Title: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:09:59 PM Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา ที่บนยอดผานั้น กองทัพชาวป่าต่างหยุดยืนมองด้วยความตื่นเต้นกับภาพเบื้องล่าง ไม่มีใครคาดฝันเลยว่าเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียจะมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้ แสงสีขาวแห่งดาบเวทย์พุ่งออกมาเป็นสายอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับทหารซาโลมที่หงายล้มลงเป็นแถบ ๆ เพียงไม่นานสนามรบที่แออัดไปด้วยทหารซาโลมตลอดสามวันก็เปิดโล่งกินเนื้อที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของระยะทางตลอดช่องเขา บรรดาขุนพลชาวป่าต่างก็นิ่งเงียบมองดูภาพเบื้องล่างด้วยความตื่นเต้นและระทึกใจ ดามิก้าถึงกับผิวปากเสียงเบาหวิวแสดงความทึ่งในฝีมือของเจ้าหญิงแห่งสายลม ให้ตายเถอะ ข้าไม่คิดเลยว่านางจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ทำไมพวกฟีเลเซียถึงไม่ให้นางออกรบตั้งแต่แรกนะ? ไม่หรอกดามิก้า พลังเวทย์ระดับนี้ไม่ใช่จะใช้กันได้บ่อย ๆ แล้วนี่ยิ่งเป็นการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเช่นนี้ นางคงต้องใช้พลังในตัวอย่างมากทีเดียว คาร์น สมิงราชสีห์ตั้งข้อสังเกตเสียงขรึม นี่คงเป็นเพราะทัพใหญ่ของซาโลมมาถึงช่องเขานี้แล้วแน่ ๆ ทางฟีเลเซียถึงต้องรีบลดจำนวนศัตรูในช่องเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เซนทอร์ทราเฮิร์นตั้งข้อสังเกตบ้าง ท่านเห็นว่าอย่างไร? ฮารีซัน ทุกคนต่างหันมามองเมื่อฮารีซันนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร จึงได้เห็นว่าฮารีซันกำลังจ้องมองเหตุการณ์เบื้องล่างอย่างจริงจังชนิดไม่กระพริบตาเลยทีเดียว ทราเฮิร์นกระแอมยิ้มขำพลางตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ ตาท่านไม่กระพริบเลยนะ ห๊ะ! ท่านว่าอะไรนะ? ฮารีซันสะดุ้งเล็กน้อยหันมาถามด้วยความตกใจทำให้ทุกคนอดยิ้มขำออกมาไม่ได้แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ท่านมองนางไม่วางตาเลยเชียวแหละ ดามิก้าเอ่ยขึ้นพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่เช่นนั้นสักหน่อย ฮารีซันรีบปฏิเสธ ทว่าใบหน้าก็เลิ่กลั่กอย่างมีพิรุธจนคาร์นคำรามเสียงต่ำก่อนจะกรอกตาขึ้นอย่างไม่คิดจะเชื่อเลยสักนิด ถ้าเช่นนั้นท่านคิดอะไรอยู่เล่า? ถึงได้เงียบจนผิดสังเกต ดามิก้าอดโพล่งถามขึ้นด้วยความอยากรู้ตามนิสัยของตนไม่ได้ ข้าเพียงคิดว่า นอกจากนางจะสวยสง่าและสูงศักดิ์แล้ว นางยังมีฝีมือที่เก่งกาจเหลือเกิน ฮารีซันตอบออกไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความน่ารัก ร่าเริงสดใส ที่จะหาใครมาเทียบเทียมเจ้าหญิงไม่ได้ ทว่าคงจะไม่เหมาะที่จะพูดในเวลาเช่นนี้และเจ้าหญิงเองก็คงไม่อยากจะให้ใครได้รู้จักตัวตนอีกด้านของเธอมากนัก ฮารีซันจึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจอยู่เช่นเดิม ก๊าซซซซซซซซซซ!! ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงร้องของมังกรดังสนั่นลั่นช่องเขาพร้อม ๆ กับเสียงโห่ร้องอย่างยินดีจากกองทัพซาโลมที่กำลังถอยร่น ทันทีที่เสียงร้องของมังกรดังขึ้นกองทัพเพลิงก็ต่างกรูกันเข้ามาในช่องเขาอย่างไม่กลัวตาย ฮารีซันหันไปตามเสียงนั้นแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า s เสียงร้องของจ้าวมังกรซาลามันเดอล่าดังสนั่นจนเจ้าหญิงเรจิน่าต้องทรงหยุดมือเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ เหนือขึ้นไปนั้นมังกรซาลามันเดอล่ายักษ์ในชุดเกราะเต็มยศโฉบผ่านเหนือพระองค์ไปก่อนจะบินรอบเหมือนหมายจะสำรวจบริเวณโดยรอบ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงกระชับดาบในมือมั่น ทันทีที่มองเห็นตัวผู้ขี่ก็ตวัดดาบใส่ทันที มิลลี่ยน สแลช ดาบเวทย์สีขาวเรืองนับล้านก็พุ่งทะยานขึ้นราวกับน้ำพุร้อนใต้พิภพที่แสนเชี่ยวกราด มังกรแดงโผหลบฉากอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับเวลาที่มันปรากฏตัวมา เจ้าหญิงเรจิน่าจึงทรงบิดข้อมือให้ดาบขนานกับพื้นดินแล้ววาดแขนออกเป็นกว้างก่อนจะตวัดดาบวาดเป็นรูปวงพระจันทร์ขนานไปกับพื้น โดยแทบจะไม่ทันกระพริบตาพระองค์ก็เหวี่ยงปลายดาบขึ้นบนเหนือศีรษะพลางตวัดแขนอย่างรวดเร็วไขว้กันไปมาจนเกิดเป็นร่างแหดาบเวทย์ปูเป็นผืนทะยานขึ้นฟ้าในชั่วเสี้ยววินาที มิลเลี่ยน สแลช!! ฉับพลันนั้นก็เกิดเสียงระเบิดด้วยคลื่นความถี่สูงดังสะท้อนไปทั่วช่องเขา พร้อม ๆ กับที่บรรดาสัตว์สงครามกู่ร้องกันระงมด้วยความเจ็บปวดในช่องหูของพวกมัน แม้แต่คาร์นยังอดคำรามเสียงต่ำรีบยกมือขึ้นปิดหูของตน ก๊าซซซซซ! เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเจ้ามังกรยักษ์ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ทว่ามันก็ยังคงทรงตัวอยู่ในอากาศได้ แม้ว่าปลายปีกทั้งสองข้างจะมีช่องโหว่ทะลุ ทั้งตามลำตัวก็มีบาดแผลและมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาอยู่บ้าง ในขณะที่ตัวเจ้าหญิงเองก็ทรงเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบให้เห็น เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตวัดดาบชี้ตรงไปยังผู้ที่อยู่บนมังกรแดงด้วยสายตาท้าทายและไม่กริ่งเกรง ซึ่งผู้ที่อยู่บนมังกรซาลามันเดอล่ายักษ์ก็ดูจะชอบอกชอบใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะนอกจากดวงตาที่หรี่แคบลงคล้ายกับกำลังยิ้มนั้น เขายังรีบโฉบมังกรซาลามันเดอล่ายักษ์ลงมาอีกด้วย Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:11:06 PM ขณะที่มังกรโฉบตัวอยู่เหนือพระองค์ นักรบวัยฉกรรจ์บนมังกรซาลามันเดอล่าก็กระโดดลงมาพร้อมกับควงกระบองพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ทว่าเจ้าหญิงเรจิน่าก็ทรงกระโดดหลบในฉับพลันทันที พร้อมกับตวัดดาบเข้าใส่เต็มแรง นักรบในชุดเกราะแดงใช้กระบองรับดาบก่อนจะตวัดไปอีกด้านหมายจะสะบัดดาบให้หลุดออกจากมือหญิงสาว ทว่าเจ้าหญิงเรจิน่าก็ว่องไวพอที่จะพลิกองค์ตามแรงส่งดาบได้ทันโดยที่ดาบไม่หลุดจากมือ ทันทีที่หยั่งเชิงกันแล้ว ทั้งคู่จึงถอยออกมาคุมเชิงกันกลางสนามรบ ท่ามกลางสายตานับล้านคู่ นักรบเพลิงยืดตัวขึ้นตรง เผยร่างสูงใหญ่บึกบึนผิวเข้มจนออกสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยมัดกล้าม บ่งบอกว่าชายผู้นี้คงรบทับจับศึกมาอย่างโชกโชนมาทั้งชีวิต เมื่อยืนเทียบกับเจ้าหญิงเรจิน่าแล้ว พระองค์แลดูรูปร่างเล็กและบอบบางไปในทันตา
ข้าเจ้าหญิงเรจิน่าแห่งฟีเลเซีย เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยืดอกขึ้นด้วยท่วงท่าราวกับพญาหงส์ พร้อมประกาศพระนามด้วยความทระนงในเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งตน มีเสียงเดาะลิ้นจากฝ่ายนักรบเพลิง พร้อมใช้สายตาโลมเลียไปทั่วเรือนร่างและใบหน้างดงามหมดจดของหญิงสาว จนร่างของหญิงสาวเริ่มสั่นเทิ่มด้วยความโกรธที่ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้สายตาแสดงกริยาหยาบคายใส่ ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียจะเลอโฉมถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะเป็นผู้นำทัพเองแต่แรก ไร้มารยาท! เจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียทรงเชิดหน้ามองอีกฝ่ายอย่างดูแคลนพลางตวัดดาบออกมาทางเบื้องหน้าของตน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ปลายดาบของพระองค์แทน ทั้งโฉมงาม ทั้งมีฝีมือ เสียตรงคลั่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีมากไปหน่อย ว่าพลางทำเสียงจิ๊กจั๊กในปากพร้อมกับส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ไม่เป็นไรเจ้าอายุยังน้อย ยังพอดัดได้ สามหาว! เจ้าคนเถื่อน อย่ามาทำเป็นเสนอหน้าวิเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่รู้จักมองตัวเองที่ไร้มารยาทขนาดแนะนำตัวเองยังไม่เป็น แต่ก็คงจะจริงอย่างเจ้าว่า อายุอย่างเจ้าคงจะดัดไม่ได้แล้วสินะ ปากกล้าจริงนะแม่สาวน้อย เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าข้าคือใครทำไมต้องบอกให้มากพิธี กษัตริย์เพลิงจ้องมองเจ้าหญิงผู้งามสง่าเบื้องหน้า ด้วยแววตากรุ่มกริ่ม ข้าคือกษัตริย์ซาดินแห่งจักรวรรดิซาโลม ผู้ที่จะมาพิชิตอาณาจักรฟีเลเซียนี้.... ตรัสพลางเหลือบมองกษัตริย์แห่งสายลมที่อยู่บนป้อมกำแพง ก่อนจะเคลื่อนสายตาที่ฉายแววแฝงความนัยบางอย่างมาทางเจ้าหญิงผู้เลอโฉมตรงหน้า ทำเอาเจ้าหญิงหน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธจัด แต่ตอนนี้ ข้าอยากพิชิตเจ้าเป็นที่สุด กษัตริย์ซาดิน!! ถ้าวันนี้ข้าทำให้เจ้าคุกเข่าขอโทษข้าไม่ได้ ข้าก็จะต้องเอาชีวิตเจ้าให้ได้ แดนซิ่ง ซอร์ด!! ทันใดนั้นดาบเวทย์สีขาวจำนวนนับพันนับหมื่นก็พุ่งเข้าใส่กษัตริย์ซาดินจากหลายทิศทางราวกับฝูงวิหคเริงระบำกษัตริย์ซาดินกระโดดขึ้นสูงหลบฝูงดาบเวทย์ ทว่าเพียงเจ้าหญิงเรจิน่าตวัดมือขึ้น ฝูงดาบก็เปลี่ยนทิศหมุนคว้างตามกษัตริย์เพลิงขึ้นไปในทันที กษัตริย์ซาดินรีบควงกระบองอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตนเอง แต่ทว่าดาบเวทย์มีมากมายจนไม่อาจสกัดกั้นได้ทั้งหมด ทำให้มีดาบเวทย์บางส่วนเล็ดรอดจากการป้องกัน พุ่งเข้าเชือดเฉือนเกราะโลหะของกษัตริย์ซาดินจนเกิดเป็นรอยบากขึ้นหลายรอย ซึ่งบางรอยก็มีโลหิตไหลซึมผ่านออกมาด้วย เมื่อกษัตริย์ซาดินกลับลงมาถึงพื้นก็ต้องเหลือบตาสำรวจความเสียหายของตน ทำได้ไม่เลวสาวน้อย กษัตริย์ซาดินตรัสเสียงเข้มขึ้น รวดเร็วฉับไวและรู้จักพลิกแพลง แต่เจ้าเล่นงานข้าทีเผลอ กษัตริย์ซาดินตำหนิพร้อมตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีครั้งต่อไป พร้อมกับทรงมองจับสังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างระแวดระวังมากขึ้น ไม่ต้องพูดมาก แดนซิ่ง ซอร์ด! เจ้าหญิงเรจิน่าปลดปล่อยพลังเวทย์ใส่กษัตริย์เพลิงทันที ดาบเวทย์นับพันก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนฝูงดาวหางที่พุ่งผ่านฟ้าเป็นสาย เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับเกิดแสงสว่างวาบจนไม่มีใครสามารถมองเห็นการสู้กันของทั้งสองไปชั่วขณะ ทันทีที่แสงสว่างจางลงพร้อม ๆ กับความคาดหวังไปต่าง ๆ นานาของทั้งสองฝ่าย แต่แล้วเสียงไชโยโห่ร้องของทหารซาโลมก็ดังสนั่นขึ้น เมื่อเห็นว่ากษัตริย์ของพวกตนยังคงยืนหยัดอยู่ในท่าถือกระบองคู่กายป้องกัน แม้จะมีความเสียหายของชุดเกราะและมีอาการบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น แต่พระองค์ก็ยังคงดูทะมัดทะแมงและยังคงพร้อมจะสู้อยู่ เสียงหัวเราะในลำคอของกษัตริย์ซาดินยิ่งทำให้เหล่าทหารได้ใจโห่ร้องกันเสียงดังยิ่งขึ้น หัวเราะทำไม? เจ้าเสียสติไปแล้วรึ? เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว เพราะกษัตริย์เถื่อนผู้นี้ถูกโจมตีด้วยพลังดาบเวทย์ของพระองค์จัง ๆ ไปถึงสองครั้งแต่กลับยังยืนอยู่ได้ ซ้ำยังยังแทบไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เห็นเลยทั้ง ๆ ที่พระองค์ไม่เคยต้องใช้ท่าโจมตีนี้เกินสองครั้งในการต่อสู้มาก่อนเลย ข้าหัวเราะเพราะข้าเห็นจุดอ่อนของเพลงดาบของเจ้าแล้วนะสิ กษัตริย์ซาดินหรี่ตาแคบคล้ายกำลังยิ้มอยู่ภายใต้หมวกเกราะ เป็นยิ้มที่เหี้ยมเกรียมและบ่งบอกถึงความสะใจของผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้น จุดอ่อนอะไรกัน?! เจ้าหญิงตรัสเสียงดังด้วยความไม่เชื่อ ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงให้ดู แต่ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำให้ใบหน้างาม ๆ กับรูปร่างสวย ๆ นั่นต้องเป็นแผลหรอกนะ ตรัสจบกษัตริย์ซาดินก็พุ่งตัวเข้าหาเจ้าหญิงเรจิน่าทันที เจ้าหญิงจึงตวัดดาบเวทย์ใส่อีกครั้ง ทว่ากษัตริย์ซาดินกลับไม่ยอมหลบซ้ำยังพุ่งเข้าหาเร็วขึ้นอีกด้วย ดาบเวทย์พุ่งเข้าเฉือนเกราะเหล็กและผิวเนื้อของกษัตริย์ซาดินไม่หยุด แต่ก็ดูเหมือนพระองค์จะไม่สนใจความเจ็บปวดเลย จนเมื่อจวนตัวแล้วเจ้าหญิงจึงรีบพุ่งตัวหลบจากกระบองที่กษัตริย์ซาดินเงื้อเข้าใส่ เสียงกระบองกระแทกพื้นดังสนั่นจนพื้นสะเทือน ซากศพทหารกระจายแหวกขึ้นเป็นแนวทั้งสองข้าง พื้นดินยุบตัวจนเกิดหลุมลึกเป็นทาง เจ้าหญิงเรจิน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หากพระองค์หลบไม่ทัน ร่างของพระองค์คงจะแหลกเหลวด้วยการฟาดกระบองของกษัตริย์เถื่อนเพียงครั้งเดียว Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:12:25 PM กษัตริย์ซาดินทรงเหลือบมองแขนซ้ายที่มีบาดแผลใหญ่ที่สุด พลางหรี่ตาลงข้างหนึ่งคล้ายกับข่มความเจ็บไว้ก่อนจะหันไปมองเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย จึงเห็นว่านางก็กำลังสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปะทะเมื่อสักครู่เช่นกัน พระองค์จึงตั้งท่าเตรียมบุกอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่ปรากฏให้เห็นอย่างแจ่มชัดอีกครั้งจากแววตา
เจ้าต้องเสียสติแน่ ๆ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสขึ้นอย่างเหลือเชื่อในความบ้าบิ่นของกษัตริย์เถื่อน หึ! หึ! จุดอ่อนของเจ้าคือเจ้ารับมือคู่ต่อสู้แบบประชิดตัวไม่ได้เมื่อเจ้าใช้เพลงดาบเวทย์น่ะสิ และดูท่ามันจะอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ ซึ่งก็หมายความว่า...พลังเวทย์ของเจ้าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ตรัสจบกษัตริย์ซาดินก็พุ่งตัวเข้าใส่อีกครั้ง เจ้าหญิงเรจิน่ารีบตวัดดาบเวทย์ใส่ทันทีเช่นกันก่อนจะรีบพุ่งตัวหลบการโจมตีของอีกฝ่าย โดยไม่ทันรู้เลยว่า กษัตริย์ซาดินทรงหลอกให้พระองค์หลบการโจมตีไปจนถึงบริเวณที่มีซากทหารนอนตายเกลื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก ทันใดนั้นพระองค์ก็สะดุดเข้ากับซากทหารจนเสียหลักล้มลง ดาบคู่กายกระเด็นหลุดจากมือจนเกินกว่าจะเอื้อมถึง เสียงหัวเราะอย่างมีชัยของกษัตริย์ซาดินดังก้องขึ้นทันที เสด็จพี่! กษัตริย์ซิกมันด์ที่ทรงอยู่บนป้อมกำแพงตะโกนสุดเสียง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นพี่สาวของตนล้มลง ชั่วเสี้ยววินาทีนั้นเจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันไปมองดาบคู่กาย ก่อนจะหันกลับมามองศัตรู กษัตริย์ซาดินกระโดดขึ้นกลางอากาศพร้อมกับง้างมือขึ้นจนสุดแขน ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะมืดไปในทันที ตูม! เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทจนสะเทือนไปทั้งช่องเขา ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความเงียบสงัดเพราะต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า เจ้าหญิงเรจิน่าทรงค่อย ๆ ปรี่ดวงตาขึ้น เมื่อทรงรู้สึกว่าเสียงกระแทกเกิดขึ้นแล้วแต่พระองค์ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดเสียที มีเพียงความรู้สึกเหมือนพื้นดินสะเทือนอย่างแรงที่บริเวณโดยรอบพระองค์เท่านั้น พระองค์ไม่เคยรู้เลยว่าความตายจะให้ความรู้สึกที่แสนจะธรรมดาเช่นนี้ เมื่อทรงลืมตาขึ้นโดยหวังจะได้เห็นภาพสรวงสวรรค์เหมือนที่เคยเห็นตามฝาผนังโบสถ์ พระองค์กลับเห็นแผ่นหลังของบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนตระหง่านขวางระหว่างพระองค์กับกษัตริย์ซาดินไว้ เจ้าหญิงทรงกระพริบตาปริบ ๆ พยายามทำความเข้าใจกับภาพเบื้องหน้า แต่เมื่อทรงมองเห็นโล่แขนดูคุ้นตาที่รับกระบองของกษัตริย์เพลิงก็ทำให้เจ้าหญิงเรจิน่าค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ฮารีซัน เจ้าหญิงตรัสด้วยน้ำเสียงยินดีโดยแท้จริง ฮารีซันมาช่วยพระองค์ทันเวลาพอดี เจ้าหญิงเป็นอะไรรึเปล่า? ฮารีซันถามด้วยความเป็นห่วง แม้เสียงที่ออกมาจะฟังดูแปลกไปจากเดิม ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่าเขาคงรับแรงกระแทกอย่างรุนแรงมากทีเดียว ข้าไม่เป็นไร เจ้าหญิงทรงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อให้เห็นว่าพระองค์ทรงปลอดภัยจริง ๆ และแทบจะทันที เสียงโห่ร้องอย่างยินดีจากทหารฟีเลเซียและฟูดินันก็ดังขึ้นจนกลบเสียงของฝ่ายซาโลมบ้าง โดยมีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของกษัตริย์ซิกมันด์และบรรดาแม่ทัพทั้งหลายร่วมอยู่ในนั้นด้วย กษัตริย์ซาดินทรงตวัดกระบองกลับพลางมองสำรวจเพื่อประเมินผู้มาใหม่ที่เข้ามาแทรกในการต่อสู้ของตน ก่อนจะทรงเหลือบตามองเสียงโห่ร้องที่ดังไม่หยุดจากบนขอบช่องเขาทั้งสองด้าน เจ้าสินะ ผู้นำทัพของฟูดินัน กษัตริย์ซาดินตรัสประเมินด้วยวาจาไม่ใคร่พอใจเท่าใดนัก ด้วยเพราะถูกขัดการต่อสู้ที่น่าอภิรมย์กลางคัน ถูกแล้ว ข้าฮารีซัน บันดารา หัวหน้ากองทัพฟูดินัน วันนี้ข้าจะขอแก้แค้นแทนพี่น้องชาวป่าเผ่าต่าง ๆ ที่ต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า ฮารีซันกล่าวพลางชูกำปั้นขึ้น หึ! อะไรกันนี่? ข้ากำลังสนุกกับการต่อสู้กับสาวงามอยู่ดี ๆ ต้องเปลี่ยนมาสู้กับชาวป่าอย่างเจ้าเหรอ? เอาเถอะถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามาเลย กษัตริย์ซาดินทรงตรัสเสียงกร้าวพร้อมยกกระบองขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการจู่โจม โดยไม่ต้องรอให้เชิญเป็นครั้งที่สอง ฮารีซันก็ควงหมัดเข้าใส่ทันที แม้ฮารีซันจะเสียเปรียบที่ต้องใช้หมัดสู้กับกระบองที่มีช่วงการโจมตีที่ยาวกว่า แต่หากเขาสามารถเข้าประชิดวงในได้ก็จะสามารถกลบข้อเสียเปรียบนั้นไปได้ เสียงอาวุธและโล่กระทบกันจนดังสนั่นต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างดุเดือด เสียงร้องตะโกนของแต่ละฝ่ายเวลาออกอาวุธทำให้รู้ว่าทั้งสองต่างฟาดฟันเข้าใส่กันอย่างสุดกำลัง เมื่อกษัตริย์ซาดินฟาดกระบองพลาดไปถูกผนังหินคราใด บรรดากองทัพชาวป่าก็แทบจะหยุดหายใจเพราะราวกับเชิงผาสะเทือนไปทั้งแถบ หินน้อยใหญ่ตามเชิงผาต่างก็ร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างไม่ต่างจากกองหินถล่ม ไม่ต่างจากฝ่ายกองทัพซาโลมที่ต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากทุกครั้งที่ฮารีซันจู่โจมพลาดจนหมัดกระแทกพื้น แรงสั่นสะเทือนก็ทำให้บรรดาก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยเต้นเร่าราวกับมีชีวิต แม้จะอยู่ห่างจากต่อสู้ของทั้งคู่มาก แต่ทุกคนก็ยังสัมผัสได้ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากแต่ละฝ่าย ทันทีที่กษัตริย์ซาดินฟาดกระบองเข้าใส่ช่วงลำตัวของฮารีซัน ฮารีซันก็รีบบิดข้อศอกหมุนโล่มากันทันที ก่อนจะใช้มืออีกครั้งกระแทกหมัดใส่ด้ามกระบองอย่างแรงหมายจะให้กระบองหลุดจากมือของกษัตริย์เพลิง ทว่ากษัตริย์ซาดินรู้แกวจึงหมุนตัวตามแรงเหวี่ยงพลางง้างมือเสริมแรงก่อนจะฟาดกระบองเข้าใส่ลำตัวอีกข้างของฮารีซันสุดกำลัง ฮารีซันเห็นดังนั้นจึงรีบยกโล่ขึ้นป้องกันทันที กระบองฟาดใส่โล่อย่างแรงส่งร่างของผู้นำชาวป่าลอยละลิ่วไปกระแทกผนังผาด้านหนึ่งจนผนังผาเว้าลึกเป็นแอ่งโค้งก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง เชิงผาด้านนั้นยุบตัวลงบางส่วนจนทำให้เศษดินเศษหินจำนวนมากร่วงกราวจนเกิดเป็นฝุ่นตลบบดบังร่างของผู้นำชาวป่าจนมองไม่เห็น เสียงโหวกเหวกของบรรดากองทัพชาวป่าด้านบนที่เกือบร่วงหล่นไปตามเชิงผาที่ทลายตัวลงมาดังก้องไปทั่ว ฮารีซัน! เจ้าหญิงทรงตกใจอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความเป็นห่วง รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ชั่วขณะนั้นพระองค์คิดอะไรไม่ออกนอกจากจะหาทางช่วยฮารีซันไม่ให้กษัตริย์ซาดินฉวยโอกาสโจมตีซ้ำได้ คิดได้ดังนั้นก็ทรงตวัดดาบใส่กษัตริย์เพลิงทันที แดนซิ่ง ซอร์ด! กษัตริย์ซาดินที่ทรงหันหลังอยู่ไม่ทันระวังตัวเพราะมัวแต่สนใจผู้นำทัพชาวป่า กว่าจะไหวตัวทันก็จวนตัวเสียแล้ว แม้พระองค์จะรีบตวัดกระบองหมายจะตั้งรับการโจมตีของอีกฝ่าย แต่ดาบเวทย์ก็พุ่งเข้ามาใกล้จนพุ่งเข้าเฉือนตัดชุดเกราะของกษัตริย์เพลิงอย่างนับไม่ถ้วนแรงปะทะส่งให้พระองค์ถลาไปไกลก่อนจะทรุดเข่าลงข้างหนึ่งเพราะดาบเวทย์เฉือนใกล้ข้อพับของพระองค์ ทว่าเข่ายังไม่ทันแตะถึงพื้นพระองค์ก็รีบหยัดตัวลุกขึ้นทันที โลหิตเริ่มไหลซึมออกจากตามบาดแผลมากขึ้น ทันใดนั้นดวงตากรุ่มกริ่มและการแสดงท่าทางยียวนของกษัตริย์ซาดินก็หายไป เหลือแต่ความดุดันและเหี้ยมเกรียมที่ค่อย ๆ เพิ่มทวีมากขึ้น แววตาคมกล้าแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยจิตสังหาร พลังเวทย์ของเจ้าจวนจะหมดแล้วสินะ กษัตริย์ซาดินยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมพลางง้างกระบองขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทันที ข้างฝ่ายเจ้าหญิงเองก็ทรงตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน ทว่าไม่มีวิธีไหนที่จะใช้ต่อสู้กับกษัตริย์ผู้บ้าบิ่นและชำนาญศึกได้ดีไปกว่านี้ เจ้าหญิงเรจิน่ากระชับดาบในมือมั่น พลางรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีเตรียมปล่อยดาบเวทย์ครั้งสุดท้าย และจะทรงเสี่ยงรอจนกษัตริย์ซาดินเข้ามาใกล้มากพอที่จะถูกอานุภาพของดาบเวทย์อย่างเต็มที่ ย๊ากกกกกกกกกกกก! ตูม! Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:13:31 PM จู่ ๆ ฮารีซันก็พุ่งร่างเข้ามาพร้อมควงหมัดเข้าใส่กษัตริย์ซาดินเต็มแรง กษัตริย์ซาดินที่ไม่ทันตั้งตัวถูกต่อยเข้าที่สีข้างร่างลอยละลิ่วไปกระแทกผนังผาอีกฝั่งจนกลายเป็นแอ่งเว้าลึกเข้าไปในผนังหิน เชิงผาด้านบนบางส่วนทลายตัวลงมาอย่างเร็วทำให้บรรดากองทัพชาวป่าที่อยู่ด้านบนจากตะเกียดตะกายหนีกันอลหม่าน ฝุ่นหินทรายร่วงกราวบังร่างของกษัตริย์ซาดินที่จมลึกเข้าไปในผนังหินทันที
ฮารีซัน เจ้าหญิงตรัสเรียกด้วยความตกใจ ร่างของฮารีซันมีแต่ฝุ่นดิน ปากแตกจนมีเลือดไหลเป็นทาง โล่เกราะมีรอยเว้าเป็นแนวตามรอยกระบอง ตามตัวมีรอยขีดข่วนที่ผิวเนื้อขรูดกับหินจนมีเลือดไหลซิบ ๆ ออกจากปากแผล แขนข้างซ้ายห้อยตกอยู่ข้างตัว บนโล่ห์ข้างซ้ายนั้นเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ เจ้าหญิงเป็นอะไรรึเปล่า? ฮารีซันหอบหายใจแรงพลางมองสำรวจอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าหญิงอย่างร้อนรน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของทหารฟีเลเซียและฟูดินัน ท่านดูบาดเจ็บยิ่งกว่าข้าเสียอีก เจ้าหญิงทรงส่ายหน้าช้า ๆ ตรัสตอบด้วยเสียงเบาและสั่นเครือเล็กน้อยพลางมองสำรวจบาดแผลต่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ดวงตาของพระองค์สลดลงและเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็มีเพียงฮารีซันเท่านั้นที่อยู่ใกล้พอที่จะได้เห็นสายตาแห่งความอาทรนี้ ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ต้องรีบหันกลับไปมองในทันที เศษหินที่แตกกระจายพุ่งกระเด็นออกมาจากช่องผนัง ฮารีซันรีบขยับใช้ร่างที่กำยำของตนกำบังเศษหินจำนวนมากมายที่พุ่งมาทางพวกตนให้แก่เจ้าหญิงเรจิน่า เศษหินแหลมคมบาดร่างกายของฮารีซันจนเกิดแผลกรีดเป็นทางยาวหลายที่ รวมถึงที่แก้มขวาก็มีรอยบาดเป็นทางยาวแม้จะไม่ลึกแต่ก็มีเลือดไหลซึมออกมา ฮารีซันเหลือบไปมองสำรวจเจ้าหญิงเรจิน่าเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งว่าเจ้าหญิงไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ก่อนจะเตรียมตัวรับมือกับการจู่โจมของกษัตริย์เถื่อน กษัตริย์ซาดินทรงดันตัวเองออกจากผนังผาพร้อม ๆ กับไอเอาเลือดในช่องปากออกมา ชุดเกราะบุ๋มลึกและมีรอยปริที่ขอบเกราะหลายที่ มือของพระองค์จับที่สีข้างพลางหรี่ตาแคบมองดูความเสียหายที่เกิดขึ้น การถูกโจมตีเข้าที่สีข้างอย่างแรงคงสร้างความบาดเจ็บภายในแก่กษัตริย์ซาดินอยู่ไม่น้อย ทั้งบาดแผลจากการโจมตีของเจ้าหญิงด้วยดาบเวทย์อันคมกริบก็ยังมีโลหิตไหลรินออกมาอยู่ตลอด แต่ทว่ากษัตริย์ซาดินก็ยังฝืนยืนตรงอยู่ได้ จนดูเหมือนว่าพระองค์ทรงบาดเจ็บน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เสียงโห่ร้องกระทืบเท้าอย่างยินดีจากทหารซาโลมดังขึ้นจนแผ่นเดินสะเทือน ความที่พระองค์ต้องมีชีวิตอย่างแร้นแค้นในดินแดนทะเลทรายที่แสนหฤโหดอย่างซาโลม ทำให้พระองค์มีแรงฮึดและความทรหดอดทนต่อความเจ็บปวดมากกว่าบรรดาชาวป่าอย่างฟูดินันและเหล่าทหารแห่งฟีเลเซีย กษัตริย์ซาดินทรงกระชับกระบองในมือมั่น พระองค์ทรงรู้ตัวเองดีว่า เวลานี้ซี่โครงของพระองค์คงจะหักอยู่ภายในหลายซี่ หากพระองค์ยังคงยืดเยื้อการต่อสู้นี้ต่อไปโลหิตอาจจะไหลคั่งอยู่ภายในหรือไหลออกจากบาดแผลภายนอกจนหมดตัวก่อนจะยึดป้อมได้ คงจะไม่เป็นการดีแน่ ที่นี่มียอดฝีมือรวมกันอยู่มากเกินไป คิดได้ดังนั้นก็ทรงตวัดกระบองชี้ไปทางกำแพงป้อมพลางตะโกนท้าทาย กษัตริย์แห่งฟีเลเซียมั่วไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ถึงให้ผู้นำชาวป่ากับอิสตรีมาสู้กับข้า หรือมัวแต่กลัวจนหัวหด อย่ามั่วแต่หลบอยู่หลังกระโปรงอิสตรีอยู่เลย จงออกมาสู้กับข้าอย่างชายชาติทหารเขาทำกัน กษัตริย์ซาดินทรงรู้นิสัยของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียดีว่าหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมากเพียงใดจึงกล่าวท้าทายหยามเกียรติของพระองค์ ข้างฝ่ายกษัตริย์ซิกมันด์ เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำดูหมิ่นนั้นก็ทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง รีบเหวี่ยงตัวขึ้นหลังเปรูนเปกาซัส (Perun Pegasus) ทันทีโดยไม่ต้องรอให้กษัตริย์เถื่อนท้าทายอีกเป็นครั้งที่สอง ฝ่าบาท! แม่ทัพชาร์ลร้องเรียกก่อนที่พระองค์จะโจนทะยานขึ้นฟ้า โดยมีบรรดาแม่ทัพนายกองที่ย่อเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อร่วมทัดทานพร้อมกับจอมทัพชาร์ล กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรั้งบังเหียนไว้ด้วยความขุ่นเคืองแต่ก็ทรงนิ่งเงียบแม้ใบหน้าของพระองค์จะเริ่มดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ทรงระมัดระวังพระองค์ด้วย กษัตริย์เถื่อนนั่นรู้จุดอ่อนของพระองค์จึงได้พูดจาเย้ยหยันดูหมิ่นพระเกียรติของพระองค์หมายจะยั่วให้พระองค์โกรธจนขาดความระมัดระวัง... แม่ทัพชาร์ล กล่าวเตือนสติ แต่ก็ไม่ได้ทูลใด ๆ ต่อเมื่อเห็นว่าใบหน้าของกษัตริย์ซิกมันด์เริ่มมีแววมุ่งมั่นและทรนงเข้ามาแทนที่ นั่นเพราะพระองค์ได้แปรเปลี่ยนความกริ้วโกรธมาเป็นพลัง แม่ทัพชาร์ลเห็นดังนั้นคำนับส่งพร้อม ๆ กับเสียงกล่าวถวายพรจากบรรดาแม่ทัพนายกอง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรั้งบังเหียนขึ้นก่อนจะพุ่งทะยานออกไปทันที ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของบรรดาอัศวินแห่งฟีเลเซีย กษัตริย์ซาดินเมื่อทรงเห็นดังนั้นก็กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ ฝืนข่มความเจ็บปวดควงกระบองเตรียมรับมือ ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่าก็รีบประคองฮารีซันกลับเข้าประตูป้อม ฝ่ายกษัตริย์ซิกมันด์ก็พุ่งเข้าหากษัตริย์เถื่อนด้วยความเร็วสุดกำลัง ทรงกระชับดาบประจำพระองค์เตรียมห่ำหั่นศัตรูอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ กษัตริย์ซาดินก็ใช้กระบองฟาดพื้นสุดแรงเกิด พื้นทั่วบริเวณนั้นสั่นสะเทือนอย่างแรงจนพื้นดินแตกกระจายพุ่งขึ้นมาเกิดเป็นแรงส่งมหาศาลให้กษัตริย์เถื่อนดีดตัวพุ่งตรงไปหากษัตริย์ซิกมันด์ด้วยความเร็วสูงไม่แพ้กัน กษัตริย์ซิกมันด์เมื่อเห็นดังนั้นก็ทรงตะลึงงันให้ความบ้าดีเดือดของอีกฝ่ายจนเกือบเสียจังหวะไป ทันใดนั้นเสียงแผดร้องของจ้าวมังกรซาลามันเดอร่าก็ดังขึ้นจากฝั่งกองทัพซาโลมพร้อม ๆ กับร่างอันใหญ่ของมันที่พุ่งมาหาผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ฝุ่นทรายจากความเร็วและแรงกระพือของปีกมังกรยักษ์พุ่งตลบตามหลังเป็นทางยาวพร้อม ๆ กับเสียงโห่ร้องเอาใจช่วยกษัตริย์ของตนจากทหารทั้งสองฝ่าย ในจังหวะที่จ้าวมังกรโฉบเข้ามาใกล้ กษัตริย์ซาดินก็ทรงตีลังกากลางอากาศก่อนจะวางเท้าลงบนหลังของมังกรพาหนะได้อย่างพอเหมาะพอเจาะแม้จะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว นั่นยิ่งทำให้พระองค์ดูน่าเกรงขามและดุดันยิ่งขึ้นเมื่อทรงประทับบนหลังจ้าวมังกรแดงด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมและเตรียมพร้อมที่พร้อมจะห้ำหันศัตรูเช่นนี้ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:14:36 PM ทว่าทันทีที่พระองค์ อยู่บนหลังซาลามันเดอร่าแล้วกลับกลายเป็นว่ากษัตริย์แห่งสายลมได้หายไปจากสายตาเสียแล้ว บนท้องฟ้านั้นว่างเปล่า มีเพียงพระองค์บนหลังมังกรพียงลำพังเท่านั้น กษัตริย์ซาดินทรงกระชับกระบองในมือมั่น สายตาเหลือบไปทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง อย่างระแวดระวัง แม้แต่เสียงเชียร์จากบรรดาทหารทั้งสองฝ่ายก็ยังเงียบลงด้วย เพราะต่างก็พยายามมองหากษัตริย์แห่งฟีเลเซีย ผู้ซึ่งจู่ ๆ ก็เหมือนจะหายลับไปจากสายตาเพียงชั่วเสี้ยววินาที
แต่แล้วในชั่วพริบตาเดียว จู่ ๆ เสียงร้องแหลมของม้าก็ดังขึ้นก่อนจะมีแสงสีขาวขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากด้านล่างผ่านหน้ากษัตริย์ซาดินไปอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งหายลับขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อม ๆ กับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของมังกรซาลามันเดอร่า จ้าวมังกรเสียหลักบินเอียงถลาไปทางซ้ายจนกษัตริย์ซาดินเกือบพลัดตกจากหลังของมัน กษัตริย์เพลิงรีบคว้าสายบังเหียนเพื่อบังคับซาลามันเดอร่าให้อยู่นิ่ง ๆ จึงทรงได้เห็นว่าชุดเกราะของจ้าวมังกรมีรอยกรีดลึกเป็นทางยาวตั้งแต่ช่วงโคนปีกจนถึงกลางลำคอจนถึงผิวหนังของมันและเริ่มมีเลือดซึมไหลออกมา กษัตริย์ซาดินทรงขบกรามแน่นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยมีเสียงไชโยโห่ร้องของบรรดาทหารแห่งฟีเลเซียและฟูดินันดังขึ้นด้วยความดีใจจนก้องสนามรบ ทว่ากษัตริย์แห่งสายลมก็หายลับไปจากสายตาอีกครั้ง บนท้องฟ้าไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากกษัตริย์ซาดินและมังกรคู่ใจเท่านั้น พระองค์เหลียวมองรอบกายอย่างรวดเร็วและระแวดระวังมากยิ่งขึ้น เพียงอึดใจจู่ ๆ พระองค์ก็ทรงถูกกระแทกจากด้านหลังอย่างแรงจนเกือบพลัดตกจากหลังมังกรยักษ์ จ้าวมังกรร้องลั่นบินถลาเอียงปีกไปทางขวา ปีกของมันรีบกระพือเพื่อรักษาสมดุล หางอันใหญ่โตส่ายไปมาเพื่อช่วยทรงตัว พระองค์มองหากษัตริย์แห่งสายลมอีกครั้ง และก็เช่นเคยที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนพระองค์ก็พบแต่ความว่างเปล่า กษัตริย์ซาดินทรงหมุนข้อมือพันสายบังเหียนรอบฝ่ามือจนสายบังเหียนตึง แม้จะเป็นการต่อสู้กับนักรบเปกาซัสเหมือนกัน แต่การต่อสู้เมื่อครั้งปะทะกับแม่ทัพหญิงโรน่า แม่ทัพของกองทัพเปกาซัส นั้นช่างเทียบกันไม่ได้เลยกับการต่อสู้กับกษัตริย์แห่งสายลมในครั้งนี้ กษัตริย์เพลิงกำกระบองคู่กายแน่น สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดและทวีความดุดันมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้นแสงสีขาวก็พุ่งลงมาจากฟ้าราวกับดาวตกขนาดใหญ่พุ่งตรงมาหาพระองค์ ด้วย เกียรติแห่ง ฟีเลเซีย(Glory of Felesia) กษัตริย์ซาดินทรงเงยหน้าพลางรีบตวัดกระบองฟาดสวนขึ้นไปทันทีเช่นกัน แมกมาต้า สแมส์ช (Magmata Smash) เปรี้ยง ! เสียงอาวุธกระแทกกันดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด เกิดแสงสว่างวาบจนบนท้องฟ้าบริเวณนั้นสว่างไสวคล้ายดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ๆ แรงปะทะทำให้เกิดกระแสลมพัดวูบกระจายเป็นวงกว้างจนธงรบของกองทัพทั้งสองฝ่ายโบกสะบัดอย่างแรงก่อนจะลู่ลงในทันที เมื่อแสงจ้าค่อย ๆ จางลงก็ปรากฏร่างกษัตริย์ซิกมันด์ที่ส่องบนหลังเปกาซัส กำลังใช้สองมือกำดาบ(หลวง)แห่งฟีเลเซีย (Felesia Royal Sword) ยันอยู่กับ กระบองเมอร์แดด (Mehrdad, the Club of Zadin) ของกษัตริย์ซาดิน ไม่น่าแปลกใจเลยที่การปะทะกันของศาสตราวุธทั้งสองจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้เพราะต่างก็เป็นสุดยอดศาสตราวุธของกษัตริย์จากทั้งสองอาณาจักร กษัตริย์ซาดินนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่านอกจากจะชอบสงครามและเชี่ยวชาญการรบแล้วด้านพละกำลังและความทรหดนั้นก็เรียกว่ามหาศาล ในขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์นั้นก็เป็นเลิศด้านเชิงยุทธ์ แม้พละกำลังอาจเป็นรองกษัตริย์เพลิง ทว่าความรวดเร็วในการออกอาวุธนั้นเรียกได้ว่าเหนือกว่ากษัตริย์ซาดินมาก ยิ่งอยู่บนหลังเปกาซัสด้วยแล้ว พระองค์ก็กลายเป็นจ้าวเวหาที่ไม่มีผู้ใดอาจต่อกรด้วย กษัตริย์เถื่อนนั้นหากไม่บาดเจ็บมากมายอยู่ก่อนแล้ว ลำพังแค่การยันอาวุธกับกษัตริย์แห่งสายลมด้วยแขนเพียงข้างเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องลำบากเลย ทว่าแรงกระแทกเมื่อสักครู่ทำให้โลหิตจากบาดแผลตามร่างกายเริ่มไหลออกมามากขึ้น ซ้ำชายโครงที่หักอยู่ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งสร้างความเจ็บแปลบและขยายความเสียหายภายในเพิ่มมากขึ้น กษัตริย์ซิกมันด์เห็นดังนั้นก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดาบโดยใช้แรงเปกาซัสช่วยเสริมแรงกดให้มากขึ้น เสียงคำรามเพราะการใช้พลังจนสุดแรงจากลำคอของกษัตริย์ทั้งสองดังราวกับเสียงพญามังกรคำราม ย๊า ~~~~~~~~~! กษัตริย์ซาดินร้องสุดเสียงก่อนจะทรงใช้มืออีกข้างกระชากบังเหียนขึ้น มังกรซาลามันเดอล่าสะบัดหัวกลับมาและพ่นเปลวไฟร้อนจัดใส่กษัตริย์ซิกมันด์ทันทีเปลวไฟสีแดงฉานพุ่งเป็นลำไปไกลหลายเมตร ท่ามกลางความหวั่นวิตกและตกใจจากฝั่งฟีเลเซีย ในขณะที่เสียงเชียร์ด้วยความสะใจก็ดังกระหึ่มมาจากกองทัพซาโลม เมื่อเปลวไฟดับลงก็ปรากฏร่างของกษัตริย์แห่งสายลมได้อันตรธานหายไปอีกครั้ง กษัตริย์ซาดินทรงหอบหายใจเข้าแรง ๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดพลางกวาดสายตามองหากษัตริย์แห่งฟีเลเซีย พลางค่อย ๆ สูดลมหายใจให้ช้าลงเหมือนจะพยายามรวบรวมสมาธิ ทุกส่วนของร่างกายดูเหมือนจะหยุดนิ่งเพื่อรอคอยสัญญาณบางสิ่งบางอย่างด้วยความอดทน แต่แล้วเพียงพริบตาเดียวกษัตริย์ซาดินก็ทำในสิ่งที่เหมือนคนบ้าคลั่งและระห่ำอย่างสุดขั้วจนบรรดาเหล่าแม่ทัพ ไม่เว้นแม้แต่จอมทัพชาร์ลและบรรดาขุนพลชาวป่าต้องตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อจู่ ๆ กษัตริย์เพลิงก็โยนบังเหี้ยนบังคับมังกรทิ้ง ก่อนจะกลับหลังหันแล้วออกวิ่งอย่างรวดเร็วไปตามแผ่นหลังของจ้าวมังกรซาลามันเดอล่าโดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากพลัดตกจากแผ่นหลังที่ขรุขระและเต็มไปด้วยเกล็ดหนามแหลมคม จนเมื่อแม้จะวิ่งเข้าใกล้ส่วนหางของจ้าวมังกรเข้าไปทุกทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าพระองค์จะชลอฝีเท้าลง ตรงกันข้ามพระองค์กลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและเร็วยิ่งขึ้นไปอีก นั่นเขาคิดจะทำบ้าอะไรน่ะ?! นั่นมันฆ่าตัวตายชัด ๆ เขาเสียสติไปแล้วรึ? Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:15:32 PM เสียงคำถามมากมายหลุดจากปากของบรรดาแม่ทัพของทั้งฟีเลเซียและฟูดินันที่ยืนตะลึงจนตาค้างมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือสนามรบ กษัตริย์เพลิงยังคงวิ่งต่อไปจนจวนจะสุดปลายหางของจ้าวมังกร และทันใดนั้นเองจ้าวมังกรก็แผดเสียงร้องดังสนั่นก่อนจะตวัดหางขึ้นสุดแรง พร้อม ๆ กับที่กษัตริย์ซาดินที่ดีดตัวพุ่งขึ้นเร็วปานลาวาเดือดที่ปะทุออกจากปล่องมหาภูเขาไฟตรงเข้าหาดาวหางสีขาวที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาทางตนด้วยความเร็วปานกัน
ย้า.........! ตูม!! แรงปะทะทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อม ๆ กับแสงจ้าที่ทำให้ตาแทบพร่า ก่อนจะเกิดเสียงฟาดฟันใส่กันอย่างดุเดือดของสุดยอดฝีมือจากสองอาณาจักรครั้งแล้วครั้งเล่า ในชั่ววินาทีนั้นต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับออกอาวุธฟาดฟันใส่กันกลางอากาศอย่างสุดแรงจนเกิดประกายไฟแปลบปลาบตลอดเวลา กษัตริย์ซิกมันด์นั้นแม้จะทรงต้องใช้สองมือช่วยในการออกอาวุธและตั้งรับการโจมตีของกษัตริย์ซาดิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการบังคับม้าปีกถดถอยลงไป ข้างฝ่ายกษัตริย์ซาดินเองแม้จะได้รับบาดเจ็บเข้าขั้นสาหัสโลหิตไหลโทรมกาย แต่ก็ยังคงออกอาวุธด้วยความหนักแน่น ดุดัน จนดูราวกับพญามารจากขุมนรก กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเอี้ยวตัวหลบกระบองที่กษัตริย์ซาดินฟาดฟันใส่อย่างดุเดือด แม้พระองค์จะมีความรวดเร็วมากกว่ากษัตริย์เถื่อนจนสามารถสร้างบาดแผลให้กษัตริย์ซาดินได้ไม่น้อย แต่เรี่ยวแรงอันมหาศาลของกษัตริย์ซาดินก็ทำให้การตั้งรับการโจมตีในแต่ละครั้งลำบากขึ้นเรื่อย ๆ มือทั้งสองของพระองค์กำด้ามดาบแน่นจนแทบจะไม่มีสีเลือด การรับแรงกระแทกของกระบองในบางครั้งก็ถึงกับมือชาไปชั่วขณะ จนในเวลานี้ตำแหน่งของกษัตริย์เพลิงกลับมาอยู่ด้านบนของกษัตริย์สายลม อาศัยแรงหวดกระบองแต่ละครั้งทำให้ตัวลอยขึ้นไปในอากาศ แม้แต่เจ้าม้าบินยังต้องกระพือปีกพยุงตัวอย่างยากลำบากเพื่อทรงตัวไม่ให้ตกลงไปตามแรงกระแทกอันมหาศาลจากการฟาดกระบองในแต่ละครั้ง ไม่น่าเชื่อว่ากษัตริย์แห่งดินแดนทะเลทรายที่บาดเจ็บและเสียเลือดอย่างมากจะทรหดและมีเรี่ยวแรงในการต่อสู้มากมายถึงเพียงนี้ ทันทีที่กษัตริย์ซาดินทรงเงื้อมือฟาดกระบองเข้าใส่อีกครั้ง กษัตริย์ซิกมันด์ก็ตวัดดาบฟันปลายกระบองที่ถูกฟาดลงมาหาพระองค์จนสุดแรง เสียงโลหะกระแทกใส่กันจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อม ๆ กับเกิดประกายไฟขึ้น ทว่ากษัตริย์ซาดินกลับทรงบิดข้อมือลงเหมือนตั้งใจไว้อยู่แล้ว ทำให้ปลายกระบองที่ถูกฟันอย่างแรงจนเบี่ยงพลาดเป้าฟาดเกราะไหล่ซ้ายของพระองค์อย่างจังจนแตกร้าวพร้อม ๆ กับความเจ็บปวดที่แล่นปลาบขึ้นมาในทันที กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกัดฟันแน่นจึงมีแต่เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังรอดออกมา พระองค์รีบตวัดดาบใส่กษัตริย์ซาดินหมายจะบั่นคอกษัตริย์เถื่อนให้ได้ในดาบเดียว กษัตริย์ซาดินรีบใช้เท้าถีบยันเปกาซัสเพื่อส่งตัวเองออกห่างจากปลายดาบของกษัตริย์ซิกมันด์ก่อนจะปล่อยร่างของตนให้ลอยละลิ่วร่วงลงสู่พื้นสนามรบเบื้องล่าง แต่แล้วจู่ ๆ จ้าวมังกรก็พุ่งโฉบเรียบพื้นก็จะทะยานขึ้นรับร่างของกษัตริย์เถื่อนที่กลับตัวตีลังกาลงสู่หลังของมังกรคู่กายได้อย่างพอดิบพอดี แต่แรงกระแทกและความรุนแรงจากการปะทะที่เกิดขึ้นก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของกษัตริย์เพลิงมากเสียจนพระองค์ทรงกระอักเลือดออกมากองใหญ่ พระองค์ทรงใช้มือข้างหนึ่งกุมสีข้างที่บัดนี้มีสีคล้ำม่วงและบวมขึ้นเป็นวงกว้าง ซึ่งแสดงให้รู้ว่ามีเลือดคั่งอยู่ภายในจำนวนมากและทำให้พระองค์หายใจลำบากขึ้นทุกที ข้างฝ่ายกษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงบังคับม้าเปกาซัสให้กลับมาทรงตัวอยู่ได้ด้วยความยากลำบาก เพราะแรงถีบของกษัตริย์ซาดินทำให้เปกาซัสที่ยังมีความเป็นเปกาซัสป่าเต็มตัวถึงกับเสียศูนย์และเริ่มสะบัดหัวดีดตัวอาละวาดไปมาด้วยความโกรธ กษัตริย์ซิกมันด์ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายจึงใช้เวลาเป็นพักใหญ่กว่าจะทำให้เจ้าเปกาซัสสงบลงได้ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของบรรดาอัศวินฟีเลเซีย กษัตริย์ซิกมันด์ทรงก้มลงมองมือซ้ายของพระองค์ที่ยังคงมีอาการสั่นเทาจากความเจ็บปวด เพราะนอกจากจะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของกษัตริย์เถื่อนแล้วยังต้องฝืนบังคับเปกาซัสที่พยศในทันทีอีก เกราะที่ไหล่ซ้ายของพระองค์แตกร้าวและมีบางส่วนที่กระเด็นหายไป พละกำลังการโจมตีของกษัตริย์เถื่อนผู้นี้แม้จะบาดเจ็บสาหัสและทั้งตัวพระองค์เองก็ใช้ดาบของพระองค์รับแรงกระแทกแล้วส่วนหนึ่ง ยังสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับเกราะที่สร้างจากโลหะที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรฟีเลเซียได้ถึงเพียงนี้ หากต่อสู้กันสภาวะปกติพระองค์คงตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากเป็นแน่ พละกำลังของพระองค์เริ่มจะถดถอยลงแล้วเพราะจากการทุ่มแรงกายทั้งหมดฟาดฟันใส่กันเมื่อครู่นี้ แต่พระองค์ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เท่าใด หากไม่รีบจัดการให้เด็ดขาด เกรงว่าพระองค์อาจจะเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำให้กับความทรหดของอีกฝ่ายเสียเอง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงคิดดังนั้นก็รีบกระชับบังเหี้ยนแน่นพลางควบทะยานเปกาซัสขึ้นสูงเสียดฟ้า เมื่อพละกำลังของพระองค์ไม่อาจเทียบกับกษัตริย์เถื่อนได้ ความเร็วประดุจมหาพายุเท่านั้นแหละที่จะสามารถเสริมกำลังของพระองค์ให้เหนือกว่ากษัตริย์เพลิงอย่างสิ้นเชิง พระองค์ทะยานเข้าหาดวงอาทิตย์ก่อนจะชักม้าบินกลับหมุนควงสว่านพุ่งลงสู่ท้องฟ้าเบื้องล่างโดยมีดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าแผ่รังสีอันร้อนแรงเป็นกำแพงอยู่เบื้องหลัง ความเร็วจากการพุ่งตัวแบบควงสว่านที่แทบจะเป็นแนวดิ่งของกษัตริย์แห่งสายลมนั้นรวดเร็วเสียจนร่างทั้งร่างของพระองค์ร้อนผ่าวเพราะแรงเสียดสีของอากาศทำให้ชุดเกราะของพระองค์มีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในหูของพระองค์แว่วเสียงหวีดร้องแหลมของมวลอากาศที่วิ่งผ่านจนสร้างความเจ็บปวดให้แก่พระองค์ ปอดของพระองค์ถูกบีบอัดจากแรงดันอากาศที่แปรผันอย่างรวดเร็วจนเจ็บร้าวไปทั้งช่องอก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงแน่วแน่และพุ่งตรงไปที่จุด ๆ เดียวเท่านั้น กษัตริย์ซาดินทรงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันมุ่งมั่นและแรงกล้าที่พุ่งตรงมาหาราวกับจะทะลุร่างของพระองค์และแผดเผาให้เป็นจุลได้แทบจะทันที พระองค์รีบตวัดกระบองเตรียมพร้อมพลางเงยหน้าขึ้นมองหาที่มาแห่งจิตสังหารนั้น แต่แล้วแสงแห่งดวงอาทิตย์ก็สาดส่องเข้าใส่ดวงตาของพระองค์จนพร่าเลือนไปชั่วขณะ พระองค์ทรงหรี่ตาแคบยกมือขึ้นป้องบังแสงอาทิตย์โดยอัตโนมัติ และทันใดนั้นเองราวกับดวงอาทิตย์ที่พุ่งตกลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับประกายอันเจิดจ้าแปรเปลี่ยนเป็นอัศวินแห่งเปกาซัสพร้อม ๆ กับคมดาบที่พุ่งตรงเข้ามาหาพระองค์อย่างเร็วจนไม่อาจกระพริบตา กษัตริย์ซาดินใช้สองมือของพระองค์ยกกระบองขึ้นรับคมดาบทันที ตูม!! เกิดแสงจ้าสาดส่องไปทุกทิศทุกทาง บรรดาทหารทั้งสองฝ่ายที่กำลังจับจ้องเหตุการณ์เบื้องหน้าอยู่ต่างก็ตาพร่าไปตาม ๆ กัน แรงกระแทกจากการปะทะทำให้ทหารบางคนที่ยืนไม่มั่นคงถอยล้มไปเป็นท่า แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัวได้ ทุกคนก็ได้ยินเสียงของหนักที่ตกกระแทกพื้นอย่างแรงจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง เท้าของทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนั้น ที่สนามรบเบื้องล่างนั้นเกิดฝุ่นดินฟุ้งตลบ ทุกคนต่างจับจ้องสังเกตดูความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อในขณะที่ฝุ่นดินค่อย ๆ โรยตัวลง ครั้นเมื่อฝุ่นดินจางลงสภาพที่เกิดขึ้นบนสนามรบนั้นก็ทำให้ทุกคนเงียบกริบจนไม่แม้แต่จะหายใจ เกิดหลุมลึกกว้างขนาดใหญ่ที่กลางสนามรบนั้น ร่างมหึมาของจ้าวมังกรซาลามันเดอร่านอนสะบัดหางไปมาเบา ๆ อยู่ที่ก้นหลุม ปีกของมันหักและฉีกขาด หลังของมันบริเวณใกล้กับลำคอหักและผิดรูป ที่ข้าง ๆ กันนั้นเปรูนเปกาซัสนอนตะแคงและพยายามจะเกียดตะกายลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ ปีกข้างหนึ่งของมันก็หักเช่นกัน ไม่ห่างกันนั้นมีร่างสองร่างที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ กษัตริย์ซาดินนั้นนอนตะแคงข้างโดยขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขาหน้าของเจ้ามังกรแดง ในขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์ที่สามนั้นนอนคว่ำหน้าโดยที่หมวกเกราะศีรษะกระเด็นหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ช่วงเวลาอันแสนยาวนานดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดสำหรับคนที่เฝ้าดูอยู่ ความกลัวจับขั้วหัวใจคืบคลานกัดกินจิตใจของทหารแต่ละคนอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารทั้งสองฝ่ายต่างสอดส่ายสายตามองหาสัญญาณแห่งชีวิตจากกษัตริย์ของพวกตน และแล้วความเคลื่อนไหวที่แทบจะทำให้ทั้งสนามรบกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้น เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ทรงเริ่มขยับและไอสำลักเลือดออกมากองใหญ่ เสียงโห่ร้องที่แทบจะปลุกเหล่าอัศวินที่พลีชีพให้ฟื้นขึ้นมาจากความตายก็ดังกระหึ่มจากกองทัพฟีเลเซียและฟูดินันจนแผ่นดินสะเทือน กษัตริย์ซิกมันด์ทรงค่อย ๆ ตั้งดาบเพื่อดันตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เสียงไชโยโห่ร้องจากบรรดาอัศวินยิ่งดังกึกก้อง แต่แล้วเสียงไชโยโห่ร้องจากทหารฝ่ายซาโลมก็ดังกึกก้องขึ้นบ้าง เมื่อกษัตริย์ซาดินทรงเริ่มขยับและพลิกตัวกลับมานอนหงาย ใบหน้าซีกขวาของพระองค์เต็มไปด้วยเลือด ดวงตาทั้งสองยังปิดสนิทและหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ เหล่าทหารต่างก็กู่ร้องส่งเสียงเชียร์นายของตนเพื่อให้ไปถึงศัตรูได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตั้งตัวติด กษัตริย์ซาดินทรงค่อย ๆ ใช้มือควานหาอาวุธคู่กายอย่างอ่อนแรง พระองค์นั้นบอบช้ำเกินกว่าที่ร่างกายจะทนรับไหวแล้วแม้หัวใจของพระองค์จะยังแข็งแกร่งและทรหดเช่นเดิม ในขณะที่กษัตริย์ซิกมันด์นั้นแม้ร่างกายของพระองค์บอบช้ำและยังทรงตัวอย่างยากลำบากทว่าดวงตาของพระองค์ยังคงแน่วแน่ที่จะจัดการกับกษัตริย์เพลิงให้ได้ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงรีบก้าวเข้าไปหาเร็วขึ้นเมื่อทรงเห็นว่ากษัตริย์ซาดินทรงคว้ากระบองได้สำเร็จ พระองค์ตวัดดาบขึ้นและยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ทันใดนั้นเอง เสียงร้องแหลมก็ดังขึ้นเหนือพระองค์ก่อนที่ปีศาจครึ่งนก โฟนอส (Phonos) ที่รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีหัวและกงเล็บคล้ายนก ปีกคล้ายค้างคาว จะบินโฉบลงมาต่อหน้าพระองค์ มันเหยียดปีกจนสุดก่อนจะโก่งคอร้องเสียงแหลมคล้ายกับกำลังขู่คำรามใส่พระองค์ ก่อนที่มันจะหันหลังและคว้าร่างของกษัตริย์ซาดินไว้แล้วถีบตัวทยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายเข้าไปในช่องมิติสีดำที่เกิดขึ้นเหนือสนามรบในฉับพลันทันที กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมองเจ้าปีศาจโฟนอสหายลับไปในช่องมิติก่อนที่สติของพระองค์จะค่อย ๆ ดับวูบลงเช่นกัน Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 57 การสัพยุทธ ณ ป้อมมาซาดา @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on August 02, 2007, 09:17:14 PM มาเม้าท์กันต่อที่นี่นะจ๊ะ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=32140.0 |