Title: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:50:35 AM Chapter 60 ขุนพลปีศาจ ภายหลังจากที่ข่าวการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ซาดินแพร่ออกไป ประชาชนทั่วทุกหัวระแหงก็เริ่มเกิดความรู้สึกนึกคิดโต้แย้งแตกแยกไปต่างๆ นานา บ้างก็ดีใจสิ้นกษัตริย์ผู้กระหายสงคราม บ้างก็เสียใจเพราะวาดฝันไว้ถึงดินแดนอันแสนอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่รู้ว่าผู้ปกครองคนใหม่จะมีความสามารถพอจะช่วงชิงมันมาได้หรือไม่ บ้างก็วิตกกังวลถึงกษัตริย์ผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งตามศักดิ์แล้วก็ควรจะเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวของกษัตริย์ซาดิน คือ เจ้าชาย ซาร์ อิสฮาน แต่พระองค์ก็ยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่อย่างซาโลมได้เพียงลำพัง เช่นนั้นแล้วใครกันเล่าจะขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ตามธรรมเนียมแล้ว อาณาจักรซาโลมไม่ยอมรับเรื่องการให้หญิงมีอำนาจเหนือชาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอัญเชิญพระราชินี เนอริมอร์ ขึ้นถือตำแหน่งสูงสุดในแผ่นดิน แม้พระนางจะเป็นถึงราชินีและพระราชชนนีก็ตาม ด้วยเหตุนี้ประชาชนในซาโลมซึ่งเริ่มเกิดความไม่มั่นคงในจิตใจ ความระส่ำระสายเริ่มก่อตัวขึ้นและค่อยๆ แผ่ไปในทุกหย่อมหญ้า แม้กระทั่งภายในพระราชวังหลวงแห่งจักรวรรดิซาโลมเองก็เช่นกัน บรรดาขุนนางต่างก็เริ่มจับกลุ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะต่างก็เริ่มเล็งเห็นแล้วว่าผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะได้เป็นใหญ่ถือตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระโอรสองค์น้อยคงไม่พ้น มหาอำมาตย์นาริส สุไลมาน หมาอุปราชบลาสเซจ และเป็นผู้ใหญ่ในกองทัพรองจากกษัตริย์ซาดิน ซึ่งก็คือจอมทับทมิฬราโชยู ส่วนผู้ที่ยังคงโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของกษัตริย์ซาดินก็ยังมีอยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือมหาอำมาจย์นาริส สุไลมานนั่นเอง เพราะภายหลังจากแจ้งข่าวการเสด็จสวรรคตของกษัตริย์ซาดินต่อราชินีเนริมอร์และเหล่าขุนนางแล้ว เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานแทบจะตลอดทั้งวัน แม้แต่การถวายการสอนให้กับพระโอรสก็ถูกขอพักไว้ชั่วระยะหนึ่ง แต่ทั้งนี้เพราะสอดคล้องกับที่ทุกฝ่ายจะต้องเตรียมการพระราชพิธีปลงศพของกษัตริย์ซาดิน และพิธีราชาภิเษกของพระโอรส ซาร์ อิสฮาน ถึงแม้ว่ามหาอำมาตย์จะไม่ขอพัก ก็คงต้องถูกขอให้พักการถวายการสอนอยู่ดี เพราะผู้ที่เป็นใหญ่ในดินแดนแห่งนี้ถ้าไม่นับมหาอุปราชและจอมทัพทมิฬที่ยังคงติดพันอยู่ที่สนามรบ ก็มีเพียงมหาอำมาตย์ นาริส เท่านั้น ส่วนพระนางเนริมอร์ เมื่อสิ้นกษัตริย์ซาดิน แม้พระนางยังคงมีอำนาจสิทธิ์ขาดต่างๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าอีกไม่นาน พระนางก็จะเหลือเพียงตำแหน่งพระราชชนนีเท่านั้น อำนาจของพระนางจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับกษัตริย์องค์ต่อไปจะคงอำนาจไว้ให้โดยจะต้องผ่านความเห็นชอบของผู้สำเร็จราชการแทนด้วย ดั้งนั้นในเวลานี้ในพระราชวังจึงเกิดความระส่ำระสายไม่แพ้กัน ขณะที่มหาอำมาตย์ผู้สูงวัยกำลังเหม่อมองออกไปไกลในดินแดนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาผ่านหน้าต่างยอดโค้งฟากที่ติดกับโต๊ะทำงานของเขานั้น แสงสะท้อนที่กำลังเต้นเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ นั้นช่างดูเหมือนพื้นน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลน่าลงไปแหวกว่ายเพื่อคลายความร้อนระอุแสนหฤโหดในดินแดนทะเลทรายแห่งนี้นัก หากเขาไม่ได้อยู่ในทะเลทรายมาตลอดชีวิตก็คงจะวิ่งไล่ตามพื้นน้ำจอมปลอมนั้นจนขาดใจตายเหมือนพวกที่หลงเข้าไปในทะเลทรายแล้วไม่เคยได้กลับออกมาอีกเลย นาริส สุไลมาน ถอนใจอย่างแรงราวกับว่าเขาหวังจะให้ความทุกข์ที่กำลังสะสมอยู่ในอกเขาจนล้นปรี่นั้นได้ทุเล่าเบาบางลงบ้าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ลดน้อยลงเลย ทำไมหนอเมื่อครั้งที่การบุกฟีเลเซียยังเป็นแค่การปรึกษาหารือ ทั้งๆที่เขารู้อยู่เต็มอกถึงการวาดความฝันอันสวยหรูของอุปราชบลาสเซจ ทำให้กษัตริย์ซาดินทรงตัดสินพระทัยนำซาโลมเข้าสู่มหาสงครามในครั้งนี้ ทั้งๆที่เขารู้ว่าหนทางจะไม่สวยหรูและได้มาง่ายๆดังเช่นที่อุปราชเฒ่าบอก ทำไมเขาจึงไม่พยายามพูดโน้มน้าวเตือนสติพระองค์ให้มากกว่านั้น หากเขาพยายามมากว่าที่ได้ทำลงไป เขาอาจจะโน้มน้าวสำเร็จและไม่กลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างเวลานี้ การสวรรคตของกษัตริย์ซาดินคือความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย มหาอำมาตย์ทอดถอนใจอีก ก่อนจะซบใบหน้าลงในฝ่ามือทั้งสองข้าง ศีรษะของเขาหนักอึ้ง หัวใจของเขารู้สึกห่อเหี่ยว ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ ท่านนาริสทุกข์ใจหรือ? เสียงเล็กๆ ของเด็กชายดังขึ้นข้างๆ ตัวเขา ทำให้มหาอำมาตย์ใจหายวาบรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จึงได้เห็นว่าเจ้าชายอิสฮานกำลังยืนเอามือทั้งสองข้างวางซ้อนกันบนโต๊ะเพื่อรองใต้คาง ขณะเอียงคอพยายามมองลอดช่องฝ่ามือของมหาอำมาตย์ คิ้วน้อยๆ ขมวดแน่นริมฝีปากยื่นออกน้อยๆ ด้วยความสงสัย ฝ่าบาท ทรงมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ? มหาอำมาตย์ทูลถามเมื่อตั้งสติได้ เรามาได้สักพักแล้ว แต่เห็นท่านคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ดูท่าทางเคร่งเครียดมาก จนไม่ได้สังเกตุเห็นเราว่าเดินเข้ามา เราได้ยินพวกทหารพูดกันว่าท่านไม่ค่อยสดชื่น เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวการตายองเสด็จพ่อ ท่านนาริส เจ้าชายอิสฮานหยุดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตรัสต่อ ท่านนาริสเสียใจที่เสด็จพอตายรึ? พ่ะย่ะค่ะ นาริส สุไลมานทูลตอบเสียงเรียบแต่ดวงตาฉายแววแห่งความเศร้าจนเจ้าชายน้อยสัมผัสได้ เจ้าชายอิสฮานใบหน้าสลดลงด้วยความผิดหวังที่ไม่คิดจะเหน็บซ่อนมันไว้ เขาคิดมาตลอดว่ามหาอำมาตย์อยู่ข้างเขา เป็นพวกเขา คำตอบของนาริส สุไลมาน จึงสร้างความเจ็บปวดให้เจ้าชายอิสฮานอยู่ไม่น้อย ทำไม ? เจ้าชายอิสฮานทรงถามได้เพียงเท่านั้นก็เงียบเสียงลง น้ำตาพาลจะไหลลงให้ได้ มหาอำมาตย์ดูออกว่าเจ้าชายน้อยรู้สึกเช่นไร จึงลุกขึ้นจูงมือพระองค์ไปนั่งยังเก้าอี้รับรองก่อนจะย่อเข่าลงข้างหนึ่ง และจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย ช่างน่าเศร้าเหลือเกินที่พระองค์ไม่เคยได้รับความผูกพันธ์ใกล้ชิดจากพระบิดา ทำให้พระองค์ไม่รู้สึกใดๆ เลยกับการจากไปของกษัตริย์ซาดิน ซ้ำยังออกจะดีใจด้วยซ้ำที่จะไม่มีใครพรากพระมารดาที่รักไปอีก ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ ฝ่าบาท ขอย่าทรงเสียใจกับคำตอบของกระหม่อมเลย พระองค์ต้องทรงเข้าใจว่า กระหม่อมรับใช้ตระกูลอิบริสมาถึง 3 รุ่น แล้วตั้งแต่เสด็จปู่ องค์ซาดิน และพระองค์ เป็นธรรมดาที่กระหม่อมจะรู้สึกผูกพันธ์และรู้สึกเศร้าเมื่อพระองค์ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้แต่เราด้วยรึเปล่า ? เจ้าชายทรงอดถามไม่ได้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ กระหม่อมคงยิ่งกว่าหัวใจสลาย มหาอำมาตย์ยิ้มให้กับเจ้าชายน้อยด้วยความรักและเอ็นดู Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:51:54 AM เจ้าชายอิสฮานทรงได้ยินดังนั้นจึงค่อยยิ้มออก อย่างน้อยท่านนาริสก็รักพระองค์มากกว่าเสด็จพอ แต่พระองค์ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
ท่านนาริสคงจะรักเสด็จพ่อมาก ถึงได้มีท่าทางทุกข์ใจมากเช่นนี้ เจ้าชายอิสฮานตรัสด้วยความน้อยเนื้อยต่ำใจ มหาอำมาตย์เฒ่ามองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่ายเขาเข้าใจนิสัยของเด็กๆ ที่อยากจะให้ตนเองได้รับความรักคนเดียวไม่อยากแบ่งคนที่ตนรักให้ใคร แต่เขาจะอธิบายอย่างไรให้ทรงเข้าใจในความรู้สึกของเขาได้ กระหม่อมจะอธิบายอย่างไรให้พระองค์เข้าใจดี... ความรักความผูกพันที่มีมานานก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกผิดของกระหม่อมต่างหาก ความรู้สึกผิดนี้ต่างหากที่กำลังกัดกร่อนหัวใจของกระหม่อม นาริส สุไลมาน ยื่นมือออกไปรับมือน้อยๆ ของเจ้าชายที่ยื่นส่งให้อย่างทะนุถนอม แม้พระองค์จะยังเป็นเด็ก แต่ก็รู้จักปลอบโยนผู้อื่น นาริส สุไลมาน ได้แต่นึกในใจ หากว่าสามารถย้อนวันเวลากลับไปได้ก็คงจะดี เจ้าชายอิสฮานได้ยินดังนั้นก็หมวดคิ้วลงทันที แต่เราไม่อยากให้ย้อนเวลากลับไปอีก เราไม่อยากจากเสด็จแม่อย่างที่แล้วมาอีก แล้วเราก็ไม่อยากทำการบ้านซ้ำๆ หรือเรียนหนังสือเรื่องเดิมซ้ำอีกรอบ ท่านนาริสอยากจะสอนหนังสือข้าซ้ำอีกหรือ ? นาริส สุไลมานได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มขำในความไร้เดียงสาไม่ได้ หามิได้ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแต่อยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีต เพื่อเหตุการณ์จะได้ไม่ลงเอยอย่างน่าเศร้าเช่นนี้ นาริส สุไลมานถอนหายใจอีกครั้ง ท่านรู้สึกผิดด้วยเรื่องอะไรกัน? ท่านทำผิดเรื่องใดกับเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ ? เจ้าชายตรัสถามพลางเขย่ามือคล้ายจะเร่งเอาคำตอบตามประสาเด็ก ฝ่าบาท นาริส สุไลมานพยายามหาถ้อยคำง่ายๆมาอธิบายให้เจ้าชายได้เข้าใจ แรกทีเดียว กระหม่อมรู้สึกผิดต่อเสด็จปู่ของฝ่าบาท ที่กระหม่อมมิอาจกระทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ได้ทั้งๆ ที่กระหม่อมตั้งใจจะปกป้องดูแลเชื้อสายของพระองค์จนสุดความสามารถแม้จะแลกด้วยชีวิต แต่นี้องค์ซาดินกลับต้องมาจากไปอย่างโดดเดียวในต่างแดนเช่นนี้ แม้กระทั่งวาระสุดท้ายกระหม่อมไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้าง กระหม่อมรู้สึกผิดต่อองค์ซาดิน หากเมื่อครั้งก่อนกรีฑาทัพ กระหม่อมได้พยายามโต้แย้งและทูลทัดทานการบุกเมอร์ริเซียมากกว่าที่ได้ทำลงไป หรือหากกระหม่อมได้ตามเสด็จไปด้วย ได้คอยถวายคำแนะนำต่างๆ เรื่องทั้งหมดอาจจะไม่จบลงเช่นนี้ และกระหม่อมก็ยังรู้สึกผิดต่อพระองค์ด้วยกระหม่อมไม่สามารถนำพระบิดามาคืนฝ่าบาทได้กระหม่อมมัวแต่ชะล่าใจคิดว่าหากเสร็จสิ้นสงครามครั้งนี้ กระหม่อมอาจจะค่อยย่นระยะห่างระหว่างพระองค์แล้วองค์ซาดินได้ แต่กระหม่อมก็ไม่มีโอกาสได้แก้ไขหรือดำเนินการไดๆ แม้สักอย่างเดียว มหาอำมาตย์พูดจบก็ก้มหน้าลง จ้องมองมือน้อยที่ยังคงวางอยู่ในมือของตน กระหม่อมจะยกทัพไปตีเมืองลาซาล นาริส กระชับมือในฝ่ามือของเขาแน่นขึ้น เมื่อเห็นท่างทางจะทักท้วงของเจ้าชาย เจ้าชายอิสฮานทรงอยากจะบอกมหาอำมาตย์นาริสเหลือเกินว่าพระองค์ได้อยากจะใกล้ชิดเสด็จพ่อเลย ดังนั้นอย่าได้ทุกข์ใจเพราะรู้สึกผิดต่อตัวพระองค์ แต่เมื่อเห็นความเศร้าหมองของเขาแล้ว ก็ทำให้พระองค์ไม่กล้าพูดใดๆ ออกมา ฝ่าบาท...กระหม่อมคิดมาสองสามวันแล้ว กระหม่อมอยากจะทำตามพระประสงค์สุดท้ายขององค์ซาดินให้สำเร็จ นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่กระหม่อมจะสามารถทำให้พระองค์ได้ ทำไมต้องเป็นท่านด้วย ? เจ้าชายน้อยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้เต็มที เพราะผู้ที่มีความสามารถพอจะชิงเอาเมืองลาซาลมาได้ ในเวลาก็มีเพียงกระหม่อมและเสด็จแม่ของพระองค์เท่านั้น เพราะแม่ทัพที่เก่งกล้าสามารถทั้งหลายต่างก็ติดพันการรบอยู่ที่ฟีเลเซียกันหมด และพระองค์ก็คงไม่อยากให้เสด็จแม่ของพระองค์ต้องเป็นผู้นำทัพไปใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายอิสฮานทรงได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที นาริส สุไลมานจึงอุ้มขึ้นพลางทูลด้วยน้ำเสียงเอ็นดู นี่ก็อาจจะเป็นความปรานีขององค์ซาดินที่มีต่อฝ่าบาทและพระนางเนริมอร์ก็เป็นได้ จึงสั่งให้ตาแก่คนนี้เป็นผู้ยกทัพไปแทน เจ้าชายอิสฮานทรงทำหน้ายุ่งทันทีที่ได้ยิน พระองค์ไม่เชื่อว่าพระบิดาจะมีความปรานีต่อพระองค์ แต่ก็ไม่สามารถคิดหาเหตุผลในการเลือกผู้นำทัพของพระบิดาได้ จึงทำได้แต่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ตรัสข้อโต้แย้งไดๆ ออกมา ท่านต้องไปจริงๆ หรือ ? พ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็เพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดในใจของกระหม่อมให้เบาบางลง ฝ่าบาทอย่าได้ทรงทัดทานกระหม่อมเลย เจ้าชายน้อยทรงนั่งคอตกพยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย จำต้องยอมรับในที่สุด พระองค์รักมหาอำมาตย์รองจากเสด็จแม่เลย เพราะพระองค์ไม่เคยพบกับเสด็จปู่มาก่อน จึงคิดว่าหากเสด็จปู่ใจดีเหมือนท่านนาริสก็คงจะดีไม่น้อย ซ้ำตลอดมาเวลาที่เสด็จแม่ไม่อยู่ก็มีเพียงท่านนาริสที่คอยดูแล คอยปลอบใจพระองค์อยูเสมอ ดังนั้นหากไม่ได้เจอท่านนาริสเป็นเวลานานๆ พระองค์คงจะรู้สึกเหงาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เมื่อท่านนาริสขอร้องพระองค์เช่นนี้พระองค์จะปฏิเสธได้อย่างไรกัน Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:53:27 AM ท่านจะรีบๆ กลับมาใช่ไหม ? เจ้าชายอิสฮานตรัสโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อาจกำหนดเป็นระยะเวลาได้ แต่กระหม่อมสัญญาว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด มหาอำมาตย์เฒ่าทูลด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ ซาบซึ้งในความรักความผูกพันที่เจ้าชายน้อยมีให้ เจ้าชายอิสฮานทรงเงยหน้าขึ้นเบ้ปากมีน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลเป็นทางอาบสองแก้ม ทรงชูมืองทั้งสองขึ้นโอบรอบคอของนาริส สุไลมาน ซึ่งมหาอำมาตย์ผู้สูงวัยก็โอบกอดเจ้าชายน้อยตอบเช่นกัน รีบกลับมาเร็วๆ นะท่านปู่ นาริส สุไลมานได้ยินดังนั้นก็มิอาจข่มความรู้สึกไว้ได้อีก น้ำตาของเขาไหลพรากสะอื้นได้อย่างเงียบๆ เขารักเจ้าชายน้อยเหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง และเวทนาสงสารชะตากรรมที่พระองค์ต้องเผชิญจับใจ ทำไมหนอเด็กชายวัยไม่ถึงสิบขวบผู้นี้ถึงต้องเผชิญการพลัดพรากครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งกว่าใครบางคนที่ต้องประสบทั้งชีวิตเสียอีก หากการรบกับแคว้นลาซาลสิ้นสุดลงเมื่อใด เขาจะกลับมาปกป้องดูและพระองค์ไม่ให้ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้อีก มหาอำมาตย์ให้คำมั่นกับตัวเองในใจ ภายในห้องทรงงานของพระราชินีเนริมอร์ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอึดอัดและหดหู่ บรรดานางกำนัลต่างก็รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกเมื่อนายของพวกตนเอาแต่นั่งเหม่อ มองอุทยานที่จัดไว้อย่างปรานีตเบื้องล่าง พระนางนั่งอยู่เช่นนั้นโดยที่แทบจะไม่ขยับตัวเป็นเวลาวันละหลายชั่วยาม ตั้งแต่ทราบข่าวการสวรรคตของกษัตริย์ซาดิน ทุกคนต่างก็เห็นว่าพระองค์คงจะเศร้าโศกเสียใจอย่างมากเพราะพระสวามีสวรรค์ตอย่างกะทันหัน แต่น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงความรู้สึกไม่มั่นคงของพระองค์ ตั้งแต่พระนางแต่งงานกับกษัตริย์ซาดินเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหญิงนั้น พระองค์ก็อุทิศตนเพื่อสวามีตามราชประเพณีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้พระนางจะไม่ได้รับความรักในรูปแบบที่พระนางปรารถนาจากสวามี แต่ก็ไม่อาจเอ่ยได้ว่าพระนางไม่มีความรักความผูกพันธ์กับสวามีเลย เพราะถึงแม้ว่ากษัตริย์ซาดินจะไม่ได้มอบความรักเช่นสามีพึงมองให้แก่ภรรยา ทว่าพระองค์ก็ดูแลพระนางอย่างสมฐานะ และเพราะเขาพระนางจึงมีลูกชายที่สามารถเติมเต็มความรักให้แก่พระนางได้ ทั้งยังปกป้องดูแลพระนางตามหน้าที่สามีพึงกระทำต่อภรรยา ดังนั้นเมื่อสิ้นกษัตริย์ซาดิน ก็เหมือนไร้โล่กำบัง หากพระนางไม่ได้มีพลังเวทย์สูงอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พระนางอาจจะโดนกลั่นแกล้งหรือขับไล่ออกจากอาณาจักรนี้ก็เป็นได้ แม้พระโอรสก็ยังเยาว์วัยเกินกว่าจะสามารถคุ้มครองพระนางได้ ในดินแดนที่สตรีมีฐานะและบทบาททางสังคมด้อยกว่าบุรุษเช่นนี้ ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของพระนางเริ่มส่อแววยุ่งยากและลำบากยิ่งขึ้น มหาอำมาตย์นาริส สุไลมานขอเข้าเฝ้า เสีงมหาดเล็กหน้าประตูตะโกนเสียงดัง ราชินีเนริมอร์ทรงพยักน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณก่อนจะทรงยืดตัวขึ้นเพื่อรอการมาของมาอำมาตย์ ถวายบังคม ฝ่าบาท มหาอำมาตย์ในชุดขุนนางเต็มยศ ก้าวเข้ามาถวายความเคารพเมื่อเงยหน้าขึ้เขาจึงสังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของความอิดโรยปรากฏให้เห็นชี้ให้เห็นว่าคงนอนไม่ค่อยหลับมาหลายคืน ตามสบายเถิด ท่านนาริส ราชินีเนริมอร์ตรัสพลางโบกมือเบาๆ ขอบพระทัย ฝ่าบาท นาริสทูลก่อนจะลุกขึ้น ข้าได้ยินจากอิสฮานว่าท่านตั้งใจจะนำทัพไปปราบกบฎแคว้นลาซาล ? พ่ะย่ะค่ะ ราชินีเนริมอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะทรงพยักหน้าอย่างเข้าใจ หากเป็นพระนางเองก็คงจะตัดสินใจเช่นมหาอำมาตย์ผู้นี้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นความประสงค์ของพระสวามีก่อนตาย ท่านคิดจะเคลือนทัพเมื่อไหร่ ? คงจะเป็นย่ำรุ่งพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ ? มหาอำมาตย์นาริสโค้งลงทูลตอบ อันที่จริงที่กระหม่อมมาขอเข้าเฝ้าวันนี้ก็เพื่อมาทูลลาฝ่าบาท เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ ? พระราชินีทรงได้ฟังดังนั้นก็ยื่นองค์ขึ้นแทบจะทันทีด้วยอาการตกใจ พระองค์ทรงหยุดค้างอยู่เช่นนั้นหลายอึดใจก่อนจะทิ้งองค์ลงพิงพนักเก้าอี้เหมือนเดิม นี่ข้าคงจะมัวแต่หมกตั้วอยู่แต่ในห้องนี้สินะ ถึงไม่รู้เรื่องการจัดเตรียมกองทัพของท่านเลย น่าเศร้า ขออภัยฝ่าบาท ในช่วงเวลาเช่นนั้นใครๆ ต่างก็ไม่กล้าเข้ามารบกวนพระองค์มากนัก ท่านจะไม่รอให้ร่างของซาดินเดินทางกลับมาถึงที่นี่ก่อนหรือ ? ราชินีเนริมอร์ตรัสถามอย่างเป็นกังวล ช่วงนี้พระนางรู้สึกหดหู่และสังหรณ์ใจแปลกๆ อาจเป็นเพราะการจากไปอย่างกะทันหันของพระสวามี ดังนั้นหากมหาอำมาตย์นาริส ผู้เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษาอยู่ใกล้ๆ คงจะทำให้พระนางรู้สึกอุ่นใจมาขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แคว้นลาซาลเป็นเหมือนเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงใจของพระองค์มานานหลายปีแล้ว กระหม่อมคงมิอาจสู้หน้าพระศพของพระองค์ได้ หากไม่ได้นำแคว้นลาซาลมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของพระองค์ ราชินีเนริมอร์ทรงพยักหน้าอย่างเห็นใจ นาริส สุไลมานรับใช้ดูแลตระกูลอิบริสด้วยความจงรักภักดีมาหลายสิบปี ผูกพันธ์กับตระกูลนี้มาถึงสามรุ่น เป็นธรรมดาที่เขาจะให้ความสำคัญกับคำสั่งที่เหมือนเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย ของซาดิน ซึ่งจะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:54:58 AM ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีเหตุผลใดๆ จะรั้งท่านไว้ ขอให้ท่านปราบกบฏให้สำเร็จ และกลับมาอย่างปลอดภัย อิสฮานคงจะคิดถึงท่านมากทีเดียว
ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมก็คงจะคิดถึงเสียงเจื้อยแจ้วของพระโอรสเช่นกัน มหาอำมาตย์โค้งพร้อมทูลตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงความช่างเจรจาของเจ้าชายตัวน้อย ทำให้อีกฝ่ายอดยิ้มไม่ได้ด่วยเช่นกัน โอรสของข้า ช่างโชคดีที่มีท่านค่อยให้ความรักคอยดูแล ตระกูลอิบริสเป็นหนี้บุญคุณท่านจริงๆ หามิได้ ฝ่าบาท พระโอรสทรงเฉลียวฉลาดมีปรีชาสามารถทั้งยังมีจิตใจอ่อนโยน ใครเล่าจะอดไม่เอ็นดูพระองค์ได้ นาริส สุไลมานทูลตอบอย่างจริงใจ ทำให้ผู้เป็นมารดาอดยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจในตัวบุตรชายไม่ได้ เขาเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดเพียงชิ้นเดียวในชีวิตของข้า ต้องขอขอบใจท่านจริงๆ ที่อบรมดูแลเขาให้เป็นเด็กดีเช่นนี้ หากท่านปราบกบฎแคว้นลาซาลสำเร็จแล้ว ข้าคงต้องขอให้ท่านรับตำแหน่งที่ปรึกษาเคียงข้างเขา เช่นเดียวกับที่ท่านเคยปฏิบัติกับปู่และพ่อของเขา ขอให้ท่านรักษาตัวให้ดีด้วย ราชินีเนริมอร์ตรัสฝากฝังบุตรชาย ขอบพระทัยฝ่าบาท นาริส สุไลมานโค้งขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง แม้พระนางจะไม่ตรัส กระหม่อมก็คงต้องขอพระราชทานอนุญาตดูแลรับใช้พระโอรสเมื่อเสร็จศึกในครั้งนี้เป็นแน่ ขอให้พระนางรักษาพระวรกายด้วยเช่นกัน พระหม่อมขอทูลลา นาริส สุไลมาน โค้งศีรษะลงอีกครั้ง แต่เขาไม่อาจรู้เลยว่าการสนทนาในครั้งนี้จะเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายขององค์ราชินีที่มีต่อเขาเช่นกัน บลาส เซจ บลาส เซจ เสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้นภายในกระโจมที่พักของอุปราชเฒ่า ในคืนเดือนมืดที่ดึกสงัด อุปราชบลาส เซจที่กำลังนอนหลับอย่างสบายเริ่มขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ บลาส เซจ บลาส เซจ เสียงเรียกนั้นยังคงดังขึ้นเหมือนไม่ได้สนใจถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ไปให้พ้น บลาส เซจ บ่นงึมงำ ใบหน้ายุ่งทว่าดวงตาทั้งคู่ก็ยังคงปิดสนิท ฮี่!ฮี่! อยากจะนอนมากใช่ไหม ? เงามืดที่มืดยิ่งกว่าความืดยามค่ำคืนก่อตัวเป็นรูปร่าง แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตใดปรากฏขึ้นข้างเตียงของอุปราชเฒ่า มันพ่นควัญสีดำจางๆ จากบริเวณที่น่าจะเป็นปากใส่หน้าของบลาส เซจ กลุ่มควันนั้นลอยวนเวียนอยู่รอบบริเวณศีรษะก่อนจะถูกสูดเข้าใปในร่างของบลาส เซจ อ๊าก! บลาส เซจ ตาลีตาลานตะเกียดตะกายลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยความตกใจ ราวกับว่าเขาฝันเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต หัวใจเต้นแรงจนเจ็บอก เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้า นี่มันอะไรกัน ? ฝันร้ายรึ ? เสียงทุ้มต่ำที่ฟังแล้วชวนขนลุกดังขึ้นข้างๆ หูเขา จนบลาส เซจถอยกรูดไปที่อีกฟากของเตียง ท่าน อวารูเซจ ?! บลาส เซจ เรียกอย่างไม่แน่ใจทั้งตกใจทั้งกลัวทั้งโมโห เงามืดนั้นค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างที่เขาคุ้นเคย เขาคู่โค้งและปีกคล้ายค้างคาวขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นเด่นชัด แต่ร่างกายส่วนอื่นๆ ยังคงซ่อนอยู่ภายในกลุ่มเงามืดดำสนิด ท่านส่งฝันร้ายกาจนั่นมาให้ข้ารึ ? อุปราชเฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงกล่าวหา ข้าจะทำอย่างนั้นกับข้ารับใช้ที่แสนดีอย่างเจ้าได้อย่างไร? มือที่กรงเล็บยาวแหลมแบออกด้านข้างทะลุผ่านกลุ่มเงาดำออกมา ฟังนะ ข้ามีอะไรดีๆ จะบอกเจ้า กลุ่มเงาดำขึ้นรูปเป็นปากและดวงตาสีแดงแวววาว เรื่องดีๆ อย่างนั้นหรือ ? บลาส เซจ เริ่มแสยะยิ้มท่านอวารูเซจ มักจะนำเรื่องดีๆ มาบอกเขา ทุกสิ่งที่ท่านอวารูเซจบอกให้เขาทำ จะนำผลที่น่าประทับใจต่อแผนการของเขามาให้เสมอ เช้ามืดวันนี้ ศัตรูที่น่ารำคาญของเจ้าจะเดินทางออกจากซาโลมแล้ว น่ายินดีใช่ไหมล่ะ ? ริมฝีปากในเงามืดแสยะยิ้มกว้าง ทีนี้เจ้าก็แค่ส่งคนของเจ้าไปและจัดการเก็บมันซะกลบร่างของมันในกองทราย เท่านั้นมันก็จะหายสาบสูญจากชีวิตเจ้าตลอดกาล บลาส เซจ กระโดดขึ้นจากเตียงก่อนจะหัวเราะร่าด้วยความดีใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้แก่หน้าโง่ ไม่นึกว่ามันจะโดนหลอกง่ายอย่างนี้ ข้าจะสั่งให้คนของข้าค่อยๆ เฉือนอวัยวะมันออกทีละชิ้น ให้มันตายอย่างช้าๆ เริ่มจากหูของมันก่อนดีไหม ? หึ หึ จะส่วนไหนก่อนก็ได้ แต่เก็บตากับลิ้นไว้ที่หลังสุดนะ เสียงจากเงามืดดังขึ้นอย่างเลือดเย็น ทำไมกัน ? บลาส เซจ ขมวดคิ้วไม่เข้าใจเจตนาของปิศาจอวารูเซจ เขาคิดว่าการควักลูกตา หรือการตัดลิ้นนั้นน่าจะเป็นความสะใจอันดับต้นๆ ของเขาเลยเพราะลิ้นที่ชอบขัดชอบค่อนแคะของมหาอำมาตย์ทำให้เขาต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งด้วยความที่ชอบมองอย่างสมเพช ดูถูก และเป็นศัตรูของมหาอำมาตย์ ก็ทำให้เขาอยากจะควักมันออกมาทุกครั้งที่เห็นมัน เจ้าโง่ ถ้าตัดลิ้นของมันก่อน มันจะเอาอะไรมาร้องโหยหวนและร้องขอให้ฆ่ามันแทนการทรมานมันเล่าแล้วถ้าเจ้ารีบควักลูกตามันออกมาเสียก่อน มันก็ได้รับรู้ความเจ็บปวดจากการสัมผัสอย่างเดียวนะสิ มันต้องได้ดูอวัยวะของมันค่อยๆ หายไปทีละชิ้นๆ ให้มันรู้สึกทรมานมากขึ้นเป็นสองเท่า ฮี่ ฮี่ ฮี่ เงามืดหัวเราะเสียงแหลมอย่างชอบใจ โอ้ ใช่สินะ มันช่างน่าสะใจเหลือเกิน ท่านอวารูเซจช่างปราดเปรื่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า อุปราชาเฒ่าคิดตามพลางหัวเราะร่า ที่นี้ข้าก็เตรียมตัวเดินทางกลับได้แล้ว ยังมีงานสำคัญที่เจ้าต้องกลับไปสะสางให้เสร็จ เสียงทุ้มต่ำออกคำสั่ง แล้วใครจะคุมทัพที่นี่ละ? เกิดพวกฟีเลเซียมันบุกมาละ ตอนนี้ข้ามีสิทธิ์ บัญชากองทัพได้เต็มที่แล้วให้ข้าเดินทางกลับทำไม ? เจ้าอยู่ที่ซาโลมก็บัญชากองทัพได้ นั่งเสวยสุขอยู่บนบัลลังก์ในซาโลมไม่ชอบหรือไง ? ข้าจะได้นั่งบัลลังก์หรือ ? บลาส เซจหน้าตื่นเต้นริมฝีปากกลับยิ้มร่า ท่านหมายถึงข้าจะได้เป็นผู้สำเร็จราชการให้พระโอรสน่ะหรือ? Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:56:07 AM ข้าพูดว่านั่งเสวยสุขบนลัลลังก์ก็ไม่ใช่ข้างบัลลังก์ ปิศาจอวารูเซจ กล่าวย้ำพลางแสยะยิ่มอย่างเจ้าเล่ห์
แล้วนังราชินีนั่นล่ะ ? บลาส เซจ นึกขึ้นได้ นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า ปิศาจอวารูเซจแบมือทั้งสองข้างออกมานอกเงามืดจนเห็นกรงเล็บยาวคมกริบ แล้วลูกชายของมันล่ะ ? นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเช่นกัน แต่ไม่ต้องห่วง คอยเรียกข้าในเวลาคับขัน ข้าจะมาบอกเจ้าเองว่าจะต้องทำอะไรในสถานการณ์นั้น แล้วการรบที่นี่ล่ะ ? ข้าไม่ค่อยแน่ใจไอ้แม่ทัพยักษ์นั่น มันทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าจะวางใจให้มันคุมกองทัพได้ยังไง ? ข้าเตรียมเหล่ายอดขุนพลปีศาจไว้ให้เจ้าแล้ว ระหว่างที่พูดช่วงท้องของเงามืดนั้นก็เปิดออกคล้ายปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยว มีเปลวเพลิงลุกท่วมอยู่ภายในจนสว่างโร่ กระทั้งเขาสามารถสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผ่ซ่านออกมา จงดู เหล่ายอดขุนพลจากอเวจี ! ทันใดนั้น ลูกไฟขนาดใหญ่ก็ถูกสำรอกพุ่งออกมาจากปากที่ท้องของมันไม่ต่างกับกระสุนลาวาเดือด อุปราชเฒ่าตกใจจนตาค้างทำอะไรไม่ถูก ไฟลุกท่วมเป็นกองสูงสี่กอง ยิ่งเพิ่มบรรยากาศภายในห้องให้ร้อนระอุยิ่งขึ้น ลูกๆไฟกองแรกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปร่างเหมือนคนรูปร่างเล็ก แต่แขนทั้งสองข้างกับใหญ่โตจนดูผิดสัดส่วนเปลวไฟหมุนพันอยู่รอบตัวอย่างเร็วและค่อยๆ บีบแคบเข้าจนเริ่มมองเห็นโครงร่างที่ซ่อนอยู่ภายใน เริ่มตั้งแต่ใบหน้าเรียบเฉยแต่ดูแล้วชวนให้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงตลอดเวลา ดวงตาไร้แววแต่เหมือนมีกลิ่นอายของความหฤโหดแผ่ออกมาตลอดเวลา ทันที่ที่ชายผ้าคลุมสีแดงเพลิงโบกสะบัด ก็เผยให้เห็นว่าที่บริเวณลำตัวนั้นกลับไม่มีผิวหนังห่อหุ้มอยู่เลยหรืออาจกล่าวได้ว่าร่างกายของปิศาจตนนี้มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่มีผิวหนังติดอยู่ ที่กลางอกบริเวณระหว่างซี่โครงทั้งสองข้างมีดวงแก้วสีแดงขนาดใหญ่ติดอยู่ แขนทั้งสองข้างซ่อนอยู่ในชายแขนเสื้อสีแดงทว่าฝ่ามือที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมานั้น คือกรงเล็บใบมีดขนาดใหญ่สี่เล่ม ซึ่งขยับได้อย่างอิสระคล้ายกับเป็นนิ้วมือของผู้เป็นเจ้าของ นี่คือผู้ติดตามของเจ้า (Blaze Sages Attendant) จะติดต่อกับเจ้าโดยทางจิต จะคอยรายงานความเคลื่อนไหว ความเป็นไปต่างๆ ในกองทัพให้กับเจ้า และจะเป็นตัวแทนในการสั่งการในก่องทัพนี้แทนเจ้า กงเล็บในเงามืดกระดิกเรียกปีศาจตนใหม่ มาทำความรู้จักกับนายใหม่ของเจ้าสิ ปีศาจร่างเล็กแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาไร้แววนั้นเต็มไปด้วยความยิ้มเยาะและสมเพช มันก้าวเข้าไปใกล้บลาส เซจ จนอุปราชเฒ่าได้กลิ่นไหม้ และไอร้อนจากตัวของมัน ปีศาจร่างเล็กย่อเข่าลงข้างหนึ่งโค้งหัวลงอย่างนอบน้อม ถวายบังคม ฝ่าบาท บลาส เซจ ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่า พูดกลั้วหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฝ่าบาทรึ ? หึ หึ ถวายบังคมวฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ ? เจ้าสมควารจะได้รับมิใช่หรือ ? เพียงเจ้าก้มลงกราบแทบเท้าข้า แผ่นดินทั้งหมดในเมอร์ริเซียก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า อวารูเซจเปล่งเสียงดังด้วยดวงตาวาวโรจน์ นั่นยิ่งทำให้ บลาส เซจ เกิดความฮึกเหิมยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณมือปีศาจของอวารูเซจ โบกสะบัดอีกครั้ง กองเพลิงกองที่สองก็โหมกระพือขึ้นอย่างแรง ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์ที่ดูสูงใหญ่กำยำ ชุดสีดำสนิทขลิบลายทอง ชวนให้ผู้สวมใส่ดูลึกลับและอันตรายยิ่งขึ้น ชายผ้าคลุมสีดำอมม่วงติดโลหะปลายแหลมที่ชายขอบทั้งสองด้าน ซึ่งโลหะทั้งสองเคลื่อนไหวไปมาได้ราวกับมีชีวิต ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ในเงามืดของหมวกเกราะนั้นเว้นแต่เพียงดวงตาสีแดงวาวโรจน์ที่จ้องเขม็งตรงมายังอุปราชเฒ่า มันช่างเป็นดวงตาที่แทบจะสามารถดูดวิญญาณของเขาให้ออกจากร่างได้เลยทีเดียว ผู้ใช้เวทย์และคาถา (Blaze Sages Perierga) นี่คือผู้ที่จะคอยจับตาดูแลทหารในกองทัพ จะไม่มีใครกล้าคิดที่จะต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า สะบัดมือทั้งสองขึ้นทำให้ผ้าคลุมโบกสะบัดไปทางเบื้องหลัง ปีศาจตนที่สองคุกเข่าลง ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ก้องกังวานเหมือนดังมาจากหุบเหวลึก ถวายบังคม ฝ่าบาท บลาส เซจ หัวเราะดีใจจนเนื้อเต้น มันช่างเป็นคำพูดที่ฟังไม่รู้เบื่อเลยจริงๆ บลาส เซจ มองลูกไฟกองที่สามอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นนิ้วมือของปีศาจอวารูเซจขยับเหมือนเรียก ลูกไฟกองที่สามเกิดความเปลี่ยนแปลงทันที่ที่ได้รับสัญญาณจากปีศาจอวารูเซจ เปลวเพลิงจู่ๆ ก็โหมกล้าขยายตัวออกถึงสามเท่าจนห้องทั้งห้องร้อนจนแทบลุกเป็นไฟ ก่อนจะเกิดลมดูดจากใจกลางกองเพลิงนั้น จนชายเสื้อของบลาส เซจ ถูกดึงตามแรงดูดนั้นด้วย อุปราชเฒ่ารีบหันกลับไปมองยังเงามืด และปีศาจสองตนที่ยังคุกเข่าอยู่ใกล้ตน ดูเหมือนว่าไม่มีใครได้รับผลกระทบจากลมดูดนั้นเลย คงมีเพียงแต่ตนเท่านั้นที่เริ่มจะต้านทานแรงลมไม่ไหว ทะ ทะ ท่าน อวารูเซจ ! ? อุปราชเฒ่าเริ่มเกิดอาการตื่นตระหนก แต่แล้วแทบจะทันทีลมดูดนั้นก็สงบลงปรากฏเป็นร่างปีศาจตัวใหญ่ในชุดสีม่วงดำ ส่วนหัวมีแต่กะโหลกขาว ส่วนครึ่งล่างของใบหน้านั้นมีหนวดเครายาวเป็นแผงปิดบริเวณปากให้ทั้งหมด ลึกเข้าไปในเบ้าตานั้นมีจุดเรืองแสงสีขาว คล้ายกับจะทำหน้าที่เป็นนัยน์ตาให้ปีศาจตนนี้มือที่โผล่พ้นผ้าคลุมสีแดงเลือดออกมานั้น เป็นมือที่ดูคล้ายมนุษย์ปกติ แต่ตั้งแต่ช่วงข้อมือขึ้นไปตลอดลำแขน กลับมีเพียงเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่พันเกี่ยวกันเป็นรูปท่อนแขนเท่านั้น อุปราชเฒ่ามองปีศาจตนที่สามด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง สมแล้วที่เป็นยอดขุนพลจากอเวจี แค่เห็นรูปร่างภายนอกก็ทำให้สั่นได้ถึงเพียงนี้ นี่คือจอมเวย์ผู้ใช้ศพ (Blaze Sages Necromancer) เขาจะคอยผลิตกองทัพปีศาจให้เจ้ากองทัพปีศาจที่เจ้ามีในเวลานี้ มันก็แค่ตุ๊กตาของเล่นแต่เนโครแมนเซอร์ที่ข้ามอบให้เจ้า จะทำให้เจ้ามีกองทัพปีศาจที่แท้จริง ปีศาจอวารูเซจ แสยะยิ้มพูดด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม ปีศาจตนที่สามก้าวเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าอุปราชเฒ่า บลาส เซจ ดีใจจนแทบกระโดดตัวลอย รอฟังเสียงกล่าวถวายพระพรให้ตนอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อครั้นปีศาจตนที่สามยังคงเงียบอยู่ อุปราชเฒ่าก็ชักเริ่มรู้สึกขัดใจ ไหนละคำถวายพรของเจ้า ? บลาส เซจ เริ่มทวงถาม พลางหันไปมองเงามืดเบื้องหน้าราวกับจะถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:57:01 AM อย่าตีโพยตีพายไป เสียงของผู้ใช้ศพ จะมีแต่ศพและปีศาจอย่างพวกข้าเท่านั้นที่ได้ยิน เจ้าคงไม่อยากรีบได้ยินเสียงของเขาตอนนี้หรอกกระมัง ? ปีศาจอวารูเซจหรี่ตาแคบพูดราวกับจะหยอกล้อทีเล่นที่จริงกับ บลาส เซจ
อุปราชเฒ่าได้ยินดังนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติ ยิ้มแหยๆ เอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก ไม่ ! ไม่ ! ข้าไม่อยากได้ยินแล้ว เงามืดนั้นแสยะยิ้มกว้างจนดวงตาสีแดงหรี่แคบมันยกมือขึ้นตวัดเป็นสัญญาณให้กองเพลิงกองสุดท้ายทันใดนั้น กองเพลิงก็หมุนม้วนตัวขึ้นเป็นเกลียวราวกับใต้ฝุ่นเพลิง ผนังกระโจมเริ่มพัดกระพือและแรงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุน้ำหนักเบาเริ่มล้มระเนระนาดและปลิวว่อน เปลวเพลิงที่โหมกระพือดังราวกับปีศาจคำราม เกลียวเพลิงนั้นหมุนเร็วขึ้นๆ จนบลาส เซจ รู้สึกว่าร่างกายของตนเริ่มถูกเหวี่ยงไปมา อุปราชเฒ่ารีบถลาไปคว้าเสาหลักที่ขึงตัวกระโจมไว้ด้วยความตื่นตระหนก เขาหันไปมองเหล่าปีศาจและเงามืดเหมือนเช่นเคย และก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบของความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันนี้ เมื่อบลาส เซจหันกลับไปมองใต้ฝุ่นเพลิงอีกครั้ง มันก็ขยายตัวจนดูเหมือนจะระเบิดในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง และแล้วก็เป็นไปตามที่เขาคิด เมื่อจู่ๆ มันก็ระเบิดออกกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ม่านบางภายในห้องมอดไหม้หายไปในทันที ผืนหนังที่ถูกนำมาทำเป็นแผ่นกั้นหน้าต่างและประตูกระโจม โบกสะบัดอย่างแรงจนตลบออกไปด้านนอก เสาที่อุปราชเฒ่าเกาะกอดไว้สั่นจนบลาส เซจแยกไม่ออกว่าเสากำลังสั่นหรือตัวเขาเองกำลังสั่นอยู่กันแน่ หรือที่จริงแล้วคงจะเป็นทั้งคู่ที่กำลังสั่นอยู่ ใบหน้าของเขายังสัมผัสถึงไอร้อนที่พุ่งเข้ามาประทะใบหน้าของเขา บลาส เซจ หรี่ตามองบริเวณที่เคยเป็นไต้ฝุ่นไฟด้วยความตื่นกลัว แล้วเขาก็ได้เห็นปีศาจร่างใหญ่กำยำกำลังจ้องมองเขากลับมาเช่นกัน เพียงเท่านั้นอุปราชเฒ่าก็ถึงกับเข่าอ่อนยวบล้มหงายลงไปนั่งกับพื้น ปีศาจร่างสูงโปร่ง ซึ่งดูจะสูงกว่าจอมทัพร่างยักษ์ราโชยูเสียอีก เพียงแต่รูปร่างดูบางกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา ปีศาจตนนี้ชนะขาดลอยเลยทีเดียว ปีศาจในชุดเกราะเต็มยศสีดำขลิบแดง มีเกราะไหล่ยาวถึงข้างละหนึ่งช่วงแขน แขนทั้งสองข้างดูเหมือนเป็นกลุ่มควันที่มารวมตัวกัน เป็นรูปท่อนแขน มากกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นแขนจริงๆ มือใหญ่มีกงเล็บยาวแหลมคม ใบหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใน เกราะหน้า มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ นัยย์ตาทั้งสองข้างนั้นเป็นสีดำสนิทมีเพียงจุดสีขาวเล็กๆ อยู่ตรงกึ่งกลางลูกนัยย์ตาทั้งสองข้าง แค่นั้นก็ประหลาดพอแล้ว แต่นี่ซ้ำยังเต็มไปด้วยการคุกคามและเป็นปฏิปักษ์แผ่ออกมาจากนั้ยตาทั้งสองข้าง จนผู้ถูกจ้องแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อรวมกับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมารอบตัวปีศาจตนนี้ ก็สามารถทำให้คนจิตอ่อนเสียสติไปได้ไม่ยากเลย เขา คือ จอมทัพปีศาจ (Blaze Sages Evil Gerneral) ผู้ที่จะคอยนำทัพปราบอาณาจักรน้อยใหญ่ในเมอร์ริเซียนี้แทนเจ้า จอมทัพปีศาจเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แต่ก็เต็มไปด้วยการคุกคาม จนทำให้บลาส เซจไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหนี ถวายบังคม ฝ่าบาท เสียงห้วนกระด้างและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ทำให้บลาส เซจ ตัวสั่นขึ้นมาทันที ทะ ทะ ท่าน อะ อวารูเซจ ทะ ท่านยกปีศาจทั้งสี่ตนนี้ หะให้ข้าจริงๆรึ ? บลาส เซจถามด้วยปากคอสั่นเทา เจ้าเป็นข้ารับใช้ที่สัตย์ซื่อถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่ตอบแทนเจ้าได้ยังไงกัน ? เงามืดนั้นแผ่ออก เผยให้เห็นมือทั้งสองข้างอีกครั้ง ทีนี้ข้าก็เดินทางกลับซาโลมได้อย่างวางใจแล้วสินะ บลาส เซจได้ยินดังนั้นก็รีบตะเกียดตะกายลุกขึ้นทันที แม้ว่าจะยังสั่นแต่ก็ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดความฝันของข้าก็จะเป็นจริงแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า บลาส เซจ หัวเราะร่าราวกับคนเสียสติ โดยหารู้ไม่ว่า บรรดาปีศาจต่างลอบมองกันและกันอย่างมีเลศนัย ก่อนจะแสยะยิ้มแยกเขี้ยวอย่างร้ายกาจ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 60 ขุนพลปีศาจ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on October 13, 2007, 07:57:16 AM มาเม้าที่นี่เน้ออออออออออ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=34588.0 |