Title: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ on January 02, 2009, 05:59:13 PM ปล1.ผมดึงมาจากพันทิพย์นะครับ ต้องการตัวเต็มๆ+รูปเต็มๆ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7379670/A7379670.html เชิญเลยครับ ปล2.ค่อนข้างยาวนะครับ+ภาษาวิบัติ อาจจะมีการมึนกันบ้าง - __ -* ปล3.หากเห็นว่าไม่สมควรจะโพส กรุณาบอก จะได้ลบให้ครับ ------------------------------------------------------------------------------------------------ นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ เริ่มแรกเรานัดกับเพื่อนว่าจะไปเคาน์ดาวน์กัน เราไม่เคยเค้าดาวน์มา 4-5 ปีแล้ว ปีนี้เพื่อนอยู่ก็เลยเออไปด้วยกัน เลือกไปที่ซานติก้าผับ ขอเอ่ยชื่อเล่นของเพื่อนไปเลยนะคะเพื่อง่ายต่อการถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่รู้ลืมในครั้งนี้ เราก็ชวนเป้ย เป้ยรับปากว่าจะไปแต่พอบอกซานติก้า มันบอกไม่มีตังมันแพง ชวนหญิงหญิงอยู่กับแฟนขอไม่ไปและกันทั้งที่อยากไปมาก ชวนส้มส้มไม่ว่าง ชวนน้องหมวย น้องไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ สรุปว่าเราไปหาเพื่อนย่านรามคำแหงประมาณ เกือบสองทุ่ม ไปคนเดียวโดยที่เราไปทานอาหารแถวนั้นก่อน ก็ขับรถกันไป ตอนกินข้าวเราก็ดูใจร้าวตอนจบไปด้วย ระหว่างดูละครก็คเพื่อนก็คุยกับเราว่า แจน : ในละครในร้าวถ้าแกเป็นเคนแกจะเลือกใคระหว่างแม่กับลูก เรา : ก็เลือกแม่ซิวะลูกเรามีใหม่ได้ แจน : แต่ชั้นเลือกลูกหว่ะอย่างน้อยถ้าชั้นตายก็มีตัวแทน แจน : และถ้าเกิดเป็ฯแอฟ แกจะตายไปเลยหรือจะเลือกพิการแบบนี้ เรา: ยังไงก็แล้วแต่ถ้าชั้นเป็นคนรอบข้างของแอฟ ไม่ว่จะอยู่ในสภาพไหนก็จะขอให้มีชีวิตอยู่ แจน : เป็นชั้นขอตายดีกว่าไม่ทรมานดี พอทานข้าวเสร็จก็เอารถมาจอดที่คอนโดเพื่อน ในใจเราก็คิดว่าเฮ้ยแกเอารถไปดีกว่าหว่ะเผื่อตอนออกหารถกลับยากที่จอดแด๋วค่อยไปหากัน แต่อีกใจนึงเพื่อนมันตั้งใจไปกินเหล้านี่หว่า "ดื่มไม่ขับ" เอองั้นอย่าเอาไปเลยดีกว่า คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา จากนั้นก็นั่งรถแท๊กซี่มาที่ซานติก้า ที่นี่เราเพิ่งเคยมาครั้งแรก พอมาถึงที่ซานติก้าเราก็เห็นมีป้ายมีโต๊ะอยู่ด้านนอกซึ่ง ก็ไม่ได้สนใจไม่ได้อ่านว่าเป็นป้ายอะไร กะว่าจะถ่ายรุปเอ๊ยไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวจะหาว่าบ้า ก็เลยเดินเข้าไป ตรงเข้าไปเปิดเหล้า เราก็บอกเพื่อนว่า เรา : เฮ้ยแก จะเปิดเหล้าเหรอมันเยอะนะและชั้นก็ไม่กินด้วยอ่ะ (กะว่าจะเสีย 500 และไปแลก 2 ดริ้งค์ และก็ไปต่อที่อื่นเอาหลายๆ ที่) แจน : เปิดเหล้านั่นแหล่ะแกพันกว่าบาทคุ้มกว่าอีก แกไม่ต้องจ่าย แกจ่ายแต่มิกซ์นิดหน่อย เรา : ชั้นไม่ได้ห่วงเรื่องเงิน แต่ว่าชั้นไม่กินเหล้านะ แจน : เออเปิดแหล่ะไม่หมดก็ฝากไว้คราวหน้ามาใหม่ และเราก็เดินเข้าไปด้านในเดินลงบันไดมา 1 ที ถ้าใครเคยไปจะพอนึกออกว่า เรายืนอยู่ตรงบันไดทางลงไปห้องน้ำ (เราไปถึงประมาณ ห้าทุ่ม) เราเข้าไปสักพักคนก็เริ่มเยอะขึ้นๆๆๆๆๆ มีโต๊ะเข้ามาใกล้ๆ เราอีกสองสามโต๊ะก็เริ่มเบียดกันแล้ว เราก็คิดว่า (ดูจากรุปที่เราวงกลมไว้นะคะ ) เฮ้ยชวนเพื่อนขึ้นไปนั่งข้างบนดีกว่าหว่ะ สบายๆดีไม่เบียดคนแน่น คิดไว้ในใจแต่ไมได้เอ่ยปากชวน (http://i260.photobucket.com/albums/ii8/sengpro/78.jpg) จากนั้นพอใกล้ๆเวลาเค้าดาวน์ ดีเจเพชรจ้า กับดีเจภูมิ ก็เอา ไฟเย็นมาโยนๆๆ แจก ส่วนใหญ่คนที่ได้จะเป็นด้านหน้าเวที เราไม่ได้กับเขาเพราะอยู่ไกล พอแจกเสร็จดีเจภูมิก็บอกว่า คนที่ได้ไฟเย็นให้เอาไปจุดข้างนอก (เราก็นึกในใจ เอ๊ะมันจุดในนี้ได้เหรอเนี่ย เออถ้ามันมาถึงเรา เดี๋ยวลากเพื่อนไปจุดข้างนอกดีกว่า ) เราก็เริ่มนับถอยหลัง พอถึง 0 ก็ Happy new year และก็มีการจุดไฟเย็นวิ๊บวับๆๆๆ สว่างมากๆๆ สวยมากและก็มีการโปรยกระดาษจากด้านบนลงมาสวยงามมาก (ตอนนี้ควักกล้องออกมาไม่ทัน) หลังจากที่เค้าดาวน์เสร็จ ดีเจภูมิกับดีเจเพชรจ้า ก็เดินลงไป เราไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ไปแล้วเป็นดีเจเปิดแผ่นหรือว่าเป็นดนตรีสด เรานึกไม่ออกเราจำไม่ได้ เรากับเพื่อนกินเหล้ากันไปคนละนิดหน่อยแต่เพื่อนจะกินมากกว่าเรา ส่วนตัวเราเอากระเป๋าที่เราถือสะพายคล้องคอเอาด้านที่เปิดไว้ในตัว ส่วนเพื่อนเค้าสะพายกระเป๋าเล็กๆ แต่เอาคล้องพันๆ ไว้ที่โต๊ะ หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที (ดูจากรุปเราถ่ายตอนที่เค้าดาวเสร็จแล้ว เวลา 00.05 ตามเวลากล้อง) มุมขวาล่างเป็นตำแหน่งที่เรายืนอยู่ เราเหลือบมองขึ้นไปด้านบนเราเห็นไฟลุก ด้านบนของเวที เราก็ยืนมองอยู่นะคิดเล่นeffect อะไรวะเนี่ย ก็ยังยืนมองอยู่ จากนั้นไม่ถึง 5 นาทีเราเริ่มรู้สึกว่าร้อน และเหม็นไหม้มากแล้ว เราดึงกระเป๋าที่คล้องอยู่บนโต๊ะของเพื่อนพร้อมกับคนข้างหลังเราตะโกนว่าไฟไหม้ๆๆๆๆๆๆๆๆ เราคว้ามือเพื่อนดึงมา (ในใจเราก็คิดโอ๊ยคงไม่มีอะไรหรอก) (http://i260.photobucket.com/albums/ii8/sengpro/79.jpg) ตอนที่เราดึงมือเพื่อนมาด้วยความที่เราคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกเราก็คว้าขวดเหล้ามาด้วยขวดเหล้าก็หล่นเราก็คว้ามือเพื่อนพอจับกันได้คนด้านหลังก็ตะโกนมาว่าไฟไหม้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และดันกันจนมือเรากับเพื่อนหลุดจากกันเราก็ตะโกนเรียกเพื่อนแจนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และคนก็ดันขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ ระหว่างที่เราโดนดันขึ้นไป (พิมพ์ไปมือก็สั่นไปใจก็สั่นน้ำตาคลอ)ช่วงขึ้นบันไดเราใส่รองเท้าคัชชูส้นสูงส้นรองเท้าขวาเราไปติดกับบันไดเราก็พยายามใช้เท้าเกี่ยวมันขึ้นมาสองครั้ง (เพราะคิดว่ามันไม่มีอะไร) แต่มันไม่ขึ้นเราก็ปล่อยรองเท้าและไหลไปตามกระแสแรงดัน เราจำได้ลางๆว่าเห็นผู้หญิงคนด้านหน้าเราล้มลง ตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าดึงอะไรของใครมา แต่กระเป๋าเราอยู่ที่ตัวเราเราดึงมันขึ้นมาด้วย (ในกระเป๋าเรามีเงินสดประมาณ 4 พัน โทรศัพท์ 2 เครื่อง) ตัวเราไหลไปโดยที่ไม่รู้ตัวในใจตอนนั้นเรานึกถึงหน้าลุกเรา นึกถึงหน้าแม่เรา และเราก็อธิฐาน"พ่อปู่ช่วยลูกด้วย" เราบูชาพ่อปู่ชูชก พอขึ้นมาชั้นบนควันเริ่มเยอะมากจนเราแสบตา เราคิดในใจว่าถ้าไฟไหม้ต้องหมอบตัวให้ต่ำลงแต่ตอนนั้นเราทำไมได้ถ้าเราหมอบตัวต่ำลง เราโดนเหยียบตาย เรากลั้นใจอดทนจนคนดันเราจนหลุดออกมาข้างนอก พอเราหลุดออกมาเรานึกในใจว่า "กุหลุดแล้วกุไม่ตายแล้ว กุรอดตายแล้ว" พอเราหลุดออกมาข้างนอกในสภาพที่รองเท้าข้างเดียว เราหันไปเรียกเพื่อนแจนๆๆๆ แจนอยู่ไหน แจนอยู่ไหน เราร้องไห้เราทำอะไรไม่ถูกตัวสั่น เราคิดว่าเพื่อนเราตามหลังเรามาแต่เราก็หาไม่เจอไฟเริ่มร้อนขึ้นเราก็ถอยออกมาห่างๆ เราก็กดโทรศัพท์เข้าไปหาเพื่อน ทำไมมันไม่รับ กดเป็น 10-20 ครั้งมันก็ไม่รับ หรือมันออกมาแล้วและมันหยิบกระเป๋ามาไม่ได้ และมันหาเราไม่เจอ แกอยู่ไหน พอไฟเริ่มซาเราก็เดินเข้าไปใกล้ๆ ตรงป้ายทางเข้า เราเห็นมีผุ้หญิงคนนึงนอนอยู่กับพื้นหน้าตามีแต่เขม่าควันสีดำ ฝรั่งคนนึงนั่งบนโต๊ะเลือดออกที่เมือเต็มเลย เราเห็นผู้หญิงคนนึงถูกอุ้มออกมาจากหน้าต่างด้านซ้ายมือ ในจังหวะที่เราเดินเข้ามาด้านในหลังจากที่ไฟซาลง ประมาณ 5 นาทีเราเห็นมีผุ้ชายคนนึงคงเป็นมูลนิธิ อุ้มผู้หญิงใส่ชุดลายสก๊อตดำๆ มา ตอนนั้นเรางงงง เราก็ตั้งสติคิดว่าวันนี้เพื่อนเราใส่ชุดสีอะไร พอได้สติว่ามันใส่ลายสก๊อตมา เราวิ่งตรงเข้าไปใกล้ๆ กับพี่ผุ้ชายคนนั้น เราก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือป่าวเราก็เข้าไปขอดูเราจำเข็มขัดมันได้ (เราเลือกให้มันตอนที่ออกจากห้องมาด้วยกัน) พอเราเห็นหน้าเราก็เรียกแจนนนนนนนน แจนๆ พร้อมตะโกนบอกว่าพี่พี่ พี่เพื่อนหนูๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แจนพยักหน้าตอบรับเราและก็ สภาพของแจนตอนนั้น ตัวเปียกไปด้วยน้ำ หัวมีแต่เศษดำๆ ขาวๆ ติดหน้าติดตัวเต็มไปหมด กู้ภัยก็อุ้มแจนมาวางบนเตียงผ้าใบ เราก็เรียกเพื่อน แจน แจน แกไม่เป็นไรแล้วนะ แกทำใจดีๆ แกไหวไม๊แกไหวนะ ระหว่างที่วิ่งไปขึ้นรถกู้ภัยคือคันไหนก็เต็มคันไหนก็ไปไม่ได้จนต้องวิงออกมานอกถนน เราก็รีบขึ้นไป รถร่วมขับเร็วมากกกกกกก เราจำไม่ได้ว่าเราไปโรงพยาบาลอะไรบ้าง ระหว่างที่นั่งรถเราก็เรียกแจนๆๆ เรียกให้เค้ารู้ตัวตลอดให้เค้าตอบรับเราตลอด เค้าก็พยักหน้าตอบรับ เราให้เค้าจับมือเราบีบมือเราไว้ตลอดให้รู้สึกตัว แจนแกไม่เป็นไรนะ แกไหวนะ แกอย่าเป็นไรนะ เราก็เอามือลูบหัวเพื่อนเรา แจนแกไม่เป็นไรนะแกทำใจดีๆนะ ถึงมือหมอแล้ว โรงพยาบาลแรก บอกว่าเต็มไม่รับ โรงพยาบาลที่สองเต็ม โรงพยาบาลที่ สาม เต็มไม่รับ โรงพยาบาลที่สี่ก็บอกว่าเต็ม (รพ.วิภาราม) เราตะโกนบอกโอ๊ยไม่ไหวแล้วไม่ไหวแล้วจะตายแล้ว ช่วยหน่อย ทั้งเราทั้งกู้ภัยที่พามาต่างตะโกนแบบนี้โรงพยาบาลถึงยอมที่จะรับเพื่อนเรารักษา พาเข้าห้องฉุกเฉิน พอแจนเข้าไปให้อฉุกเฉิน สภาพที่เห็นหน้ามีเศษขี้เถ้าขาวๆ ติดเต็มหน้าและเขม่าควันแขนขามีแต่รอยฟกช้ำรอยขีดข่วนมีรอยหนังถลอก ส้นเท้าด้านขวารู้สึกว่าจะหลุดไปเลย หลังจากที่แจนเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว แจนให้พยาบาลมาเรียกเราเราก็วิ่งเข้าไป คำแรกที่แจนพูดกับเรา แจน : เจสชั้นเป็นห่วงแก ชั้นขอโทษนะ เรา : แกไม่ต้องพูดแกไม่เป็นไรแล้ว ชั้นเป็นห่วงแกชั้นหาแกไม่เจอชั้นทำอะไรไม่ถูกชั้นร้องไห้ ชั้นกัวว่าแกจะเป็นอะไรไป แจนก็เล่าว่า... หลังจากที่แจนหลุดมือจากเรา แจนเจอคนดันๆๆๆและแจนก็วูบหมดสติไป และแจนก็รู้สึกตัวในท่าที่นอนหงายและมีผู้ชายทับไหล่ด้านขวา และมีผู้หญิงทับไหล่ด้านซ้ายตอนนั้นแจนบอกว่ามันร้อนมากมีไฟหยดลงที่ขาแจนและแจนโดนน้ำจากรถดับเพลิง น้ำมันไม่เย็นนะน้ำมันร้อนเหมือนน้ำร้อนเพราะว่าโดนรดผ่านเหล็กที่โดนเผา และแจนก็ตั้งสติถีบตัวขึ้นสลัดรองเท้าทิ้ง และทิ้งกระเป๋าที่คว้ามาได้จากที่โต๊ะ (ในกระเป๋ามีโทรศัพท์ 1 เครื่องเงิน 1 พันกว่าบาท บัตรเอทีเอ็ม กุญแจรถ กุญแจบ้าน) แจนสละทั้งหมดถีบตัวขึ้นมาได้ (ในระหว่างที่โดนทับตัวแจนร้องช่วยด้วยๆๆ แต่ไม่มีใครสนใจ) แจนก็ร้องว่าช่วยด้วยอีกครั้ง(ในใจก็ภาวนาว่า พ่อปู่ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วยลุกไม่ไหวแล้ว ลูกยังไม่อยากไปลูกยังมีสิ่งค้างคาอยู่เยอะช่วยลูกด้วย) ในขณะนั้นมีผู้ชายคนนึงอุ้มแจนขึ้นมาจากช่องเล็กๆ (ซึ่งเราไม่รู้เลยว่ามันตรงไหน)และก็มีพี่กู้ภัยอุ้มแจน ออกมาด้านนอกประจวบเหมาะกับที่เราเดินเข้าไปหาแจนด้านใน พอทำแผลให้เรียบร้อยแล้วก็ไปเอ๊กซเรย์ และก็แอดมิตไป 1 คืน เรามาในสภาพมีรองเท้าส้นสูงข้างเดียวก็เดินมันแบบนั้นและบุรุษพยาบาลก็เอารองเท้าผ้าที่ใส่ภายในมาให้เราคู่นึง ระหว่างที่เรานั่งรอแจนเราก้โทรหาเพื่อนคนที่ว่าชวนมาด้วยและเค้าอยู่กับแฟนมาไม่ได้ คุยไปก็ร้องไห้ไป เรานั่งอยู่คนเดียวเราก็นั่งน้ำตาไหล ตอนนั้นมีพี่ที่มาจากซานติก้าด้วยกันมานั่งรอข้างเราก็ถามเรามาจากซานติก้าใช่ไหมเราบอกว่าใช่ เค้าบอกว่า เค้าเห็นคนในนั้นโดนเผาเป็นตอตะโกแล้วในท่าที่มือหงิกงอ คือไม่มีโอกาสที่จะหนีออกมา เค้าเห็นประมาณ 1-2 คน เราก็คิดในใจว่า คงมีคนเสียชีวิต 1-2 คนนั่นแหล่ะเพราะตอนที่เราหลุดมาได้ก็เยอะเหมือนกัน พอแจนทำแผลเสร็จก็ขึ้นไปนอนข้างบนชั้น 10 (ระหว่างที่เข้าลิฟท์เราก็กลัวนะ) เมื่อคืนเราไม่ได้นอนเราก็นั่งคุยกับแจนคอยจับมือมันไว้มันหนาวมันสั่น พอตอนเช้าเราก็ลงไปหาหนังสือพิมพ์อ่านที่เซเว่น ไม่ใช่หัวสีนะ หยิบขึ้นมาอ่าน เราร้องโอ๊ยเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น "ผู้เสียชีวิต 55 ศพ" เราก็เดินหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นไปให้แจนอ่าน พอขึ้นไปแจนกำลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่มันก็ถามเราว่าแกตกลงเป็นไงมีไรมั่ง เราก็อ่านคร่าวๆ นิดหน่อยให้ฟัง พอหมอไปเราเดินเข้าไป เราจับมือมันด้วยน้ำตาคลอพูดว่า "แจนแกรู้ไม๊ แกกับเรามีบุญนักหนา เราโชคดีมากนะแจน แกรู้ไหม คนเสียชีวิต 55 ศพแล้ว" พอพูดจบ ต่างคนต่างร้องไห้ เราก้มไปกอดมันที่เตียง" แกเราโชคดีนะเราโชคดีมากๆ เลยนะ ชั้นไม่เป็นอะไร แกเป็นนิดหน่อย พอตอนบ่ายเราก็ไปซื้อหนังสือพิมพ์หัวสีมาดูอีกเป็นภาพคนที่เสียชีวิตนอนเกลื่อนเต็มไปหมดที่ชั้นใต้ดิน เค้าออกมาไม่ทัน คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากขาดอากาศหายใจและหมดสติไปโดนไฟคลอก เราอยู่กับแจนตั้งแต่เมื่อคืนกับชุดที่เราใส่ไปนั่นเลย เพิ่งจะกลับบ้านมาก็ตอนที่ไปส่งแจนที่ รพ.เพชรเวชเรียบร้อยแล้ว ให้เพื่อนแจนมาเฝ้าแจนต่ออยู่คนเดียวคงไม่ได้ เราเพิ่งมาถึงบ้านตอนทุ่มครึ่ง ลูกชายวัยเกือบ 4 ขวบ ลูกพูดกับเราว่า "แม่คับเพื่อนแม่คับรถชนเหรอ" เราเข้าไปในห้องเรากอดลุกเราเราหอมลูกเรา พูดกับลุกว่าเมื่อวานแม่คับเกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าหนูแล้วนะ แม่คับเกือบตายไปแล้วนะลูก ลูกเราบอกว่า "ต่อไปแม่คับไม่ต้องไปแล้วนะ" ลูกเรากำพร้าพ่ออยู่แล้ว ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไปลุกเราจะทำยังไง ลุกเราต้องเป็นเด็กกำพร้า อาจมีคำถามในใจว่า มีลูกแล้วทำไมไม่ดูลุกจะไปเที่ยวทำไม 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ เราเพิ่งจะไปเที่ยวผับครั้งนี้ครั้งแรกนี่แหล่ะเราถึงไป สรุปและเพิ่มเติมที่ขาดไปนะคะ จะเห็นได้ว่าการที่เราเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นมันสัมพันธ์มาตลอด 1. อันนี้ลืมเล่าว่า วันที่ 31 โทรคุยกับแจนตลอดตั้งแต่สายๆ ว่าแจนไปตลาดไปซื้อหอยขมมาปล่อย ไปซื้อดอกไม้ซื้อผลไม้มาทำบุญมาไหว้ศาลที่.........ถ้าเมื่อเช้าแจนไม่ไปทำบุญ? 2. สิ่งที่แจนพูดกับเราเรื่องละครใจร้าวตอนที่กินข้าวกันอยู่ 3. ถ้าเพื่อนๆ ที่เราชวนไปด้วยเค้าไปกับเรา 4. ถ้าเราล้มตอนที่รองเท้าติดอยู่ตรงบันได เราคงโดนเหยียบตาย 5. ถ้าแจนไม่เอารถกลับมาจอดที่คอนโดน รถแจนจะเป้นยังไง 6. วันนี้ดูข่าวตอนที่ดีเจภูมิมาบอกว่าถ้าในห้องครัวไม่ยกถังแก๊ซออกไปแล้วมันระเบิดเราจะทำยังไง 7. ดีเจเพชรจ้าบอกว่าคนที่อยุ่ชั้นสามรอดยาก บางคนก็กระโดดลงมา ถ้าเราชวนเพื่อนขึ้นไปนั่งชั้นสามเราจะเป็นยังไง 8. ถ้าเราเดินไปเข้าห้องน้ำเราจะมีโอกาสได้กลับออกมาหรือป่าวเราจะวิ่งทันไหม (เพียงแต่ตอนนั้นเราไม่คิดว่าเราจะไปเข้าห้องน้ำเลย เราแวะเข้าห้องน้ำที่คอนโดนแจนก่อนที่นั่งแท๊กซี่ออกมา) 9.ถ้าแจนไม่มีสติดันตัวเองขึ้นมา ถ้าแจนช้าอีกนิดเดียวคนที่หนีตายจากด้านในคงจะทับแจน แจนจะโดนย่างทั้งเป็น 10. ตอนที่เราหลุดออกมาข้างนอกแล้วมีผุ้ชายคนนึงถามว่าร้องไห้ทำไมเราบอกเพื่อนอยู่ในนั้น เค้าบอกไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครติดอยู่ในนั้น ผู้ชายอีกคนก็มาคุยกับเราว่าเพื่อนเค้าอยู่ในนัน้นมีผู้หญิงหลายคนเลยที่ติดอยู่ในห้องน้ำ 11. ถ้าเราเดินออกมาข้างนอกแล้วตอนที่ไฟซาลงเราไม่เดินกลับไปทันทีเราจะเจอแจนเราจะไม่รู้เลยว่าเพื่อนเราไปไหน เราจะไม่รู้เลยว่ามันเป็นยังไง เราก็ไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรต่อไป เรารู้ึสึกว่าเราเสียใจเราผิดพลาดที่เราหลุดมือกัน เรากับแจนเรียกได้ว่ามีชีวิตที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ตอนนี้กระเป๋าของแจนตำรวจเก็บไว้ให้ที่สน ทองหล่อแล้วได้ของครบถ้วนแต่ว่าต้องให้ญาติเอาบัตรประชาชนไปรับของ ซึ่งก็จะต้องพังประตูเพ่อเข้าไปเอาบัตรประชาชนไปรับของที่มีกุญแจต่างๆ ออกมา อยากให้เป็นอุทธาหรณ์นะคะ ใครที่เจอเหตุการณ์คับขันแบบนี้ขอให้คุณมีสติ ตั้งสติไว้ ควบคุมมันไว้ คุณจะผ่านพ้นเอาตัวรอดไปได้ด้วยดี วันนี้เราโชคดีที่เรารอดตายมาเล่าให้เพื่อนฟังได้ ความตายมันใกล้ตัวมากเลย ผลที่เราได้รับตอนนี้ เราหลับตาไม่ลงไม่ว่าจะหลับตาตอนไหนภาพไฟลุก ภาพคนที่ตะโกนไล่หลังเราว่าไฟไหม้ๆๆๆๆๆ เราไม่กล้าที่จะไปสถานที่ที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะโรงหนัง ห้าง กระทั่งขับรถตอนนี้เรายังไม่กล้า เรากลัว วันรุ่งขึ้นพอเราได้เห็นขาวเราไม่คิดเลยว่ามันจะร้ายแรงมากขนาดนี้คิดแค่ว่าอาจจะเสียชีวิตแค่ 1-2 คน ไม่คิดเลยว่เราจะต้องไปมีส่วนร่วมในนาทีตายแบบนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปล4.เสียใจและไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตในเหตุการ์ณนี้ทุกคนครับ(รวมถึงรุ่นน้อง ร.ร.ราชวินิต มัธยม 2 คนด้วย..) ปล5.ย้ำเครดิตครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7379670/A7379670.html Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~TheProFace~ on January 02, 2009, 06:09:22 PM ลองไปดูชื่อคอร์นเสิร์ต ดิ
(http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S7378340/S7378340-1.jpg) goodbye santika badboy party แค่ชื่อก็หลอนแล้ว RIP แก่ผู้เสียชีวิตทุกคนครับ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 02, 2009, 07:57:49 PM น่าสงสารครับ ::008::
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~๐Yggdrasil Guardiian๐~ on January 02, 2009, 08:04:32 PM เกือบได้เป็นเหมือนในดิสเพลท่าน ละซิ ::010::
ไว้อาลัยด้วยครับ พึ่งรู้ข่าววันนี้ เห็นว่า วงสุดท้ายที่เล่น ชื่อ BURN ที่แปลว่า ' เผา ' เห็นว่า พอไฟไหม้ผับเสร็จคำว่า SANTIKA ก็จะเหลือแต่คำว่า KA ซึ่งอ่านออกเสียง เป็นภาษาไทยว่า ' ฆ่า ' เห็นว่าหน้าโจอี้ . มันเป็นคล้าย ๆ เขม่าควันไฟ อยู่ตรงแก้ม 2 ข้าง แล้วดีเจ 2 คน เพชรจ้ากะภูมิทางด้านหลัง ก้ร้องไห้เป็นเลือด -0- ลางร้ายสุดๆ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 02, 2009, 08:25:12 PM เกือบได้เป็นเหมือนในดิสเพลท่าน ละซิ ::010:: ไว้อาลัยด้วยครับ พึ่งรู้ข่าววันนี้ เห็นว่า วงสุดท้ายที่เล่น ชื่อ BURN ที่แปลว่า ' เผา ' เห็นว่า พอไฟไหม้ผับเสร็จคำว่า SANTIKA ก็จะเหลือแต่คำว่า KA ซึ่งอ่านออกเสียง เป็นภาษาไทยว่า ' ฆ่า ' เห็นว่าหน้าโจอี้ . มันเป็นคล้าย ๆ เขม่าควันไฟ อยู่ตรงแก้ม 2 ข้าง แล้วดีเจ 2 คน เพชรจ้ากะภูมิทางด้านหลัง ก้ร้องไห้เป็นเลือด -0- ลางร้ายสุดๆ ฮวงจุ้ยแย่สุดๆ ::010:: Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ on January 02, 2009, 09:24:41 PM เหอ เหอ
หลังเกิดเรื่องอะไรก็ตีความได้หมดล่ะครับ - -* Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Zenonymn on January 03, 2009, 12:21:53 AM ชื่อคอนเสิร์ตก็ ...
::006:: Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ♥LONELY POP♥ on January 03, 2009, 01:07:17 AM พูดได้คำเดียวว่า"ซวย"จิงๆครับ
ส่วนเรื่องลางร้ายอะไรนี้ผมก็เฉยๆครับ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเผญิอมากกว่าครับ แต่ผมก็ไม่ได้ลบหลู่นะ ปล.ขอไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทุกคนครับพร้อมแสดงความเสียใจแก่พ่อแม่ญาติพี่น้องคนสนิทของผู้เสียชีวิตด้วยครับ RIP. Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: XA14 on January 03, 2009, 03:21:01 AM ยาวเกิน อ่านไม่จบจริง ๆ
ไงก็ขอร่วมไว้อาลัยด้วยครับ ใครที่รอดมาก็เข็ดซะนะครับ เที่ยวผับไม่ดีหรอก - -" Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: FroZen SkyZ~! on January 03, 2009, 02:59:20 PM RIP ครับ
ป.ล. ได้ข่าวว่าเป็น 60 คนแล้วนี่ครับ เสียชีวิตที่ ร.พ. Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ตบแหลกGeneral on January 03, 2009, 08:29:04 PM ขอให้ทุกท่านที่จากไปRest In Peace ครับ
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: S_A_Y on January 04, 2009, 01:28:43 AM ดวงจะถึงคาดล่ะครับ
ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: คาร์ลิโต้ หัวฟูที่สอง on January 04, 2009, 02:22:32 AM R.I.P ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Ghostfan on January 04, 2009, 02:37:57 AM RIP คืออะไรหว่า
ร่วมไวอาลัยด้วยครับ ::001:: Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: คาร์ลิโต้ หัวฟูที่สอง on January 04, 2009, 02:48:15 AM RIP คืออะไรหว่า ร่วมไวอาลัยด้วยครับ ::001:: R.I.P คือ Rest In Peace แปลว่า ไปสู่สุคติเถอะ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟŭ Post by: mr.Tu on January 04, 2009, 04:08:16 AM เห็นเพื่อนแถวบ้านบอกว่า ตรงหน้าบาร์ เอาโลงมาตั้งด้วย
คือเอามาตั้งไว้ตอนช่วง ฮาโลวีน แล้วยังไม่เอาออกไปก็ยังตั้งตรงนั้น แบบว่า มีของอัปมงคลอยู่ในนั้นด้วย แหละผมว่า มันชวนสิ่งไม่ดีๆ เข้ามาอะนะ (ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณาญาณในการตัดสินใจ) --------------------------------------------------------------------- ดูจากรูปที่มีในภาพประกอบก็ได้ครับ มีอยู่เหมือนกันขอให้สังเกตดีๆ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~TheProFace~ on January 04, 2009, 05:06:01 AM เห็นเพื่อนแถวบ้านบอกว่า ตรงหน้าบาร์ เอาโลงมาตั้งด้วย คือเอามาตั้งไว้ตอนช่วง ฮาโลวีน แล้วยังไม่เอาออกไปก็ยังตั้งตรงนั้น แบบว่า มีของอัปมงคลอยู่ในนั้นด้วย แหละผมว่า มันชวนสิ่งไม่ดีๆ เข้ามาอะนะ (ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณาญาณในการตัดสินใจ) --------------------------------------------------------------------- ดูจากรูปที่มีในภาพประกอบก็ได้ครับ มีอยู่เหมือนกันขอให้สังเกตดีๆ ผะ ผะ ผมเห็นแล้ว น่ากลัวเนาะ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: FroZen SkyZ~! on January 04, 2009, 02:27:31 PM ฮวงจุ้ยเลวร้ายสุด - - [ 62 ศพแล้วครับ ]
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: MN-ME on January 04, 2009, 03:06:12 PM เสียใจด้วยนะฮะ แก่ครอบครัวทุกคนที่เสียคนในครอบครัวไป
ลางบอกเยอะนะ โดยเฉพาะ โจอี้.. Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~๐Yggdrasil Guardiian๐~ on January 04, 2009, 06:02:11 PM เห็นว่าเอากางเขน ติดกลับหัวเพื่อเป็นการประดับด้วยนิ ครับ ::010::
ไม่รู้จริงเปล่าพ่อบอกเมื่อเช้า Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Sexy walker on January 04, 2009, 06:05:43 PM -ผมเคยได้ยินว่า คนที่ห้อยกางเขนกลับหัวเพราะว่า ไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูอ่ะครับ จึงห้อยกางเขนกลับหัว
นักบุญเปโตร ถูกตรึงกางเขนกลับหัว เพราะไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูเจ้า ต่อมาในยุคกลางสมัยคุณไสยเฟื่องฟู ได้นำเอาสัญลักษณ์ทางคริสตศาสนาต่างๆมาบิดเบือน เพื่อลบหลู่ หรือเพื่อแสดงตนว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นกางเขนจึงถูกนำไปกลับหัวเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระ คริสต์ โดยกลุ่มคุณไสย อาจไม่รู้หรือลืมไปว่า กางเขนกลับหัวเคยเป้นสัญลักษณ์ของนักบุญเปโตรมาก่อน(แต่ไม่ดังเท่าไก่กับ กุญแจที่นิยมใช้แทนท่านมากกว่า) ไปๆมาๆ กางเขนกลับหัวจึงถูกเข้าใจในความหมายเชิงลบมากกว่าความหมายดั่งเดิม เหมือนสัญลักษณ์รูปดาว5แฉก เคยหมายถึงรอยแผลทั้ง5ของพระเยซู แต่พอโดนพวกคุณไสยเอาไปกลับหัวแล้วใส่หน้าแพะเข้าไป ก็เลยกลายเป็นเป้นที่รู้จักในแง่แม่มดหมอผีมากกว่า จากเว็บ : http://www.newmana.com yabb/index.php?PHPSESSID=2ebf3dbb8ff96bee497a907130029a3a&topic=6018.0 Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 04, 2009, 06:08:43 PM เห็นว่าเอากางเขน ติดกลับหัวเพื่อเป็นการประดับด้วยนิ ครับ ::010:: ไม่รู้จริงเปล่าพ่อบอกเมื่อเช้า เอ๊ะ ไม่กลับหัวนี่ครับ ถึงกลับหัวจะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ??? แบบ...ผิดหลักศาสนา อะไรยังงี้น่ะครับ ??? Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~๐Yggdrasil Guardiian๐~ on January 04, 2009, 06:42:50 PM เห็นว่าเอากางเขน ติดกลับหัวเพื่อเป็นการประดับด้วยนิ ครับ ::010:: ไม่รู้จริงเปล่าพ่อบอกเมื่อเช้า เอ๊ะ ไม่กลับหัวนี่ครับ ถึงกลับหัวจะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ??? แบบ...ผิดหลักศาสนา อะไรยังงี้น่ะครับ ??? http://zybernia.wordpress.com/2009/01/01/santika/ กางเขนหรือกางเขนกลับหัวก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เพียงแต่กางเขนกลับหัวเป็นสิ่งที่ ประหารบุญเปโตร เพราะเมื่อนักบุญเปโตรจะถูกประหารโดยการตรึงกางเขนนั้น เขาได้ขอให้ตรึงเขาแบบกลับหัว เพราะไม่อยากตีเสมอพระเยซูน่ะครับ -.- Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Longinus on January 04, 2009, 07:42:44 PM เพื่อนของรุ่นน้องผมที่ไปที่นั้นยังหาตัวไม่เจอเลยครับ :'(
RIP Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: mr.Tu on January 04, 2009, 08:58:33 PM ขอร่วมไว้อาลัย กับผู้ที่เสียชีวิตด้วยครับ __/\__
------------------------------------------------ ถือเป็นอุทาหรณ์ ว่าหากไปเที่ยว ผับ หรือไนท์คลับ ควรมองหาเส้นทางหนีไฟไว้ด้วย Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: שׂ ћ ↑╫ 7 ┬│╖ on January 05, 2009, 04:55:28 PM RIP
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Phenomenon Knight on January 05, 2009, 07:58:59 PM เรื่องมันเศร้า
เอ่อ...จะไว้อาลัยกัน ยังต้องใช้ตัวย่อด้วยหรอคับ อะไรจะขี้เกียจกันขนาดนั้น ::010:: Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 05, 2009, 09:19:01 PM ร่วมไว้อาลัยด้วยคนครับ ::017::
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: S u p e r ~ J u n i o r on January 05, 2009, 09:40:06 PM ได้ข่าวว่า มีคนเอากล้องไปถ่าย แล้วติดชัตเตอร์ด้วยแหะ
Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 05, 2009, 11:00:20 PM ได้ข่าวว่า มีคนเอากล้องไปถ่าย แล้วติดชัตเตอร์ด้วยแหะ อะไรติดครับ...... ::006:: (กลัวครับ ถึงแม้ว่าจะชอบเอาเรื่องน่ากลัวมาเล่าก็ตาม ::008::) Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~๐Yggdrasil Guardiian๐~ on January 05, 2009, 11:36:45 PM ได้ข่าวว่า มีคนเอากล้องไปถ่าย แล้วติดชัตเตอร์ด้วยแหะ อะไรติดครับ...... ::006:: (กลัวครับ ถึงแม้ว่าจะชอบเอาเรื่องน่ากลัวมาเล่าก็ตาม ::008::) อันนี้อะครับ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=127182&sid=7ebc966382897486087402c25499b24e บรื้อ~ Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: boy on January 06, 2009, 12:26:03 AM ได้โปรดบอกข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่กล้าเปิดดู ก็คือสิ่งที่ขึ้นต้นด้วย "ผ" ใช่มั้ยครับ
(แม้จะเปิดมาแล้วแต่รูปยังไม่มา) Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~TheProFace~ on January 06, 2009, 01:46:09 AM ได้โปรดบอกข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่กล้าเปิดดู ก็คือสิ่งที่ขึ้นต้นด้วย "ผ" ใช่มั้ยครับ (แม้จะเปิดมาแล้วแต่รูปยังไม่มา) อืม ผมไม่แน่ใจนัก แค่เห็นแบบ ลางๆ ก็พอจับเค้าได้ละ ว่าเป็น ... (เปิดดูเองดิ 55+) Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Phenomenon Knight on January 06, 2009, 08:24:59 PM ดูในรูปแล้ว วงกลมข้างซ้ายนั้นเห็นชัดนะคับ
แต่วงกลมข้างบนนั่น ดูไม่ออกอะ ยังไงอะ ??? Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: ~๐Yggdrasil Guardiian๐~ on January 06, 2009, 10:53:13 PM ได้โปรดบอกข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่กล้าเปิดดู ก็คือสิ่งที่ขึ้นต้นด้วย "ผ" ใช่มั้ยครับ ใช่ละครับมันคือ "ผึ้ง" ::011::(แม้จะเปิดมาแล้วแต่รูปยังไม่มา) (ล้อเล่นครับ ::008::) ดูในรูปแล้ว วงกลมข้างซ้ายนั้นเห็นชัดนะคับ แต่วงกลมข้างบนนั่น ดูไม่ออกอะ ยังไงอะ ??? ผมก็ดูไม่ออกครับบางรูป ไม่กล้าsave มาขยายด้วย ::008:: Title: Re: นาทีชีวิตที่เรารอดตายราวปาฎิหารย์ ไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ Post by: Terrorblade on January 11, 2009, 11:19:09 PM คงเป็นรูปหน้าคนลางๆคนเดียวกันกับที่ลงไปนอนที่พื้นมั๊งครับ
|