Summoner Master Forum

Summoner Master => SMN FanCard FanArt & FanFic => Topic started by: Wonder~Tanu on August 21, 2007, 03:30:31 AM



Title: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Wonder~Tanu on August 21, 2007, 03:30:31 AM
วิ้วววว.....................!

“เฮ้อ...จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกไหมเนี้ย...”

บ่ายแก่ๆของวันที่อากาศมืดครึ้มวันหนึ่ง ตามด้วยสายลมที่พัดกระโชกแรงราวกับอสรุกายอาคิมบุกเข้าสู่ผืนป่าแห่งนี้ ช่วยตอกย้ำให้ทิมโมธี รู้สึกเสียดายถึงโอกาสที่จะได้กลับไปยังฟีเลเซียเร็วๆ... ทิโมธีเลือกหาโอกาสในวันหยุดเหมาะๆสำหรับการเดินทาง หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนที่ซาโลมอนอคาเดมี่มาทั้งเทอม ช่วงนี้ก็เป็นช่วงหยุดปิดเทอมของทิมโมธี ซึ่งในปีหน้าเขาก็จะต้องเรียนขึ้นระดับ6แล้ว... ซึ่งหลังจากจบระดับ6... ทิโมธีคิดว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้พบปะกับเกรกอรี่และเคอร์วิน เพื่อนสนิทของเขาได้บ่อยนัก เพราะแต่ล่ะคนจะต้องเลือกสายที่ตนเองจะเรียน...  ทิโมธีจึงคิดว่า เขาน่าจะทำอะไรที่เซอร์ไพรสำหรับเพื่อนทั้งสองเสียหน่อย...

และสิ่งที่ทิโมธีทำก็คือ... เดินทางไปยังภูเขาวาฮาล เพื่อขโมยไข่ของกริฟฟินขนสีน้ำเงินมาให้ได้ซักฟองหนึ่ง... เพื่อเอาไปอวดแก่เพื่อนทั้งสอง ถึงแม้การเดินทางคนเดียวครั้งนี้ของทิโมธีจะยากลำบากแค่ไหน... แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าของเพื่อนทั้งสอง โดยเฉพาะเกรกอรี่... ทิโมธีก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงแน่ๆ และเขาก็ดีใจมากๆ ที่เขาสามารถคิดค้นหาวิธีที่จะลักลอบไข่ของกริฟฟิน และเขาก็ทำได้สำเร็จเสียด้วย...

และตอนนี้... ไข่สีขาวออกฟ้าๆคล้ายกับท้องฟ้ายามฟ้าโปร่งขนาดเท่าศีรษะฟองหนึ่ง ก็ปลอดภัยอยู่ในอ้อมอกของเด็กหนุ่ม... ซึ่งเขากลัวว่าไข่มันจะแตก... เขาจึงไม่ยอมใส่มันในเป้สัมภาระของเขา... แต่เลือกที่จะอุ้มมันแทนเอง  ทำให้ทิโมธีมีสภาพคล้ายหญิงมีครรภ์แก่...

เปรี้ยง…!!!

เสียงฟ้าร้องที่มาพร้อมกับเมฆสีหม่นๆ เริ่มบรรเลงไปพร้อมๆกับสายของลมที่ยังพัดไปตามต้นไม้ไม่หยุดไม่หย่อน...เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ทิโมธีรีบถอดเสื้อคลุมของเขามาคลุมไข่ไว้อย่างรวดเร็ว และดูเหมือนเขาจะคิดถูกที่ทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้ฝนก็เริ่มที่จะลงเม็ดแล้ว

“โธ่...! ทำไมมาตกเอาตอนนี้ด้วย...”ทิโมธีพูดออกมาอย่างปลงๆ ระหว่างที่เขานั่งผิงต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า... ทิโมธีเงยหน้าดูสภาพอากาศที่แย่เอาการ... เขาก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
คงจะดี...ถ้าเขาหลบฝนจากใต้ต้นนี้ไปจนฝนหยุดตกได้เสียที...

ทิโมธีได้ภาวนาในใจให้ฝนหยุดตกเร็วๆด้วยเถอะ... ยิ่งเขานั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่... เขาก็รู้สึกว่า น้ำมันเริ่มท่วมปลายเท้าของเขาแล้ว

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงง...!!!

“เหวอ...!!!”ชายหนุ่มร้องขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ จนเขาเกือบทำผ้าห่อไข่หลุดไปจากมือ... ทิโมธีรีบคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว
โครมมมมมมมมมมม!!!

และที่ล้มลงอยู่เบื้องหน้า เฉียดหัวของทิมโมธีไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด ก็คือซากของส่วนที่ ‘เคย’ เป็นต้นไม้ แต่ถูกฟ้าผ่าซะจนดำเกรียม มันล้มครืนลงมาบนพื้น พร้อมกับสาดเม็ดฝนจำนวนมากพรมใส่ตัวทิโมธีและสัมภาระเอง

“ให้ตายสิ!”ทิโมธีบ่นพึมพำกับตนเอง เขาลืมไปเลยว่าต้นไม้เป็นสายล่อฟ้าดีนัก แน่นอน และตอนนี้เหนือหัวของทิโมธีไป ก็ไม่มีต้นไม้คอยบังฝนให้เขาอีกแล้ว

ไว้คอยให้ข้าเรียนจบก่อนเถอะ ข้าจะประดิษฐ์สายล่อฟ้าขึ้นเป็นอันดับแรกเลย... ทิโมธีคิด

“...จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกไหมนี้!”

โป๊ก!

ราวกับว่าคำถามของทิโมธีจะได้คำตอบแทบจะในทันที... เมื่อลูกเห็บขนาดเท่าเม็ดถั่ว เริ่มตกใส่หัวทิโมธี ซึ่งมันนำมาพร้อมกับอากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงเรื่อยๆ

ในเมื่อตอนนี้ ต้นไม้ที่เขาใช้หลบฝนขณะนี้ก็ดำเป็นตอตะโกไปแล้ว... แถมสภาพอากาศที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทั้งลูกเห็บ... ทั้งอากาศที่เย็นลง...ทั้งระดับน้ำที่ตอนนี้เริ่มเอ่อถึงตาตุ่มของเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งซึมกระทืออยู่ตรงนี้ต่อ...ทิโมธีรีบคว้าเอาเป้ของเขา... พร้อมกับผ้าคลุมไข่ แล้วเริ่มเดินหาที่หลบฝนที่ใหม่ทันที...

ทิโมธีลูบหน้าตัวเองอย่างเร่งรีบ เพื่อที่จะปัดน้ำฝนออกไปจากหน้าเขา... เขาพยายามมองไปทั่วทุ่งหญ้า เผื่อว่าจะมีอะไรที่พอจะให้เขาหลบฝนได้บ้าง... ทิโมธีเริ่มก้าวขาของเขา ซึ่งตอนนี้มันเริ่มชาเพราะความหนาวเย็น อู้ย....ซ์!

แหมะ!

“เออ...ดี...! ซวยซ้ำซวยซากเข้าไป!”ทิโมธีรู้สึกโกรธตัวเอง เมื่อจู่ๆ เขาก็ก้าวขาไปลงบ่อโคลนๆ... มันท่วมจนถึงเอวของทิโมธีเลยทีเดียว

“เอ้า...อึซ!”ทิโมธีพยายามยกขาขึ้นจากบ่อโคลนให้ได้ แต่เขาพยายามเท่าไหร่ ขามันก็ไม่ยอมลากขึ้นมาเสียที จนในที่สุด

“เหวอ...อ้ากซ์!!!”

จู่ๆ ทิโมธีก็เสียหลัก จนเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางน้ำที่ท่วม แต่กำลังอยู่กลางแม่น้ำต่างหาก... เพราะทิโมธีรู้สึกได้ถึงสายน้ำที่เริ่มไหลกรรเชี่ยว จนเขาทรงตัวไม่อยู่... ต้องลอยแพไปกับสายน้ำอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทิโมธีคิดไว้ก็คือ... กุมไข่ไว้ให้แน่นที่สุด และเขาก็ตะเกียกตะกายที่จะพยายามให้ส่วนหัวโผล่ขึ้นพ้นจากน้ำ ภาพที่ทิมโมธีเห็นมันโคลงเคลงไปหมด...ทุ่งหญ้าที่กลายเป็นบึง... โชคดีที่เขาไม่ได้กินอาหารมื้อเช้ามามากนัก... ไม่งั้นเขาคงจะต้องอาเจียนด้วยความคลื่นไส้อย่างแน่นอน

“อ่ะค่อก...แค่กๆ!”ทิโมธีรู้สึกสำลักน้ำ เขาพยายามตั้งสติ... ในระหว่างที่สายน้ำได้พัดพาเขาไปไหนไม่รู้...ตอนนี้ ดูเหมือนว่าทิโมธีจะกลับมาเหยียบบนที่สูงอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกได้ว่าระดับน้ำนั้นสูงแค่เข่าของเขา

โชคดีที่ไข่ไม่เป็นอะไร... สัมภาระก็ยังอยู่ครบ ทิโมธีคิด พลางลูบผ้าคลุมไข่เบาๆ

ทิโมธีมองไปรอบๆตัวเขา... ดูจากสภาพรอบนอกแล้ว ดูเหมือนว่าทางขวาของเขานั้นเป็นที่ราบลุ่ม ซึ่งมันเจิ่งนองไปด้วยน้ำ...มีเพียงยอดหญ้าสูงๆเท่านั้นที่ยังชูกิ่งก้านใบให้พ้นระดับน้ำอยู่บ้าง ในขณะที่ทางซ้ายเป็นพื้นดินที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่น้ำไม่ท่วม ทิโมธีมองขึ้นไปบนเนินนั้น แล้วเขาก็พบกับอะไรบางอย่าง...
...
ชายหนุ่มเอามือปาดหน้าตัวเองแรงๆหนึ่งที เพื่อมองให้ชัดว่ามันคืออะไร
...
และเมื่อทิโมธีเพ็งตามองไปยังจุดนั้น

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงง!!!

ฟ้าผ่าแล่บบนท้องฟ้า ทำให้กระตุ้นเส้นประสาทการมองเห็นของทิโมธีให้ชัดขึ้น เขาสามารถมองเห็นคฤหาสน์เก่าๆหลังหนึ่งนั้นเอง มันเป็นคฤหาสน์ที่สร้างอยู่บนเนินทุ่งหญ้าแห่งนี้... ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นทำเลที่ดี เพราะตรงจุดนี้น้ำไม่ได้ท่วมเลย... ทิโมธีใช้เวลาคิดเพียงแว่บเดียว เขารู้ตัวว่าเขาคงไม่มีทางเลือก... นอกจากจะต้องเข้าไปขอหลบฝนที่คฤหาสน์หลังนี้

โชคดีจังแหะ...ที่มีคฤหาสน์อยู่ที่กลางป่าแบบนี้ด้วย ทิโมธีคิด เขารีบก้าวขาให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์หลังนี้

ทิโมธีพยายามสะบัดตัวเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตนเองมีน้ำไหลโซกออกมาจากตัวมากเกินไป หลังจากที่เข้าเดินเข้ามาเหยียบธรณีประตูทางเข้าคฤหาสน์นี้... ทิโมธีพยายามมองมันดูรอบๆ ดูจากสภาพแล้ว คงเป็นคฤหาสน์ที่เก่าพอดู...ดูจากไม้ที่มีบางส่วนผุพังและห้อยโต่งเต่งลงมาจากฝาผนัง... หน้าต่างบางบานก็มีรอยแตกร้าวของกระจก...หลังคาที่บางชิ้นส่วนหายไป

ใครน้า...ช่างกล้ามาอยู่ในที่แบบนี้...?

ก๊อกๆ...!

“ขอโทษน่ะครับ!”ทิโมธีหยิบที่เคาะประตูทองเหลืองขึ้นสนิม ก่อนจะเคาะประตูเบาๆอย่างสุภาพ

เปรี้ยงงงงงงงงงงง!!!

ทิโมธีสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเสียงฟ้าผ่ายังคงดังอยู่เนืองๆ... เขาชักจะสงสัยแล้วว่า มีคนได้ยินเขาจากข้างในนั้นหรือเปล่า

“ขอโทษน่ะครับ...! มีใครอยู่ไหมครับ...!”ชายหนุ่มพยายามเคาะประตูอีกครั้ง

เอี๊ยด....

ทิโมธีเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี เมื่อจู่ๆ บานประตูมันก็เปิดออกขึ้นมาเองได้...ทิโมธีพยายามลูบแขนตนเองเพราะเขารู้สึกขนลุกขึ้นมา

“เอ่อ...”ทิโมธีคราง ก่อนจะดูว่ามีใครออกมาต้อนรับเขาบ้างหรือเปล่า...

แต่ก็ไม่มี มีแต่สายลมที่เข้าๆออกๆประตูเท่านั้นเอง

แล้วแบบนี้ เขาจะเข้าไปดีไหมนี้?

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงง!!!

“จ๊ากก!”ทิโมธีสะดุ้งอีกครั้ง ในที่สุด เขาก็รู้ตัวดีว่าควรจะเข้าไปในข้างในก่อนดีกว่า... เผื่อว่าฟ้าผ่าจะลงมาเล่นงานเขาตอนไหนก็ได้...

ชายหนุ่มพยายามแง่มๆประตูให้เบาที่สุด ก่อนจะเดินเข้าไปยังภายในคฤหาสน์หลังนี้...อืม...

สงสัยจะเป็นคฤหาสน์ร้างล่ะมั้ง ทิโมธีสรุป... หลังจากที่เขากวาดตามองไปรอบๆ แสงสว่างจากยามกลางวันข้างนอกที่ทะลุตามหน้าต่าง มากพอที่จะให้ทิโมธีมองเห็นอะไรข้างในนี้ได้  แต่ทิโมธีก็ต้องเกือบจามออกมา เพราะฝุ่นละอองที่เกาะจับอยู่บนรูปภาพวาดต่างๆ ทั้งภาพวาดเหมือนตัวจริงของใครบางคน...หรือจะเป็นภาพวิว พร้อมกันนี้... โคมไฟระย้าที่อยู่เหนือเพดานห้องโถงก็เต็มไปด้วยหยากไหย่จำนวนมากที่เหมือนไม่มีใครขึ้นไปทำความสะอาดมานานนับปีแล้ว...

พรึ่บ...!

จู่ๆ ทิโมธีก็รู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองเขาอยู่...ชายหนุ่มหันหลังไปมองสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่
แล้วทิโมธีก็ต้องโล่งอก... มีเพียงแค่ภาพวาดของชายแก่หัวล้านคนหนึ่งในชุดขุนนางประหลาดๆ... ดูจากรูปแล้ว เขาไม่น่าจะใช่ขุนนางฟีเลเซียแน่ๆ... เพราะไม่มีใครในฟีเลเซียที่จะแต่งตัวด้วยเครื่องแบบประดับอัญมณีมากมายกับหมวดปีกกว้างมากๆขนาดนั้น

“ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นหรอกน่า...”ทิโมธีพูดอย่างปลงๆ สายตาของชายชราที่ลอดผ่านแว่นในรูปภาพนั้นราวกับกำลังจ้องทิโมธีด้วยท่าทีดุ เหมือนกับจะบอกว่าเขาไม่ควรจะย่างก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้

ชายหนุ่มเดินสะบัดอย่างไม่สนใจ ซึ่งถ้าเขาหันไปมองอีกที เขาจะพบว่า...ลูกกะตาในรูปภาพ มันกำลังเคลื่อนไหวกลอกตาไปมา
ทิโมธีเริ่มเดินสำรวจดูรอบๆห้องโถงอย่างช้าๆ... บรรยากาศรอบด้านๆนั้นเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพายุที่ยังปั่นป่วนอยู่นอกคฤหาสน์...เสียงฝนที่ตกกระทบหลังคา... หยดน้ำฝนจำนวนมากยังคงไหลจากเสื้อผ้าเขาอยู่เนืองๆ  ทำให้พื้นไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีรอยด่างดวงจากหยดน้ำ ทิโมธีตัดสินใจขึ้นบันได เพือสำรวจรอบๆคฤหาสน์หลังนี้

ตึ่ก...ตึ่ก...!!!

จู่ๆ ทิโมธีก็ต้องหยุดกะทันหัน ขนที่คอของเขาลุกซู่ขึ้นมา... เมื่อจู่ๆ เขาได้ยินเสียงเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินอยู่บนชั้น2ของคฤหาสน์หลังนี้ ทิโมธีรีบเกาะราวบันไดไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็กุมไข่กริฟฟินเอาไว้ ปากกพยายามยิ้มสู้กับความกลัวในจิตใจของตน

“มะ...มีใคร...อยู่ไหมครับ...”ชายหนุ่มพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเผยอริมฝีปากขึ้นมาเพื่อที่จะพูดออกไป

แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จากบุคคลที่ทิโมธีพยายามเรียกหา

ตึ่ก...ตั่ก...!!!

เสียงนั้นยังคงดังต่อไป ทิโมธีรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ... หัวใจของทิโมธีก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นตามจังหวะของเสียงปริศนานั้น ถึงแม้ทิโมธีจะพยายามตั้งสติเข้าไว้ แต่ขาเขาก็ชักสั่นเข้าแล้ว
ตึ่ก...ตั่ก...ตึ่กตั่ก...ตึ่กตั่กตึ่กตั่ก...!!!
เสียงนั้นเริ่มดังขึ้น...เร็วขึ้น...รัวขึ้น... เข่าของเขาเริ่มทรุดฮวบ ก่อนที่จะ

ตรึ่บบบบบบบ!!!

“แว้กกกกกกกกกก!!!”และเมื่อทิโมธีรู้ตัวอีกครั้ง บันไดที่เขายืนอยู่แต่ล่ะขั้นก็เชื่อมต่อกันเป็นพื้นลาด...ทิมโมธีที่เกาะราวบันไดก็ไถลลงไปสู่เบื้องล่างพร้อมกับไข่กริฟฟินและสัมภาระของเขา

แต่กระนั้น... ทิโมธีก็ขวัญอ่อน ร่างกายเขาล้มลงไปกองอยู่บนพื้นลาดเอียง ก่อนที่จะร่วงลงไปยัง...
...


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Wonder~Tanu on August 21, 2007, 03:31:55 AM
“อะ...โอ้ย...!”

ทิโมธีรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปล๊บที่ศีรษะของเขา... ก่อนที่เขาจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย... แสงกองไฟที่สว่างอยู่ร่ำไรช่วยปลุกให้ทิโมธีรู้สึกตัวขึ้นมา... ความรู้สึกมึนงง...ความสับสน ยังคงครอบงำทิโมธีอยู่

ข้าอยู่ที่ไหนนี้...

แล้วข้า...มาทำอะไรตรงนี้...

ทิโมธีมองไปรอบๆ ซึ่งเขาพบว่าตัวเขานอนฟุบอยู่บนพื้นที่ห้องโถงของคฤหาสน์...บรรยากาศภายนอกคฤหาสน์ยังคงมีเสียงดังจากฝนตกและฟ้าร้องอยู่ร่ำไป... เขาค่อยๆเรียบเรียงความจำของเขา ก่อนที่จะค่อยระลึกมาได้ทีล่ะนิด...

ข้าเข้ามาหลบฝนในคฤหาสน์แห่งนี้

จู่ๆ ก็มีเสียงประหลาด ดังขึ้นมาจากชั้น2

แล้วต่อมา... บันไดก็เกิดมีกลไกประหลาดๆ ทำให้ตัวเขากลัวจนร่วงลงมา

แต่เอ๊ะ...! ถ้าข้าร่วงลงมา แล้วทำไมถึงกลิ้งมาได้ไกลถึงพื้นห้องโถงล่ะ...ทิโมธีคิด ก่อนจะมองไปที่บันได ซึ่งมันห่างจากจุดที่ทิโมธีนอนอยู่มากๆ... ทิโมธีซึ่งเชี่ยวชาญหลักทางกลศาสตร์ เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะกลิ้งตกมาไกลขนาดนี้

แถมไฟในเตาผิงยังลุกขึ้นมาอีก มันคงไม่ได้ลุกขึ้นมาเองแน่ๆ

นอกจากนี้ สัมภาระของเขาทั้งหมด รวมทั้งไข่กริฟฟิน ก็ยังวางอยู่ข้างๆตัวเขาด้วย นั้ทำให้ทิโมธีโล่งใจ ก่อนที่จะก้มหน้าถอนหายใจและ...

“เหวอ!!!”

และเมื่อทิโมธีก้มมองสำรวจตนเอง เขาพบว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลือยกาย...มีเพียงผ้าห่มหนังสัตว์ผืนหนาๆ1ผืนเท่านั้นที่คลุมร่างกายเขาอยู่...

ใครกันนี้...ที่ทำแบบนี้?

ทิโมธีจับผ้าห่มให้มั่น... เพื่อไม่ให้มันหลุดร่วงลงพื้น ก่อนที่จะลุกขึ้นจากพื้นห้องโถงและหันไป...
...
แค่ทิโมธีหันซ้ายไปเท่านั้น เขาก็เจอกับเด็กหญิงตัวเล็กๆหน้าซีดคนหนึ่งที่ยืนอยู่ห่างจากหน้าเขาแค่ก้าวเดียว
...
สมองทิโมธีเริ่มคิด ว่าเขาควรจะกรี้ดลั่น หรือทำอะไรซักอย่างดี...
...
เด็กหญิงยิ้มให้ทิโมธีน้อยๆ....แต่ทิโมธีเหงื่อแตกพลั่ก

“ธะ...เธอเป็นคะครายยย...?”ทิมโมธีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“หนูควรจะถามคุณต่างหาก ว่าคุณเป็นใคร...? ทำไมถึงได้เข้ามาที่คฤหาสน์ของหนู?”เด็กหญิงย้อนถาม ก่อนที่จะวางถ้วยชามลงบนโต๊ะเล็กข้างๆเตาผิง ...ไออุ่นๆที่ลอยมาจากถ้วยชามช่วยทำให้ทิโมธีได้สติขึ้นมา ดูท่าทางแล้ว...เด็กคนนี้... ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่น่าจะเป็นลูกเศรษฐี... เพราะเด็กหญิงคนนี้ใส่ชุดหรูหราฟู่ฟองสีชมพู นัยน์ตาสีดำสนิทของนางกำลังจ้องมองรอคำตอบจากปากเขา

“ข้าชื่อทิโมธี...”ชายหนุ่มตอบในที่สุด “...ข้า...มา...เอ่อ...ขอหลบฝนที่นี้น่ะ...” ก่อนที่เขาจะชี้ไปนอกหน้าต่าง ซึ่งฝนก็ยังคงอย่างไม่ลืมหูลืมตา

“งั้นหรือค่ะ…?...ถ้างั้น... หนูชื่อคอร์ดีเลีย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...”เด็กหญิงแนะนำตัวเองกับทิโมธี... น้ำเสียงของเธอทำให้ทิโมธีขนลุกขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่คอร์ดีเลียจะกลอกตาสำรวจทั่วตัวทิโมธี ราวกับว่าทิโมธีเป็นนกเนเดียที่กำลังร้องเพลงอยู่ในกรงอย่างงั้นแหละ

“หนูคิดว่าคุณเป็นโจรซะอีก...แต่ดูจากของที่คุณนำติดตัวมาได้...”เธอชี้ไปยังกองสัมภาระของเขา “...คุณคงเป็นนักเดินทางสิน่ะค่ะ”

“ก็...ไม่เชิงน่ะ...”ทิโมธีตอบ...เขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างเมื่อพูดคุยกับคอร์ดีเลีย แต่ความรู้สึกที่โล่งใจนั้นนำมาซึ่งความเย็นยะเยือกที่แพร่กระจายไปทั่วร่างของทิโมธี

“เจ้าเอาเสื้อผ้าของข้าไปไหน?”ทิโมธีถามขึ้นมาทันทีเมื่อเขารู้สึกหนาวขึ้นมา... มือของเขาพยายามกุมผ้าห่มเอาไว้แน่น
เด็กหญิงยิ้มขึ้นมาอย่างอดหัวเราะไม่ได้

“เสื้อผ้าของคุณเปียกโชกมาก...หนูคิดว่าคุณตกน้ำมาซะอีก... หนูก็เลยถอดชุดแล้วเอามันไปผึ่งไฟเตาผิงค่ะ”เด็กหญิงชี้ไปยังเหนือเตาผิง... และตรงนั้น ทิโมธีก็เห็นเสื้อผ้าตนเอง... แขวนไว้อยู่เหนือไฟนั้น... น้ำที่ยังหยดลงจากเสื้อผ้าเข้าเปลวไฟส่งเสียงฉ่าๆออกมาเป็นระยะๆ

เขาไม่อยากคิดว่าคอร์ดีเลียจะได้เห็นอะไรบ้างหลังจากที่ถอดเสื้อของเขา... ทิโมธีจึงเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมันทันที

“คุณคงจะหนาวน่าดู”คอร์ดีเลียตอบ ราวกับว่าเธออ่านใจของทิโมธีได้ “…กินนี้ก่อนสิค่ะ...มันยังร้อนๆอยู่ ถ้าเย็นเดี๋ยวมันไม่อร่อยน่ะค่ะ...”คอร์ดีเลียยกถ้วยใบหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะเล็กข้างเตาผิง ก่อนที่จะยื่นให้ทิโมธี เขารับถ้วยไว้ด้วยท่าทีประหม่า

“ขอบใจ...”ทิโมธีตอบ ก่อนที่จะชะโงกมองดูถ้วย... ซึ่งมันมีแค่ซุปสีน้ำตาลข้าเท่านั้น ทิโมธีตัดสินใจยกซดขึ้นด้วยความหิวทันที

“อืม...”ทิโมธีพยักหน้า ราวกับจะบอกว่ารสชาติของมันใช้ได้ คอร์ดีเลียยิ้มอย่างพอใจ

“ว่าแต่...นี้คือซุปอะไรหรือ?”ทิโมธีเอ่ยถามทันที

“มันเป็นซุปสูตรลับของหนูเองค่ะ...”คอร์ดีเลียพูดอย่างภูมิใจ ขณะที่ทิโมธียกซดอีกครั้ง “ซุปสกาโล่ต้มค่ะ!”

ทิโมธีกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่ามันทำมาจากเจ้าหนอนต้ม...นั้นทำให้เขาเกือบสำลัก คอร์ดีเลียมองทิโมธีด้วยสายตาทะลุทะแลงทันที

“อย่ามาทำวี้ดว้ายใส่หนูน่ะค่ะ...!”คอร์ดีเลียกอดอก ก่อนจะพูดด้วยท่าทีงอนๆ “อาหารก็คืออาหารอยู่วันยังค่ำนั้นแหละค่ะ...”

“อะ...เอ่อ...”ทิโมธีพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ละ...แล้วไม่มีใครคนอื่นๆ...อยู่คฤ...หาสน์...หลังนี้เลยหรือ”ทิโมธีพูด... ขณะที่เขาวางชาม คอร์ดีเลียได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆกับคำถามของทิโมธี

“ท่านพ่อกำลังออกไปหาซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้หนูอยู่...เพราะตัวเก่ามันพังแล้วค่ะ”คอร์ดีเลียพูดอย่างเศร้าๆ “มันเคยพูดกับหนูได้...แต่ตอนนี้...”

“ตุ๊กตาพูดได้...อืม...”ทิโมธีคิด พลางนึกถึงตุ๊กตาที่มีกลไกสามารถพูดได้สองสามประโยคที่เขาเคยเจอ... ทิโมธีรีบฉวยเอาเรื่องนี้เป็นหัวข้อสนทนาต่อทันที “ให้ข้าช่วยลองซ่อมมันดูไหมล่ะ...”

“คุณซ่อมมันได้หรือค่ะ...”คอร์ดีเลียถามอย่างมีความหวัง

“คิดว่าน่ะ...”ทิโมธีตอบ “ข้าได้คะแนนสูงสุดจากวิชาวิทยาศาสตร์และกลศาสตร์ที่ซาโลมอนอคาเดมี่มาตลอด...ข้าคงพอจะมีความรู้ที่จะซ่อมมันได้น่ะ”

“เยี่ยมไปเลยค่ะ...”คอร์ดีเลียยิ้ม ก่อนที่จะวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว...จนทิโมธีตกใจนิดหน่อยกับความเร็วของนาง
คอร์ดีเลียวิ่งกลับมาจากชั้น2... คราวนี้นางอุ้มตุ๊กตาขนาดเท่าอ้อมแขนตัวหนึ่งมาด้วย

“นี้ค่ะ...ท่านหญิงทิฟาของหนู...”คอร์ดีเลียยื่นตุ๊กตาผมทองให้แก่ทิโมธี เขารับมันไว้ ก่อนจะสำรวจดูรอบนอกของทิฟา

“ไหนดูซิ...ทิฟาป่วยเป็นอะไรเอ่ย...”ทิโมธีพูดขึ้น ราวกับว่าตนเองเป็นแม่ชีที่กำลังรักษาเด็กที่นอนป่วย

“หนูขอตัวกลับไปที่ครัวก่อนน่ะค่ะ”คอร์ดีเลียยิ้ม “...ป่านนี้...เนื้อสกาลีโอที่หนูย่างไว้อยู่...คงจะสุกแล้ว คุณต้องชอบมันแน่ค่ะ...”คอร์ดีเลียกล่าวอย่างยิ้มๆ

“เอ่อ...จ๊ะ...”ทิโมธีพยักหน้า พลางจินตนาการถึงเมนูพิสดารที่คอร์ดีเลียเอ่ยถึง นางรีบวิ่งออกไปจากห้องโถงอีกครั้ง
ทิโมธีพลิกตัวดูทิฟาไปมา... ก่อนที่จะพยายามจับดูลำตัวของมัน

เอ๊ะ...ก็นิ่มๆเหมือนเป็นตุ๊กตาผ้าธรรมดาๆนี้นา ทิโมธีคิด

แต่ถ้าคอร์ดีเลียบอกว่ามันพูดได้ แสดงว่ามันต้องมีกลไกอะไรบางอย่างที่สร้างไว้ในตัวตุ๊กตาสิ...

ทิโมธีลองบีบลำตัวอีกครั้ง...ก่อนที่จะบีบหน้าของทิฟา แต่เขาก็ไม่พบกลไกที่ว่านี้เลย

แม้จะลองคิดว่า กลไกอาจจะไม่ได้อยู่ในลำตัวหรือหัว แต่อาจจะติดที่มือหรือเท้าของตุ๊กตาก็ได้

แต่เมื่อทิโมธีลองบีบเพื่อหากลไกที่ว่าดูบริเวณอื่น เขาก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากความนิ่มของตัวตุ๊กตาเอง

สงสัยคอร์ดีเลียคงจะจินตนาการเองล่ะมั้ง ว่าตุ๊กตาพูดกับเธอได้

“เจ็บน่ะ...!”

ทิโมธีรู้สึกตกใจขึ้นมาทันควัน เมื่อจู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“คะ...ใครเจ็บ...ระ...เหรอ!”ทิโมธีพยายามหันไปมองหาต้นกำเนิดเสียง นี้มันชักจะ...

เปรี้ยงงงงงงงงงงงง!!!

จู่ๆ เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทิโมธีเริ่มเหงื่อตกเมื่อเสียงนั้นเงียบหายไป เขาเริ่มบีบตุ๊กตาแรงขึ้นเพราะความกลัว จนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในตุ๊กตา

“ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆ...คุณกำลังบีบหนูอยู่ไงค่ะ...!”เสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ดังขึ้นมา ทิโมธีหันไปมองตุ๊กตาทันที
ตุ๊กตามันกำลังพูดกับเขาอยู่...แถมยังสบตาใสๆสีฟ้าให้เขาด้วย

“เหวอ!!!”

ทิโมธีปล่อยตุ๊กตาไปจากมือทันที... ใจเขาเริ่มเต้นตูมตามเมื่อเห็นตุ๊กตามันขยับเองได้... เท่านั้นไม่พอ... มันยังลุกขึ้นจากพื้น ก่อนที่มันจะวิ่งหายไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว

บ้าน่า...เขาเห็นตุ๊กตาที่ขยับเองได้โดยไม่มีกลไกอะไรในตัวมันเลย

ข้าต้องตาฟาดแน่ๆ ทิโมธีคิด... ข้าคงจะตากฝนมากเกินไปจนเป็นไข้ ถึงได้เห็นภาพหลอนอะไรพรรค์นี้

ใช่แล้ว นี้มันไม่จริง...

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงง!!!

และเมื่อเสียงฟ้าผ่าพร้อมกับแสงสว่างจากฟ้าแล่บที่วู่บว่าบผ่านหน้าต่างเข้ามาในคฤหาสน์ พร้อมกับการปรากฏตัวของตุ๊กตาทิฟา ที่ยืนถือมีดปังตอมาเผชิญหน้ากับเขา
...
ทิโมธีเริ่มสติแตก เขาเริ่มฟุ้งซ่านจนคิดไม่ถูกแล้วว่าเขาต้องทำอะไร
...
เจ้าตุ๊กตายืนยิ้ม ก่อนที่มันจะย่างสามขุมเข้ามาหาทิโมธี
...
เขาคิดแต่ว่าเขาจะมีโอกาสได้เจอหน้าเพื่อนรักของเขาอีกไหม อุตส่าห์ลงทุนดั้นด้นไปขโมยไข่กริฟฟิน แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงที่นี้ ทิโมธีเอื้อมมือไปคว้าเอาไข่กริฟฟิน สิ่งที่เขาอยากอวดเพื่อนรักที่สุด
...
“จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกซ์!!!”
ทิโมธีร้องออกมาในที่สุด ก่อนที่จะกอดไข่กริฟฟินพร้อมกับพยายามวิ่งตรงดิ่งไปยังประตูคฤหาสน์ทันควัน...เขาหันไปมองเจ้าตุ๊กตาที่เงื้อมีดอยู่ห่างจากเขาไปหลายช่วงตัว

ตุ๊บ!!!

เพล้งงงงง!!!

ทันใดนั้น ทิโมธีก็วิ่งชนคอร์ดีเลียที่ถือไม้เสียบสกาลีโอย่าง... ทิโมธีก็เผลอปล่อยไข่กริฟฟินให้หลุดมือ... ไข่นั้นแตก...พร้อมกับมีของเหลวสีแดงไหลออกมาเจิ่งนองที่พื้น

ทิโมธีรีบฉวยเอาเศษไข่ขึ้นให้ได้กำหนึ่ง... ก่อนที่จะเงยหน้ามองคอร์ดีเลีย

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!

“จะ...ไป...ไหน...หรือค่ะ...คุณ...ทิ...โม...ธี...”ดูเหมือนว่า ฟ้าผ่าจะช่วยให้ทิโมธีมองเห็นตัวจริงของคอร์ดีเลีย เขาถอยกรูดๆ พร้อมกับวิ่งต่อไปโดยไม่คิดอะไรทันที

“คุณทิโมธี...!!!”คอร์ดีเลียร้อง

ผ่าง!!!

ทิโมธีผลักประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในสายฝนที่ตกไม่หยุดไม่หย่อนทันที

“คุณทิโมธี…”คอร์ดีเลียเรียกเสียงอ่อย “...คุณจะออกไป...โดยไม่ใส่เสื้อผ้า...เลยหรือค่ะ”
…

หลังจากนั้น... ก็มีคนพบทิโมธีอยู่บริเวณทุ่งหญ้าใกล้เมืองฟีเลเซีย... อยู่ในสภาพเปลือยกาย มีไข้สูง... มือกำอะไรบางอย่างไว้แน่น... และเมื่อทิโมธีลืมตาขึ้นมา เขาก็พบเกรกอรี่กำลังสวดมนตร์ภาวนาให้เขาหายไวๆ...

เกรกอรี่อธิบายว่าเขาสลบไปนานถึง3อาทิตย์...เขาสร้างความเป็นห่วงให้คนรอบข้างมากๆ

ทิโมธีได้แต่ยิ้ม รับฟังเกรกอรี่แต่โดยดี... ก่อนจะมองหาอะไรบางอย่าง

แต่เขาก็พบแต่เพียงเศษเปลือกไข่กริฟฟิน ที่วางข้างๆเตียงเขาเท่านั้น

นั่นทำให้เขา...รู้สึก...
….



หลายปีต่อมา

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!

“เฮ้อ...! ฝนตกอีกแล้ว... โชคดีน่ะที่มีคฤหาสน์ร้างในที่แบบนี้ด้วย”

มาธิอัสกำลังเดินทางออกจากฟีเลเซีย เพื่อไปค้นคว้าศึกษามังกรที่อยู่ในธรรมชาติ แต่เจ้ากรรม...เขาเริ่มเดินทางไม่ทันไร ฝนก็ตกซะแล้ว ราวกับตั้งใจจะตกลงมาเป็นอุปสรรค์ให้มาธิอัสต้องฝ่าฟันไปให้ได้

เอี๊ยด...!!!

“มีใครอยู่ไหมครับ!!!”มาธิอัสเปิดประตูคฤหาสน์ร้าง... ก่อนที่จะเอ่ยเรียกหาเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้
...
“ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
…
ฉั่บ!!!


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Wonder~Tanu on August 21, 2007, 03:39:14 AM
ว่าแต่ ถ้าส่งผลงานตรงนี้ ต้องส่งผลงานไปทางเมล์ให้พี่ลิงอีกไหมฮะ

ป.ล. เห็นมีแต่คนเขียนแนวรักกัน...รบราฆ่าฟันเลือดสาด ก็เลยอยากแหวกแนวออกมาเขียนแนวสยองบวกฮาบ้าง


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: singer on August 21, 2007, 09:11:42 AM
แนวคอมเมดี้ผมถือว่าเป็นแนวที่เล่นเขียนยากนะครับ เพราะว่าถ้าคนแต่งไม่มีอารมณ์ขันพอมันจะแป้กเอาได้ง่ายๆ

//อ่านเรื่องต่อ

ทีที่ ชอบๆ ^^

ปล. หนูเอ๊ย พอดีลองไปสมัครเมมเบอร์ที่ ASKMEDIEแล้วแต่ยังดูงงๆอยู่เลย


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Nihil on August 21, 2007, 05:06:53 PM
จะส่งอีกหรือไม่ก็ได้ครับ ถ้าลงในนี้แล้วผมก็มาเอาในนี้อยู่ดี
แต่อย่าลืมข้อมูลติดต่อนะจ้ะ จะ pm e-mail หรือลงในนี้ก็ได้ถ้าไม่กลัว  ::009::


แต่งได้น่าสนใจและแหวกแนวดีครับ  ::014::


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Moonshiny Doll on August 21, 2007, 06:48:47 PM
สนุกมากมาย ::003:: ที่โมที่มันกลัวขนาดวิ่งแก้ผ้ากลางสายฝนเลยรึ ::006:: แถมไปโดนเจอในสภาพล่อนจ้อนอีก จะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะที่นี้ ::010:: ::010::


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Wonder~Tanu on August 22, 2007, 02:42:33 AM
โอเคฮะ(คงไม่มีคนส่งจดหมายลูกโซ่มาน่ะ)
ธาราวรรษ ไชยศิริ
18/94 หมู่14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
all6rat@hotmail.com


ปล. หนูเอ๊ย พอดีลองไปสมัครเมมเบอร์ที่ ASKMEDIEแล้วแต่ยังดูงงๆอยู่เลย

ตรงไหนเหรอฮะ?


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Sak, the Inventor on August 22, 2007, 09:48:55 PM
ทำไมมาธิอัสไม่พกตุ๊กตาซาลามาด้วย

ฉับ!! เลย  ::011::


Title: Re: [ประกวด] กลัวจะตายอยู่แล้วน่ะ...!
Post by: Suchan.poloplow on August 28, 2007, 01:57:58 AM
สนุกมาก ๆ เลยครับ  ไม่เคยอ่านอะไรที่แปลกประหลาดและน่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อนเลย ::003::