Title: นิยายแสงสว่างในความมืดกับอสุราในแดนทิพพ์ ตอนที่33 ความมืดฉากหลังแห่งเงามืด Post by: lastfriendder on July 12, 2007, 04:02:59 PM ตอนที่33 ความมืดฉากหลังแห่งเงามืด โทษทีนะค่ะ ที่ออกตอนนี้ช้ามากๆก็พอดีสอบติดกับแบบว่าแจกเกรดซัมเมอร์ชัวในตอนนี้เหอะๆ ก็แบบว่าไม่อยากติดมาเรียนกับรุ่นน้องเลยต้องขยันหน่อยนะค่ะ ก็แบบว่าช่วงนี้พยาธิ แบคทีเรีย ไวรัส และพาราไซท์กำลังขึ้นสมองสักหน่อยคงได้จัดคนเป็นหมวดหมู่เช่น อิสฮานอยู่ในสกุล Homosapient พวกออร์คเป็น Titanella orcii เอลฟ์เป็น Goderella elfei และตอนใหม่นี้เป็นเหมือนending ของสงครามชุดแรก เพราะจะตัดตอนใหม่ขึ้นมาข้ามช่วงสงครามของเกรทน่าซินกราเดียนผู้ชั่วร้ายที่อยู่เบื่องหลังทั้งหมดกับดิวาทอรและจีเนรอสไปก่อน สำหรับตอนนี้เราจะพาไปท่องแดนแวมไพร์ มนุษย์หมาป่าและนักล่าที่อยู่ในสกุล Edmondella vampirei Pantiae wolfei Garrisonella slayerrei ล่อเล่นนะไม่เล่นชื่อวิทยาศาตร์หรอก เข้าเรื่องเลยดีกว่า ตอนที่33 ความมืดฉากหลังแห่งเงามืด ดิวาทอร์เดินไปอย่างรวดเร็วไปยังท้องพระโรงของเซนทิริก ใบหน้ามีแต่ร้อยยิ้มที่บานเต็มใบหน้าเล่นเอาเหล่าข้าราชบริภารเขินอายไปตามๆกัน เมื่อเขาประทับเหนือแสงดาบเทพและนางฟ้าต่างก็เสด็จลงมาที่ขอบเขตของเส้าค่ำอาญาจักรทั้งสิบ(Ten wand of sorcerers) ดิวาทอร์รีบห้ามเทพีแห่งไฟ(Firia, angle of Firega) ที่พยายามแจ้งเหตุการณ์ในอาณาจักร เรื่องของท่านไม่สำคัญเท่าใดนักเทพีฟีเรีย ถ้าท่านจะพูดเรื่องไฟที่อาจไหม้ป่าเอธีน่า(Athena, Holy forest) ดิวาทอร์มองลงมาที่กษัตริย์เพียงสามพระองค์ที่ยืนอยู่ ซิกมันไม่อยู่แล้ว ซิกมันจะรับข่าวสารผ่านเราเอง เขาไปตามหาเรจิน่าอองเดรกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น ข้าพระองค์อยากจะไปที่วิหารของเทพกาสม่า(Grasma Dominiigus, God of honor) ที่นั้นมีเครื่องเมทาลิอิส(Metaleis, Predictor) พวกบาสเซสยึดครองอยู่ อาจเห็นพระสารที่อเลทาดอสได้รับ ท่านโปรดรับรู้กันเอาไว้ว่าเอกาลอสยังไม่บรรลุภารกิจเขาจะยังไม่ก้าวออกมาจากนรกดิวาทอร์มองทุกคนอย่างเย็นชา เขาจะต้องทำมันให้จบก่อนเพื่อประกันว่าการออกมาครั้งนี้จะต้องไม่เสียเปล่า แล้วเหล่าซินจะออกทัพอีกหรือเปล่าฮาริสันถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจในความสงบ แม่ทัพซินแห่งสงครามหายตัวไปตอนที่ข้าบุกครั้งสุดท้ายข้าไม่รู้ว่าเขาไปที่ใดและมาทิโร่ก็ดูจะหงุดหงิด เราสงสัยว่าเจ้าซินนั้นจะหนีทัพดิวาทอร์ตบที่ไหล่ของฮาริสัน พวกแม่ทัพซินที่เหลือก็ไม่เก่งพอจะเป็นทัพหน้าพวกมันไม่นำทัพในตอนนี้หรอก นอกจากเอกาลอสจะนำทัพมาเอง พวกออร์คจะอ่อนแอในคราวที่แสงแห่งเซนทิริกแพ่ไปทั่วแผ่นดินเกรกอรี่เสริมขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าพระองค์ได้รวบรวมบางสิ่งที่พวกออร์คต่างตามล่ามานานอยากให้พระองค์ได้รับรู้ และพระองค์อาจทราบว่าพวกออร์คต้องการมันไปทำไหม ดิวาทอร์มองขุนพลที่ยื่นอัญมณีทั้งเก้าออกมา เหล่าหินสีแวววับเหล่านั้นส่องประกายมาสู่สายตาของดิวาทอร์ อย่าให้มันใกล้กัน! เขาตรงเข้าพาดมือของเหล่าขุนพลจนมณีทั้งเก้าลอยขึ้น แต่สายไปแล้วเหล่าอัญมณีทั้งเก้ารวมตัวกันเป็นประกายคลายกับมงกุฎของราชินีผู้ถูกลืมแล้วเงาของสตรีควันสีขาวพริวไหวรวมตัวกันกลายเป็นสตรีในชุดสีขาวขาดพริวพร้อมเสียงหวีดร้องจากนรกที่ดังแว่วมาก่อนจะหายไปอย่างน่าหวาดกลัว ดวงตาสีดำและแสงแวววาวสีแดงที่ลืมตาขึ้นมองไปยังดิวาทอร์ที่ยืนอยู่เบื่องหน้า เกรทน่าซินกราเดียน!(GreatnaSinGuardian, sin of god) ดิวาทอร์คำรามเสียงดังทั่วท้องพระโรงพร้อมดาบทั้งหกที่รวมกันเป็นหนึ่ง (Represent of God sword) ควบทะยานตรงเข้าปะทะอย่างรวดเร็วแต่เพียงเกรทน่าซินกราเดียนยกมือขึ้นคมดาบก็หยุดอยู่ที่เล็บยาวที่ขบคมดาบเอาไว้ ทักทายพี่สาวของเจ้าเช่นนี้หรือดิวาทอร์เกรทน่าซินกราเดียนสบัดมือออกทำให้เงาของปีสองแสนปีกที่มีสีดำเป็นส่วนใหญ่ปรากฏขึ้นเบื่องหลังของเธอแล้วร่างของดิวาทอร์ก็ลอยคว้างไปกระแทกที่บัญลังแห่งเซนทิริก เทพีลิบร้ามีและคีรี่เอมองลงมาอย่างเอาความแต่เกรทน่าซินกราเดียนมองกลับไปด้วยดวงตาไฟนรกก็ทำให้เทพีทั้งสองถอยห่างออกไป พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ในนามแห่งพระบิดาคาฑาแสงส่องกาดมาพร้อมกับจีเนรอสที่เดินเข้ามา ถอยออกไปจีเนรอสยิงแสงจากคาฑาให้เกรทน่าซินกราเดียนถอยออกไปเหล่าขุนนางต่างแหวกออกอย่างเกรงกลัวกับปีศาจร้ายตนนี้ที่สามารถต่อกรกับดิวาทอร์ได้ น้องสาวสุดที่รักของพ่อ ชู้รักกับน้องชายผู้หยาบกร้านก็ตอนรับพี่สาวจากแดนว่างเปล่าได้ดีจังเลยนะ ถ้าท่านไม่ถอยไปพลังของข้าและอเลทาดอสจะขับไล่ท่านไปยังดินแดนว่างเปล่าตลอดกาล เจ้ากล้าเอยนามของเจ้าพี่ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้นต่อหน้าฉันเหรอ!สายลมก่อตัวผลักให้จีเนรอสถอยไปโชคดีที่ดิวาทอร์รับร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน เจ้าสูญพลังแห่งจีเนรอสเกรทน่าซินกราเดียนหรีตามองก่อนจะยิ้มออกมา นางปีศาจเดินก้าวเข้ามาพร้อมเส้นผมสีม่วงเข้มประกายขนกายาวลากพื้นมาที่ดิวาทอร์ที่ประคองจีเนรอสอยู่มือสีดำที่มีเล็บยาวสัมผัสใบหน้าของดิวาทอร์และสายตาที่มองจีเนรอสที่หายใจหอบถี่อย่างเกรงๆ อย่าเอยนามมันต่อหน้าฉันอีกจีเนรอส จงรู้ไว้และพลังของเจ้ากับอเลทาดอสไม่สามารถสาปส่งอะไรข้าได้ทั้งนั้นแม้คำสาปของพ่อก็ไม่มีผลต่อข้า เกรทน่าซินกราเดียนสบัดมือตบใบหน้าของดิวาทอร์เบาๆก่อนจะผายมือออกให้อัญมณีที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศทั้งสี่ชิ้นมารวมตัวกันหมุนรอบอยู่ในรัศมีและวิถีรอบมือของเกรทน่าซินกราเดียน ข้าไม่มีพี่สาวเช่นเจ้าดิวาทอร์ตอบไปอย่าหยาบกราว แต่เจ้ามีพี่ชายอย่างอเลทาดอสเหรอ!เกรทน่าซินกราเดียนถามกลับอย่างโมโห เจ้านะก็เป็นความผิดพลาดของพ่อที่สร้างเจ้ามา เจ้าถูกเนรเทศให้ลงมาสู่พื่นดินสร้างดินแดนให้อดัมกับอีวา (Adam & Eve)เจ้าคิดหรือว่าเจ้าเป็นต้นแบบของทั้งสองคนนั้น เจ้าไม่ถือว่าเป็นมนุษย์ดิวาทอร์ เจ้าเป็นแค่อุปกรณ์ใช้สอยของพ่อเท่านั้นเจ้าก็รู้ดี เจ้าจัดสรรแผ่นดินและช่วยต่อกรกับสงครามหลายต่อหลายครั้งแต่ที่พ่อทำกับเจ้าละน้องรัก ผู้หญิงคนเดียวพ่อก็ให้เจ้าไม่ได้ เจ้าควรจะเชื่อหลานชายของเจ้านะ เอกาลอสจะพาเจ้าได้พบกับความสุขบนกาเล็กซิลิกกับนางน้องสาวแสนบอบบางคนนี้ ข้าไม่ฟังเจ้าเกรทน่าซินกราเดียน จงอยู่ในที่ของเจ้าสะเถอะดิวาทอร์ตอบออกไปร่างของจีเนรอสก็ถูกดึงไปด้วยพลังของเกรทน่าซินกราเดียน อย่าท้าทายข้าดิวาทอร์เกรทน่าซินกราเดียนขยับอุ้มมือจีเนรอสก็บิดกายอย่างเจ็บปวด ข้าฆ่านางได้โดยที่เจ้าไม่ทันขยับดาบขึ้นสนิมนั้นสักนิด อย่าคิดว่าข้ามีพลังน้อยกว่าเจ้าดิวาทอร์ ถึงท่านจะมีพลังมากกว่าพ่อแต่พลังท่านก็มีแต่อำนาจของอา อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ท่านไม่กล้าไปต่อกรกับพ่อบนสวรรค์หรอก เจ้าจะรู้เองดิวาทอร์ว่าข้าจะไม่มีทางใจอ่อนเหมือนคราวนั้นอีกแล้วเกรทน่าซินกราเดียนมองกลับมายังเหล่าขุนนางทั้งหลายของเซนทิริกแล้วก็มองมายังกษัตริย์ที่แหวกออกหลีกทางให้เธอเดินไปที่ประตูของปราสาท จงฟังนี้คือพันธสัญญาของพระเจ้า หากทัพของเกรทน่าซินกราเดียนไม่เหยียบแผ่นดินเซนทิริกก่อนหน้าแล้งเหล่ากองทัพแห่งเกรทน่าซินจะดิ่งสู่ห้วงนรกแห่งซาตานตลอดกาลพลังของเธอผลักประตูปราสาทแล้วก็ทะยานออกไปอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด ดิวาทอร์มองลงมาที่จีเนรอสที่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ นางไปแล้วเขากระซิบเบาๆ ข้าขอโทษจีเนรอสข้าควรรอ ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าเลือกทางนี้เองจีเนรอสลูบที่สันใบหน้าตามไรเคราของดิวาทอร์ สัญญากับข้าจีเนรอสเมื่อถึงจุดแตกหักเจ้าต้องกลับไปอธิริกจีเนรอสไม่ตอบมีเพียงการพยักหน้าเล็กน้อย ธงสีแดงมีสัญลักษณ์ของสัตว์ปีกผู้ล่ายามคำคืนที่เคียงมากับธงสีนำเงิ้นที่มีตราของนักรบนักล่าอยู่เห็นชัดมาแต่ไกลเหล่าราชทูตจากประเทศทั้งสองแสดงตราของตนต่อเทออสที่ออกรับหน้าให้ดิวาทอร์ซึ่งอยู่ในกองทหารเพื่อคัดเลือกทหารใหม่ เราต้องการพบกษัตริย์องค์ปัจจุบันของเซนทิริกชายร่างท้วมกล่าวขึ้นก่อนจะมองมาที่ชายที่อยู่ในชุดคลุมทั้งตัว ว่าแต่ถ้าจะดีท่านน่าจะพาเราไปในท้องพระโรงของช่วงชั้นที่เก้าของอาณาจักรจะเป็นดีมาก ที่นั้นไม่ใช่ที่ต้อนรับราชทูต เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นชายในเสื้อคลุมพูดออกมาก่อนที่ชายร่างท้วมจะกระโดดใส่เทออส เราขอแค่ผ้าหนาปกปิดแสงจากหน้าต่างของห้องและท่านโปรดช่วยตามกษัตริย์ของเซนทิริกทูลพระองค์ท่านว่าเป็นเรื่องด่วนจากแคลนเอ็ดมันราชประเทศด้านตะวันออกของเซนทิริก ราชประเทศของเซนทิริกเทออสทวนคำอย่างงง ก็ในเมื่อเขาอยู่จนโตมาไม่เห็นมีขุนนางท่านใดกล่าวถึงดินแดนด้านตะวันออกที่ผ่านป่าลึกลับแห่งอีเอเบีย(Eabia, Mystery forest) ตอนรับพวกเขาไปที่ราชฐานชั้นที่เก้าจีเนรอสมองลงมาจากระเบียงที่ต่อไปยังราชฐานชั้นที่สอง ดิวาทอร์จะไปพบพวกเขาที่นั้น องค์ราชินีทิชินเยอร์น่า ข้าพระองค์เรตัส(Retus, lord of Slayer)จากราชประเทศแกริสันจีเนรอสเพียงยิ้มให้ก่อนที่เรตัสจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เธอก็รีบเดินออกไป ราชินีจีเนรอสจะไปแจ้งเรื่องของพวกท่านกับองค์กษัตริย์ดิวาทอร์เองเจ้าคะนางข้าหลวงเดินมารับชุดคลุมที่เหม็นสาบของเรตัสก่อนจะเดินมาที่ชายที่อยู่บนหลังมา ม้าอีกตัวพุ่งเข้ามาพร้อมตราธงสีน้ำเงินของหมาป่าทำให้สาวใช่สดุงออกห่างไป เขาคงจะไม่ให้เสื้อคลุมเจ้าหรอกชายบนหลังม้าโยนเสื้อคลุมให้กับนางข้าหลวง รักษามารยาทเจ้าด้วยเจนาส(Jenas, lord of wolfman)เสียงของชายในชุดคลุมดังออกมาก่อนจะควบม้าตรงไปตามทางขึ้นไปยังราชฐานชั้นที่เก้า ทั้งสามยืนมองไปตามผนังของท้องพระโรงหินเก่าแก่ที่สร้างมาเป็นเวลานาน เมื่อประตูเปิดออกทั้งสามก็มองไปยังดิวาทอร์ที่เดินเข้ามา ข้าพระองค์ไม่คิดว่าราชวงษ์ของท่านจะมีอายุยืนนานเช่นนี้ท่านแม่ทัพพาลโตมาสเสียงของชายในเสื้อคลุมทักท้ายดิวาทอร์ทันที เราต้องขออภัยพาลโตมาสเป็นเพียงความจำเก่าๆของเราดิวาทอร์กล่าวขึ้น และตอนนี้เราคือดิวาทอร์และก็ไม่มีอายุเป็นหมื่นปีด้วยท่านโคว(Crow, lord of Vampire) เรามาด้วยเรื่องของประกาศิตย์ของท่านไม่สามารถกดพวกเบอร์นาดได้อีกแล้ว ท่านเอ็ดมัน(Edmond, king of Clane Edmond) ไม่สามารถต่อกรกับเจ้าปีศาจเหล่านั้นที่ออกมาอาละวาดตอนนี้ก็ล้อมแคลนแอนนาสเตเซียโควกล่าวอย่างเอื่อยๆ กษัตริย์แพนเทีย(Pantia, king of Wolfman)ก็ถูกลอบทำร้ายอาการไม่สู้ดีตอนนี้อาทาลอท(Atalot, king of Pantia)บุตรของแพนเทียก็เดินทัพต้านอยู่ที่ชายแดนซึ่งท่านก็รู้ดีว่าพวกแวมไพร์ไม่ไว้ใจให้เรานำทัพเข้าใกล้แม้แต่น้อยเจนาสพูดอย่างโมโหขณะมองมายังโคว ท่านก็ทราบดีว่าผู้ใดเป็นคนที่ทำให้แอนนาสเตเซียหนีออกมาตั้งอาณาจักรเป็นของตัวเองโควกล่าวยำไปเจนัสก็ทำท่าจะกระโดดใส่ เงามืดของปราสาททำให้ปีกของโควกางออกมา เขียวเงาวาวของเจนัสก็แยกใส่โดยไม่สนใจว่าตนจะเป็นอย่างไรเมื่อสู้กับแวมไพร์สูงวัยว่าตนนี้ ใจเย็นท่านเจนัสเรตัสห้ามเจนัสเอาไว้ เราไม่ได้มาเพื่อฆ่ากันให้ท่านดิวาทอร์ชมนะ เวลานี้ท่านก็รู้ดีว่าเราต้องรวมมือกันเอาไว้ในเวลานี้หากเบอร์นาด(Bernads, crazy of Vampire)ออกมาอาละวาดแล้วละก็ดาบของท่านเอ็ดมันและพรของราชินีเอเรียเซียน่า(Ariaziana, queen of Clane Edmond) ก็สงบอสุรร้ายตนนั้นไม่ได้ ก็พวกล่าหัวแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่าอ่อนหัดเต็มเมืองของท่านไปหมดเจนัสแดกดันเรตัสอีกคน เบาๆด้วยท่านเจนัสเรตัสกล่าวยำ ท่านเอ็ดมันกล่าวผ่านเป็นกฏให้มนุษย์อยู่ภายใต้การคุมครองของแวมไพร์ในหลายพันปีก่อนและให้เหล่านักล่าแวมไพร์เป็นเครือสายราชวงศ์แกริสันเท่านั้น ท่านเดเวียน(Devian, king of Garrison) สายทายาทของท่านแกริสัน(Garrison, king of Slayer) ก็ประกาศให้เป็นร่างกฏหมายใหญ่ในปัจจุบัน และเหล่าทายาทก็ลืมเลือนไปเหลือเพียงปราสาทเกรนโฮลี่เกรล(Grand Holy Grail)ที่สองแสงทองอร่ามท่าท้ายแสงรุ่งอรุณไปวันๆ ดิวาทอร์ถอนหายใจ กองทัพส่วนใหญ่ของเซนทิริกได้เดินออกไปที่ประตูหินผาแล้ว และส่วนที่อยู่ก็มีเพียงเพื่อป้องกันเมื่อง ทางเราต้องพบศึกหนักจากกองทัพเกรทน่าซินกราเดียน ท่านก็ทราบดีว่านางร้ายกาจเท่าใดจีเนรอสกล่าวขณะยืนอยู่หน้ารูปปั่นของอเลทาดอสที่อยู่หน้าบัญลังของปราสาทชั้นที่เก้า เบอร์นาดเป็นหนึ่งในอสุรที่ได้รับพรของเกรทน่าซินกราเดียน นางคงทำลายประกาศิตย์ของข้าดิวาทอร์ขมวดคิวอย่างคุ้มคิดจีเนรอสเดินลงมาลูบที่ไหล่ของดิวาทอร์อย่างเป็นห่วง พี่สาวตัวร้ายของเรากำลังบีบเราจีเนรอสถ้าเราเอาศึกหน้ากับนางฝั่งตะวันออกของเอ็ดมันก็พินาจ ถ้าเราแบงทัพรับศึกก็มีโอกาสที่จะแพ้ศึกทั้งสองด้านมากขึ้นไปอีกดิวาทอร์มองออกไปที่รูปปั่นของอเลทาดอส ท่านว่าอย่างไรอเลทาดอส ทำอย่างไรดีละ ดิวาทอร์ต้องมีโอกาสบ้างสิอย่างน้อยเราก็ได้ให้โอกาสแก่ท่านเอ็ดมัน จีเนรอสมองกลับไปที่เรตัสที่ยืนอยู่ห่างออกไปที่ก้มเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมคนอื่นๆที่ก้มลง ในตอนนี้ดิวาทอร์มียศเหนือกล่าวเรามาก และเราก็ไม่ใช่ทิชินเยอร์น่าด้วยจีเนรอสกล่าวเรียบๆก่อนจะมองไปยังโควที่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ท่านคงเป็นสายเลือดของเอ็ดมัน แต่ไม่ได้มาจากเอเรียเซียน่า ครับท่านหญิง ข้าพระองค์เป็นบุตรที่เกิดในช่วงสงครามจอกเงิน จีเนรอสเจ้าคิดว่าข้าควนจะเดินทางไปช่วยเหลือด้านนั้นก่อนดีไหมดิวาทอร์ก้มลงถามเบาๆจีเนรอสก็ได้เพียงมองกลับมาอย่างเอาเรื่อง ข้าไม่ไปหรอกคนดีเขากล่าวเสริมเมื่อรู้ว่าการพูดเล่นๆเมื่อครู่อาจมีเรื่องเป็นแน่ เทออสดิวาทอร์เรียกเมื่อเห็นเทออสเดินเข้ามาในท้องพระโรง เทออสเดินมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นเขียวของเจนัสก็ชงักถอยมาเล็กน้อย ท่านดิวาทอร์ พวกเขาไม่ควรเข้ามาลึกขนาดนี้ พวกเขามีสิทธ์ เพราะพวกเขาเป็นผู้สร้างปราสาทในช่วงชั้นนี้ดิวาทอร์มองไปทางด้านบัญลังของปราสาท คมดาบเงินของอาณาจักรก็พุ่งตรงมาหยุดที่เบื่องหน้าของเขา เทออสเราจะแต่งตั้งให้เจ้าเดินทางไปเป็นตัวแทนเรา ในนามแห่งเทพดิวาทอร์เราของให้พลังของเราสถิตไปกับเจ้าแสงสว่างจ้าแสงจากมือของดิวาทอร์ส่งให้แสงนั้นไปยังคมดาบเงิน(Silveremperal sword) แล้วดิวาทอร์ก็ส่งดาบไปให้กับเทออส จงเดินทางไปกับท่านทูตทั้งสามแห่ง เอ็ดมัน แกรริสันและแพนเทีย และช่วยเหลือพวกเขาด้วยความรู้ของเจ้าและความกล้าของเจ้าจีเนรอสกล่าวเสริมแล้วจึงเดินออกไป ดิวาทอร์มองจนเธอเดินออกผ่านประตูสู่กำแพงปราสาทชั้นต่อไปก็หันมามองราชทูตจากทั้งสามอาณาจักร เทออสจะเดินทางไปแทนเราให้ท่านเอ็ดมันได้ทราบไว้ เขามีอำนาจทางราชแผ่นดินเทียบเท่าเราในอาณาจักรนั้น และพลังของเราจะสถิตไปกับเขาเหล่าราชทูตก้มเคารพลง เจ้าควรไปลาราซิโอร่า และบอกให้นางมาอาศัยอยู่ที่ราชฐานชั้นที่แปดเราจะดูแลนางให้ระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ เทออสต้านศึกเอาไว้เมื่อเราไล่พวกเกรทน่าซินไปได้และเซนนทิริกปลอดภัยแล้วข้าจะยกทัพไปเองเทออสเคารพอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกไป ดิวาทอร์อดถอนหายใจไม่ได้ที่ภาระหนักอกออกไปได้อีกลูก Title: Re: นิยายแสงสว่างในความมืดกับอสุราในแดนทิพพ์ ตอนที่33 ความมืดฉากหลังแห่งเงามืด Post by: lastfriendder on July 12, 2007, 04:03:30 PM เรจิน่าเดินตามเอทาลัสมาได้ไกลพอควรเธอมองสายน้ำที่นิ่งไม่ไหวติ่งและด้วยความใสทำให้เห็นปลาต่างถิ่นที่นี้ เธอฉุกคิดได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องเดินตามออร์คที่อยู่เบื่องหน้าของเธอแม้แต่น้อย
ถ้าเจ้าวิ่งออกไปเจ้าจะหลงที่นี้มีอำนาจของเทพและปีศาจอบอวนอยู่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นละ เรื่องมันนานมาแล้วเอทาลัสมองกลับมาเห็นเรจิน่าตีหน้าขึงใส่ก็หยุดหันมามอง ก็ได้ ก็ได้ เจ้านั้งพักก่อน ไม่ใช่เรื่องนั้นทำไม่ที่นี้ถึงมีพลังของเทพและมารอบอวนอยู่ละ ท่านพูดเช่นนั้นนะ เรื่องนั้นตั้งแต่เจ้าหญิงทิชินเยอร์กับแม่ทัพพาลโตมาสหลังจากที่ทั้งสองตายไปตอนนั้นเป็นช่วงหลังจากที่ทั้งสองได้รับการอภัยโทษจากพระบิดา ลูกชายและลูกสาวของทั้งสองนามว่าเซียฟรอน่าและอารีน่าได้รักกัน ก็ไม่เห็นผิดตรงไหนเล็ยพี่น้องก็ต้องรักกันเรจิน่าเห็นดวงตาของเอทาลัสที่ฉายแววขำขันมาให้เธอ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีนะสิ ทั้งสองรักกันแบบชู้สาว เทพต่างกล่าวกันว่าเป็นเรื่องของการซ้ำรอยเดินก็เทพดิวาทอร์เป็นพี่ชายของเทพจีเนรอสอยู่ต้องล้านห้าแสนปี ส่วนเซียฟรอน่าเป็นพี่ชายของอารีน่าอยู่สิบห้าปีทั้งสองอยู่ห่างกันและก็ได้พบและรักกันเอทาลัสนั้งลงพิงที่หลัง ทั้งสองไม่สามารถแต่งงานกันได้แน่ละว่าไม่สามารถอยู่ในสายตาของพระบิดาได้เป็นแน่ สงครามพลิกฟ้า(Get rid of Sin war) ทั้งสองได้สละวิญาณของตนเป็นขอบเขตปิดสวรรค์และนรกทำให้เทพและปีศาจออกมาอาลวาดแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว สงครามนั้นท่านถูกส่งไปนรกด้วยละสิ แน่สิ ข้าเป็นกองหน้าพิทักษ์สวรรค์ชั้นที่หก พวกนั้นหาว่าข้าเป็นตัวการให้ทัพสวรรค์ลงมาทำสงครามไร้เหตุผลนั้นข้าก็เลยถูกเนรเทศลงมา ตั้งแต่นั้นที่แห่งนี้ซึ่งเป็นธารโลหิตของเซียฟรอน่ากับอารีน่าก็มีพลังของเทพและปีศาจดุลอำนาจกันอยู่ ท่านกำลังหลอกให้ข้ากลัวหรือเอทาลัสเรจิน่ามองมาตาเขียวใส่เอทาลัสก่อนจะทุบที่แขนของเอทาลัสหลายต่อหลายครั้ง ข้าไม่กลัวหรอกเอทาลัสถ้าท่านมีเรื่องแค่นี้ ใครบอกละเรจิน่า ที่แห่งนี้เป็นแดนสนทยาถ้าเจ้าหลงจากข้าไปหรือข้าหลงจากเจ้าไปก็ไม่มีทางเห็นกันอีกทั้งชาติแน่ๆ ข้าต้องใช่เลือดของเจ้าและเจ้าต้องการเลือดของข้าเพื่อเปิดประตูออกไปทางเทือกเขาแห่งทอร์แล้วเจ้าจะเดินทางกลับฟรีเลเซียหรือจะไปทีไหนที่ปลอดภัยก็เป็นเรื่องของเจ้าแล้วกัน เจ้ากล้าไปส่งข้าในฟรีเลเซียหรือ ที่นั้นเกลียดออร์คอย่างท่านเสียยิ่งกว่าอะไรอย่าลืมว่าท่านเป็นคนบุกแผ่นดินเรา และท่านก็ทำลายวิหารฟรานเซสก้ามาครั้งหนึ่ง ถ้าข้าต้องมีดาบเสียบหลังตอนออกจากปราสาทของเจ้าข้าก็ยอมในเมื่อเจ้าปลอดภัยอยู่ในปราสาทบ้านั้นหรือมีผู้ที่คุมกันเจ้าได้ แน่นอนละว่าท่านโดนไม่น้อยเลยละเรจิน่าพูดพร้อมหน้าแดงขึ้นใบหู เธอโน้มกิ่งไม้ที่มีแอปเปิ้ลป่าลงมาหวังว่าจะมีอะไรทำระงับความอาย ห้ามกิน ดูนะเอทาลสคว้าผลไม้มาก่อนพร้อมกำป้ายลงบนแขนของเขาควันก็โชยขึ้นพร้อมกับเศษแอปเปิ้ลที่กลายเป็นเฒ่าถ่าน ทุกอยากที่นี้คือเลือดเนื้อของเซียฟรอน่าและอารีน่าห้ามเตะต้องเป็นอันขาด พลังของเทพจะทำร้ายเจ้า ที่นี้เป็นแผ่นดินที่ถูกสาป เจ้าหิวละสิ แน่ละข้ารู้ว่าท่านคงไม่รังเกียจนักหากจะกินข้าทั้งตัวแต่ให้รู้ให้เถอะว่าข้าก็ไม่สามารถทำแบบท่านได้เรจิน่ามองใบหน้าของเอทาลัสที่ยิ้มลงมา เอานี้ขนมปังแข็งๆเหม็นสาปกายของเอทาลัสโยนลงมาใส่มือเรจิน่า ชุ่มเหงือของข้าไปหน่อยข้าไม่ชอบอาหารนั้นหรอกแต่เก็บไว้นานแล้วรสชาติคงจะไม่แย่นัก เรจิน่าฉีกขนมปังดำออกมาชิ้มรสชาติปนเหงื่อของเอทาลัสก็รู้สึกแปล่งๆแต่ความหิวทำให้เธอกินจนหมดก่อนจะรับน้ำที่เอทาลัสยื่นมาให้ ข้านึกว่าหมดแล้วเอทาลัสเอียงคอเล็กน้อยพร้อมมองเรจิน่าที่ดื่มไปหนึ่งอึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างโมโห เอทาลัสนี้น้ำอะไร น้ำฉี่เอทาลัสพูดจบเรจิน่าก็ปล่อยกระติกน้ำลงเอทาลัสใช่ความเร็วคว้าเอาไว้ได้ทันพอดี ข้ายังหวังว่าเจ้ายังไม่ปลดทุกอยู่เลย เจ้ายังไม่ทำใช่ไหม ท่านมัน....เรจิน่าหันหนีพร้อมทำท่าทางกระอักกระอวงที่ดื่มน้ำปัสสาวะ เจ้าหญิงท่านควรรู้เอาไว้ว่าถ้าเจ้าไม่อยากตายเพราะขาดน้ำเก็บเอาไว้สะและมันเป็นเพียงแหล่งน้ำเดียวของเราในการเดินทางครั้งนี้เอทาลัสจิบช้าๆก่อนจะปิดฝาขวดแล้วเดินมานั้งข้างๆเรจิน่า มีอะรที่ข้าควรรู้อีกบ้างไหมว่าต้องเจออะไรอีก ไม่มีเดินทางอีกคืนเราก็จะถึงประตูออกไปแล้วเอทาลัสอุ้มเรจิน่าขึ้นมานั้งบนหน้าขาของเขา เจ้าควรจะนอนพัก เอนพิงกายข้าเจ้าจะได้ไม่เจ็บตัวเหมือนนอนบนพื้นแข็งๆเรจิน่าเหนือยเกินกว่าจะเถียงใดๆกับเอทาลัสก็ได้แต่พิงกายกับแผงอกที่ปกคลุมด้วนปุยขนเหมือนสัตวป่าที่นุ่มและเริ่มมีกลิ่นสาบจางๆ ท่านพาข้ามาเช่นนี้ท่านหวังให้ข้าเป็นภรรยาท่านใช่ไหม เจ้าก็รู้ตั้งแต่ต้นแล้วเอทาลัสกล่าวเบาๆขณะโอบแข็นกอดเอวของเรจิน่าเอาไว้แล้วขยับตัวให้ติดกับแผ่นหินข้างๆเพื่อให้สบายตัว เคยมีเรื่องแบบนี้ ข้าหมายถึงมนุษย์กับออร์ค มีลูกด้วยกันด้วยหรือ ไม่เคยมีแต่ออร์คกับเอลฟ์ที่ได้พวกกอบลิ้นเป็นลูกหลานเอทาลัสหลับตาลง แต่เรจิน่ากลับลุกขึ้นจับลูบที่เขียวของเขาเล่น ท่านตัวใหญ่น่ากลัวแถมมีเขียวใหญ่ดูอัปลักษณ์ ข้าว่าเด็กคงกลัวท่านน่าดู ก็มีส่วนเอทาลัสมองใบหน้าของเรจิน่าที่คำตัวอยู่บนกายของเขา แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ไหมละเอทาลัสโน้มกายของเรจิน่าลงมาเพื่อให้จูบริมฝีปากของเธออย่างดุดันและหิวกระหาย เอทาลัสตื่นมายามเช้าก็ดึงผ้าคลุมที่อยู่ใต้เสื้อเกราะเหล็กที่ถอดทับไว้เพื่อมาห้มให้กับเรจิน่าที่นอนขดกายหลบความหนาวยามเช้า เขารู้สึกดีวันนี้ก่อนจะลุกขึ้นแตกตัวเงียบๆและมองดูขนมปักหน้าตาน่าเกลียดในถุงผ้าสามก้อน เขาอิ้มมากพอแล้วเมื่อคืนนี้ก่อนจะเดินมาสะกิดเรจิน่าให้ตื่นขึ้น หนาวจังเรจิน่าบ่นเบาๆ ซุกมือมาที่อกของข้าสิคนดีเอทาลัสบอกพลางดึงกายของเรจิน่าให้ลุกขึ้นมาแนบกายเขา เกราะของท่านเย็นราวนำแข็งเรจิน่ากระซิบเบาๆ สายตามองมาที่ขนมปังแบบเมื่อวานนี้ ท่านยังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าอดอาหารได้เป็นเดือนๆเพื่อไปทำส่งครามเอทาลัสทุบที่อกอวดอำนาจของตน แล้วท่านก็กินทุกอย่างได้ที่อยู่ในสนามรบด้วยนะสิเรจิน่ายังรู้สึกว่ารสของเอทาลัสติดอยู่ที่ปากของเธอ เจ้าดูแปลกจากคนอื่นเอทาลัสมองลงมาเมื่อเรจิน่าเก็บขนมปังที่เหลือแล้วฉีกแบบให้เขาจากที่เธอเก็บไว้ ข้าว่าก็ปรกติดีเรจิน่าได้แต่เพียงมองดูเอทาลัสที่ถือขนมปังนั้นไว้ ทานสิมันไม่ฆ่าท่านหรอกน่า ขนมปังหายเข้าไปในปากของเอทาลัสเพียงครั้งเดียวแล้วเธอก็ค่อยๆทานตามมารยาทที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก เราจะเดินทางในตอนสายเอทาลัสเดินมาเบื่องหน้าพร้อมจับที่ท้องของเธอ ท่านจะทำอะไรเรจิน่าถามเบาๆเมื่อเอทาลัสทำเสียงให้เบาๆในเธอเงียบ เดราย(Derai) ปีศาจร้ายในป่าแห่งนี้เราต้องรีบเดินทาง ข้าไม่คิดว่ามันจะชอบกลิ้นของออร์คนัก แต่มันคงตามเจ้ามาเอทาลัสชีไปยังสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่คลานอยู่ห่างออกไป มันมองตรงมาที่เรจิน่าอย่างไม่คาดสายตา มันต้องการอะไร เนื้อของเจ้านะสิ แต่ไม่ต้องกลัวมันไม่กล้าสู้กับข้าหรอกเอทาลัสรอจนเรจิน่าจัดการทุกอย่างเสร็จสัพทั้งสองก็เดินทางต่อไป สายตาของเรจิน่ามองเจ้าเดเรียที่เดินตามมาอย่างห่างๆ เอทาลัสเรจิน่าทำเสียงเบาๆลอดไรฟันใส่เอทาลัสจนเขาหนลงมา เจ้าตัวนั้นยังเดินตามเรามาอยู่เลย ข้ารู้แล้วเดินต่อไปเราจะต้องไปให้ถึงประตูให้เร็วที่สุด ท่านพูดเหมือนเรากำลังโดนล้อมอย่างนั้นเรจิน่าพูดหวังว่าจะเป็นอารมณ์ขันแต่เอทาลัสเงียบไปเธอก็รีบหันมามองใบหน้าที่ขึงขังของเอทาลัส อย่าบอกข้าว่าเราโดนล้อมจริงๆนะ แน่นอนราถูกล้อมอยู่ พวกมันหิวโหยมานานแล้วและก็กำลังจะเล่นสกปรกกับเราเอทาลัสผลักเรจิน่าออกจาวิถีเมื่อเดเรียตัวแรกกระโดดเข้ามาหวังคาบที่คอของเรจิน่า ดาบของเอทาลัสประสานคมในความว่างเปล่าแล้วตวัดฆ่าตัวแรก เดเรียตัวที่เหลือก็กระโดดเข้ากินตัวที่ตายก่อนอีกตัวจะกระโดดเข้ากัดที่ไหล่ของเอทาลัส คมดาบตัวหัวอีกตัวที่กัดไหล่ของเขาจนเลือดไหลโชกแต่อีกตัวก็กระโดดเข้ามา เอทาลัสเตะเข้าให้จนกระเด้นออกไปไกลแต่ก็ถูกกัดที่แขนจนได้ เรจิน่ายังช็อคอยู่ที่เจ้าตัวประหลาดขนาดใหญ่กว่าเธอนั้นเข้าสู้กับเอทาลัส และดูเหมือนจะชนะเขาเสียด้วย เรจิน่าชักดาบออกมาตวัดตัดหางของเดเรียตัวที่กัดเขนเอทาลัส เมื่อปากของมันอ้าออกกว้างเอทาลัสก็ฉีกปากของมันจนขาดหวิ่น วิ่ง เดี๋ยวนี้เอทาลัสดึงมือเรจิน่าวิ่งออกไปทางที่เขารู้ว่าจะพบกบประตูแห่งพันธสัญญา(Promised gate) เมื่อทั้งสองมาที่หน้าวิหารหินเดเรียหลายตัวก็รออยู่แล้ว ตัวจ่าฝูงส่งเสียงเรียกพวกพ้องมาที่แห่งนี้ เอทาลัสก็กันเรจิน่าไปไว้ด้านหลังพร้อมดึงดาบออกมาจากความว่างเปล่าเพื่อเตรียมรบ เมื่อข้าพาเจ้าเข้าใกล้ประตูเจ้าต้องวิ่งไปที่ประตูแห่งพันธสัญญาก่อนที่เลือดของข้าจะแห้งติดดาบ เอทาลัสปาดมีดที่แขนข้างหนึ่งของตนจนเลือดไหลออกมา เขาพุ่งตัวขึ้นพาเรจิน่าขึ้นสูง เจ้าเดเรียหลายตัวก็ตรงตามจ่าฝูงมา แต่เอทาลัสก็เหยียบมันลงกระแทกพื้นก่อนจะส่งตัวมาที่หน้าประตูวิหารได้ เขาปาดเลือดสีเขียวของตนไปที่คมดาบของเรจิน่าพร้อมผลักให้เธอวิ่งไป แล้วท่านละเรจิน่าถามออกไป ถ้าข้ามีโอกาศได้รักเจ้าจริงข้าจะปลอดภัย ถ้าพระบิดายังเห็นข้าอยู่นะเอทาลัสกล่าวออกมาก่อนจะตวัดดาบตรงเข้าหาฝูงเดเรียที่ล้อมวิหารอยู่ด้านล่าง เรจิน่าวิ่งลับหายไปในความมืดของวิหารโดยไม่แลหลังอีกเลย เอทาลัสรวมพลังเข้ามาที่คมดาบของตนแสงจากสวรรค์ก็ส่งลงมาด้วยพลังของเขาเพื่อช่วยเหลือในการต่อสู้ในครั้งนี้จนพลังของเทพและนรกระเบิดไปทั่วบริเวณ เอทาลัสเดินมาตามทางมาที่ประตูแห่งพันธสัญญาก็พบว่าเขามาไม่ทันแล้วประตูได้ปิดไปแล้ว เขาทรุดลงที่หินข้างๆประคองบาดแผลที่สาหัสเอาการ และข้าก็ต้องตายโดยไม่ได้รักเจ้าเรจิน่าเอทาลัสหรี่ตาลงช้าๆก่อนจะได้ยินเสียงขรุกขักในใจเขาก็คิดว่าไม่ว่ามันจะเป็นอะไรเขาก็ยอมตายแล้วในตอนนี้ ข้าแด่พระบิดาพระองค์ไม่ทรงให้โอกาสแด่ข้าพระองค์ให้มีใครในหัวใจข้าสักครั้งเลยหรือ เอทาลัสเรจิน่ากระซิบลงพร้อมประคองศรีษะของเขาขึ้นมองใบหน้าที่เปอะเปื้อนของเขา พระองค์ทรงให้ท่านมาเพื่อข้าและข้ามาเพื่อท่านด้วย อย่าเป็นอะไรนะเรจิน่ากอดร่างของเอทาลัสไว้แน่นพร้อมรำไห้ออกมา โปรด โปรดอยู่เพื่อข้า ข้ารักท่าน ข้ารักท่านจริงๆนะเรจิน่าฉีกผ้าที่รอบเอวของเธอเอามาปิดแผลของเอทาลัส เรจิน่าเอทาลัสพยายามลุกขึ้นพร้อมประคองร่างของงเรจิน่าที่สั่นกลัวขึ้นมาด้วย ข้าไม่มีวันตาย ข้าไม่มีทางตายแน่ๆ ข้าต้องอยู่ ข้าจะอยู่เพื่อเจ้าทีรักของข้าเอทาลัสพาเธอตรงไปที่ประตูแห่งพันธสัญญาพร้อมป้ายเลือดของตนไปที่เส้าแห่งโลหิต ก่อนจะมองเรจิน่าที่กรีดนิ้วเล็กน้อยแล้วแตะเลือดไปทีอีกเส้าประตูก็เปิดออกพร้อมแสงสว่างจากตะวันออกที่กระทบภูเขาแห่งเทพทอร์ |