Title: @@ นิยายSMN Chapter 56 สายลมผู้สยบเปลวเพลิง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:06:32 PM Chapter 56 สายลมผู้สยบเปลวเพลิง เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่ภายในห้องทรงงานของกษัตริย์ซิกมันด์ยังคงสว่างไสวด้วยเทียนหลายสิบเล่มที่วางกระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง และในเตาผิงไฟก็ยังคงลุกโชติช่วงอยู่ บนโต๊ะขนาดใหญ่ใจกลางห้องมีแผนที่หนังสัตว์ของเมืองต่าง ๆ วางอยู่อย่างระเกะระกะ ใกล้ ๆ กันนั้นมีแบบจำลองสภาพค่ายทหารของกองทัพซาโลม และของเมืองอาวีเลียที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสมจริงอยู่ด้วย ที่อีกฟากหนึ่งของห้องกษัตริย์ซิกมันด์กำลังทรงก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานการรบและข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกส่งมาเป็นกองพะเนินด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนไม่ทันสังเกตว่าแม่ทัพชาร์ลได้มายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะแล้ว แม่ทัพหนุ่มแสร้งกระแอมไอเสียงดังสองสามครั้ง กษัตริย์ซิกมันด์จึงรู้สึกพระองค์ อ๊ะ ชาร์ล ท่านเข้ามาเมื่อไหร่กัน? กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามขึ้นเมื่อเพิ่งรู้สึกตัว สักครู่ได้แล้วกระหม่อม พระองค์มีรับสั่งเรียกหารึพ่ะย่ะค่ะ? ชาร์ล คลาแรนซ์โค้งคำนับก่อนจะทูลถาม ใช่แล้ว ขออภัยที่ต้องเรียกท่านมาในยามวิกาลเช่นนี้ มิได้ฝ่าบาท ขนาดพระองค์ยังทรงงานจนมืดค่ำเช่นนี้ หากกระหม่อมจะถูกเรียกใช้บ้างก็เป็นเรื่องที่สมควรและกระหม่อมยินดีอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงเรียกใช้ เหล่าอัศวินและแม่ทัพคงอดภูมิใจไม่ได้ถ้าได้รู้ว่ากษัตริย์ของพวกเราทรงงานหนักจนมืดค่ำเช่นนี้ ชาร์ลเหลือบไปเห็นถาดอาหารกลางวันที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องบนโต๊ะเล็กข้างเตาผิงก็ต้องตกใจ แต่พระองค์ควรจะพักผ่อนบ้าง พระองค์ยังไม่ได้เสวยมื้อเที่ยงเลยรึพ่ะย่ะค่ะ? ข้าลืมไปน่ะ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหลือบไปมองถาดอาหารบนโต๊ะเล็ก กระหม่อมเคยสอนพระองค์ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วนิพ่ะย่ะค่ะ ว่าการจะทำงานใด ๆ ให้ได้ดีจะต้องท้องอิ่ม พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระหม่อมเห็นว่าพระองค์ทรงละเลยข้อปฏิบัติพื้นฐานนี้ การโหมทรงงานมากเกินกำลังอาจทำให้พระองค์ประชวรได้ ชาร์ลทูลเตือนด้วยความเป็นห่วง ข้าไม่ได้เรียกท่านมาเทศน์ข้านะชาร์ล ข้าเรียกท่านมาขอคำปรึกษา กษัตริย์ซิกมันด์ทรงถอดหายใจตรัสเหน็บแต่น้ำเสียงไม่จริงใจมากนัก แม่ทัพหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มร่าส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้เพราะรู้นิสัยของกษัตริย์ซิกมันด์ดีว่า พระองค์จะไม่ยอมเลิกราการกระทำนั้น ๆ จนกว่าจะสำเร็จหรือได้ผลเป็นที่น่าพอใจของพระองค์เสียก่อน กระหม่อมหวังว่าพระองค์จะเสวยอะไรบ้าง หลังจากที่เราหารือกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อกษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ แม่ทัพชาร์ลจึงอมยิ้มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ดีพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คงต้องการปรึกษาเรื่องการรับมือกับกองทัพเพลิงที่มีทีท่าว่าจะเริ่มเคลื่อนทัพเร็ว ๆ นี้ ท่านกล่าวได้ถูกต้อง รายงานพวกนี้ชี้ชัดว่ากองทัพเถื่อนนั้นเตรียมจะเคลื่อนพลแล้ว จำนวนทหารของพวกมันในเวลานี้ก็มากกว่าพวกเราหลายเท่านัก ข้าเกรงว่าลำพังกำแพงเมืองอาวีเลีย แม้ว่าจะแข็งแกร่งแต่ก็คงต้านกองทัพจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่ไหว พ่ะย่ะค่ะ แม้เราจะระดมพลจากทั่วอาณาจักรแล้ว แต่ก็ยังดูเหมือนว่าจะยังเป็นรองด้านจำนวนกำลังพล ด้านฟูดินันเองก็แจ้งมาว่าอีกไม่กี่วันจะมีกองทัพจากป่าฟูดินันมาเสริมทัพอีกร่วมแสนนายพ่ะย่ะค่ะ คงจะช่วยเสริมกองทัพของเราได้อีกแรงหนึ่ง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงพยักหน้าเป็นการรับรู้โดยมิได้กล่าวใด ๆ ออกมา แต่ชาร์ลก็รู้ดีว่านี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าพระองค์ยอมรับกองทัพชาวป่าว่าเป็นหนึ่งในกองทัพของพระองค์ด้วย แล้วเสด็จพี่ล่ะ? ที่เราอนุญาตให้ไปรับกองเรือของฮารีซันนั่น ป่านนี้เดินทางถึงไหนกันแล้ว? กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามต่อ ทว่านี่ก็เป็นครั้งแรก ๆ อีกเช่นกันที่พระองค์แสดงออกว่าพระองค์เริ่มยอมรับในตัวของหัวหน้าเผ่าชาวฟูดินัน เพราะพระองค์เริ่มเรียกชื่อของฮารีซันแทนที่การเรียกด้วยยศหรือสรรพนามอื่น ๆ ฝ่าบาท เจ้าหญิงให้พลเปกาซัสมาแจ้งแล้วว่าได้เริ่มออกเดินทางจากเมืองท่าตั้งแต่เย็นวานแล้ว กระหม่อมคาดว่าหากเจ้าหญิงเร่งเคลื่อนขบวนสักหน่อยไม่เกินสัปดาห์คงมาถึงอาวีเลียพ่ะย่ะค่ะ ชาร์ลทูลตอบพลางเหลือบมองแผ่นที่เพื่อคะเนระยะทาง ข้าคิดว่าจะให้เสด็จพี่รออยู่ที่ป้อมมาซาดา ( Masada ) กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสพลางวางรูปสักไม้ที่ใช้แทนเจ้าหญิงเรจิน่าและฮารีซันไว้ตรงจุดที่เรียกว่าป้อมมาซาดาบนแผนที่หนังสัตว์อย่างช้า ๆ เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ฝ่าบาท?! ข้าคิดมาตลอดช่วงสองวันมานี้นับตั้งแต่ข่าวเตรียมบุกของกองทัพเพลิง แต่ก็ไม่มีวิธีไหนดีพอที่จะรับมือกับกองทัพจำนวนมหาศาลนั่นได้ นอกจากวิธีที่จะทำให้ข้าเจ็บปวดใจมากที่สุด กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ใบหน้าอิดโรยและหม่นหมองลง Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 56 จุดกำเนิดแห่ง 4 อาณาจักร@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:08:29 PM ชาร์ลขมวดคิ้วเข้าหาหันพลางมองตัวหมากสองตัวที่กษัตริย์ซิกมันด์เพิ่งจะวางลงไปบนแผนที่ สมองของเขาคิดคำนวณแผนการรบอย่างฉับไวทันที ฝ่าบาทคงไม่ได้จะ...
ข้าคิดว่าพวกเราควรสละเมืองอาวีเลีย กษัตริย์ซิกมันด์ชิงตรัสออกมาเสียก่อนแต่ก็ด้วยความยากลำบากเต็มที การที่พระองค์ทรงยอมสละเมืองก็ไม่ต่างอะไรกับการที่พระองค์ทรงยื่นศักดิ์ศรีของพระองค์ให้ศัตรูย่ำยีเสียเอง ข้าคิดว่าหากเราให้พวกทัพซาโลมผ่านเมืองอาวีเลียเข้ามา แล้วหลอกล่อพวกมันให้ตามพวกเราเข้ามาตามช่องเขากาลาเทีย (Galatia) อันเป็นที่ตั้งของป้อมมาซาดา ช่องเขากาลาเทียซึ่งมีลักษณะหน้าเขาเป็นคอขวดจะช่วยบีบกองทัพเพลิงให้มีหน้าทัพแคบลง เช่นนี้แล้วต่อให้พวกมันมีจำนวนมากมายหมาศาลขนาดไหน พวกมันก็บุกโจมตีได้แค่เท่าที่สามารถเคลื่อนพลผ่านช่องเขามาเท่านั้น และหากเกิดพลาดท่าเสียที ช่องเขาเปิดทางด้านหลังก็ยังช่วยให้เราถอนกำลังมุ่งสู่เมืองโครีธาได้ทันทีด้วย เป็นการตัดสินใจชาญฉลาดและรอบคอบมากพ่ะย่ะค่ะ การจำกัดจำนวนหน้าทัพของกองทัพเพลิงได้ทำให้ข้อเสียเปรียบด้านจำนวนที่แตกต่างของเราหมดไป และกระหม่อมเห็นด้วยที่พระองค์ยอมสละเมืองอาวีเลีย เสียแผ่นดินเพียงบางส่วนเพื่อรักษาทั้งอาณาจักรไว้ดีกว่า พระองค์ตัดสินใจได้อย่างกล้าหาญมากพ่ะย่ะค่ะ ชาร์ลอดชื่นชมไม่ได้ เมื่อเห็นว่าสภาวะกดดันตลอดช่วงเวลาเกือบสามปีในสงครามของกษัตริย์ซิกมันด์ได้หล่อหลอมให้พระองค์เป็นคนเด็ดขาดมีทักษะในการรบ มีความรับผิดชอบและกล้าตัดสินใจ แม้มันจะทำลายศักดิ์ศรีของพระองค์แต่ก็ทรงยอมเพื่อรักษามาตุภูมิไว้ให้ได้ ซึ่งแม่ทัพชาร์ลก็รู้ดีว่ากษัตริย์ซิกมันด์ผู้ถูกสอนให้รักประเทศชาติและเกียรติยศยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เองนั้นจะต้องเจ็บปวดเพียงใดที่ต้องยอมสละแผ่นดินบางส่วนให้ศัตรู กษัตริย์ซิกมันด์ทรงค่อย ๆ วางตัวหมากแทนกองทัพต่าง ๆ ลงบนแผนที่จำลองด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเคร่งเครียด ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เราจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมกองทัพเพื่อที่จะทำการอพยพให้เร็วที่สุด ข้าต้องการเตรียมเมืองอาวีเลียให้ต้อนรับกองทัพเถื่อนนั้นอย่างเอิกเกริกที่สุด กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสก่อนจะเริ่มเล่าแผนการเตรียมเมืองอาวีเลียให้แม่ทัพแห่งฟีเลเซียต่อ S เช้าวันอิกนิส (Ignis) ที่ 6 ของเดือนบาร์โทโลมิว ( Batholomew ) กองทัพเพลิงแห่งจักรวรรดิซาโลมจำนวนกว่าแปดแสนนายอันประกอบด้วย ทัพมนุษย์ ทัพทหารผีนรก พลนกโมฮา ทัพสัตว์ป่า ทัพมังกรไฟ ทัพนักรบเพลิง และทัพอื่น ๆ อีกมากมายเหลือคณานับก็ยาตราเข้าประชิดเขตเมืองอาวีเลีย เสียงกลองรบและเสียงโห่ร้องเพื่อข่มขวัญศัตรูของกองทัพซาโลมก็ดังกระหึ่มจนราวกับฟ้าสะเทือน ธงวิหคสีแดงสดโบกสะบัดเหนือกองทัพราวกับลิ้นไฟที่เต้นเร้าบนทะเลเพลิง ใบหน้าของทหารแต่ละคนล้วนถตัวเองทึงและเต็มไปด้วยความหื่นกระหายในสงคราม ขวัญและกำลังใจของทหารนั้นเต็มเปี่ยม เพราะในครั้งนี้กษัตริย์ซาดินผู้เกรียงไกร และได้ชื่อว่าไม่เคยรบแพ้สักครั้งเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเองโดยมีขุนพลคู่ใจราโชยูเป็นผู้นำทัพหน้านั่นคือเหล่าหทารผีนรกที่หิวโหยและคลุ้มคลั่ง พวกมันต่างดาหน้าตรงเข้าประชิดกำแพงเมืองอันเป็นปราการยักษ์ที่สูงตระหง่าน ทหารผีดิบต่างก็หื่นกระหายและคุ้มคลั่งจนแทบจะทนรอสัญญาณบุกโจมตีไม่ไหว แต่ทว่าทางฟากฟีเลเซียกลับมีแต่ความเงียบเชียบ ไม่มีเสียงแตรรบ ไม่มีเสียงมังกร นก สัตว์ป่าหรือแม้กระทั่งสัญญาณของสิ่งมีชีวิต กระทั่งธงประจำอาณาจักรฟีเลเซียก็ยังไม่มีติดประดับไว้เหนือยอดประตูเมือง เมื่อทราบข่าวจากกองหน้าว่าเมืองทั้งเมืองว่างเปล่ากษัตริย์เถื่อนก็สั่งยาตราเข้าเมืองทันที บรรดาทัพหน้าที่เข้าไปในเมืองได้ต่างก็กระจายตัวออกสำรวจไปทั่วทั้งเมืองเพื่อหาเสบียงของมีค่าและอาจจะมีมนุษย์หรือกองทหารซ่อนตัวแอบดักซุ่มโจมตีอยู่ ทว่าหลังจากที่กองทัพหน้าแห่งจักรวรรดิซาโลมกระจายตัวไปทั่วทั้งเมือง ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น เมืองทั้งเมืองก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันจนเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เพียงไม่กี่นาทีเมืองอาวีเลียก็แทบจะราบเป็นหน้ากลอง ทำให้ทหารผีนรกถูกซากอาคารพังถล่มทับติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหลายหมื่น กษัตริย์ซาดินเมื่อทรงเห็นสภาพเมืองอาวีเลียและกองทัพของพระองค์ก็ยิ่งโกรธเป็นกำลัง จึงสั่งแม่ทัพราโชยูให้ยกทัพออกติดตามไล่ล่ากองทัพฟีเลเซียและฟูดินันทันที เพราะหน่วยสอดแนมของกองทัพแจ้งว่า กองทัพร่วมเคลื่อนพลไปตั้งอยู่ที่ป้อมมาซาดาในช่องเขากาลาเทียแล้ว แม่ทัพราโชยูจึงนำกำลังกว่าสามแสนนายเคลื่อนพลมุ่งสู่ป้อมมาซาดาทันที S ภายในป้อมมาซาดาเวลานี้อัดแน่นไปด้วยทหารฟีเลเซียและฟูดินันหลายแสนนาย เสียงพูดคุย เสียงชุดเกราะกระทบหัน เสียงย่ำเท้าดังอื้ออึงไปทั่ว ต่างก็เร่งเข้าประจำการตามหน้าที่ของตน ทหารทุกนายดูวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาวุธ เรียนรู้วิธีการใช้อาวุธใหม่ ๆ ที่เพิ่งได้มาจากแอนดิซอง และขนย้ายยุทโธปกรณ์ไปประจำการตามต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ลึกเข้าไปภายในป้อมชั้นในเหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองต่าง ๆ ร่วมกันวางแผนการรบอย่างเคร่งเครียด โดยมีเจ้าหญิงเรจิน่า แม่ทัพชาร์ล กษัตริย์ซิกมันด์ ฮารีซัน เซนทอร์ทราเฮริน์ คาร์นและดามิก้า ร่วมประชุมด้วยอย่างพร้อมเพรียง นกจากหน่วยสอดแนมเพิ่งจะรายงานมาว่าแม่ทัพทมิฬราโชยูกำลังนำทัพกว่าสามแสนนายมุ่งหน้ามาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ หัวหน้าหน่วยสอดแนมฟอล์คเนอร์กราบทูลรายงายตามที่เพิ่งได้รับมา เป็นจริงตามที่พระองค์คาดไว้เลยพะย่ะค่ะ พวกซาโลมตามเรามาจริง ๆ แทนที่จะมุ่งสู่เมืองโครีธา แม่ทัพมังกรทูลขึ้น แต่จำนวนกองทัพที่มันนำมานี่สิ เกือบจะเท่า ๆ กับกำลังพลทั้งหมดที่เรามีอยู่ตอนนี้เลย ซ้ำยังจะมีทัพหลังที่นำโดยกษัตริย์ซาดินตามมาสบทบอีก แม่ทัพทราเฮริน์กล่าวอย่างเป็นกังวล แต่อย่างน้อยการบีบหน้าทัพให้แคบเข้าก็ช่วยเราได้มาก คาร์นพูดเสริม ยอมรับว่าความคิดของกษัตริย์ซิกมันด์ในเชิงรับไม่เลวเลยทีเดียว ว่าแต่เวลานี้พวกกองทัพเพลิงเคลื่อนทัพมาถึงไหนแล้วล่ะ? เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถามด้วยความกังวล ทูลฝ่าบาท แม่ทัพชาร์ลเอ่ยขึ้น กองทัพเพลิงเร่งเดินทัพทั้งวันทั้งคืน ทำให้พวกมันเคลื่อนพลได้เร็วมาก หากคำนวณแล้วก็น่าจะมาถึงช่องเขากาลาเทียภายในห้าหรือหกวันข้างหน้าแน่พะย่ะค่ะ เร็วพอสมควร สำหรับการเคลื่อนทัพทั้งกองทัพ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงวิเคราะห์ ข้าอยากให้เพิ่มการเสริมกำแพงป้อมให้แน่นหนายิ่งขึ้น ถึงแม้กำแพงป้อมนี้จะแข็งแกร่งไม่แพ้กำแพงเมืองอาวีเลีย แต่ถ้าให้ทนการโจมตีที่มากมายและเป็นเวลานานกำแพงอาจจะรับไม่ไหว พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งดำเนินการทันที แม่ทัพชาร์ลทูลตอบเสียงเข้ม และข้าคิดว่าช่องเขาที่สูงชันที่ขนาบป้อมมาซาดาทั้งสองด้านนั้น น่าจะทำอะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ได้มากกว่าปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสพลางมองแบบจำลองช่องเขา Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 56 จุดกำเนิดแห่ง 4 อาณาจักร@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:12:35 PM วางกำลังพลไว้ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ? แม่ทัพนายหนึ่งเสนอขึ้น
หรือจะใช้พลธนูและแท่นยิงหิน? แม่ทัพอีกนายเสนอขึ้น กษัตริย์ซิกมันด์ ฮารีซันเอ่ยเรียก ทำให้กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหันมามองด้วยความสงสัยแต่ก็คงท่วงท่าที่เย่อหยิ่งและอวดดีอยู่ในที แม้ว่าในแววตาจะดูไม่แข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม หากท่านยังไม่มีแผนใด ๆ ในใจข้าอยากจะขอนำกองทัพฟูดินันเข้าตรึงกำลังเหนือยอดเขาทั้งสองเอง เมื่อเห็นว่ากษัตริย์ซิกมันด์ยังคงนิ่งเงียบอยู่ ฮารีซันจึงกล่าวต่อ การรบประเภทดักซุ่มและพรางตัวกับธรรมชาตินั่นเป็นการรบที่กองทัพเราชำนาญ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงทอดพระเนตรไปยังฮารีซัน ก่อนจะเหลือบไปทางแบบจำลองช่องเขาคล้ายกับกำลังชั่งใจกับคำพูดของผู้นำชาวป่า พระองค์ทรงเชิดคางขึ้นหันกลับมามองฮารีซันตรัสด้วยเสียงเข้ม ทว่าในคำพูดก็ยังปนความดูแคลนอยู่บ้าง เจ้ามั่นใจกองทัพชาวป่าของเจ้ามากแค่ไหน? คำพูดเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนบรรดาขุนพลชาวป่าคงหงุดงหงิดอยู่ไม่น้อยแน่ แต่เพราะทุกคนร่วมรบกับฝ่ายฟีเลเซียมากว่าสองปี จึงทำให้ทุกคนมองข้ามกริยาเช่นนี้ของกษัตริย์ซิกมันด์ไปได้ หรืออาจจะเรียกว่ารู้สึกเคยชิน กับบุคลิกที่ถือตน และหยิ่งทรนงของชาวฟีเลเซียชั้นสูงทั้งหลาย กอปรกับท่าที่อ่อนลงของกษัตริย์ซิกมันด์เองที่ผ่อนเบาความเย่อหยิ่งและดูแคลนต่อกองทัพชาวป่าน้อยลง ทำให้ทุกคนยอมรับว่านี่อาจเป็นเพียงนิสัยการแสดงออกตามปรกติของชาวฟีเลเซียมากกว่าการตั้งใจดูแคลน ข้ามั่นใจว่าหากเราร่วมมือร่วมใจกันเราจะสามารถขับไล่พวกซาโลมให้กลับไปยังดินแดนของพวกเขาได้สำเร็จ อือม์ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากก่อนจะหันไปทางแม่ทัพฟีเลเซียคนอื่น ๆ พวกท่านเห็นว่าอย่างไร? บรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็หันหน้าเข้าปรึกษากันและกันจนเสียงดังอื้ออึงไปทั่วทั้งท้องพระโรง บ้างก็พยักหน้าบ้างก็ส่ายหน้า จนที่สุดแม่ทัพชาร์ลจึงเอ่ยขึ้น กระหม่อมเห็นว่าให้กองทัพฟูดินันคุมยอดช่องเขาทั้งสองก็ดีเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ เพราะจากที่ผ่าน ๆ มากองทัพชาวป่าจะโดดเด่นเรื่องการรบที่ปรับตัวกลมกลืนไปกับสนามรบ แต่จะไม่ค่อยถนัดเรื่องปกป้องรักษาป้อมเมือง อาจเพราะฟูดินันไม่ได้มีป้อมเมืองเหมือนอย่างฟีเลเซีย ซึ่งในจุดนี้ทหารของเรามีความชำนาญมากกว่า ข้าจึงคิดว่าให้กองทัพฟูดินันจัดการเรื่องพื้นที่เหนือช่องเขาก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ ทุกคนได้ยินดังนั้นก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ทัพใหญ่ จะมีก็แต่เพียงกษัตริย์เท่านั้นที่ยังทรงจ้องมองฮารีซันนิ่งอยู่เหมือนทรงมีอะไรบางอย่างในใจ ซิกมันด์? เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเรียกเมื่อเห็นว่ากษัตริย์น้องชายนิ่งเงียบนานเกินควร ก็ได้ ตกลงตามที่เจ้าขอหวังว่าเมื่อข้าไว้ใจมอบอำนาจเต็มที่แล้ว การรบครั้งนี้จะเป็นการรบที่กล้าหาญ มีเกียรติและสัมฤทธิ์ผลเป็นที่น่าพอใจ กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสด้วยเสียงจริงจังเจือน้ำเสียงทรนงตามอุปนิสัยของพระองค์ ท่านวางใจได้ ข้าจะทำสุดความสามารถ ฮารีซันตอบด้วยท่าทีที่สงบเช่นเคย กษัตริย์ซิกมันด์เมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ตอบใด ๆ เพียงแค่ทรงเหลือบตามองเป็นเชิงรับรู้ ทว่าก็ทรงต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อสายตาของฮารีซันมิได้จับจ้องที่พระองค์ แต่กลับทอดสายตาไปยังเจ้าหญิงเรจิน่าพี่สาวของพระองค์แทน เมื่อพระองค์เหลือบมองไปทางเจ้าหญิงเรจิน่า ก็ทรงได้เห็นว่าเจ้าหญิงก็ทรงมองฮารีซันอยู่เช่นกัน ทว่าชั่วแวบเดียวเจ้าหญิงก็ทรงหันมองไปทางอื่น ท่าทีที่เกิดขึ้นนี้ได้ก่อความสงสัยขึ้นภายในใจของกษัตริย์ซิกมันด์ทีละน้อย แต่พระองค์มีเรื่องสำคัญกว่าและด่วนกว่าอยู่ตรงหน้าไนเวลานี้ จึงทรงหันเหความสนใจกลับไปยังหารหารือกับเหล่าแม่ทัพอีกครั้ง โดยเก็บความสงสัยเล็ก ๆ นี้ไว้ขบคิดในภายหลัง S เพียงห้าวันหลังจากออกเดินทัพจากเมืองอาวีเลีย กองทัพเพลิงแห่งซาโลมก็เดินทัพมาถึงช่องเขากาลาเทีย เสียงกลองให้จังหวะเดินทัพดังกระหึ่มไปทั่วช่องเขา ธงวิหคไฟโบกสะบัดด้วยแรงลมจนดูราวกับเปลวไฟที่กำลังเต้นเร่าเมื่อต้องลม เสียงฝีเท้านับแสน ๆ คู่กระแทกพื้นดินและเสียงโห่ร้องเพื่อข่มขวัญศัตรูดังสนั่นไม่ต่างกับเสียงฟ้าสะเทือนเลือนลั่น ทหารผีดิบของซาโลมกว่าห้าหมื่นซึ่งนำอยู่หน้าขบวนต่างก็มุ่งหน้าสู่ป้อมมาซาดาด้วยความหิวกระหายโดนไม่สนใจสิ้นใด ๆ รอบตัวทั้งสิ้น แม่ทัพราโชยูซึ่งคุมอยู่ทัพหลังนั่น แรกทีเดียวเขาคิดแต่เพียงว่าจะต้องไล่ล่ากองทัพฟีเลเซียให้ทันจนไม่ได้ใส่ใจอะไร นอกจากตามทัพร่วมฟีเลเซียและฟูดินันให้ทันแล้วจัดการให้สิ้นซาก ทว่าเวลานี้เขาเริ่มรู้สึกว่าแถวทหารเคลื่อนได้ช้าลง ไม่ทันใจเอาเสียเลย ราโชยูได้รับรายงานมาเป็นระยะ ๆ ว่าช่องเขาแคบลงเรื่อย ๆ จนทำให้แถวทหารต้องแปรขบวนให้เล็กลงเพื่อจะสามารถเคลื่อนผ่านช่องเขาไปได้ จึงทำให้มีทหารแออัดอยู่ที่บริเวณคอขวดของช่องเขาเป็นจำนวนมาก แม้จะมีรายงานว่าทัพหน้าเตรียมเข้าประชิดป้อมมาซาดาแล้ว ทว่าเขายังไม่อาจเข้าไปถึงบริเวณปากทางเข้าได้เลย สิ่งนี้สร้างความหงุดหงิดใจให้กับแม่ทัพทมิฬเป็นกำลัง Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 56 จุดกำเนิดแห่ง 4 อาณาจักร@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:13:46 PM ที่บริเวณหน้าป้อมมาซาดา หทารผีต่างยืนออเบียดเสียดกันจนดูแน่นขนัดไปหมด เหนือป้อมกำแพงเมืองนั้นกษัตริย์ซิกมันด์ซึ่งมีนกสายฟ้าเกาะอยู่บนไหล่ซ้าย พร้อมกับใช้สายตาคมกล้าประดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องกองทัพเพลิงเบื้องล่างไม่ต่างจากผู้เป็นนาย ข้างกายกษัตริย์แห่งสายลมนั้นเจ้าหญิงเรจิน่า แม่ทัพชาร์ลพร้อมทั้งเหล่าแม่ทัพต่างก็มองประเมินสถานการณ์เบื้องล่างด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันคือ หากกษัตริย์ซิกมันด์ไม่ทรงตัดสินใจสละเมืองแล้วมาตั้งทัพที่ป้อมแห่งนี้แทน การศึกครั้งนี้คงนำหายนะใหญ่หลวงให้กองทัพเป็นแน่
ชาร์ล กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสขึ้น พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าต้องการรักษาชีวิตทหารให้มากที่สุด ดังนั้นจะไม่มีการปะทะกันของทหารราบจนกว่าข้าจะสั่ง พวกฟูดินันรู้แล้วใช่มั้ย? พ่ะย่ะค่ะ ชาร์ลทูลตอบเสียงหนักแน่น ดี กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเหลือบมองกองทัพเพลิงที่หื่นกระหายการเข่นฆ่าและสงครามเบื้องล่างด้วยสีหน้าชิงชังและรังเกียจ ก่อนจะตรัส สั่งกองทัพนกเตรียมพร้อม ทันที่ที่แม่ทัพชาร์ลให้สัญญาณแก่กองทัพนก เจ้าสายฟ้าโรดเดอริกก็สยายปีกพร้อมกับเงยหัวขึ้นร้องเสียงดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด และเพียงชั่วอึดใจนั่นเองเสียงร้องขานรับจากบรรดาสรรพสัตว์ของทั้งกองฟีเลเซียและฟูดินันก็ขู่ร้องคำรามสะท้อนไปทั้งช่องเขากาลาเทียจนกลบเสียงโห่ร้องของทหารซาโลมไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว กษัตริย์ซิกมันด์ทรงชูดาบแห่งฟีเลเซียขึ้นพร้อมกับตะโกนจนสุดเสียง โจมตี! ฉับพลันนั้นกองทัพนกนับหมื่นก็พุ่งทะยานขึ้นเหนือช่องเขาบังแสงอาทิตย์จนช่องเขาเบื้องล่างตกอยู่ในความสลัวไปชั่วขณะคล้ายกับว่าเกิดสุริยะคลาดเฉียบพลันในเวลานั้น ในกงเล็บของบรรดากองทัพนกนั้นมีกระเปาะแก้วที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็ม กองทัพซาดลมต่างพยายามยิงธนูใส่หมายจะทำลายกองทัพนก ฟีเลเซียก็สั่งพลนกให้ทิ้งกระเปาะแก้วใส่ทหารผีดิบเบื้องล่างทันที ทหารผีดิบที่แออัดยัดเยียดกันจนขยับเขยื้อนแทบไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับติดอยู่ในกับดัก เสียงฉู่ฉ่าของเนื้อผีดิบที่เดือดพล่านดังสลับกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารผีดิบดังระงมไปทั่วสนามรบกษัตริย์ซิกมันด์ไม่ทรงรอช้า รีบให้สัญญาณแก่พลธนูทันที เสียงดีดของสายเอ็นหลายหมื่นก็ดังลั่นแทบจะพร้อมกัน เกิดเป็นฝนธนูที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งใช้จัดการกับกองทัพปีศาจโดยเฉพาะ ลูกธนูที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็มเจาะร่างทหารผีดิบแนวหน้าของทัพซาโลมจนเดือดพล่าน บ้างก็ละลายกลายเป็นไอเดือดไม่เหลือแม้แต่ซาก ทว่าทันทีที่กองทัพเพลิงเริ่มตั้งขบวนการตอบโต้อย่างรุนแรงก็ได้เริ่มขึ้น เครื่องยิงหินขนาดใหญ่หลายสิบเครื่องถูกเคลื่อนเข้าประชิดเมืองก่อนที่มันจะดีดหินขนาดใหญ่เข้าใส่กำแพงเมือง ทันใดนั้นบรรดาจอมเวทย์แห่งฟูดินันที่ประจำอยู่บนป้อมกำแพงก็รีบร่ายเวทย์ทำลายก้อนหินขนาดใหญ่ในทันที ข้างฝ่ายซาโลมก็ไม่ยอมแพ้รีบดีดหินเข้าใส่เพราะรู้ดีว่าจอมเวทย์ทั้งหลายจะไม่สามารถร่ายเวทย์ได้ทัน ต่างฝ่ายต่างก็โจมตีใส่กันเป็นพัลวันโดยไม่มีใครยอมแพ้ใคร เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงเป่าใบไม้ก็ดังสะท้อนไปทั่วช่องเขา บัดนี้ยอดเขาที่ดูขรุขระไม่เรียบก็เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ลูกธนูนับหมื่นดอกก็ร่วงลงมาราวกับห่าฝน ถุงหนังสัตว์ที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่จนเต็มถูกโยนขึ้นไปในอากาศเหนือช่องเขา ก่อนที่ลูกธนูจะเจาะทะลุถุงหนังนั้นจนแตกออก น้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ไหลทะลักพรูออกมาดังฟ้ารั่ว ถูกเหล่าทหารผีดิบของซาโลมจนเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังระงมไปทั่วช่องเขา ทหารซาโลมยังคงไหลทะลักผ่านช่องเขาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผู้มาใหม่เหยียบย่ำไปบนซากกองผู้มาก่อนอย่างไม่สะทกสะท้าน บันไดพาดถูกลำเลียงเข้ามาประชิดเมือง ต่างก็พยายามพาดบันไดเข้ากับกำแพงป้อม บ้างก็พยายามปีนขึ้นยอดผาเพื่อจัดการกับกองทัพฟูดินัน S การรบยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดจนเวลาล่วงเลยไปถึงย่ำรุ่งวันที่สี่ ทว่าก็ไม่มีฝ่ายใดยอมรามือ ต่างก็ยังคงโหมเข้าโจมตีใส่กันโดยไม่ลดราวาศอก เช้าวันนั้น แม่ทัพราโชยูรีบจัดขบวนทัพรอกองทัพใหญ่ซึ่งนำโดยกษัตริย์ซาดินอย่างใจจดใจจ่อ เสียงกลองศึกศึกดังสนั่นจนแม้แต่ในสนามรบก็ยังอาจได้ยินเสียงได้ ซึ่งแน่นอนว่าทางฝ่ายฟีเลเซียก็คงจะรับรู้ได้เช่นกันว่าทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิซาโลมเคลื่อนทัพมาถึงแล้ว เพราะทั้งเสียงแตร เสียงเขาสัตว์ และเสียงเป่าใบไม้ดังขานรับไปทั่วด้วยเช่นกัน กองทัพใหญ่แห่งซาโลมต่างก็รีบกรูกันเข้าสู่ช่องเขากาลาเทียทันที ที่พลับพลาชั่วคราวที่ราโชยูจัดเตรียมไว้คอยต้อนรับ กษัตริย์ซาดินทรงมีสีหน้าเคร่งเครียด ทรงขมวดคิ้วมองแผนที่บนโต๊ะพลางตรัสตวาดจนสุดเสียง นี่มันอะไรกัน? ห๊า! จนบัดนี้เจ้ายังตีไอ้ป้อมเส็งเครงนั่นไม่แตกอีกรึ? ไม่แม้แต่จะสร้างความเสียหายให้ไอ้ป้อมนั่น ซ้ำยังทำให้ข้าเสียทหารไปเป็นเบือ! ทูลฝ่าบาท กำแพงป้อมแห่งนี้แข็งแกร่งมากพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเรายังถูกโจมตีจากทั้งสามด้าน ยากแก่การรับมือเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินดังนั้นกษัตริย์ซาดินก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับกระแทกหมัดใส่ใบหน้าของแม่ทัพทมิฬอย่างแรงจนร่างของแม่ทัพร่างใหญ่ถลาออกไปนอกพลับพลาร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง หมวกเกราะกระเด็นหลุดออกจากศีรษะไปไกลหลายวา อย่าบังอาจมาพูดเหมือนสุนัขขี้แพ้กับข้า กษัตริย์ซาดินทรงกัดฟันกรอด ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว แม่ทัพทมิฬค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบากพร้อมกับบ้วนเลือดในปากออกมา นี่เพราะเขารูปร่างใหญ่ยักษ์และมีชุดเกราะที่ทำจากกระดูกมังกรปกป้องร่างอยู่ หากเป็นนายทหารธรรมดาคงจะตายในทันทีเป็นแน่ เขารีบใกล้เข้ามาในพลับพลาพร้อมกับย่อเข่าลงข้างหนึ่งที่เบื้องหน้าองค์กษัตริย์ ขอประทานอภัยด้วยฝ่าบาท ราโชยูได้แต่ก้มศีรษะลงด้วยเกรงกษัตริย์ซาดินและทั้งอดสูในความไร้ความสามารถของตน กษัตริย์ซาดินทรงขบกรามแน่นหรี่ตามองช่องเขาเบื้องหน้าด้วยอารมณ์คุกรุ่น ภาพกองทหารนับแสนแออัดกันอยู่บริเวณปากทางเข้าช่องเขานั้นเหมือนเติมเชื้อไฟให้พระองค์ยิ่งขึ้น พระองค์ทรงมองแบบจำลองแผนที่ลักษณะช่องเขากาลาเทียอีกครั้งก่อนจะทรงใช้กระบองฟาดเปรี้ยงลงบนแผนที่จนโต๊ะแตกเป็นเสี่ยง ๆ มือที่กำกระบองคู่กายอยู่นั่นเกรงแน่นจนสั่นเทิ้มพร้อมประกาศเสียงกร้าว เราจะได้เห็นดีกัน! Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 56 จุดกำเนิดแห่ง 4 อาณาจักร@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:16:52 PM เหนือกำแพงเมือง นายทหารชั้นผู้น้อยนายหนึ่งรีบวิ่งสุดฝีเท้าไปหาแม่ทัพชาร์ลบนป้อมกำแพง ทันที่ที่ไปถึงก็รีบทำความเคารพเยี่ยงทหารชาตินักรบก่อนจะขยับเข้ากล่าวอะไรบางอย่าง ซึ่งแม่ทัพใหญ่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีที่นายทหารจากไป แม่ทัพชาร์ลจึงกราบทูลกษัตริย์ซิกมันด์และเจ้าหญิงเรจิน่า
ฝ่าบาท นายทหารเพิ่งจะรายงานว่ากองทัพใหญ่ของจักรวรรดิซาโลมกว่าหกแสนนายพร้อมอาวุธหนักนานาชนิดเดินทัพมาถึงช่องเขากาลาเทียแล้วพะย่ะค่ะ ซิกมันด์ ตลอดสามวันสามคืนที่ผ่านมา แม้กองทัพซาโลมจะมีมากกว่าแต่เราก็ยังพอรับมือได้ แต่ถ้ามากขนาดนี้มันเกินกำลังของพวกเราแล้วนะ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสด้วยความหวั่นวิตก กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมองไปยังปากช่องเขาที่อยู่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและดุดัน พระองค์ทรงเห็นด้วยกับเจ้าหญิงเรจิน่าแต่ไม่อาจยอมรับได้ว่ากองทัพของพระองค์อาจกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ให้พี่ช่วยนะ ซิกมันด์ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสต่อ ไม่! กษัตริย์ซิกมันด์สวนตอบแทบจะทันที เจ้าหญิงเรจิน่าทรงสะดุ้งเล็กน้อยกับการกระแทกเสียงของกษัตริย์ซิกมันด์ แต่เมื่อทรงตั้งสติได้ก็ค่อยยิ้มออกมา พี่รู้ว่าเธอเป็นห่วงพี่ ตั้งแต่สงครามระเบิดขึ้นเธอไม่เคยให้พี่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการรบจริง ๆ เลยสักครั้งถ้าไม่จำเป็น แต่ซิกมันด์ครั้งนี้มันต่างกันนะ ให้พี่ได้ช่วยเถอะ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงมองพี่สาวของตนนิ่งคล้ายกับกำลังตัดสินใจเรื่องที่ยากยิ่ง เมื่อเจ้าหญิงทรงเห็นว่ากษัตริย์ซิกมันด์ยังคงนิ่งเงียบ จึงตรัสต่อ ซิกมันด์ พี่ก็เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย เธอจะให้พี่นิ่งเฉยอยู่บนป้อมกำแพงนี่ โดยที่เหล่าทหารของเรากำลังพลีชีพเพื่ออาณาจักรของเราหรือ? แล้วเกียรติและศักดิ์ศรีของพี่จะดำรงอยู่ได้อย่างไร? พอเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสอย่างหงุดหงิด ในขณะที่เจ้าหญิงทรงยิ้มกว้าง ขอบใจ เจ้าหญิงตรัสพลางขยับมือแตะด้ามดาบเข้าเอว พร้อมกับยกมืออีกข้างขึ้นเป็นสัญญาณ ทันทีที่เสียงแตรประจำพระองค์ดังขึ้น เสียงเหล่าทหารฟีเลเซียก็โห่ร้องด้วยความยินดีดังสนั่นสะท้อนไปทั่วช่องเขา ทรงระวังตัวด้วย แม่ทัพชาร์ลก้าวหลบพร้อมกับโค้งแสดงความเคารพ เมื่อเจ้าหญิงดำเนินผ่าน เสด็จพี่! กษัตริย์ซิกมันด์ทรงร้องเรียก แต่เมื่อเจ้าหญิงเรจิน่าทรงหันกลับมาหา พระองค์ก็ไม่อาจแสดงความเอื้ออาทรซึ่งอาจดูเหมือนเป็นความอ่อนแอ ออกมาต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาได้ จึงได้แต่ส่งสายตาแห่งความห่วงใยออกไปเท่านั้น พี่จะระวังตัวไม่ต้องเป็นห่วงนะ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเข้าใจได้จากแววตาแห่งความกังวลในดวงตาของน้องชายตน เบิกพื้นที่หน้าประตู เตรียมส่งเสด็จเจ้าหญิง เสียงชาร์ลสั่งทหารดังก้อง พร้อม ๆ กับการโจมตีใส่ทหารซาโลมที่อยู่หน้าประตูป้อมที่รุนแรงยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้ทหารซาโลมถอยออกจากกำแพงเมือง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพยักหน้ารับคำที่เหมือนเป็นคำสัญญาของพี่สาว เจ้าหญิงทรงยิ้มให้อีกครั้งแล้วจึงทรงหันหลังเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว โดยมีสายตาของกษัตริย์ซิกมันด์มองส่งด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจแสดงออกได้ S ทันทีที่ประตูป้อมเปิดแง้มเพื่อให้เจ้าหญิงเรจิน่าทรงออกมา เหล่าทหารซาโลมก็พยายามวิ่งกรูกันเข้ามาหมายจะเข้าประตูป้อมมาซาดาให้ได้ ซ้ำผู้ที่ออกมาก็เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซีย หากสังหารนางได้บำเหน็จรางวัลจำนวนมหาศาลทั้งยศฐานบรรดาศักดิ์คงมากองอยู่แทบเท้าของตน ฉับพลันนั้น เจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียก็ตวัดดาบคู่กายขึ้นด้วยความเร็วจนมองแทบไม่เห็น ดวงตาสีเขียวมรกตสว่างวาวโรจน์ เสียงร่ายเวทย์อันแผ่วเบาค่อย ๆ ดังขึ้นจนกลายเป็นตะเบ็งจนสุดเสียง มิลเลียน แสลช!! ทันที่ที่ปลายดาบพุ่งออกไป ดาบเวทย์จำนวนนับล้านเล่มก็พุ่งเข้าใส่ทหารซาโลมดังมหาวายุ ดาบเวทย์สีขาวเรืองพุ่งเป็นสายไม่ต่างกับแสงของดาวหางนับล้านดวงพุ่งเข้าใส่ทหารซาโลม เสียงดาบเวทย์แหวกม่านอากาศด้วยความเร็วแสงจนเกิดคลื่นเสียงแหลมเล็กไม่ต่างกับเสียงหวีดร้องของมหาวายุ ทหารกว่าพันนายก็ล่วงล้มราวกับใบไม้ร่วงและยังคงล้มลงระเนระนาดต่อไปไม่หยุด ตราบเท่าที่แสงแห่งดาบเวทย์ยังคงพุ่งต่อไป เมื่อแสงแห่งดาบเวทย์จางลงจนสลายไป ภาพทหารซาโลมที่นอนล้มตายบาดเจ็บเป็นจำนวนมากก็นอนเกลื่อนสนามรบเป็นวงกว้างจนหน้าประตูป้อมดูว่างโล่งไปในทันที ทุกคนต่างนิ่งเงียบด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด แม้แต่เหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซียเองก็ยังคงเงียบกริบ แม้ทุกคนจะทราบว่าเจ้าหญิงเรจิน่ามีฝีมือเชิงยุทธ์ที่ไม่น้อยหน้าให้ แต่ก็เป็นเพียงการคาดการณ์จากการฝึกซ้อมหรือการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เพราะเจ้าหญิงแทบจะไม่เคยสู้ในสนามรบโดยใช้ท่ามิลเลียน แสลชต่อหน้าเช่นนี้มาก่อน จากที่ทหารซาโลมรีบโถมเข้าใส่ในทีแรก เวลานี้กลับยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ชั่วเสี้ยววินาทีที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า ต่างไม่กล้าแม้จะขยับตัว ข้างฝ่ายทหารฟีเลเซียและฟูดินันเมื่อตั้งสติได้ก็ต่างโห่ร้องด้วยความยินดีเสียงดังสนั่นจนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งช่องเขา เจ้าหญิงเรจิน่าทรงสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วพอ ๆ กับแสงแห่งดาบเวทย์ และเงื้อดาบขึ้นอีกครั้ง Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 56 จุดกำเนิดแห่ง 4 อาณาจักร@@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 07, 2007, 06:17:39 PM มาเม้าส์ กันที่นี่นะ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=30641.0 |