Title: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:08:48 PM Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก เช้าวันใหม่บนวาฮาลชั้นที่สองนั้นช่างสดชื่น แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องผ่านม่านหมอกบาง ๆ ทำให้ยามเช้าบนเนินเขาแห่งนี้ดูราวกับสวนสวรรค์ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงตื่นจากบรรทมมาได้ครู่ใหญ่แล้ว และกำลังรอฮารีซันซึ่งตระเตรียมมื้อเช้าสำหรับทั้งคู่อยู่ เมื่อวานนี้กว่าที่ทั้งคู่จะขึ้นมาถึงวาฮาลชั้นที่สองได้ก็ล่วงเข้าไปมืดค่ำแล้ว จึงต้องยุติการเดินทางและจัดเตรียมที่พักนอนเอาแรง เพื่อวันนี้จะได้มีแรงออกติดตามหากษัตริย์ซิกมันด์ได้ทั้งวัน ขณะที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่นั้น จู่ ๆ เจ้าหญิงเรจิน่าก็เห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่หลังพุ่มไม้ เจ้าหญิงจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นแทบจะทันใด ทำเอาฮารีซันสะดุ้งจนตาค้างกับอาการผลุบผลับของเธอ เกิดอะไรขึ้น? ฮารีซันรีบถาม นั่นไง! เจ้าหญิงทรงชี้มือไปที่ชายป่าอีกด้านส่วนอีกมือก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ด้ามดาบคู่ใจ เมื่อเห็นใครคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมยาวสีเทาในมือถือไม้เท้าเดินตรงเข้ามา ทว่าพอบุคคลลึกลับเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น บุคคลทั้งสองก็ต้องขมวดคิ้วหน้ายุ่งทันที หยุดตรงนั้นแหละ! เจ้าเป็นใคร? มีธุระอะไร? เจ้าหญิงตรัสเสียงดังหมายจะแสดงให้เห็นว่าพระองค์พร้อมที่จะปกป้องตนเองทันทีถ้าผู้มาใหม่มีเจตนาร้าย ครั้นผู้มาใหม่เงยหน้าขึ้น ทั้งสองจึงได้เห็นว่าเป็นหนุ่มน้อยที่ดูแล้วไม่น่าจะอายุเกินสิบหกปีเท่านั้น เด็กหนุ่มเหลือบมองผู้สูงศักดิ์จากสองอาณาจักรและยิ้มน้อย ๆ ช้าก่อน เจ้าหญิง ฮารีซันรีบออกตัว ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ได้มาร้าย และอีกอย่างเขาก็ไม่มีอาวุธด้วย เก็บดาบของท่านเถอะ เจ้าหญิงเรจิน่ามองผู้มาใหม่ให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงผ่อนคลายท่าทีลง มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า? น้องชาย ฮารีซันถามอย่างเป็นมิตร หนุ่มน้อยผู้มาใหม่นิ่งมองฮารีซันพักหนึ่งก่อนจะยิ้มร่าออกยียวนน้อย ๆ ข้ามาช่วยท่านต่างหาก เจ้าพูดว่ามาช่วยพวกเรารึ? เจ้าหญิงรู้สึกข้องใจและหมั่นไส้ท่าทางยียวนของเด็กหนุ่ม เจ้ารู้รึว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่? ฮารีซันถามอย่างใจเย็น ข้ารู้ว่าพวกท่านมาตามหาอะไร และรู้ว่าอยู่ที่ไหน เด็กหนุ่มกล่าว เจ้าผิดแล้ว เราไม่ได้มาตามหาอะไรบนนี้ เจ้าหญิงยิ้มอย่างยียวนบ้าง คิดจะแกล้งหักหน้าเจ้าเด็กหนุ่มขี้โม้นี่เสียหน่อย พวกเรากำลัง... ใช่ ๆ พวกท่านสองคนมาตามหาใครบางคนต่างหาก เด็กหนุ่มกล่าวอย่างเป็นต่อ ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน เจ้ารู้รึว่าซิกมันด์อยู่ที่ไหน? เจ้าหญิงทรงถามอย่างใจร้อนลืมเรื่องความตั้งใจจะดัดนิสัยเด็กหนุ่มเสียสนิท รู้สิ ข้านำทางไปได้...ก็แล้วแต่พวกท่านนะ ถ้าพวกท่านอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็ตามมา เด็กหนุ่มยิ้มร่าและหมุนตัวออกเดิน พลางกล่าวไล่หลังโดยไม่คิดจะหันกลับมาดูอีกว่าทั้งสองจะเดินตามมาหรือไม่ นี่...เดี๋ยวสิ เจ้าหญิงร้องห้ามแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้หยุดหรือทำแม้แต่ชะลอฝีเท้าลงเลย ท่านจะเอาอย่างไร? ฮารีซันหันมาถามเจ้าหญิง ตามไปสิ เจ้าหญิงเรจิน่าตรัสแทบจะทันที ที่นี่ออกกว้างใหญ่ ถ้าพวกเราเดินหากันเองโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็พาลจะเสียเวลาไปเปล่า ๆ แต่ถ้าเจ้าเด็กนี่คิดจะแกล้งเราละก็ คอยดูเถอะ! ข้าจะอัดให้น่วมเลย เจ้าหญิงเรจิน่าและฮารีซันรีบสาวเท้าไปตามทิศทางที่เด็กหนุ่มเดินจากไปในทันที สักพักจึงได้พบว่าเด็กหนุ่มคนนั้นนั่งรอพวกเขาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว เจ้ารู้รึว่าพวกเราจะตามมา? เจ้าหญิงตรัสถามอย่างสงสัย ท่านมีเรื่องอื่นที่อยากจะถามข้ามากกว่าคำถามตลก ๆ นี่มิใช่รึ? เด็กหนุ่มหัวเราะถามอย่างอารมณ์ดี พลางใช้ไม้เท้ายันตัวขึ้นยืน น้องของข้าอยู่ไหน? น้องของท่านก็ถูกเทพเจ้าสายฟ้าคุมขังไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งบนเขาชั้นที่สามนู่นน่ะสิ เด็กหนุ่มตอบชี้ไม้เท้าไปยังวาฮาลชั้นที่สาม เรื่องนั้นข้าก็พอรู้อยู่หรอก ข้าอยากรู้เส้นทางที่จะไปต่างหาก ท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะข้าจะนำทางให้พวกท่านเอง เด็กหนุ่มตอบหน้าระรื่น บอกไว้ก่อนนะว่า ถ้าเจ้านำทางพลาดทำให้ข้าไปช่วยน้องชายล่าช้าละก็ ข้าจะอัดเจ้าให้น่วมก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแน่ ๆ เจ้าหญิงตรัสเหมือนอยากจะเอาชนะ นี่ถ้าพระองค์ไม่ได้กำลังร้อนใจเพราะตามหาซิกมันด์ละก็ ป่านนี้พระองค์คงได้สนุกกับการตั้งคำถามยียวนของเจ้าเด็กหนุ่มนี่แน่ ๆ เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หัวเราะก๊ากจนหน้าหงาย ทำเอาฮารีซันและเจ้าหญิงเรจิน่าต้องมองหน้ากันเพราะคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ ท่านรู้มั้ยว่าท่านพูดเหมือนน้องชายของท่านเปี๊ยบเลย ต่างกันตรงที่ว่าน้องชายของท่านคิดจะตัดหัวข้าเพื่อลงโทษ แต่ท่านแค่จะอัดสั่งสอนข้า เด็กหนุ่มขยิบตาใส่ ท่านทั้งพี่ทั้งน้องไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจแน่ ๆ เจ้าก็เป็นผู้นำทางให้ซิกมันด์ด้วยอย่างนั้นรึ? ทหารเปกาซัสบอกว่าเป็นชายแก่นี่ ไม่ใช่เด็กหนุ่ม เจ้าหญิงตั้งข้อสังเกตมองเด็กหนุ่มด้วยความเคลือบแคลงใจในทันใด Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:10:42 PM ถูกต้อง! ข้าเป็นผู้นำทางให้เขา ส่วนเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยอย่างเรื่องความหนุ่มหรือแก่ ท่านจะไปสนใจทำไมกัน? เด็กหนุ่มหัวเราะร่าอีกครั้ง
ถ้าเช่นนั้นทำไมเจ้าถึงรอดมาได้ ในขณะที่ซิกมันด์ถูกจับล่ะ? เจ้าหญิงทรงไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ ก็เพราะเราแยกทางกันไปก่อนนะสิ เด็กหนุ่มตอบหน้าตาเฉย เอาเป็นว่าเวลานี้ข้ามีสองทางให้ท่านเลือกว่าจะไปทางไหน? ทั้งสองทางก็ไปถึงที่หมายได้เหมือนกัน แต่มีอุปสรรคขวางทางไม่เหมือนกัน ทางหนึ่งมีมังกรสวรรค์เฝ้าปากทางไว้ ส่วนอีกทางมีวาลคิเร่นามว่า บริจิตต์ คอยปกป้องทางเข้าอยู่ เลือกโชคชะตาของท่านเสีย เมื่อจู่ ๆ เจ้าหญิงเรจิน่าถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจกะทันหัน จึงนิ่งอึ้งเพราะตัดสินใจไม่ถูก พลางหันหน้าไปหาฮารีซันเหมือนจะขอความคิดเห็น ฮารีซันใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนักก็ได้คำตอบ ข้าเลือกทางวาลคิเร่ บริจิตต์ ฮารีซันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เด็กหนุ่มมองหน้าฮารีซันเหมือนประเมินความคิดก่อนจะยิ้มถามด้วยความสนใจอย่างแท้จริง ขอทราบเหตุผลของท่านได้หรือไม่? ข้าคิดว่านางก็คงอยากรู้เหมือนกัน เจ้าหญิงเรจิน่าหันไปมองเด็กหนุ่มทันที พระองค์เพิ่งจะรู้สึกว่าพระองค์กับเด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเดียวกันก็คราวนี้แหละ ถ้าเด็กหนุ่มนี่จะโดนอัดเพราะนำทางผิดละก็ พระองค์จะออมมือให้หน่อยก็แล้วกัน ข้าเพียงแต่คิดว่านางเป็นวาลคิเร่ คงจะสามารถพูดคุยกับนางและอธิบายให้นางเข้าใจได้ถึงเหตุจำเป็นของพวกเราที่จะต้องผ่านทางที่นางพิทักษ์อยู่ ฮารีซันกล่าวตอบ เด็กหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่ามองฮารีซันด้วยความประหลาดใจแกมชื่นชม เขาช่างมีความคิดที่แตกต่างจากทุกคนที่พระองค์ทรงรู้จักจริง ๆ ดี ถ้าเช่นนั้นก็ออกเดินทาง...โอ๊ะ! เด็กหนุ่มพูดยังไม่ทันจบ เจ้าทารอตโต้ก็โผล่หัวออกมาจากชายผ้าคลุมแทบจะทันที มันเหลือบมองเจ้าหญิงแวบหนึ่งก่อนจะหันมามองฮารีซันนิ่ง ๆ เด็กหนุ่มหัวเราะร่า ฮ่า ฮ่า เพราะเหตุผลในการเลือกของท่าน ทำให้แม้แต่เจ้านี่ยังอยากจะเห็นหน้า เจ้ามีแมวมาด้วย? ฮารีซันอุทานอย่างยินดี ในขณะที่เจ้าหญิงยิ้มออกมาอย่างชอบใจและเขยิบเข้าไปใกล้ แมวของเจ้าสีประหลาดจริง แถมมีขนยาวที่กลางกระหม่อมดูเหมือนผมเลย เจ้าหญิงทรงยกมือขึ้นเกาปอยผมก่อนจะเลี้ยวลงมาเกาที่ปลายคาง ซึ่งเจ้าสัตว์สีม่วงก็เอียงคอหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าเพลิดเพลิน เจ้านี่ชื่ออะไรรึ? ฮารีซันถามยิ้ม ๆ ทารอตโต้...ท่านชอบแมวรึ? เด็กหนุ่มยิงคำถามใส่ฮารีซันด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ข้าชอบสัตว์ทุกประเภทนั่นแหละ...แมวก็ด้วย ฮารีซันตอบ งั้นท่านก็เหมาะกับนาง เด็กหนุ่มยิ้มตอบหน้าตาเฉยทำเอาทั้งสองหนุ่มสาวหยุดชะงักใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นทันที จะ...เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าหญิงได้สติก่อนรีบตรัสถามอย่างตะกุกตะกัก ข้าพูดว่า เขาเหมาะกับท่าน เด็กหนุ่มตอบฉีกยิ้มแฉ่ง เจ้านี่ พูดจาแก่แดดเหลือเกิน ตกลงว่าเจ้านินทาพวกเราหรือมาวิเคราะห์พวกเรากันแน่ เจ้าหญิงทรงยกมือขึ้นกอดอก มองจ้องเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาก็เป้ปากยักไหล่ ก่อนจะหัวเราะหึหึในลำคอและออกเดินนำ เจ้าหญิงส่ายหน้ากับท่าทียียวนของเด็กหนุ่มก่อนจะเหลือบมองฮารีซันที่มองตามหลังเด็กหนุ่มด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อพลางหันกลับมาหาเจ้าหญิง แต่ทันทีที่สายตาทั้งคู่ประสานกัน ใบหน้าก็กลับแดงระเรื่อขึ้นมาใหม่ราวกับว่าได้ยินคำพูดนั้นอีกรอบ ทั้งสองต่างก้มหน้าก้มตาออกเดินตามเด็กหนุ่มไป โดยที่ต่างก็ไม่ได้สังเกตว่ามีรอยยิ้มอาย ๆ แตะแต้มอยู่บนริมฝีปากของอีกฝ่าย ยิ่งสูงหนทางก็ยิ่งลำบากมากขึ้น บุคคลทั้งสามเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่า ลำธารแล้วลำธารเล่า จนกระทั่งดวงอาทิตย์เริ่มโรยลาจากขอบฟ้าและสองหนุ่มสาวแทบจะไม่มีแรงก้าวเท้าอีกต่อไป เด็กหนุ่มก็ประกาศยุติการเดินทางและมองหาที่หาทางที่จะใช้เอนกายพักผ่อนในคืนนั้น เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นบุคคลทั้งสามก็ต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่น เช้านี้หมอกลงไม่หนามากนัก ทุกคนจึงตัดสินใจออกเดินทางต่อทันที การเดินทางในวันนี้ค่อนข้างราบรื่นเพราะเส้นทางไม่ลาดชันนัก อีกทั้งเด็กหนุ่มก็เจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้เพลิดเพลินจนลืมเหนื่อยไปได้ จนเมื่อแม้ช่วงเวลาหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งสามก็ยังคุยแบ่งปันกันถึงเรื่องอาณาจักรของแต่ละคน ซึ่งก็ดูทีท่าว่าเด็กนุ่มจะรู้จักอาณาจักรทั้งฟูดินันและฟีเลเซียเป็นอย่างดี จนทั้งฮารีซันและเจ้าหญิงเรจิน่ายังอดประหลาดใจไม่ได้ เจ้าดูเหมือนชาวฟีเลเซียนะ แต่เจ้ากลับรู้จักอะไรต่าง ๆ ในฟูดินันดีทีเดียว เจ้าหญิงอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ ข้าเติบโตในฟีเลเซีย แต่ระยะนี้ข้าชอบความสงบเงียบในฟูดินัน เด็กหนุ่มกล่าวตอบ เจ้าเพิ่งอายุเท่าไหร่กัน? แต่กลับพูดราวกับว่าใช้ชีวิตมาสักสามสิบ สี่สิบปีมาแล้วอย่างนั้นแหละ เจ้าหญิง เรจิน่าแสร้งเหน็บอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฮารีซันอดหัวเราะขำไปด้วยไม่ได้ ความจริง อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็นก็ได้ เด็กหนุ่มพูดปนหัวเราะอย่างทีเล่นทีจริง เออ จริงสิน้องชาย ฮารีซันพูดเหมือนนึกได้ จนป่านนี้เจ้ายังไม่ได้บอกนามของเจ้ากับพวกเราเลยนะ Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:12:59 PM เด็กหนุ่มยิ้ม ก้มลงมองเจ้าทารอตโต้เหมือนรู้กัน ที่จริงก็ดูเหมือนท่านพยายามถามข้าหลายครั้งแล้ว แต่ข้าไม่มีความประสงค์จะตอบท่านเท่านั้นเอง ทีข้ายังไม่ถามนามพวกท่านทั้งสองเลยไม่ใช่รึ? อย่าสนใจข้านักเลย ท่านมีเรื่องให้สนใจมากกว่านั้น ลองดูที่ต้นไม้สามต้นที่ขึ้นเรียงกันที่เชิงหินฟากโน้นสิ เด็กหนุ่มชี้ให้หนุ่มสาวทั้งสองดู เดินจากตรงนั้นไปอีกสักสามชั่วยามก็จะถึงเขตแดนที่บริจิตต์เฝ้าพิทักษ์อยู่แล้ว เอ...ข้าได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับนางให้ฟังรึยัง?
ถ้าไม่นับเรื่องลมฟ้าอากาศบนวาฮาลและแฟรี่ละก็ เจ้าจะต้องพูดถึงแต่ทารอตโต้ของเจ้า ฮารีซันตอบยิ้มขำ โอ้ ข้าลืมเล่าส่วนที่สำคัญที่สุดไปได้ยังไงกัน? เด็กหนุ่มใช้นิ้วเกาคางอย่างคนที่กำลังนึกอะไรสักอย่าง ทำไมท่านไม่เตือนข้า? เตือนเจ้าน่ะรึ? เจ้าหญิงทรงกรอกตาขึ้นมองฟ้า เราจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ารู้เรื่องวาลคิเร่ด้วย เจ้ารู้เรื่องอะไรของนางบ้างล่ะ? เป็นการเริ่มต้นคำถามที่ดี เด็กหนุ่มกล่าวชม ทำให้เจ้าหญิงต้องแสร้งยกมือทั้งสองขึ้นฟ้าเหมือนเหลือทนกับเด็กหนุ่ม ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากเผ่าฟูดินันได้ไม่น้อยทีเดียว เอาละ เด็กหนุ่มตั้งท่าเล่า กำเนิดวาลคิเร่นั้นก็มาจากเมื่อคราวที่แผ่นดินสวรรค์บางส่วนตกมายังโลก ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจึงแยกร่างของตนออกเป็นส่วน ๆ ก่อกำเนิดเป็นวาลคิเร่สิบสองนางเพื่อคอยพิทักษ์ชิ้นส่วนและของศักดิ์สิทธิ์ที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆ บนพื้นโลก บริจิตต์นั้นกำเนิดจากส่วนขาขวาของทูตสวรรค์นางนั้น นางมีหอกทองคำชื่อไลท์แลนท์ (Light Lance) เป็นอาวุธคู่กาย และขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฝีมือของนางเท่าที่ข้ารู้ยังไม่เป็นรองใครเลย เด็กหนุ่มกล่าวเตือนแต่ก็เหมือนข่มขวัญในที ถึงอย่างไร ข้าก็ยังเชื่อว่าเราสามารถเจรจาให้นางเข้าใจได้ ฮารีซันกล่าวอย่างมีความหวัง ดี ถ้าเช่นนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อได้แล้ว มาดูกันสิว่าเจ้าจะเจรจาสำเร็จไหม? เด็กหนุ่มกล่าวอย่างร่าเริงลุกขึ้นในทันใด ทั้งสามจึงออกเดินทางมุ่งสู่เชิงผาที่มีต้นไม้ขึ้นเรียงกันสามต้น เส้นทางนั้นเป็นเนินสูงสลับกับทางลาดชันทำให้การเดินทางลำบากมากกว่าเดิม หนทางที่ดูเหมือนจะใกล้ แต่ความยากลำบากในการเดินทางทำให้ต้องเสียเวลาทั้งวันกว่าจะไปถึงยอดเชิงผานั้นได้ ทั้งสามจึงต้องตัดสินใจหยุดตั้งที่พักที่ใต้ต้นไม้สามต้นนั้น และในคืนนั้นเองที่เด็กหนุ่มบอกเส้นทางที่จะไปถึงที่พำนักของธอร์อย่างละเอียดให้บุคคลทั้งสองได้รู้ แม้ทั้งสองจะสงสัยว่าเด็กหนุ่มจะรีบบอกเส้นทางล่วงหน้าทำไม แต่ก็กลับได้รับคำตอบแสนยียวนว่า เขาพอใจที่จะร่วมทางเท่าที่เขาต้องการเท่านั้น จึงบอกทางไว้ก่อนเพื่อทั้งสองจะได้เดินทางต่อไปเพียงลำพังได้ คืนนั้นทั้งสามเข้านอนท่ามกลางเสียงฟ้าร้องที่ดังแผ่ว ๆ เหมือนเสียงคำราม พร้อมด้วยความหวังเต็มเปี่ยมที่จะไปให้ถึงที่พำนักของเทพเจ้าธอร์ให้เร็วที่สุด s นี่เราจะกลับกันได้รึยังเนี่ย? ข้าเบื่อที่จะต้องนอนกลางป่าแล้วนะ แมลงมันคอยแต่จะเข้ามาวิ่งเล่นในหู ข้า ทารอตโต้บ่นอุบอิบพลางเอียงคอยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเกาหู เจ้าเป็นถึงผู้นำโชคชะตา (Dark Destiny) แมลงป่าธรรมดาทั่วไปจะทำอะไรเจ้าได้ เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางแสงจันทร์ ข้าก็แค่หาข้ออ้างกลับไปนอนเล่นที่บ้านนั่นแหละ ทารอตโต้ยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงกระพือปีกเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยขบระหว่างเดินไปตามทางลาด เจ้าว่าคราวนี้จะสำเร็จไหม? เด็กหนุ่มที่รูปร่างค่อย ๆ สูงใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์โตเต็มวัยเอ่ยปากถาม ทารอตโต้กระพือปีกบินขึ้นไปเกาะบนไหล่ของชายหนุ่มอย่างนุ่มนวลและเงียบกริบ ก่อนจะแลบลิ้นเลียอุ้งเท้าข้างหนึ่งและลูบปอยผมบนกระหม่อม ท่านเดาเหตุการณ์ต่อไปได้อยู่แล้วนิ ไม่เห็นจะต้องถามข้าเลย เสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ร่างของทั้งคู่หายไปในเงาไม้ยามราตรี s เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหญิงถูกปลุกด้วยเสียงเรียกเบา ๆ ของฮารีซัน พร้อม ๆ กับคำพูดที่น่าใจหายว่าเด็กหนุ่มได้จากไปแล้ว แม้จะโมโหและเต็มไปด้วยความสงสัยต่อพฤติกรรมของเด็กหนุ่ม แต่ก็ทรงยอมรับว่าพระองค์ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน นอกจากมุ่งหน้าต่อไปตามทางที่เด็กหนุ่มได้บอกเอาไว้ ทั้งสองหนุ่มสาวจึงได้ออกเดินทางตามลำพังอีกครั้ง เส้นทางที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปนั้น ในวันนี้ดูสดใสไร้ม่านหมอกใด ๆ พื้นลาดแต่ไม่ชันมากเท่ากับเมื่อวันก่อน จึงทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก เมื่อทั้งสองเดินทางมาจนถึงช่วงสายของวัน ฮารีซันจึงได้สังเกตว่าพวกตนเดินกลับมาที่เดิม แม้ตอนแรกเจ้าหญิงจะยังไม่ยอมเชื่อเพราะคิดว่าต้นไม้เหมือน ๆ กันอาจทำให้สับสนได้ แต่เมื่อฮารีซันยืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งชี้จุดสังเกตที่ตนเห็นให้เจ้าหญิงได้ทราบ เจ้าหญิงจึงเริ่มตระหนักว่าพวกตนกำลังหลงป่า ไม่ใช่ เราไม่ได้กำลังหลง ข้าอยู่กับป่ามาทั้งชีวิตและไม่เคยหลงป่า ฮารีซันบอกเสียงเบาอย่างระมัดระวัง มีอะไรสักอย่างทำให้เราเข้าใจเช่นนั้น เจ้าหญิงเรจิน่าเชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดแทบจะทันที แม้แต่ตัวพระองค์ยังอดประหลาดใจไม่ได้ เดี๋ยวนี้พระองค์ไม่สงสัยในความสามารถของเขาอีกแล้ว ในเมื่อมีอะไรหรือใครก็ตามที่ทำให้พวกตนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ สิ่งนั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ที่เฝ้าดินแดนแห่งนี้ไว้นั่นเอง Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:16:32 PM บริจิตต์ ท่านอยู่แถวนี้ใช่ไหม? เจ้าหญิงทรงตรัสถามเสียงก้อง
ฉับพลันนั้นเอง ต้นไม้หลายต้นก็หดหายลงไปในพื้นดิน ม่านหมอกค่อย ๆ โรยตัวลงมา ครั้นพอลมพัดหอบเอาม่านหมอกหายไปก็ปรากฏทัศนียภาพที่แปลกตาออกไปจากเดิม พร้อม ๆ กับมีร่างของสตรีนางหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง สองหนุ่มสาวรู้ได้ทันทีว่านางคือ วาลคิเร่บริจิตต์ นั่นเอง นางมีใบหน้าคมหมดจด ผมหยักสลวยสีน้ำตาลทองยาวถึงกลางหลัง นางอยู่ในชุดเกราะเยี่ยงนักรบหญิง หมวกเกราะประดับด้วยขนนกในมือถือหอกทองคำปลายหอกเป็นทรงเหลี่ยม ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่ามันคมกริบเพียงใด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่มนุษย์เช่นพวกเจ้าจะย่างกรายเข้ามา จงกลับไปเสีย วาลคิเร่บริจิตต์ กล่าวเสียงเรียบ แต่พวกเรามีความจำเป็นต้องผ่านทางนี้ เจ้าหญิงตรัสอย่างร้อนรน และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องผ่านไปให้ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถผ่านดินแดนเขตนี้ไปได้เว้นเสียแต่ว่า พวกเจ้าจะชนะเราให้ได้เสียก่อน วาลคิเร่สาวกล่าวพลางดันหอกมาข้างหน้าแสดงให้เห็นว่าพร้อมจะสู้แล้ว ช้าก่อนท่านวาลคิเร่ พวกเราอยากจะขอความเห็นใจและความเข้าใจจากท่าน ฮารีซันกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ทำให้บริจิตต์มีท่าทางที่ผ่อนคลายลง ฮารีซันจึงเริ่มต้นเล่าถึงเรื่องความจำเป็นของกษัตริย์ซิกมันด์ที่จะต้องมาขอยืมนกธันเดอริก การที่พระองค์ถูกเทพเจ้าธอร์จับกุมไว้และความสำคัญของกษัตริย์ซิกมันด์ต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน เมื่อได้ฟังจบ บริจิตต์ก็ทำหน้าเศร้าแสดงความเห็นใจ เราเข้าใจและเห็นใจพวกเจ้า แต่กฎย่อมต้องเป็นกฎ จงสู้กับเรา หากเจ้าชนะ เราจะชี้ทางที่จะไปพบธอร์ให้เจ้า บริจิตต์กล่าวจบก็ตวัดหอกในท่าเตรียมจู่โจมแม้สีหน้ายังคงเจือแววเห็นใจอยู่ในที ท่านผ่อนปรนสักครั้งไม่ได้เชียวหรือ? ฮารีซันถาม ยังอยากที่จะหวังในความเห็นใจที่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของบริจิตต์ เราถือกำเนิดมาเพื่อหน้าที่นี้ เตรียมตัว วาลคิเร่ส่ายหน้าช้า ๆ อย่างเสียใจที่แม้จะอยากช่วยแต่ก็ไม่อาจทำได้ และแล้วการโจมตีของวาลคิเร่สาวก็เริ่มต้นขึ้น เสียงหอกกระทบกับโล่ห์ดังสนั่นครั้งแล้วครั้งเล่า บริจิตต์พุ่งโจมตีใส่ฮารีซันจากทุกทิศทุกทางด้วยความรวดเร็ว ฮารีซันได้แต่ยกโล่ห์ขึ้นรับปลายหอกอย่างสุดกำลัง แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้ ฮารีซันจึงไม่สามารถรุกเข้าใส่บริจิตต์เลยสักครั้งเป็นแต่เพียงฝ่ายตั้งรับอยู่เป็นเวลานาน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นรอง จนในที่สุดเมื่อความอดทนของเจ้าหญิงสิ้นสุดลงในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ปลายดาบของเจ้าหญิงก็ตวัดคมหอกของบริจิตต์จนพลาดเป้าปักลงพื้น ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้ประลองทั้งสอง เปลี่ยนตัว เจ้าหญิงยิ้มแต่ดวงตาฉายแววจริงจังชัดเจน ข้าจะเป็นผู้ประลองกับท่านเอง เจ้าหญิง?! ฮารีซันตกใจจนพูดไม่ออก ข้ามั่นใจว่าข้าเร็วกว่านาง อย่าห่วงเลย เจ้าหญิงทรงขยับตั้งท่าเตรียมพร้อม ในขณะที่บริจิตต์ก็ยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับตวัดหอกเตรียมพร้อมเช่นกัน ฮารีซันจึงต้องยอมถอยออกมาและมองเจ้าหญิงด้วยความเป็นห่วง คมดาบที่ตวัดเข้าใส่บริจิตต์นั้นรวดเร็วและฉับไวจนแม้ความได้เปรียบจากความยาวของหอกก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าหญิงได้เลย หญิงสาวทั้งสองต่างฟัดฟันอาวุธใส่กันอย่างดุเดือด ทว่ายิ่งสู้กันนานไปเจ้าหญิงเรจิน่ากลับเพิ่มจังหวะในการออกดาบเร็วขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นว่าวาลคิเร่บริจิตต์ทำได้แต่เพียงเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น จนที่สุดเมื่อการออกอาวุธของเจ้าหญิงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในวินาทีที่เจ้าหญิงทรงเข้าประชิดตัวของบริจิตต์ ชั่วเวลานั้นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจเมื่อเจ้าหญิงทรงแนบคมดาบไว้ที่ลำคอของนางวาลคิเร่ หญิงสาวทั้งสองยังคงจ้องมองดวงตาของกันและกันอยู่อีกชั่วระยะหนึ่ง จนเมื่อบริจิตต์ระบายลมหายใจออกช้า ๆ เราแพ้แล้ว บริจิตต์เอ่ยเสียงเรียบ ยอมรับความพ่ายแพ้ของตนต่อเจ้าหญิงเรจิน่า เราจะชี้ทางลัดที่สามารถไปหาเทพเจ้าธอร์ได้เร็วขึ้นให้พวกเจ้า เจ้าหญิงเรจิน่าคลี่ยิ้มอย่างเต็มที่ปล่อยดาบลงพร้อมกับสวมกอดบริจิตต์ด้วยความดีใจอย่างที่สุด ปากก็พร่ำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า บริจิตต์ลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะสวมกอดเจ้าหญิงอย่างเก้อเขิน บริจิตต์ชี้เส้นทางที่จะไปถึงเทพเจ้าธอร์ให้บุคคลทั้งสอง ซึ่งทั้งเจ้าหญิงเรจิน่าและฮารีซันต่างก็ขอบคุณวาลคิเร่บริจิตต์เป็นการใหญ่ก่อนจะร่ำลาบริจิตต์และออกเดินทางต่อไป s สองหนุ่มสาวเดินลัดเลี้ยวไปตามโขดหินและต้นไม้ใหญ่ตามที่บริจิตต์บอกไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วยาม เมื่อแสงอาทิตย์ลาลับไปจากขอบฟ้าและเริ่มมีดวงดาวประดับทั่วผืนฟ้าสีน้ำเงินเทา ทั้งสองก็เดินมาถึงช่องเขาที่ดาษดื่นไปด้วยหินก้อนน้อยใหญ่มากมาย ทั้งคู่เดินไปตามทางขรุขระที่นำไปสู่เวิ้งว่างขนาดใหญ่ ทั้งสองสามารถมองเห็นแสงไฟวูบวาบจากอีกฟากหนึ่งของเวิ้งกว้างพร้อมกับเสียงคำรามประหลาดที่ดังสะท้อนช่องเขาไปมาอยู่ตลอดเวลา ทว่าทั้งสองไม่อาจมองเห็นต้นตอของเสียงนั้นได้เพราะมันถูกหินขนาดมหึมาบดบังไว้ ทั้งสองค่อย ๆ ย่างกรายเข้าไปอย่างเงียบกริบ จนเมื่อผ่านพ้นช่องเขามาได้จึงเห็นว่าต้นเหตุแห่งแสงและเสียงคำรามนั้นคือกรงสายฟ้าขนาดใหญ่ที่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาอย่างน่ากลัว ทั้งสองเดินผ่านแท่นบัลลังก์ขนาดใหญ่และต่างก็ชำเลืองมองด้วยความรู้สึกยำเกรงและหวาดระแวง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่แห่งนี้ต้องเป็นที่พำนักของเทพเจ้าธอร์อย่างแน่นอน Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:19:03 PM เจ้าหญิงเรจิน่าสามารถวิ่งไปถึงกรงสายฟ้าได้ก่อน พระองค์ทรงมองลอดเข้าไประหว่างซี่กรงสายฟ้า เสียงสายฟ้าที่ดังคำรามเป็นระยะ ๆ ฟังดูน่ากลัวไม่น้อยทีเดียวเมื่อมาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้ ภายในกรงนั้นสว่างจนเกือบจ้าและอาบทุกอย่างในนั้นจนดูขาวโพลนไปหมด เจ้าหญิงทรงหรี่สายตาเพ่งมองสำรวจไปเรื่อย ๆ ซึ่งภายในดูเหมือนจะไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่าและก้อนหินเล็กใหญ่มากมาย แต่เมื่อสายตาเริ่มชินกับความสว่างของสายฟ้าแล้ว พระองค์จึงได้สังเกตเห็นว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งซึ่งแตกต่างจากก้อนหินทั้งหมดภายในกรงนั้น ครั้นเมื่อทรงเพ่งมองให้ถี่ถ้วนมากขึ้นก็ต้องตกใจจนแทบควบคุมตัวไม่ได้
พระเจ้าช่วย! ซิกมันด์! ตรัสแล้วก็แทบจะถลาเข้าไปหากรงสายฟ้านั่น แต่ก็ถูกฮารีซันคว้าตัวไว้ได้ทัน ซิกมันด์! ซิกมันด์! เจ้าหญิงทรงตะโกนเรียกแข่งกับเสียงคำรามของสายฟ้าจนสุดเสียง ก้อนหินนั้นกระตุกเล็กน้อยแต่ก็นิ่งไป ทว่าเมื่อเสียงเรียกตะโกนยังดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ก้อนหินนั้นก็ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นยืนในทันใด ที่แท้แล้วนั่นก็คือกษัตริย์ซิกมันด์ซึ่งนอนคู้กายด้วยเพราะหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนให้รอดจากกรงสายฟ้านั่นเอง แรกทีเดียวพระองค์ทรงคิดว่าหูแว่วไปทำให้ได้ยินเสียงเรียกเหมือนที่พระองค์ทรงได้ยินอยู่บ่อย ๆ ตลอดเวลาที่ถูกขังอยู่ในกรงสายฟ้านี่ แต่เมื่อเสียงเรียกนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ จนพระองค์รำคาญและทรงทนไม่ได้อีกต่อไปทั้งยังไม่อยากจะทรงเชื่อหูตัวของตนเองอีกด้วย จึงอยากดูให้เห็นกับตาว่าที่ตนได้ยินนั้นไม่ผิดเพี้ยน พระองค์ทรงตัวโงนเงนอยู่พักหนึ่งเพราะไม่ได้กินนอนมาหลายวัน แต่ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นกษัตริย์พระองค์จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นไม่ได้พระองค์จึงกัดฟันรวบรวมแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีเหยียดตัวตั้งตรงและยืดอกอย่างผึ่งผาย ปั้นสีหน้าเย่อหยิ่งที่สุดมองไปยังทิศทางของเสียงเรียกนั้น แต่แล้วพระองค์ก็ต้องตกใจจนตาค้างแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้า ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังกันเข้ามาจนพระองค์เกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ทำไมเสด็จพี่ถึงอยู่ที่นี่? แล้วทำไมถึงมากับไอ้คนป่าไร้การศึกษา? นี่มันอะไรกัน! กษัตริย์ซิกมันด์มองด้วยความขึงโกรธกระแทกเสียงตรัสถามอย่างเกรี้ยวกราด ทำไมเสด็จพี่ถึงเสด็จมากับเจ้าคนป่านี่? เจ้าหญิงเรจิน่าถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของกษัตริย์น้องชาย ครั้นเมื่อตั้งสติได้ก็รีบตรัสละล่ำละลัก นี่เจ้าพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า? พี่และฮารีซันอุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่เพื่อช่วยเจ้านะ ใครขอให้มันมาช่วยข้ากัน มันมาเพื่อเยาะเย้ยข้าละสิ ข้าจะไม่ยอมให้เกียรติของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียต้องมัวหมองเพราะเจ้าคนไพรนี่ หยุดนะ ซิกมันด์ พี่จะไม่ยอมให้เจ้าแสดงกิริยาที่น่าอับอายใส่ผู้ที่มีน้ำใจดีกับเจ้าเช่นนี้ เจ้าหญิงเรจิน่าทั้งโกรธทั้งอายที่น้องชายของพระองค์ถูกความทะนงในเกียรติและศักดิ์ศรีบดบังตาจนมืดบอด ไม่เป็นไรหรอกเจ้าหญิง ฮารีซันแตะไหล่ของเจ้าหญิงเบา ๆ คล้ายจะปรามให้เจ้าหญิงสงบใจลง เขามีความอดทนสูงพอที่จะทนต่อพฤติกรรมอันแสนเย่อหยิ่งของกษัตริย์แห่งฟีเลเซียได้ อย่าบังอาจมาแตะต้องเสด็จพี่ของข้านะเจ้าคนป่าสกปรก! ซิกมันด์! เจ้าหญิงทรงอุทานเสียงดังลั่นไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทว่าฉับพลันนั้นเองก็มีเสียงสายฟ้าฟาดสะเทือนเลื่อนลั่นดังกึกก้องเหนือบริเวณนั้น พร้อมทั้งมีสายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดเปรี้ยงเข้าใส่บัลลังก์หินใกล้ ๆ จนทุกคนสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนของพื้นดินทั่วบริเวณ ใครบังอาจมาส่งเสียงโหวกเหวกในเขตแดนของข้า เสียงอันกึกก้องกัมปนาทของเทพธอร์ไม่ต่างกับเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ใบหน้าของเทพธอร์ดูทะตัวเองถึงดวงตาโตเข้มสว่างโลดจ้องมองผู้มาใหม่ทั้งสอง เราคือเจ้าหญิงเรจิน่าแห่งอาณาจักรฟีเลเซีย จงปล่อยน้องชายของ.... ตรัสไม่ทันจบก็มีสายฟ้าฟาดใส่ก้อนหินที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างแรงจนก้อนหินแตกเป็นเสี่ยง ๆ และรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินใต้เท้า เจ้าหญิงเรจิน่าดวงตาเบิกกว้างมองเทพสายฟ้าด้วยความกริ่งเกรง แม้พระองค์จะไม่ได้นับถือเทพโบราณอย่างธอร์ ทว่าการสร้างสายฟ้าที่รุนแรงขนาดทำให้แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นเช่นนี้ ก็ทำให้พระองค์เห็นถึงฤทธิ์อำนาจที่เทพเจ้าโบราณผู้นี้มีเหนือตนอย่างสิ้นเชิง ภายในสมองของพระองค์ก็คิดหาวิธีเจรจาต่อรองอย่างนักการทูตที่ดีตามที่เรียนรู้มา ทว่าก็ไม่มีวิธีไหนเลยที่เหมาะสำหรับใช้ต่อรองกับเทพเจ้าโบราณ ขณะที่เจ้าหญิงเรจิน่ากำลังมืดแปดด้านไม่รู้แม้แต่จะตอบเทพเจ้าธอร์ว่าอย่างไร ฮารีซันก็ก้าวเข้ามายืนขั้นระหว่างพระองค์กับเทพเจ้าธอร์ และทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดทั้งสิ้น ฮารีซันย่อเข่าลงก้มคารวะเทพธอร์จนศีรษะจรดพื้น ทุกคนต่างตกตะลึงซึ่งแม้แต่เทพเจ้าธอร์ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ เจ้าเป็นใครกัน? เทพเจ้าธอร์ถามด้วยเสียงเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แสงเจิดจ้าที่เกิดจากสายฟ้าแลบปลาบก็หรี่ลงจนสามารถมองด้วยสายตาในสภาพปรกติ ข้าคือฮารีซัน บันดารา หัวหน้าเผ่าฟูดินัน เจ้าไม่ใช่ชาวฟีเลเซีย ทำไมถึงเดินทางมากับนาง เจ้าเป็นอะไรกับนาง? เทพธอร์ถามอย่างสนใจ นางเป็น...นางเป็นสหายของข้า เมื่อสหายเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ ก็เป็นธรรมดาที่สหายจะยื่นมือเข้าช่วยทันที ไอ้คนสามหาว เจ้ากล้าแอบอ้างว่าเป็นสหายของเสด็จพี่รึ? แล้วเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียอย่างเสด็จพี่ของข้าก็ไม่ลดตัวลงไปขอความช่วยเหลือคนอย่างเจ้าหรอก กษัตริย์ซิกมันด์ตะโกนอย่างเดือดดาล ไม่ต้องการให้ฮารีซันมาตีตนเสมอพี่สาวของพระองค์และไม่อาจยอมรับได้ถ้าพี่สาวของพระองค์ทำอย่างที่หัวหน้าชาวป่ากล่าวจริง ๆ ซิกมันด์!! เจ้าหญิงทรงอุทานด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ฉับพลันนั้นสายฟ้าก็ฟาดพาดท้องฟ้าในระยะใกล้จนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:20:34 PM ใครอนุญาตให้เจ้าพูดแทรก เทพเจ้าตวาดเสียงดังใส่กษัตริย์ซิกมันด์จนทุกคนหูอื้อไปชั่วขณะ
เจ้าหญิงเรจิน่าทรงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวเขยิบเข้ามาใกล้ จากการที่ได้ใกล้ชิดกับฮารีซันตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เจ้าหญิงได้เรียนรู้แล้วว่าพระองค์ควรจะทำตัวอย่างไร พระองค์ขยับเข้าไปจนเมื่อระยะใกล้พอ ข้าต้องขออภัยท่านแทนน้องชายของข้าด้วยที่ได้เสียมารยาทกับท่าน เสด็จพี่! กษัตริย์ซิกมันด์ทรงอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพี่สาวของตนจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะเกรงว่าธอร์จะทวีความโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น จึงได้แต่กล้ำกลืนคำพูดต่าง ๆ ลงไปและแสดงความฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดอยู่ในกรงสายฟ้า เทพธอร์เหลือบมองเจ้าหญิงแวบหนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองกษัตริย์ซิกมันด์ภายในกรงพลางยิ้มเยาะหมายจะยั่วกษัตริย์ซิกมันด์ เจ้ายังรู้จักคิดมากกว่าน้องของเจ้า น่าเสียดายที่อาณาจักรของเจ้าสืบต่ออำนาจผ่านทางลูกชายเท่านั้น กษัตริย์ซิกมันด์ทรงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ทรงกำหมัดแน่นจนนิ้วแทบจะแหลกคามือ แต่ก็ต้องทนนิ่งเงียบไว้เพราะเกรงว่าธอร์จะรอจังหวะให้พระองค์ควบคุมอารมณ์พระองค์เองไม่ได้และระเบิดอารมณ์ออกมา เพื่อจะทำให้พระองค์ต้องอับอายและหัวเราะเยาะพระองค์ เมื่อเทพธอร์ได้เห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ พลางหันกลับมาทางฮารีซันที่ยังคงคุกเข่าอยู่เช่นนั้นและจ้องชายหนุ่มเขม็งพลางส่ายหน้าแม้จะยังคงมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของธอร์อยู่ ไม่ใช่สหายทุกคนหรอกที่จะช่วยสหายของตนทันทีที่เขาร้องขอ ฮารีซันจากเผ่าฟูดินัน เทพธอร์นิ่งเงียบคล้ายจะพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าอยู่นาน ที่สุดจึงเอ่ยขึ้น เจ้ามาที่นี่ทำไมฮารีซันจากเผ่าฟูดินัน ฮารีซันได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นกล่าวตอบ ข้าแต่เทพธอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านปล่อยตัวกษัตริย์ซิกมันด์ให้เป็นอิสระและขอยืมนกสายฟ้าธันเดอริกจากท่าน เวลานี้บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟ ประชาชนกำลังล้มตายเป็นใบไม้ร่วง หากไม่มีกษัตริย์ซิกมันด์คอยนำทัพและได้นกธันเดอริกจากท่านไปช่วยรบ ทวีปเมอริเซียนี้คงจะมอดไหม้เพราะกองทัพเพลิงเป็นแน่ เทพธอร์นิ่งเงียบไปและจ้องมองฮารีซันอีกครั้ง ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัดกับปฏิกิริยาของเทพเจ้าองค์นี้และรอฟังการตัดสินใจที่เหมือนจะเป็นการชี้เป็นชี้ตายอนาคตของฟีเลเซียและฟูดินัน กษัตริย์ซิกมันด์นั้นแม้จะโกรธหัวหน้าชาวป่าที่บังอาจเสนอหน้ามาช่วยพระองค์ให้เสื่อมเกียรติ แต่ลึก ๆ แล้วก็แอบหวังว่าเทพธอร์จะปล่อยพระองค์ให้เป็นอิสระ เพราะทรงเห็นว่าเทพธอร์นั้นดูจะสนอกสนใจชาวบ้านป่าผู้นี้อยู่ไม่น้อย ด้านเจ้าหญิงเรจิน่านั้นก็ใจเต้นระทึกด้วยความกระวนกระวายใจอย่างที่สุด กลัวคำตอบที่จะออกจากปากของเทพธอร์จนแทบจะรอฟังไม่ได้ ในขณะที่ฮารีซันก็พยายามสงบใจให้นิ่งและอดทนฟังเทพธอร์อย่างตั้งใจ เทพธอร์ยกเท้าขวาวางพาดบนเข่าซ้าย ตั้งศอกไว้บนเข่าขวาแล้วใช้มือเกยคางอย่างผู้ที่ใช้ความคิดพิจารณา เจ้าไม่คิดว่าการก้มลงกราบกรานอ้อนวอนข้าเพื่อคนอื่นแบบนี้ จะทำให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีหรือ? เจ้าเป็นถึงหัวหน้าเผ่าของพวกมนุษย์ ธอร์พูดขึ้นแต่สายตากลับจ้องไปทางกรงสายฟ้า จนดูเหมือนเจตนาพูดกระทบกระเทียบซิกมันด์มากกว่า สำหรับข้าแล้ว ชีวิตคนสำคัญกว่าศักดิ์ศรี และกษัตริย์ซิกมันด์ก็คือคนที่มีความสำคัญต่อชีวิตคนอีกเป็นจำนวนมาก ข้าไม่ได้อ้อนวอนเพื่อเขาเท่านั้น แต่เพื่อคนจำนวนมากที่ฝากความหวังในตัวเขาด้วย ด้วยคำพูดนี้ ทำให้เทพเจ้าร่างยักษ์เลื่อนสายตากลับมาจ้องมองที่หนุ่มชาวป่าผู้นอบน้อมเบื้องหน้าอีกครั้ง แววตาและสีหน้าที่เป็นมิตรเริ่มฉายออกมาแทนสีหน้าอันน่าเกรงขามเมื่อสักครู่ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่เรียบเบาลงแต่ยังแฝงด้วยความทรงอำนาจ ตอบข้าสิ ฮารีซันจากเผ่าฟูดินัน ทำไมข้าจะต้องทำตามที่เจ้าต้องการ? ฮารีซันค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมอีกครั้งก่อนกล่าวตอบ ไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย นอกเสียจากความเมตตาปราณีของท่านที่จะมีต่อเหล่ามนุษย์บนทวีปเมอริเซียนี้ ฮ่า! ฮ่า!ฮ่า! เทพธอร์หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ ถ้าข้าไม่ได้มีอำนาจหยั่งรู้ถึงจิตมนุษย์ได้ ข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นคนช่างประจบ แต่นี่เจ้าพูดจากจิตใจที่แท้จริงของเจ้า ซึ่งทำให้ข้าพอใจมาก มนุษย์ที่จิตใจดีอย่างเจ้า ข้าไม่ได้เห็นมาหลายร้อยปีแล้ว เทพธอร์โบกมือขึ้นครั้งหนึ่งกรงสายฟ้าก็อ่อนแสงลงและค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด ซิกมันด์ เจ้าหญิงเรจิน่าทรงร้องอย่างยินดีโผเข้าสวมกอดกษัตริย์ซิกมันด์ ซึ่งพระองค์ก็สวมกอดตอบด้วยความยินดีเพราะความลืมพระองค์ แต่เมื่อทรงระลึกขึ้นได้ว่าอาจดูไม่เหมาะสมก็รีบดันตัวพี่สาวของพระองค์ออกห่างทันทีด้วยความกระดากอาย เจ้าหญิงเรจิน่าใช้สายตาสำรวจดูน้องชายอย่างรวดเร็วพร้อมถามด้วยความห่วงใย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม? บาดเจ็บตรงไหนรึไม่? ซิกมันด์แม้จะเจ็บปวดไปทั้งตัวแต่ก็ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างรวดเร็วแทนคำตอบ ในขณะที่ฮารีซันยังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเทพธอร์ก็โค้งลงคารวะจนศีรษะจรดพื้นอีกครั้งเพื่อเป็นการขอบคุณ ซึ่งเทพธอร์ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นกางออกระดับไหล่ มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วบริเวณ และในฉับพลันนั้นเสียงร้องแหลมอย่างเสียงของนกก็ดังขึ้นเหนือช่องเขาพร้อม ๆ กับแสงแลบแปลบปลาบเหนือท้องฟ้า กลุ่มเมฆดำเหนือช่องเขาเริ่มหมุนวนและสว่างวูบวาบเพราะสายฟ้า และแล้วในชั่วเสี้ยววินาทีก็มีพญานกสีทองบินโฉบมาเกาะบนแขนของเทพธอร์พร้อม ๆ กับสายฟ้าฟาดถึงห้าสายที่ฟาดใส่พื้นบริเวณโดยรอบจนช่องเขาทั้งช่องสว่างจ้าในชั่วพริบตา พญานกสีทองยืนผงาดสยายปีกจนสุดอย่างสง่างาม ซึ่งขนาดของปีกนั้นมีขนาดกว้างถึงเจ็ดช่วงแขนของบุรุษที่โตเต็มวัย Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 13, 2006, 07:22:02 PM ธันเดอริกตัวนี้ น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ที่พวกเจ้ากำลังเผชิญ เทพธอร์เอ่ยขณะมองนกสายฟ้าอย่างพอใจก่อนจะหันไปทางกษัตริย์ซิกมันด์ เจ้ามนุษย์ผู้โอหัง
กษัตริย์ซิกมันด์เมื่อทรงได้ยินดังนั้นก็ยืดตัวขึ้นและทรงมองดูเทพธอร์อย่างระแวดระวังทันที จงระลึกไว้ว่าข้า! ธอร์ เทพแห่งสายฟ้า ปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระและมอบธันเดอริกให้เจ้าหยิบยืมเพราะเห็นแก่ความนอบน้อมของฮารีซันแห่งฟูดินันผู้นี้ เมื่อสงครามสงบลงเจ้าจะต้องคืนธันเดอริกตัวนี้ให้ข้าทันที กล่าวแล้วก็ยื่นแขนไปทางกษัตริย์ซิกมันด์ ซึ่งธันเดอริกก็กระพือปีกบินร่อนตรงไปเกาะแขนของกษัตริย์ซิกมันด์ที่รีบยื่นออกรับทันที ทว่าใบหน้าของพระองค์กลับเต็มไปด้วยความอับอายและเคืองแค้นกับคำพูดของเทพธอร์อย่างที่สุด กษัตริย์เอ๋ย จงเรียกมันด้วยชื่อที่เจ้าอยากเรียก แต่ชื่อที่แท้จริงของมันนั้นเจ้าอย่าหมายได้รู้ เพราะข้าผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงเท่านั้นที่ใช้เรียกมัน เมื่อธอร์กล่าวจบนกสีทองก็ส่งเสียงร้องขึ้นเหมือนยอมรับการไปอยู่กับเจ้านายใหม่เป็นการชั่วคราวของมัน เมื่อเทพธอร์ได้จากไปทิ้งบุคคลทั้งสามไว้เพียงลำพังแล้ว กษัตริย์ซิกมันด์จึงทรงหันมามองฮารีซันด้วยสายตาเครียดขึง ความเจ็บแค้นที่ถูกดูแคลน ทั้งอึดอัดที่ต้องทนเงียบให้ธอร์มาพูดจาถากถาง ทั้งความรู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรีที่ต้องถูกจองจำไม่ต่างจากทาสสงคราม แล้วยังต้องเสื่อมเกียรติถึงขนาดให้ชาวป่ามาช่วยเหลือ ซิกมันด์ผู้ถูกสอนมาให้รักเกียรติและศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใด ไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อนในชีวิต ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นเคืองจนเกือบจะคลั่ง เจ้าคนป่า อย่าแม้แต่จะคิดว่าเจ้ามีบุญคุณกับข้า หรือข้าจะขอบใจเจ้าด้วยความซาบซึ้ง การกระทำของเจ้ามีแต่ทำให้ข้ารู้สึกอดสูและน่าสมเพท กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเสียงสะบัดและแผ่วเบาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน หากเจ้ากลับไปถึงที่ค่าย เจ้าคงจะรีบโพทะนาเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ละสิ เจ้าคงอยากจะรีบประกาศตัวว่าเป็นผู้มีบุญต่อกษัตริย์แห่งฟีเลเซียจนตัวสั่นเลยใช่มั๊ย? ซิกมันด์! เจ้าเลิกพูดจาดูถูกฮารีซันเสียที เจ้าพูดกับผู้ที่อุตส่าห์มาช่วยเจ้าอย่างนี้ได้อย่างไร? ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณด้วยซ้ำ? เจ้าหญิงเรจิน่าทรงอดที่จะโมโหไม่ได้ ใช่มั๊ย?! กษัตริย์ซิกมันด์ยังทรงไม่ยอมลดราวาศอกโดยไม่สนใจคำพูดของเจ้าหญิงเรจิน่าแม้แต่น้อย ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ท่านกำลังกังวลอยู่ ข้าจะไม่พูดใด ๆ เลยแม้แต่คำเดียว ฮารีซันกล่าวเสียงเรียบ ข้าจะเชื่อคำพูดคนป่าอย่างเจ้าได้อย่างไร? กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสอย่างขุ่นเคือง เจ้ากล้าสาบานต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของเจ้าหรือไม่? ข้าสาบาน ฮารีซันยอมกล่าวแต่โดยดี พูดให้จบสิ! กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเร่งด้วยใจร้อน ทำให้นกธันเดอริกที่เกาะอยู่บนไหล่ของซิกมันด์หันไปมองตามด้วยความสนใจ ข้าสาบานต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขานี้กับใคร เมื่อฮารีซันกล่าวจบ กษัตริย์ซิกมันด์ก็ทรงลอบระบายลมหายใจอย่าโล่งอกและดูมีท่าทีที่ผ่อนคลายลง แต่แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกด้วยความกังวล เสด็จพี่ สาบานสิ! กษัตริย์ซิกมันด์ทรงหันมาหาเจ้าหญิงเรจิน่ารับสั่งทันที อ๊ะ... ข้าด้วยรึ? เจ้าหญิงอดถามไม่ได้ สาบานสิ กษัตริย์ซิกมันด์ตรัสเร่ง ก้มหน้าคิ้วขมวด ฮารีซันเองอดคิดไม่ได้ว่าสีหน้าของซิกมันด์ตอนนี้ดูเหมือนเด็ก ๆ ที่อ้อนเอาของจากพี่สาวทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งวางท่าใหญ่โตกับตน ก็ได้ ๆ ข้าสาบานว่าจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นบนนี้กับใคร เจ้าหญิงตรัสเร็วปรื๋อ แต่มือซ้ายก็ยกขึ้นแอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลังแบบอัตโนมัติทันทีเช่นกัน ทำเอาฮารีซันต้องแสร้งกระแอมเพื่อกลบเกลื่อนความขำ แต่กษัตริย์ซิกมันด์ที่ทั้งเหนื่อยและอิดโรยมัวแต่กังวลที่จะให้ทุกคนสาบาน จึงไม่ทันได้สังเกตอะไรนอกจากฟังให้แน่ใจว่าทั้งคู่สาบานเรียบร้อยหรือไม่ เมื่อทรงเห็นว่าเรียบร้อยแล้วจึงส่งสัญญาณขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อรอทัพย่อยที่จะเดินทางมารับทันที เสด็จพี่ไปกันเถอะ กษัตริย์ซิกมันด์ทรงกลับหลังหันและฉวยแขนของเจ้าหญิงออกเดินออกจากช่องเขาทันทีโดยไม่หันไปมองฮารีซันอีก เดี๋ยวสิ ซิกมันด์ เจ้าหญิงทรงเร่งฝีเท้าให้ทันพลางหันกลับไปมองฮารีซันที่ยังคงยืนนิ่งมองสองพี่น้องผู้สูงศักดิ์ที่เดินห่างออกไป ขอทีเถอะ ข้าเหนื่อยและก็ล้าเต็มทนแล้ว อย่าพูดอะไรให้ข้าต้องอารมณ์เสียไปมากกว่านี้เลย กษัตริย์ซิกมันด์ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนอย่างแท้จริง เมื่อแน่ใจว่าเดินห่างฮารีซันมามากพอที่เขาจะไม่ได้ยินการสนทนา เจ้าหญิงเรจิน่าทรงเงียบเสียงลงทันที น้อยครั้งนักที่น้องชายของพระองค์จะยอมรับถึงความเหนื่อยอ่อนของเขา เมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้แสดงว่าเขาเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะถึงขีดสุดแล้ว พระองค์จึงยอมทำตามที่น้องชายขอแต่โดยดีพลางหันไปมองฮารีซันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจและรู้สึกผิดต่อการกระทำของซิกมันด์ ในขณะที่ฮารีซันก็พยักหน้าให้เจ้าหญิงอย่างเข้าใจ สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันเหมือนจะสื่อสารกันภายในจิตใจ ก่อนที่กษัตริย์ซิกมันด์จะกึ่งลากกึ่งจูงเจ้าหญิงเรจิน่าหายลับไปจากช่องเขานั้น Title: Re: @@ นิยายSMN Chapter 51 นกสายฟ้าธันเดอริก @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on December 28, 2006, 05:12:40 PM มาเม้าส์กันต่อที่นี่นะจ๊า
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=26582.0 |