Title: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 11, 2008, 10:44:21 PM Garuda ( ครุฑ) ในโลก Terra อาณาจักรที่เป็นเอกเทศส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่เกือบจะเป็นตำนานเหล่านี้
แทบจะถูกลืมเลือนจากความทรงจำไป กลายเป็นแค่ตำนานนิยายเล่าขานกันของชาวบ้านในอาณาจักร Fudenun เพียงเท่านั้น จนกระทั่ง ครั่งหนึ่งที่เหล่าปีศาจ Sin ต่างๆครอบงำจิตใจมนุษย์ที่เต็มไปด้วยราคะได้สำเร็จ และพยายามจะกลืนกินจิตวิญญาณที่ละน้อยๆ ด้วยการตั้งพันธะสัญญาเอาไว้ กับชายผู้กระหายในอำนาจ Blaze Sage อุปราชแห่งจักรวรรดิ Zalom ผ่านลงมาทางตอนใต้ถึงดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ที่ซึ่งมีภูเขาสูงตระหง่านเป็นแนวยาวดั่งโอบล้อมดินแดน แห่งนี้ไว้ในอ้อมแขน มหาพฤกษาสง่าที่มีใบไม้เป็นสีเงินสวยงาม สะท้อนแสงตะวันยามเช้าได้เป็นอย่างดี "แม่คะ เราต้องเก็บใบไม่ไปเยอะเท่าไหร่กันคะ?" เสียงเด็กน้อยพูดขึ้น เด็กน้อยผมสีน้ำตาล แต่งตัวด้วยเสื้อ กับกระโปรงทอมือที่กำลังเก็บใบไม้สีเงิน ณ โคนต้น Yggdrasil เอ่ยถามสตรีวัยกลางคนที่หน้าตาไม่แตกต่างกันมากนัก "อีกสักนิดจะลูก สักตะกร้าเราก็นำไปให้ท่านวูจินทำยาได้แล้วละลูก แต่แดดวันนี้ร้อนเหลือเกิน แม่ขอพักสักหน่อยนะ" หญิงผู้เป็นมารดากล่าว จากนั้นจึงได้เดินไปที่ใกล้โคนต้นและเอนกายาลงไปนอนกับเศษใบไม้สีเงินที่ร่วงอยู่ เหลือไว้แต่เด็กน้อยที่กำลังเก็บใบไม้สีเงินอย่างสนุกสนาน " อะ ดอกไม้สวยจัง " เด็กสาวหันไปเห็นดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลีบสีเหลืองนวลราวกับแสงตะวัน เด็กน้อยเร่งก้าวเดินไปเพื่อไปชมดอกไม้งามใกล้ๆทันที แต่ไม่ทันที่จะก้าวไปถึงดอกไม้ เงาของสิ่งมีชีวิตที่มีปีกขนาดใหญ่ก็ทอดตัวผ่านสาวน้อยคนนี้ มุ่งไปทางมหาพฤกษาอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยตกใจ รีบแหงนหน้าขึ้นไปมองโต้กับแดดที่ส่องผ่านใบของต้น Yggdrasil " อะไรน่ะ " เด็กน้อยอุทานเบาๆ ต้องหรี่ตาลงเพราะไม่อาจสู้แสงแดดแรงขนาดนี้ได้ " แม่ค่ะ แม่ค่ะ " เด็กน้อยไม่รอช้า ที่จะรีบวิ่งไปปลุกแม่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ .... ผ่านความสูงขึ้นไปตามลำต้นแห่งมหาพฤกษา บนยอดไม้ที่แผ่กว้างไป เจ้าของเงาได้หุบปีกลงเล็กน้อยและได้บินผ่าน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ตามแขนงกิ่งก้านใบลักษณะไม่ผิดบ้านเรือนมนุษย์ ผ่านเข้าไปถึงเขตที่สามารถมองออกได้ว่าเป็นปราสาทที่สร้างด้วยวัสดุสีขาว เจ้าของเงาบินผ่านเข้าไปภายใน *อนึ่งบทสนทนาครุฑได้รับการแปลแล้วโดยผู้ตั้งกระทู้ ไม่ต้องใช้วุ้นแปลภาษาก็ได้ฮะ " ถวายบังคมองค์หญิง " สิ่งมีชีวิตตัวใหญ่กว่ามนุษย์ปกติคุกเข่าลงต่อหน้าลานภายในพระราชวังที่โอ่อ้ากว้างขวาง ( สะดวกแก่การบิน - -) กายสีเขียวสด กายเป็นมนุษย์ แต่ศีรษะเป็นวิหค สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ครุฑ!! ( - - คุ้นๆ) " ว่าอย่างไรบ้าง พญาเกลการูด้า " ครุฑขนาดเล็กกว่า สวมมงกุฎไว้ที่ศีรษะ ขนสีเขียวมรกต ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์รัดรูปสวยงาม " เหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติดีอยู่พะยะค่ะ วิถีชีวิตของมนุษย์แห่งดินแดนนี้ไม่ผิดแปลกไปจากทุกวัน อีกทั้งเหตุการณ์ภายนอกเขตเขาคีรีบันดาก็ปกติดี ไม่มีวี่แววการตั้งทัพหรือเคบื่อนพลมนุษย์ใดๆเลยพะยะค่ะ " พญาการูด้าตอบ ปีกที่สยายอยู่หุบลงแนบชิดลำตัวหลัง " แล้วอีเกิลการูด้าพวกนั้นเห็นอันใดกันเล่า? ธงรูปวิหคสีทองกับขบวนขุนพลมนุษย์ที่มุ่งหน้าลงไปทางใต้ " " องค์หญิงเดลิเชีย โปรดทรงพินิจคำของอีเกิ้ลการูด้าพวกนั้นก่อน การก่อสงครามโดยไม่มีชนวนไม่มีเหตุผล เป็นสิ่งที่ยากจะเกิดยิ่งนัก เหล่าอีเกิ้ลการูด้าที่มีความสามารถด้านการมองดีเยี่ยมก็จริง แต่พลทหารเหล่านั้นอาจ ไม่ได้ถูกส่งไปเพื่อการรบ อาจถูกส่งไปสำรวจ สืบเสาะ หรือคุมตัวอะไรสักอย่าง ขอองค์หญิงโปรดพิจารณา " พญาเกลการูด้ากล่าวอย่างสุภาพ ใบหน้าขององค์หญิงแห่งการูด้า เดลิเชีย บัดนี้กลับกลายเป็นนิ่งงันพินิจคำของขุนพล "ก็อาจจริงดังเจ้าว่า แต่การส่งไปปฏิบัติภารกิจต้องใช้ทหารนับแสนเชียวหรือ?! ถึงกับต้องเกณฑ์พลนั่น มันมากซะเกือบอาณาจักรได้เลยนะท่านพญาเกลการูด้า อีกอีเกิลการูด้าเหล่านั้นที่ออกไปเยี่ยมเพื่อนฝูงที่ ยอดเขาวาฮาลเห็นขณะเดินทางกลับเล่า สายตาของพวกเค้าไม่ได้ด้อยเลย มิหนำซ้ำมิได้มีแต่ทหารเดินเท้า พวกเค้าบอกว่ามีทั้งมังกรไฟ และกริฟฟิน อีกสัคว์ร้ายนานาชนิดก็อยู่ในทัพด้วย " ฝ่ายองค์หญิงการูด้า เดลิเชียแย้ง ทุกอย่างในห้องโถงเงียบกริบ มีแค่เสียงลมพัดไหวๆ ถ้าหากเป็นจริงดังที่พระองค์ทรงพินิจแล้ว เราเองก็ไม่มีส่วนร่วมกับสงครามของพวกมนุษย์อยู่ดี อีกทั้งตามที่อีเกิลการูด้าบอก หากพวกมันเห็นกองทัพจากทะเลทราย นั่นหมายความว่าภูมิประเทศของ อาณาจักรคงจักแห้งแล้งกันดารมิใช่น้อย ดังนั้นแล้ว เสบียงย่อมไม่พอในการทำศึกกับอาณาจักรอื่นเป็นแน่ พญาเกลการูด้ากล่าว สิ้นคำ องค์หญิงเดลิเชียทรงโบยบินออกไปนอกประตูวัง และมองออกไปยังผืนป่าฟูดินันจรดภูเขาคีรีบันดา พญาเกลการูด้าก็โบยบินตามออกไปด้วย องค์หญิงการูด้าทรงแลไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ แล้วหันกลับมามอง ที่พญาเกลการูด้าอีกครั้ง เมื่อองค์หญิงให้ทราบถึงความนัย พญาการูด้าก็แจ่มแจ้ง ... เจ้าคงเห็นเหมือนข้าใช่มั้ย เสบียงกองทัพนั้นไซร้อยู่ที่นี้แล้วไร องค์หญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ นัยน์ตาของขุนพลเบิกกว้าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีพะยะค่ะ มังกรเทพพิทักษ์แห่งคีรีบันดาไม่ยอม ให้ผู้ใดที่มีจิตสังหารรุนแรงเช่นนั้นย่างก้าวเข้ามาแน่พะยะค่ะ กองทัพที่มีแม้แต่มังกรไฟ เป็นต้น เหตุใดจะบินข้ามมาให้พ้นจากการรับรู้ของไพทอนมิได้ อีกหากกองทัพสามารถยึดผืนป่านี้ได้แล้ว ความแข็งแกร่งแห่งกองทัพ อาณาจักรใดก็คงไม่ยาก เดลิเชียกล่าว ดูกร องค์หญิง หากเป็นจริงแล้ว จนกว่าจะถึงเวลานั้น ขอองค์หญิงอย่าได้วิตก ทวยเทพแห่งผืนป่าฟูดินัน ไม่ยอมให้ชาวบ้านธรรมดาต้องเป็นเหยื่อสงครามเป็นแน่พะยะค่ะ ... พญาเกลการูดากล่าว ข้าหมดหน้าที่เท่านี้แล้ว ข้าขอตัวพะยะค่ะ จากนั้นพญาเกลการูด้าก็บินออกไป องค์หญิงการูด้ายังคงแลดูผืนป่าไม่ไหวติง ก่อนจะกลับเข้าวังไป ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น ..................................... กาลเคลื่อนเลื่อนผ่านไป วันที่เกิดแผ่นดินไหว อีกเสียงคำรามกึกก้อง ดังทั่วผืนป่าดังสัญญาณอันตราย เหล่าครุฑแม้ไม่ได้เดินอยู่บนผืนแผ่นดินเฉกมนุษย์ทั่วไป ไม่อาจรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้มาก แต่ทว่า เสียงคำรามและประสาทการรับฟังของเหล่าครุฑนั้นก็ดีกว่ามนุษย์อยู่มาก -----ถวายบังคม องค์หญิงเดลิเชีย----- ทันทีที่องค์หญิงเดลิเชียทรงบินออกมานอกพระราชวัง เหล่าการูด้าน้อยใหญ่ก็ถวายความเคารพ พร้อมด้วยการูด้าองครักษ์หลวงที่มีขนกายสีน้ำเงินโบยบินลงมาคอย อารักขาองค์หญิง และกันฝูงการูด้าไม่ให้เข้าใกล้มากเกินไป องค์หญิงพะยะค่ะ เสียงดังกึกก้องจากภูเขาคีรีบันดานั่น มันอะไรกันพะยะค่ะ การูด้าตัวหนึ่งเอ่ยถาม ใช่เสียงคำรามของมังกรไพทอนหรือไม่ พะยะค่ะองค์หญิง องค์หญิงเพค่ะ ภายนอกป่าฟูดินันเกิดอันใดขึ้นเพค่ะ ข้างนอกนั่นมีอะไรเพค่ะ ข่าวลือเรื่องกองทัพจากทะเลทรายเป็นจริงหรือไม่พะยะค่ะองค์หญิง นานาคำถามล้วนออกมาจากการูด้าทุกตัว ทั้งเสียงกระซิบกระซาบต่างๆนานา องค์หญิงเดลิเชีย จึงต้องตั้งสติให้มั่นมากๆก่อนจะตอบคำถามออกไป ภายนอกนั่นข้าก็มิอาจทราบได้ว่าเกิดอันใดขึ้น เป็นเวลานานมากแล้วถึงเรื่องเล่า ของมังกรไพทอน มังกรเทพผู้พิทักษ์เขาคีรีบันดา หากเป็นเสียงคำรามจริง นั่นก็แสดงว่าภายนอกต้องมีอะไรเกิดขึ้น หรืออาจเป็นเพราะชาวบ้านหรือชาวเผ่าสมิงในป่า ไปรุกรานแถบชานเขา จิตของไพทอนถึงกระวนกระวาย แต่ข้ามั่นใจมากกว่า ว่าน่าจะเกิดการรุกรานระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง โดยผืนป่าฟูดินันแห่งนี้ คงจะเป็นที่ที่ซึ่ง ผู้บุกรุกหมายปองไว้เช่นกัน องค์หญิงเดลิเชียกล่าวตอบ เหตุใดจึงเปนเช่นนั้นเล่าพะยะค่ะ เหตุใดถึงทรงเชื่อว่าเป็นการรุกรานพะยะค่ะ การูด้าหนุ่มตัวหนึ่งเอ่ยถาม เมื่อไม่นานมาคราข้าลงไปสำรวจแถบชานป่าด้วยตนเอง มีคำร่ำลือในหมู่พวกมนุษย์ถึงแอนกอรีออน มีข่าวว่าพวกมนุษย์ที่เก็บของป่าตามเนินเขาได้เห็นเทพราชสีห์ปรากฏตัวขึ้น องค์หญิงตอบ เสียงมากมายดังขึ้น กระซิบกระซาบกันด้วยความฉงน เทพที่ตามตำนานมนุษย์กล่าวไว้ว่าจะปรากฏตัวเป็นสัญญาณเตือนภัยนะหรือพะยะค่ะ การูด้าตัวหนึ่งเอ่ยถาม องค์หญิงเดลิเชียพยักหน้า การูด้าบางตัวเริ่มมีความผวาแต่ต้องข่มไว้ และก่อนที่จะวุ่นวายมากกว่านี้ พวกเจ้าทุกตัวได้ยินไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเราทราบเหมือนๆกันคืออาจมีภัยในวันข้างหน้า ตอนนี้ขอให้ทุกตัวแยกย้ายกลับรังไปก่อน และดำเนินชีวิตเฉกเช่นทุกวัน อย่างไรซะมนุษย์ก็ไม่เกี่ยวกับเรา พญาเกลการูด้าเอ่ยพร้อมกับโบกหอกประจำกายไล่ชาวครุฑตัวอื่นๆให้กลับรังไป " พญาเกลการูด้า ตามกาเลนให้ข้าด้วย " เดลิเชียกล่าว ก่อนจะบินกลับเข้าไปในวัง ไม่นานนัก พญาเกลการูด้าก็ได้นำครุฑผู้มีขนกายสีเทาและขนปีกสีน้ำตาลบินเข้ามาถึงห้องโถง " ถวายบังคม องค์หญิงเดลิเชียพะยะค่ะ " นายพลการูด้า กาเลนหุบปีกและนั่งคุกเข่าภายในห้องโถง " ขุนพลกาเลน ข้าต้องการจะให้เจ้าผู้ที่ข้าเชื่อว่ารู้ภาษามนุษย์และเข้าใจในอารยธรรมของเผ่าพันธุ์นี้ดีกว่าใคร ไปสอดแนมภายในดินแดนแห่งนี้ให้มากที่สุด และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในตอนเช้าวันมรืน ข้าจะได้คำตอบ ที่กระจ่างว่าเหตุใดเหตุการณ์ต่างๆจึงผิดแปลกไปจากเดิมเช่นนี้ " องค์หญิงผู้มีขนกายสีเขียวมรกตเอ่ย " ส่วนเจ้า พญาเกลการูด้า ข้าต้องการให้เจ้านำทหารเกลการูด้า 3 นายไปยังเขตโดยรอบเขาคีรีบันดา สืบเสาะสอดแนมถึงสาเหตุเสียงประหลาดและสังเกตุการณ์ภายนอกโดยรีบมาบอกเราให้เร็วที่สุด " " -- รับด้วยเกล้า พะยะค่ะ -- " การูด้า 2 นายรับบัญชา และรีบสยายปีก บินออกไปทันที " เฮ้อ ... มนุษย์ .... " องค์หญิงเดลิเชียส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ----------------------------------------- เมื่อแสงตะวันพ้นขอบฟ้า เหล่าการูด้าทั้งหลายก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงแผ่นดินไหวอีกครั้ง องค์หญิงเดลิเชียไม่รอที่จะเตรียมพระวรกายและบินไปยังห้องโถง เพื่อรอข่าวสารจากทหารทั้ง 2 นาย สิ้นเสียงแผ่นดินไหวไม่นาน พญาเกลการูด้าหุบปีกร่อนลงมาหน้าพระราชวังพร้อมด้วยเกลการูด้าอีก 3 นาย พญาเกลการูด้าบินอย่างช้าๆเข้าไปภายในห้องโถง แต่ดูท่าทีแล้วกระวนกระวาย " อย่างไรเล่า ท่านพญาการูด้า " องค์หญิงเร่งถามด้วยความร้อนใจกับท่าทีของครุฑตนนี้ " เรียนองค์หญิงเดลิเชีย ... เกล้ากระหม่อมพญาการูด้าถวายบังคมพะยะค่ะ ข้าได้ไปสำรวจโดยรอบเขตเขาคีรีบันดาแล้วพบรอยเลื่อนของหินทั้งหินถล่มและกลิ่นอายจิตสังหาร ภายนอกเขตเขาเป็นไปตามที่องค์หญิงคาด กองทัพธงนกสีทองในชุดแดงตั้งค่ายดั่งรอโจมตีเข้ามาอยู่ ข้าและนายทหารต้องการทราบถึงต้นเสียงจึงเฝ้ารออยู่ที่โคนเข้าคีรีบันดาทั้งคืน จนถึงรุ่งสาง ไม่ทันที่ตะวันจะพ้นขอบฟ้า ข้าและนายทหารเฝ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆเหนือแนวเทือกเขาขึ้นไป จนได้ยินเสียง้องคำรามดังมาจากที่ตีนเข้าฝั่งเหนือ ทุกคนจึงรีบรุดบินไป ณ ต้นเสียง แทบไม่เชื่อสายตาว่ามังกรขนาดมหึมาเสียซะประมาณเขาคีรีบันดา กำลังเหยียบและบดขยี้ทหารชุดแดง อยู่พะยะค่ะ ไม่กี่อึดใจ นายทหารเหล่านั้นก็ถูกฆ่าจนไม่เหลือรอย มีเพียงกลิ่นอายเลือดและคราบเท่านั้นพะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าว Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 11, 2008, 11:14:24 PM " มังกรไพทอน มังกรสองหัวรับรู้ถึงจิตสังหารของพลทหารเหล่านั้นสินะ
ถ้าหากว่าพวกมันไม่อาจก้าวข้ามเขตเขาคีรีบันดาได้ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ข้ายังกลัวๆอยู่ มังกรไฟพวกนั้นจะบินข้ามเขาคีรีบันดามาทำลายดินแดนแห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้ ท่านว่ากองทัพการูด้าของเราสามารถสยบมังกรไฟได้หรือไม่ พญาเกลการูด้า " องค์หญิงตรัสถาม " องค์หญิงเดลิเชีย !! แม้มังกรไฟขนาดยักษ์เพียงไรก็มิอาจต่อกรกับความเร็วเหนือลมแห่งเผาการูด้าเราได้ ต่อให้มันมาสักฝูงหนึ่ง พวกเกล้ากระหม่อมแค่ 10 นายก็ปลิดชีพมันร่วงได้ในไม่กี่อึดใจแล้ว แต่นั่นมันเป็นการส่วนของเผ่ามนุษย์ เราไม่จำเป็นต้องสยายปีกออกไปป้องให้พวกเค้าก็ได้ !! เหตุใดท่านจึงจะยอมให้นายทหารการูด้าของเราต้องไปเสี่ยงตายเพื่อพวกมนุษย์ด้วยเล่า ?! " พญาเกลการูด้าเงยหน้าขึ้นมองที่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นการพอใจอย่างยิ่ง " องค์หญิงพะยะค่ะ การไม่สุงสิงกับเผ่ามนุษย์เป็นเวลานานทำให้พวกเรามีชีวิตอันสงบเรียบง่าย อยู่ ณ ยอดไม้แห่งมหาพฤกษานี้ โดยที่เราไม่ข้องแวะใดๆกับมนุษย์ " พญาการูด้าเอ่ยต่อ องค์หญิงผู้เห็นท่าทีของพญานายนี้แล้วก็นิ่งงันไป แต่ก็ยังตอบเป็นเสียงเรียบอยู่ " ถ้าเช่นนั้น ................. เราจะไม่ข้องแวะกับการสงครามครั้งนี้ก็ได้ แต่พญาการูด้าเอ๋ย จงจำคำเราไว้ เมื่อใดที่ทหารเหล่านั้นสามารถจะผ่านกำแพงศิลาใหญ่สูงคีรีบันดามาได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม พวกชาวบ้านชาวป่าไม่อาจจะทานพลังทั้งกองทัพเป็นแน่ ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์คงจักถูกทำลายให้ย่อยยับ และถึงกาลนั้น เจ้าจะรู้เองว่าทำไมเราควรสยายปีกไปป้อง แต่เอาเถอะ ครานี้ยังไม่มีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น ที่ท่านพูดก็ถูกอยู่ ..." สิ้นสุรเสียงแห่งองค์หญิงครุฑ เสียงปีกที่หุบลงและกำลังร่อนมาอย่างรวดเร็วของขุนพลการูด้าจากภายนอก ความเร็วที่รวดเร็วกว่าสายตาธรรมดาจะมองเห็นได้ กำลังร่อนเข้ามาภายในลานพระราชวัง "ถวายบังคมองค์หญิงเดลิเชีย " นายพลกาเลนกล่าว " ว่ามาท่านขุนพล เหตุไฉนจึงรีบกลับซะเล่า เหลือเวลาอีกนับวันเชียว" องค์หญิงการูด้าตรัสถาม " เรียนองค์หญิง ตามที่เกล้ากระหม่อมไปสืบมานั้น เหล่าชาวบ้านพากันตื่นตระหนกและเชื่อว่าเป็นฝีมือ ของมังกรโบราณ ไพทอน ตามความเชื่อของมนุษย์ พะยะค่ะ โดยสาเหตุ ชาวบ้านก็ไม่อาจทราบได้เหมือยกัน " นายพลการูด้ากล่าว " ข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ เรื่องไพทอนข้าทราบแล้ว แต่ทหารที่จะทำการรุกรานละ พวกไหนกัน " องค์หญิงทรงตั้งกระทู้สงสัย " ค่ายทหารหรือพะยะค่ะ? นี่แสดงว่าที่การูด้าตัวอื่นพูดลือกันก็เป็นจริงนะสิพะยะค่ะ? " กาเลนกล่าวอย่างฉงน " ถูกแล้วท่านกาเลน ทีนี้ ธงเป็นรูปนกไฟสีทองนี่สิ พื้นธงที่เป็นสีแดง ทหารใส่ชุดสีเดียวกับพื้นธง " พญาเกลการูด้ากล่าว " ท่านเคยบอกว่าพวกมันมาจากทางเหนือของทะเลทรายใช่หรือไม่ท่านพญาเกลการูด้า หากเป็นเช่นนั้น คงไม่พ้นจักรวรรดิซาโลมพะยะค่ะองค์หญิง " กาเลนตอบ " จักรวรรดิซาโลมหรือ? " องค์หญิงการูด้ากล่าวอย่างฉงนใจ " ถูกแล้วพะยะค่ะ ในอาณาจักรมนุษย์ในดินแดนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ อาณาจักรซาโลม ดินแดนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ท่ามกลางความแร้งแค้นและอดอยาก ธงเป็นรูปนกเพลิง ฟีนิกซ์ตามตำนานมนุษย์ อาภรณ์เสื่อผ้าสีแดง บ้างดั่งทับทิม บ้างดั่งเปลวไฟ อาณาจักรแห่งนี้ได้ชื่อว่าอาณาจักรเพลิงพะยะค่ะ " กาเลนกล่าว " ไฟหรือ ? ถ้าเช่นนั้นคงไม่ดีแน่ เขตป่าอันอุดมสมบูรณ์ หากมีเปลวเพลิงได้ลามไปทั่วผืนดิน " องค์หญิงเดลิเชียวิตก "ตอนนี้ยังไม่น่าวิตกอันใดมากพะยะค่ะ แต่ทางที่ดี เราควรประกาศแก่การูด้าทุกตัวให้ทราบโดยทั่วกันเสียดีกว่า " พญาเกลการูด้ากล่าว ----------------------------------------------------------------------------------- หลายวันต่อมา เสียงคำรามและแผ่นดินไหวอันน่ากลัวยังคงดังเรื่อยมา ปลุกทุกคนในดินแดนให้ตื่นจากการหลับใหล แม้มนุษย์จะหวาดหวั่นประพรั่นกลัว แต่องค์หญิงเดลิเชียกลับชื้นพระทัยที่ยังรู้ว่าเหล่าทหารเพลิงนั้นมิอาจจะข้าม เขตแดนเทือกเขาคีรีบันดามาได้ และเหตุการณ์ก็เป็นดังนั้นเรื่อยมา จนกระทั่ง ......................... Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 12, 2008, 01:13:34 AM รุ่งสางแห่งอรุณวันใหม่ ขณะที่เหล่าการูด้ากำลังหลับใหล ....
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทก็ดังขึ้น ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินสามารถรับรู้ถึงสิ่งปกตินี้ได้ การูด้าหลายร้อยตัวโฉบออกจากรังของแต่ละตัว และบินขึ้นไปยังยอดมหาพฤกษาที่ซึ่งสามารถเห็น แผ่นดินแห่งฟูดินันได้ชัดที่สุด การูด้าทุกตัวแทบไม่เชื่อสายตา เปลวเพลิงขนาดยักษ์กำลังเผาผลาญทุกชีวิตในป่าแห่งดินแดนฟูดินัน " นั่นอะไรกันน่ะ" "ไฟป่า หรอนั่น" "ไม่ใช่นั่นมังกรไฟนิลทิโคอินนี่! " "เกิดอะไรขึ้นทำไมมังกรถึงมาทำลายผืนป่าละ" ไม่ช้าไปกว่าตัวอื่น องค์หญิงเดลิเชียโบยบินออกมาจากภายในวังด้วยความรวดเร็วและสง่างาม จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื่องหน้า จุดเล็กๆสีแดงในอากาศคือมังกรไฟนับสิบที่กำลังพ่นไฟทำลายป่าไม้และหมู่บ้าน " ชาวมนุษย์เริ่มแตกตื่นกันมากขึ้นแล้วพะยะค่ะองค์หญิง " นายทหารการูด้าตัวหนึ่งกล่าว นัยน์ตาขององค์หญิงการูด้าผู้สง่างาม เพ่งพินิจไปถึงมังกรที่พ่นไฟได้ใหญ่กว่าตัวอื่นๆ ไม่ใช่ทางปาก แต่เป็นทางหลัง !! " นั่น ... ไม่ใช่มังกร .... นี่ " นางเอ่ยก่อนจะหรี่ตาลงเพื่อความชัดเจน " มีมนุษย์ผู้ใช้เวทย์ไฟอยู่ที่หลังมังกรตัวนั้น !! " องค์หญิงเดลิเชียกล่าวขึ้น ขณะที่มังกรตัวนั้นก็กำลังเคลทานเข้ามา ใกล้ชายป่า โนต้นอิกดราซิล และเปลวไฟจากผู้ใช้เวทย์เพลิงก็ยังพวยพุ่งออกมาไม่หยุด ยิ่งใกล้ ยิ่งถนัดตา ไม่รอช้า องค์หญิงเดลิเชียรีบสยายปีกบินออกไปจากลำต้นอิกดราซิล แต่ไม่ทันที่จะได้พ้นเขตรวงใบไม้สีเงิน การูด้าองครักษ์หลวงสีน้ำเงิน 3 นายก็เร่งรัดเข้าไปจับองค์หญิงไว้ " ปล่อยข้า !! นี่เป็นคำสั่ง " องค์หญิงตวาด " หามิได้พระองค์ ข้ามิอาจปล่อยท่านไปได้ มันอันตรายเกินไป " พญาเกลการูด้าที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดกล่าว " แต่เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันกำลังเผาป่าให้มอดไหม้และกำลังใกล้มาที่มหาพฤกษาแล้วด้วย ! " องค์หญิงตอบ และพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการถูกฉุดรั้งไว้อย่างเต็มกำลัง " มนุษย์ทั้งหลายกำลังโดนไฟเวทย์นั่นเผาผลาญ ! สิ่งมีชีวิตในป่าต่างร้องโหยหวน ครวญคราง ! ต้นไม้กำลังทรมาน สายลมกำลังร้องไห้ ! " องค์หญิงการูด้ากล่าว " ถึงอย่างไรหากไฟป่ายังไม่มาถึงต้นอิกดราซิล ก็ไม่มีความจำเป็นของเราชาวครุฑพะยะค่ะ และมหาพฤกษานี้ก็คงไม่ยอมนิ่งเฉยดูดายเช่นกัน " กาเลน ขุนพลที่ร่อนลงมาจากด้านบนกล่าว เสียงหวีดร้องและไฟป่าที่รุกโหมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้เสียงเหล่านั้น เสียงฝีเท้าที่ดังถนัดหูจากเบื้องล่าง สะกิดจิตขององค์หญิงอย่างรุนแรง การูด้าหลายตัวก็อาจรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ด้วย ภายล่างที่โคนต้นมหาพฤกษา เด็กสาวผู้ที่มีรอยดำจากควันไฟและร่างกายที่โทรมจากการลุยเพลิงมาที่โคนต้นฟุบลง กราบมหาพฤกษาทั้งน้ำตาและพูดภาษาที่การูด้าไม่อาจเข้าใจได้ น้ำตาที่นัยน์ตาทั้งสองของนางเอ่อล้นออกมา นางกราบแล้วกราบอีก พูดแล้วพูดอีก เป้นที่ฉงนใจแก่องค์หญิงการูด้า ... " เด็กสาวคนนั้นกำลังขอพร ขอความเมตตาจาดมหาพฤกษา ...." กาเลนกล่าว เดลิเชียและการูด้าทหารตนอื่นบางตัวหันไปมองที่กาเลน ในขณะที่บางส่วนพยายามควบคุมการูด้าไม่ให้ตื่นตระหนก " เด็กน้อยคนนั้นข้าเคยเห็นตอนมาสำรวจใกล้ต้นอิกดราซิล .. . ... ถ้าข้าจำไม่ผิด เธอ ชื่อว่า วา .... วาอา .... วานาอัน !! " ขุนพลขนขาวกล่าว " วานาอันหรือ ............................... นิสัยคงจะ ... ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ คงไม่มีหญิงสาวใดจะลุยไฟมาถึงโคนมหาพฤกษา ลงไปคุกเข่ากราบไหว้เพื่อให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยเป็นแน่ " สักครู่ต่อมา ใบไม้แห่งมหาพฤกษาได้เริ่มไหวติง ลมอ่อนเริ่มพัดแรงขึ้น ราวกับ ท่านอิกดราซิลเข้าใจในคำขอของเด็กสาวเบื้องล่าง ..... ไม่นาน ใบไม้สีเงินก็โบกสะบัดพัดอย่างรุนแรง หมอกสีขาวจากใบไม้ที่ต้นอิกดราซีลแผ่ขยายเป็นเมฆฝนฟ้าขนาดใหญ่ ในขณะที่เมฆหมอกจากต้นอิกดราซิลปกคลุมยอดไม้นั้น พญาเกลการูด้าสั่งให้ทุกตัวกระพือปีกเพื่อไล่หมอกออกไป และเมื่อหมอกจางลง ทุกคนก็พบว่า องค์หญิงเดลิเชียไม่อยู่แล้ว ... " องค์หญิง !! องค์หญิงพะยะค่ะ !! องค์หญิงอยู่ไหน พวกเจ้าปล่อยให้องค์หญิงหลุดมือไปได้อย่างไร " พญาครุฑตวาดใส่องครักษ์หลวงขององค์หญิงเดลิเชีย " เร่งออกตามหา ทุกตัวกระจายกำลังตามหาจากน่านฟ้าให้พ้นสายตาทั้งมังกรไฟและพวกมนุษย์ !! จำไว้ หน้าที่เราคือ ตามหาองค์หญิงอย่างเดียว เหล่ามนุษย์นั้นเป็นแค่หน้าที่สำรอง หากเจอผู้ใด สลบหรือโดนท่อนไม้ทับอยู่ สามารถช่วยได้ แต่จำไว้ว่าอย่าให้เห็นกาย และจำหน้าที่หลักไว้ด้วย!!" ด้านหลังโคนต้นมหาพฤกษาไม่มาก องค์หญิงเดลิเชียแอบติดตามเด็กสาวมาจนถึงด้านหลังทะเลสาบที่โคนต้นมหาพฤกษา ... ที่นั่นนางก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ใจอีก เมื่อนางเห็นภูตที่มีกายสีฟ้า ดั่งวารี กำลังร่ายมนตร์บางอย่าง ด้วยการทำมือพริ้วไหวไปกับสายน้ำ จนน้ำในทะเลสาบเอ่อล้นเข้าท่วมไม้ที่กำลังไหม้ไฟจนมอดดับลง เทพีแห่งสายชลได้หันมามองทางสาวน้อยคนนั้น และเหลือบตามามองที่เดลิเชียด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะ ม้วนวารีเป็นเกลียวและหายไปกับสายน้ำ ........ เห็นข้าด้วยหรือ ข้าอยู่ห่างออกไปตั้งเยอะนะ ได้อย่างไรกัน ..... เดลิเชียคิด ทันทีที่ ภูติวารีหายไป นางก็สังเกตได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นกำลังร้องไห้อยู่ แต่ไม่ใช่เพราะความเศร้า นางกำลังยิ้มทั้งน้ำตาต่างหาก !! เมื่อเดลิเชียเห็นดังนั้นแล้วจึงเบาใจ วกกลับไปทางด้านหลังและก็ต้องตกใจกับ เสียงของผู้เฒ่าชรา " นั่นคือ เทพีอันดีน เทพของพวกมนุษย์ เป็นเทพีแห่งสายชล ...." เสียงที่แก่เงอะงันกล่าวขึ้นกับองค์หญิง " ท่านปราชญ์การูด้า ! เหตุใดท่นจึงรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ " องค์หญิงตกใจมาก แต่ก็ยังพอรวมสติมาได้ " ข้าว่าแล้วว่าเทพีจะไม่นิ่งเฉยเป็นแน่ ... ไฟป่าที่ทำลายชีวิตสิ่งต่างๆมากมายขนาดนี้ ... " การูด้าชรากล่าวต่อ " คงถึงว่าที่ข้าจะต้องไปแล้วองค์หญิง ท่านก็เช่นกัน ขณะนี้ป่าคืนสู่สภาพปกติแล้วพะยะค่ะ ..." Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 12, 2008, 04:02:37 PM ฝนฟ้าที่ช่วยดับไฟที่กำลังไหม้ลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
น้ำที่เอ่อล้นออกจากทะเลสาบนิรันดาจำนวนมากช่วยดับมหาเพลิงให้สิ้นไปได้ไม่ยากเย็น เป็นสาเหตุให้ไฟของเหล่ามังกรและจอมเวทย์มิอาจทำอันตรายได้อีกต่อไปและได้บินกลับออกนอกเขตเขาคีรีบันดา หลายวันหลังจากการทำลายผืนป่าฟูดินันของเหล่ามังกรเพลิงและราชินีผู้เป็นจอมเวทย์ ชาวบ้านมนุษย์ที่เหลือรอดชีวิตก็เร่งช่วยเหลือผู้คนอื่นๆ ทั้งยังเร่งสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางความหดหู่เศร้าเสียใจ กำงชาวบ้านก็เป็นปึกแผ่นกันมากขึ้น องค์หญิงเดลิเชียทอดพระเนตรดูมวลมนุษย์ในผืนป่าทุกวัน ทุกวัน สังเกตหาเด็กสาวที่เธอเห็น และจับจ้องดูการกระทำของเธอ .... " องค์หญิงเดลิเชียพะยะค่ะ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึเน แสดงให้เห็นว่าเหล่ามนุษย์ ได้รับการปกป้องคุ้มครอง จากเทพแห่งธรรมชาติในดินแดนนี้ พระองค์หาได้ต้องกังวลใจอันใดไม่พะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าวขึ้น นัยน์ตาที่เฉียบคมกว่าของการูด้าตัวอื่นขององค์หญิงยังคงมองลงไปที่โคนต้นและบริเวณรอบๆ " พวกทหารซาโลมนั่นแค่มังกรกับมนุษย์ผู้เดียวก็เผาแผ่นดินแทบวอดวาย ดินแดนแห่งอื่นที่ไม่มีเทพเจ้า คอยปกปักรักษาจะเป็นเช่นไรกัน อีกทั้งมันจะต้องหาหนทาง โจมตีที่นี่อีกแน่ ไม่ว่ด้วยวิธีใดก็ตาม " " ที่ถูกเผาเช่นนี้เพราะชาวบ้านในป่า ต่างไม่สามารถตั้งตัวหรืออาจต่อกรจากภาคพื้นดินได้พะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าวตอบองค์หญิงการูด้าผู้สง่างาม "ข้าได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ข้าก็มักไม่ค่อยสนใจ ข้าคิดว่าพลทหารการูด้าเราควรเตรียมตัวให้พร้อม ... " " พร้อมอะไรพะยะค่ะองค์หญิง ? ! องค์หญิงจักไปช่วยพวกมนุษย์ก่อสงครามหรือไรพะยะค่ะ? ! " พญาเกลกล่าว " หาใช่ไม่ท่านพญา แต่การเตรียมตัวล่วงหน้าไว้อย่างดี จะทำการใดๆก็ถือว่าสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วมิใช่หรือ ?" "องค์หญิงจะทำการใดพะยะค่ะ !? " พญาเกลการูด้าฉงนใจ " ทั้งอีเกิลการูด้า เกลการูด้า และพญาการูด้า หรือแม้แต่การาสุกับชาวบ้านก็ฝึกให้เตรียมตัวไว้ หากเห็นการูด้าตัวใดมีความสามารถด้านใดเจ้าก็จงฝึกถนัดขึ้นไป นี่เป็นบัญชาจากข้า " องค์หญิงออกคำสั่ง พญาการูด้าได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะคุกเข่าน้อมรับบัญชา .... ----------------------------------------------------------------------- เวลาผ่านไปรวดเร็วดั่งโดนกุ๊กกูคล๊อกเร่ง .... ชาวบ้านที่ใช้ชีวิตได้อย่างปกติดี แต่ทว่าบาดแผลในใจยังคงอยู่ มังกรไพทอนได้เงียบสงัดลงมานาน จนกระทั่ง วันหนึ่ง จู่ๆเสียงดั่งภูเขาแยก และมันก็แยกจริงๆ !! เสียงดังแว่วๆเข้าประสาทด้านการได้ยินเสียง ของเหล่าการูด้า พากันหันไปมองทางต้นเสียงแทบจะทันที เกลการูด้าที่คอยสอดแนมตามคำสั่งขององค์หญิงอยู่แถบชานเขาคีรีบันดา รีบบินกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไร ทุกคนก็ต้องหรี่ตามองลง กับสิ่งที่อยู่เบื่องหน้า ต้นเสียงคือเต่าขนาดยักษ์ !! และที่ตามมาคือกองทัพเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถามโถมเข้ามาทางช่องว่าง ที่เกิดจากการโบยบินของเต่าบินวอลเนีย ทันทีที่กองทัพเพลิงรุกฮือเข้ามา ณ หมู่บ้านที่ชานป่า เหล่าการูด้าก็ตกใจมากเช่นกัน แต่ขณะนี้มนุษย์หลายส่วนก็ยังไม่รู้ถึงการมาของผู้กระชากความตาย เกลการูด้าจำนวนหนึ่งที่บินมาหุบปีกร่อนลง ที่ยอดมหาพฤกษาอย่างรวดเร็ว และบางส่วนถึงกับล้มลงไปนอน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการบิน เหล่าการูด้าต่างก็รีบแหวกทางให้แก่องค์หญิงเดลิเชีย " ได้ความว่าอย่างไรบ้าง ? " องค์หญิงเดลิเชียตรัสถาม " เต่า ... เต่า ... เต่าบิน... พะ ยะ ...ค่ะ ... แฮ่กๆ " เกลการูด้านายหนึ่งตอบด้วยสียงที่หมดแรง " สงครามระหว่าง ... 2 ... อาณาจักร ... อย่างเอาเป็นเอาตาย .... เป็นครั้งที่ ... แทบจะรุนแรงที่สุ.. สุด พะ .. ยะค่ะ .. " อีกนายหนึ่งตอบก่อนที่จะฟุบหมดสติเป็นลมลงด้วยความเหนื่อยล้า " ท่านทหารตัวอื่นพาเกลการูด้าเหล่านี้ไปพักฟื้นก่อนเถิด หากเหนื่อยแบบนี้ก็คงตอบอันใดไม่ได้ดีแน่ " องค์หญิงตรัสแก่การูด้า จากนั้นจึงทอดพระเนตรไปทางช่องหว่างของเขาที่เปิดอยู่ ... ทหารจำนวนมากมายที่มองเห๋นได้แต่ไกลกำลังรุกรานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัดขึ้นว่าชาวบ้านชาวป่าไม่อาจต่อกรกับพลทหารได้ ทำให้เขตป่าตั้งแต่ช่องโหว่เขาคีรีบันดาเกิดเป็นรูปเหมือนกับหนูแทะโลมอาหารอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง .... " ท่านเดลิเชีย จะทำการใดดีพะยะค่ะ หากปล่อยไว้แบบนี้ คงจะลามมาถึงมหาพฤกษาแน่ ..." ครุฑตัวหนึ่งกล่าว องค์หญิงเดลิเชียนิ่งงัน ... " นำตัวท่านปราชญ์การูด้าไปเข้าเฝ้าข้า ณ ห้องส่วนพระองค์เดี๋ยวนี้ " สิ้นเสียง องค์หญิงก็บินกลับไปยังปราสาทอย่างรวดเร็ว ก่อนกระซิบบอกองครักษ์หลวง และบินหายไป " องค์หญิงเดลิเชียมีรับสั่งให้ทุกคนอยู่ดูเหตุการณ์ที่นี้ก่อน และอย่าได้ออกจากยอดมหาพฤกษาหากไม่มีบัญชา ! " องครักษ์หลวงแห่งองค์หญิงเดลิเชียประกาศ ทำเอาการูด้าทุกตัวนิ่งงงกับสิ่งที่เจ้าหญิงกำลังทำ ไม่นานนัก ปราชญ์การูด้าก็ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้า ภายในห้องส่วนพระองค์พร้อมทั้งพญาการูด้าที่เฝ้าอยู่หน้าคูหา ... กองทัพมหาเพลิงเริ่มบดขยี้ผืนป่าและสิ่งมีชีวิตอย่างไร้ซึ่งเมตตา โจมตีต่อเนื่องกันเรื่อยๆ และไม่นานที่องค์หญิงการูด้า ออกมาจากที่พำนัก พร้อมทั้งปราชญ์การูด้าและพญาเกลการูด้า " พวกเจ้าทุกตัวตั้งสติให้ดีก่อน หากกองทัพจะรุกคืบถึงมหาพฤกษา คงต้องใช้เวลาอีกนับหลายวัน และชาวบ้านมนุษย์ที่นี้ก็คงไม่ปล่อย ทั้งสัตว์ร้ายและต้นไม้ใบหญ้าที่ขวางอยู่คงช่วยได้มาก ข้อให้การูด้าทุกตัวดำเนินกิจวัตรไปตามปกติก่อน หากมีเหตุอันใดข้าจะรีบแจ้งให้ทุกตัวทราบ ! "องค์หญิงประกาศ สิ้นเสียงประกาศ การูด้าหลายตัวกระซิบกระซาบ หลายตัวงุนงง หลายตัวบินกลับรังไป เจ้าหญิงการูด้าหันไปมองทางด้านปราชญ์การูด้า และกล่าวเงียบๆ "หวังว่าจะเป็นตามที่ท่านคาดนะ " องค์หญิงเดลิเชียกล่าวแก่ทหารการูด้านายหนึ่ง " พาข้าไปหาเกลการูด้าสอดแนม " และสยายปีกบินไป Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 12, 2008, 04:29:50 PM ไม่นานทีองค์หญิงการูด้าบินไปถึงหน้ารังที่พักนายทหารและเข้าไปภายใน ...
" ---- ถวายบังคมพะยะค่ะ ---- " การูด้าแต่ละตัวพยายามลุกขึ้นจากเตียงฟญ้าฟางมาคุกเข่า ... " ไม่เป็นไร นอนไปเถิด ... ข้าอยากทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามชานเขาคีรีบันดา " องค์หญิงตรัส " การต่อสู้รบราฆ่าฟันของมนุษย์พะยะค่ะ ระหว่างพลทหารชุดแดงที่มีพละกำลังและชาญในอาวุธการต่อสู้ กับนายทหารชุดเขียวที่ปราดเเปรียวและใช้ดาบได้ดั่งแขน พะยะค่ะ " เกลการูด้าตัวหนึ่งกล่าว " การต่อสู้ยืดเยื้อเวลานานพอควร หลายครั้งหลายครา มีแต่ชีวิตของนายทหารที่ถูกฆ่าตาย ... " "ไม่เพียงแค่มนุษย์แต่พวกทหารชุดแดงบางคนก็ดุจซากศพเดินได้พะยะค่ะ แถมแข็งแกร่งมากด้วย " " ที่สุดท้ายคือพื้นที่ของเต่าตัวนั้น ดูเหมือนดั่งว่าเป็นที่ที่มีความสำคัญมากขนาดไม่อาจจะยอมเสียไปได้ ถึงขนาดว่าต้องปลุกเต่ายักษ์ขึ้นมา พาเมืองและชาวเมืองหลบหนีไป " เกลการูด้าตัวหนึ่งกล่าว " จนเกิดเป็นช่องว่างระหว่างเขาคีรีบันดา จนพวกซาโลมบุกเข้ามานั่นหรือ ? ! " องค์หญิงเดลิเชียกล่าว " น่าจะเป็นดังนั้นพะยะค่ะ " เกลการูด้าตอบ " เอาละ ขอบใจพวกท่านมาก จากชานเขาสู่ยอดอิกดราซิล ท่านคงจะต้องบินเร็วเหนือทางลมไปอีก กว่าท่านจะมาถึงที่นี่ได้ .... ตอนนี้พักเถิด ... " องคหญิงเดลิเชียสยายปีกและบินออกภายนอก จ้องมองถึงเหล่าทหารเสื้อแดงที่รุกคืบมาเรื่อยๆแต่ยิ่งรุกมาเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะอ่อนล้าลงไปเรื่อยๆ ... " คงใช้เวลาอีกไม่นานสินะ กว่าพวกแกจะมาที่นี่ได้ และมาเจอกับความพินาศย่อยยับในความกระหายใน สงครามและความอุดมสมบูรณ์ของพวกแก มนุษย์ที่โงเขลา ... " องค์หญิงการูด้ามองไปที่ทหารเสื้อแดงจำนวนมาก ที่กำลังพยายามเก็บเกี่ยวความอุดมสมบูรณืจากธรรมชาติไปมากที่สุดด้วยนัยน์ตาที่นิ่งไม่ไหวติงกึ่งดูแคลน ----------------------------------------------- 3 วันจากเหตุการณ์เต่าบิน ... ดูเหมือนว่าเหล่าทหารเพลิงก็ใกล้เข้ามาทุกที .... และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น สัตว์ป่าและเผ่าต่างๆในฟูดินันต่างก็พยายามรั้งเอาไว้เต็มกำลัง จนกระทั่งนางสังเกตได้ถึงบุคคล 2 คนที่กำลังมาที่โคนต้น ... นางจำได้แม่นนัก ... วานาอัน ... นางนึกในใจ วานาอันกับผู้เฒ่าผู้หนึ่งเร่งเดินมาจนถึงโคนต้นมหาพฤกษา ... ผู้ชรานั้นขีดเวทย์เป็นวงกลม และเขียนอะไรบางอย่างโยรอบ พร้อมกับหยิบรวงไม้สีเงินขึ้นมาพร้อมพึมพำอะไรบางอย่างดั่งเสกคาถา ก่อนที่จะวาดไม้เท่าเป็นวงรอบตัว ใบไม้สีเงินที่ร่วงโรยจากมหาพฤกษาบนพื้นดินปลิวขึ้นไปเป็นวงตามไม้เท้า แห่งชายชราผู้นั้นดังเวทย์มนตร์ ... ... ไม่นานที่ร่ายเวทย์ ร่างของมนุษย์ 2 คนนั้นก็จางหายไป ... " นั่นอะไรนะ ! เหตุใดจึงหายไป " องค์หญิงเดลิเชียตะลึงงัน .... ชาวบ้านที่เห็นสังเกตอยู่ก็งงเช่นกัน " นั่นเป็นอาคมพะยะค่ะ อาคมม่านมิติที่ทำให้สายตาธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ แม้การูด้าอย่างเราๆ " องครักษ์การูด้านายหนึ่งตอบ" ทั้งสองยังอยู่ที่เดิมพะยะค่ะ เพียงแค่กางโดมม่านมิติไว้เท่านั้น " " สายตาการมองเห็นเวทย์มนตร์แทบทุกชนิดเป็นหนึ่งในความสามารถของการูด้าองครักษ์ของเราสินะ " องค์หญิงเดลิเชียตรัสอย่างปลื้มๆเล็กน้อย " ท่านก็สามารถทำลายอาคมนั่นได้นะสิ ! " " ถูกแล้วองค์หญิง แต่แค่ทำลายอาคมด้วยการโต้จิตของผู้ใช้เวทย์กลับเท่านั้นพะยะค่ะ " การูด้าตอบ ไม่นานนักการูด้าบนยอดไม้ก็สังเกตเห็นนักรบทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอย่างเซนทอร์ครึ่งคน - ม้า หรือแม้แต่มนุษย์รปร่างแปลกที่เรียกว่า " สมิง " ที่ดูดุร้ายกว่าปกติ วิ่งเข้ามาใกล้เขตโคนต้นและหายไป " นั่นพวกเขาก็เข้าไปอยู่ในโดมนั่นสินะ " องค์หญิงตรัสถาม " พะยะค่ะ ทรงเข้าใจถูกแล้ว.... " ช่วงเวลาเดียวกันที่ทหารที่ดูแล้วไม่ใช่คนส่วนหนึ่งบุกรุกคืบเข้ามายังเขตใบทหาพฤกษา และผู้ที่ดูคล้ายหัวหน้าร่ายเวทย์มนตร์ออกมาจากคทา เปลวเพลิงขนาดมหึมากำลังวิ่งเข้าใส่มหาพฤกษา !! Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 12, 2008, 05:55:36 PM ควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ... มหาพฤกษาเริ่มสั่นไหว ...
การูด้าที่อยู่ข้างบนยอดต้องกางปีกบินขึ้นเล็กน้อยให้อยู่เหนือพื้นดินขึ้นมาหน่อยเพื่อกันการสั่นสะเทือนจากมหาพฤกษา " นายพลกาเลน พญาเกลารูด้า สั่งทหารเกลการูด้า อีเกิลการูด้า และการาสุเตรียมโจมตีสู่ภาคพื้นดิน ! "องค์หญิงสั่ง " เกลการูด้า การาสุ เข้าประจำตำแหน่ง เตรียมโจมตี !! " พญาเกลการูด้ากล่าว " อีเกิลการูด้า เตรียมอาวุธคันธนูและศรประจำการ ณ ยอดมหาพฤกษา เตรียมเล็งใส่ผู้รุกราน ! " กาเลนสั่งเสียงดังก้อง ไม่นานนัก เสียงคำรามกึกก้องและเปลือกไม้ที่แตกออก ก็ดังลั่นไปทั่วป่า สร้างความเงียบสงัดให้แก่สิ่งมีชีวิตแทบทุกอย่างโดยรอบ ... " มาแล้วสินะ ... มังกรที่ถูกผนึก ... " องค์หญิงเดลิเชียตรัสเบาๆ เมื่อองค์หญิงส่งจิตกลับไปตรวจค้นถึงเมื่อคราสนทนากับปราชญ์การูด้า ...... ข้าจะทำอย่างไรดีท่าน เป้นเช่นนี้ อิกดราซิลอาจมอดไหม้ ... ใจเย็นก่อนสิองค์หญิง อิกดราซิลไม่มีวันตาย ไม่มีวันมอดไหม้ เป็นมารดาของทุกสิ่งเสมอมาและต่อไป .... ..... ท่านจะแน่ใจได้อย่างไร มนุษย์ที่นี่มิอาจต่อกรกับทั้งกองทัพได้แน่ ...... ..... แต่เราทำได้ และไม่เพียงแค่เราด้วย มหาพฤกษาก็เช่นกัน ..... ..... หมายความว่าอย่างไร ...... " นี่สินะ ไม่ใช่เราต่อสู้ เพียงแค่เรา .... " องค์หญิงเดลิเชียกล่าวเบาๆ ........ มารัครึ อันใดกัน ท่านปราชญ์ ? ! ............... ........ มังกรขนาดมหึมาที่ถูกอิกดราซิลผนึกอยู่มาช้านาน ........ ........ จะเป็นจริงหรือท่าน เรื่องเล่าโบราณขนาดนี้ไม่มีใครจะพิสูจน์ได้ว่าจริงนะ ........ ........ องค์หญิงพะยะค่ะ ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าของเผ่าการูด้าเรา ก็มากพอจะช่วยต้านพวกกองทัพผีได้แล้ว และถ้าหากที่ข้าพูดก็เป็นจริง ไม่มีทางที่อิกดราซิลจะมอดไหม้แน่ ดังเมื่อคราไฟป่านั่นแล ............. " คงจะได้เวลา ที่เราจะให้สิ่งที่พวกมันทำกลับสนองแล้วสินะ " องค์หญิงเดลิเชียกล่าว ต้นอิกดราซิลทั้งต้นหวั่นไหว ... เปลือกไม้ผลิแตก .... มังกรประหลาดขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากเปลือกไม้นั่น ทันทีที่หลุดจากพันธนาการรากและเปลือิกไม้ของมหาพฤกษา มันก็มุ่งตรงเข้าทำลายกองทัพเพลิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง .... " องค์หญิงพะยะค่ะ ! " พญาเกลการูด้ากล่าว องค์หญิงเดลิเชียหันกลับมามองทางชาวการูด้าและกล่าวแก่ทุกคน " กองทัพแห่งจักรวรรดิซาโลม ที่กำลังรุกรานชาวเราในตอนนี้ ... ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่เดือดร้อน แต่ ณ ขณะนี้ ความอดทนที่จะคอยดูพวกมันทำลายคนที่ไม่มีทางสู้และธรรมชาติหมดลงแล้ว ! หมดลงตั้งแต่ที่มันร่ายมหาเพลิงเพื่อทำร้ายพฤกษามารดาแห่งสรรพสิ่งในฟูดินัน !!!! บัดนี้ ข้าขอให้การูด้าที่ได้รับคำสั่งทุกตัว ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ........ การทำลายกองทัพปีศาจให้ราบเป็นหน้ากลอง !!!!!!!!!! " องค์หญิงเดลิเชียประกาศดังทั่ว เรียกเสียงร้องจากการูด้าทุกตัวได้เป็นอย่างดี " อีเกิลการูด้า มองหาเป้าหมาย ยิง !! " นายพลกาเลนกล่าว เสียงเอ็นสายของคันศรดังขึ้น ลูกดอกนับร้อยพุ่งลงมาจากยอดมหาพฤกษาไม่หยุดหย่อน อีเกิลการูด้าที่มีสายตาเฉียบไว ... สาดลูกศรลงมาอย่างต่อเนื่อง จนทหารซาโลมถึงกับพรุนไปตามๆกัน ไม่ทันสิ้นลูกศร เหล่าเกลการูด้า และการาสุก็เฮกันลงมาช่วยฟาดฟันทหารซาโลมไม่ยั้งอีกแรง ไม่นานที่กองทหารซาโลมจะวิ่งหนีกันพัลวัน แต่เหล่าการูด้าที่โกรธเคืองจากการกระทำของ จอมเวทย์ที่เสกไฟใส่มหาพฤกษายังคงไล่ตามต่อไป แม้มีทหารการูด้าตนใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีพ การูด้าที่เหลือก็จะช่วยกันโฉบกลับขึ้นยอดมหาพฤกษาไป ............ " องค์หญิงเดลิเชีย ท่านคิดว่าอย่างไรบ้างพะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าว " ข้าว่า ... ทหารพวกนี้ ... ไม่ครนามือต่อฝูงการูด้าเราเลยแม้แต่น้อย และเจ้าพวกนี้คงจะเข็ดไปอีกนาน เพราะโดนทั้งมังกรและครุฑและฆ่าแออย่างนี้ ถึงช่องโหว่จะอยู่ แต่คงจะโจมตีได้ เฉพาะรอบนอกเขตเขาคีรีบันดา ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงปล่อยมนุษย์ไปตามทางของเขาเถิด " องค์หญิงกล่าว " เกล้ากระหม่อมหวังไว้อย่างยิ่งที่จะไม่ต้องมานั่งดูการประหัตประหารเช่นนี้อีก " พญาเกลการูด้ากล่าว " สักวันหนึ่ง ... ก็อาจต้องเกิดขึ้นอีก ตราบใดที่มนุษย์ยังมีราคะเช่นนี้อยู่ ไม่เจริญกิจวัตรในวิถีทางอันควรเสียที แต่นั่นคงอีกนาน และถ้าหากมันกล้าจะมาเผามหาพฤกษาอีก ... ข้าจะลงต้องรับแขกเอง ....." องค์หญิงเดลิเชีย สยายปีกขนสีมรกตอันงามออก ทอดพระเนตรผืนป่าที่ถูกทำลายไปหลายส่วน และกองทัพการูด้าที่กำลังบินกลับรัง ... จบละฮะ ขอบคุณนะฮะที่อ่าน ::014:: ใครลากๆๆๆ ต้องอ่านให้หมดนะ ::019:: Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 12, 2008, 10:06:18 PM รวมภาพ ตัวละคร และ/หรือที่กล่าวถึง
(http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n003/3.jpg) แอนกอรีออน อ้างอิงจากกระทู้ http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=10940.0 เป็นสิงโตที่มากับหมอกและหายไปกับหมอก การปรากฎตัวมักบอกถึงภับร้าย (http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/92.jpg) อ๊ะ คนเผ่าป่าฟูดินัน เนอริมอร์ อิบริด (http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/95.jpg) ผมว่าภาพสวยมากนะครับ แต่สมัยนี้ไม่เห็นใครใช้แล้ว เด็กสาวชาวป่าที่วิ่งลุยไฟมายังโคนต้นอิกดราซิล (http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n001/81.jpg) เทพีกายสีฟ้าดั่งวารี ร่ายมนตร์ให้น้ำเอ่อล้นช่วยดับไฟ ที่เดลิเชียกับวานาอันเห็น = = (http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/n020/18.jpg) ปราชญ์การูด้า - - ปรากฏตัวใน Merrisia 3rd Impression แต่ก็ถูกดึงมาเขียนด้วย ^^ (http://www.phenomenonparty.com/card_database/smncardpic/p004/52.jpg) พญาเกลการูด้า เป็นแค่ชื่อตำแหน่งฮะ ประมาณนั้น แต่เนื่องจากเราก็ไม่ได้กำหนดชื่อเลยให้เรียกไปตามนั้น - - ประมาณนี้ฮะ ดูๆแล้วก็คงเยอะพอแล้วนะฮะ ^^ ส่วน Gale Garuda ,Eagle Garuda , Galen ,the Garuda Brigadier , Vahal Peak Garuda , Python , Blaze Sage, the Viceroy of Zalom , Delicia ,the Princess Garuda คงจะรู้จักกันดีอยู่แล้วนะฮะ ^^ ถ้ามี Comment ช่วยหน่อยจะดีมากเลยฮะ = = รู้ว่าต้องปรับอีกเยอะเลย อย่างเรื่องของ Galen ที่อยู่ถึง St.Final นี่แค่ Dividing of 4 Kingdoms ก็ฉุดมาซะแล้ว ^^ Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: FroZen SkyZ~! on October 29, 2008, 09:59:29 PM สนุกมากคับ อ่านแล้วติด ย้ากกกกกก ::013::
Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: the St. of Amara on October 30, 2008, 01:03:43 AM ::008::
ขอบคุณฮะ ดีใจที่มีคนอ่าน = = จาได้มีกำลังใจแต่ง Side Story อื่นๆได้ ^^ ผมอ่านเองดูแล้วพรรณนาน้อยไป ยังไงถ้าแต่งเรื่องต่อไปจะแต่งให้ดีกว่านี้ละกันนะฮะ ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านนะฮะ (ถ้ามีนะ == ) Title: Re: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I Post by: shuresharn on November 05, 2008, 01:31:09 AM ชอบมากกกกกกกก
ตอนแรกแอบลากด้วย เจอข้างล่างเลยหงิด -_- เป็นกำลังใจให้คนขยัน ::013:: |