Title: @@ นิยายSMN Chapter3 The Sun @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 02:18:53 AM Chapter3 The Sun [/size]รุ่งเช้าของวันใหม่เมื่อแสงแห่งดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วจักรวรรดิซาโลม หลายชีวิตเพิ่งจะเริ่มวันใหม่ได้ไม่นานนัก หากแต่ที่ท้องพระโรง ณ ใจกลางปราสาทนั้นกลับคลาคล่ำไปด้วย เหล่าบรรดาแม่ทัพ นายกอง เสนาอำมาตย์น้อยใหญ่ ซึ่งมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง ต่างก็นั่งอยู่บนเบาะทรงกลมใบใหญ่หลากสีที่เรียงรายอยู่สองฝั่งข้างท้องพระโรง ลดหลั่นกันไปตามอันดับยศ เหล่าทหารยามร่างใหญ่กำยำหลายนายถือดาบโค้งเสี้ยวพระจันทร์ยืนประจำตามเสาภายในท้องพระโรงด้วยท่าทางแข็งขัน เสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเมืองดังอื้ออึงไปทั่วท้องพระโรงนั้น ที่ฐานบัลลังก์ทองคำอันประดับด้วยขนทองของกริฟฟิน มีบุรุษสองคนยืนขนาบทั้งด้านซ้ายและขวาอยู่ บุรุษผู้อยู่ทางซ้ายมือนั้นก็คือ บลาส เซจ นั้นเอง บลาส เซจ นั้นมีใบหน้าที่ยาวแหลม แก้มตอบ จมูกงุ้มงอ ริมฝีปากบางดำคล้ำ ไว้หนวดยาวแหลมที่ใต้คาง รูปร่างผอมสูงชะลูด ผิวขาวซีด คิ้วยาวเหยียดตรงปลายคิ้วชี้สูง หากแต่ดวงตานั้นกลับแหลมคมรีเล็กราวกับพญาเหยี่ยวที่คอยจ้องจับเหยื่อ ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าทุกครั้งยามเมื่อถูกจ้องมอง อีกทั้งท่วงท่าสีหน้าและการวางตัวนั้นก็สงบนิ่งยากนักที่จะคาดเดาใจได้ ซึ่งต่างกับบุรุษผู้ที่ยืนอยู่ทางเบื้องขวายิ่งนัก บุรุษผู้นี้มีร่างที่กำยำกว่าทหารทั่วไป ผมหยักเป็นลอนสีน้ำตาลเข้มแซมขาว ไว้เคราดกหนา ใบหน้าคมได้รูป หากแต่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาปรากฏอยู่ที่หางตาและร่องแก้มทั้งสองข้าง บ่งบอกถึงวัย และประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชนในวัยหนุ่ม คิ้วเข้มหนา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคมฉายแววแนวแน่มุ่งมั่น จมูกเป็นสันตั้งตรง ริมฝีปากอิ่มหนา แลดูสุขุมเยือกเย็น บุรุษผู้นี้ยืนอย่างสง่าในชุดเสื้อคอปกสีขาวทับด้วยเสื้อแขนกุดสีแดงขลิบทอง กางเกงขายาวปลายพองสีแดง และผ้าคลุมกำมะหยี่เนื้อดีสีแดงเข้ม ยิ่งทำให้บุรุษผู้นี้ดูสุขุม และทรงอำนาจยิ่งขึ้น บุรุษผู้นี้ก็คือ นาริส สุไลมาน มหาอำมาตย์ผู้เรืองปัญญาแห่งจักรวรรดิซาโลม ผู้เคยรับใช้บิดาแห่ง ซาดิน มาแต่ครั้งก่อนและคอยสอนสั่งในเรื่องต่างๆให้ ซาดินมาตั้งแต่เยาว์วัยนั่นเอง ทั้งยังเคยช่วยชีวิตของ ซาดิน และ เนริมอร์ อีกด้วย ดังนั้นทั้ง ซาดิน และ เนริมอร์ จึงต่างเคารพและให้เกียรติ นาริส สุไลมาน ยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลเรื่องกฎหมายบ้านเมืองให้แก่จักรวรรดิซาโลมได้อย่างมิมีบกพร่องอีกด้วย หากจะเปรียบไปแล้ว นาริส สุไลมาน ก็มิต่างจากมือขวาของซาดิน ส่วน บลาส เซจ นั้นก็เป็นเสมือนมือซ้าย ซึ่งต่างก็ยิ่งใหญ่มิแพ้กัน ทว่าเป็นที่รู้กันดีว่า นาริส สุไลมาน และ บลาส เซจ มิค่อยจะลงรอยกันเท่าใดนัก บ่อยครั้งมักเกิดเรื่องโต้เถียงกัน เพราะทั้งสองคนนั้นเสมอกันด้วยภูมิปัญญา ความสุขุมลุ่มลึก ความหลักแหลมแห่งปฏิภาณ วัยวุฒิรึก็มิต่างกันมากนัก แม้แต่ ซาดิน เองยังหน่ายใจ และมิอาจเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ เพราะเกรงจะสร้างความบาดหมางแก่อีกฝ่าย จึงจำต้องเป็นคนกลางคอยอะลุ่มอล่วยประนอมความให้แก่บุคคลทั้งสองอยู่เนืองๆ ขณะที่ทั้งสองต่างก็ยังคงจ้องมองกันและกันด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่านออก เสียงประกาศจากทหารก็ดังขึ้น องค์ซาดิน และพระนางเนริมอร์ เสด็จแล้ว ทันใดนั้นเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างรีบลุกขึ้นยืนโค้งทำความเคารพ ทั่วท้องพระโรงที่เคยอึกทึก มาบัดนี้กลับเงียบสนิทไร้ซึ่งสำเนียงใดๆ ชั่วอึดใจ ซาดินและ เนริมอร์ ก็เดินเข้ามาภายในท้องพระโรง ซาดิน นั้นค่อยๆย่างก้าวอย่างองอาจไม่ต่างกับราชสีห์ขึ้นสู่แท่นบัลลังก์ทองคำ โดยมี เนริมอร์ เดินตามหลังมาด้วยท่วงท่าราวพญาหงส์ เนริมอร์ เดินไปนั่งยังเบาะสีแดงสดขลิบทองใบใหญ่ที่ถูกจัดไว้ทางซ้ายเยื้องไปทางเบื้องหลังของบัลลังก์ทองคำเล็กน้อย เมื่อทุกฝ่ายต่างนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ซาดิน จึงเอ่ยขึ้นว่า ท่านทั้งหลายก่อนที่เราจะเริ่มการหารือกันในวันนี้ ข้าอยากจะฟังคำทำนายถึงบุตรชายข้าเสียก่อน แล้วจึงหันหน้าไปทาง บลาส เซจ บลาส เซจ ค้อมตัวเล็กน้อยอย่างรู้ทันกล่าวว่า นาซาอี เดินทางมาถึงสักพักแล้วฝ่าบาท ว่าแล้วก็ส่งสัญญาณให้กับทหารต้นห้อง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter3 The Sun @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 02:20:58 AM เสียงเบิกตัว นาซาอี ก็ดังขึ้นทันที ประตูท้องพระโรงก็เปิดออก ปรากฏร่างหญิงสาวหุ่นเพรียวบางยืนอยู่อย่างสงบ นางอยู่ในชุดสีแดงยาวเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ในมือของนางถือกล่องใบเล็กๆใบหนึ่งที่สลักลวดลายเป็นอักขระโบราณทั่วทั้งกล่อง นางค่อยๆก้าวเข้ามาตามพรมสีแดงสดที่ปูเป็นทางยาวกลางท้องพระโรงนั้น สายตาของเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างจับจ้องไปที่นาง ทั้งนี้มิใช่เพราะนางเป็นคนสวยเลิศเลอ หากแต่เพราะการทำนายของนางนั้นมิเคยผิดพลาดแม้เพียงสักครา อีกทั้งยังไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเสียงพูดคุยของนาง ทุกๆคำที่ออกมาจากปากของนางล้วนแล้วแต่เป็นคำทำนายทั้งสิ้น
เมื่อ นาซาอี เดินมาหยุดยืนอยู่ ณ กลางท้องพระโรงตรงที่ทหารองค์รักษ์ได้นำโต๊ะทรงเตี้ยและเบาะรองนั่งมาจัดวางไว้ให้นั้น นาซาอี ก็ค่อยๆโค้งคำนับ ซาดิน และ เนริมอร์ อย่างช้าๆ นาซาอี เจ้าคงรู้แล้วว่าข้ามีกิจอันใดที่เรียกเจ้ามาในวันนี้ เจ้าจงทำนายถึง ซาร์ อิสฮาน บุตรชายแห่งข้าสิ!! ซาดิน เอ่ยขึ้น นาซาอี โค้งคำนับอีกครั้งก่อนที่จะนั่งลงบนเบาะที่ถูกจัดเตรียมไว้ บนโต๊ะนั้นมีผ้าสีดำผืนใหญ่ปูแผ่อยู่ นางค่อยๆวางกล่องในมือลงบนโต๊ะนั้น พลางเปิดกล่องหยิบสำรับไพ่ทาโร่ห์ออกมา ทั่วทั้งท้องพระโรงต่างเงียบกริบ มิมีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาจากบรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์เลย เพราะต่างก็ใจจดจ่ออยู่กับการทำนายของนาง นางสับไพ่ในมือและจัดวางไพ่ราวกับร่ายรำด้วยท่วงทำนองที่ไม่มีใครได้ยิน เมื่อการวาดมือของนางสิ้นสุดลง ไพ่บนโต๊ะก็ถูกจัดวางเป็นรูปวงกลมอย่างสวยงาม มีไพ่อยู่หนึ่งใบวางอยู่ ณ ใจกลางวงกลมนั้น นางยื่นมือไปแตะที่ไพ่ใบนั้น ไพ่ใบนี้......หมายถึง พระโอรสซาร์ อิสฮาน นาซาอี กล่าวขึ้น พร้อมทั้งค่อยๆหงายไพ่ขึ้น ปรากฏเป็นรูปดวงอาทิตย์สีแดงดวงโตส่องประกายเจิดจรัส ทำให้เกิดเสียงซุบซิบดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณนั้น ไพ่ใบนี้มีความหมายว่าอย่างไร? เนริมอร์ โพล่งออกไปด้วยความตื่นเต้นแทบจะทนนั่งต่อไปไม่ไหว นาซาอี จ้องมองที่ไพ่ใบนั้นกล่าวว่า ในวันที่พระโอรสประสูตินั้น ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด ดวงอาทิตย์ส่องแสงเป็นสีทองไปทั่วทั้ง จักรวรรดิซาโลม แล้วจึงเงยหน้าขึ้น หาก ซาดิน เป็นได้ถึงจักรพรรดิ บุตรของเขาจะเป็นใหญ่ยิ่งกว่า ซาดินคือมหาเพลิงที่น่ากลัว แต่บุตรของเขา......คือ ดวงอาทิตย์ ทันใดนั้นทั่วทั้งท้องพระโรงก็เงียบกริบราวกับทุกๆคนหยุดการเคลื่อนไหว จากนั้นอีกเพียงอึดใจเดียวเสียงฮือฮาก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งท้องพระโรงนั้น ซาดิน และ เนริมอร์ ต่างนิ่งเงียบราวกับกำลังทบทวนถ้อยคำทำนายนั้น จากนั้น ซาดิน ก็ค่อยๆยิ้มออกมา เจ้าหมายความว่าบุตรชายข้า จะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าข้าอย่างนั้นรึ ด้าน เนริมอร์ ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปาก ด้วยนางแทบไม่เชื่อหูตนเอง ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจ นาซาอี คลี่ยิ้มออกมา ก่อนที่จะโค้งคำนับและกลับหลังหันเดินจากไปโดยมิสนใจสิ่งใดๆรอบกายอีก พร้อมกับทิ้งปริศนาแห่งคำทำนายของนาง |