Title: @@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:20:02 AM Chapter 27 นางฟ้าประทานพร ที่นอกเมืองฟีเลเซียเวลานี้คลาคร่ำไปด้วยกองทัพเรือนแสนที่ถูกเกณฑ์มาจากทั่วทุกสารทิศ ธงฟีเลเซียนับพันโบกสะบัดด้วยแรงลมพริ้วไสวเหนือกองทัพดูงามสง่ายิ่ง กองทัพประกอบไปด้วย พลธนูแห่งฟีเลเซียหนึ่งหมื่นนาย อัศวินเซนทอร์ห้าพันนาย นักรบมังกรสองพันนาย พลมังกรห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์หนึ่งพันนาย พลเปกาซัสห้าร้อยนาย อัศวินแห่งฟีเลเซียสองหมื่นสองพันนาย ผู้ฝึกมังกรหญิง(Felasia Dragoona)หนึ่งพันสองร้อยนาง จอมดาบแห่งฟีเลเซีย(Felasia Swordsmaster)ห้าพันนาย นักบวชหนึ่งหมื่นองค์ มังกรดิมมินูวเลี่ยนแปดร้อยตัว ซอร์กริฟฟินหนึ่งพันตัว กริฟฟินลมสีน้ำเงินหนึ่งพันตัว นกร็อคแดงสองพันตัว มังกรแวว์เวริ์นขน(Wool Wyvern)ห้าร้อยตัว ทหารฝีมือดีสองหมื่นนาย และทหารเลวอีกกว่าสี่หมื่นนาย นายทหารทุกนายต่างก็ยืนประจำที่ของตนด้วยใจฮึกเหิมสมภาคภูมิ ต่างพร้อมแล้วที่จะพลีชีพเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซีย ไม่มีสีหน้าประหวั่นหรือหวาดกลัวอย่างคนขี้ขลาดให้เห็นแม้แต่น้อย ซิกมันต์ที่3ในชุดเสื้อเกราะเต็มยศสีเขียวขลิบทองมันวาวยืนตระหง่านอยู่เหนือกำแพงเมืองเพื่อตรวจตราความพร้อมของกองทัพก่อนจะเคลื่อนพลสู่สมรภูมิรบ ไม่ไกลนักราชินีอลิเซีย เจ้าหญิงเรจิน่า และเกรเกอรี่กำลังเดินเข้ามาสมทบด้วย ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดเนื่องจากข่าวที่ฟอล์คเนอร์รายงานนั้นหนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเสียเมืองฟอร์เรนเชีย ข่าวกองทัพปีศาจของซาโลม หรือ ข่าวอาการบาดเจ็บปางตายของชาร์ล คราแลนซ์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของการรบในครั้งนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปทุกขณะ ราชินีอลิเซียทอดพระเนตรใบหน้าแข็งกร้าว เย่อหยิ่ง และ ถือตัวที่เพ่งมองไปยังทิศตะวันออกของลูกชายด้วยความกังวลยิ่ง แม่เป็นห่วงน้องของลูกเหลือเกิน เรจิน่า ขมวดคิ้วน้อยๆเหลือบมองมารดาด้วยความสงสัย ไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อเห็นสีหน้าวิตกกังวลของพระนาง อลิเซียหันไปหาลูกสาวกล่าวว่า แม่รู้จ๊ะว่าซิกมันต์มีฝีมือ ทั้งยังเก่งกล้าสามารถ อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถปกครองประเทศ และนำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ลูกดูสีหน้าและแววตาของเขาเวลานี้สิ หากอารมณ์อยู่เหนือสติก็ง่ายนักที่จะพลั้งพลาดได้ ไม่เป็นไรหรอกเพคะสมเด็จแม่ ท่านบิช็อปเกรเกอรี่ก็ไปด้วย ลูกเชื่อว่าท่านจะต้องสามารถเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำซิกมันต์ได้อย่างดี เรจิน่าปลอบมารดาและหันไปทางเกรเกอรี่เพื่อขอคำยืนยันด้วยอีกแรง พะย่ะค่ะ ตราบใดที่กระหม่อมอยู่เคียงข้างฝ่าบาท กระหม่อมจะให้คำปรึกษาและคอยแนะนำอย่างสุดความสามารถพะย่ะค่ะ เกรเกอรี่ให้คำมั่น เมื่อได้ยินดังนั้นราชินีอลิเซียจึงค่อยคลี่ยิ้มคลายความวิตกลงได้ ครั้นทั้งสามเดินเข้าไปใกล้ซิกมันต์ กษัตริย์หนุ่มจึงค่อยหันมา ก่อนจะค้อมตัวเล็กน้อยให้แก่มารดา สีหน้าของเขายังคงแข็งกร้าวและเคร่งเครียด มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่เหยียดขึ้นน้อยๆคล้ายจะยิ้มให้มารดา สมเด็จแม่ ท่านพี่ ท่านบิช็อป ซิกมันต์เอ่ยทัก เตรียมการไปถึงไหนแล้วจ๊ะ อลิเซียถามอย่างรักใคร่ เราพร้อมจะเคลื่อนทัพในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้วพะย่ะค่ะ ซิกมันต์ตอบเสียงเรียบ ระวังตัวนะลูก ซิกมันต์พยักหน้ารับคำ ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงหงุดหงิด หม่อมฉันยังสงสัยว่าทำไมชาร์ลถึงเสียท่าพวกมันได้ ซิกมันต์ อย่าประมาทเพราะเห็นว่าเป็นพวกคนเถื่อนล้าหลัง ถ้าสามารถทำให้ชาร์ลถึงขนาดบาดเจ็บปางตายได้แสดงว่าฝีมือของพวกนั้นก็ไม่ใช่กระจอกเลย เรจิน่ากล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง ซิกมันต์เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นกว่าเดิม ท่านพี่หมายความว่าพวกเราชาวฟีเลเซียฝีมือด้อยกว่าไอ้พวกนอกรีตนั่นหรือไง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:21:32 AM พี่ไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย พี่พูดเพราะเป็นห่วงน้องต่างหากล่ะ อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิจ๊ะ เรจิน่ากล่าวอย่างอดทน
ซิกมันต์ได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการประหม่าขึ้นเล็กน้อย เขาลังเลที่จะกล่าวอะไรสักอย่างกับพี่สาวแต่ก็เงียบลงเสีย ซึ่งเรจิน่ารู้ดีว่าน้องชายของเธอเสียใจที่ตีความหมายของเธอไปเช่นนั้น แต่เขาก็เย่อหยิ่งเกินกว่าจะเอ่ยขออภัยต่อเธอได้ เสียงแตรก้านยาวดังขึ้นเป็นสัญญาให้รู้ว่ากองทัพพร้อมที่จะเคลื่อนพล ซิกมันต์จึงค่อยผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวเพื่อที่จะกล่าวปราศรัยกับเหล่าทหารหาญ ฟีเลเซีย! วันนี้จะเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของพวกท่าน พวกท่านคือผู้ที่จะนำเกียรติยศและศักดิ์ศรีอันสูงส่งกลับคืนสู่อาณาจักรฟีเลเซียของพวกเรา วันนี้เราจะสั่งสอนไอ้พวกนอกรีตให้ต้องจดจำไปชั่วลูกชั่วหลานที่บังอาจมาหยาบเกียรติแห่งฟีเลเซีย!! เพื่อเกียรติยศแห่งฟีเลเซีย สิ้นคำกษัตริย์หนุ่มเสียงกู่ร้องขานรับจากเหล่าทหารหาญก็ดังสนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เพื่อศักดิ์ศรีแห่งสายลมศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเกียรติ์แห่งฟีเลเซีย!! ซิกมันต์ยืดอกขึ้นหันกลับมายิ้มอย่างภาคภูมิให้มารดา พี่สาว และ ท่านบิช็อป ซึ่งทั้งสามก็กำลังยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่เช่นกัน กองทัพที่มีเกียรติ กล้าหาญ และ เก่งกาจเบื้องหน้าคือความภาคภูมิใจแห่งฟีเลเซีย กษัตริย์หนุ่มขยับเข้าไปสวมกอดมารดาและพี่สาวเพื่อร่ำลา ซึ่งเขาก็ได้รับการสวมกอดตอบด้วยความรักใคร่ ขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับลูกเสมอจ๊ะ ราชินีอลิเซียยิ้ม กล่าวอย่างห่วงใย ขอบพระทัยสมเด็จแม่ ขอพระเจ้าทรงกางพระหัตถ์ปกป้องน้องจากภยันตรายทั้งปวงจ๊ะ เรจิน่ายิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน จึงทำให้ซิกมันต์ค่อยๆคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเม้มปากกลั้นรอยยิ้มไว้ เรจิน่ายิ้มกว้างขึ้นทันที พวกทหารข้างล่างเขาไม่เห็นหรอกว่าน้องยิ้มให้พี่ น้องจะอายทำไม ซิกมันต์หลบสายตาเหลือบมองทหารเบื้องล่าง ข้าไม่ได้อายเสียหน่อย มันไม่เหมาะสมต่างหาก เขาเหลือบไปมองท่านบิช็อปที่ยืนห่างออกไปอีกครั้งอย่างระวังระไว แม้ท่านบิช็อปอาจจะได้ยินคำสนทนาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆทางสีหน้าแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ทำให้ซิกมันต์ค่อยคลายความตระหนกลงได้ จ๊ะ ไม่เหมาะสมก็ไม่เหมาะสม เรจิน่ายังคงยิ้มอยู่ ซิกมันต์ถอนหายใจเล็กน้อยซึ่งดูเหมือนเขาจะยอมรับในคำพูดของเรจิน่าในที่สุด เขาเหลือบไปมองอาณาจักรฟีเลซียอีกครั้งก่อนจะไล่สายตามองทางมารดาของตน เขาเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังมากยิ่งขึ้น กล่าวเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทุกถ้อยคำ นัตน์ตาสีฟ้าอมเทาฉายแววแห่งความเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวพี่สาวอย่างชัดเจน ข้าฝากทางนี้ด้วยนะท่านพี่ เรจิน่ายิ้มกว้างอีกครั้ง ขอบใจในความไว้วางใจที่น้องมีต่อตัวเธอก่อนจะพยักหน้ารับคำ ได้เวลาแล้วพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท บิช็อปเกรเกอรี่เขยิบเข้ามาใกล้กระซิบเสียงเบา กษัตริย์หนุ่มพยักหน้ารับรู้ กล่าวแก่สตรีทั้งสอง รักษาตัวด้วย สมเด็จแม่ ท่านพี่ แล้วจึงผงกศีรษะเป็นสัญญาณแก่มหาดเล็ก มหาดเล็กก็รีบเป่าแตรสัญญาณทันที ฉับพลันนั้นเอง เสียงขานรับของม้าหนุ่มก็ดังก้องกังวานจากเบื้องบน แกรนด์ ฮิลล์ เปกาซัส (Grand Hill Pegasus)สีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ก็โผบินวนเหนือกำแพงเมืองหนึ่งรอบก่อนจะค่อยๆร่อนลงเคียงข้างกษัตริย์ซิกมันต์อย่างสง่างาม บนตัวของมันครบครันไปด้วยชุดศึกสีเขียวเข้มขลิบทองมันวาวไม่ต่างจากนายของมัน ทั้งสนับขา เกราะอก และ หมวกเกราะที่ถูกขัดจนมันวาว รูปร่างที่ใหญ่โตของมันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ปีกแข็งแรงทั้งสองข้างแผ่กางกระพืออวดความแข็งแกร่ง ท่วงท่าการเยื้องย่างที่ถูกฝึกมาอย่างดีนั้นสง่างามสมกับเป็นพาหนะคู่บารมีของกษัตริย์แห่งฟีเลเซีย ซิกมันต์เหวี่ยงตัวขึ้นทรงบนหลังแกรนด์ฮิลล์เปกาซัสอย่างองอาจก่อนจะชักม้าบินทะยานขึ้นเหนือกองทัพแห่งฟีเลเซียท่มกลางเสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิมและวาวตาแห่งความชื่นชมในองค์กษัตริย์ของพวกเขา รักษาตัวด้วยนะท่านบิช็อป ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน พระราชินีอลิเซียหันไปกล่าวกับเกรเกอรี่ ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่านนะค่ะ เจ้าหญิงเรจิน่ากล่าวโค้งให้บิช็อปเกรเกอรี่ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองฟีเลเซีย เกรเกอรี่กล่าว แล้วจึงเหลือบไปเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองเข้า ซึ่งเขารู้ดีว่าทั้งสองยังคงกังวลถึงนิมิตของเขาในคืนนั้นอยู่จึงได้กล่าวสำทับว่า พระเจ้าจะไม่มีวันทอดทิ้งลูกๆของพระองค์ ขอฝ่าบาททั้งสองทรงวางพระทัย Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:22:47 AM คำกล่าวนั้นทำให้สตรีทั้งสองค่อยคลายกังวลลงได้บ้าง บิช็อปหนุ่มจึงโค้งให้ทั้งสองก่อนจะหมุนตัวลงบันไดที่พาออกนอกกำแพงเมือง ณ ที่นั่นรถลากสีขาวขลิบทองเทียมด้วยม้าสีขาวปรอดสี่ตัวรอคอยท่าอยู่แล้ว เกรเกอรี่ก้าวขึ้นนั่งบนรถด้วยกริยาท่าทางสงบเสงี่ยมสำรวม
เมื่อทุกฝ่ายเข้าประจำที่ของตนแล้วเสียงแตรก้านยาวก็ดังกระหึ่มกึงก้อง กองทัพอันเกรียงไกรแห่งฟีเลเซียก็เคลื่อนพลมุ่งสู่เมืองเอรีมทันที นักบวชจากวิหารต่างๆทั่วฟีเลเซียกว่าห้าพันรูปเดินนำขบวนส่งเหล่ากองทัพผู้กล้าสู่สนามรบอย่างศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนชาวฟีเลเซียต่างโบกธงบ้าง ผ้าขาวบ้าง ทั้งยังโปรยดอกไม้เพื่อเป็นเกียรติและอวยพรเหล่าทหารหาญ ซิกมันต์นำทัพเปกาซัสและทัพมังกรโจนทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้าฟีเลเซีย แสงแดดยามเช้าสาดส่องกระทบเสื้อเกราะของเหล่าทหารทั้งบนพื้นดินและบนอากาศทำให้เกิดประกายเจิดจ้าระยิบระยับไปทั้งกองทัพจนดูราวกับว่าพวกเขาเหล่านั้นคือกองทัพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก็ไม่ปาน ณ กระโจมใหญ่ภายในค่ายทหารซาโลม กษัตริย์แห่งซาโลมกำลังประทับบนเบาะทรงกลมสีแดงใบใหญ่ในมือก็หมุนแก้วสุราไปมา ทว่าสายตาที่แข็งกร้าวกลับจับจ้องไปที่กระถางคบเพลิงที่ตั้งอยู่ใกล้ๆด้วยความรู้สึกรอนใจ หงุดหงิด และ ขัดเคือง ประสมปนเปจนเหล่าแม่ทัพนายกองต่างพาการอึดอัด และอยู่ไม่เป็นสุขนัก ครั้นเมื่อบลาส เซจ และจอมเวทย์ดำแหวกม่านเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าองค์กษัตริย์แล้ว ซาดินจึงค่อยเหลือบตากลับมายังบุคคลทั้งสอง เป็นยังไง? ซาดินถามด้วยน้ำเสียงที่ข่มความเกรี้ยวกราดไว้ไม่มิด ทูลฝ่าบาท ร่างกายของแม่ทัพใหญ่แม้อวัยวะภายในจะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก แต่ก็เสียเลือดไปมากจากบาดแผลภายนอก หลายแห่งลึกมากจนทำให้ยากแกการสมานแผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดแผลที่ช่วงท้องนั้นกว้างมาก คงต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัว กระหม่อมเห็นว่าเราควรจะหยุดตรึงกำลังไว้... เพล้ง!! ซาดินใบหน้าถตัวเองทึงเขวี้ยงแก้วเหล้าใส่กระถางคบเพลิงใกล้ๆนั้นจนเปลวไฟลุกพรึบขึ้นมาอย่างน่ากลัว ทำเอาเหล่านายทหารต่างสะดุ้งกันโหยง แม้แต่บลาส เซจเองก็ยังผงะไปกับอารมณ์ที่ระเบิดขึ้นของกษัตริย์แห่งซาโลม งี่เง่าที่สุด! บ้าสิ้นดี! ไม่ได้ดั่งใจข้าสักคน ซาดินระเบิดคำพูดอย่างหัวเสีย ฝ่าบาท... บลาส เซจ เอ่ยขึ้น น้ำเสียงไม่มั่นคงนัก อะไร! ซาดินกระแทกเสียงตอบ บลาส เซจ เงียบไปครู่หนึ่งเพื่อปรับน้ำเสียงและอารมณ์ให้มั่นคงขึ้น ก่อนจะแจ้งข่าวที่จะเป็นเชื้อฟื้นชั้นดีให้กับเพลิงแห่งอารมณ์ให้กับชายผู้อยู่เบื้องหน้าของตน กองทัพหลวงแห่งฟีเลเซียกำลังเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่เมืองเอรีมแล้วพะย่ะค่ะ กองทัพคราวนี้กำลังพลมากเป็นเรือนแสน นำทัพโดยกษัตริย์ซิกมันต์ที่3 และ บิช็อปเกรเกอรี่ จากที่สายรายงานมา กองทัพประกอบไปด้วยนักบวช อัศวิน ทัพเปกาซัส นักแม่นธนู นักดาบ ทัพนก และ ทัพมังกรมากมาย โดยเฉพาะทัพมังกรนั้นนับได้หลายพันตัวทีเดียว กระหม่อมคาดว่ากองทัพคงจะเข้าเขตเมืองในวันVentusที่จะถึงนี้พะย่ะค่ะ ปัดโธ่เว๊ย! ซาดินสบถอย่างขุ่นเคืองก่อนจะคว้าเหยือกเหล้าเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรง อีกสี่วันจะไปเตรียมการทันได้ยังไง ราโชยูก็บาดเจ็บ เนอริมอร์ก็ยังไม่ถึงกำหนดกลับ แล้วมังกรตั้งมากมายขนาดนั้น...มันไปหามังกรมาจากไหนของมันนะ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:23:53 AM ฝ่าบาท ที่ฟีเลเซียมีมังกรมากมายขนาดนี้ก็เพราะว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับมังกรมาก ถือว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์มีเกียรติถึงขนาดว่าห้ามนักรบหญิงขี่มังกรที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โดยเด็ดขาด แม้แต่ผู้ฝึกมังกรหญิงก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่มังกร เช่นเดียวกับที่นักรบชายที่จะไม่สามารถขี่ยูนิคอร์น(Unicorn)นั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงมังกรโดยเฉพาะเพื่อเฟ้นหามังกรลักษณะดีมาใช้ในกองทัพ แบล็ค ไวเซอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เฮอะ! ไร้สาระ อารมณ์ของซาดินยังคงครุกรุ่น แล้วนี้เราจะวางแผนรับมืออย่างไรดี ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าทางฝ่ายฟีเลเซียเองก็คงยังไม่ทำอะไรมาก เพราะแม่ทัพฝ่ายนั้นเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ทัพของฝ่ายเราเสียอีก กระหม่อมเห็นว่าเราควรจะรอเวลาอีกสักหน่อย นี่ก็ใกล้จะครบกำหนดที่พระนางเนอริมอร์จะต้องเสด็จกลับแล้ว คงไม่เกินต้นเดือนJamestonaresนี้ ระหว่างนั้นกระหม่อมเชื่อว่าร่างกายของราโชยูคงฟื้นกำลังเต็มที่แล้ว เวลานี้เราเพียงแต่ตรึงกำลังรักษาดินแดนที่เราตีได้ให้ปลอดภัยก็เพียงพอแล้วพะย่ะค่ะ บลาส เซจออกความเห็น เจ้าจะแน่ใจได้อย่างว่าพวกมันจะไม่คิดตีเมืองกลับในทันที ซาดินตั้งข้อสงสัย กำลังสำคัญของฟีเลเซียอย่าง ชาร์ล คลาแรนซ์ ได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนั้น และยังกองทัพทหารผีดิบของซาโลมที่บุกทลายเมืองฟอร์เรนเชียจนราบเป็นหน้ากลอง นั่นคงจะมีผลต่อการตัดสินใจของฝ่ายฟีเลเซียไม่น้อย ฟีเลเซียน่าจะใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์และวางแผนอีกระยะหนึ่ง พร้อมทั้งเร่งเสริมกำแพงเมืองให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งยังต้องถ่วงเวลาเพื่อให้แม่ทัพคลาแรนซ์ฟื้นตัวด้วย กระหม่อมคาดว่าฟีเลเซียน่าจะเริ่มลงโจมตีใกล้ๆกับเวลาที่พระนางเนอริมอร์จะกลับมาเช่นกันพะย่ะค่ะ อุปราชเฒ่ายังคงใช้ความคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไป ระหว่างนั้นเราก็เร่งสร้างกองทัพผีดิบให้มากขึ้น หลังจากการรบที่เมืองฟอร์เรนเชียทำให้เรามีวัตถุดิบในการทำทหารผีอย่างเหลือเฟือ ดังนั้นการที่เรารอเวลาอีกสักหน่อยกระหม่อมว่ามันก็คุ้มค่าแก่การรอคอยนะพะย่ะค่ะ เวลานี้ซาดินเริ่มอารมณ์เย็นลงบ้างเมื่อได้ฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ของอุปราชเฒ่า ถ้าเช่นนั้น เมื่อเนอริมอร์กลับมาแล้วเจ้าคิดว่าการบุกโจมตีของฝ่ายเราควรเป็นอย่างไร เวลานี้เราก็ตีเมืองเข้ามาได้ลึกพอสมควรแล้ว อีกทั้งทหารจากเมืองต่างๆก็ถูกเกณฑ์เข้าร่วมการทัพใหญ่ของฟีเลเซียจนเกือบหมด กระหม่อมจึงมีความเห็นว่าเมื่อพระนางเนอริมอร์กลับมา เราจะแบ่งกำลังเป็นสามส่วนแล้วบุกโจมตีสามเมืองพร้อมๆกัน พวกมันคงคิดไม่ถึงว่าเราจะเริ่มบุกตีเป็นหน้ากระดานทำให้พวกมันต้องรีบแบ่งกองทัพออกเป็นสามทัพเพื่อรับมือกองทัพของพระองค์ ซึ่งนั่นทำให้กองทัพฟีเลเซียมีพิษสงน้อยลงพะย่ะค่ะ บลาส เซจกล่าว ยิ้มเหี้ยมเกรียม ซาดินพยักหน้าน้อย สีหน้าบ่งบอกถึงความพึงพอใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา ดี ไปเตรียมการได้ หวังว่าคราวนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดอีกนะ รับด้วยเกล้า พะย่ะค่ะ บลาส เซจกล่าวอย่างหนักแน่น ครั้นเมื่อล่วงเข้าเช้าวันVentusที่19 กองทัพอันเกรียงไกรแห่งฟีเลเซียก็เคลื่อนมาถึงเมืองเอรีมท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีจากบรรดาทหารและชาวเมืองเอรีม ขวัญและกำลังใจของชาวเมืองเต็มล้นปรี่ กษัตริย์ซิกมันต์บนหลังอาชาบินควบทะยานนำกองทัพเข้าประตูเมืองอย่างองอาจสง่างาม เสียงแตรก้านยาวแผดผสานดังสนั่น เจ้าเมืองเอรีมและเหล่าข้าราชบริพารชั้นสูงต่างออกมาถวายการต้อนรับอย่างสมเกียรติ เมื่อกษัตริย์ซิกมันต์ที่3 และ บิช็อปเกรเกอรี่ลงจากพาหนะของตนแล้ว ทั้งสองก็รีบรุดไปดูอาการของแม่ทัพใหญ่แห่งฟีเลเซียทันที ภายในห้องพักของแม่ทัพ ชาร์ล คลาแรนซ์ ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองสีหน้าเคร่งเครียดยืนมองบรรดานักบวชผู้มีพลังรักษานับสิบองค์รายล้อมอยู่รอบเตียงของแม่ทัพใหญ่ ทุกองค์มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด แสงสีขาวเรืองรองที่ถูกปล่อยออกมาจากมือของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์อาบทั่วร่างของแม่ทัพหนุ่มจนดูเหมือนว่าทั้งเส้นผมและผิวกายถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แม้เลือดจากบาดแผลต่างๆหยุดไหลแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าระบบการทำงานต่างๆภายในร่างกายยังคงน่าวิตกอย่างยิ่ง อกกำยำที่สะท้อนขึ้นลงตามการหายใจดูไม่เป็นจังหวะราวกับหายใจไม่สะดวก เสียงหายใจดังฟืดฟาดอย่างน่ากลัว ทั้งยังมีเสียงคำรามในลำคอเพราะความเจ็บปวดเป็นระยะๆ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:25:07 AM หัวหน้านักบวชสูงวัยผู้ดูแลการรักษาจอมทัพแห่งฟีเลเซียก้าวเข้ามาทำความเคารพบุคคลทั้งสองก่อน ใบหน้ายังคงซีดเซียวและขอบตำดำคล้ำ เขากล่าวรายงานเสียงอ่อน
ท่านแม่ทัพร่างกายบอบช้ำมากพะย่ะค่ะ อวัยวะภายในถูกทำลายไปหลายส่วน ทั้งยังโดนไอปีศาจด้วยจึงทำให้การรักษานั้นยุ่งยากและลำบากกว่าปกติหลายเท่านักพะย่ะค่ะ จะหายเป็นปกติไหม? ซิกมันต์กล่าวเสียงเครียด กระหม่อมจะพยายามสุดความสามารถพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมิต้องทรงกังวล กระหม่อมจัดนักบวชผู้มีพลังรักษาพลัดเปลี่ยนเวรยามกันตลอดทั้งกลางวันกลางคืน คาดว่าอีกไม่กี่วันท่านแม่ทัพก็คงจะได้สติ ทั้งท่านแม่ทัพเองก็มีพลังชีวิตที่น่าทึ่งแม้โดนทำร้ายบาดเจ็บทั้งขนาดนี้แต่ก็ยังรอดมาได้ กระหม่อมเชื่อว่าท่านจะต้องฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็วหลังได้สติแล้ว หัวหน้านักบวชออกความเห็น ซึ่งทั้งซิกมันต์และเกรเกอรี่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย พวกท่านคงเหนื่อยกันมาก เราจะอธิษฐานขอพรเพื่อเสริมกำลังให้พวกท่าน ขอเชิญหยุดมือสักครู่เพื่อเราจะได้ภาวนาร่วมกันเถิดนะ เกรเกอรี่กล่าวเชื้อเชิญบรรดานักบวช ซึ่งทุกคนต่างก็ยินดีที่ประมุขแห่งศาสนจักรฟีเลเซียจะนำอธิษฐานขอพรให้พวกเขา เมื่อทุกคนพร้อมแล้วเกรเกอรี่ก็ยกมือทั้งสองขึ้นสู่เบื้องบน สายตามองทอดขึ้นไปไกลจนดูราวกับว่าทะลุไปถึงสรวงสวรรค์ และเริ่มต้นอธิษฐาน ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ขอพระองค์โปรดทอดพระเนตรมายังเหล่าข้ารับใช้ของพระองค์ผู้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบอย่างดีเหล่านี้ด้วยเถิด ขอพระองคืโปรดขจัดปัดเป่าความเหนื่อยล้าไปจากพวกเขา เสริมกำลังกายกำลังใจให้พวกเขาเข้มแข็งเพื่อมีแรงในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังบาดเจ็บและรอการรักษาจากพวกเขาอีกมากมาย ขอพระองค์โปรดเมตตาพวกลูกด้วยเถิด ฉับพลันนั้นก็ราวกับคำอธิษฐานของเกรเกอรี่ได้รับการตอบรับจากสวรรค์เบื้องบน เมื่อจู่ๆก็มีแสงสว่างสีขาวนวลสว่างวาวทะลุลงมาจากเพดานอาบร่างทุกคนในห้อง นักบวชองค์หนึ่งก็ร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้น พระเจ้าข้า พระองค์ทรงส่งนางฟ้าอเลซซานดร้า(Alessandra, the Angel of Blessing) มาอวยพรพวกเรา ทุกคนต่างก็มอบลงกราบจรดพื้นขอบพระคุณในพระเมตตาของพระเจ้าอย่างยินดี ทั้งพยายามมองหาทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยความตื่นเต้นไม่เว้นแม้แต่ซิกมันต์เองก็อดมองหานางฟ้าแห่งการอวยพรไม่ได้เช่นกัน เมื่อแสงสีขาวค่อยๆจางไปทุกคนก็รีบถามไถ่ถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทันที ทว่ามีเพียงบางคนเท่านั้นที่เห็นนางฟ้าอเลซซานดร้า นอกนั้นเห็นแค่เพียงแสงสีขาวนวลที่ฉายลงมาเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ทุกคนก็ได้รับพระพรจากการอวยพรของนางฟ้าเต็มเปี่ยม ความเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าหายไปแทบจะปลิดทิ้ง สีหน้าของทุกคนสดใสกระปรี่กระเปรา ซึ่งแม้แต่ชาร์ล คราแลนซ์เองก็ยังดูมีสีเลือดฝาดขึ้นไม่ซีดเซียวเหมือนทีแรก ทุกคนจึงต่างร้องสรรเสริญพระเจ้าอย่างยินดี กล่าวขอบคุณเกรเกอรี่ก่อนจะกลับไปรักษาแม่ทัพต่อ ขอบพระคุณท่านบิชอปเหลือเกินที่กรุณาขอพรให้กับพวกเรา หัวหน้านักบวชกล่าวอย่างตื้นตันใจ พวกท่านต้องเหนื่อยตรากตรำดูแลรักษาเหล่าทหารจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว น้ำใจดีของพวกท่านพระเจ้าทรงทอดพระเนตรตลอด ดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งทูตสวรรค์ลงมาอวยพรพวกท่านทันทีที่เราอธิษฐานวอนขอ นี่ไม่ใช่เพราะความดีของเราเลย แต่เป็นเพราะความดีและการเสียสละของพวกท่านต่างหาก พระองค์จึงสดับฟังคำวอนขอ เกรเกอรี่กล่าวอย่างชื่นชมบรรดานักบวช ซึ่งก็ทำให้เหล่านักบวชหัวใจพองโตด้วยความปลื้มปิติ ท่านบิชอป เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปดูแลการรักษาต่อเพื่อไม่ให้เสียชื่อที่ท่านบิชอปอุตส่าห์ชื่นชมเช่นนี้ หัวหน้านักบวชกล่าวอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังคงยิ้มอย่างปลาบปลื้ม คำนับองค์กษัตริย์และบิชอปก่อนจะเดินกลับไปทำการรักษาต่อ เกรเกอรี่จึงยิ้มตอบขอบใจ ก่อนจะหันไปหาองค์กษัตริย์ ฝ่าบาท เกรเกอรี่เอ่ยขึ้น เวลานี้พวกเราอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ กระหม่อมว่าเราไปวางแผนเตรียมรับมือพวกซาโลมกันจะดีกว่า ซิกมันต์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงหันไปมองอาการแม่ทัพอีกครั้งก่อนนะเดินนำออกจากห้องไป เมื่อออกมานอกห้องแล้วซิกมันต์ก็อดไม่ได้ที่จะถามเกรเกอรี่ด้วยความสงสัย ท่านอัญเชิญทูตสวรรค์ลงมาอย่างนั้นรึ? มิได้ฝ่าบาท พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ลงมาด้วยพระทัยเมตตา กระหม่อมแค่ทูลขอพระเมตตาจากพระองค์เท่านั้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on July 22, 2004, 03:26:12 AM ถ้าพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ลงมา แล้วทำไมข้าถึงมองไม่เห็นล่ะ แม้แต่พวกนักบวชเองก็มีแค่บางคนเท่านั้นที่เห็น
ฝ่าบาทพระพรของพระเจ้าที่ทรงประทานให้มนุษย์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน พระพรแต่ละอย่างก็เหมาะสมกับคนๆนั้น การมองเห็นเทวดานางฟ้าก็เป็นพระพรอย่างหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มองไม่เห็นจะไม่ได้พระพรของพระเจ้าแต่อย่างใด แล้วทำไมพระเจ้าจึงไม่ให้พระพรที่เหมือนๆกันกับทุกคนเล่า เพื่อจะได้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย อย่างนั้นไม่ดีกว่ารึ พระเจ้าทรงยุติธรรมและทรงหยั่งรู้ถึงก้นบึ่งแห่งจิตใจมนุษย์อีกด้วย ทรงรู้ว่าพระพรใดที่เหมาะสมกับเรา ทรงรู้ว่าใครจะนำพระพรที่ประทานให้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ยิ่งเราใช้พระพรนั้นให้เกิดประโยชน์มากขึ้นเท่าไหร่พระองค์ก็จะยิ่งประทานให้เรามากขึ้น แต่ถ้าหากเราได้เพระพรมาแล้วแต่เรากลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ พระองค์ก็จะทรงริบเอาคืนไปเสีย ในขณะเดียวกันถ้าพระองค์ประทานให้เหมือนกันหมด เท่ากันหมดโลกเราคงวุ่นวายน่าดูเหมือนกัน วุ่นวายอย่างนั้นรึ ข้าว่าไม่เท่ากันนี่แหละวุ่นวาย ทำให้คนอิจฉาริษยากัน เกิดความไม่พอใจกันก็เพราะความไม่เท่าเทียมกันไม่ใช่รึ ฝ่าบาทลองพิจารณาดูเอาเถิด หากสมมุติว่าทุกคนเก่งในด้านการสู้รบเหมือนกันหมดแล้วไม่มีใครเก่งด้วยการรักษา เมื่อบาดเจ็บมาจะรักษากันอย่างไร หรือถ้าทุกคนเก่งด้านการรักษากันหมดแล้วเช่นนั้นใครจะป้องกันราชอาณาจักรเวลาศัตรูมารุกรานเช่นในยามนี้เล่า ก็จริงของท่าน เอาเถอะ เราคุยกันนอกเรื่องมานานแล้ว ข้าว่าเรารีบไปหารือเรื่องวางแผนรับมือพวกศัตรูกันดีกว่า ข้าอยากรู้รายละเอียดต่างๆของฝ่ายนั้นเพิ่มเติมด้วย พะย่ะค่ะ เมื่อเกรเกอรี่กล่าวรับคำ ซิกมันต์ก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปยังที่ประชุมอย่างรวดเร็ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 27 นางฟ้าประทานพร @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:27:30 AM มาเม้ากันที่นี่เลยจ๊ะ
http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=7245;start=0#lastPost |