่ ทำไมต้องใส่หมวกเกราะอยู่คนเดียว เก๊กท่าน่ากลัว วิโอเรียน้อยเชิดหน้า เชิญเสด็จเถิด เจ้าหญิงอลาน่า อองเดรกล่าวเสียงเรียบ อลาน่าก้มศีรษะ ให้วิโอร่าเล็กน้อย ก่อนเดินต่อไปโดยอองเดรเดินตามไปทันที กล้าดียังไง ทำไม่สนใจเรา จองหอง! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน........ วิโอเรียกัดฟัน ใบหน้างามคมดุดัน อภัยให้เขาเถิดเพคะ เขาเป็นคนแบบนี้เอง เป็นที่รู้กันทั่วว่าโดยปรกติท่านอองเดรเย็นชานัก ซิสเตอร์โรซาน่ากล่าว ย่อคำนับอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินตามเจ้าหญิงและอองเดรไป ขณะที่อลาน่ากำลังจะก้าวขึ้นราชรถคันงามนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากทางฝั่งหลังโซ่เหล็ก ขอให้ข้าได้ชื่นชมพระบารมีด้วยเถิด ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาตาแก่คนนี้ด้วย ชายแก่ยากจนแต่งตัวสกปรกคนหนึ่งพยายามแหวกฝูงชนเข้ามาใกล้กับรถม้า นัยน์ตาสีเทาของเขาดูซีดและฝ้าฟาง เหล่าทหารยามบริเวณนั้นรีบกรูกันไปหาชายแก่คนนั้นทันที อลาน่าเห็นดังนั้นก็หมุนตัวกลับเตรียมจะมุ่งไปหาชายแก่คนนั้น แต่ซิสเตอร์โรซาน่าดึงมือไว้ก่อน อลาน่าหันหน้ากลับมาหาซิสเตอร์พลางอ้าปากจะพูด ซิสเตอร์ก็ชิงพูดกระซิบที่ข้างหูเจ้าหญิงเสียก่อน ใจเย็นๆก่อนเพคะ พระองค์ยังมีเวลาอีกมากที่จะช่วยเหลือพวกเขา หากพระองค์บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปตอนนี้จะไม่เป็นผลดีกับทั้งชายแก่ที่น่าสงสารคนนั้นและพวกเรานะเพคะ ทรงทอดพระเนตรดูเหล่าสมาชิกสภาวาณิชทางด้านนู้นก่อนสิเพคะ อลาน่าพยักหน้ารับคำเล็กน้อยพลางเหลือบสายตาเล็กน้อยไปทางที่ตนเพิ่งเดินผ่านมาก็เห็นบรรดาพ่อค้าและขุนนางต่างมองมายังเธออย่างสนใจใคร่รู้ บ้างก็ยิ้มเยาะน้อยๆ แต่แล้วสายตาของอลาน่าก็สะดุดอยู่ที่พ่อค้าร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งที่ทั้งตัวประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดามากเป็นสองเท่าของคนอื่นๆ เขาจ้องมองเธอผ่านแว่นตาเลนส์เดียวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และหรี่เล็กราวกับจะจ้องจับผิด ซิสเตอร์คะ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร อลาน่าถามเสียงเบา ซิสเตอร์แสร้งเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อลอบดูแล้วจึงกล่าวว่า เขาคือ พ่อค้าใหญ่รูฟัส (Rufus, the Annedisonge Trader) เป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่สุดและยังเป็นประธานสภาพ่อค้าวาณิชของที่นี่อีกด้วยเพคะ��� อลาน่าหันกลับไปทางชายแก่อีกครั้งซึ่งบัดนี้เขาได้หายตัวไปจากฝูงชนแล้ว เจ้าหญิงน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่รำพันเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ ภารกิจนี้ช่างใหญ่หลวงนัก ระหว่างที่ขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านตัวเมืองอยู่นั้น ภายในราชรถที่ตามขบวนเสด็จคันหนึ่ง วิโอร่ากำลังตักเตือนบุตรสาวของตนอยู่ วิโอเรีย วันนี้เจ้าทำให้แม่อับอายยิ่งนัก ทำไมเพคะ หม่อมแม่จะอายทำไม ลูกไม่ผิด ทั้งๆที่ลูกก็มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงเหมือนกันแต่กลับถูกเลือกให้เป็นแม่มดน้ำแข็งประจำราชวงศ์ ตำแหน่งที่ไม่มีราชนิกูลองค์ไหนอยากจะเป็น ต้องมานั่งฝึกคาถาบ้าๆไปคอยสะกดไอ้มังกรยักษ์หน้าโง่นั่น ทั้งๆที่ลูกก็มีความสามารถไม่แพ้ราชนิกูลองค์ไหนๆเหมือนกัน ไม่ยุติธรรมเลย ไม่ยุติธรรม!! วิโอเรีย หน้าที่ที่เจ้าได้รับเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ... หม่อมแม่ก็เป็นเสียอย่างนี้ ก้มหน้าก้มตารับสภาพอันต่ำต้อยอยู่ได้ ทั้งๆที่หม่อมแม่เก่งกว่าเจ้าป้าคอรัลลี่เพียงแค่หม่อมแม่โชคร้ายเกิดช้ากว่าเท่านั้น ชะตาชีวิตก็ต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ มิฉะนั้นป่านนี้คนที่มาเป็นผู้สำเร็จราชการในวันนี้ก็คือลูกไม่ใช่เจ้าพี่อลาน่า วิโอเรีย!! หรือไม่จริงเพคะ ทั้งๆที่หน้าที่สะกดมังกรจอร์มอนกาน์ด เป็นภารกิจที่เท่ากับกุมชะตาประเทศก็ว่าได้ แต่กลับไม่มีใครสนใจเราเลย ความดีความชอบทั้งหมด ไปตกอยู่กับพระราชาพระราชินี ทั้งๆที่วันๆไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเสวยสุขอยู่ในวัง หยุดวาจาก้าวร้าวของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ หัดเอาอย่างพี่เจ้าบ้างสิ นางไม่เคยพูดจาว่าร้ายใครเลยทั้งยังเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ทำไม! ใครๆจะอะไรก็อลาน่า อลาน่า หม่อมแม่ก็ด้วย อะไรๆก็ดูอลาน่าสิ เอาอย่างอลาน่าสิ ลูกเกลียด! เกลียด! เกลียด! เจ้าองครักษ์จองหองนั่นด้วย! คอยดูนะ สักวันนึงลูกจะต้องทำให้มันมาสยบอยู่แทบเท้าลูกให้ได้ วิโอเรียตะโกนสุดเสียง ด้านวิโอร่าก็ตกตะลึงกับอากัปกริยาของบุตรสาวจนพูดอะไรไม่ออก ก็พอดีกับที่ราชรถวิ่งมาถึงวังของวิโอร่า วิโอเรียก็ผลักประตูออกอย่างแรงจนทหารที่จะมาเปิดประตูถึงกับผงะ เด็กหญิงหน้าแดงก่ำมีน้ำตาคลอในดวงตา เธอกระโดดลงจากราชรถอย่างรวดเร็วพลางวิ่งกระฟัดกระเฟียด หายลับเข้าไปในปราสาทโดยมีสายตาที่ปวดร้าวของผู้เป็นแม่มองตามหลังไป |