Title: @@ นิยายSMN Chapter21 สัญญาณจากสวรรค์ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 05, 2003, 04:53:09 AM Chapter 21 สัญญาณจากสวรรค์ ณ กระโจมที่ซึ่งเหล่าแม่ทัพนายกองแห่งอาณาจักรซาโลมกำลังชุมนุมกันอยู่ บรรยากาศภายในนั้นชวนให้อึดอัดและตึงเครียดยิ่งนัก ไม่มีใครกล้าปริปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแม้เพียงสักคนเดียว หน้าบัลลังก์ที่ประทับ ราชินีแห่งซาโลมยืนขบกรามแน่น มือของนางกำคฑาคู่ใจไว้แน่นจนนิ้วทั้งห้านั้นซีดขาว ความรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาหานางจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ่ม ทั้งอับอายขายหน้าสามีและข้าราชบริพาร ทั้งโกรธแค้นชาวฟูดินัน ทั้งใจหายที่จะไม่ได้กลับไปพบหน้าลูกชายได้ดั่งใจหมาย ภาพเปลวเพลิงที่ค่อยๆมอดดับยังความอัปยศเหลือที่จะกล่าว เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจของบรรดาชาวป่าที่ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งป่าเป็นดั่งคำสบประมาทและท้าทายนาง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เราคงต้องเปลี่ยนแผนการรบเสียใหม่ อุปราชเฒ่าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในที่สุด เนอริมอร์หันควับไปจ้องบลาสเซจด้วยสายตาเกรี้ยวกราดทันที สิ่งที่จะปกปิดความอัปยศอดสูของนางได้ดีที่สุดก็ไม่พ้นความเกรี้ยวกราดของนางนั่นเองและมันก็ใช้ได้ผลดีมากเสียด้วย เพราะบรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็ไม่มีใครกล้าสบตากับนางแม้เพียงสักคนเดียว ข้างซาดินเองก็อึดอัดใจอยู่มิใช่น้อย เมื่อเห็นได้ชัดว่านางพร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ใครก็ตามที่พลาดท่าจุดชนวนในครั้งนี้ เอาเถิดเนอริมอร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเจ้าของพวกมันช่วยเหลือแล้ว มีรึที่พวกมันจะอาจหาญต่อกรกับเราได้ อารมณ์ของซาดินเองก็เริ่มที่จะคุกรุ่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บัดซบนัก! ข้าเองก็รบทัพจับศึกมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่มีครั้งนี้แหละที่จะต้องมาสู้กับเทพเจ้า ไอ้ต้นไม้บ้านั่น...ข้ารึสู้อุตส่าห์คิดสารพัดวิธีกว่าที่จะผ่านไอ้มังกรสองหัวงี่เง่านั่นได้ ยังต้องมาเจอกับไอ้ต้นไม้บ้านี่อีก นี่มันอะไรกันนักหนานะ ทุกคนในที่ประชุมต่างเงียบกริบเมื่อได้ฟังกษัตริย์ของตนกล่าวเช่นนี้ ความรู้สึกของแต่ละคนก็แตกต่างประสมปนเปกันไป ทั้งโกรธแค้นตามผู้นำของตน บ้างก็กลัวโทสะที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนของซาดิน บ้างก็รู้สึกสิ้นหวังในการรบที่แทบจะไม่เห็นหนทางชนะในครั้งนี้ ฝ่าบาท นี่อาจจะเป็นชะตาที่ฟ้ากำหนดให้พวกฟูดินันได้ครองดินแดนที่อุดมสมบูรณ์นี้ พวกมันถึงได้มีเทพเจ้ามากมายคอยช่วยเหลือ... บลาสเซจกล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องสะดุดสุดตัวเมื่อซาดินโกรธจนใช้แขนฟาดโต๊ะที่อยู่ข้างกายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาถตัวเองทึงจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า ชะตาฟ้าบ้าบออะไรกัน!! ข้านี่แหละจะเป็นผู้เปลี่ยนชะตาเอง หุบปากของเจ้าซะแล้วใช้สมองคิดแผนการรบใหม่เสียที กษัตริย์หนุ่มหันไปทางภรรยาของตนแล้วกล่าวว่า เจ้าก็อย่าหัวเสียให้มากนักเลย มาช่วยกันคิดแผนบุกพวกมันใหม่จะดีกว่า ริ้วแห่งความกระดากและตระหนกปรากฎบนสีหน้าของราชินีแห่งซาโลมเล็กน้อยก่อนที่นางจะก้าวขึ้นที่ประทับที่ถูกจัดเตรียมไว้ เนอริมอร์เองก็รับอารมณ์โกรธที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสามีไม่ทันจนนางลืมความโกรธของตัวเองไปเสียสนิท เวลานี้อารมณ์ที่สับสนปนเปผนวกกับความเหนื่อยล้าทำให้นางอยากจะกลับที่พักและซ่อนตัวอยู่ในกระโจม มากกว่าจะมานั่งที่ประชุมเพื่อตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าข้าราชบริพารอยู่เช่นนี้ เนอริมอร์! เนอริมอร์หันไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ ซาดินนั่นเองที่เป็นคนเรียกนาง เขามองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจและรวมไปถึงคนอื่นๆ ด้วย นี่นางนั่งใจลอยไปนานเท่าไรกัน เจ้าพร้อมที่จะฟังรึยัง ซาดินถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก เนอริมอร์รีบพยักหน้ารับ อุปราชเฒ่าจึงเริ่มต้นกล่าวสรุปแผนการทั้งหมด เป็นอันว่าเราจะบุกฟีเลเซียโดยเริ่มโจมตีตามตะเข็บชายแดนที่ติดกับเทือกเขาคีรีบันดา บลาสเซจใช้ไม้ปลายแหลมชี้ไปตามหัวเมืองต่างๆที่อยู่ตามแนวชายแดนของฟีเลเซีย เราจะตียาวไปจนสุดชายฝั่งเพื่อตัดขาดการติดต่อระหว่างฟูดินันและฟีเลเซีย แล้วเริ่มตีโอบฟีเลเซียเป็นหน้ากระดานพร้อมกัน นี่จะทำให้พวกฟีเลเซียรวมทัพใหญ่ได้ลำบากมากขึ้นเพราะต้องแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไว้ป้องกันหัวเมืองของตนเอง การโจมตีในครั้งนี้ต้องรุกให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้พวกฟีเลเซียจัดทัพได้ทัน ดังนั้นเราจะต้องยึดแต่ละหัวเมืองให้ได้โดยไม่ควรใช้เวลาเกินเมืองละสามวัน เกิดเสียงถกเถียงขึ้นในหมู่แม่ทัพนายกองทันทีที่สิ้นคำของบลาสเซจ มันจะไม่ไหวเอานะท่านอุปราช ถ้าทำเช่นนั้นทหารก็แทบจะไม่ได้หยุดพักเลย แล้วจะรบกันไหวได้อย่างไร แม่ทัพคนหนึ่งท้วงขึ้น ��� Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter21 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 05, 2003, 04:54:19 AM อย่าเพิ่งรีบตีโพยตีพายนักสิ หากพวกท่านทำตามที่ข้าบอก เหล่าทหารก็แทบจะไม่ต้องเหนื่อยเลย ซ้ำยังอาจยึดหัวเมืองต่างๆได้ง่ายและเร็วกว่าที่กำหนดเสียอีก บลาสเซจกล่าวสำทับอย่างมั่นอกมั่นใจ
เจ้ามีวิธีดีๆอย่างนั้นรึ ซาดินถามอย่างตื่นเต้น บลาสเซจคำนับรับคำพลางแสยะยิ้มทูลว่า หากฝ่าบาทโจมตีหัวเมืองแรกอย่างรวดเร็ว รุนแรง และ อำมหิตที่สุด เมืองต่างๆที่เหลือนอกจากจะเตรียมทัพไม่ทันแล้วยังแทบจะไม่มีจิตใจที่จะสู้อีกด้วย เพราะคำร่ำลือถึงความหฤโหดของการโจมตีในครั้งแรกนั้นจะกระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ยิ่งร่ำลือกันมากเหตุการณ์ก็จะยิ่งถูกแต่งเติมให้เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทีนี้จะมีใครที่ไหนกันเล่าที่จะหาญกล้าสู้กับกองทัพปีศาจกระหายเลือดที่ชั่วร้ายและอำมหิตที่สุด ซาดินพยักหน้าช้าๆ และยิ้มอย่างพออกพอใจกับแผนการนี้ บลาสเซจกล่าวสำทับอีกว่า ที่เมืองหน้าด่านแห่งนี้เป็นเมืองชนบทที่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากที่สุด ซ้ำยังมีประชากรไม่มากเท่าใดนัก อีกทั้งส่วนใหญ่ก็ประกอบอาชีพกสิกรรม พวกที่เป็นอัศวินส่วนใหญ่ก็จะเข้าประจำการในเมืองหลวงกันเสียมาก ดังนั้นการจะบุกเมืองนี้ก็ไม่น่าจะยากเย็นเท่าไหร่ ดี ! ถ้าเช่นนั้นเจ้าเห็นว่าใครเหมาะสมที่จะนำทัพบุกยึดเมืองแรกนี้ ซาดินถามขึ้น ข้าเอง ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงหันไปมองเป็นตาเดียว เมื่อราชินีแห่งซาโลมลุกขึ้นรับอาสาออกรบในครั้งนี้ เจ้ารึ ซาดินเองก็ประหลาดใจไม่แพ้คนอื่นๆเพราะเนอริมอร์เป็นบุคคลเดียวในกองทัพที่ไม่มีกะจิดกะใจที่จะรบที่สุด แต่ก็พอที่จะรู้ว่านางต้องการใช้เหตุการณ์นี้กู้หน้าของตน จึงไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านแต่อย่างใด แล้วพวกเจ้าล่ะเห็นว่าอย่างใด บรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าฝีมือการทำลายล้างขององค์ราชินีนั้นยากนักที่จะหาใครต้านทานได้ ซ้ำการโจมตีของนางแต่ละครั้งยังแทบไม่มีการสูญเสียไพร่พลเลย เพราะนางโจมตีด้วยพลังเวทย์ และ ฝูงมังกรจากที่สูง ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมมีเวลา 2 ชั่วยามให้พระนางก่อนที่เหล่าทหารราบจะเข้ายึดเมือง บลาสเซจเอ่ยขึ้น เหลือเฟือ!! กล่าวเสียงสะบัดด้วยความรำคาญ ดี! พรุ่งนี้เช้าสั่งเคลื่อนทัพสู่ฟีเลเซียทันที ซาดินประกาศก้อง Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter21 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 05, 2003, 04:55:38 AM ในคืนหนึ่งที่เงียบสงัด ประชาชนชาวฟีเลเซียในเมืองหลวงต่างก็หลับใหลอย่างอบอุ่นในบ้านของตน ณ ที่พำนักของนักบวชชั้นสูงใกล้กับวิหารหลวง สู่ห้องชั้นบนสุดฝั่งทิศตะวันออกอันเป็นที่พักของประมุขศาสนจักรแห่งฟีเลเซีย ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนโทนสีอ่อนและขาว สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมีไม่มากนัก เว้นเสียแต่ของใช้ที่จำเป็นต่อกิจวัตรประจำวันเท่านั้น ที่ผนังด้านหนึ่งมีตู้หนังสือขนาดใหญ่สูงจนจรดเพดาน ทุกๆชั้นล้วนเต็มไปด้วยหนังสือปรัชญาและศาสนา ใกล้กันนั้นมีโต๊ะหนังสือสีน้ำตาลเข้มที่ทำจากไม้เนื้อแข็งตั้งอยู่ บนโต๊ะนั้นมีหนังสือปกแข็งและม้วนกระดาษวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่ใกล้ไม่ไกลนักมีห้องเล็กๆที่ถูกกั้นแบ่งด้วยฉากไม้ฉลุสีครีม ภายในนั้นมีแท่นคุกเข่าสำหรับอธิษฐานภาวนา บนแท่นนั้นมีหนังสือคัมภีร์ที่ถูกอ่านค้างไว้วางอยู่ ลึกเข้าไปอีกฟากหนึ่งของห้องมีเตียงเดี่ยวสี่เสาที่ทำจากไม้เนื้อแข็งสีน้ำตาลเข้มปูด้วยผ้าเนื้อนุ่มสีขาวสะอาด บนเตียงนั้นบิช็อปเกรเกอรี่กำลังนอนหลับแต่ทว่าไม่สนิท เหมือนกำลังหลับแต่ก็ตื่นในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
แทบจะทันทีบิช็อปหนุ่มก็สะดุ้งตื่นขึ้น เขามองไปรอบๆอย่างงุนงง ภาพในฝันของเขาดูสมจริงจนเขาสับสน เมื่อตั้งสติได้เขาจึงทรุดกายลงคุกเขาอธิษฐานภาวนาข้างเตียง และ ทบทวนความฝันนั้นอีกครั้ง เมื่อขอความสว่างจากเบื้องบน ในจิตก็ได้ตระหนักแน่ว่านั่นคือนิมิตบอกเหตุนั่นเอง เขารีบลุกขึ้นและตรงไปยังโต๊ะหนังสือทันที เขารีบจุดตะเกียงและคว้าสมุดบันทึกเล่มหนึ่งจากชั้นหนังสือบนโต๊ะแล้วเริ่มบันทึกดังนี้ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตที่บอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ข้าพเจ้านิมิตว่าข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่บนระเบียงของวิหารหนึ่งในฟีเลเซียและกำลังมองดูความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าใสกระจ่าง ทันใดนั้นก็เกิดเหตุอาเพทท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นทำให้ท้องฟ้าตอนบนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิต ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า จู่ๆบนท้องฟ้านั้นก็เกิดแสงสว่าง และปรากฏร่างของนางฟ้าผู้แสนสง่าและงดงาม ข้าพเจ้าจึงตระหนักได้ว่านางคือ นางฟ้าแห่งดาบผู้เป็นอารักขเทวดาแห่งประเทศฟีเลเซีย ผู้มีนามว่า ฟรานเชสก้า (Francessca, the Angel of Swords) นางอยู่ในชุดเสื้อเกราะขลิบทอง ผมสีทองยาวสยาย ท่วงท่าของนางสง่างามและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ ปีกสีขาวงดงามนั้นกางแผ่กว้าง ใบหน้าที่สวยงามของนางหันไปทางเหนือ สายตาของนางทอดยาวออกไปไกลจนดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด มีดาบขนาดมหึมาที่สลักเสลาด้วยลวดลายแสนวิจิตรอย่างที่ข้าพเจ้ามิเคยพบเห็นในที่ใดมาก่อน ด้ามจับของดาบนั้นทำด้วยโลหะชั้นดีขลิบทองพันเป็นเกลียวล้อมด้าม ลวดลายที่คอด้ามนั้นก็แปลกเพราะมีลักษณะคล้ายกริชอีกเล่มวางขวางระหว่างตัวดาบและด้ามจับ มีอัญมณีสีฟ้าใสเปล่งประกายแวววาวประดับทั่วทั้งตัวดาบและด้ามจับ ดาบนั้นลอยอยู่ใกล้ตัวของนาง และยังมีดาบอีกเล่มหนึ่งขนาดเล็กว่าและงดงามน้อยกว่าเล่มแรกมากเหน็บไว้ข้างกาย ในนิมิตนั้นนางมิได้กล่าวคำพูดใดๆเลย เป็นภาพที่งดงามและทรงอำนาจ แต่มีความน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน และนี่คือนิมิตทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้เห็น เกรเกอรี่หยุดบันทึกแล้วเริ่มอ่านสิ่งที่เขียนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อตีความหมาย ความวิตกกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว เขาจรดปากกาลงอีกครั้ง หากการตีความหมายของข้าพเจ้าไม่ผิดพลาด ในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดสงครามครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟีเลเซียขึ้นอย่างแน่นอน สายตาที่ทอดยาวไปไกลของนางฟ้าแห่งดาบบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าสงครามครั้งนี้จะกินเวลายาวนานและยังไม่มีการไขแสดงจากสวรรค์ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กำชัยชนะ ข้าพเจ้าหวังเหลือเกินว่านิมิตในครั้งนี้จะเป็นเพียงความฝันธรรมดาที่ข้าพเจ้าวิตกมากเกินไปเอง �������������������� �ขอพระเจ้าทรงประทานพรแก่ฟีเลเซีย ������������������������ บี. เกรเกอรี่ เกรเกอรี่วางปากกาลงก่อนจะเลื่อนตัวลุกขึ้นจากโต๊ะตรงไปยังห้องอธิษฐาน เขาย่อตัวลงช้าๆบนแท่นคุกเข่าและเริ่มอธิษฐานภาวนาอีกครั้ง��� Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter21 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 05, 2003, 04:58:17 AM หลังจากเคลื่อนทัพสู่ฟีเลเซียได้เพียงสามสัปดาห์ ราชินีแห่งซาโลมก็บุกเข้าโจมตีเมืองหน้าด่านของฟีเลเซียทันที ในเวลาเพียงสองชั่วยามเนอริมอร์พร้อมทัพมังกรไฟ 300 ตัว ก็ทำลายเมืองหน้าด่านของฟีเลเซียจนย่อยยับไปถึงสามเมือง เมืองหน้าด่านที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามแวดล้อมไปด้วยทิวเขาเขียวชะอุ่ม และ ดอกไม้นานาพันธุ์ทั้งบ้านเรือนที่ปลูกกระจายตัวอยู่ทั่วไปล้วนแล้วแต่ถูกสร้างอย่างงดงามเพราะเป็นเมืองที่ขุนนางทั้งหลายชอบมาปลูกบ้านไว้พักผ่อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ทว่าเวลานี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่ดำเป็นตอตะโกและควันไฟกระจายไปทั่ว ความหายนะแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกที่ไม่มีชาวเมืองคนใดหนีรอดจากการโจมตีในครั้งนี้แม้เพียงสักคนเดียว ไม่มีแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใดๆเหลืออยู่ในเมือง
ฮา!ฮา!ฮา! ดีมาก เจ้าทำได้ดีมากเนอริมอร์ ซาดินตบเข่าหัวเราะชอบใจหลังจากฟังรายงานผลการรบของภรรยา ข้าเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่เมืองชนบทไม่มีอะไรมากมายนัก ข้าจึงตีเพิ่มให้ท่านอีกสองเมืองหวังว่าท่านคงจะพอใจ เนอริมอร์กล่าวเสียงเรียบทว่าแววตานั้นฉายแววแห่งความภาคภูมิใจไว้เต็มเปี่ยม ข้าพอใจมากเนอริมอร์ ซาดินกล่าวสำทับอีกครั้ง ถ้าเช่นนั้น...ข้าอยากจะขออะไรท่านสักอย่าง ท่านเคยเอ่ยปากให้ข้าแล้วแต่ข้ายังไม่ได้รับ เนอริมอร์กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรก็ว่ามาเลย ซาดินตอบรับอย่างอารมณ์ดี ข้าอยากจะกลับซาโลมตามสัญญาที่เราเคยตกลงกันไว้ ท่านคงยังจำได้ เนอริมอร์เตือนความจำของสามี ซาดินขมวดคิ้วลงแทบจะทันที เขาเกลียดความปากไวของตนเองนัก อีกทั้งเขาก็มิใคร่อยากจะให้นางทิ้งกองทัพไปสักเท่าไรเพราะแค่มีนางอยู่ก็เหมือนมีกองทัพอีกหนึ่งกองเลยทีเดียว แต่ผลงานของนางในครั้งนี้ก็สมควรที่จะได้รับบำเหน็จรางวัล ก็ได้ แต่อย่าลืมสัญญาของเจ้าล่ะ สามเดือนเท่านั้น ซาดินกำชับเหมือนเกรงว่าภรรยาของตนจะแสร้งลืมกำหนดเวลาและอาจกลับมาช่วยรบช้ากว่ากำหนด ข้าไม่ลืมแน่นอน เนอริมอร์กล่าวด้วยความโลดเต้นยินดี ถ้าเช่นนั้นข้าขอลาท่านเลย เนอริมอร์โค้งคำนับแล้วหมุนตัวกลับก้าวเดินออกไปทันที นางแทบจะทนรอพบหน้าลูกชายไม่ไหว เจ้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยรึ ซาดินตกใจกับความเร่งรีบของภรรยา ยิ่งไปเร็วเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งกลับมาเร็วขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ เนอริมอร์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางหมู่แมกไม้และธรรมชาติอันร่มรื่น ต้นไม้หลากหลายพันธุ์ทั่วทั้งผืนป่าเพิ่งจะแทงยอดสีเขียวอ่อนจนทั้งบริเวณนั้นแลดูสดใสด้วยสีเขียวอ่อนของใบไม้เล็กๆมากมาย มวลดอกไม้นับร้อยนับพันก็เริ่มแย้มกลีบดอกหลากสี เหล่าแมลงตัวน้อยไม่ว่าจะเป็น สกาลีโอ(Sgaleo), เกล แกรบ(Gale Grub) และ สกาไลท์ (Scalight) ต่างก็บินหยอกล้อสายลมและมวลไม้ดอกอย่างปรีดิ์เปรม แม้ว่าสภาพป่าโดยรอบยังคงปรากฏให้เห็นร่องรอยอันโหดร้ายของไฟป่าครั้งใหญ่อยู่ทั่วไป แต่สัญลักษณ์ของชีวิตใหม่เหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาจิตใจชาวฟูดินันและชาวป่าเผ่าต่างๆได้มากทีเดียว เผ่าฟูดินันนั้นแม้ไม่ได้ถูกโจมตีหนักเท่าเผ่าอื่นๆ แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นก็ยังความเสียหายให้แก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านไปถึงเจ็ดในสิบส่วน ทว่าอุปนิสัยที่มีมิตรจิตมิตรใจของชาวฟูดินันก็ทำให้การบูรณะเผ่าดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว เมื่อตะวันเริ่มคล้อยลงต่ำ บ้านหลังสุดท้ายที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวฟูดินันก็ได้รับการบูรณะจนสำเร็จ เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจดังสะท้อนก้องป่า ฮารีซันเดินออกมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนในเผ่าโดยมีวานาอันยืนประคองวูจินอยู่ข้างหลัง ผมขอขอบคุณในความมีน้ำใจและความสามัคคีของชาวฟูดินันทุกๆท่านที่ทำให้การบูรณะเผ่าของพวกเราดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter21 @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 05, 2003, 04:59:14 AM หัวหน้าเผ่าหนุ่มกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของบรรดาชาวเผ่า ในที่สุดเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆก็ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ว่ามันได้สร้างบาดแผลในใจให้แก่พวกเราทุกคน แต่มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น และจากเหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เราเห็นถึงความกล้าหาญของเด็กสาวชาวฟูดินันคนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งควรที่พวกเราชาวฟูดินันจะดูไว้เป็นแบบอย่าง
ฮารีซันหันไปจูงมือน้องสาวของตนให้มายืนต่อหน้าชาวฟูดินันก่อนจะกล่าวว่า ขอบใจน้องมาก วานาอัน น้องได้ช่วยชีวิตพวกเราทุกคน พี่ภูมิใจในตัวน้องมากจริงๆ ชาวฟูดินันทุกคนต่างก็ปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องเสียงดังสนั่นให้แก่วานาอันจนใบหน้าของเธอแดงก่ำ สองพวงแก้มขาวนวลเวลานี้เปลี่ยนเป็นสีแดงไม่ต่างกับผลไม้สุกปลั่ง เด็กสาวได้แต่ยิ้มรับเสียงปรบมือของทุกคนอย่างเอียงอายและพยายามถอยหลังไปหลบข้างหลังพี่ชาย เมื่อชาวบ้านเห็นดังนั้นก็พากันยิ้มขันด้วยความเอ็นดู ต่างก็ยิ่งปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจทำเอาเด็กสาวอายจนรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบไปหมด เธอชำเลืองมองท่านปู่อย่างอายๆริมฝีปากคู่บางเม้มแน่น แต่ก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอบังคับริมฝีปากน้อยๆไม่ให้ยิ้มไม่ได้ ครั้นวูจินเห็นท่าทางหลานสาวเข้าก็หัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจแกมเอ็นดู ผู้เฒ่าโบกมือช้าๆเป็นเชิงให้เบาเสียงลงก่อนจะกล่าวกลั่วเสียงหัวเราะว่า เอ๊า! พอแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวข้าก็แยกไม่ออกกันพอดีว่าไหนเป็นดวงอาทิตย์ ไหนเป็นหน้าของหลานข้า เมื่อชาวบ้านได้ยินเข้าต่างก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ข้างฝ่ายเด็กสาวแม้จะยังอายอยู่แต่ก็อดขำคำปู่ไม่ได้ วูจินยิ้มกว้างกล่าวว่า วันนี้เรามาจัดงานรื่นเริงกันดีไหม พวกเราจะได้ลืมเรื่องร้ายๆไปเสีย และก็ฉลองการบูรณะเผ่าของพวกเราที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เสียงปรบมือไชโยโห่ร้องเห็นด้วยก็ดังสะท้อนก้องป่าอีกครั้ง ชาวป่าทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายไปจัดเตรียมงานฉลองกันอย่างสนุกสนาน Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter21 สัญญาณจากสวรรค์ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 19, 2004, 04:21:51 AM มาเม้าส์กันต่อที่นี่เลยจ๊า~~~~
http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=2931;start=0#lastPost |