Title: @@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:31:33 AM Chapter 28 กุศโลบาย ณ เขตอุทยานภายในราชวังแห่งซาโลม เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานร่าเริงของเด็กๆดังก้องไปทั่วบริเวณ องค์ชายตัวน้อยวิ่งเล่นไล่จับกับบรรดาลูกๆของเหล่าเสนาอำมาตย์อย่างสนุกสนานโดยมีนาริสยืนดูเด็กๆวิ่งเล่นจากเฉลียงทางเดินของปราสาทด้วยความเอ็นดู บางครั้งก็ต้องแอบหัวเราะในลำคอขบขันกับท่าทางประหลาดๆที่เด็กๆทำหยอกล้อใส่กัน เสียงหัวเราะอย่างเปี่ยมสุขของเจ้าชายน้อยนั้นดังกังวานใสจนลอยไปถึงหูของผู้เป็นมารดา นางจึงอดไม่ได้ที่จะต้องวางมือจากงานที่ทำอยู่เพื่อจะออกมาดูลูกสุดที่รัก นางค่อยๆเดินลัดเลาะโถงทางเดินและห้องหับต่างๆตามเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของลูกไปเพียงลำพัง สักพักก็เดินเลี้ยวขวาตรงหน้ามุขมุ่งสู่เฉลียงที่นำออกไปยังอุทยานใหญ่ภายในเขตพระราชฐาน จึงได้เห็นอำมาตย์เฒ่ายืนอยู่บนเฉลียงข้างเสาต้นใหญ่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมพอที่กำบังร่างของนางได้พอดี เมื่อนางเดินเข้ามาใกล้พอ นาริสก็รู้สึกตัวและรีบทำความเคารพทันที หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระนางเสด็จมาจึงไม่ได้ถวายการต้อนรับ นาริสเตรียมจะหันไปสั่งเหล่านางกำนัลให้จัดที่ให้องค์ราชินีแต่ก็ถูกนางห้ามเอาไว้เสียก่อน ไม่ต้อง ท่านนาริส ข้าจะมาดูลูกข้าเท่านั้นว่าทำไมเขาถึงหัวเราะได้อย่างสนุกสนานขนาดนี้ ข้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเต็มที่เช่นนี้ของเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ เนริมอร์มองฝ่ากิ่งไม้ที่ใช้พลางตัวออกไปยังอุทยานเบื้องหน้า อิสฮานน้อยที่กำลังวิ่งเล่นหลบไปหลบมาจากเด็กชายอีกคนหนึ่งโดยมีเด็กๆอีกสี่คนวิ่งวนอยู่รอบๆ เสียงหัวเราะที่สดใสทำเอานางเองอดยิ้มตามลูกไม่ได้ เด็กพวกนั้น... เนริมอร์ เปรยขึ้นเบาๆ ลูกๆของขุนนางในวังนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ เมื่อทรงหนังสือเสร็จแล้ว และยังพอมีเวลา หม่อมฉันก็จะพามาให้เล่นกันที่นี่ ข้าจำได้ว่าเจ้าพวกนี้ไม่ยอมเล่นกับลูกข้า พระนาง เพราะเด็กๆกลัวการลงโทษของพระองค์ ทำให้เด็กๆไม่กล้ามาเล่นกับพระโอรส นี่ก็เพิ่งยอมเล่นด้วยกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้เอง หึ...แล้วตอนนี้พวกมันหายกลัวแล้วรึไง? เนริมอร์ เหยียดปาก พูดประชดเสียงขึ้นจมูก วัยเด็กเป็นวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความมหัศจรรย์ ความมีน้ำใจไมตรีของพระโอรสที่หยิบยื่นให้เด็กๆเหล่านี้ทำให้เอาชนะใจพวกเขาได้ไม่ยากนัก อีกทั้งด้วยความเป็นเด็ก จะโกรธ เกลียด กลัว โศกเศร้า เสียใจ ก็เพียงชั่วคราวไม่นานก็ลืมเสียหมดกลับมาคืนดีกันได้ใหม่ ผิดกับผู้ใหญ่อย่างเราๆที่ยิ่งโตก็ยิ่งมาด้วยทิฐิ ทันใดนั้นโอรสน้อยก็สะดุดขาเด็กอีกคนหนึ่งล้มลงจนล้มกลิ้งไปกับพื้น เนริมอร์ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นทันที อำมาตย์ชราจึงรีบคุกเข่าลงขวางทางเนริมอร์ไว้ด้วยความรวดเร็ว เนริมอร์พยายามสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่ขบฟันแน่นกล่าวอย่างยากลำบากว่า หลีกไป ท่านไม่เห็นรึว่าลูกข้าหกล้ม พระนางโปรดระงับความโกรธลงก่อนเถิด พระองค์ไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะที่สดใสนั้นอีกหรือ ไม่ทรงอยากเห็นความเข็มแข็งของพระโอรสหรอกหรือ นาริสแทบจะระรั่วพูดเพื่อรั้งความคิดของ องค์ราชินี ความเข้มแข็งอะไรกัน เนริมอร์พยายามบังคับตัวเองอย่างเต็มที่ กวาดสายตาไปยังลูกน้อยอีกครั้ง เด็กๆทุกคนต่างหน้าตาซีดเผือดเพราะความกลัว ด้วยรู้ว่าเวลานี้พระนางเนริมอร์ เสด็จกลับมาประทับอยู่ที่ซาโลมแล้ว และหากพระโอรสเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกคราวนี้พวกตนคงต้องตายเป็นแน่ อิสฮานเองก็รู้ดีว่าทุกคนรู้สึกอย่างไร จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงเพื่อนที่ล้มลงไปด้วยกันให้ลุกขึ้นด้วย แม้จะรู้สึกเจ็บเข่าเจ็บแขนอยู่บ้างแต่ก็รีบใช้มือน้อยๆปัดเศษฝุ่นเศษดินตามเสื้อผ้าออก ซึ่งทุกคนก็รีบช่วยกันอย่างรวดเร็ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:33:17 AM เห็นไหม ไม่เจ็บเลย เรามาเล่นกันต่อเถอะ พระโอรสยิ้มกว้างให้กับเด็กๆเหล่านั้น และออกวิ่งนำอีกครั้ง ทุกคนจึงค่อยยิ้มออกและเริ่มวิ่งเล่นกันต่อ
ภาพที่เห็นนั้นทำให้เนริมอร์ต้องประหลาดใจและอดภูมิใจไม่ได้ ความขึงโกรธพลันอ่อนยวบลงทันที เขาเก่งนะ ไม่ร้องไห้เลยสักนิด พ่ะย่ะค่ะ อำมาตย์เฒ่ารู้สึกโล่งใจขึ้น รับคำยิ้มๆ ข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่เดือนเขาเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านสอนเขาอย่างไรกัน มิได้พระนาง เดิมทีพระโอรสก็เป็นเด็กที่มีน้ำใจดี มีความอดทนอดกลั้น และ เฉลียวฉลาดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงออกอย่างเต็มที่เท่านั้น ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่ท่านอำมาตย์? พระนางจะทรงรับฟังคำแนะนำของตาแก่คนนี้ได้หรือไม่ เพื่อพระนางและพระโอรสเองด้วย ตั้งแต่ข้าแต่งงานมาอยู่ที่นี่ก็ได้ท่านคอยช่วยเหลือดูแลทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตข้าท่านก็ยังเคยช่วยไว้ ซ้ำท่านก็ยังดูแลลูกข้าอย่างดี รักอิสฮานอย่างจริงใจปฏิบัติต่อเขาไม่ต่างจากลูกหลานของตนเอง ข้าซาบซึ้งใจมาก และ เคารพนับถือท่านอย่างจริงใจ ดังนั้นท่านจงพูดมาเถิด ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ นาริสยิ้มอย่างซาบซึ้งก่อนจะค่อยๆเริ่มต้นกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจ พระนาง จากการที่หม่อมฉันเฝ้าอบรมเลี้ยงพระโอรสตั้งแต่ยังเล็กจนถึง ณ เวลานี้ หลายครั้งเหลือเกินที่ทรงฉายแววความปรีชาสามารถเกินกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะเรียนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอ่านต่างๆ เพียงแค่สอนครั้งเดียวก็จำได้แม่นยำ แต่ก็หลายครั้งเหลือเกินที่พระองค์ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถนี้อย่างเต็มที่นัก การที่จะให้พระโอรสพัฒนาความสามารถยิ่งๆขึ้นนั้น บางครั้งก็ต้องปล่อยให้พระองค์เผชิญเหตุการณ์ต่างๆนั้นเองบ้าง ท่านจะหมายความว่าข้าห่วงอิสฮานมากเกินไปรึ การที่ข้ารักและห่วงลูกเป็นความผิดอย่างนั้นหรือ? เนริมอร์ถามย้อนเจือความไม่พอใจในน้ำเสียงที่ถูกติเรื่องความรักที่มีต่อลูกน้อยของนาง มิได้เลยพระนาง ความรักของพระนางที่มีต่อพระโอรสนั้นยิ่งใหญ่นัก แม้สตรีทั่วทั้งซาโลมก็ยังหายากนักที่จะมีผู้ใดมีความรักยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทว่าหม่อมฉันหมายความถึงปฏิกิริยาของพระองค์ที่มีต่อเรื่องของพระโอรสโดยเฉพาะพระพิโรธของพระนาง บ่อยครั้งเหลือเกินที่ทำลายโอกาสดีๆที่พระโอรสจะได้เติบโตทางด้านความคิดและจิตใจ เมื่อได้ยินดังนั้น เนริมอร์ก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน ซึ่งนาริสเองก็ไม่พูดใดๆต่อเพื่อปล่อยให้พระนางได้ทบทวนคำพูดของตนอย่างถี่ถ้วน เนริมอร์มองลูกชายที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริงอยู่นานจนในที่สุดจึงเอ่ยขึ้นราวกับเปรยกับตัวเองคนเดียว ในใจข้าไม่เคยสงบเหมือนมีเชื้อไฟที่รอคอยการคุกรุ่น เมื่อใดมีสิ่งสะกิดเร้าให้มันไหม้ลุกแรงขึ้น มันจะเผาผลาญทุกสิ่งเป็นเปลวเพลิงที่แม้แต่ตัวข้าเองก็มิอาจดับได้... อิสฮานเป็นความรัก ความหวัง และ ความฝันทั้งหมดของข้า เขาเป็นยิ่งกว่าชีวิตของข้าเสียอีก เมื่อใดที่เขาเจ็บข้าเจ็บปวดกว่าเป็นร้อยเท่า แล้วท่านจะให้ข้าทำเยี่ยงไร น้ำเสียงของนางนั้นเศร้าสร้อยหดหู่เหมือนเด็กน้อยที่หลงทางอยู่ในวังวนที่ไร้ทางออก ดวงตาทั้งสองนั้นร้อนด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หากลูกหิว พ่อแม่ควรหาอาหารมาให้ลูกหรือควรจะสอนลูกให้รู้จักวิธีหาอาหารเองเล่า ถ้าเรามั่วแต่หาอาหารมาให้ หากวันใดที่ไม่มีพ่อแม่แล้ว ลูกจะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อไม่เคยหาอาหารกินเองเลย บางครั้งเราก็จำเป็นที่จะต้องยอมอดทนอดกลั้นฝืนความรู้สึกของตนเพื่อให้ลูกได้เติบโต เนริมอร์เงียบไปครู่ใหญ่ สักพักจึงเอ่ยตอบ ข้าจะพยายาม แต่ข้าคงรับปากอะไรท่านไม่ได้หรอกนะ เพียงเท่านั้นก็ดีพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:34:44 AM เนริมอร์พยักหน้าช้าๆสายตายังคงมองออกไปยังกลุ่มเด็กๆที่ยังคงวิ่งเล่นกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ลูกน้อยอันเป็นที่รักวิ่งเล่นด้วยใบหน้าที่แตะแต้มรอยยิ้มแห่งความสุขนั้นช่างดูงดงามยิ่งนัก นางอยากจะจดจำภาพเหล่านี้ไว้เพื่อคอยปลอบประโลมใจเวลาที่นางต้องหงอยเหงาด้วยความคิดถึงลูกในสนามรบบ้าๆนั่น สักพักเสียงแสร้งกระแอมไอของอำมาตย์เฒ่าก็ดูจะมีแรงพอที่จะดึงนางออกมาจากห้วงความคิดคำนึงได้
อะไรหรือท่านนาริส เนริมอร์ถาม ทว่าสายตาไม่ได้ละไปจากลูกน้อยเลย หม่อมฉันมีเรื่องที่จะต้องทูลให้ทรงทราบ หม่อมฉันพิจารณาแล้วว่าพระองค์สมควรจะทราบไว้ดีกว่า เรื่องอะไรหรือ พระโอรสทรงรู้เรื่องปู่ของเขาบ้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ เนริมอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันหันมามองหน้าอำมาตย์เฒ่าทันที สักพักจึงค่อยๆคลายออกกล่าวเสียงเบาว่า ถ้าซาดินรู้คงไม่ชอบใจมาก หม่อมฉันทราบดี ทว่าการจะให้พระโอรสเรียนรู้การเป็นกษัตริย์ที่ดีก็จำเป็นต้องมีแบบอย่างที่ดีให้พระองค์ได้ศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการปรับมาใช้กับตัวพระองค์เอง แล้วตัวอย่างของกษัตริย์ผู้ทรงธรรมที่น่าเคารพยกย่องที่สุดก็มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เนริมอร์หวนรำลึกถึงภาพความทรงจำในอดีตที่แสนเลือนราง ภาพตนเองในวัยเด็กสวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดหรูหราด้วยเครื่องประดับที่ทำจากทอง เพชร และ ทับทิม นั่งอยู่ภายในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของตนในเผ่าซาโลมด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกและหวั่นไหว เด็กสาววัยเพียงสิบปีต้องห่างจากพ่อและแม่มาแต่งงานกับเด็กชายต่างเผ่าที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เด็กชายวัยสิบเอ็ดปีที่อยู่ข้างกายซึ่งบัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่ก็ดูจะยังไม่เข้าใจเรื่องความรักและการแต่งงานมากไปกว่าเธอเลยสักนิด การนั่งอยู่ในงานเพียงลำพังโดยไม่รู้จักใครสักคนช่างว้าเหว่ยิ่งนัก ความประหวั่นโหมพัดแรงอยู่ภายในตัวจนดวงตาร้อนผ่าวและเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ยังไม่ทันที่หยาดน้ำตาใสๆจะร่วงหล่นลงมาที่สองพวงแก้ม หัวหน้าเผ่าในชุดยาวหรูหราสีขาวขลิบแดงก็เดินเข้ามาหา ใบหน้าใจดีนั้นยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนจนเห็นรอยพับย่นที่หางตาทั้งสองข้าง เขาค่อยๆเอื้อมมือมาวางไว้เหนือศีรษะของเธอลูบเบาๆกล่าวว่า เวลานี้เจ้าคือลูกสาวของข้าแล้ว ไม่ต้องหวาดกลัวใดๆนะ ข้าสัญญาว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ใช่ไหมซาดิน เขาหันไปถามเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ครับ ท่านพ่อ เด็กชายยิ้มตอบอย่างกระตือรือร้นก่อนจะหันมายิ้มให้เธอและเริ่มชวนเธอพูดคุย เนริมอร์กระพริบตาสองสามครั้ง เวลานี้ภาพแห่งวันเก่าๆจางหายไปจนหมดสิ้นแล้ว นางมองเลี่ยงไปทางอื่นกล่าวว่า ข้ายังจำเรื่องราวในอดีตได้ดี เมื่อครั้งที่ข้าแต่งงานมาอยู่ที่ซาโลม ท่านพ่อดีกับข้ามากเหลือเกิน แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมันช่างแสนสั้น เพียงแค่ปีเดียวท่านพ่อก็ถูกไอ้พวกชั่วนั่นฆ่าตาย จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด แม้แต่ซาดินเองก็ยัง... ข้าจะไม่ยอมให้อิสฮานเป็นเหมือนพ่อของเขาเด็ดขาด ชาวซาโลมทุกคนจะต้องรักเขา เขาจะเป็นกษัตริย์ที่เก่งกล้าสามารถ เขาจะเป็นผู้นำพาซาโลมให้เจริญรุ่งเรือง ยุคของเขาจะเป็นยุคทองของซาโลม โอ พระนาง นาริสอดยิ้มขันไม่ได้เมื่อได้ฟังเนริมอร์ตั้งความหวังมากมายให้แก่อิสฮาน ท่านนาริส เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เนริมอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น นาริสโค้งรับคำน้อยๆยิ้มอย่างมั่นใจตอบว่า พระโอรสทรงเป็นได้แน่พ่ะย่ะค่ะ คำพูดของอำมาตย์เฒ่าทำให้หัวใจของนางพองโตด้วยความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจ สมเด็จแม่! เสียงตะโกนเรียกแหลมสูงดังมาจากสนามใกล้ๆเฉลียงที่เนริมอร์และนาริสยืนอยู่ ก่อนที่เจ้าชายน้อยจะวิ่งตรงรี่เข้ากอดเอวมารดาแน่นหัวเราะเสียงใส สมเด็จแม่มาเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ? ลูกไม่เห็นพระองค์ตอนเสด็จมาเลย เด็กน้อยเงยหน้าถามเอียงคอเอาแก้มอิงกับมือของมารดาที่ยกขึ้นลูบพวงแก้มของตนอย่างน่าเอ็นดู มาได้สักพักแล้วจ๊ะ แต่เห็นลูกกำลังเล่นสนุกอยู่เลยไม่ได้เรียก เนริมอร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวลงจูบแก้มของลูกชายที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเพราะเลือดสูบฉีดจากการวิ่งเล่น ซึ่งอิสฮานก็รีบยกมือทั้งสองโอบรอบคอเนริมอร์ หอมแก้มมารดากลับฟอดใหญ่ เมื่อช้อนสายตามองหน้ามารดาอีกครั้งรอยยิ้มของเด็กน้อยก็ค่อยเลือนหายไป สมเด็จแม่เป็นอะไรไป ทำไมใบหน้าของพระองค์ถึงได้เศร้าเหลือเกิน อิสฮานขมวดคิ้วแน่นมองมารดาด้วยความห่วงใย แม่... เนริมอร์ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ คำพูดดูเหมือนจะเอื่อนเอ่ยได้ยากลำบากนักเมื่อจู่ๆความกลัวการลาจากก็จู่โจมใส่นางอย่างรวดเร็ว แม่...อีกไม่นาน...อีกไม่ถึงสามสัปดาห์แม่ก็จะต้องจากเจ้าไปสนามรบแล้ว เนริมอร์แทบจะกลั้นใจพูด กลัวจับใจที่จะต้องเห็นน้ำตาของลูกที่รัก นางเฝ้ามองปฏิกิริยาของอิสฮานด้วยความประหวั่นใจ อิสฮานนิ่งไปอึดใจก่อนที่จะเลื่อนมือมาจับมือของมารดาแน่นราวกับจะเน้นย้ำความหนักแน่นของจิตใจ ริมฝีปากที่เครียดเกร็งนั้นคลายออกเป็นรอยยิ้มละไมอีกครั้ง ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะสมเด็จแม่ พระองค์ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกจะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน จะเชื่อฟังท่านนาริส และรอสมเด็จแม่กลับมา Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:36:52 AM เนริมอร์ได้ยินคำตอบที่เกินความคาดหมายของตนจนต้องหันไปมองอำมาตย์เฒ่าอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ซึ่งนาริสก็ได้แต่ยิ้มและโค้งให้เป็นนัยว่าพระโอรสทรงเติบโตและเข็มแข็งขึ้นดั่งที่เขาบอกจริงๆ เนริมอร์ยิ้มกว้างและสวมกอดลูกแน่น
ลูกรัก ดูท่าเจ้าจะเข้มแข็งกว่าแม่แล้วด้วยซ้ำ นางเพ็งพิศใบหน้าของอิสฮาน สองมือลูบไล้พวงแก้มลูก เจ้าคือความภาคภูมิใจของแม่ เมื่อเด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง หัวใจพองโตรู้สึกราวกับตัวโตขึ้นกว่าเดิม เมื่อลูกโตขึ้น ลูกจะเป็นคนปกป้องสมเด็จแม่เอง เนริมอร์ หัวเราะอย่างเอ็นดู แม่เชื่อจ๊ะ แต่ตอนนี้องครักษ์ของแม่...เนื้อตัวเจ้าเหนียวเหนาะมอมแมมไปหมด ดูไม่ค่อยสมกับเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์เลย มา...เดี๋ยวแม่จะพาไปอาบน้ำแล้วเราค่อยทานมื้อเที่ยงกันดีไหมจ๊ะ พ่ะย่ะค่ะ อิสฮานเกาะแขนแม่กึ่งเดินกึ่งกระโดดอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปทางอำมาตย์เฒ่า พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องหนังสือนะ ท่านนาริส พ่ะย่ะค่ะ นาริส ตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองสองแม่ลูกจากไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู และเวทนาสงสารในโชคชะตาของทั้งคู่อยู่ในที S ภายในเขตที่อยู่อาศัยของเผ่าฟูดินัน พวกผู้ชายในเผ่าต่างช่วยกันสร้างศาลาแปดเหลี่ยมสำหรับเด็กๆ ศาลานี้เดิมทีเป็นศาลาที่มีไว้เพื่อกิจกรรมของเด็กๆทั้งเผ่า เด็กๆจะมาทำกิจกรรมร่วมกันที่นี่ในเวลากลางวันเมื่อบรรดาพ่อแม่ต้องออกไปทำงานในป่าในไร่ เด็กๆจะมารวมตัวกันที่นี่ทุกวันโดยจะมีเด็กสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ในเผ่าช่วยกันดูแลซึ่งรวมถึงจะถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆที่จำเป็นให้ด้วย ทว่าศาลาหลังเก่าหลังจากถูกโจมตีโดยฝูงมังกรไฟจนพังพินาศหมดก็ไม่ได้รับการก่อสร้างใด เพราะ กว่าจะสร้างที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นต่างๆเสร็จ เด็กๆก็ต้องมาชุมนุมกันในลานกว้างหน้าบ้านบันดาราแทนเป็นเวลาแรมเดือนเลยทีเดียว นอกจากจะมีการละเล่นต่างๆให้เด็กๆแล้ว การเรียนการสอนของเผ่าฟูดินันนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีพในป่า ไม่ว่าจะเป็นการปรุงยา หาสมุนไพร ล่าสัตว์ ทอเครื่องนุ่งห่ม การสัมผัสกับจิตธรรมชาติฯลฯ หมุนเวียนกันไปในแต่ละวันโดยผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือในเผ่าที่มีเวลาว่างมาสอนให้ ในทุกๆวันวูจินจะเจียดเวลามาอยู่กับเด็กๆเพื่อสอนคุณธรรมและศีลธรรมให้แก่เด็กๆด้วย ซึ่งการเรียนรู้ด้านคุณธรรมนั้นวูจินจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยทีเดียว จึงต้องมีการเรียนด้านคุณธรรมและศีลธรรมทุกเช้าของแต่ละวันแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานนักเมื่อเทียบกับการเรียนรู้ด้านอื่นๆ แต่ผู้เฒ่าก็คิดว่าการเรียนแบบค่อยๆซึมซับนั้นคงนานและฝังลึกอยู่ในจิตใจของเด็กๆได้มากกว่า เมื่อสอนเด็กๆเสร็จเรียบร้อยวูจินก็มักจะเข้ามาดูการสร้างศาลาแปดเหลี่ยมเป็นประจำ และในวันนี้ก็อีกเช่นกันที่วูจินมาตรวจดูอาคารที่ก่อสร้างตามปกติ ก็ทันได้ยินเสียงหลานชายกำลังพยายามอธิบายอะไรบ้างอย่างแก่เหล่าช่างไม้ด้วยสีหน้าอ่อนใจ ... ทำไมพวกท่านถึงไม่ยอมเข้าใจว่าไม้พวกนี้มันอ่อนเกินไปที่จะใช้ทำคาน ท่านฮารีซัน ไม้นี้หาง่ายที่สุดในป่าละแวกนี้แล้ว หลังจากโดนไฟเผาพวกต้นไม้ก็ถูกเผาเกือบหมด ไม้เนื้อแข็งก็ยังไม่โตเต็มที่ ที่ใช้ได้เราก็เอาไปสร้างบ้านหมดแล้ว ก็เหลือแต่ไม้พวกนี้แหละที่โตพอจะเอามาใช้ก่อสร้างได้ ชายที่ดูเหมือนหัวหน้างานกล่าว ใช่ครับ ถ้าจะเอาไม้ที่เนื้อแข็งกว่านี้เราต้องเข้าไปในป่าลึก ซึ่งกว่าจะตัดกว่าจะขนย้ายมา มันลำบากมากนะท่าน ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม แต่ว่ามันไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆนะครับ ถ้าเด็กๆเข้ามาใช้ศาลาแล้วเกิดมันรับน้ำหนักไม่ไหวขึ้นมาล่ะฮารีซัน พยายามชี้ถึงเหตุผล ไม่หรอก จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นได้ยังไง เด็กๆตัวเบาจะตาย ชายคนแรกส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ ใช่ๆ ไม่เห็นเคยมีเหตุการณ์อย่างนั้นมาก่อนในเผ่าของเราเลย ชายคนที่สองพยักหน้าสนับสนุน วูจินส่ายหน้าน้อยๆเดินยิ้มเข้ามาหาคนทั้งสาม คุยอะไรกันอยู่รึ? ท่านปู่ ท่านผู้เฒ่า คนทั้งสามกล่าวทัก โค้งคำนับผู้มาใหม่ เรากำลังคุยถึงเรื่องไม้พวกนี้ครับ ฮารีซันผายมือไปยังกองไม้ข้างๆ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:38:24 AM โอ้!! วูจินอุทานเสียงดังยกมือขึ้นนาบอก เมื่อคืนข้าเห็นนิมิตว่าบรรพบุรุษของเราสาปแช่งไม้เหล่านี้เพราะขึ้นมาตรงบริเวณที่มีคนตาย ถ้านำมันมาใช้จะต้องเกิดอาเพศ เด็กๆจะบาดเจ็บคนแล้วคนเล่า ทางแก้คือต้องนำไม้เนื้อแข็งที่อยู่ในเขตเผ่าเซนทอร์มาสร้างแทน แล้วพลังที่เข้มแข็งประดุจนักรบเซนทอร์จะปกป้องคุ้มครองเด็กๆให้ปลอดภัย
จริงรึครับท่านผู้เฒ่า นายช่างกล่าวอย่างตื่นตระหนก เร็วเข้ารีบขนไม้พวกนี้ออกไปไกลๆ เดี๋ยวเด็กๆจะถูกคำสาป ท่านวูจิน ท่านฮารีซัน ถ้าเช่นนั้นข้าจะเกณฑ์คนไปขอตัดไม้จากเผ่าเซนทอร์เดี๋ยวนี้เลยนะครับ เมื่อทุกคนไปแล้วฮารีซันก็ขมวดคิ้วแน่นกล่าวอย่างตื่นตะหนก เป็นความจริงหรือครับท่านปู่ เฮอะ เฮอะ วูจินหัวเราะเบาๆยกมือขึ้นตบไหล่หลานชาย ไม่จริงหรอก ฮารีซันเอ้ย อ้าว! แต่ท่านปู่เพิ่งพูด... ฮารีซันขมวดคิ้วงุนงง บางครั้งกับคนบางคนเราก็ใช้เหตุผลด้วยไม่ได้ อย่างพวกเมื่อกี้ที่เอาแต่มักง่ายชอบความสบายกลัวแต่จะต้องลำบากต้องเหนื่อย ก็จะมีเหตุผลสารพัดที่จะไม่ทำตาม ครั้นจะให้เราออกคำสั่งบังคับให้เด็ดขาดก็ไม่เหมาะไม่ควรนัก เราก็ต้องมีวิธีนิดหน่อยที่จะทำให้พวกเขาปฏิบัติตาม วูจินพูดยิ้มๆ ใช้นิ้วชี้เคาะเบาๆที่หน้าผากหลานชายสองสามที ผมจะจำไว้ครับท่านปู่ ฮารีซันตอบ มาเถอะ วันนี้คงไม่มีใครกลับมาที่นี่แล้ว ไปเดินตลาดกับปู่หน่อยเป็นไง ปู่ว่าจะไปหาวัตถุดิบทำยาเพิ่มอีกสักหน่อย ครับ ท่านปู่ ฮารีซันตอบรับอย่างกระตือรือร้น เมื่อไปถึงบริเวณตลาดทั้งสองก็เห็นกลุ่มชาวบ้านจับกลุ่มมุงกันอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งจำนวนเกือบสี่สิบคน ต่างส่งเสียงฮือฮาเจี๊ยวจ๊าวจนดังอึกทึก เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่แสนจะคุ้นเคย เอ๊า! จะฟังข่าวของข้าก็อย่าลืมอุดหนุนสินค้าของข้าด้วยนะ ก็อย่างที่ข้าบอกนั่นแหละ ตอนนี้อีกฝากหนึ่งของภูเขานะกำลังสู้กันดุเดือดเลย ทหารของทั้งสองฝ่ายนะสู้กันตายเป็นเบือ อ๊ะ!ตะเกียงอันนั้นข้าลดให้ครึ่งราคาเลย เสียงของโจซาน พ่อค้าช่างพูดที่กลับมาขายของที่ฟูดินันอีกแล้วนั่นเอง เขาเล่าข่าวสงครามไปพลางขายของไปพลางอย่างสนุกปาก กองทัพของอาณาจักรทางเหนือนะ มีแต่พวกแปลกประหลาด พวกเจ้าต้องไม่เชื่อสายตาตัวเองแน่ๆถ้าได้เห็น โอ๊ย...แน่นอนข้าเห็นมาด้วยตาตัวเองแล้ว โอโหย... ทหารของพวกนั่นนะมีแต่ผีดิบกับปีศาจเหมือนมาจากขุมนรกเลย พวกมันมีสามหัวแต่ละหัวนะกินม้าได้ทั้งตัวเลย ตัวของพวกมันก็สูงใหญ่กว่าต้นไม้เสียอีก แขนแต่ละข้างของมันนะทั้งยาวทั้งแหลมเหมือนเคียวยักษ์ที่สะกิดนิดเดียวหัวพวกเจ้าก็ขาดสะบัดเลย โจซานยิ่งเล่าก็ยิ่งสนุกปาก แต่งนู่นเสริมนี่ให้เรื่องดูน่าหวาดเสียวยิ่งขึ้น เสียงวี๊ดว๊ายอย่างหวาดกลัวของชาวบ้านยิ่งชวนให้บรรยากาศการซื้อขายคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเจ้าซื้ออันนั้นข้าแถมผ้าโพกหัวให้เจ้าด้วยนะ อ๋อ...ข้าเห็นได้ยังไงน่ะเหรอ ข้าแอบอยู่หลังก้อนหินใกล้ๆสนามรบน่ะสิ...ตรงทางผ่านประจำของข้าที่ใช้ข้ามเขามาฟูดินันนั่นแหละ นี่ข้าต้องเสี่ยงชีวิตอย่างมากเชียวนะกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ส่วนพวกฟีเลเซียก็เกณฑ์ไพร่พลครั้งใหญ่เลย ยอดนักรบจากทั้งอาณาจักรเป็นแสนๆนายกรีฑาทัพเข้าสู่สนามรบทั้งพลม้า พลมังกร พลทหารจนทั้งสนามรบมืดฟ้ามั่วดินไปหมด พนันได้เลยว่าพวกเจ้าต้องไม่เคยเห็นกองทัพนักรบที่ขี่ม้าบินแน่ๆ ข้าเห็นมาแล้ว โอโห..สง่างามมากๆ นี่ๆข้ามีตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปนักรบบนหลังเปกาซัสมาขายด้วย เนี่ยจากช่างฝีมือของฟีเลเซียเชียวนะ ไม่ซื้อให้ลูกๆของพวกเจ้าเล่นรึ? โจซาน หยิบตุ๊กตาไม้หลายสิบตัวออกจะย่ามที่วางอยู่ข้างตัว ซึ่งชาวฟูดินันต่างก็รีบหยิบฉวยแย่งกันเป็นเจ้าของกันใหญ่ ขายดีเชียวนะ โจซาน ตกลงว่าเจ้ามาขายของหรือ เจ้ามาโม้เรื่องสงครามกันฮึ? วูจินถามยิ้มๆ ขณะเดินฝ่ากลุ่มชาวบ้านเข้ามา บรรดาชาวบ้านต่างก็แหวกทางให้ท่านผู้เฒ่าและหัวหน้าเผ่าแต่โดยดี ฮา ฮา ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละขอรับ ท่านวูจิน โจซานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อวดฟันสีเหลืองที่เวลานี้มีฟันหายไปซี่หนึ่ง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 25, 2004, 04:39:39 AM งั้นเจ้าช่วยเล่าสถานการณ์ต่างๆให้ข้าฟังหน่อยสิ อ๋อ...ไม่ต้องโม้มากนะ เจ้าก็รู้ว่าถึงโม้ไปข้าก็ไม่เชื่อ เอาที่สำคัญๆก็พอ วูจินพูดดักคอยิ้มๆ ในขณะที่ฮารีซันพยายามกลั้นหัวเราะ
แหะ แหะ โจซานยิ้มแหยๆ ถามกลับ แล้วมันจะสนุกรึท่านผู้เฒ่า เฮอะ เฮอะ โจซาน ข้าอยากรู้ความเป็นไปของสงคราม ไม่ได้อยากฟังเรื่องสนุกตื่นเต้น วูจินยิ้มขันๆ ถ้าท่านว่าอย่างนั้น...ก็ได้!เอาแต่เรื่องหลักๆนะ โจซาน ขยับตัวไปมาพยายามนึกลำดับความเป็นไปต่างๆ โจซานเริ่มต้นเล่าตั้งแต่บริเวณที่สงครามเริ่มปะทุขึ้น การเสียเมืองหน้าด่านเมืองแล้วเมืองเล่าของฟีเลเซีย การปะทะกันของจอมทัพของทั้งสองอาณาจักร ระหว่างที่เล่านั้น ชาวฟูดินันทุกคนต่างเงียบกริบตั้งใจฟังชนิดที่เรียกว่าแทบไม่หายใจ มีเพียงเสียงกระแอมไอของวูจินที่ดังเป็นระยะๆเมื่อโจซานชักจะโม้ออกนอกเรื่อง ทันทีที่เล่าจบชาวฟูดินันต่างก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ ดีเหลือเกิน พวกมันเปลี่ยนใจไม่บุกพวกเราแล้ว ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น ขอบคุณท่านอิกดราซิล ที่คุ้มครองพวกเราและป่าให้ปลอดภัยยายแก่อีกคนพูดเสริม พวกเราปลอดภัยแล้ว ดีจังเลย พวกซาโลมเปลี่ยนไปบุกทางฟีเลเซียแล้ว หญิงสาวอีกคนหันไปพูดกับเพื่อนของตนก่อนจะโผกอดกันด้วยความยินดี มีเพียงแค่วูจิน และ ฮารีซันเท่านั้นที่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เจ้าคิดว่าอย่างไร ฮารีซัน ? วูจินถามเสียงเบา ผมไม่แน่ใจครับท่านปู่ แต่ว่าผมรู้สึกเป็นห่วงอย่างไรไม่รู้ ทำไมพวกซาโลมถึงเปลี่ยนใจง่ายดายนัก ตามที่รู้มาพวกซาโลมป่าเถื่อนไร้ความปราณี อยากจะได้เมืองไหนแคว้นไหนก็ต้องชิงเอามาให้ได้ พวกมันจะเลิกราจากฟูดินันง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ ฮารีซันคิดทบทวนข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับซาโลมเท่าที่ตนรู้ด้วยความสงสัย ปู่ก็ยังไม่อยากวางใจเหมือนกัน วูจินกวาดตามองบรรดาชาวบ้านที่กำลังโลดเต้นยินดีกับข่าวสงครามที่โจซานเล่า ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆพร้อมรอยยิ้มจางๆ มาเถอะ!เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะ ข้าไปล่ะ โจซาน อย่าพูดอะไรเกินจริงมากนักล่ะ วูจินกล่าว ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกันฮารีซัน ตกลงขอรับๆโจซานรับคำอย่างแข็งขัน ก่อนจะโบกมือลาบุคคลทั้งสอง ลาก่อนท่านวูจิน ท่านฮารีซัน... อ๊ะ! เจ้านี่ตาถึงจริงๆ เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่เจ้าเมืองโครีธาขายให้ข้าก่อนเมืองจะถูกบุกเพียงสามเท่านั้นนะ ข้าขายให้เจ้าราคาไม่...... เสียงโจซานที่ค่อยๆไกลออกไป ทำให้วูจินต้องถอนหายใจแรงๆและส่ายหน้ายิ้มขันๆอย่างเสียมิได้ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 28 กุศโลบาย @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:28:11 AM มาเม้ากันต่อที่นี่เลยคะ
http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=8391;start=0#lastPost |