Summoner Master Forum

Summoner Master => General Talk => Topic started by: Longinus on December 14, 2008, 02:37:24 AM



Title: ว่าด้วยเรื่องของพยาธิตัวตืด(ซีรี่ตัวประหลาดของนาย Longinus 3)
Post by: Longinus on December 14, 2008, 02:37:24 AM
วันนี้นำเรื่องพยาธิตัวตืด... ยืดๆ... ยาวๆ... มาฝากกันนะคับพี่น้อง......

ลักษณะทั่วไป
เป็นพยาธิตัวแบนคล้ายๆ แถบริบบิ้น แบ่งเป็นปล้อง ๆ ขนาดยาว 2-4 มม.  พยาธิตัวตืดทั้งตัวเรียกว่า stwobila แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ 3 ส่วน คือ

1. ส่วนหัว (scolex) มีอวัยวะสำหรับยึดเกาะเรียกว่า ขอ (sucker)  บางชนิดจะมีขอเล็ก ๆ  (hook) ด้วย

2. คอ (neck) เป็นบริเวณที่เจริญเติบโตกลายเป็นปล้อง

3. ปล้อง (segment หรือ proglottid)  แบ่งเป็น
- ปล้องอ่อน (immature segment)
- ปล้องแก่ (mature segment)
- ปล้องสุก (gravid segment)

พยาธิตัวเต็มวัยจะพบในลำไส้ของคนและสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง  เป็นกระเทย (hermaphtrodote) ไม่มีช่องว่างในลำตัว  ไม่มีระบบทางเดินอาหาร แต่มีระบบขับถ่ายและระบบประสาท

ระบบสืบพันธุ์เจริญเติบโตสมบูรณ์ ในแต่ละปล้องจะมีอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียอยู่ด้วยกัน

(http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7313657/X7313657-0.jpg)

โดยทั่วไปแล้วพยาธิตัวตืดที่พบในคนมีจะมีมากกว่า 10 ชนิด  คือ

โรคพยาธิตืดวัว (Taenia saginata)
พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่นิยมรับประทานเนื้อวัว พบได้บ่อยในเม็กซิโก อเมริกาใต้  แอฟริกาตะวันออกและตะวันตก  เยอรมัน  ออสเตรเลีย 

เบลเยี่ยม  ฮอลแลนด์  อังกฤษ อิตาลี  ลาว   ฯลฯ ในประเทศไทยมีมากในภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การติดต่อ 
การรับประทานถุงพยาธิตืดวัวที่มีตัวอ่อน (Cysticercus bovis) ที่ปนเปื้อนไปกับอาหารหรือ  น้ำดื่ม  หรือ  รับประทานเนื้อวัวที่มีตัวอ่อนอยู่โดยไม่ทำให้สุกก่อน

อาการ 
ตัวเต็มวัยในลำไส้เท่านั้นที่ทำให้เกิดโรค   โดยพยาธิจะแย่งอาหารในลำไส้ ถ้ามีหลายตัวจะทำให้ปวดบริเวณลิ้นปี่   ไม่สบายท้อง   อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน     

บางครั้งมีอาการอุจจาระร่วง หรือท้องผูก น้ำหนักตัวอาจลดลง ปล้องสุกที่เคลื่อนตัวออกมาทางทวารหนักทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวล ปล้องสุกที่หลุดออกมาอาจจะเข้าไปไส้ติ่ง ทำให้เกิดการอักเสบได้

การวินิจฉัยโรค 
- การตรวจด้วยตาเปล่า เป็นการดูลักษณะทั่ว ๆของอุจจาระ เช่น ดูสี  ดูลักษณะว่า เป็นก้อนอ่อน เหลว หรือเป็นน้ำ ดูมูก กลิ่น เลือด และการพบปล้องสุกหรือไข่ในอุจจาระ
- การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์   เพื่อตรวจหาไข่หรือปล้องสุก   และความรุนแรงของการติดเชื้อ
- นับจำนวนแขนงของมดลูกโดยการฉีด indian ink เข้าไปในมดลูกของพยาธิ หรือโดยการย้อมสี เพื่อแยกจากพยาธิตืดหมู

การักษา 
ยาปราซิควอนเทล  ขนาด 10-20 มิลลิกรัม  ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม  ให้รับประทานครั้งเดียวก่อนนอน

โรคพยาธิตืดหมู  (Taenia solium)

พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่กินเนื้อหมูเป็นอาหาร พบได้บ่อยในประเทศเม็กซิโกและประเทศ ในอเมริกาใต้ จีน แมนจูเรีย ปากีสถาน อินเดีย 
ในประเทศไทยพบได้ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ชอบกินเนื้อหมูดิบ ๆ สุก ๆ เป็นอาหาร

การติดต่อ
- กินถุงพยาธิตืดหมูที่มีตัวอ่อนหรือหมูสาคู (Cysticercus cellulosae)ที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำ
- รับประทานเนื้อหมูที่มีตัวอ่อนอยู่โดยไม่ทำให้สุกก่อน

อาการ
พยาธิเพียงตัวเดียวในลำไส้เล็กมักทำให้เกิดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
ถ้ามีตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป  ในการเคลื่อนตัวจะเพิ่มโอกาสทำให้เกิดลำไส้ หรือไส้ติ่งอุดตัน  หรืออาจเข้าไปท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อนได้ 
สารพิษจากพยาธิอาจถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย  ทำให้เกิดอาการตามระบบได้ ถ้าเคลื่อนตัวมาที่ทวารหนักทำให้เกิดอาการคันรอบ ๆ ทวารหนัก
ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร  ทานอาหารมากขึ้น น้ำหนักลด ปวดศีรษะ ท้องผูก หรือท้องร่วงได้
บางครั้งพบอาการแพ้ เช่น ลมพิษ คันตามผิว พยาธิอาจทำให้เกิดการอุดตันของ
ไส้ติ่ง ท่อน้ำดี ท่อตับอ่อน ทำให้เกิดการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน

การวินิจฉัยโรค
- การพบปล้องสุกหรือไข่สุกในอุจจาระ
- การตรวจด้วยตาเปล่าตามผิวหนังผู้ป่วยจะพบเป็นปุ่มเล็ก (nodule) คล้ายถั่ว ซึ่งสามารถผ่าตัดออกมาได้
- การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อตรวจหาไข่หรือปล้องสุก และความรุนแรงของการติดเชื้อ
- นับจำนวนแขนงของมดลูกโดยการฉีด indian ink เข้าไปในมดลูกของพยาธิ หรือโดยการย้อมสี เพื่อแยกจากพยาธิตืดวัว
- การตรวจน้ำไขสันหลังและการตรวจเลือด ผู้ป่วยที่มีถุงตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูที่สมองจะมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำ           
ไขสันหลัง น้ำตาลในน้ำไขสันหลังอาจปกติหรือต่ำได้

การรักษา
ยาปราซิควอนเทล  ขนาด 10-20 มิลลิกรัม   ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม  ให้รับประทานครั้งเดียวก่อนนอน

นอกจากนี้โรคพยาธิที่เกิดจากหมูอีกชนิดหนึ่ง คือ  โรคถุงตัวตืด  (Cysticercosis) 

เป็นโรคที่เกิดจากมีถุงตัวอ่อนของพยาธิตืดหมู ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

การติดต่อ
- กินไข่พยาธิตืดหมูที่ปนอยู่กับอุจจาระ อาหาร ผักสด
- จากการขย้อนปล้องแก่ของพยาธิตืดหมูที่อยู่ในลำไส้กลับขึ้นไปในกระเพาะอาหาร

อาการ
อาการของโรคที่เกิดจากถุงตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวน  อายุ และตำแหน่งของซีสต์ (cysts) โดยมีรายงานว่าถุงตัวอ่อนพยาธิตืดหมู
ที่พบในผู้ป่วยที่สมอง 60% ตา 3% และกล้ามเนื้อ 5% โดยเฉพาะทีกล้ามเนื้อจะพบได้บ่อยกว่าที่อื่น  แต่ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ
ที่สำคัญจึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ซีสต์ที่มีชีวิตจะก่อให้เกิดการอักเสบชนิด chronic lymphocytic และ granulomatous
และพยาธิสภาพอาจอยู่นานถึง 20 ปี ซีสต์ที่ตายแล้วจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ มีการตายของเนื้อเยื่อ ซีสต์ที่ตายอาจหายไปเองหรือมีหินปูนมาหุ้ม
และอยู่ในร่างกายได้นานหลายปี เมื่อมีหินปูนเกิดขึ้นอาการโรคต่าง ๆของผู้ป่วยจะลดลงจนหายไปในที่สุด

- พยาธิตืดหมูที่สมอง  (Neurocysticercosis) ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชัก ความดันในสมองสูง

- พยาธิที่ตา (Ocular cysticercosis) อาจพบถุงพยาธิตืดตัวอ่อนเกาะอยู่ใต้เรตินา ทำให้เกิดอาการบวม เลือดออก ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นมัว

- พยาธิที่กล้ามเนื้อ (Muscular cysticercosis) พบถุงพยาธิตือตัวอ่อนได้ในกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย รวมทั้งกระพุ้งแก้ม ลิ้น เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงระหว่างติดพยาธิในระยะแรก
นอกจากนี้การอักเสบ อาจพบรอบ ๆ ซีสต์ด้วย ทำให้กล้ามเนื้อบวม ต่อมากล้ามเนื้อจะฝ่อเกิดซีสต์ที่มีเนื้อเส้นใยอย่างผิดปกติ และมักมีหินปูนมาหุ้ม

การวินิจฉัยโรค
พบถุงพยาธิตืดหมู หรือหมูสาคู (Cysticercus cellulosae) ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเป็นปุ่มเล็ก (nodule) คล้ายถั่ว ซึ่งสามารถผ่าออกมาได้

การรักษา
- ใช้ยาปราซิควอนเทล ขนาด 30-50 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวันแบ่งกินวันละ 3 ครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
- ใช้การผ่าตัดเอาถุงพยาธิออก ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของถุงพยาธิและอาการของผู้ป่วย

Echinococcus granulosus โรคถุงน้ำ hydatid

พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะถิ่นที่มีการเลี้ยงแกะ วัว ควาย ในอเมริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ บราซิล ยุโรปตอนใต้และตะวันออก มองโกเลีย จีน ญี่ปุ่นตอนใต้
เวียดนาม  ฟิลิปปินส์  อิรัค  ฯลฯ  ในประเทศไทย มีรายงานการพบพยาธินี้ในปอดผู้ป่วยในโรงพยาบาลโรคทรวงอก  โดยทวีทอง  กออนันตกูล  และ  คณะในปี    ค.ศ .1991 (พ.ศ  2533)

การติดต่อ
กินไข่ที่ปนกับอุจจาระสุนัขหรือไข่ปนเปื้อนกับอาหาร

อาการ
ปกติผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคหลังจากติดเชื้อนาน 5-20 ปี หรือเมื่อถุงน้ำ (hydatid cyst) มีขนาดใหญ่ขึ้น ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อ 
การติดเชื้อของพยาธินี้พบได้ทั่วร่างกาย แต่ 80-90% พบที่ตับและปอด เนื้อเยื่อที่อยู่รอบซีสต์  จะเกิดการอักเสบ ต่อมาจะมี  fibrous tissue  มาหุ้ม  ในที่สุดเนื้อเยื่อจะฝ่อและตาย
ถ้าติดเชื้อที่ตับจะไปกดท่อน้ำดีทำให้ท่อน้ำดีอุดตัน ถ้าเกิดการติดเชื้อในกระดูกจะทำให้กระดูกผุกร่อน นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการแพ้เป็นผื่นแดงและคัน

การวินิจฉัยโรค
- ตรวจเลือดเพื่อดู eosinophil ซึ่งสูงถึง 20-25%
- ตรวจทางรังสีวิทยา
- ตรวจหา hydatid cyst ในอวัยวะต่าง ๆ
- ตรวจทางน้ำเหลือง (serology)
- ทำ skin test โดยใช้น้ำจาก hydatid cyst จากคนหรือสัตว์ทำให้ปราศจากจุลชีพโดยการกรองก่อน

การรักษา
- การผ่าตัด
- กำลังอยู่ระหว่างศึกษายาอัลเบนตาโซล และมีเบนดาโซลในการรักษาผู้ป่วย

โรคพยาธิตืดแคระ  (Hymenolepis nana)

พบได้ทั่วโลกและพบได้บ่อยในเขตหนาวในทวีปยุโรปตอนใต้ รัสเซีย อินเดีย ตอนใต้ของอเมริกา ลาตินอเมริกา หมู่เกาะฮาวาย เกาะกวม ในประเทศไทยพบได้ไม่มากนัก 
ประยงค์  ระดมยศ เคยตรวจพบในเด็กที่สถานสงเคราะห์เด็กในกรุงเทพฯ 20%

การติดต่อ
- กินไข่หรือกินพยาธิตัวอ่อนในระยะติดต่อ (cysticercoid)

อาการ
- ถ้ามีพยาธิจำนวนน้อยจะไม่มีอาการ แต่ถ้ามีจำนวนมากจะเกิดการระคายเคืองเยื่อบุผนังลำไส้มาก ทำให้มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
การดูดซึมอาหารผิดปกติ  น้ำหนักลด ทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ

การวินิจฉัยโรค
- ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ
- อาจพบตัวพยาธิ ให้ตรวจดูลักษณะหัวและปล้องของพยาธิ

การรักษา
เช่นเดียวกันกับการรักษาโรคพยาธิตืดวัว ได้แก่  ยาปราซิควอนเทล ขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม  กินครั้งเดียวก่อนนอน

โรคพยาธิตืดหนู (Hymenolepis diminuta)

พยาธิตืดหนู เป็นปรสิตในลำไส้เล็กของหนูและสุนัข  ในคนพบได้ทั่วโลก เช่น เบลเยี่ยม อิตาลี  รัสเซีย  ญี่ปุ่น  จีน  ฟิลิปปินส์ อินเดีย  แอฟริกา
อาร์เจนตินา  คิวบา  อเมริกา  ฯลฯ  ในประเทศไทยพบได้ประปราย

การติดต่อ 
กินพยาธิตัวอ่อนในระยะติดต่อ (cysticercoid)

อาการ
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอาการ เนื่องจากการติดเชื้อมีพยาธิจำนวนน้อย ถ้ามีพยาธิจำนวนมากจะมีอาการเช่นเดียวกับพยาธิตืดแคระ

การวินิจฉัยโรค
- ตรวจอุจจาระเพื่อหาไข่พยาธิ
- ตรวจดูตัวพยาธิซึ่งอาจจะได้จากผู้ป่วย

การรักษา
เช่นเดียวกับการรักษาโรคพยาธิตืดวัว ได้แก่ยาปราซิควอนเทล ขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว  1  กิโลกรัม   กินครั้งเดียวก่อนนอน

เราอาจจะเห็นตืดชนิดนี้ได้จากสัตว์เลี้ยงตามบ้านของเราเองนะคับ เพราะว่าสุนัขหรือแมวนั้นส่วนใหญ่ชอบจับหนูเล่นเมื่อพวกมันเล่นเสร็จมันก็จะกินหนูที่จับได้นั้น ทำให้ตัวตืดหนูเข้าสู่ร่างกายได้

Raillietina  siriraji

เป็นพยาธิตืดในหนู ในประเทศไทยพบครั้งแรกในเด็กกรุงเทพ  โดย Leuckart ค.ศ. 1891 (พ.ศ. 2434)  ต่อมาใน  ค.ส. 1957 (พ.ศ.2500)
Chandler  และศาสตราจารย์อานนท์  ประทัตสุนทรสาร  ได้รายงานผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 ราย  และต่อมาได้รายงานเพิ่มไว้อีกหลายราย   ในปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516)  ปรีชา  เจริญลาภ  และประยงค์  ระดมยศ ได้รายงานเพิ่มอีก 1 ราย  ซึ่งได้รายงานไว้ในคน  และหนูในปี ค.ศ. 1970   (พ.ศ. 2513)

 วงจรชีวิต
มีหนูเป็นโฮสต์จำเพาะในธรรมชาติ วง จารชีวิตที่แน่นอนยังไม่ทราบ  แต่สันนิษฐานว่าแมลงสาปเป็นโฮสต์ กึ่งกลาง  เพราะจากรายงานการพบพยาธินี้ในเด็ก 9 ราย โดยศาสตราจารย์อานนท์ ประทัตสุนทรสาร  พบว่าสองราย  เคยกินแมลงสาป

การติดต่อ
-    กินตัวอ่อนพยาธิในระยะติดต่อ (cysticercoid)
- พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะเด็ก ๆ มักจะกินไม่เลือก

อาการ
คนที่เป็นพยาธิชนิดนี้ไม่ปรากฏว่ามีอาการหรือพยาธิสภาพแต่อย่างใด

การวินิจฉัยโรค
ตรวจพบปล้องสุกปนออกมากับอุจจาระ

การรักษา
ยาปราซิควอนเทล ขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินครั้งเดียวก่อนนอน

พยาธิตืดปลา (Diphyllobothrium latum)

เป็นปรสิตที่พบได้บ่อยในลำไส้ของคน พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลสาปในตอนเหนือของ  อิตาลี  สวิตเซอร์แลนด์  เยอรมัน  รัสเซีย  สวีเดน  เกาหลี  ไต้หวัน
ฟิลิปปินส์  ญี่ปุ่น  ฯลฯ ในประเทศไทยยังไม่มีรายงานการพบพยาธินี้

การติดต่อ       
กินตัวอ่อนที่อยู่ในระยะติดต่อ

อาการ
ทำให้เกิดภาวะซีดและอาการทางระบบประสาทจากการขาดวิตามิน บี12 พยาธิตัวเดียวก็อาจทำให้เกิดลำไส้อุดตันได้ พยาธิในลำไส้เล็กส่วนกลาง และส่วนต้นทำให้การดูดซึมวิตามิน บี 12 ลดลง เหนื่อยง่าย ชาตามปลายมือปลายเท้า ถ่ายเหลว บางรายมีปวดท้องใต้ลิ้นปี่และมีไข้

การวินิจฉัยโรค
- ตรวจหาไข่ในอุจจาระ
- ตรวจดูปล้องซึ่งอาจจะหลุดออกมากับอุจจาระ

การรักษา
ยาปราซิควอนเทล ขนาด 10 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินครั้งเดียว ก่อนนอน

จากคุณ : justic  แห่งพันทิปครับ


Title: Re: ว่าด้วยเรื่องของพยาธิตัวตืด(ซีรี่ตัวประหลาดของนาย Longinus 3)
Post by: Nihil on December 14, 2008, 05:21:28 AM
เหมือนเส้นหมี่มากมาย


Title: Re: ว่าด้วยเรื่องของพยาธิตัวตืด(ซีรี่ตัวประหลาดของนาย Longinus 3)
Post by: Hypercube on December 14, 2008, 05:32:17 AM
โห ไม่มีหน้าตามาฝากเหรอ


หามาให้เองซะเรย

(http://www.stanford.edu/group/parasites/ParaSites2002/hymenolepsis/microstoma_scolex_sem.gif)


Title: Re: ว่าด้วยเรื่องของพยาธิตัวตืด(ซีรี่ตัวประหลาดของนาย Longinus 3)
Post by: boy on December 14, 2008, 03:27:20 PM
เป็นซีรี่ย์ที่น่าจดจำ(ในหัวข้อ สัตว์หน้าตาอุบาทว์)  ::001::


Title: Re: ว่าด้วยเรื่องของพยาธิตัวตืด(ซีรี่ตัวประหลาดของนาย Longinus 3)
Post by: the St. of Amara on December 14, 2008, 04:34:46 PM
หน้ากลัวที่สุด      ::003::