Summoner Master Forum

Summoner Master => General Talk => Topic started by: T ๐ X i C * ~ on December 21, 2008, 02:23:14 AM



Title: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: T ๐ X i C * ~ on December 21, 2008, 02:23:14 AM
          คือวันนึงผมไปดูหนังกับเพื่อนมา เราก็ไปกันตัดสินใจว่าจะดูเรื่องอะไรดี
 
          มีเรื่องนึงเป็นหนังไทย อีกเรื่องเปนหนังฝรั่ง
 
          เพื่อนบอกดูหนังฝรั่งกัน  ผมก้ถามทำไม ไม่ดูไทยอะ

         เค้าบอกว่าให้ลองคิดดูนะ หนังไทย กับ หนังฝรั่ง เสียเงินค่าเข้าชมเท่ากัน

         แต่การลงทุน ในการสร้างหนังมันต่างกัน ของไทย 10 ล้าน ของต่างประเทศ ร้อยล้าน

         อะไรงี้  แล้วถ้าจะดูอันไหนที่คุ้มกว่ากัน?


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Joseph, the Deacon on December 21, 2008, 02:28:57 AM
เหรอ ... ก็แล้วแต่ละกัน

เพราะไม่มีหนังประเทศไหน ที่สร้างแล้ว
ให้ความเข้าใจได้มากกว่า หนังไทยด้วยกันเอง  ::001::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: mr.Tu on December 21, 2008, 02:33:20 AM
หนังไทยจะดูบางเรื่องเท่านั้น  บางเรื่อง(ส่วนใหญ่)  รับไม่ได้ครับ

ภาพแสง  ก็ไม่จัดถ่ายไปสั่วๆ  งั้นไร้คุณภาพครับ  ที่จะไปชมหนังไทยก็

แฮปปี้เบิร์ดเดย์  กับ  รักต่างพันธ์  นี่แหละ  เวิร์ดหน่อย   ขอยกตัวอย่างนิดหน่อย


องค์.... 2  ทำมาให้ชมสนุกอย่างเดียว แต่เนื้อเรื่องไม่มีอะไรทั้งสิ้นแบบนี้

ผมว่าก็ดูถูกคนดูไปหน่อยนะ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: oTidzoCurseDo on December 21, 2008, 03:11:44 AM
พรุ่งนี้จะไปดู

หนังเรื่อง"วันเกิด"


อิอิ


องค์บาก2


ดูแล้วหลายคนบอก"หักมุม"


แต่ตูดูทำไม
ตูรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้





หรือว่าตูฟลุครู้เอง


อิอิ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Nihil on December 21, 2008, 03:24:49 AM
สุดท้ายมันก็อยู่ที่ 2 คำ คือ "ชอบ" กับ "ไม่ชอบ"   ::012::
เราดูเรื่องที่ชอบ เรื่องที่อยากดู ก็แค่นั้นเอง


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: series on December 21, 2008, 03:26:23 AM
หนังไทยเดี๋ยวนี้พอก้าวจะเข้าสู่ระดับโลกได้ประมาณแค่ 10% ของเรื่องทังหมดอะ
พล็อตดีหลายเรื่องนะ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้กำกับด้วย
ชัตเตอร์เป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ "รักแห่งสยาม" เนี่ย
พอได้นะ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ on December 21, 2008, 05:11:33 AM
"วันเกิด" ไปดูมาแล้ว

ใครคิดยังไงก็ช่าง แต่สำหรับผม ผนชอบนะ

ดูแล้วคิดตามจะได้อะไรหลายๆอย่างเลย


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Joseph, the Deacon on December 21, 2008, 05:15:17 AM
หนังไทยเดี๋ยวนี้พอก้าวจะเข้าสู่ระดับโลกได้ประมาณแค่ 10% ของเรื่องทังหมดอะ
พล็อตดีหลายเรื่องนะ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้กำกับด้วย
ชัตเตอร์เป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่ "รักแห่งสยาม" เนี่ย
พอได้นะ

ลืมบางประเด็นไป ก็คือว่า

หนังต่างประเทศ ที่มีมาให้เราดู ไม่ใช่ทุกเรื่อง ที่ฉายในต่างประเทศ
คือ ในตปท. เอง ก็ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ที่ไม่ดัง เหมือนๆกับ หนังไทยนั่นแหล่ะ

คนที่เอาเข้ามา เขาต้องพอรู้บ้างว่า เรื่องนั้น น่าดู และขายได้ มาก-น้อย แค่ไหน
อืมมม  ::012::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: l2ider[K]uGa on December 21, 2008, 05:44:03 AM
ผมว่า หนัง ต่างประเทศมีเนื้อหาละเอียดกว่า เข้มข้นกว่า

หนังไทยสู้ไม่ค่อยได้ แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมว่าหนังไทย น่าดูขึ้นเยอะเลยนะ

แต่ส่วน ใหญ่ มีแต่หนังรักๆ อะที่ไปดู หนังบู๊ แอ็กชั่นไร เนี่ยดูแต่หนังต่างประเศ

แล้วผม ว่า หนังไทย มันแนวเดิมๆ นะ ไม่หนังรัก ก็ หนังผี หนังตลก [ซึ่งผมไม่ฮาเอามากๆ]

มันก็เลยออกแนวน่าเบื่อนิดนึง


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: EIMU on December 21, 2008, 07:00:24 AM
ขึ้นอยู่กับ 'สิ่งที่เราคาดหวังว่าจะได้รับ' ครับ

กรณีนี้เป็นปัจเจกนะ

ไม่ต้องฟังเพื่อนเลย


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: เซนต์ แมกนัส on December 21, 2008, 09:17:31 AM
          คือวันนึงผมไปดูหนังกับเพื่อนมา เราก็ไปกันตัดสินใจว่าจะดูเรื่องอะไรดี
 
          มีเรื่องนึงเป็นหนังไทย อีกเรื่องเปนหนังฝรั่ง
 
          เพื่อนบอกดูหนังฝรั่งกัน  ผมก้ถามทำไม ไม่ดูไทยอะ

         เค้าบอกว่าให้ลองคิดดูนะ หนังไทย กับ หนังฝรั่ง เสียเงินค่าเข้าชมเท่ากัน

         แต่การลงทุน ในการสร้างหนังมันต่างกัน ของไทย 10 ล้าน ของต่างประเทศ ร้อยล้าน
         อะไรงี้  แล้วถ้าจะดูอันไหนที่คุ้มกว่ากัน?

เป็นความคิดที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ

และเป้นความคิดที่ทำให้ประเทศเล็กจะเป็นเบี้ยล่างประเทศใหญ่ไปตลอดกาล


คุณคิดว่าเขาลงทุนร้อยล้านนี่ ได้กลับมากี่ล้านครับ อเมริกาประเทศเดียวใหญ่กว่าประเทศไทย10เท่า ค่าครองชีพสุงกว่าเราเกือบ10เท่า และประชากรมากกว่าเรากว่า5เท่า ดังนั้นเขาสร้างหนังที ถ้ามีคนแค่2ใน10ของเขาเสียตังไปดูนี่ ก็เท่ากับทั้งประเทศไทยไปดูแล้วนะครับ ดังนั้นหมายความว่า ถ้าเราลงทุนเท่าเขา ถามว่า จะไปดูให้ทั้งประเทศคนละ5รอบได้ไหม


เขาลงทุนร้อยล้านบาท แต่ได้กลับมาแน่นอนทันทีที่ฉายในประเทศก็หลาย100ล้าน (หนังแย่ๆบางเรื่องที่มาฉายเมืองไทยได้เงินแค่หลักแสนบาท แต่ของเขาเขามีคนดูสัก5ล้านเหรียญก็เท่ากับ150ล้านบาทไทยแล้ว)

แต่เมืองไทยไปลงทุนเท่าเขา มีหนังกี่เรื่องครับที่เคยมีคนไปดูถึงร้อยล้านบาท นอกจากหนังท่านมุ้ย ก็แทบจะนับเรื่องได้ แล้วลงทุนร้อยล้านได้กลับมาแค่ร้อยล้านนี่ก็คือเจ๊งนะครับ เพราะหักต้นทุนหักส่วนแบ่งโรงหนังไปนี่ คือขาดทุน จะกำไรล้วนๆต้องสัก150ล้าน

แล้วแบบนี้ใครจะบ้าลงทุนร้อยล้านไปขาดทุนแน่ๆครับ

อย่างองค์บาก2เองที่ลงทุนไป300ล้านนี่ เสี่ยแกแถลงออกมานานแล้วนะครับว่าไม่ได้หวังว่าจะกำไรในไทย เพราะมันไม่มีวันได้เลย แต่หวังขายเมืองนอกให้ได้ แล้วถามว่าต้องขายได้กี่ประเทศกันมันถึงจะได้200ล้าน(ตอนนี้ได้ไปแค่100ล้าน)

อย่าว่าแต่หนังไทยเลย หนังเอเชียทั้งหมดแม้แต่เกาหลีญี่ปุ่นเอง จะลงทุนถึงร้อยล้านแค่บางเรื่องเท่านั้น เพราะปัจจัยเรื่องขนาดประเทศและจำนวนประชากรล้วนๆ ไม่มีทางเทียบอเมริกาที่มีประชากรมากกว่าเป็นสิบเท่าได้

แต่คนเกาหลีกับญี่ปุ่น เขาไม่เคยมีความคิดไม่ลึกซื้งแบบคนไทยนี้นะครับ เขากลับคิดแบบชาตินิยมกันมาก คือถ้ามีตัวเลือกคือหนังนอกคุณภาพกับหนังชาติตัวเองคุณภาพ (ไม่ใช่วัดที่จำนวนเงินที่ลงทุน) พวกเขาพร้อมจะเลือกบริโภคของตัวเอง จึงทำให้เขามีหนังของชาติตัวเองที่ประสบความสำเร็จในบ้านตัวเอง และสามารถขยับขยายไปตีตลาดต่างประเทศได้ด้วยมากกว่าเรา

ประเทศที่ลืมตาอ้าปากทางเศรษฐกิจได้เหล่านี้ เขาไม่ได้คิดอะไรแบบคนไทยตรงข้าม เขาพยายามพึ่งพาและสนับสนุนประเทศตัวเอง

เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเชีย คือ3ชาติที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจเร็ว และมั่นคงขึ้นมากในบรรดาชาติเอเชียด้วยกันในช่วง10ปีนี้ ทั้ง3ชาติ ประชาชน เน้นใช้รถยี่ห้อที่ผลิตในประเทศตัวเอง ถ้าอะไรที่ประเทศพวกเขาทำได้โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญเช่นรถที่บางคนบอกเป้นปัจจัยที่5 เพราะคนมีรถก่อนมีบ้านกันอีก

แต่เมืองไทย การใช้ของนอกคือความโก้หรูครับ


ที่ญี่ปุ่นตอนที่คนญี่ปุ่นคิดถ่านไฟฉายได้เองครั้งแรก คนญี่ปุ่นทั้งหมดแทบจะเลิกใช้ถ่านนอกหันมาใช้ถ่านประเทศตัวเองกันหมด เพียงเพราะว่า มันเป็นของชาติเรา

เกาหลีเมื่อปีที่แล้วมีปัญหาเรื่องกิมจิของจีนเข้ามาตีตลาด มันถูกกว่าของในประเทศมาก แค่นายกรัฐมนตรีเกาหลีพูดว่า "คนเกาหลีน่าจะกินกิมจิของเกาหลี เพราะเป็นอาหารประจำชาติเราเอง" แค่นี้เอง โดยไม่ได้พูดเลยว่าอย่าไปกินของนอก เท่านั้นเองก็มีการเคลื่อนไหวทั่วประเทศ ชาวบ้านรณรงค์กินกิมจิเกาหลี ตลอดจนบอยคอตร้านอาหารที่ใช้กิมจิจากจีนกันเอง จนเกิดการลดจำนวนนำเข้าลงไปเอง และแม้ของนอกจะถูกกว่าอย่างไร เขาจะซื้อของประเทศเขาก่อน

ถ้าเป็นเมืองไทยคงเลือกของถูกไว้ก่อน

กลับมาเรื่องหนัง เมืองฮอลลีวูดมีหนังลงทุนต่ำ(สำหรับเขานะ) หนังทุนสูงของเขาคือร้อยล้านเหรียญ ขึ้น แต่ถ้าต่ำกว่า30เหรียญ เขาจัดเป็นหนังทุนต่ำสำหรับเขา เมืองไทยเรา30เหรียญก็คือ 900ล้านบาทแล้ว

แค่ลงทุน100ล้านนี่ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกำไรแล้ว จะมาวัดกันที่เงินทุนเพื่อแสดงความคุ้มล่ะก็

คงไม่ได้ดูหนังไทยกันชั่วชีวิต

แล้วคนที่คุ้มที่สุดไม่ใช่คนดูไทย แต่เป็นฮอลลีวู้ดที่ได้เงินจากประเทศตัวเองแล้ว ยังได้ดูดเงินจากประเทศโลกที่3ที่ชอบคิดอะไรแบบนี้ได้อีก


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Ξ ф EũĜęNie Ξ ф on December 21, 2008, 12:43:19 PM
หนังที่สนุก คือหนังที่เราดูมาแล้ว

หนังที่ไม่สนุก คือหนังที่เรายังไม่ได้ดู


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: the St. of Amara on December 21, 2008, 01:38:39 PM
หนังไทยหลายๆเรื่องผูกเนื่อเรื่องได้ดีมากและหลายเรื่องก็ทำมให้คนไทยซาบซึ้งใจ

และร้องไห้ออกมาได้อย่างไม่ต้องกลั้นหรืออายเพราะก็ร้องกันทั้งโรง( หรืออุปทานหม่  = =)

ในจุดนี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากดูภาพยนตร์ไทยครับ

เพราะความรักที่แสดงออกมาในเรื่องนั้นๆเป็นเสียงของคนไทยโดยตรง

ไม่ต้องฟังพากย์ซึ่งได้อารมณ์ไม่เท่ากัน

ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของหนังรักเศร้าๆของไทยเรานะครับ         ::001::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: MN-ME on December 21, 2008, 01:54:00 PM
หนังไทยหลายๆเรื่องผูกเนื่อเรื่องได้ดีมากและหลายเรื่องก็ทำมให้คนไทยซาบซึ้งใจ

และร้องไห้ออกมาได้อย่างไม่ต้องกลั้นหรืออายเพราะก็ร้องกันทั้งโรง( หรืออุปทานหม่  = =)

ในจุดนี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากดูภาพยนตร์ไทยครับ

เพราะความรักที่แสดงออกมาในเรื่องนั้นๆเป็นเสียงของคนไทยโดยตรง

ไม่ต้องฟังพากย์ซึ่งได้อารมณ์ไม่เท่ากัน

ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของหนังรักเศร้าๆของไทยเรานะครับ         ::001::

หมายถึง..

Love of Siam หรือเปล่า  ::006::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: S_A_Y on December 21, 2008, 04:23:25 PM
ดูหนังที่คิดว่าชอบนั่นแหละครับ คุ้มที่สุด


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: ~TheProFace~ on December 21, 2008, 06:47:57 PM
คนไทยมันติดแบรนด์จริงๆ อะ แหล่ะ

เขาเหนือกว่า เขาใหญ่กว่า เขาล้ำหน้ากว่า

คิดกันอยู่แค่เนี้ย



Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: 091098XXX on December 21, 2008, 07:01:36 PM
คนไทยมันติดแบรนด์จริงๆ อะ แหล่ะ

เขาเหนือกว่า เขาใหญ่กว่า เขาล้ำหน้ากว่า

คิดกันอยู่แค่เนี้ย



ถูก


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Red Hot Chili PepperS๛ on December 21, 2008, 10:24:15 PM
คนไทยมันติดแบรนด์จริงๆ อะ แหล่ะ

เขาเหนือกว่า เขาใหญ่กว่า เขาล้ำหน้ากว่า

คิดกันอยู่แค่เนี้ย



แต่มันก็เป็นเรื่องจริง

ส่วนตัวถ้าจะดูหนังไทย ถ้าหากดูแล้วน่าสนุก และงบการสร้างเยอะ หรือ ชอบนักแสดงคนนั้นๆ  ::011::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Sun Ce on December 21, 2008, 10:31:08 PM
สำหรับผมอยู่ที่ชอบกะไม่ชอบ ไม่เกี่ยวว่าของชาติไทย จีน ฝรั่ง ญี่ปุ่น etc.

ปล.แต่ไม่ชอบหนังไทยพวกหนังตลก เกลียดสุดๆ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Wonderer & Summoner on December 21, 2008, 11:48:16 PM
หนังไทยผมชอบดูนะ แต่ต้องดูตัวแสดงอะ

ส่วนหนังต่างประเทศดูเรื่องที่คาดว่าน่าจะสนุก จากตัวอย่างอะ

เมื่อก่อนดูหนังบ่อยมาก เดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูเลย เพราะหนังไม่ค่อยใจ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: Nihil on December 21, 2008, 11:53:40 PM
หนังที่สนุก คือหนังที่เราดูมาแล้ว

หนังที่ไม่สนุก คือหนังที่เรายังไม่ได้ดู

หรือ หนังที่สนุก คือ เราดูแล้วชอบ
หนังที่ไม่สนุก คือ เราดูแล้วไม่ชอบ
 ::011::


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: ~NICO ROBIN~ on December 21, 2008, 11:57:42 PM
รักแห่งสยาม

สุดยอดด Perfect มากมายครับ

สามารถตรึงคนทั้งประเทศได้ตั้งแต่

การโฆษณา
เนื้อหา
นักแสดง
เพลงประกอบ

นับถือหนังไทยกว่านะครับ แฝงไปด้วยสิ่งเรียบๆง่ายๆ


Title: Re: ภาพยนตร์ไทย และ ภาพยนตร์ต่างประเทศ
Post by: P_gik Deck เด็กแนว Mode on December 22, 2008, 12:17:28 AM
ที่เรามีดีสู้เค้าได้ ก็เรื่องกึ๋นล่ะครับ
เพราะงั้น หนังที่มันจะเอื้อให้โชว์กึ๋นคนกำกับ แบบไม่ต้องลงทุนเยอะนัก

มันก็คือหนังที่ไม่ใช่หนังแอ็คชั่น

แบบปัจจุบันนี่ล่ะ แบบว่าไม่ค่อยชอบดูหนังรักนะ  ::010::