Title: @@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 27, 2004, 04:10:19 AM Chapter 24 เคียวปีศาจ บริเวณที่ราบรกร้างนอกเขตเมืองฟอร์เรนเชียเวลานี้คลาคร่ำไปด้วยพลรบของกองทัพเพลิงทมิฬ ประกอบไปด้วยนักรบเพลิงมารสองพันนาย กองกำลังนกโมฮาห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์แห่งซาโลมสามร้อยนาย สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound)หกร้อยตัว สุนัขป่าสองหาง (Two Tails Hell Hound)สามร้อยตัว กริฟฟินดำ(Black night Griffin)ห้าร้อยตัว มือเพชฌฆาตแห่งซาโลมห้าร้อยนาย มังกรดำโนฟโฮทิออนสิบตัว ทหารฝีมือดีหนึ่งหมื่นนาย และทหารชั้นเลวอีกหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ราโชยูนั้นนั่งอยู่ในเพิงพลขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆจากต้นไม้ที่หาได้ในบริเวณนั้น เพิงนั้นตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งแม่ทัพใหญ่สามารถมองสอดส่องและสั่งการทัพได้อย่างทั่วถึง แสงทองของรุ่งอรุณที่จับอยู่ตรงเส้นขอบฟ้านั้นสร้างความหงุดหงิดในใจให้กับแม่ทัพทมิฬที่รอคอยการมาของทัพฟีเลเซียอยู่ไม่น้อย เหล่าทหารแห่งซาโลมที่ตั้งขบวนทัพเป็นทิวแถวต่างก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เนินสูงสุดเขตที่ราบอีกฟากหนึ่งอันเป็นจุดที่ทัพฟีเลเซียจะต้องเคลื่อนทัพมาประจัญกับพวกตน ทั่วทั้งท้องทุ่งนั้นนิ่งสงัดแม้ว่าจะมีทหารนับหมื่นนายประจำการอยู่ทว่ากลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ แม้แต่นกหรือแมลงที่เคยออกมากินน้ำค้างยอดหญ้าในยามเช้า มาวันนี้ก็กลับเงียบงัน ไม่นานนักทั่วทั้งท้องทุ่งราบก็เริ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆที่เกิดขึ้น ก้อนกรวดเล็กๆตามพื้นนั้นสั่นตามแรงสะเทือนจนดูราวกับกำลังเริงระบำ พลันเหล่าทหารก็ได้ยินเสียงควบของม้านับหมื่นที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจากที่ใดที่หนึ่งของทุ่งราบ เสียงแตรก้านยาวหลายร้อยคันดังประสานกังวานจนสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ฝูงสุนัขศึกต่างเริ่มส่งเสียงขู่คำรามไปยังทิศทางเบื้องหน้า แม่ทัพทมิฬยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พลกลอง เสียงกลองก็ดังกระหึ่มระรั่วก้องเพื่อปลุกใจเหล่านักรบเพลิงให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น S ชาร์ล คลาแรนซ์ กระชับสายบังเหียนแน่นควบรถศึกขึ้นเนินสูงมุ่งหน้าสู่ที่ราบกว้างอันเป็นที่ตั้งมั่นของกองทัพซาโลม เสียงกลองและเสียงโห่ร้องของทัพซาโลมดังสนั่นลั่นทุ่ง แม่ทัพหนุ่มควบรถม้าของตนทะยานขึ้นสู่ยอดเนินก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ แสงจากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะเคลื่อนโผล่พ้นเส้นขอบภูเขาสะท้อนกับชุดเกราะสีเงินจนเกิดประกายเจิดจ้า ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ต้องลมโบกสะบัดจนดูเหมือนว่าเขามีปีกสีน้ำเงินขนาดใหญ่โอบรอบปกป้องเขาอยู่ การปรากฏตัวของแม่ทัพแห่งฟีเลเซียทำให้ทั่วทั้งท้องทุ่งเกิดความเงียบไปชั่วขณะเลยทีเดียว ชาร์ลกวาดสายตาประเมินกองทัพข้าศึกอย่างรวดเร็ว และทันทีที่แม่ทัพใหญ่ตวัดมือลงลูกธนูนับพันดอกก็ถูกยิงข้ามเนินสูงใส่ทัพหน้าของซาโลมดั่งห่าฝน เสียงดีดของสายเอ็นและเสียงลูกธนูที่ว่ายแหวกอากาศครั้งแล้วครั้งเล่านั้นไม่ต่างกับเสียงเพลงแห่งความตายที่บรรเลงเพื่อประหัตประหารศัตรู ทัพหน้าของซาโลมที่มั่วแต่ตกตะลึงต่างก็วิ่งหลบพลางใช้อาวุธและโล่ปัดป้องฝนธนูเป็นพัลวัน บ้างก็วิ่งหลบฝนธนูจนชนกันล้มลุกคลุกคลาน บ้างก็ถูกลูกธนูล้มตายเสียก็มาก เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นว่าทัพหน้าของซาโลมเริ่มระส่ำระสายจนไม่เป็นขบวนแล้วจึงได้ให้สัญญาณอีกครั้ง ฝูงนกซอร์วิง ซอร์กริฟฟิน และ นกร็อคแดงก็โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนด้วยความเร็วสูงก่อนจะพุ่งตัวลงจิกทึ้งเหล่าทหารซาโลมและฝูงสุนัขศึกอย่างเต็มกำลัง บ้างก็โฉบเอาเหล่าข้าศึกไม่ว่าจะเป็นทหารหรือสุนัขศึกขึ้นสูงสู่ห้วงอากาศก่อนจะจิกทึ้งนับครั้งไม่ถ้วน บนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแผ่นดินให้เหยียบยืนเหยื่อที่เคราะห์ร้ายแทบจะไม่มีทางต่อกรกับนกยักษ์ได้เลย เมื่อจิกทึ้งจนหน่ำใจแล้วมันก็ปล่อยเหยื่อทิ้งกลางอากาศ ร่างเหยื่อก็ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็วจนร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ซอร์วิงบางตัวเสียท่าถูกสุนัขศึกตะครุบตัวไว้ได้ก็ถูกกัดกินจนตายไปก็มาก เมื่อซาโลมดูเหมือนจะเสียเปรียบเหล่าทัพนก กองทัพก็รีบส่งมังกรดำโนฟโฮทิออนออกมาจัดการกับเหล่านกยักษ์ทั้งหลาย ซึ่งฟีเลเซียก็ไม่รอช้าที่จะส่งมังกรดิมมินูวเลี่ยนเข้าต่อกรด้วย ทำให้การสู้รบทวีความรุนแรงและดุเดือดยิ่งขึ้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 27, 2004, 04:14:44 AM แม่ทัพแห่งฟีเลเซียไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่าแม้เพียงเสี้ยววินาที เขาเอื้อมมือจับดาบคู่กายตวัดอย่างรวดเร็วชี้ไปยังกองทัพศัตรูเบื้องล่าง ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องของทหารหาญแห่งฟีเลเซียก็ดังกึกก้องพร้อมกับเหล่าอัศวินนับพันนับหมื่นที่ควบม้ากระโจนข้ามเนินตรงเข้าฟาดฟันศัตรู ทัพซาโลมที่ถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบทั้งทางอากาศและทางพื้นดินจนตั้งตัวไม่ทันทำให้ถูกรุกไล่จนต้องถอยร่นไม่เป็นขบวน เสียงอาวุธปะทะกันดังไปทั่วพร้อมกันการบุกทะลวงทำลายแนวทัพของซาโลมจากเหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซีย
เมื่อตั้งสติได้ราโชยูก็รีบสั่งรั่วกลองแปรขบวนทัพเพื่อรับมือกับทัพฟีเลเซียอย่างเต็มกำลัง เหล่ามือเพชฌฆาตแห่งซาโลมต่างกระโจนเข้าหาอัศวินบนหลังม้าก่อนจะใช้กงเล็บเหล็กอันใหญ่โตเด็ดหัวศัตรู กองกำลังนกโมฮาที่มีทวนขนาดใหญ่และยาวกว่าก็ทำให้ได้เปรียบฝ่ายฟีเลเซียอยู่ไม่น้อย กระนั้นก็ดีความรวดเร็วและความชำนาญศึกของฟีเลเซียก็ช่วยเอื้อให้กองทัพไม่ตกเป็นรองมากนัก ซ้ำยังมีทัพนกและพลธนูคอยสนันสนุนตลอดเวลาซึ่งก็สามารถก่อกวนทัพซาโลมได้อย่างดีทีเดียว ชาร์ลมองตรงไปยังเพิงพลบนเนินสูงอันเป็นที่มั่นของแม่ทัพใหญ่แห่งซาโลม มีธงรูปวิหคเพลิงขนาดใหญ่โบกสะบัดเหนือเพิงพลนั้น เขาพยายามเพ่งมองผู้ที่อยู่ภายใน แม้จะมองเห็นไม่ถนัดนักแต่ก็รู้ได้ว่าเขามีรูปร่างสูงใหญ่มากเมื่อเทียบกับนายทหารที่อยู่โดยรอบ แม่ทัพหนุ่มกวาดตามองสภาพโดยรอบเพิงพลอีกครั้งราวกับจะจดจำรายละเอียดและตำแหน่งการวางกำลังพลของฝ่ายตรงข้าม เขามองไล่ละการจัดวางแนวรบของศัตรูตลอดจนตำแหน่งของพวกมังกร แม่ทัพหนุ่มให้สัญญาณรองแม่ทัพนายหนึ่งให้ขึ้นคุมบังเหียนม้าแทนตน นี่ท่านคิดจะฝ่าดงศัตรูไปเด็ดหัวแม่ทัพฝ่ายนั้นอีกแล้วหรือ? เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบการรบที่ยืดเยื้อ จัดการตัวหัวหน้าได้ พวกที่เหลือก็ไร้ค่า เจ้าขับไปส่งข้าถึงบริเวณสนามรบก็พอ ที่เหลือข้าจัดการเอง รถม้าศึกห้อควบลงเนินราวกับติดปีกโดยมีแม่ทัพใหญ่ยืนตระหง่านอยู่บนรถศึก ทันทีที่รถวิ่งมาถึงสนามรบ แม่ทัพใหญ่ก็กระโดดลงจากรถก่อนจะพุ่งตัวตวัดดาบใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว ด้วยความใหญ่โตของดาบและความเร็วของแม่ทัพหนุ่ม แค่ตวัดดาบเพียงครั้งเดียวทหารซาโลมนับสิบก็ถูกคมดาบตัดจนตัวขาดเป็นสองท่อน โล่และชุดเกราะถูกตัดขาดไม่ต่างกับกระดาษบางๆ ชาร์ลวิ่งซิกแซกหลบหลีกพวกสัตว์ใหญ่ได้อย่างคล่องแคล้ว ด้วยเพราะการจดจำตำแหน่งทัพที่แม่นยำตั้งแต่อยู่บนเนินสูง ทหารซาโลมที่อยู่ในเส้นทางผ่านของแม่ทัพแห่งฟีเลเซียล้วนถูกสังหารล้มตายดั่งใบไม้ร่วง เศษชิ้นส่วนที่ถูกฟัดจนขาดไม่ว่าจะเป็นแขนบ้าง ขาบ้าง ศีรษะบ้างต่างก็กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของทหารดังระงมตลอดทางที่ชาร์ลผ่านไป ทหารบางคนถูกคมดาบสังหารก่อนที่จะทันรู้ตัว ก็พาร่างไร้วิญญาณวิ่งเข้าหาศัตรู และเพียงไม่กี่ก้าวร่างกายก็ขาดออกจากกันจนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ปกป้องท่านแม่ทัพ!! เหล่าทหารองครักษ์แห่งซาโลมเมื่อเห็นแม่ทัพฟีเลเซียที่มุ่งตรงมายังเพิงพลอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อเช่นนี้ก็เดาเจตนาของแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้ไม่ยาก ทว่าความเร็วของแม่ทัพชาวฟีเลเซียนั้นรวดเร็วจนเหล่าองครักษ์ประหวั่นพรั่นพรึง เพราะเพียงเห็นอยู่ไกลๆแต่ฉับพลันดาบมหึมาก็ฟาดมาถึงตัวเองแล้ว จะขยับไปทางใดก็ไม่แคล้วเป็นเหยื่อคมดาบของแม่ทัพฟีเลเซีย ไม่มีใคร มีเวลาแม้จะยกโล่หรืออาวุธขึ้นปกป้องตัวเอง ผ้าคลุมที่พริ้วพุ่งผ่านแผงกองทัพจากทะเลทราย เวลานี้ดุจดังภาพของอินทรียักษ์ที่บินพุ่งแหวกเมฆสีแดง อย่างง่ายดาย และรวดเร็วยิ่งนัก เหล่าทหารองครักษ์ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานซ้อนกันถึงห้าแถว พร้อมตั้งหอกขนาดใหญ่คอยต้านแม่ทัพฟีเลเซียโดยมีโล่เหล็กตั้งเรียงรายเป็นเกราะคุ้มกันอีกห้าชั้นล้อมรอบเพิงพลของราโชยูไว้ เหล่าทหารชั้นในต่างก็อุ่นใจที่ตนมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าพวกที่อยู่แถวหน้า แต่คิดได้เพียงเท่านั้นรัศมีจากคมดาบขนาดใหญ่ก็กวาดเอาทหารแถวในนับสิบล้มตายลงโดยที่คมดาบเจาะผ่านทหารแถวหน้าสุดไปเพียงสองคนเท่านั้น เหล่าทหารต่างก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองซากชิ้นส่วนที่ระเกะระกะจมกองเลือดอยู่บนพื้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 27, 2004, 04:15:56 AM ชาร์ลตวัดดาบของตนกลับพลางมองผ่านแถวทหารที่ตนเพิ่งจะเบิกทางด้วยความตายไปยังแม่ทัพแห่งซาโลมที่กำลังมองตรงมายังตนอยู่ด้วยเช่นกัน
ฝีมือของแม่ทัพใหญ่แห่งฟีเลเซียนี้น่าดูชมจริงๆ ข้าประทับใจมาก ราโชยูกล่าวอย่างยินดี เจ้าเลิกส่งทหารไร้ฝีมือพวกนี้มาเป็นเหยื่อคมดาบของข้าเสียทีเถิด ลงมาสู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ข้า ชาร์ล คราแรนซ์ จอมทัพแห่งฟีเลเซีย ให้เวลาเจ้าหนึ่งตวัดดาบว่าจะจัดที่ประลองเองหรือจะให้ข้าจัดให้ พลันสายตาของแม่ทัพหนุ่มก็เหลือบไปเห็นธงแห่งฟีเลเซียถูกนำมาเป็นผ้ารองเท้าให้แก่แม่ทัพทมิฬ ชาร์ลกัดกรามแน่นเมื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียต้องมาถูกหยามเหยียดเยื่ยงนี้ ชาร์ลพุ่งตัวไปข้างหน้าสู่ช่องว่างของแถวทหารที่ตนเป็นผู้เบิกทางไว้เมื่อสักครู่อย่างรวดเร็ว เขาย่อตัวลงต่ำและในเสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ตวัดดาบเหนือศีรษะเป็นวงกว้างจนสุดแขน ความรวดเร็วของเขาทำให้ดูเหมือนว่าเขาขยับตัวเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ชาร์ลยึดตัวขึ้นช้าๆในขณะที่ทหารรอบตัวของเขาโดยเริ่มจากคนที่อยู่แถวในสุดก็ล้มลงตัวขาดออกจากกันไปชนคนถัดมาเรื่อยๆทั้งทางซ้ายและขวากว่ายี่สิบนาย เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเจิ่งนองไปทั่ว ณ บัดนี้ เหล่าทหารซาโลมชั้นผู้น้อยตระหนักว่าต่อหน้าแม่ทัพผู้องอาจแห่งฟีเลเซีย พวกตนเป็นดั่งแมลงที่อยู่ต่อหน้าพญาอินทรีมีแต่จะถูกขยี้เป็นทางผ่านเท่านั้น นี่มนุษย์หรือเทพสงครามกันนี่ เสียงทหารซาโลมคนหนึ่งที่ยืนเพื่อปกป้องแม่ทัพของตนอยู่แถวในสุดบริเวณด้านหน้าของราโชยูกล่าวออกมาแผ่วเบาก่อนกายท่อนบนจะตกลงบนพื้น และกายท่อนล่างค่อยๆล้มลงตาม เมื่อแม่ทัพแห่งฟีเลเซียเหลือบตามองรอบๆตัวก็เห็นว่าทหารจากอาณาจักรทะเลทรายที่เหลือถอยตัวแตกฮืออย่างตื่นตระหนกออกห่างเป็นวงกว้าง จึงยิ้มขันกล่าวเย้ยแม่ทัพทมิฬ ดูเหมือนทหารของเจ้าจะพูดรู้ภาษากว่า ถึงได้รีบจัดที่ให้ข้าก่อนที่เจ้าจะสั่งเสียอีก ถึงคราวนี้ ราโชยูก็เริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้าง เมื่อทหารเสียขวัญจนสร้างความอับอายมาสู่ตนและกองทัพ ราโชยูคว้าเคียวคู่ใจกระโดดลงจากเพิงพลพุ่งตัวเข้าใส่ชาร์ลอย่างเร็ว เสียงอาวุธต่ออาวุธกระทบกันดังก้อง เสียงเท้าของขุนพลร่างยักษ์กระทบพื้นที่บัดนี้เจิ่งนองไปด้วยโลหิตสีแดงและเศษชิ้นร่างมนุษย์สาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง นัยน์ตาถตัวเองจ้องผ่านหมวกเกราะไปยังนักรบหนุ่มผู้งามสง่า ในใจของแม่ทัพซาโลมเกิดความฮึกเหิมมาทันทีเมื่อได้ประดาบแรกกับคู่ดวลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทั้งคู่ต่างก็ยันอาวุธกันไปมาเพื่อหยั่งเชิงและกำลังของอีกฝ่าย ทว่าพอเท้าของราโชยูย่ำอยู่ในแอ่งเลือดที่เจิ่งนอง เคียวของเขาก็เริ่มแผ่กระจายรังสีแห่งความกระหายเลือดออกมาอย่างรุนแรงจนทุกคนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ข้างฝ่ายแม่ทัพหนุ่มแห่งฟีเลเซียทันทีที่อาวุธของเขาสัมผัสกับเคียวนั้นก็รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของอาวุธนี้ เขารู้สึกว่ามีพลังบางอย่างค่อยๆไหลเข้าสู่ดาบจากบริเวณที่เคียวและดาบสัมผัสกัน และมันกำลังเริ่มคืบคลานเข้าสู่ปลายนิ้วของเขา เขาขมวดคิ้วเข้าหากันทันที มองตรงไปยังเคียวนั้นและเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างกลอกกลิ้งไปมาตรงบริเวณรอยแยกเล็กๆด้านท้ายของคมเคียว ชาร์ลจึงรีบผละถอยออกทันที ช่างขวัญอ่อนเสียจริง... ราโชยูแสยะยิ้มบ้าง พูดยังไม่ทันจบนกซอร์วิงตัวหนึ่งก็ร้องเสียงดังจากทางเบื้องบนของคนทั้งคู่ นกซอร์วิงบินวนเหนือพวกเขาสองรอบก่อนจะบินกลับไปอย่างรวดเร็ว ชาร์ลรู้ได้ทันทีว่าเป็นฟอล์คเนอร์นั่นเองที่ส่งนกซอร์วิงตัวนี้มา นั่นก็หมายความว่ามีข่าวสารสำคัญมาถึง ทันทีที่ชาร์ลหันกลับมาก็ได้เห็นนายทหารนายหนึ่งวิ่งมากระซิบอะไรบางอย่างกับแม่ทัพทมิฬ ราโชยูมีสีหน้าไม่ใคร่จะพอใจนักก่อนที่จะมองกลับมาทางตน แม่ทัพทมิฬแสร้งยิ้มให้พลางกล่าวว่า วันนี้ท่าทางจะไม่ใช่วันของเราเสียแล้ว เจอกันครั้งหน้าข้าจะไม่รอให้เจ้าบุกมาเชิญถึงที่แน่ สิ้นคำแม่ทัพทมิฬก็ให้สัญญาณถอนทัพพร้อมเรียกมังกรดำโนฟโฮทิออนของตนออกมา ก่อนจะขี่มันจากไป ท่ามกลางเสียงชัยโยโห่ร้องในชัยชนะของเหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซีย ชาร์ล เองก็ไม่คิดจะตามไล่ล่าไปเช่นกัน เพราะเขาเองนั้นห่วงทางเมืองฟอร์เรนเชียมากกว่า จึงสั่งเร่งรวบร่วมคนเจ็บก่อนจะเคลื่อนขบวนเข้าสู่เมืองฟอร์เรนเชียทันที Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 27, 2004, 04:17:23 AM ณ วังหลวงแห่งอาณาจักรซาโลม
หลังจากที่ซาดินยกทัพออกจากซาโลมและได้ฝากฝังอิสฮาน โอรสแต่องค์เดียวของตนไว้ในความดูแลของนาริส สุไลมาน มหาอำมาตย์ผู้นี้ก็ทุ่มเทอบรมสั่งสอนวิชาความรู้ต่างๆให้มากมาย ทั้งศาสตร์ ศิลป์ เชิงยุทธ์ ปรัชญา ตลอดจนคุณธรรม จริยธรรมให้แก่พระโอรสอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาบ่ายของทุกวันที่ห้องทรงหนังสือจะเป็นเวลาร่ำเรียนขององค์รัชทายาท ซึ่งเป็นช่วงที่อิสฮานชอบมากที่สุดเลยทีเดียว และในวันนี้ก็เช่นกันที่พระโอรสองค์น้อยวัยแปดปีผู้นี้รีบเข้ามานั่งรอในห้องทรงหนังสือก่อนที่นาริสจะเข้าสอนเสียอีก ท่านนาริส วันนี้ท่านจะเล่าเรื่องอะไรให้เราฟัง? เจ้าชายน้อยในชุดเสื้อตัวโปร่งสีขาวเบาสบายเอ่ยถามอย่างกระตือรือล้นเมื่อเห็นนาริสเดินเข้าห้องมา นาริสยิ้มให้อย่างเอ็นดู การที่จะทำให้เด็กๆรักที่จะเรียนรู้นั้น เพียงแค่รู้จักปรับเนื้อหาวิชาความรู้ให้ง่าย สนุกน่าติดตาม และคอยสอดแทรกสาระต่างๆให้ เท่านี้เด็กๆก็ไม่อยากจะพลาดการเรียนแม้เพียงสักวัน วันนี้เรามาเรียนเรื่องประวัติศาสตร์กันดีมั๊ยพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะได้รู้ว่าก่อนหน้าที่เราจะตั้งอาณาจักรซาโลมที่นี่ พวกเราเคยเป็นชนเผ่าเร่ร่อนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนในทะเลทรายจนกระทั่งถึงรุ่นของเสด็จปู่ของพระองค์ เรามีเสด็จปู่ด้วยเหรอ? อิสฮานถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มีสิพะย่ะค่ะ ทุกๆคนย่อมมีปู่กันทั้งนั้น นาริสยิ้ม ท่านก็มีหรือ? พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ เสด็จแม่ด้วย? พะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่เคยได้ยินเรื่องของเสด็จปู่เลยละท่านนาริส? ฮิสฮานสงสัย ก็เพราะองค์ซาดินไม่ชอบให้ใครพูดถึงน่ะสิพะย่ะค่ะ เสด็จพ่อเกลียดเสด็จปู่เหรอ? คำถามของอิสฮานทำเอานาริสนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เหมือนเราเลย เราก็เกลียดเสด็จพ่อ เสด็จพ่อใจร้าย... นาริสรีบปรามเจ้าชายน้อยทันที เพราะเป็นการไม่เหมาะสมนักที่บุตรจะพูดถึงบิดาเยี่ยงนี้ ทั้งยังไม่เหมาะอย่างยิ่งหากเหล่าข้าราชบริพารมาได้ยินเข้า ฝ่าบาทไม่ควรใช้วาจาแบบนี้นะพะย่ะค่ะ พระบิดาของพระองค์ก็มีรูปแบบความรักในแบบของเขา องค์ซาดินอาจจะไม่รู้จักการแสดงความรัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพระบิดาจะไม่ทรงรักฝ่าบาทนะพะย่ะค่ะ อิสฮานเบ้ปากจนแก้มป่อง คำพูดของมหาอำมาตย์นั้นเชื่อได้ยากเหลือเกิน ถ้าท่านพ่อรักเขาจริง ทำไมถึงต้องพรากเสด็จแม่ไป ทำไมถึงไม่เคยมาเยี่ยมเวลาที่เขาไม่สบาย ทำไมไม่เคยกอดเขาสักครั้งเล่า แต่ก็ดี...เขาก็ไม่ได้อยากจะให้เสด็จพ่อกอดนักหรอก แค่มีเสด็จแม่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา นาริสเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจดีว่าพระโอรสคิดอะไรอยู่จึงพูดตัดบทว่า เอาเถิดพระโอรส เวลานี้พระองค์คงยังไม่ทรงเชื่อที่หม่อมฉันทูล แต่สักวันหนึ่งเมื่อพระองค์เติบใหญ่ พระองค์ก็จะทรงเข้าใจในสิ่งที่หม่อมฉันทูลในวันนี้ อิสฮานพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักแต่เขาก็ยอมรับฟังแต่โดยดี เพราะสำหรับเขาแล้วนาริสเป็นยิ่งกว่ามหาอำมาตย์หรือราชครู นาริสรอบรู้ทุกเรื่อง สอนเขาทุกอย่างตั้งแต่สิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันตลอดจนวิชาความรู้ทั้งหลาย นาริสคือครูใจดี ดูแลเขาอย่างดี อีกทั้งยังรู้ใจและเข้าใจเขาไปเสียทุกอย่าง เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มเรียนกันต่อดีกว่านะพะย่ะค่ะ ในสมัยนั้นทั่วทั้งทะเลทรายมีเผ่าเล็กเผ่าน้อยกระจายอยู่มากมายหนึ่งในนั้นก็มีเผ่าซาโลมของเราอยู่ด้วย เผ่าของเราค่อนข้างใหญ่ทีเดียวและเราได้ครอบครองโอเอซิสที่สมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย นาริสเล่าพลางชี้แผนที่หนังที่ติดอยู่ตรงกำแพงใกล้ๆให้พระโอรสดู ซึ่งพระโอรสก็ตั้งใจฟังอย่างดี หัวหน้าเผ่าแต่ละรุ่นก็ล้วนแต่ปฎิบัติหน้าที่ของตนอย่างดี จนกระทั่งมาถึงรุ่นเสด็จปู่ของพระองค์... เกิดอะไรขึ้นหรือ? อิสฮานถามอย่างสงสัยใคร่รู้ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 27, 2004, 04:19:39 AM ครั้งนั้นจะเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งความแร้นแค้นเลยก็ว่าได้ เกิดความแห้งแล้งกันดารอย่างรุนแรง ฝนไม่ตกเป็นปีๆ ทำให้เผ่าต่างๆพยายามเอาชีวิตรอดด้วยการรุกรานแย่งชิงโอเอซิสของเผ่าอื่น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหากตนพ่ายแพ้ย่อมหมายถึงการ อดตายในนรกทะเลทราย จึงเข้าห่ำหั่นกันอย่างรุนแรง ป่าเถื่อน และโหดเหี้ยมอย่างที่สุด และเป็นธรรมดาว่าโอเอซิสที่สมบูรณ์ที่สุดย่อมเป็นที่ถูกหมายตามากที่สุดเช่นกัน
แล้วเสด็จปู่ก็ต่อสู้เพื่อปกป้องโอเอซิสอย่างกล้าหาญใช่มั๊ย? อิสฮานถามอย่างตื่นเต้น นาริสยิ้ม ตอบว่า ตรงกันข้ามพะย่ะค่ะ เสด็จปู่ของพระองค์ทรงแบ่งโอเอซิสให้เผ่าต่างๆใช้ด้วยกัน อิสฮานจ้องนาริสด้วยดวงตาคมโต แสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด การแบ่งโอเอซิสให้เผ่าต่างๆได้ใช้ หมายความว่าตนเองก็อาจจะมีไม่พอใช้ในอนาคตอันใกล้มิใช่หรือ แต่ทว่าเมื่อความโลภเข้าครอบงำ มิตรก็กลายเป็นศัตรูได้เพียงชั่วข้ามคืน หลังจากที่เสด็จปู่ของพระองค์แบ่งที่ให้เผ่าต่างๆได้ร่วมโอเอซิส พวกเขาก็ร่วมมือกันขับไล่เผ่าของเราออกจากโอเอซิสของเราเอง พวกขี้โกง ! เสด็จปู่ต่อสู้กับพวกนั้นอย่างกล้าหาญแล้วสิคราวนี้? อิสฮานถามอย่างมีความหวัง นาริส ส่ายหน้าช้าๆ เพราะเสด็จปู่ของพระองค์ทรงรักสันติ เกลียดสงคราม และเป็นคนไม่สู้คน เขายอมก้มหน้ารับชะตากรรมทุกอย่างที่ฟ้าจะมอบให้เขา เมื่อพบโอเอซิสแห่งใหม่ได้ไม่นานก็ถูกรุกรานอีก เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งสุดท้ายผู้รุกรานก็ได้สังหารพระองค์และชาวเผ่าไปมากมาย ตอนนั้นองค์ซาดินและพระนางเนอริมอร์ก็ยังทรงพระเยาว์นักจึงได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนและต้องอยู่อย่างอดอยากในทะเลทรายที่สุดแสนกันดาร เสด็จพ่อไม่เหมือนเสด็จปู่เลย...........? อิสฮานพูดอย่างครุ่นคิด พะย่ะค่ะ ต่างกันราวกับแสงสว่างกับความมืด..........นาริสกล่าวสายตาทอดไกลไปยังภาพอดีต องค์ซาดินในขณะนั้นต้องพบกับภาพอันโหดร้ายต่อหน้าต่อตา พระองค์ทรงทำลายความอ่อนแอทุกอย่างในจิตใจจนหมดสิ้น จนแม้แต่การกำจัดภาพบิดาผู้อ่อนแอในสายตาของตนออกจากความทรงจำของตัวเองจนไม่มีเหลือ จนดูราวกับว่า ณ วันที่สิ้นบิดาของพระองค์ พระองค์ก็ได้กำเนิดเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งเด็ดขาดยิ่งนัก สภาพการณ์ในขณะนั้นบีบคั้นให้ต้องเป็นหัวหน้าเผ่าตั้งแต่อายุยังน้อย ทรงต่อสู้กับเผ่าต่างๆอย่างกล้าหาญตรงข้ามกับเสด็จปู่ของพระองค์ และทรงโจมตีก่อนเสมอ โดยเฉพาะเผ่าใดที่มีทีท่าอันตราย องค์ซาดินจะเข้าโจมตีเผ่านั้นทันที ไม่ให้ได้ตั้งตัวซ่องสุมกำลังพลได้ทัน ด้วยว่าจะไม่ยอมเป็นผู้ถูกแย่งชิง แต่จะเป็นผู้ที่แย่งชิงเสียเอง จนในเวลาเพียงห้าปีก็สามารถปราบชนเผ่าทั้งสิบหกเผ่าจากสิบเจ็ดเผ่าในทะเลทรายเหนือ และสถาปาณาจักรวรรดิซาโลมขึ้น ทั้งยังทรงขยายพระราชอาณาจักรอย่างไม่หยุดหย่อนเลยตั้งแต่ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิ์แห่งซาโลม ทรงทุ่มเทชีวิตให้ราชกิจจนอาจจะหลงลืมพระโอรส หรือพระนางเนอริมอร์ไปบ้าง แต่ทั้งหมดก็เพื่อพระโอรสจะได้ไม่ต้องประสบกับการไร้แผ่นดินอยู่อย่างที่พระองค์เคยประสบนะพะย่ะค่ะ อิสฮานคิดถึงหลักการปกครองที่เรียนรู้มาก่อนเปรยออกมาเบาๆเสด็จปู่เป็นกษัตริย์ที่สู้เสด็จพ่อไม่ได้สินะ หม่อมฉันกลับชอบวิธีการของเสด็จปู่ของพระองค์มากกว่านะพะย่ะค่ะ ทำไมล่ะ เสด็จปู่ทำให้เผ่าอดอยาก และชาวเผ่าถูกฆ่าตายไปมากมายไม่ใช่หรือ? เสด็จปู่ของพระองค์อาจจะไม่ใช่คนเด็ดขาด และสู้คน เอาแต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมก็จริง แต่พระองค์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ และรักสันติ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะยั่งยืนและนำพาผู้คนให้สงบสุขได้ และก็เพราะความดีของพระองค์ท่าน หม่อมฉันเป็นคนหนึ่งที่ถวายการรับใช้มาตั้งแต่สมัยปู่ของพระองค์ ท่านเป็นคนมีน้ำใจ และอ่อนโยน ผู้คนในเผ่าทุกคนรักท่านมาก หม่อมฉันเองขณะนั้นเป็นทหารเอกของท่าน แต่ท่านก็ถือหม่อมฉันเป็นเสมือนเพื่อนมากกว่าข้ารับใช้ หม่อมฉันเองซาบซึ้งในจิตใจยิ่งจนสาบานต่อหน้าพระศพของพระองค์ท่านว่าหม่อมฉันจะจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านและดูแลลูกหลานของพระองค์ทุกพระองค์ยิ่งกว่าชีวิต จะทำหน้าที่แทนพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เจ้าชายน้อยนัยน์ตาเป็นประกาย เช่นนั้น ท่านนาริสก็เสมือนเป็นท่านปู่ของเราน่ะสิ เราชอบท่านนาริสมาก รักมากกว่าเสด็จพ่อเสียอีกแต่รองจากเสด็จแม่นะ อำมาตย์ชรานัยน์ตาตื้นไปด้วยน้ำตาคลอ มองใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กน้อยอย่างซาบซึ้ง ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ในใจนั้นปลื้มปิติโลดขึ้นสูงแทบจะทะลุเพดาน กล่าวเสียงเครือ ตาแก่คนนี้มิบังอาจเทียบกับเสด็จปู่ของพระองค์ และองค์ซาดินหรอกพะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่มีค่าเทียบกับพระบิดาที่ปรีชาสามารถและทรงให้กำเนิด หรือเสด็จปู่ที่น้ำพระทัยล้ำเลิศ องค์ซาร์ของหม่อมฉัน....... น้ำพระทัยที่ทรงมอบให้เกินกว่าที่หม่อมฉันจะสมควรรับ คนชราอย่างหม่อมฉันได้ถวายรับใช้เช่นนี้ก็เป็นเกียรติยิ่ง แต่ถ้าเสด็จปู่ของพระองค์ยังทรงพระชนม์ จะทรงปฏิบัติได้ดีกว่าหม่อมฉันร้อยเท่า และความรักนี้ ควรจะเป็นของเสด็จปู่ของพระองค์พะย่ะค่ะ เราเข้าใจแล้ว องค์ชายน้อยพยักหน้า ถ้าเช่นนั้นเราก็รักท่านนาริส และ เสด็จปู่ด้วย นี่เป็นความลับของเรานะพะย่ะค่ะ จะให้เสด็จพ่อของพระองค์รู้เรื่องนี้ไม่ได้เลยเชียว นาริสเขย่ามือเด็กน้อยเบาๆ เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะในเมื่อไม่เคยสนใจอะไรเราเลยเด็กน้อยยิ้มแต่นัยน์ตาเศร้านัก ทันใดนั้น นางกำนัลนางหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพลางโค้งขออภัยนาริสอย่างรวดเร็ว กล่าวระล่ำระลักปนหอบ พระ...พระโอรส ทอดพระเนตรสิเพคะว่าใครมา แทบจะทันที องค์ราชินีแห่งซาโลมก็สาวเท้าผ่านหน้านางกำนัลไปราวกับโผบิน แขนทั้งสองอ้าออก ใบหน้าของนางแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีและน้ำตาแห่งความคิดถึง เสด็จแม่! เด็กน้อยตะโกนสุดเสียง ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดา Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter24 เคียวปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:24:40 AM เอ๊า......มาเม้าส์กันต่อที่นี่เลยนะจ๊า~~~~~~~~~
http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=5003;start=0#lastPost |