Title: @@ นิยายSMN Chapter 29 สายลมแห่งความทรนง@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 23, 2004, 03:04:14 AM Chapter29 สายลมแห่งความทรนง ในเวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ จอมทัพแห่งฟีเลเซียก็ฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว บาดแผลต่างๆแทบไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวดใดๆ และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เพราะได้รับการเสริมพลังตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวอยู่ ทุกวันชาร์ลจะไปสนามฝึกซ้อมภายในกองทัพเพื่อฝึกร่างกายอย่างหนักและในวันนี้ก็เช่นกันที่แม่ทัพหนุ่มคลุกอยู่แต่ในสนามฝึกซ้อม แท่งเหล็กหนาหลายแท่งถูกมัดติดตามร่างกายของเขา ในมือถือท่อนเหล็กขนาดใหญ่แทนดาบคู่ใจกวัดแกว่งจากกระบวนท่าหนึ่งไปอีกกระบวนท่าหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว นายทหารฝีมือดีมากกว่าสี่สิบนายในชุดเกราะป้องกันเต็มยศต่างยืนรายล้อมรอหาจังหวะเข้าจู่โจมผลัดกันถาโถมเข้าฟาดฟันใส่จอมทัพฟีเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุด แม้ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยหอบแต่ก็ไม่ยอมเสียเวลาหยุดพักกันสักนาที ทันใดนั้นเสียงแตรก้านยาวก็ดังขึ้นประกาศการมาถึงขององค์กษัตริย์ กษัตริย์ซิกมันต์ที่3 ในชุดเกราะเต็มยศสีเขียวเข้มมันวาวเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมบิชอปเกรเกอรี่ และ ทหารผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ข้าดีใจที่ท่านขยันฝึกซ้อมถึงขนาดนี้ ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างยิ่งให้กับพวกทหาร แต่ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้หักโหมมากจนเกินไป ซิกมันต์กล่าวแก่ชาร์ลผู้เป็นทั้งอาจารย์และสหายคนสนิท พลางกวาดตามองแท่งเหล็กที่ถูกมัดติดตามร่างกายของชาร์ล ฝ่าบาท เวลานี้ร่างกายของหม่อมฉันดูจะแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่หม่อมฉันก็ประมาทไม่ได้ กองทัพของพวกซาโลมแปลกประหลาดขึ้นทุกวัน ทั้งสัตว์ประหลาดทั้งทหารปีศาจ แม่ทัพหยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งราวกับหวนระลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ หลังจากการประมือกับแม่ทัพของฝ่ายนั้นจนอาการสาหัสอยู่เป็นเดือน หม่อมฉันก็ไม่อาจนิ่งเฉยไม่ฝึกฝนร่างกายได้อีก การจู่โจมของมันแต่ละครั้งถ้าโดนเข้าทีหนึ่งก็แทบปางตายได้เลย หม่อมฉันจำเป็นต้องว่องไวยิ่งกว่าสายลม ครั้งหน้ามันจะไม่มีโอกาสได้หนีการประลองไปกลางคันแบบนี้อีก ชาร์ล กล่าวอย่างขุ่นเคืองเมื่อนึกถึงการประลองทั้งสองครั้งที่ทำให้เกียรติของเขาต้องด่างพร้อย ท่านแม่ทัพ ข้าเข้าใจความคับข้องใจของท่านดี แต่ความโกรธจะทำให้ท่านขาดสติในการตัดสินใจที่ดีได้ บิชอปกล่าวเตือนอย่างไม่จริงจังนัก ด้วยรู้นิสัยของจอมทัพหนุ่มผู้นี้ดีว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนอารมณ์ดี และสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้เก่ง ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อโดนบิชอปแกล้งเหน็บ ท่านบิชอป ข้าใช้ความขับข้องใจของข้าไปออกที่แรงที่กำลังนะ ไม่ได้ไปออกที่สมอง ดี ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อยเป็นไง ซิกมันต์กล่าวขึ้นบ้าง ดาบของท่าน ข้าให้ช่างหลวงเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ แรงปะทะจากเคียวของแม่ทัพทมิฬนั้นทำให้คมดาบหม่อมฉันบิ่นไปหลายที่... เดี๋ยว...ฝ่าบาทตรัสว่าเปลี่ยนอย่างนั้นเหรอ? ชาร์ลถามอย่างไม่แน่ใจ ซิกมันต์โบกมือเป็นสัญญาให้นายทหารผู้ติดตาม สักพักนายทหารสองนายก็ช่วยกันลำเลียงดาบของชาร์ลเข้ามา ดาบสีเงินอมเขียวขนาดใหญ่เงาวาวคมกริบ ที่ตัวดาบมีลายเส้นสีแดงสวยงาม ด้ามจับสีน้ำเงินยังคงเดิมทว่าหุ้มด้วยหนังมังกรถักอย่างสวยงาม ดาบนี้หลังจากที่ฝ่าบาททรงปรับเปลี่ยนให้ใหม่แล้ว ข้าได้เชิญนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายองค์มาร่วมกันสวดและอวยพรแก่ดาบเล่มนี้ ข้าได้ตั้งชื่อให้ดาบเล่มนี้ว่า คูนีกุนเด(Kunigunde, the Sword of Charles) ตั้งชื่อตามนักบุญหญิงผู้เป็นราชินีชาตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ ตัวดาบเป็นโลหะจากสายแร่ใหม่ที่พบบนเกาะวาร็อค เนื้อแข็งมากแต่น้ำหนักเบา เวลานี้ดาบเล่มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งของฟีเลเซีย จงใช้มันเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียเถิด บิชอปเกรเกอรี่กล่าวพร้อมกับวาดมือเหนือดาบคูนีกุนเด ข้าสั่งให้ใช้โลหะนี้ทำชุดเกราะใหม่ให้แม่ทัพทุกคนรวมถึงท่านด้วย มันคงทำให้ท่านเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นมากทีเดียว ซิกมันต์กล่าว ลองดูสิ เกรเกอรี่แนะ เหล่าทหารต่างช่วยกันปลดท่อนเหล็กออกจากตัวจอมทัพ ชาร์ลยกดาบขึ้นคะเนน้ำหนัก เขาอดยิ้มอย่างชื่นชมและตื่นเต้นกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ไม่ได้ สายตาเขาไล่ละไปตามคมดาบ มันเบาขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ ซิกมันต์ผายมือไปกลางสนามซ้อม ซึ่งจอมทัพหนุ่มก็ปฏิบัติทันที ชาร์ลเหวี่ยงดาบเบาๆเพื่อสร้างความคุ้นเคย สักพักจึงเริ่มตั้งท่าร่ายรำเพลงดาบ เสียงคมดาบแหวกอากาศค่อยๆดังเร่งจังหวะถี่ระรัวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกคนแทบจะมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากเสียงหวีดหวิวของลมที่เกิดจากคมดาบ รอบๆบริเวณนั้นเกิดลมหมุนพัดเอากิ่งก้านของต้นไม้โยกไหวอย่างแรง ใบไม้หลุดร่วงปลิวว่อน ซิกมันต์พยายามจ้องมองทุกความเคลื่อนไหวของชาร์ลตาไม่กระพริบ เวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชาร์ลอีกต่อไป หยิบท่อนเหล็กพวกนั้นมา ซิกมันต์ออกคำสั่งให้ทหารนำท่อนเหล็กที่ชาร์ลใช้มาสักครู่มาให้ตน ซิกมันต์หยิบท่อนเหล็กขึ้นมาท่อนหนึ่งเขวี้ยงไปเหนือจอมทัพหนุ่มทันที ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้นชาร์ลก็ทะยานขึ้นและลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แท่งเหล็กนั้นก็ถูกตัดขาดเป็นสี่ท่อนร่วงลงสู่พื้น แต่ยังไม่ทันที่จะตกกระทบพื้น ชาร์ลก็ตวัดดาบอีกครั้งตัดท่อนเหล็กเหล่านั้นที่จุดกึ่งกลางพอดิบพอดีจนดูราวกับว่าเขาได้คำนวณขนาดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว บรรดานายทหารต่างปรบมือกันเกลียวด้วยความอัศจรรย์ใจ ทั้งซิกมันต์และเกรเกอรี่ต่างก็ยิ้มพยักหน้าอย่างชื่นชม ชาร์ลเดินเข้ามาคำนับขอบคุณบุคคลทั้งสอง ทันใดนั้นทหารนายหนึ่งก็วิ่งตรงมาหาบุคคลทั้งสามอย่างรวดเร็วกล่าวรายงานเสียงดัง ฝ่าบาท กองทัพซาโลมมีการเคลื่อนไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ ซิกมันต์ยิ้มอย่างสะใจ ศึกครั้งนี้ไอ้พวกซาโลมจะต้องประหลาดใจแน่ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 29 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 23, 2004, 03:06:04 AM ย่างเข้าเดือนJamestonaresกองทัพซาโลมจำนวนหนึ่งแสนนายก็ยาตราประชิดเมืองฟรอนทีเนีย ซึ่งเป็นเมืองที่เสมือนกับเป็นประตูสู่อาณาจักรตอนกลาง ในขณะที่อีกกองทัพหนึ่งของซาโลมก็เตรียมบุกประชิดเมืองเอรีมเช่นกัน แต่ทว่าในครั้งนี้ทางฟีเลเซียไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้นำกองทัพทั้งสองของซาโลม ชาร์ล คลาแรนซ์จึงขันอาสายกทัพออกไปยันกับทัพเรือนแสนของซาโลมที่บริเวณทุ่งราบคีร่าชานเมืองฟรอนทีเนีย เพราะเขาถนัดการรบประเภทบุกตะลุยแบบประชิดตัวมากกว่า ภูมิประเทศที่เป็นทุ่งเปิดโล่งอย่างทุ่งราบคีร่าจะทำให้เขาสามารถออกอาวุธได้อย่างเต็มที่ ซึ่งซิกมันต์และบรรดาแม่ทัพต่างก็เห็นด้วย
ทางด้านเมืองเอรีมนั้น กษัตริย์ซิกมันต์พร้อมแม่ทัพอีกจำนวนหนึ่งอยู่ป้องกันเมืองจากการโจมตีของทัพซาโลม ขณะเดียวกันซิกมันต์ก็ได้ส่งเกรเกอรี่ บรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ และเหล่านักบวชไปหลบภัยที่เมืองวอลเนีย พร้อมทั้งทำหน้าที่สวดอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อชัยชนะของฟีเลเซียโดยหารู้ไม่ว่าซาโลมได้แอบซุ่มกองทัพที่น่าสะพรึงกลัวไว้เตรียมบุกเมืองวอลเนียด้วยเช่นกัน สองวันหลังจากที่ซิกมันต์ส่งชาร์ลและกองทัพฟีเลเซียกว่าเจ็ดหมื่นนายสู่เมืองฟรอนทีเนียแล้วก็รีบเรียกประชุมแม่ทัพ พร้อมทั้งเรียกตัวฟอล์คเนอร์เข้าพบทันที ได้เรื่องหรือยัง? ทันทีที่ฟอล์คเนอร์มาถึง ซิกมันต์ก็ยิงคำถามใส่อย่างรวดเร็ว พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอพระราชทานอภัยโทษที่ข่าวสารล่าช้าไปมาก เพราะช่วงที่ผ่านมาทัพซาโลมปล่อยข่าวลือออกมามากมาย แม้แต่ทหารในกองทัพเองก็ยังไม่มีใครรู้ว่าข่าวไหนจริงข่าวไหนเท็จ ทำให้กว่าจะกรองข่าวได้เสร็จก็เสียเวลาไปมาก ชิ! เจ้าเล่ห์นัก ซิกมันต์กล่าวดูถูก แล้วตกลงว่าใครเป็นผู้นำทัพทั้งสองของพวกมัน ทูลฝ่าบาท ผู้นำทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าสู่เมืองฟรอนทีเนีย คือ กษัตริย์ซาดินพ่ะย่ะค่ะ ว่ากันว่าฝีมือของเขาร้ายกาจยิ่งกว่าราโชยูผู้เป็นแม่ทัพเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ หึ! มันจะเก่งสักแค่ไหนเชียว ซิกมันต์เยียดปากอย่างดูแคลน สีหน้าแข็งกร้าวขึ้น ถ้าอย่างนั้นกองทัพที่จะบุกเอรีมก็นำโดยราโชยูสินะ พ่ะย่ะค่ะ ฟอล์คเนอร์ตอบ ฝ่าบาท แม่ทัพพลมังกรเอ่ยขึ้น ข้าพระองค์เห็นว่าเราไม่ควรประมาทแม่ทัพผู้นี้พ่ะย่ะค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นผู้มีฝีมือและมีเรี่ยวแรงมหาศาลแล้ว เขายังมีมังกรดำโนฟโฮทิออนเป็นพาหนะอีกด้วย มังกรดำอย่างนั้นรึ? ไม่มีทาง!มังกรโนฟโฮทิออนแทบจะฝึกให้เชื่องไม่ได้เลย ข้าไม่เชื่อว่าไอ้พวกไร้อารยธรรมอย่างนั้นมันจะฝึกมังกรดำให้เชื่องได้ ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเชื่อว่าพวกมันน่าจะใช้ผู้ฝึกมังกรร่ายเวทย์สะกดมังกรดำเพคะ แม่ทัพผู้ฝึกมังกรหญิงกล่าวขึ้น การร่ายเวทย์ควบคุมมังกรแม้จะยากลำบากกว่าการฝึกมังกรให้เชื่องหลายเท่านักแต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ทว่าก็เทียบไม่ได้เลยกับการร่ายเวทย์บังคับโนฟโฮทิออนเพราะต้องร่ายเวทย์ตลอดเวลาและต้องใช้ผู้ฝึกมังกรหลายคนในการบังคับมังกรดำหนึ่งตัว หากเราสามารถทำลายการร่ายเวทย์ของพวกผู้ฝึกมังกรได้ มังกรดำจะต้องเสียการควบคุมแน่นอนเพคะ ดี! ฟอล์คเนอร์เจ้าไปหาพวกผู้ฝึกมังกรให้เจอ แล้วจำกัดซะ ครั้นแล้ว ซิกมันต์จึงหันไปทางอัศวินหญิงท่าทางปราดเปรียวนางหนึ่ง โรน่า (Rona, the Pegasus Knight General) ข้าต้องการเปกาซัสพันธุ์ไหนก็ได้ ไม่ต้องเคยผ่านศึกก็ได้ แต่ต้องเป็นตัวที่บินเร็วที่สุดที่เรามี ฝ่าบาท แม่ทัพเปกาซัสสาวผู้มีผมยาวสยายสีน้ำตาลเข้มเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว เปกาซัสที่ไม่เคยออกศึกเลยอาจจะตื่นและพยศได้นะเพคะ เหลวไหล! เจ้าก็รู้ว่าข้าขี่เปกาซัสได้ทุกตัว ไม่ว่ามันจะพยศแค่ไหนข้าก็ปราบมันได้สำเร็จทุกครั้ง สำหรับซิกมันต์ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านเปกาซัสที่สุดในฟีเลเซีย ถึงขนาดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีเปกาซัสคู่กายอย่างอัศวินเปกาซัสคนอื่น ดังนั้นการเตือนเรื่องเปกาซัสด้วยความเป็นห่วงก็อาจกลายเป็นการดูถูกฝีมือได้ ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอเสนอเปกาซัสสามสายพันธุ์ให้พระองค์เลือกเพคะ คือ ไนท์แมร์ เปกาซัส(Nightmare Pegasus), เรนโบว์ วิง เปกาซัส (Rainbow Wing Pegasus) และ เปรัน เปกาซัส (Perun Pegasus) เปกาซัสทั้งสามได้ชื่อว่าเร็วที่สุดเท่าที่กองทัพของเรามีในขณะนี้ แต่ในจำนวนทั้งสามนี้ เปรันเปกาซัสดูจะว่องไว ปราดเปรียว และ คึกคะนองที่สุด เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้รับการฝึกเท่าที่ควร เพราะความเร็วและความคึกคะนองของมันทำให้ผู้ฝึกเปกาซัสบังคับมันลำบาก Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 29 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 23, 2004, 03:07:12 AM ดี ข้าจะใช้เจ้านี่แหละปราบแม่ทัพเถื่อนนั่นให้ดู เจ้าจัดการสั่งให้เตรียมสวมเกราะใส่อานเปรันเปกาซัสให้พร้อม
เพคะ โรน่ารับคำ เอาล่ะ ใกล้เวลาที่พวกซาโลมจะเคลื่อนทัพมาถึงแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปเตรียมการได้ เมื่อพร้อมแล้วให้ไปพบข้าบนป้อมกำแพงฝั่งเหนือ พ่ะย่ะค่ะ เพคะ บรรดาแม่ทัพทั้งหญิงชายต่างรับคำด้วยเสียงหนักแน่น ช่วงสายของวัน กองทัพซาโลมกว่าหกหมื่นสี่พันนาย ประกอบไปด้วยกองกำลังนกโมฮาหนึ่งหมื่นสองพันนาย มือเพชฌฆาตแห่งซาโลมเจ็ดพันนาย ฮาโวก้าหนึ่งพันตัว นักรบเพลิงมารหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์ สัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดอีกหนึ่งหมื่นตัว รวมถึงทหารชั้นเลวอีกสองหมื่นนาย ก็เคลื่อนพลประชิดเมืองเอรีม เสียงโห่ร้องและกลองชัยดังกระหึ่มเป็นจังหวะหมายจะข่มขวัญศัตรู ในขณะที่ฟีเลเซียก็เตรียมพร้อมทั้งพลธนู ทัพนก ทัพอัศวิน ทัพมังกร และทัพเปกาซัสไว้รอท่าอยู่เช่นกัน กษัตริย์ซิกมันต์ที่3 ยืนอยู่เหนือป้อมกำแพงมองดูกองทัพซาโลมที่ค่อยๆรุกคืบประชิดเข้ามา นี่รึกองทัพซาโลมที่ตีเมืองต่างๆจนแตกย่อยยับ ดูๆก็ไม่เท่าไหร่ แล้วไหนละทหารปีศาจที่ทำลายกองทัพของข้าจนต้องเสียเมืองฟอร์เรนเชียให้มันไป ฝ่าบาท กองทัพที่มาในวันนี้ไม่มีทหารปีศาจมาด้วยเลย ข้าพระองค์คิดว่าพวกมันคงไปกับทัพใหญ่ หมายจะบุกไปทางทิศตะวันตกรุกเข้าสู่อาณาจักรตอนกลางพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพพลมังกรกราบทูล พวกมันคิดว่าใครอยู่ปกป้องเมืองนี้กันถึงได้ส่งแต่พวกไร้น้ำยามารบแบบนี้ ดีล่ะ!ข้าจะตีทัพมันให้แตกเสียวันนี้เลย สั่งพลธนู และเครื่องดีดหินทั้งพิสัยใกล้และไกลเตรียมพร้อม ซิกมันต์คำรามเสียงดุดัน ทันทีที่ทัพซาโลมเคลื่อนเข้ามาอยู่ในพิสัยการยิง ซิกมันต์ก็ไม่รอช้าสั่งโจมตีทันที ยิง!! สิ้นคำกษัตริย์แห่งสายลม ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็วิ่งพุ่งเข้าเจาะร่างแนวหน้าของทัพซาโลมจนล้มลงราวใบไม้ร่วง เหล่าพลทหารของซาโลมต้องยกโล่ขึ้นต่อกันป็นแผงโล่ขนาดมหึมาเพื่อกำบังร่างกาย แต่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกดีดเข้าใส่กองทหารทำให้ทหารซาโลมต้องวิ่งหลบเป็นพัลวัน ข้างฝ่ายซาโลมก็ส่งฝูงฮาโวก้าเข้าก่อกวนพลธนูและเครื่องดีดหินที่อยู่เหนือกำแพงเมือง พวกมันใช้ฝ่ามือตวัดกวาดเอาบรรดาพลทหารและเครื่องดีดหินจำนวนมากร่วงละลิ่วจากกำแพงกระแทกใส่พื้นดินเบื้องล่างจนทัพทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเกิดความโกลาหลกันยกใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้น ซิกมันต์จึงออกคำสั่งให้ทัพมังกรและทัพนกออกตอบโต้ทันทีเช่นกัน เหล่าผู้ฝึกมังกรทั้งชายหญิงก็สั่งมังกรนานาชนิดทะยานขึ้นจู่โจมขับไล่ฮาโวก้าอย่างรวดเร็วจนเสียงแผดร้องของมังกรและฮาโวก้าดังสนั่นลั่นท้องฟ้าเหนือกำแพงเมืองเอรีม ขณะเดียวกันฝูงทัพนกที่ซุ่มตัวอยู่นอกกำแพงเมืองก็บินโฉบโจมตีทัพหลังของซาโลมเป็นพัลวัน ฝ่ายสุนัขป่าและสุนัขเขาดาบของซาโลมก็ไม่รอช้าวิ่งกวดเข้าต่อกรด้วยอย่างสุดกำลัง จนเมื่อฝ่ายซาโลมสามารถบุกประชิดกำแพงเมืองเอรีมได้สำเร็จและเริ่มใช้บันไดพาดเพื่อรุกล้ำเข้าภายในเมือง ซิกมันต์ก็สั่งเปิดประตูเมืองปล่อยทัพอัศวินนับหมื่นให้ควบทะยานรถศึกเข้าทะลวงฟันลึกเข้าไปถึงทัพกลางของซาโลม ทั้งเหล่าอัศวินบนหลังม้าก็ออกมากวาดไล่ทัพหน้าของซาโลมออกจากบริเวณกำแพงเมือง เหล่าอัศวินแห่งสายลมในชุดเกราะสีเขียวมันวาวต่างควบฮ้อม้าศึกเข้าห้ำหั่นศัตรูอย่างไม่มีการลดราวาศอก ซึ่งข้างฝ่ายซาโลมที่จัดกองกำลังนกโมฮาไว้คอยท่าอยู่แล้วก็ตรงเข้าจัดการกับทัพอัศวินทันที ขณะที่ทัพกลางนั้นเหล่านักรบเพลิงมารก็ฟาดฟันใส่เหล่าอัศวินฟีเลเซียอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็โถมเข้าต่อตีกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงอาวุธกระทบกันดังสะท้านกึกก้องไปทั่ว ไม่นานนักก็ดูเหมือนว่าทัพซาโลมจะฮึกเหิมและมีขวัญกำลังใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เสียงไชโยโห่ร้องต้อนรับจอมทัพซาโลมดังกระหึ่มก้อง ที่ขอบฟ้าทางทิศเหนือราโชยูจอมทัพใหญ่ขี่มังกรดำโฉบไปมาเหนือกองทัพพร้อมๆกับการบุกเข้าห้ำหันเด็ดหัวทัพอัศวินของเหล่ามือเพชฌฆาตแห่งซาโลม เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของทหารซาโลมยิ่งดังก้องสะท้อนมากขึ้นเมื่อแม่ทัพทมิฬโฉบมังกรดำลงตวัดเคียวกระชากร่างอัศวินฟีเลเซียคนหนึ่งขึ้นมา ในขณะที่กงเล็บแหลมของมังกรโนฟโฮทิออนก็ตะปบจิกทะลุตัวม้าศึกโผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่ยังมีรถศึกห้อยติดอยู่ด้วย เลือดสดๆสาดกระจายไปทั่วราวกับฝนเลือด นายทหารฟีเลเซียทั้งร้องและดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดซึ่งก็ยิ่งสร้างความสะใจให้แก่ทัพซาโลม เมื่อบินสูงได้ระดับดีแล้วแม่ทัพร่างยักษ์ก็ควงเคียวด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะสะบัดร่างนายทหารชะตาขาดให้ลอยระลิ่วลงกระแทกพื้นเบื้องล่างอย่างจัง ทั้งนี้ก็เพื่อปลุกกระตุ้นนายทหารแห่งซาโลมให้คลั่งคะนองยิ่งขึ้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 29 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 23, 2004, 03:08:41 AM ป่าเถื่อนสิ้นดี! บรรดาแม่ทัพที่อยู่บนป้อมกำแพงต่างประณามการกระทำของแม่ทัพโฉด ในขณะที่ซิกมันต์มีใบหน้าแข็งกร้าวยิ่งขึ้น
สั่งการลงไป...เตรียมเปรันเปกาซัสให้พร้อม ข้าจะสั่งสอนมันต่อหน้าไอ้พวกทหารเถื่อนหน้าโง่ให้สาสมกับที่บังอาจมาหยามเกียรติชาตินักรบอย่างเรา ดูสิว่าพวกมันจะระเริงใจไปได้สักกี่น้ำ ซิกมันต์ประกาศเสียงกร้าว ทันทีที่ซิกมันต์เห็นราโชยูขี่โนฟโฮทิออนบ่ายหน้าตรงเข้ามาใกล้ ซิกมันต์ก็เหวี่ยงตัวขึ้นเปรันเปกาซัสควบทะยานเข้าหาด้วยความรวดเร็วท่ามกลางเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมไปด้วยขวัญและกำลังใจของทหารฟีเลเซีย กษัตริย์แห่งสายลมควบเปรันเหินทะยานอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่แม่ทัพร่างยักษ์ราวกับหมายจะบั่นศีรษะให้ขาดสะบั่นตั้งแต่วินาทีแรก ซึ่งราโชยูก็รีบตวัดเคียวป้องกันไว้ได้ทันการณ์พอดี เมื่อทั้งสองตั้งหลักกันได้แล้วราโชยูจึงกล่าวด้วยความขบขัน ฮ่า ฮ่า นี่รึกษัตริย์องค์ใหม่แห่งฟีเลเซีย หน่วยก้านไม่เลว แต่มุทะลุไปหน่อย อย่าบังอาจมาวิเคราะห์ข้า คนโง่อย่างเจ้าไม่คู่ควรที่จะพูดคุยกับข้าด้วยซ้ำ แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าเอาบุญสักหน่อยว่าไอ้การที่เจ้าสามารถรับการจู่โจมเมื่อครู่นี้ได้ก็อย่าเพิ่งด่วนดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อครู่มันแค่การหยั่งเชิงของเจ้า ขนาดข้ายังใช้ความเร็วไม่เต็มที่เจ้ายังเกือบจะตั้งรับไม่ทัน แค่นี้มันก็เป็นการชี้ให้เห็นแจ่มแจ้งแล้วว่าเจ้าน่ะมีแต่แรง แต่อืดอาดยิ่งกว่าม้าแก่ๆที่ใกล้จะหมดลม ไม่สิ...เปรียบเทียบเจ้ากับม้าดูจะสูงส่งเกินไป หยั่งเจ้าก็เป็นได้แค่หนอนดินที่ค่อยๆคลานเท่านั้น ปากกล้าแล้วยังอวดดีอีกด้วย ราโชยูเริ่มหงุดหงิดเมื่อถูกดูแคลน แต่ก็รู้ดีว่ากษัตริย์หนุ่มแห่งฟีเลเซียนั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย เพราะจากการปะทะเมื่อครู่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าซิกมันต์นั่นรวดเร็วยิ่งกว่าชาร์ลจอมทัพแห่งฟีเลเซียเสียอีก แม้ฝีไม้ลายมือและชั้นเชิงอาจจะไม่เทียบเท่าแต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ยิ่งต้องต่อสู้กันบนอากาศเช่นนี้ทำให้ซิกมันต์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักรบเปกาซัสที่เก่งกาจที่สุดในฟีเลเซียยิ่งได้เปรียบตนอยู่หลายขุม ดังนั้นหากจะปราบกษัตริย์หนุ่มผู้นี้ก็มีแต่จะต้องบีบให้ลงไปสู้กันบนพื้นดินเท่านั้น หึ เจ้าหนอนแก่ ไหนดูสิว่าเจ้าจะรับดาบของข้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รึเปล่า ซิกมันต์กล่าวจบก็ควบเปกาซัสเข้าจู่โจมทันที เปรันเปกาซัสสะบัดกระพือปีกอย่างรวดเร็วบินหมุนควงไม่ต่างกับเกลียวพายุลูกย่อมโหมพัดเข้าใส่มังกรร้าย ข้างฝ่ายแม่ทัพทมิฬก็บังคับมังกรดำพุ่งเข้าหาทำทีเหมือนจะปะทะกันซึ่งหน้า แต่ทว่ากลับโฉบลงต่ำหมายจะตวัดเคียวโจมตีเปรันเปกาซัสให้บาดเจ็บเพื่อตัดกำลังและเป็นอุบายที่จะค่อยๆบีบให้การสู้รบในครั้งนี้เข้าใกล้กับพื้นดินมากขึ้น แต่ซิกมันต์ก็สามารถบังคับเปรันบินโฉบขึ้นตีลังกากลับหลังหลบรัศมีวงเคียวได้อย่างง่ายดายพร้อมกับฝากรอยคมดาบไว้บนหมวกเกราะของจอมทัพทมิฬ กษัตริย์แห่งสายลมชักเปกาซัสกลับมาประจัญหน้าแม่ทัพทมิฬอีกครั้ง สายตากวาดตามองร่องรอยที่ปรากฏบนหมวกเกราะก่อนจะยิ้มเยาะพลางตวัดดาบชี้หน้าราโชยู หึ หึ แล้วถ้าเป็นความเร็วระดับนี้ละ เจ้าจะรับมือข้ายังไง? กล่าวจบซิกมันต์ก็ชักเปรันทะยานโฉบเข้าใส่ทันที ปีกเปรันเปกาซัสกระพือเร็วจนมองแทบไม่เห็น ยังไม่ทันที่ราโชยูจะขยับตัวจู่ๆก็เกิดแรงลมมหาศาลพัดวูบเข้าปะทะ ขนปีกของม้าบินตีละใบหน้าของเขาอย่างจังจนต้องรีบใช้มือปัดป้อง และแทบจะทันทีหลังของเขาก็ถูกฟาดด้วยดาบอย่างแรงจนเกือบเสียหลักตกจากหลังมังกรดำ ราโชยูพยายามบังคับบังเหียนในมืออย่างทุลักทุเล เมื่อมังกรดำทรงตัวนิ่งดีแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหากษัตริย์แห่งสายลม ทันใดนั้นด้วยความรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด กษัตริย์ซิกมันต์ก็โฉบเปรันเปกาซัสหมุนควงราวดอกสว่านพุ่งตรงดิ่งจากทิศเบื้องบนทะลวงเจาะเกราะที่ไหล่ขวาของราโชยูจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก่อนที่คมดาบจะเจาะลึกเข้าไปในเนื้อของแม่ทัพร่างยักษ์ ราโชยูก็รีบตวัดเคียวปัดป้องสุดกำลัง ทำให้ซิกมันต์ต้องโฉบหลบไปอีกทางหนึ่งก่อนจะบินวนอ้อมมาข้างหน้าช้าๆ ว่าไงล่ะเจ้าหนอนโง่ จะรอให้ข้าเปลื้องเกราะเปลื้องผ้าเจ้าจนหมดตัวก่อนรึไงถึงจะหายเฉื่อย ซิกมันต์ตะโกนเย้ยหยันเสียงดังหมายจะให้แม่ทัพทมิฬได้อับอายขายหน้าแก่ทหารทั้งสองฝ่าย เจ้ามันก็มีดีแค่เวลาอยู่บนเปกาซัสนั่นเท่านั้นแหละ ข้าก็อยากรู้นักว่าถ้าลองเจ้าสู้กับข้าตัวต่อตัวข้างล่างนั่น เจ้าจะปากกล้าแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน ราโชยูคิดว่าหากหลอกล่อด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล เด็กหนุ่มวัยคะนองอย่างซิกมันต์ลองถูกท้าซึ่งๆหน้าเช่นนี้จะต้องรับคำท้าแน่ และดูท่าการยั่วยุของเขาจะประสบผลสำเร็จด้วยเมื่อซิกมันต์โกรธจนแทบระเบิด สามหาว หนอนแก่อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกข้าเช่นนี้ ดี!ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าเจ้ามันไร้น้ำยาขนาดไหน ว่าแล้วซิกมันต์ก็โฉบเปกาซัสลงต่ำทันที Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 29 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 23, 2004, 03:10:10 AM ราโชยูแทบจะหัวเราะอย่างสะใจที่หลอกซิกมันต์สำเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ยังไม่ทันที่ราโชยูจะชักมังกรดำตามลงไป จู่ๆโนฟโฮทิออนก็เกิดคลุ้มคลั่ง อาละวาดแผดเสียงร้องคำรามดังสั่นกึกก้อง ก่อนจะพุ่งตัวทะยานขึ้นฟ้าไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ มันทั้งพยศ ทั้งสะบัดหมายจะสลัดร่างให้เป็นอิสระจากแม่ทัพร่างยักษ์
ข้างฝ่ายซิกมันต์เองเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงฉุกคิดถึงแผนการที่วางไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีได้ นี่เขาเกือบจะหลงคารมเจ้าหนอนเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ความโกรธที่ถูกหยามเกียรติครอบงำจิตใจ ความรู้สึกเสียหน้าที่ถูกหลอกยิ่งทวีความโกรธขึ้นอีกหลายเท่าตัว ซิกมันต์จึงกระตุกสายบังเหียนเชิดหน้าเปรันเปกาซัสควบทะยานไล่ตามมังกรดำด้วยความเร็วถึงขีดสุด เปกาซัสตวัดกระพือปีกพุ่งตัวผ่านม่านเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า แรงลมที่ปะทะใบหน้าทำให้ดวงเนตรทั้งสองของเขานั้นแห้งผาก แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรมาทำให้เขาละย่อความเร็วลงได้ จนเมื่อกษัตริย์หนุ่มไล่ตามมาถึงระยะประชิดหมายจะบั่นคอปลิดชีพแม่ทัพทมิฬให้บรรลัย แต่แล้วเจ้ามังกรดำที่กำลังสะบัดหัวอย่างคลุ้มคลั่งก็เหลือบเห็นม้าบินที่กำลังบินตีคู่มาจึงเอี่ยวคอหันมาแว้งกัดทันที ซิกมันต์จึงเบี่ยงตัวหลบเงื้อดาบขึ้นสุดแขนควงฟันใส่กลางลำคอของโนฟโฮทิออนสุดแรงเกิดจนหัวของมันขาดกระเด็น เลือดสีแดงสดพุ่งสาดกระจายเป็นสาย ร่างไร้หัวของมังกรดำตะเกียดตะกายกลางอากาศอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะร่วงหล่นลงอย่างรวดเร็ว เจ้าหนอนโง่ รู้ไว้ซะด้วยว่าที่ฟีเลเซียนี่ไม่มีใครเขาขี่โนฟโฮทิออนกันหรอก ซิกมันต์ที่3ตะโกนเย้ยยิ้มเยาะมองร่างมังกรดำและแม่ทัพทมิฬลอยละลิ่วผ่านชั้นเมฆลงสู่พื้นเบื้องล่างจนหายลับไปจากสายตา แล้วจึงพุ่งตัวโฉบลงต่ำเหนือคลื่นสงครามเบื้องล่างท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทหารซาโลม และเสียงโห่ร้องที่เปี่ยมด้วยประกายแห่งความหวังและกำลังใจของเหล่าอัศวินแห่งสายลม ซิกมันต์ตวัดดาบชี้ลงไปยังสนามรบประกาศด้วยเสียงอันดัง ฆ่าให้หมด ให้พวกมันพ่ายแพ้อย่างน่าทุเรศเหมือนแม่ทัพของพวกมัน เสียงกู่ร้องขานรับคำจากบรรดาอัศวินฟีเลเซียดังก้องสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมกับการบุกตะลุยรุกไล่เต็มกำลัง ทหารซาโลมที่เวลานี้อยู่ในอาการขวัญเสียและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเพราะขาดผู้นำทัพเสียแล้ว ต่างก็หนีแตกพ่ายกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางไม่ต่างจากฝูงมดแดงแตกรัง ส่งทหารไปหาซากไอ้แม่ทัพนั่น ข้าต้องการเห็นศพมันเพื่อความไม่ประมาท ซิกมันต์รีบเร่งสั่งการทันทีที่กลับถึงป้อมกำแพง พลางหันไปทางแม่ทัพเปกาซัสสาว โรน่า เจ้าจงเร่งจัดการยกทัพเปกาซัสไปช่วยแม่ทัพชาร์ลที่เมืองฟรอนทีเนียทันที การปรากฏตัวของทัพเปกาซัสจะช่วยนำขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นการยืนยันว่าที่เอรีมนี่เรามีชัยเหนือทัพซาโลมได้รวดเร็วขนาดไหน ทั้งยังเป็นการประกาศว่าพวกมันอ่อนหัดจนทัพปกาซัสไม่ต้องออกรบด้วยซ้ำ ส่วนทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ลองพวกซาโลมเสียขวัญขนาดนี้คงอีกนานกว่าจะกล้าจัดกองทัพมาสู้กับข้าอีกครั้ง ซิกมันต์ยิ้มเยาะดูแคลน เหลือบตามองกองทัพเพลิงที่กำลังแตกถอยอย่างสิ้นท่า เพคะ โรน่ายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ขานรับคำเสียงหนักแน่น ครั้นแล้วจึงหันไปผิวปากเป็นสัญญาณให้กับเปกาซัสสีฟ้าครามคู่ใจ เปกาซัสหนุ่มก็โผทะยานขึ้นสู่ชั้นกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว หากจำเป็น เมื่อเหตุการณ์ทางนี้สงบเรียบร้อยแล้วข้าจะส่งทัพมังกรตามไปเสริมอีกแรง ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง กษัตริย์แห่งสายลมยกมือขึ้นกล่าวอวยพร ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่าน ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง บรรดาแม่ทัพต่างก็อวยพรแม่ทัพเปกาซัส ขอบพระทัยเพคะ ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง โรน่าตอบกลับพร้อมโค้งถวายพร แล้วจึงเหวี่ยงตัวขึ้นเปกาซัสคู่ใจด้วยความปราดเปรียวไม่ต่างกับเสือสาวที่องอาจและอันตราย ธงแห่งทัพเปกาซัสโบกสะบัดเหนือกำแพงเมืองเอรีมพร้อมกับเสียงแตรเงินที่แผดดังเป็นสัญญาณเคลื่อนพล กองทัพเปกาซัสจำนวนห้าร้อยนายก็โผทะยานมุ่งสู่น่านฟ้าฟรอนทีเนียในทันใด Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 29 สายลมแห่งความทรนง@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:28:55 AM มาเม้าส์ต่อกันที่นี่นะจ๊า~~~
http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=8820;start=0#lastPost |