Title: @@ นิยายSMN Chapter5 เปลวไฟในน้ำตา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 02:28:23 AM Chapter5 เปลวไฟในน้ำตา เมื่อ เนริมอร์ รู้ว่า ซาดิน ตกลงใจจะทำศึกแน่แล้ว เย็นวันนั้นนางจึงรุดเข้าไปพบ ซาดิน ภายในห้องเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นเวลาที่ ซาดิน ทำงานอื่นนอกเหนือจากการว่าราชการ ซาดิน เนริมอร์เอ่ยเรียกผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ ซาดิน ซึ่งขณะนั้นกำลังง่วนอยู่กับการดูแผนที่ภูมิประเทศทางการทหารอยู่ จึงมิได้ใส่ใจใดๆมากนัก เพียงแต่เหลือบตาขึ้นมามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นภรรยาของตนจึงได้ยืดตัวขึ้น และยิ้มให้ อ้า! เนริมอร์ เจ้ามาได้จังหวะดีจริงเชียว ข้ากำลังจะให้ทหารไปตามเจ้าอยู่พอดี ซาดิน การศึกครั้งนี้ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวนะ เนริมอร์ รีบเอ่ยอย่างร้อนตัว ซาดินขมวดคิ้วลงทันที ทั้งแปลกใจระคนสงสัยในตัวผู้เป็นภรรยานัก ทำไมรึ? ก่อนนี้เจ้าก็ยินดีที่จะร่วมทัพจับศึกเคียงบ่าเคียงไหล่ข้าด้วยทุกครั้งครามิใช่หรือ แต่บัดนี้เรามีลูกแล้วนะ อิสฮาน ยังเล็กนักท่านจะให้ข้าทิ้งลูกไปได้อย่างไร ใครจะดูแลเขาเล่า ก็แม่นมกับพวกนางกำนัลไงเล่า เจ้าคิดว่าเรามีข้าทาสบริวารไว้ทำไมรึ ซาดิน กล่าวอย่างมิอาทรร้อนใจนัก ซาดิน ท่านก็เป็นเสียอย่างนี้ ท่านมิเคยสนใจไยดีลูกของเราเลย เมื่อคราวที่ อิสฮาน ล้มป่วย ข้าให้คนไปตามท่านครั้งแล้วครั้งเล่าท่านก็ไม่มาดูดำดูดีเลย เนริมอร์ ตัดพ้อ ซาดิน เอียงศรีษะเล็กน้อยราวกับพยายามรำลึกเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า ในตอนนั้นถึงข้าจะอยู่หรือไม่มันก็ไม่ทำให้ อิสฮาน หายป่วยได้เพราะข้าไม่ใช่หมอ เนริมอร์ ชะงักนิ่งอึ้งกับวาจาที่เย็นชาของสามี ซาดิน หันมามองหน้า เนริมอร์ พลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ข้าก็ตามหมอหลวงให้แล้วอย่างไรเล่า แล้วอีกอย่างการดูแลลูกก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นแม่มิใช่หรือ ท่านรักลูกของเราบ้างไหม เนริมอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาระคนวิงวอนราวกับจะเป็นตัวแทนของบุตรชายร้องขอความรักจากผู้เป็นบิดาก็มิปาน เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องโง่เขลาเป็นความรู้สึกของพวกคนอ่อนแอ มันไม่มีประโยชน์อะไรต่ออนาคตของลูกเรา คิ้วของ เนริมอร์ ขมวดเข้าหากันดวงตาเบิกกว้าง นางจ้องมองลึกลงไปยังดวงตาของ ซาดิน ราวกับจะเค้นหาความจริง นี่ท่านพูดอะไรออกมา ในใจของ เนริมอร์ เจ็บปวดนัก นางพูดพลางจ้องมอง ซาดิน เขม็ง ท่านไม่คิดจะทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อเลยหรือ ข้ากำลังทำอยู่ เจ้าคิดว่าข้าทำศึกครั้งนี้เพื่อใครกัน ซาดิน พูดด้วยระดับเสียงปกติหากแต่แฝงการตำหนิในน้ำเสียงนั้น อนาคตของอิสฮานจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง มรดกที่ข้าจะให้กับเขาคือทวีปเมอริเซียอย่างไรเล่า ซาดิน มอง เนริมอร์ ครู่หนึ่งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พอเถิด ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าเรื่องนี้ ข้าขอสั่งให้เจ้าเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ เนริมอร์ กัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาล ไม่!! ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะอยู่กับลูกของข้า ซาดิน ถึงกับนิ่งอึ้งที่ เนริมอร์ กล้าที่จะขึ้นเสียงใส่ตน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องใดหรือแม้กระทั่งที่ตนมีฮาเร็มที่ใหญ่โตมีสาวงามรายล้อมมากมายนางก็มิเคยมีปากมีเสียง แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางกล้าตวาดใส่เขา ข้างฝ่าย เนริมอร์ นั้นก็โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น ขบกรามแน่น จ้องมองผู้เป็นสามีอย่างแค้นเคือง ซาดินจ้องหน้า เนริมอร์ อย่างเคร่งเครียดแล้วพูดด้วยเสียงราวกับคำรามว่า ข้าสั่งเจ้า!! ในฐานะกษัตริย์แห่งซาโลม ณ ห้องบรรทมของ ซาร์ อิสฮาน เนริมอร์ นั่งอุ้มลูกชายตัวน้อยไว้แนบอก นางนั่งบนเบาะทรงกลมสีแดงใบใหญ่ สีหน้าของนางนิ่งเฉยสายตาจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างแต่แววตากลับว่างเปล่า ทั้งแม่นม และนางกำนัลต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจ ด้วยว่าหลังจากที่นางกลับมาจากการเข้าพบ ซาดิน แล้ว ก็ตรงเข้าอุ้มโอรสน้อยที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขในเปลแล้วเดินไปนั่งที่เบาะกลมนั้นโดยไม่พูดจาใดๆเลย ระหว่างนั้นนางต้นห้องก็เปิดประตูเข้ามาโค้งคำนับทูลว่า มีราชโองการมาเพคะ แล้วจึงหลีกทางให้ทหารผู้ถือราชโองการสามนายเดินเข้ามา ทหารทั้งสามโค้งคำนับแล้วจึงคุกเข่าโดยทหารที่ถือราชโองการยังคงยืนอยู่ องค์ ซาดิน จักรพรรดิแห่งซาโลม มีราชโองการว่า เนื่องด้วยจักรวรรดิ ซาโลม จะได้ประกอบการศึกอันทรงเกียรติด้วยการรวบรวมแผ่นดินทั้งหลายในทวีป เมอริเซีย เข้าไว้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน ในภารกิจอันสำคัญยิ่งนี้ องค์จักรพรรดิจึงมีรับสั่งให้ พระนาง เนริมอร์ เข้าร่วมในกองทัพอันเกรียง.... Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter5 เปลวไฟในน้ำตา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 02:30:54 AM ทันใดนั้นร่างของทหารผู้อ่านราชโองการก็ลอยละลิ้วไปกระแทกผนังหินอ่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที เลือดสีแดงสาดกระจายเป็นทางยาว เหล่าทหารและนางกำนัลทุกคนต่างตัวสั่นหน้าซีดเผือดจ้องไปยังราชินีซึ่งบัดนี้อุ้มโอรสน้อยโดยแขนขวาส่วนมือซ้ายนั้นถือคฑาคู่กาย แววตาของพระนางดุดันแดงฉาน อุณหภูมิภายในห้องเริ่มร้อนระอุขึ้น ฉับพลันพระนางปราดเข้าหานายทหารเคราะห์ร้ายผู้กำลังตัวสั่นงันงกก้มกราบครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดที่ศีรษะเปื้อนพื้นเป็นวงแดงฉาน
โปรดเมตตา! โปรดไว้ชีวิตข้าน้อย ได้โปรด! พระนาง ได้......... ผัวะ! ร่างที่บัดนี้เต็มไปด้วยเลือดของทหารผู้เชิญราชโองการพุ่งชนโต๊ะไม้สลักจนหักสะบั้น ใบหน้าซีดเผือดตัดกับเลือดสีแดงไหลเป็นทาง แววตาที่หวาดกลัวอย่างสุดขีด มองมายังมหารานีซึ่งบัดนี้เป็นเหมือนเพชฌฆาตผู้อำมหิต ข้าจะเผาลิ้นโสโครกของเจ้าซะ เสียงรอดออกมาจากไรฟันที่กัดกรามแน่น เนริมอร์ ชูคฑาประดับพลอยสีแดงขึ้นทันใดไฟเวทย์ก็ลุกโชนจากคฑานั้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันทั้งห้องก็ถูกปลุกให้ตื่นจากบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ด้วยเสียงร้องไห้ดังลั่นของพระโอรสน้อยซึ่งไม่มีใครทันได้สังเกตว่าตื่นขึ้นเมื่อใด หากแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่ทั้งหวาดกลัวและตกตะลึงก็ได้สติขึ้น ต่างร้องขอชีวิตนายทหารเคราะห์ร้าย พระนางผู้กริ้วโกรธบัดนี้ลดมือลงน้ำตาคลอเบ้าตะโกนสั่งลั่นห้อง ออกไป๊! ออกไป! ไสหัวออกไปให้หมด! เหล่านางกำนัล และแม่นม ต่างตื่นตระหนก กึ่งวิ่งกึ่งคลานออกจากห้อง ทหารสองคนก็รีบพยุงร่างไร้สติของเพื่อนที่เพิ่งรอดพ้นความตายอย่างหวุดหวิดออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ออกไป! ออกไปให้พ้น......นางตะโกนอย่างไร้สติ ทันทีที่ห้องอันเละเทะกระจัดกระจายเหลือเพียงพระนางในชุดแดงที่โอบกอดทารกน้อยที่ร้องไห้จ้าไว้ในอ้อมแขน นางพญาผู้น่าสะพรึงกลัวเมื่อสักครู่ ได้ทรุดกายลง กอดทารกน้อยไว้แนบอก และร้องไห้อย่างขมขื่น ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เพลาเมื่อ นาริส สุไลมาน ก้าวเข้ามาในห้องบรรทมของพระโอรสน้อย มหาอำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่มองสภาพห้องที่เละเทะระเกะระกะ ทั้งยังมีกลิ่นคาว และคราบเลือดอยู่ภายในห้อง ที่ใจกลางห้องนั้นเอง เนริมอร์ ซึ่งยังคงอุ้ม ซาร์ อิสฮาน แนบอกไว้เช่นเดิม นางนั่งเหม่อลอยอยู่บนเบาะทรงกลมจนมิได้สังเกตว่า นาริส ได้เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆนางแล้ว พระนางเนริมอร์ นาริส เรียกด้วยเสียงอันอ่อนโยน เนริมอร์ ค่อยๆหันมาช้าๆ เมื่อเห็นว่าเป็น นาริส ก็รีบลุกขึ้นยืน น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง ท่าน นาริส ข้าจะทำอย่างไรดี ข้าจะทำอย่างไรดี สงบใจลงก่อนเถิดพระนาง หม่อมฉันเข้าใจในความรู้สึกของพระนางดี นาริส พูดปลอมประโลม แต่ขอให้พระนางใจเย็นๆฟังสิ่งที่หม่อมฉันจะทูลก่อน การสงครามครั้งนี้มิใช่จะเริ่มภายในชั่วเวลาเดือนสองเดือนนี้เสียเมื่อไหร่ กว่าจะเตรียมไพล่พล ฝึกทหาร ตระเตรียมวางแผนก็อย่างน้อยสองปีแล้ว ทั้งสะสมเสบียงอาหาร ซึ่งก็คงจะไม่ต่ำกว่าสองถึงสามปีเป็นแน่ อะไรกัน ข้าจะมีเวลาอยู่กับลูกอีกแค่สามปีเท่านั้นหรือ ไม่ ! ข้าจะทิ้งลูกที่ยังเล็กอยู่ได้อย่างไรกัน ท่านต้องช่วยข้านะ หม่อมฉันอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนใจ องค์ ซาดิน แต่หม่อมฉันอาจจะถ่วงเวลาเพื่อให้พระองค์อยู่กับพระโอรสนานขึ้นได้ เนริมอร์ ในดวงตาฉายแววแห่งความหวังขึ้น แต่หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าจะถ่วงเวลาได้นานแค่ไหน เพราะหากองค์ซาดินยังมีไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นอยู่เคียงข้างคอยยุยง ไอ้ปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น มันนั่นแหละเป็นต้นเหตุแห่งเรื่องทั้งหมด ข้าอยากจะลากลิ้นสอพลอของมันออกมาสับให้เป็นหมื่นชิ้น เลาะกระดูกออกมาจากหนังเหี่ยวๆของมัน และ..... นาริส ยกมือปราม เนริมอร์ ไว้ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า พระนาง อย่าตรัสให้เสียพระทัยอีกเลย หม่อมฉันจะพยายามยืดเวลาออกไปให้มากที่สุด ท่านจะทำด้วยวิธีใดเล่า โปรดวางใจ พระองค์เชื่อใจหม่อมฉันได้เสมอ นาริส ชำเลืองมองโอรสน้อยยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะโค้งคำนับ เนริมอร์ แล้วเดินจากไป |