Summoner Master Forum

Summoner Master => SMN FanCard FanArt & FanFic => Topic started by: Panther on January 16, 2008, 12:10:49 AM



Title: scorpio School [ โรงเรียนราศีพิจิก ]
Post by: Panther on January 16, 2008, 12:10:49 AM
เนื่องจากว่าครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้ว่างมาก จึงลอง เอานิยายตัวเองมาลงดู แหะๆ ติชมกันด้วยนะคับ พึ่งหัดแต่ง อ่า  ::003::

ยังอยู่ในช่วงปรับปรุง แหะๆ ใครรุวิธีขยาย ฟ้อน ม่าง อ่า แหะๆ

                                                                                          Chapter 1 จุดเริ่มต้นของครอบครัวแมตเตอร์
             
บ้านเล็กๆที่อยู่ตรงตรอกลูเซีย ไม่มีมนุษย์คนใดเข้าไปข้างในมาก่อน บ้านของครอบครัวแมตเตอร์ บ้านหลังนี้ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเห็นแม้ไม่อยากจะเหลือบตาชำเลืองขึ้นไปดูรูปปั้นแกะสลักรูปกากอล์ยที่จ้องเขม็งมาที่พื้นถนน “บางครั้งเหมือนมันจ้องพวกเราด้วยซ้ำ” นั่นคือคำกล่าวขานที่ชาวบ้านเล่าต่อๆกันมา แน่นอนตรอกลูเซียเป็นตรอกที่น่าพิศวงสำหรับผู้ที่เดินผ่านไปมาอยู่เสมอแม้ผนังด้านข้างจะเป็นอิฐที่โบกอย่างหนาแน่นก็ตาม แต่ไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ในตรอกลูเซีย ยกเว้นประตูรั้วโทรมๆที่ขนาดใหญ่เกินพอดีอยู่ในสุดทางเดินของตรอก ใช่แล้วล่ะ ประตูรั้วของแมตเตอร์  เคยมีเรื่องเล่าขวัญผวาสำหรับบ้านนี้มาเหมือนกัน แน่นอนว่าชาวบ้านแถวนั้นคงรู้กันดีและไม่มีใครคิดจะเข้าหรือผ่านตรอกนี้เวลาฝนตก “ใครจะกล้าเข้าละ ในเมื่อคนที่เข้าไปในนั้นก็ไม่เคยออกมาอีกเลยก็ว่าได้ ยิ่งเวลาฝนตกนะ ยิ่งแรงเท่าไร เสียงอีกาที่ไม่ควรมีก็กลับดังแข่งกับเสียงกระทบของสายฝน” แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่คำเล่าขานของชาวบ้านผู้ที่รู้ไม่ลึกที่ดีแต่จ้องจำผิดบ้านหลังนั้น

ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะรู้ที่เรื่องของแมตเตอร์ได้ดีไปเท่า พวกไวเซอร์ พวกที่คิดว่ามนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย ไร้ค่าไม่สมควรอยู่บนโลก แน่นอนว่าพวกไวเซอร์ย่อมมีอะไรดีกว่ามนุษย์ปกติ “เวทย์มนต์” จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ผิด คือสิ่งที่พวกไวเซอร์ได้รับเมื่อแรกเกิดและขยายเผ่าพันธุ์อยู่กับมนุษย์มาช้านานเพียงแต่ว่าปะปนอยู่ สิ่งที่ยืนยันว่าพวกไวเซอร์มีอยู่จริงก็คือสิ่งเร้นลับที่เกิดขึ้นบนโลก สิ่งที่แม้กระทั่งวิทยาศาสตร์ไม่มีทางพิสูจน์ได้ ใช่แล้วสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยพวกไวเซอร์ แต่ชาวไวเซอร์ไม่ชอบพบปะกับมนุษย์ซักเท่าไร พวกไวเซอร์จึงรวมตัวกันและสร้างสถานที่ที่หนึ่งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งที่พักพิงอิงอาศัย “บ้านแมตเตอร์” คือหนึ่งสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นเพียงชั่วพริบตาและตรอกลูเซียก็ถูกสร้างขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืนด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามนุษย์เป็นหมื่นๆปีก็ไม่มีทางตามมันทัน แน่นอนว่าในตรอกนี้มีอะไรมากมายกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยไวเซอร์ชั้นสูงสามตน และเรื่องราวก็ผ่านมาจนถึงช่วงๆหนึ่งช่วงนี้มีไวเซอร์ปะปนอยู่กับมนุษย์ถึง 40% เรื่องราวทุกอย่างจึงได้เกิดขึ้น เนื่องจากมี ไวเซอร์คนหนึ่งทรยศต่อพวกพ้องในไปบอกความลับกับมนุษย์ แต่นับว่าเป็นความโชดียังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่มีใครเชื่อคำพูดของชายชราท่าทางอมโรคอยู่แล้ว แม้ไม่มีใครเชื่อแต่ก็มีคนเล่าปากต่อปากจนกลายเป็นเรื่องสนุกสนานเฮฮาในหมู่คณะมนุษย์ยามสังสรรค์

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 1991 ที่ฝนตกพรำ บ้านหลังนั้นมีเสียงของเด็กทารกเพศชายผิวขาวดวงตากลมโตได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
“ยินดีด้วยนะบอนด์ ในที่สุดก็มีลูกสักที” เพื่อนๆร่วมวงได้พูดขึ้นพร้อมกับตบไหล่เบาๆพลางหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่ๆ
“ฉันเป็นห่วงแคลร์มากกว่า ดูท่าแล้วรู้สึกไม่ดีเลย” ชายหนุ่มวันกลางคนพูด พลางลูบหนวดหนาๆของตน
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอฉันดูหน้าตาของลูกหน่อยสิคะ” แคลร์พูดพลางเอื้อมมือไปรับบุตรชายของตน
“มาร์วี” แคลร์พูด
“อะไรนะแคลร์” บอนด์พูดด้วยน่าตาสงบ เมื่อรู้ว่าภรรยาสุดที่รักปลอดภัย
“ลูกของเราไง มาร์วี แมตเตอร์” แคลร์ยิ้มพร้อมกับส่งลูกขึ้นนางพยายาบาล
“เธอต้องพักผ่อน” นางพยาบาลพูด “แต่พักที่นี่ไม่ได้ ต้องไปที่โรงพยาบาล”
“งั้นก็รีบไปกันเถอะ”บอนด์พูดอีกครั้งด้วยสีหน้าที่สดใสน้อยลง
“ขอบคุณจริงๆ ที่ยอมมาทำคลอดที่บ้านหลังนี้” แคลร์เสริม
ระหว่างที่กำลังเดือนทางฝนที่ตกโปรยปรายมาตลอดก็ได้หยุดชะงักราวกับว่าเทพเจ้าต้องการให้หนุ่มน้อยผู้ที่ได้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
   “มาร์วี! มาร์วี! เธอแอบหลับในคาบของครูอีกแล้วนะ” ครูคาร์เบอร์ตะโกนสุดเสียง
   “โธ่! ครูคาร์เบอร์มันน่าเบื่อออกจะตาย โรงเรียนนี้ไม่มีอะไรทำที่มันดีกว่านี้แล้วหรอ” มาร์วีพึมพัมพลางขยี้ตาหลังจากฝันแสนหวานมานาน

กริ๊งงงงงงงง!!!
   “เอาล่ะ หมดคาบแค่นี้ เตรียมตัวกันให้ดีนักเรียนทั้งหลาย พรุ่งนี้จะเป็นการสอบประจำปีแล้ว” ครูคาร์เบอร์กล่าว
   “มาร์วี กลับบ้านด้วยกันนะ” เสียงแสนไพเราะได้ดังขึ้นข้างๆของมาร์วี ทำให้ชายผมยาวประบ่า ถึงกับหันมามอง
   “โธ่! นึกว่าใคร โซฟีนี่เอง ” มาร์วีพูด “วันนี้คิดยังไงชวนเรากลับด้วยละเนี่ย”
“อะไรกัน คนเป็นแฟนกันชวนกันกลับบ้านด้วยเนี่ยเหรอแปลก”โซฟีพูดพลางดึงแขนมาร์วีเดินไปที่ระเบียงทางเดิน
เมื่อทั้งคู่ออกไปข้างนอกหิมะก็ได้โปรยลงมาสู่พื้นแผ่นดินที่พวกเขาทั้งสองกำลังเดินกอดกันออกจากโรงเรียน
   “เออนี่มาร์วี ขอถามอะไรอย่างสิอย่าโกรธนะ”สาวผมทองถาม
   “ตามสบายเลย จะโกรธไปทำไมแค่อยากรู้เรื่องของเรา”มาร์วีตอบพลางหัวเราะ
“พ่อกับแม่เธอละ” ทั้งคู่หยุดนิ่งไม่มีทีท่าขยับหรือมองหน้ากัน “เธอโกรธเหรอ”
“โอ๊ะๆ เปล่าๆ แค่กำลังนึกในอดีตซักนิดนึง หนะ”มาร์วีพูดพร้อมกับสีหน้าอันเศร้าหมอง “พวกเขาจากเราไปนานแล้ว ท่านประสบอุบัติเหตุทางรถนะ”
“ตอนนี้เธออยู่กับใครเนี่ย”หล่อนถามต่อด้วยความอยากรู้
“คนเดียวนะสิ ถามแปลกๆ พ่อกับแม่ตายไปแล้วคิดว่าฉันจะอยู่กับใครได้ละ” เขาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“เธอไม่เคยเสียใจเลยเหรอ”หล่อนถามต่อ
“เคยสิ”เขาพูดอย่างเย็นชา “มากมายจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วละ ไม่รู้กี่ครั้งที่เราต้องนอนร้องไห้อยู่คนเดียวกับห้องเปล่าๆที่ไม่มีใครเลย ไม่รู้กี่ครั้งที่เรากลับมาที่บ้านแล้วไม่เคยเจอใครซักคน ไม่รู้กี่ครั้งที่เวลาเรานอนแล้วได้ยินเสียง นึกว่าเป็นพวกท่านจึงรีบวิ่งลงมาดูแต่สูดท้ายก็เป็นเพียงแค่ลมพัด ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่เพื่อนๆล้อเราว่าเป็นคนที่ไม่มีพ่อแม่ เราหน่ะนะร้องไห้จนเบื่อแล้วละ”
“เสียใจสำหรับเรื่องทั้งหมดนะ ฉันไปก่อนนะ ถึงบ้านฉันแล้ว บาย” โซฟีเลีย กล่าวคำอำลาพร้อมกับหอมแก้มของมาร์วีเบาๆก่อนจะเข้าไปในบ้านของเธอ เล่นเอามาร์วีผู้เคร่งขรึม หน้าแดงไปเลยดีเทียว พอถึงบ้านก็เจอแต่เรื่องเดิมๆ ไม่มีใครอยู่ ฝุ่นก็ติดเต็มหน้าต่าง ไม้ก็ไม่เคยอยู่ในเตาผิง เขาขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้วก็หลับไปอย่างอ่อนเพลีย
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังอ่านหนังสือครั้งสุดท้ายก่อนเข้าห้องสอบ พวกครูทั้งหลายก็ไล่นักเรียนให้เข้าห้องของตนเพื่อเตรียมตัวในการเลื่อนชั้น มาร์วีก็เป็นหนึ่งในนั้น
   “เอาละ...นะนักเรียน เราจะสอบทั้งหมด 3 วิชา เริ่มเวลา 9:00และเลิกสอบเวลา 12:00 ... บ่ายโมงเมื่อไรครูจะออกเกรดเลื่อนชั้นให้ แล้วอีก 3 ... วัน คนที่สอบผ่าน...ก็ให้เตรียมตัวมารับประกาศนียบัตร...ได้เลย เอาละ เริ่มการสอบได้!”เสียงตามสายที่ออกมาจากลำโพงคงอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักจึงทำให้เสียงออกมาขัด
นักเรียนทุกคนทำข้อสอบกันอย่างขะมักเขม้นภายในห้องเงียบสนิทได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินบอกเวลาดังอย่างเสมอ ได้ยินเสียงลมที่พัดมาข้างหน้าต่างที่เปิดไว้เล็กๆเพื่อให้อากาศระบายและถ่ายเท เมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบจะหมดเวลาสอบ มาร์วีก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งข้อสอบกับอาจารย์คาร์เบอร์ “ลาก่อนชีวิตอันหน้าเบื่อหน่าย” เขากล่าวก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง เพื่อรอรับประทานอาหารพร้อมกับเพื่อนๆของเขา
“ฉันว่าข้อสอบคราวนี้ไม่ค่อยยากนะ” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งกล่าว
“แต่ฉันว่ายากเป็นบ้าเลยโดยเฉพาะเลข”เพื่อนอีกคนพูดไปเคี้ยวอาหารไป
“รีบๆ กิน รีบๆไป รอเกรดดีกว่านะ จะได้รีบกลับบ้าน จริงไหมมาร์วี”โซฟีพูดพลางเรียกมาร์วีที่กำลังกินข้าวให้หันมาเห็นด้วยกับความคิดของตนเอง
“หืม อืมๆ” มาร์วีพูดพลันหันไปหยิบน่องไก่ชิ้นโตมากินทันที
“เฮ้ยๆ นั่นแฟนนายนะ ดูแลดีๆสิ ฮ่าๆ”โทมันเพื่อนแสนสนิทของมาร์วีพูด เล่นเอาหัวเราะทั้งโต๊ะอาหาร ไม่เว้นแม้แต่ผู้โดนล้อ มาร์วี่ แมตเตอร์ หรือแฟนของเขา โซฟีเลีย อาดุส
“ประกาศ...ประกาศ...นักเรียนเกรด9ที่กำหารสอบวันนี้ให้ไปรับใบ...เกรดได้แล้วที่ห้องทำงานของครูคาร์...เบอร์” เสียงตามสายของโรงเรียนก็ยังคงไม่ดีเช่นเคย
แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะว่านักเรียนส่วนใหญ่ได้ไปรออยู่หน้าห้องทำงานอยู่แล้วยกเว้นพวกของมาร์วีที่กำลังเดินไปหลังจากสังสรรค์ที่โรงอาหารเสร็จสิ้น
   “ฮ่าๆ พวกเราผ่านหมดโว้ย ขอบใจจริงๆเลยไอ้โล้นคาร์เบอร์ ฮ่าๆ”โทมันพูดกับพรรคพวกของเขาหลังจากที่ออกจากโรงเรียนมาได้ซักพัก “แ ล้วนายละมาร์วี ได้เท่าไร เหรอ”
“97อ่า เฉลี่ยแล้ว”เขาพูดพร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างผิดหวัง
“97เลยหรอ คะแนนเฉลี่ยฉันพึ่งได้แค่ 88 เองนะ”โซฟีพูด
“ “แค่” หรอ พวกเราทำกันสุดชีวิตได้ประมาณ 81 เธอได้ตั้ง 88 นะ ไม่ใช่ แค่ 88”โทมันกล่าวอย่างอารมณ์บูด “เฮ้ย!ฉันไปละนะ ลาก่อน” พลางเลี้ยวเข้าซอยไปอย่างเงียบๆ
“ฉันก็เหมือนกัน ไปก่อนนะมาร์วี ถึงบ้านฉันแล้ว ลาล่ะ”ลูกสาวคนโตตระกูลอาดุส พูดพลางวิ่งเข้าบ้านไป

เมื่อมาร์วีถึงบ้านก็เหตุเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เตาผิงที่ไม่เคยใช้มาก่อน เหตุไฉนถึงมีกองฟืนที่ไหม้ค้างเหลืออยู่ในเตาผิง หน้าต่างที่มีแต่คราบฝุ่น เหตุไฉนถึงถูกทำความสะอาดซะเรียบร้อยไปหมด โซฟาตัวเก่าๆที่มีแต่รอยขาดจนยับเยิน เหตุไฉน ถึงมีรอยเย็บจนไม่มีนุ่นปริออกมาข้างนอก
“ยินดีด้วยนะลูก”เสียงที่ฟังดูแล้วอบอุ่นได้มากระซิบข้างๆหูเบา
“แม่! แม่กลับมาหาผมแล้วใช่ไหม แม่ยังไม่ตายใช่ไหม”มาร์วีตะโกนด้วยความดีใจ ตะโกนทั้งน้ำตา
“ใช่แล้วลูก แม่ขอโทษนะที่ต้องหลอกลูก แม่มีเรื่องจะบอก เรื่องที่ลูกควรรู้”
“ลูกเป็นชาวไวเซอร์นะ ลูกคงเคยได้ยิน ใครๆพูดถึงบ้างแล้วละ ลูกหน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือมนุษย์นะ”แคลร์พูดต่อ
“จริงเหรอครับแม่ ผมคือพวกไวเซอร์เหรอครับ”มาร์วีหน้าฉงน
“จริงสิลูก”
“แล้วทำไมต้องทิ้งผมให้อยู่คนเดียวละ”
“มันเป็นสิ่งที่ทดสอบว่าลูกเหมาะสมหรือไม่กับการที่จะรู้ความจริง มันคือกฎแห่งเรา”
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“เราไม่มีเวลาอธิบายแล้วรีบไปกับแม่ด่วน”แคลร์ลากลูกชายของเขาไปที่เตาผิงทันใดนั้นเปลวไฟก็ลุกโชติช่วงขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ แม่ของเขาได้ดึงเขาเข้าไปในเปลวเพลิงอันร้อนระอุแล้วพวกเขาก็หายลับไปท่ามกลางห้องที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยฝีมือแม่ของเขา แคลร์ แมตเตอร์



Title: Re: scorpio School [ โรงเรียนราศีพิจิก ]
Post by: boy on March 13, 2008, 09:15:40 PM
สนุกเศร้าเคล้านําตาดี  แต่ว่าทำไมถึงเป็น"โรงเรียนราศีพิจิก"ล่ะครับ  เกี่ยวกับโรงเรียนก็พอรู้นะครับแต่เกี่ยวอะไรกับราศีพิจิกล่ะครับ  หรือเป็นเพียงแค่ชื่อเรื่อง


Title: Re: scorpio School [ โรงเรียนราศีพิจิก ]
Post by: AbNolzMiC on March 19, 2008, 09:52:47 PM
- -** มิมีจะมาบอกกันเลย

เว้นบรรทัดมากกว่านี้หน่อยก้อได้
โดยเฉพาะ
แบบ ประโยคที่คิดว่าเปนประโยคเด็ดของตอนๆนั้นอ่ะ


Title: Re: scorpio School [ โรงเรียนราศีพิจิก ]
Post by: Panther on March 19, 2008, 10:21:39 PM
รีบเขียน นิ นา ว่างๆ เอาอันดีๆมาลงให้น่อ ช่วงนี้ ไม่ค่อยมีเวลา เรียน อุ๊ อยู่ แหะๆ

ปล. ภาษามันดูหยาบๆ เนาะ ::008::


Title: Re: scorpio School [ โรงเรียนราศีพิจิก ]
Post by: ~:[D]eath [S]onata:~ on March 19, 2008, 11:18:44 PM
คุ้นๆนะ เอ เหมือนเคยอ่าน นานมาแล้ว อืมมม