Title: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:22:47 AM Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง เสียงประชาชนไชโยโห่ร้องไปตลอดทางที่ขบวนแห่ของกษัตริย์ซิกมันด์และกองทหารเคลื่อนผ่าน แม้จะอยู่ในช่วงภาวะสงครามแต่ทั้งเมืองอาวีเลียก็ยังเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่และยิ่งใหญ่ให้แก่ชัยชนะของซิกมันด์ที่มีเหนือเทพเจ้าโบราณและสามารถนำพญาวิหคธันเดอริกกลับมาได้ กษัตริย์ซิกมันด์ที่แทบจะไม่เหลือร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าให้เห็นอีกแล้วทรงนั่งหน้าเชิดบนม้าสีขาวปรอดขนาดใหญ่ โดยมีนกธันเดอริกเกาะอยู่บนแขนขวาพร้อมกับกางปีกสยายอวดความองอาจไม่ต่างจากผู้ที่นำมันมา สูงขึ้นไปบนยอดกำแพงวิหารแห่งอาวีเลีย ฮารีซัน บันดาราและเจ้าหญิงเรจิน่าประทับยืนดูขบวนแห่อันเอิกเกริกของซิกมันด์อยู่ ทว่าเจ้าหญิงนั้นมีท่าทีกระสับกระส่ายคล้ายตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร เจ้าหญิงอยากจะพูดอะไร? ฮารีซันซึ่งรู้สึกได้ถึงความกังวลของเจ้าหญิงจึงกล่าวขึ้นก่อนพลางยิ้มให้กำลังใจ ข้า...เออ...ข้าอยากจะขอโทษท่านแทนซิกมันด์ ท่านจะอภัยให้เขาได้ไหม? เจ้าหญิงทรงมองฮารีซันด้วยความคาดหวัง ถ้าข้าจะบอกว่าไม่ได้ติดใจถือโทษเขาเลย ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่สิ่งที่ติดใจข้ามากกว่าคืออะไรหล่อหลอมเขาให้เป็นคนเช่นนั้น? ฮารีซันทอดสายตามองขบวนแห่ที่กำลังเคลื่อนไปยังกำแพงเมืองอีกด้านหนึ่งซึ่งเจ้าหญิงก็ทรงปรายตามองตามไปด้วยเช่นกัน อะไรที่หล่อหลอมเขาอย่างนั้นหรือ? ก็คงจะเป็นเสด็จพ่อของข้ากระมัง เจ้าหญิงตรัสด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนฮารีซันอดหันกลับมามองไม่ได้ ทว่าเจ้าหญิงมิได้ทรงละสายตาไปจากขบวนแห่เลย ท่านไม่อาจจินตนาการได้หรอกว่าเด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ของชาตินักรบนั้นต้องผ่านการฝึกฝนอย่างไรมาบ้าง เด็กที่ถูกคาดหวังจากทุกคนอย่างมากมายตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิด ซิกมันด์นั้นถูกเสด็จพ่อนำตัวไปจากเสด็จแม่เพื่อไปฝึกฝนการเป็นกษัตริย์ตั้งแต่อายุเพียงสามขวบเท่านั้น ถ้าเขาทำตัวอ้อนเสด็จแม่เหมือนเด็กอื่น ๆ หรือทำตัวไม่เหมาะสมก็จะถูกตำหนิอย่างเข้มงวดจากเสด็จพ่อทันที ทั้งวันเขาจะอยู่กับเสด็จพ่อ จะได้มาพบข้าหรือเสด็จแม่ก็ตอนเย็นแล้ว ตกกลางคืนก็แยกไปนอนที่ห้องบรรทมส่วนพระองค์ ที่จริงจะว่าไปทุกอย่างสำหรับเขาล้วนถูกจัดให้เป็นพิเศษ เขาคือคนที่รู้ว่าตัวเองต้องเป็นอะไรในอนาคตตั้งแต่จำความได้ มารดาของท่านยินยอมหรือ? ฮารีซันอดถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้ ท่านต้องยอม เพราะนั่นเป็นราชประเพณีของอาณาจักรเรา บรรพกษัตริย์ทุกพระองค์ล้วนต้องถูกฝึกเช่นนี้... เจ้าหญิงเรจิน่าทรงนิ่งเงียบเป็นครู่ใหญ่เหมือนจะหวนรำลึกถึงช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์ของน้องชาย พวกทหารองครักษ์เล่าว่า ตอนที่ซิกมันด์ถูกพรากไปจากเสด็จแม่ใหม่ ๆ ตอนกลางวันต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการปกครอง ต้องถูกฝึกให้วางตัวเหมาะสมในแบบอย่างของกษัตริย์และอัศวิน ตอนกลางคืนเขาถูกจับให้นอนเพียงลำพังคนเดียว หลายคืนที่เขาต้องนอนร้องไห้จนหลับไป เจ้าหญิงเรจิน่ายังคงจมอยู่ในความนึกคิดเมื่อครั้งสมัยยังเยาว์ ตอนที่เขาอายุได้ประมาณเก้าขวบ เขามีม้าที่รักมากอยู่ตัวหนึ่ง เขาเอาแต่ขี่ม้าตัวนั้นจนไม่ยอมฝึกขี่ม้าตัวอื่นเลยหรือแม้แต่เปกาซัส และเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบ... ภาพความทรงจำนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้นราวกับพระองค์ได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นอีกครั้งหนึ่ง ที่กลางลานฝึกขี่ม้านั้น เหล่าทหารนับสิบต่างยืนเรียงรายเป็นแถวขนาบทั้งสองด้านดูน่าเกรงขาม ม้าที่รักของเจ้าชายซิกมันด์กำลังสะบัดหัวไปมาเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ ราวกับว่ามันล่วงรู้ชะตากรรมของตน เจ้าชายน้อยที่ถูกชาร์ล คลาแรนซ์ จับข้อมือไว้แน่นพยายามดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระไม่ต่างจากม้าของตน เสด็จพ่อ! ข้าจะไม่ขี่มันอีกแล้วข้าจะขี่ม้าตัวอื่น ได้โปรดเถิดเสด็จพ่อ อย่าส่งมันไปชายแดนเลย เจ้าชายน้อยเริ่มน้ำตาร่วงพรู ชาร์ล ปล่อยข้านะ ข้าสั่งให้เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ซิกมันด์พยายามแกะมือที่กุมแน่นของชาร์ลอย่างสุดความสามารถ ทั้งทุบ ทั้งกัด ทั้งหยิกข่วนเป็นพัลวัน แต่ชาร์ลก็ยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่มีความรู้สึกเจ็บ ข้าเป็นอัศวินมีหน้าที่ปฏิบัติตามบัญชาของฝ่าบาทอย่างเคร่งครัด ชาร์ลกล่าวพลางยืดอกขึ้นอย่างผึ่งผายเมื่อเห็นว่ากษัตริย์ซิกมันด์ที่สองทรงเหลือบมองมายังตน ชาร์ลที่ถูกบิดาฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดจึงตะหนักถึงหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมายจากองค์กษัตริย์ว่าต้องปฏิบัติให้ลุล่วงอย่างเคร่งครัด แต่นั่นเป็นม้าของข้านะ เสด็จพ่อกำลังจะส่งม้าของข้าไปไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไม่ได้เจอมันอีก เจ้าชายน้อยสะอื้นรั่วทุบมือที่แข็งปานคีมเหล็กของชาร์ลไม่ยั้ง เมื่อเห็นว่าชาร์ลไม่มีทีท่าว่าจะปฏิบัติตามที่พระองค์ต้องการ จึงหันไปทางพี่สาวของตน เสด็จพี่ บอกเสด็จพ่อไปสิว่าม้าไม่ใช่ของข้าแล้ว ข้ายกให้เสด็จพี่ไปแล้ว เจ้าหญิงเรจิน่าน้อยตกตะลึงกับเหตุการณ์จนทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองกลับไปกลับมาจากม้าที เสด็จพ่อที แล้วก็วกกลับไปยังน้องชายอีก เสด็จพี่ เร็วเข้าสิ! ซิกมันด์ตะโกนสุดเสียงน้ำตายังนองหน้า สะ...เสด็จพ่อ เจ้าหญิงมองเสด็จพ่อด้วยแววตาตื่น ๆ เจ้าเป็นถึงขัตติยะนารี อย่าบังอาจพูดจาปั้นเรื่องให้เสื่อมเกียรติของเจ้า กษัตริย์ซิกมันด์ที่ 2 ตรัสเสียงเฉียบ พลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ ประตูเมืองเปิดออก และทหารม้าสองนาย ก็ขึ้นขี่ม้าของตนพร้อมลากม้าสีขาวงดงามออกจากวังไป และไม่มีใครได้เห็นมันอีก ไม่มมมมมมมม ฮือ.... เจ้าชายซิกมันด์ร้องอย่างสุดเสียงทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นร้องไห้โฮโดยที่แขนข้างที่ถูกชาร์ลจับไว้ยังคงไม่เป็นอิสระ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:24:17 AM เรจิน่า เจ้าไปหาเสด็จแม่เสีย กษัตริย์ซิกมันด์ที่ 2 ตรัสแล้วจึงให้สัญญาณมหาดเล็กและนางกำนัลพาเจ้าหญิงน้อยไปส่งผู้เป็นมารดาที่อุทยานชั้นใน
ขณะที่เจ้าหญิงเดินจากบริเวณนั้นไป เสียงเสด็จพ่อก็ดังขึ้นด้วยความเด็ดขาดจนกลบเสียงร้องไห้ของซิกมันต์หยุดแสดงความอ่อนแอของเจ้าแล้วลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!!! เจ้าหญิงน้อยอุทานอย่างตกใจรีบหันกลับไปมองกลุ่มคนเบื้องหลัง ทว่านางกำนัลก็รีบดึงพระองค์ออกจากลานขี่ม้าทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น? ฮารีซันอุทานแทบไม่เชื่อหู ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกพระองค์และหันมามองเขา เพื่อสอนให้เขารู้ว่าเขาไม่มีสมบัติใด ๆ ทั้งสิ้นให้รัก นอกจากอาณาจักรฟีเลเซียและเกียรติยศศักดิ์ศรีของเขาเท่านั้น และเพื่อสอนให้รู้ว่าการแสดงออกว่ารักหรือสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ เป็นการเปิดจุดอ่อนให้ศัตรูสามารถนำมาเป็นข้อได้เปรียบ ฮารีซันนั้นไม่เข้าใจวิธีการฝึกฝนของชาวฟีเลเซียสักนิด ทำไมจึงต้องเข้มงวดกับเด็กตัวเล็ก ๆ ถึงเพียงนี้ แล้วท่านล่ะ ท่านถูกฝึกฝนเช่นเขาหรือไม่? ไม่เลย ข้าไม่ได้รับการใกล้ชิดหรือใส่ใจจากเสด็จพ่อมากนัก ข้าถูกเสด็จแม่เลี้ยงดูมาตลอด เสด็จแม่ให้อิสระกับข้าอย่างเต็มที่ ข้าสามารถทำสิ่งใดก็ได้ถ้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรืออันตราย เมื่อตอนเป็นเด็ก ข้าเคยอิจฉาน้องที่ได้อยู่ใกล้ชิดเสด็จพ่อที่สง่างาม เข้มแข็ง และ มีเกียรติ อยู่ตลอดเวลา บางครั้งข้ารู้สึกอิจฉาเขาที่เสด็จพ่อให้ความสนใจแต่เขา โดยไม่ได้สนใจข้าเท่าไหร่เลย แต่เมื่อข้าโตขึ้น ข้าจึงตระหนักว่าซิกมันด์ต้องถูกฝึกอย่างเข้มงวดและยากลำบากเพียงใด ในเวลาที่ข้าอาจเล่นสนุก หรือหัวเราะร่าเริง เขากลับต้องแสดงออกอย่างเป็นผู้ใหญ่เกินอายุมาก และถูกจับจ้องการกระทำจากทุกคนที่คาดหวังความเป็นกษัตริย์ที่เยี่ยมยอดจากตัวเขา ทำให้ข้าเลิกอิจฉาน้องและเริ่มเปลี่ยนเป็นความสงสารเขาแทน . แต่สิ่งที่เป็นอิทธิพลต่อเขามากที่สุด ก็คงจะเป็นชีวิตของเสด็จพ่อเองที่สอนให้ซิกมันด์ได้รู้ว่าเกียรติยศ ศักดิ์ศรีและการปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงของผู้เป็นกษัตริย์นั่นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซิกมันด์ได้ติดตามเสด็จพ่อไปปราบเหล่ามังกรและสัตว์ประหลาดทุกครั้ง เสด็จพ่อทรงนำทัพต่อสู้อย่างกล้าหาญเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอาณาจักรถึงความเก่งกล้าสามารถของพระองค์ แม้แต่ข้าเองซึ่งได้มีโอกาสตามเสด็จบ้างในบางครั้งยังอดที่จะชื่นชมพระองค์ไม่ได้นับประสาอะไรกับซิกมันด์ที่ตามเสด็จทุกครั้งจะไม่ปลาบปลื้มและยึดพระองค์เป็นจุดหมาย แม้กระทั่งการศึกครั้งสุดท้ายของพระองค์ ตอนที่เสด็จพ่อยกทัพไปปราบมังกรไฮดร้าที่เกาะวาร๊อค แม้เสด็จพ่อจะถูกพิษจากไฮดร้าเพราะการต่อสู้กับมัน แต่เสด็จพ่อก็ไม่ทรงยอมรับการรักษาใด ๆ จนกว่าจะปราบเจ้ามังกรแห่งวาร๊อคสำเร็จ จนเมื่อปราบเจ้ามังกรไฮดร้าลงได้ก็สายเกินไปที่จะเยียวยาพระองค์ พระองค์ทรงใช้ชีวิตของพระองค์เองเพื่อสอนซิกมันด์ เจ้าหญิงทรงถอนหายใจเมื่อหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา บ่อยครั้งเหลือเกินที่ข้าอดรู้สึกผิดในใจไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าตัวเองก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่กดดันให้ซิกมันด์กลายเป็นคนที่มีนิสัยเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะข้าก็เคยคาดหวังว่าเขาจะยิ่งใหญ่และปรีชาเยี่ยงเสด็จพ่อ เหมือนที่ทุกคนคาดหวังจากเขา และถ้าหาก...ถ้าหากข้าเกิดมาเป็นชาย ภาระหน้าที่ต่าง ๆ ก็คงจะไม่ตกไปที่เขาแต่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ เมื่อข้าเริ่มตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้ ข้าจึงตกลงใจว่าข้าจะเลิกเป็นหนึ่งในผู้ที่กดดันเขา และเปลี่ยนมาทำตัวให้สนุกสนาน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้เขาได้พักหายใจบ้าง แต่ดูเหมือนข้าจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติเป็นสามเท่าเสมอ เพื่อที่จะทำให้เขายิ้มสักครั้งหนึ่ง น่าสงสาร ฮารีซันเปรยออกมาเบา ๆ ท่านไม่โกรธเขาแล้วหรือ? เจ้าหญิงทรงถามอย่างคาดหวัง ข้ายอมรับว่ามีความรู้สึกโกรธเขาอยู่บ้าง แต่เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ข้ารู้สึกสงสารเขามากกว่า ฮารีซันหันกลับไปมองขบวนแห่ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัววิหาร ขอบคุณมาก เจ้าหญิงตรัสพลางยิ้มอย่างมีความสุขหันกลับมามองฮารีซันด้วยความซาบซึ้งใจ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:25:51 AM หลังจากที่กษัตริย์ซิกมันด์เดินทางกลับมาได้แค่เพียงสัปดาห์เดียว กองทัพซาโลมก็ยกทัพมาประชิดเมืองอาวีเลียอีกครั้ง ดูเหมือนว่ากองทัพเพลิงอยากจะเห็นความสามารถของนกธันเดอริก อาวุธใหม่ของอาณาจักรฟีเลเซีย ซึ่งก็คงเพราะการแห่แหนอย่างเอิกเกริกเมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นเอง ที่ทำให้พวกซาโลมไม่อาจอดใจอยู่เฉยได้ เสียงกลองศึกและเสียงโห่ร้องจนนอกกำแพงดังสนั่นเหมือนจะโห่ร้องให้กำแพงพังลงไปต่อหน้า
ภายในเมืองอาวีเลียนั้น เหล่าทหารทั้งฝ่ายฟีเลเซีย และ ฝ่ายฟูดินันต่างก็เร่งจัดเตรียมทัพเป็นการใหญ่ พลธนูต่างเร่งเข้าประจำที่ซ้อนกันถึงสามแถวตลอดแนวกำแพงเมือง ธนูที่ถูกพัฒนาจากนักประดิษฐ์ทิโมธีถูกแจกจ่ายให้แก่พลธนูได้ใช้จริงในศึกครั้งนี้ จากปลายลูกดอกที่แหลมคมกลับถูกเปลี่ยนเป็นกระเปาะแก้วที่บรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็ม ซึ่งหากกระเปาะแก้วถูกปล่อยออกไปโดนทหารผี มันจะแตกออกทำให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในกระจายออกราดรดตัวทหารปีศาจทันที ซึ่งทุกคนต่างก็เชื่อว่าธนูรุ่นใหม่นี้จะสามารถจัดการกับทหารปีศาจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ในวันนี้กองทัพของทั้งฟีเลเซียและฟูดินันดูจะเน้นไปที่กองทัพสัตว์มากกว่ากองทัพมนุษย์ ทั้งบรรดากองทัพนก กองทัพกริฟฟิน กองทัพสัตว์ป่าของฟูดินัน กองทัพเปกาซัส รวมไปถึงเหล่าม้าศึกดูจะฮึกเหิมเป็นพิเศษ เสียงร้องขู่คำรามได้ระงมไปทั่วเมือง ที่บนป้อมกำแพงเมือง เจ้าหญิงเรจิน่า จอมทัพชาร์ล และกษัตริย์ซิกมันด์ยืนตระหง่านอย่างองอาจ ที่แขนซ้ายของพระองค์มีนกธันเดอริกเกาะอยู่ เจ้านกสายฟ้าสอดส่ายสายตาเหลือบมองกองทัพเพลิงเบื้องล่างด้วยความสนใจ หึ เจ้าพวกคนเถื่อนมันอยากจะลองดีกับโรดเดอริก (Roderick) ของข้าสินะ ถึงได้รีบเสนอหน้ายกทัพมาเร็วขนาดนี้ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงเค้นเสียงหัวเราะมองนกสายฟ้าอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งพระองค์ทรงตั้งชื่อให้ว่า โรดเดอริก อันนี้ความหมายว่าพลังแห่งเกียรติยศนั่นเอง วันนี้ดูท่าทางว่าพวกมันจะยกทัพมาหยั่งเชิงโรดเดอริกมากกว่านะพ่ะย่ะค่ะ เพราะแม้จำนวนทหารจะมากอยู่ แต่ก็ไม่เท่ากับการรบในครั้งก่อน ๆ จอมทัพฟีเลเซียตั้งข้อสังเกต ข้าเองก็อยากจะเห็นความสามารถที่แท้จริงของโรดเดอริกเหมือนกัน ให้กองทัพเถื่อนนี่เป็นคู่ซ้อมมือก็ดี กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสอย่างหยามใจ ในขณะที่โรดเดอริกกางปีกออกเหมือนจะเป็นการประกาศพลังของตน ซึ่งก็ทำให้เหล่ากองสัตว์เบื้องล่างร้องคำรามขานรับอย่างฮึกเหิมทันทีเช่นกัน โรดเดอริกมีพลังมากจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นกองทัพสัตว์ฮึกเหิมถึงเพียงนี้มาก่อนเลย เหมือนกับว่านกสายฟ้าตัวนี้เพิ่งพลังทั้งความฮึกเหิมและความแข็งแกร่งให้พวกมันอย่างนั้นแหละ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัส ใช่แล้ว นี่แหละความสามารถของมัน กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกระหยิ่มยิ้มย่อง ชาร์ล เตรียมให้สัญญาณโจมตีได้ สั่งสอนให้พวกมันรู้สำนึกว่าโทษของผู้ที่บังอาจมารุกรานฟีเลเซียนั่นจะเป็นเช่นไร ใครเป็นผู้ยกทัพมากัน? ข้าไม่เห็นตัวแม่ทัพเลย เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสตั้งข้อสังเกตบ้าง กระหม่อมก็ไม่เห็นเหมือนกัน ชาร์ลกวาดตามองดูผู้ที่น่าจะเป็นผู้นำทัพ หึ มันคงจะเกรงกลัวโรดเดอริกของข้าจนไม่กล้าโผล่หัวขึ้นมาละสิ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยิ้มเยาะพลางหันมามองนกธันเดอริก แต่แล้วพระองค์ก็สังเกตเห็นว่าเจ้านกสายฟ้าเหลือบมองจ้องบางสิ่งบางอย่างบนฟ้าอย่างไม่วางตา เมื่อพระองค์หันไปมองตาม จึงได้เห็นว่ามีนกปีศาจตัวหนึ่งบินวนอยู่เหนือกองทัพเพลิงมันบินอยู่สูงจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น พระองค์รีบยกกล้องขึ้นส่องดูทันที นั้นมันตัวอะไรกัน?! ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองตาม แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้เพราะต่างก็ไม่เคยเห็นนกปีศาจของแบล็ค ไวเซอร์มาก่อน นกปีศาจที่มีตาขวาถึงสองดวงและตาซ้ายเพียงดวงเดียว ซ้ำในอุ้งเท้าของมันยังถือลูกแก้วไว้ลูกหนึ่งด้วย ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าลูกแก้วนั้นมีความสำคัญอย่างไร มันบินวนอยู่บนนั้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ? ชาร์ลเริ่มมีความกังวล ทันใดนั้นเองเจ้านกปีศาจก็แผดเสียงร้องแหลมดังจนก้องไปทั่วสนามรบ พร้อม ๆ กับที่กองทัพซาโลมที่เริ่มเฮโลเข้าโจมตีกำแพงเมืองอาวีเลีย โจมตี !! กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสทันทีไม่รอช้า กระเปาะน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดีดออกจากคันธนูพุ่งเข้าใส่กองทัพปีศาจเบื้องล่างราวกับเม็ดฝนยักษ์ เสียงกรีดร้องและเสียงเนื้อปีศาจที่เดือดพล่านดังไปทั่ว กระนั้นก็ดีเครื่องดีดหินและเครื่องยิงธนูยักษ์ของทางฝ่ายซาโลมก็พุ่งเข้าโจมตีเมืองอาวีเลียได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน เมื่อพลธนูสามารถกำจัดทหารปีศาจไปได้พอสมควรแล้ว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงให้สัญญาณกับชาร์ลอีกครั้ง เสียงแตรบุกของกองทัพสัตว์ก็ดังขึ้นทันที ในทันใดนั้นเจ้านกธันเดอริกก็กางปีกสีทองอร่ามจนสุดก่อนจะทะยานขึ้นท้องฟ้าบินอ้อมโฉบลงไปยังกองทัพสัตว์ของฟีเลเซีย เสียงร้องของมันดังเหนือกองทัพสัตว์เมื่อใด เสียงร้องขู่คำรามอย่างฮึกเหิมก็ดังกระหึ่มเมื่อนั้น กองทัพสัตว์บ้างก็ใช้สองขาหน้าตะกุยพื้นในฝุ่นตลบ บ้างก็กางปีกออกกระพืออย่างแรงจนเกิดลมพัดวูบไหวไปทั่ว บ้างก็ส่งเสียงร้องจนเหล่าทหารที่อยู่ใกล้ต้องยกมือขึ้นปิดหู เหมือนกับว่ากองทัพสัตว์เหล่านี้มีพลังกำลังเพิ่มขึ้นจนล้นปรี่ ทันทีที่นกธันเดอริกโผไปเกาะที่ยอดกำแพงพร้อม ๆ กับเสียงร้องอันแผดดังดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ฝูงกองทัพนก และ กริฟฟินก็ทะยานพุ่งข้ามกำแพงไปด้วยความเร็วปานพายุหมุน ต่างพุ่งตัวโฉบเข้าโจมตีกองทัพตอนกลางและตอนหลังของซาโลมอย่างดุเดือด เกิดการชุลมุนกันที่กองทัพเบื้องหลังของซาโลมจนดูยุ่งเหยิงไม่เป็นขบวน และเพียงชั่วอึดใจเดียวนั้นเอง ประตูเหนืออาวีเลียก็เปิดออกพร้อม ๆ กับกองทัพสัตว์นานาชนิดก็กระโจนพรวดออกมาราวกับสายฟ้าฟาด ต่างพุ่งเข้าหาทหารซาโลมอย่างไม่กลัวตายด้วยความเหี้ยมหาญ กงเล็บและคมเขี้ยวจมลึกฝังเข้าไปในเนื้อจนแทบหักกระดูก เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังผสมปนเปไปกับเสียงร้องคำรามจนลั่นสนามรบ จากนั้นไม่นานกองทัพอัศวินก็ควบทะยานม้าศึกที่คึกคะนองกระโจนออกจากประตูเมืองตรงเข้าห่ำหันทัพซาโลมพร้อม ๆ กับกองทัพชาวป่าของฟูดินันก็เฮโลกันออกมาจู่โจมต่ออย่างต่อเนื่องทันทีเช่นกัน Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:28:03 AM ทั้งบรรดาแม่ทัพฝ่ายฟีเลเซียและฟูดินันต่างก็อึ้งตะลึงลานกับภาพเบื้องหน้า ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้านกสายฟ้าสัตว์กึ่งเทพของเทพเจ้าธอร์จะสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้ที่นำมันมาอย่างกษัตริย์ซิกมันด์ก็ยังอดตื่นตะลึงไม่ได้ พระองค์หันไปมองโรดเดอริก ซึ่งบัดนี้บินกลับมาเกาะที่ไหล่พระองค์ด้วยสายตาที่แสดงถึงการยอมรับในความสามารถอย่างแท้จริง ซึ่งมันก็จ้องกลับพร้อมกับผงกหัวคล้ายกับแสดงท่ายอมรับอย่างยินดี
ในขณะที่กองทัพฟีเลเซียกำลังได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด จู่ ๆ เจ้านกปีศาจก็ร้องเสียงดังขึ้นเหนือกองทัพซาโลม เพียงไม่นานฝูงมังกรไฟก็โผบินขึ้นเต็มน่านฟ้า ก่อนจะบินข้ามกำแพงเมืองตรงเข้าเผาบ้านเรือนหลังกำแพงเมืองทันที กองทัพฟีเลเซียจึงส่งกองทัพมังกรเข้าต่อกรทันทีเช่นกัน ทำให้เวลานี้มีการสู้รบทั้งบนบกและบนอากาศจนชุลมุนไปหมด ไอ้นกนั้นต้องคอยส่งข่าวและรับคำสั่งจากใครสักคนแน่ ชาร์ลกล่าวอย่างขุ่นเคือง กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกัดกรามกรอดเหลือบไปมองเพลิงไหม้ที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วภายในเมืองอาวีเลีย จัดการมัน โรดเดอริก สิ้นเสียงกษัตริย์ซิกมันด์ เจ้านกธันเดอริกก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปในทันที เจ้านกปีศาจเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้าใส่ธันเดอริกด้วยเช่นกัน ทว่านกธันเดอริกนั้นตัวใหญ่ตัว ทั้งยังมีความเร็วกว่าหลายขุมนัก ทันทีที่ปะทะกันเจ้านกปีศาจที่เปลี่ยนใจเบี่ยงหลบก็เสียหลักร่วงลงจากฟ้าอย่างไม่เป็นท่า เมื่อมันพยายามกระพือปีกทรงตัวอีกครั้ง เจ้านกสายฟ้าก็พุ่งโฉบเข้าซ้ำ ลูกแก้วที่อยู่ในอุ้งเท้าของมันก็ร่วงหลุดหายเข้าไปในคลื่นสงครามเบื้องล่าง เจ้านกปีศาจดูเหมือนจะฉุนโกรธและตรงเข้าโจมตีใส่ด้วยอารมณ์โกรธแค้น นกทั้งสองพุ่งเข้าจิกตีกันเป็นพัลวัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าใครที่เป็นต่อ เพียงพริบตาเดียวเจ้านกสายฟ้าก็จิกตาบนซ้ายของนกปีศาจจนทะลุ เสียงร้องแผดแหลมอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นทันที เจ้านกปีศาจหุบปีกดิ้นสะบัดจนตัวหงิกงออยู่กลางอากาศก่อนจะค่อย ๆ หมุนคว้างและร่วงลงมาอย่างเร็ว ทว่าก่อนที่เจ้านกปีศาจจะตกลงถึงพื้น จู่ ๆ ก็มีปีศาจรูปร่างคล้ายค้างคาวบินโฉบมาอย่างรวดเร็วและคว้าตัวนกปีศาจบินหายไป หลังจากที่นกปีศาจจากไปแล้วทัพซาโลมที่ไม่มีใครคอยสั่งการก็ค่อย ๆ ล่าถอยกลับไปในที่สุด เสียงไชโยโห่ร้องของบรรดาทหารฟีเลเซียและฟูดินันก็ดังขึ้นเพื่อประกาศชัยชนะเหนือกองทัพเถื่อนของซาโลมอีกครั้ง ทว่ายังไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ากองทัพซาโลมได้สร้างความเสียหายให้ฟีเลเซียมากกว่าที่ทุกคนคาดคิด s อะไรนะ?! กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสอย่างเดือดดาล ทูลฝ่าบาท ตอนที่พวกมังกรไฟของซาโลมบินข้ามกำแพงมาโจมตีเมืองชั้นใน พวกมันได้เผาทำลายคลังเสบียงและคลังแสงของพวกเราจนเสียหายอย่างหนัก นายทัพฝ่ายคลังเสบียงทูล มันคงมีแผนจะทำลายคลังเสบียงและคลังอาวุธของเราตั้งแต่แรกแล้ว คงเพราะมันเคยยึดเมืองนี้ไว้ มันจึงรู้ว่าคลังเสบียงและคลังแสงของเราอยู่ที่ไหน มันถึงได้โจมตีได้ถูกจุด ชาร์ลกล่าวเสริมด้วยความหงุดหงิด เสียหายมากขนาดไหน? เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสถาม เราอาจจะไม่มีเสบียงพอเลี้ยงทหารทั้งฟีเลเซียและฟูดินันได้ถึงสองเดือน นายทัพฝ่ายคลังเสบียงกล่าว การศึกครั้งนี้ยืดเยื้อมาก ซ้ำนี่ก็ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวทำให้พืชผลยังไม่ออกรวง อีกทั้งพื้นที่การเกษตรในแถบนี้ส่วนใหญ่ก็โดนกองทัพเพลิงเผาทำลายไปมาก การจะเร่งหาเสบียงมาทดแทนนั้นลำบากเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ แล้วฝ่ายคลังแสงล่ะ? กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสถามเสียงเครียด คลังแสงก็เสียหายหนักเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ อาวุธที่มีส่วนประกอบของไม้ ส่วนใหญ่ก็ไหม้ไฟจนชำรุดเสียหาย ส่วนพวกที่เป็นโลหะก็โดนความร้อนจนบิดเบี้ยวผิดรูปร่างไปก็มาก ถ้าจะซ่อมแซมก็คงต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อย อาวุธประเภท ใช้แล้วหมดไปอย่างพวกลูกธนูก็มีความจำเป็นมากที่จะต้องเร่งผลิตอย่างรีบด่วน คงต้องใช้งบประมาณในการเร่งซ่อมแซมมากโขเชียวพ่ะย่ะค่ะ ที่ประชุมต่างเงียบเสียงลง พยายามคิดหาทางออกกันจ้าละหวั่น ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งเสบียงอาหารที่ต้องเลี้ยงดูทหารนับแสน ทั้งงบประมาณจำนวนมหาศาลที่จะต้องเร่งหามาฟื้นฟูทุกส่วนโดยด่วน เราคงจำเป็นต้องตัดงบประมาณหลายส่วนมาเร่งฟื้นฟูคลังแสงและคลังเสบียงก่อน ชาร์ลกล่าวเสียงเครียด ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องตัดเสบียงของฟูดินัน กษัตริย์ซิกมันด์ตรัส ทั้งที่ประชุมต่างเงียบเสียงลง เจ้าหญิงเรจิน่าทรงมองกษัตริย์น้องชายด้วยความวิตกในการตัดสินใจครั้งนี้ กษัตริย์ซิกมันด์มองตอบด้วยสีหน้าตึงเครียดพลางส่ายหน้า ข้าไม่มีทางเลือก ตั้งแต่แรกเริ่มสงคราม พวกเราก็เตรียมเสบียงไว้ให้เพียงพอต่อกองทัพของเราเท่านั้น การที่กองทัพของฟูดินันยกทัพมาช่วยเรา แม้แต่เดิมพวกชาวป่าจะมีเสบียงมาด้วยแต่เมื่อนานวันเข้าเสบียงก็หมด เราเองจึงต้องแบ่งเสบียงให้ การที่เสบียงที่เตรียมไว้สำหรับหนึ่งกองทัพ ต้องมาแบ่งให้ถึงสองกองทัพ มันก็ไม่น่าจะพอเพียงไปตลอดการรบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นี่ยังมาถูกทำลายจนเสียหายขนาดนี้อีก ชาร์ลเอ่ยขึ้นด้วยความหนักใจ ข้าเข้าใจ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสอย่างเข้าใจสถานการณ์ แต่ก็ยังอดหนักใจไม่ได้ ข้ากังวลว่าพวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างไรถ้าไม่มีเสบียงช่วยจากเรา หรือเราจะให้พวกเขาเดินทางกลับไปก่อน นายทัพนายหนึ่งกล่าวขึ้น เป็นไปไม่ได้ พวกซาโลมมันจมูกไวจะตาย พวกมันคงรีบยกทัพมาประชิดเมืองทันทีแน่ นายทัพอีกนายกล่าว ทุกคนในที่ประชุมต่างก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์ยากลำบากที่กำลังเผชิญอยู่ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากที่ทรงนิ่งเงียบอยู่นานพลางหันไปทางเจ้าหญิงเรจิน่า บอกตรง ๆ ข้ามองไม่เห็นทางอื่นจริง ๆ s Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:29:26 AM เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเดินตรงไปยังกลุ่มผู้นำชาวป่าที่กำลังนั่งชุมนุมกันอยู่รอบกองทัพด้วยความรู้สึกวิตกกังวลและไม่สบายใจอย่างที่สุด พระองค์ไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายให้พวกชาวป่าเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ ฮารีซันซึ่งสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้าหญิงอยู่ก่อนแล้วจึงพูดขึ้นทันที
เกิดอะไรขึ้นหรือ? เหล่าขุนพลชาวฟูดินันต่างหันหน้ามามองเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย เจ้าหญิงยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมและแววตาวิตกกังวล พระองค์กวาดตาไปรอบ ๆ กองไฟจึงเห็นว่าข้าง ๆ ฮารีซันยังมีที่ว่างอยู่จึงเดินเข้าไปและหย่อนองค์ลงนั่งบนขอนไม้นั้น ข้ามีข่าวไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักมาแจ้งให้ทราบ เจ้าหญิงเริ่มเกริ่นก่อนจะค่อย ๆ เล่าสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้พวกชาวป่าฟังถึงความจำเป็นของกองทัพที่จะต้องตัดเสบียงช่วยเหลือชาวฟูดินัน ทุกคนต่างฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากผู้เล่า แต่ทว่าสิ่งที่ผิดคาดจากความคิดของเจ้าหญิงและเหล่าขุนพลชาวฟีเลเซียก็คือ ทุกคนต่างคิดว่าคงจะเป็นเรื่องยากลำบากที่ชาวฟูดินันจะยอมรับการถูกตัดความช่วยเหลือแต่โดยดี เนื่องจากทหารร่วมแสนจะไม่มีอาหารไว้หล่อเลี้ยงกองทัพทันทีหลังจากเดือนนี้ไป ทว่าเหล่าขุนพลชาวป่ากลับยอมรับอย่างเข้าใจแม้จะยังมีความวิตกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างมองหน้ากันไปมาเพื่อหวังว่าจะมีใครคิดหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ข้าเสียใจ ที่เรื่องออกมาเป็นเช่นนี้ เจ้าหญิงตรัส พวกเราเข้าใจ อย่างคิดมากเลย ฮารีซันกล่าวให้กำลังใจ ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเขา เสบียงที่จะเอาไว้ใช้ในกองทัพของพวกเราต้องนี้ก็ยังมีพอเลี้ยงทั้งกองทัพได้อีกระยะหนึ่ง เวลานี้พวกเราคงต้องช่วยกันคิดหาวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ มีใครมีความคิดดี ๆ บ้าง ส่งข่าวกลับไปที่เผ่าของพวกเรา ให้พวกเขาส่งเสบียงมาให้เพิ่มดีไหม? นายพลทราเฮิร์นเสนอ เกรงว่าคงได้จากแต่ละเผ่าไม่มากเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็เพิ่งฟื้นตัวจากการปล้นสะดมของไอ้พวกซาโลม และโดยเฉพาะเผ่าของข้าคงไม่มีผลผลิตใด ๆ ส่งมาให้ เพราะจนบัดนี้พิษจากเพลิงเวทย์ก็ยังไม่เสื่อม พืชผลใด ๆ ก็คงยังกินไม่ได้ ดามิก้าพูดแล้วก็หงุดหงิดเมื่อคิดถึงความพินาศย่อยยับของเผ่าตน แล้วท่านฮารีซันล่ะ? ท่านคิดว่าอย่างไร? คาร์นเอ่ยถาม ข้ากำลังคิดเถอะเรื่องที่ข้าเพิ่งได้ยินมาวันนี้ เรื่องอะไรรึ? ทุกคนถามอย่างสนอกสนใจ วันนี้มีพี่น้องของเผ่าเล็ก ๆ เผ่าหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเผ่าฟูดินัน ตอนที่เกิดไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่เพราะการทำลายล้างของราชินีของซาโลม เขาได้อพยพครอบครัวหนีข้ามทะเลไปยังเกาะทางใต้ แต่เมื่อเขาได้ข่าวว่าเราสามารถพลักดันกองทัพเพลิงกลับออกไปได้แล้ว เขาจึงได้อพยพกลับมา แต่ได้เดินทางมาช่วยรบกับกองทัพเสริมของพวกเราที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน อาณาจักรทางใต้...อาณาจักรแอนดิซองที่ว่ากันว่ามั่งคั่งจนเอาเพชรนิลจินดามาประดับตามผนังบ้านน่ะรึ? ดามิก้าถามต่ออย่างสนใจ เจ้าเชื่อเรื่องที่พวกพ่อค้าคุยเร่โม้ให้ฟังด้วยรึ? คาร์นถามด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าดามิก้าจะเชื่อคำพูดคุยโม้ของพวกพ่อค้าเร่ ข้าก็ไม่ได้เชื่อขนาดนั้นหรอกน่า ดามิก้าหน้าแดงหัวเราะกลบเกลื่อน ข้าแค่คิดว่ามันน่าจะมีเคล้าความจริงอยู่บ้าง ไม่งั้นพวกพ่อค้าคงเอามาเล่าไม่ได้ เอาเถอะ...ว่าแต่ท่านคิดว่ามันมีอะไรน่าสนใจรึ? ที่น่าสนใจก็คือ เขาได้พูดถึงความโอบอ้อมอารีของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรแอนดิซอง เจ้าหญิงอลาน่า มารี ชาริเต้ แห่งแอนดิซองสินะ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสขึ้น ข้าก็เคยได้ยินชื่อเสียงของพระองค์มาเหมือนกัน ว่ากันว่าพระองค์เป็นเจ้าหญิงที่อุทิศตนช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ใช่แล้ว ที่ข้าได้ยินมา เจ้าหญิงพระองค์นี้อุทิศตนเผื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งยังให้ความช่วยเหลือบรรดาชาวฟีเลเซียและฟูดินันที่อพยพหนีภัยสงครามไปที่อาณาจักรแอนดิซองอย่างเต็มที่และเท่าเทียม เหมือนเป็นประชาชนของแอนดิซองเช่นกัน ดังนั้น ความคิดของท่านคือ.... ทราเฮิร์น นายทัพเซนทอร์ลากเสียงถามหยั่งความคิดของฮารีซัน ข้าคิดว่าเราควรจะเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงอลาน่า ฮารีซันประกาศ s Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:31:59 AM หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับทุกฝ่ายแล้ว ที่สุดด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิงเรจิน่า ฟีเลเซียก็ยินยอมให้ฮารีซัน หัวหน้าของกองทัพชาวป่ายืมเรือรบแห่งฟีเลเซีย (FELASIA BATTLE SHIP) เพื่อออกเดินทางสู่อาณาจักรแอนดิซอง ฮารีซันพร้อมด้วยทราเฮิร์นและทหารฟูดินันอีกจำนวนหนึ่งจึงออกเดินทางลงใต้มุ่งสู่ฐานทัพเรือของฟีเลเซีย โดยมอบหมายให้คาร์นและดามิก้าอยู่ควบคุมดูแลกองทัพที่เมืองอาวีเลียแทน
ทันทีที่มาถึงฐานทัพเรือของฟีเลเซีย ทุกคนต่างก็ต้องตื่นตะลึงกับแสนยานุภาพของกองทัพเรือแห่งฟีเลเซียซึ่งก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าทัพบกและทัพอากาศเลย เรือรบขนาดต่าง ๆ ถูกนำมาจอดเทียบท่าเรียงรายอยู่เต็มท่าเรือ เรือรบที่ฟีเลเซียให้ชาวป่าหยิบยืมนั้น เป็นเรือรบที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ดูมีความแข็งแกร่งพอที่จะแล่นข้ามทะเลที่เชี่ยวกราดได้ดี ฮารีซันและทราเฮิร์นเดินสำรวจรอบเรือรบระหว่างที่ลูกเรือชาวป่าคนอื่น ๆ ทยอยขนเสบียงอาหารลงเรือ นี่เป็นการเดินทางออกทะเลครั้งแรกของข้าเลยนะเนี่ย ทราเฮิร์นกล่าวพลางสูดกลิ่นไอทะเลเข้าเต็มปอด ข้าก็ไม่ต่างจากท่านเท่าไหร่หรอก ฮารีซันกล่าวยิ้ม ๆ กวาดตามองผืนน้ำสีฟ้าอมเขียวและอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับการออกทะเลครั้งแรกไม่ได้เช่นกัน ดีที่เรามีพี่น้องจากเผ่าที่อยู่ติดชายทะเลมาด้วย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการแล่นเรือมากนัก แม่ทัพเซนทอร์ยิ้มพยักหน้ารับคำก่อนที่รอยยิ้มจะค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้า แววตาเริ่มฉายแวววิตกกังวล เมื่อคิดถึงหนทางเบื้องหน้าและภารกิจที่ต้องกระทำ ท่านคิดว่าเราจะทำสำเร็จไหม? ฮารีซันมองตอบก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่นายทัพเซนทอร์อย่างให้กำลังใจ เราต้องทำสำเร็จ ถูกของท่าน เราต้องทำสำเร็จ ทราเฮิร์นยิ้มอย่างมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อพี่น้องทั้งกองทัพ เขาจะรีบถอดใจก่อนไม่ได้ เสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่าทุกฝ่ายพร้อมออกเดินทางแล้ว ทั้งสองตบบ่าให้กำลังใจกันอีกครั้งก่อนจะเดินไปสมทบกับคนอื่น ๆ s หลังจากที่คณะของฮารีซันออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองท่าไปได้หนึ่งสัปดาห์ แม่ทัพชาร์ลก็ถูกเชิญตัวเข้าพบเจ้าหญิงเรจิน่า ณ จวนที่ประทับเป็นการส่วนพระองค์ แม่ทัพชาร์ลในชุดเกราะเต็มยศเดินทางมาถึงจวนที่พักตรงเวลาเหมือนเคย ในเวลาเที่ยงตรงอย่างวันนี้ แม้จะอยู่ปลายฤดูหนาวแล้วแต่ในชุดเกราะเต็มยศเช่นเขาก็เรียกเหงื่อให้ไหลเป็นทางได้ ชาร์ลรับผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มจากเด็กรับใช้ที่นำมาให้ขึ้นซับหน้าระหว่างรออยู่ในห้องรับรองที่มีอากาศเย็นสบาย ซึ่งก็คลายความร้อนลงได้มากทีเดียว เพียงครู่หนึ่งเจ้าหญิงก็เสด็จออกมาพบพร้อมแนนเนตนางกำนัลคนสนิท เจ้าหญิงทรงเดินเข้ามาหาในขณะที่แนนเนตหยุดยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าอย่างรู้หน้าที่ ท่านมาถึงตรงเวลาเหมือนเคยนะ เจ้าหญิงตรัสพร้อมกับประทับนั่งที่เก้าอี้ตัวโปรด ในขณะที่ชาร์ลก้มศีรษะน้อย ๆ รับคำ ฝ่าบาททรงเรียกพบ มีเรื่องด่วนรึพ่ะย่ะค่ะ? ชาร์ลถามนำ จะว่าด่วนก็ไม่เชิงหรอก แต่เรียกว่าเป็นเรื่องที่ข้ายังกังวลอยู่น่าจะเหมาะกว่า เจ้าหญิงตรัส ท่านคิดว่าตอนนี้ซิกมันด์เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าเป็นพี่ของเขา และ รู้จักเขาดีกว่าใคร ๆ เวลานี้เขาดูเคร่งเครียดตลอดเวลา...จนข้าอดเป็นห่วงไม่ได้ ในด้านไหนล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท? ชาร์ลทูลตอบ หากเป็นในแง่ความเป็นกษัตริย์แล้ว ถือว่าพระองค์ทำได้ดีมาก ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ พระองค์อาจจะดูเคร่งเครียด และ แข็งกร้าว แต่ก็เผื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าอัศวินโดยแท้จริง ยิ่งท่าทีที่พระองค์มีต่อกองทัพชาวป่านั้นก็ยิ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของพระองค์ได้อย่างดี เพราะหากพระองค์ทรงชื่นชมกองทัพชาวป่าที่เพิ่งเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้กองทัพของเรา แต่กลับทำให้เราสามารถตีโต้กองทัพซาโลมจนสามารถยึดเมืองคืนได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เหล่าอัศวินที่ทุ่มเทแรงกายถวายชีวิตในการรบมาเป็นเวลาแรมเดือนก็จะพาลท้อแท้หมดกำลังเอาได้ ดังนี้แล้วท่าทีแข็งกร้าวต่อกองทัพชาวป่าของพระองค์จึงเป็นเหมือนการประกาศให้เหล่าอัศวินทั้งกองทัพทราบว่าพระองค์ยังคงรักและภาคภูมิใจในพวกเขาอยู่ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงยิ้มพยักหน้าเห็นด้วยกับจอมทัพฟีเลเซีย น้องชายของพระองค์ต้องขึ้นรองราชย์ตั้งแต่ด้วยวัยเพียงสิบหกปี ครั้นขึ้นครองราชย์ได้เพียงปีเดียวก็ต้องเข้ารบทัพจับศึกที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาสามารถประคับประคองนำพาประเทศชาติและกองทัพให้ยังคงเป็นปึกแผ่นได้เพียงลำพังคนเดียวนานถึงเกือบสามปีแล้ว แต่ทว่าเจ้าหญิงก็ยังคงมีความวิตกกังวลอยู่จึงตรัสถามต่อ ข้าเข้าใจที่เขาแสดงท่าทีที่ดูแข็งกร้าวเกินจริงต่อกองทัพฟูดินันเพื่อขวัญและกำลังใจให้แก่กองทัพของเรา แต่ความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่อกองทัพชาวป่าเล่า? นี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าวิตกเพราะเขาไม่ค่อยจะยอมบอกอะไรข้าสักเท่าไหร่เลย ก็เพราะพระองค์ดูมีท่าทีชื่นชอบกองทัพชาวป่าอยู่มากนะสิพ่ะย่ะค่ะ ชาร์ลยิ้มร่าทูลดักอย่างรู้ทัน อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยชาร์ล เจ้าหญิงทรงยิ้มตอบพลางหรี่ตาแคบคล้ายกำลังหาวิธีแก้เผ็ดไว้ในใจ ฝ่าบาททรงยอมรับในฝีมือการรบของกองทัพฟูดินัน ชาร์ลทูลตอบพร้อมกับทำหน้านิ่งเหมือนไม่รับรู้สัญญาณเตรียมแก้เผ็ดของเจ้าหญิง เขาพูดเช่นนั้นรึ? เจ้าหญิงทรงอดถามย้ำอย่างตื่นเต้นไม่ได้ พ่ะย่ะค่ะ หลังจากทอดพระเนตรการรบของกองทัพฟูดินัน2-3ครั้ง พระองค์ก็ตรัสกับกระหม่อมถึงเรื่องนี้ ทว่าเจ้าหญิงต้องทรงเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ฝ่าบาทต้องการให้การยอมรับกองทัพชาวป่าดำเนินไปอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ข้าเข้าใจ เพียงข้าได้ยินว่าซิกมันต์มีความรู้สึกเช่นนี้กับกองทัพฟูดินัน ข้าก็ค่อยเบาใจขึ้น พ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาททรงรังเกียจหรือเหยียดหยามกองทัพฟูดินันอย่างที่ทรงแสดงออก ป่านนี้พวกเขาคงไม่ได้เรือรบแม้สักลำออกทะเลเพื่อเดินไปอาณาจักรแอนดิซองง่ายดายเช่นนี้ และเรือที่ให้ไปก็ถือว่าเป็นเรือรบชั้นดีลำหนึ่งของเราทีเดียว จริงของท่าน เจ้าหญิงทรงยิ้มรับคำ ตอนนี้ก็คงเหลือแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ซิกมันต์คลายความตึงเครียดลงได้บ้าง การเป็นกษัตริย์ที่ต้องดูแลกองทัพและเมืองต่าง ๆ ในภาวะสงครามเช่นนี้ช่างเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสเหลือเกิน แม้หากเสด็จพ่อยังมีพระชนม์อยู่ก็คงจะต้องปกครองด้วยความลำบากไม่ใช่น้อย ซิกมันต์แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นมากจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่พวกเราภาคถูมิใจ ชาร์ลยิ้มรับคำด้วยความจริงใจ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 52 มุ่งสู่แอนดิซอง @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on January 29, 2007, 06:33:04 AM มาม๊ะ...มาเม้าท์กันทีนี่จ๊ะ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=27952.0 |