Title: @@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:17:21 AM Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน [/size]ภายในห้องรับรองซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการประมูลครั้งสำคัญแห่งเมืองท่าแอนดิซอง เก้าอี้กว่าสองร้อยตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้เต็มจนไม่มีที่ว่างเหลือ บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อันจะกิน ผู้มีหน้ามีตาในวงสังคม หรือไม่ก็เป็นเหล่าขุนนางชั้นสูง แม้ว่ามีหลายคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อประมูลของล้ำค่าอย่างจริงจังนัก แต่ทุกคนหวังที่จะได้ยลโฉมน้ำตานางเงือกเพชรน้ำเอกของกำนัลจากตระกูลโอดิลอนด้วยกันทั้งนั้น เสียงแข่งราคาและเสียงค้อนที่ทุบลงเพื่อยุติการแข่งราคาดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าราคาที่ได้กลับไม่สูงเท่าที่ควรจะเป็นเลยสักชิ้นเดียว เจ้าหญิงอลาน่าผู้นั่งเป็นประธานในการประมูลอยู่บนบัลลังก์ทองทรงปิดเปลือกตาลงประสานมือไว้บนตักอย่างสงบเสงี่ยมคล้ายกำลังสวดภาวนาอยู่บนบัลลังก์นั้นเอง ที่แถวหน้าสุดของเวทีประมูล วิโอเรียในชุดสีเงินครามเปลือยไหล่และคว้านคอลึกอย่างน่าหวาดเสียวกำลังนั่งไขว่ห้างกอดอกกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสะใจ ในมือถือพัดที่ทำจากขนนกโฟรวิรอส (Phoaviros) ซึ่งเป็นนกห้าสีพันธุ์หายากในแอนดิซอง หญิงสาวคอยโบกพัดเป็นจังหวะให้สัญญาณบรรดาผู้ประมูลเป็นระยะ ๆ ดวงตาคมงามที่แฝงไว้ด้วยความถือดีและไม่ยอมใครคอยลอบสบตากับพ่อค้าใหญ่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรู้กัน เมื่อมีของล้ำค่าชิ้นใหม่ถูกนำขึ้นมา พอราคาที่ถูกเสนอเริ่มสูงขึ้นรูฟัสก็จะแกล้งยกคทาเพชรของตนเคาะที่ไหล่ซ้าย ส่วนวิโอเรียก็จะโบกพัดบอกเป็นนัยว่าไม่พอใจ ใครที่เสนอราคาเกินกว่านี้เป็นได้เห็นดีกัน บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการนัดแนะจากทั้งวิโอเรียและรูฟัสก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก็ใครเล่าอยากจะมีเรื่องกับรูฟัสและวิโอเรีย คนหนึ่งก็เป็นผู้กว้างขวางในวงการค้า อีกคนรึก็กุมบรรดาขุนนางหนุ่ม ๆ ไว้เป็นพวกมากมาย ยิ่งเมื่อทั้งสองมาร่วมมือกันเช่นนี้ก็ยิ่งอันตรายหากคิดจะต่อต้านหรือขัดขืน ส่วนคนที่ไม่ยอมร่วมมือกับแผนของทั้งสองก็ถูกแกล้งขัดขวางทำให้ไม่สามารถเข้ามาร่วมประมูลในครั้งนี้ได้ บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลในวันนี้จึงแทบจะเป็นพวกของวิโอเรียและรูฟัสทั้งสิ้น อันดับต่อไป ชิ้นที่ห้าสิบเอ็ด และเป็นชิ้นสุดท้ายของวันนี้ เสียงนายประมูลประกาศก้อง น้ำตานางเงือก สิ้นเสียงประกาศเจ้าหน้าที่ก็บรรจงถือหมอนกำมะหยี่สีขาวขนาดใหญ่ บนหมอนนั้นมีผ้าสีขาวปักด้วยดิ้นเงินและทองอย่างประณีตที่สุดคลุมทับอยู่บนวัตถุซึ่งก็คงจะเป็นอัญมณีล้ำค่าที่ทุกคนรอคอยนั่นเอง ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ น้ำตานางเงือก นายประมูลกล่าวพร้อมกับกระตุกผ้าขึ้นทันที เพชรสีน้ำเงินเข้มรูปหยดน้ำขนาดเท่าสองอุ้งมือปรากฏโฉมหยอกล้อกับแสงไฟจนแสงวูบวาบสีน้ำเงินส่องประกายสะท้อนไปทั่วทั้งห้องประมูล เสียงฮือฮาด้วยเพราะตกตะลึงในความงดงามของเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่และน้ำงามที่สุดก็ดังอื้ออึงไปทั่ว แม้แต่วิโอเรียและรูฟัสก็ยังอดตะลึงจนตาค้างไม่ได้ รูฟัสถึงขนาดอ้าปากค้างจนน้ำลายหกออกมา ขนาดนายประมูลเองก็ยังถือผ้าขาวปักดิ้นค้างอยู่ท่าเดิมด้วยความตกตะลึงเช่นกัน นายประมูล เจ้าหญิงอลาน่าทรงเรียกเมื่อเห็นว่านายประมูลไม่ดำเนินการประมูลสักที โครม! นายประมูลตกใจจนทำค้อนหลุดจากมือร่วงลงกระแทกโต๊ะดังโครมใหญ่ อะ...เออ...พ่ะย่ะค่ะ... เริ่มเลยจ๊ะ ข้า! ข้า! ข้าซื้อ ๆ รูฟัสที่ได้สติร้องโหวกเหวกขึ้นมาทันที ข้าด้วย ขายให้ข้า ข้า ให้ข้า เสียงตะโกนดังแข่งกันจนดังเซ็งแซ่ไปทั้งห้องประมูล โครม ๆ ๆ ๆ นายประมูลต้องใช้ค้อนกระแทกโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบังคับให้ที่ประชุมอยู่ในความสงบ กรุณาอยู่ในความสงบด้วยครับ เรากำลังจะเริ่มต้นประมูลกันแล้ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:19:26 AM ทุกคนที่ตะโกนโหวกเหวกต่างรู้สึกกระดากที่เผลอลืมตัวไปชั่วขณะ รูฟัสนั้นหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความอับอายรีบเช็ดคราบน้ำลายที่ไหลหกออกมา สร้างความขบขันให้กับคนรอบข้างอย่างช่วยไม่ได้
ราคาเริ่มต้นของน้ำตานางเงือก คือ หนึ่งแสนออเรียส เสียงประกาศของนายประมูลดังขึ้น ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นครั้งที่สอง บ้าแล้ว หนึ่งแสนออเรียสงั้นเหรอ รูฟัสตะโกนอย่างไม่เชื่อหู หนึ่งแสนเหรียญทองนั่นเกือบจะเท่ากับเงินกำไรตลอดทั้งปีที่เขาหาได้เชียว รูฟัสเหลือบตาไปมองผู้คนโดยรอบก็เห็นว่าบรรดาคนที่คิดอยากจะได้ครอบครองน้ำตานางเงือกก็ถึงกับหัวหดเมื่อได้ยินราคาเริ่มต้นของเพชรสีน้ำเงินชิ้นนี้ ระดับคนพวกนี้หากใครที่อยากจะได้ไว้ในครอบครองคงต้องขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีเพื่อเป็นเจ้าของมันเป็นแน่ รูฟัสเริ่มยิ้มออก เมื่อไม่มีคู่แข่ง ราคาก็ไม่น่าจะสูงไปมากกว่านี้สักเท่าไหร่ หนึ่ง...หนึ่งแสนหนึ่งพัน รูฟัสเสนอราคาหยั่งเชิง หนึ่งแสนสองพัน เสียงวิโอเรียประกาศก้องพร้อมกับโบกพัดเป็นสัญญาณว่าใครก็อย่าเสนอหน้ามาแข่งราคาด้วย หนึ่งแสนสองพันห้าร้อย รูฟัสเสียดายเงินแต่ก็อยากจะได้เพชรใจจะขาด หนึ่ง! แสน! สาม! พัน! วิโอเรียประกาศย้ำทีละคำ จ้องหน้ารูฟัสและยิ้มมุมปากอย่างเอาเรื่องพร้อมกับขมุบขมิบปากว่า ของข้า หนึ่งแสน... รูฟัสอ้าปาก หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น เสียงของชายคนหนึ่งดังก้องไปทั่วทั้งห้องประมูล เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ทุกคนต่างตกใจเหลียวไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว วิโอเรียหันไปถลึงตาจ้องอย่างแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่รูฟัสตาเหลือกด้วยความตกใจ เมื่อคนที่อาจหาญขัดคำสั่งของวิโอเรียและรูฟัสคือเสนาบดีกระทรวงศึกษาจากตระกูลโอดิลอนนั่นเอง เจ้าโอดิลอน แกทำบ้าอะไรของแก รูฟัสขมุบขมิบปากอย่างด้วยความโกรธพยายามเอาคทาเคาะที่ไหล่ซ้ายตามสัญญาณที่ตกลงกันไว้ ตลอดการประมูลวันนี้ขุนนางจากตระกูลโอดิลอนผู้นี้ดูเหมือนจะทำให้ทั้งรูฟัสและวิโอเรียขัดใจอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่วิโอเรียหรือรูฟัสเสนอราคาขึ้น เขาก็จะต้องเสนอราคาโดดขึ้นไปมากบ้างน้อยบ้างอยู่เรื่อย ครั้นพอเห็นสัญญาณเคาะคทาหรือโบกพัด เขาก็จะทำท่าตกอกตกใจขอโทษขอโพยไม่กล้าเสนอราคาสู้ทุกครั้งไป จนรูฟัสคิดว่าขุนนางผู้นี้คงจะต้องมีความผิดปกติทางสมองหรือไม่ก็อาจจะป่วยหนักอะไรสักอย่าง แต่เวลานี้พ่อค้าร่างยักษ์ชักจะแน่ใจแล้วว่ากำลังถูกเสนาบดีผู้นี้หักหลัง หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพัน วิโอเรียประกาศแม้จะยังคงจ้องหน้าขุนนางจากตระกูลโอดิลอนอย่างเอาเรื่อง หนึ่งแสน...หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อย รูฟัสเสนอราคาเสียงเบาลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันในความงกของรูฟัสจากคนรอบข้าง หนึ่งแสนสองหมื่น เสนาบดีโอดิลอนประกาศและยังคงยิ้มให้วิโอเรียและรูฟัสอย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่ราคาที่เสนอก็เรียกเสียงฮือฮาให้ดังขึ้นอีกครั้ง รูฟัสเริ่มนั่งไม่ติด ตาก็มองเพชรสีน้ำเงินอย่างเว้าวอนละห้อยหา ปากก็พึมพำคำด่าไม่หยุด หนึ่งแสนสองหมื่น...หมื่น....ห้าร้อย หนึ่งแสนสองหมื่นห้าพัน วิโอเรียเค้นเสียงรอดไรฟันอย่างขุ่นเคืองที่สุด ทั้งไม่อยากให้อลาน่าได้ราคาค่าประมูลสูงทั้งอยากจะเอาชนะอลาน่าและขุนนางจากตระกูลโอดิลอน ในขณะที่รูฟัสก็ต้องจิกทึ้งเสื้อตัวเองด้วยความอัดอั้นเมื่อได้ยินราคาที่วิโอเรียประกาศ หนึ่งแสนห้าหมื่น การประกาศราคาของโอดิลอนคราวนี้ยิ่งเรียกเสียงฮือฮาด้วยความตกใจดังมากขึ้นไปอีก วิโอเรียถึงกับทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจ้องหน้าเสนาบดีด้วยความโกรธจัด ข้างฝ่ายรูฟัสก็ฉีกเสื้อนอกจนขาดวิ่นด้วยความคลั่งแค้นก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องประมูลไปทันที หนึ่งแสนหกหมื่น วิโอเรียประกาศทำให้เสียงฮือฮาดังไม่หยุด หนึ่งแสนเจ็ด หนึ่งแสนแปด หนึ่งแสนเก้า สองแสน เสียงแข่งราคาดังสู้กันไม่หยุดจนทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ทุกคนต่างลุ้นกันสุดตัว อยากจะรู้ว่าที่สุดแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร? เมื่อราคาขึ้นไปถึงสองแสนออเรียสวิโอเรียก็เริ่มวิตก เพราะเป็นเงินจำนวนมากจนตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีพอจ่ายในทันทีหรือไม่? แต่เมื่อวิโอเรียเห็นว่าฝ่ายเสนาบดีเงียบไปก็กระหยิ่มอย่างลำพองในชัยชนะที่มองเห็นอยู่รำไร เสียงร้องย้ำราคาที่วิโอเรียเสนอจากนายประมูลดังก้องขึ้นเป็นครั้งที่สอง พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของวิโอเรียเริ่มปรากฏบนใบหน้าขณะที่ส่งสายตาเหยียดหยามไปทางเสนาบดีโอดิลอน ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับค่อย ๆ เลือนหายไปเพราะรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเสนาบดีโอดิลอนนั้นบ่งบอกถึงความเป็นต่อและไม่สะทกสะท้านใด ๆ ทั้งสิ้น Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:20:27 AM สองแสนห้าหมื่น เสนาบดีประกาศเสียงเรียบในขณะที่วิโอเรียแทบจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ พัดในมือหักสะบั้นเป็นสองท่อน หญิงสาวหายใจหอบถี่ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งด้วยความอาฆาตมาดร้าย ฝ่ายผู้ร่วมประมูลทั้งหลายก็ถึงกับอุทานด้วยความตื่นตะลึงกับราคาที่เพิ่งถูกประกาศ
สองแสนห้าหมื่นออเรียส ครั้งที่หนึ่ง นายประมูลประกาศ พร้อมกับรอดูท่าทีของวิโอเรียว่าจะเสนอราคาสูงกว่านี้อีกหรือไม่ สองแสนห้าหมื่นออเรียส ครั้งที่สอง ทั้งห้องประมูลยังคงเงียบสนิท สองแสนห้าหมื่นออเรียส ครั้งที่สาม เสียงนายประมูลประกาศพร้อมกับใช้ค้อนทุบโต๊ะเป็นสัญญาณยุติการประมูล น้ำตานางเงือกตกเป็นของท่านโอดิลอน เสนาบดีกระทรวงศึกษา ด้วยราคาสองแสนห้าหมื่นออเรียสครับ เสียงปรบมือแสดงความยินดีดังสนั่นกึกก้องไปทั้งห้องประมูล วิโอเรียซึ่งแทบจะเดินกระทึบเท้าก็ก้าวฉับ ๆ ไปถึงตัวเสนาบดีกระทรวงศึกษาอย่างรวดเร็ว ดีใจไปเถอะ ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน หญิงสาวกล่าวอย่างมาดร้ายและเคียดแค้น เสนาบดีจากโอดิลอนเตรียมใจที่จะต้องชนกับวิโอเรียและรูฟัสมาตั้งแต่ได้รับมอบหมายหน้าที่นี้จากที่ประชุมของตระกูลแล้ว ตระกูลโอดิลอนทุกคนล้วนแต่รับราชการรับใช้ราชวงศ์มาโดยตลอด และไม่มีสักครั้งที่จะอ่อนข้อหรือเกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล ช่างน่าขำเหลือเกินที่วิโอเรียและรูฟัสคิดว่าจะซื้อเขาได้ด้วยสมบัติของตระกูลเขาเอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเป็นห่วง เสนาบดียิ้มน้อย ๆ ทำหน้าซื่อ และแสร้งค้อมศีรษะให้ คราวนี้วิโอเรียถึงกับกัดฟันจนตัวสั่นเทิ้ม เค้นเสียงรอดไรฟัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน กล่าวจบแล้วก็สะบัดหน้าก้าวออกจากห้องไปอย่างกับพายุบุแคม เมื่อวิโอเรียจากไปแล้วทุกคนต่างก็เข้าไปแสดงความยินดีกับขุนนางแห่งตระกูลโอดิลอนทันที เพราะความที่กลัวอิทธิพลของวิโอเรียและรูฟัสจึงทำให้ไม่มีใครกล้าประมูลแข่ง แต่เสนาบดีผู้นี้กลับแข่งราคาอย่างไม่กลัวเกรงจึงทำให้ขุนนางจากตระกูลโอดิลอนมองดูเหมือนเป็นวีรบุรุษก็ไม่ปาน เสียงปรบมือจากผู้ร่วมประมูลดังกึกก้อง เสนาบดีโอดิลอนเหลือบมองไปทางเวทีประมูล ที่บนเวทีนั้นเจ้าหญิงอลาน่าประทับยืนอยู่ทรงปรบมือด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่ฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา พระองค์ทรงขมุบขมิบปากเป็นคำพูดที่อ่านได้ว่า ขอบคุณค่ะ ขุนนางวัยกลางคนยิ้มตอบพร้อมกับค้อมศีรษะรับคำก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูฝั่งซ้ายเพื่อรับน้ำตานางเงือกกลับคืนสู่ตระกูลโอดิลอนดังเดิม S Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:22:44 AM ดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงแล้วเมื่อทัพเสริมแห่งฟีเลเซียและกองทัพแห่งฟูดินันเดินทางมาถึงประตูเมืองทางทิศใต้ของเมืองคามินยาร์ด ประตูเมืองด้านนี้ยังมีร่องรอยความเสียหายจากการถูกโจมตีอย่างหนักปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดแนวกำแพง เสียงแตรให้สัญญาณเปิดประตูดังก้องขานรับกันเป็นช่วง ๆ และทันทีที่ประตูเมืองเปิดออก ภาพของแถวประชาชนทั้งชายหญิงที่ออกมายืนต้อนรับก็ยาวเหยียดไปจนสุดลูกหูลูกตา กองทัพแห่งฟีเลเซียเดินนำเข้าไปเป็นกองทัพแรกโดยการนำของเจ้าหญิงแห่งฟีเลเซียบนหลังอาชาสีขาวปลอด ท่ามกลางเสียงร้องสรรเสริญที่ดังก้องไปทั่ว แต่แล้วทันทีที่กองทัพของฟูดินันก้าวผ่านประตูเมือง เสียงอุทานด้วยความตกใจและเสียงซุบซิบก็ดังเซ็งแซ่ไปตลอดทาง
บรรดานักรบของฟูดินันเหลียวมองบ้านเรือนที่เรียงต่อกันเป็นชั้นสูงด้วยความตื่นตา บ้านเรือนยังแลดูสวยงามตระการตาในสายตาของพวกชาวป่าแม้จะถูกทำลายไปเพราะสงคราม แต่ไม่นานนักทุกคนก็เริ่มรู้สึกตัวและเริ่มอึดอัดกับสายตาของประชาชนชาวเมืองคามินยาร์ดและบรรดาทหารรักษาการณ์ที่จ้องมองพวกตน สายตาตื่นตระหนกและสมเพชที่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ค่าและต่ำต้อย สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน? นายพลทราเฮิร์นอดพูดไม่ได้เมื่อถูกจ้องมองมาก ๆ เข้า เอาเถอะ อีกเดี๋ยวเราก็จะพ้นจากคนพวกนี้แล้ว ฮารีซันที่เดินอยู่ใกล้ ๆ พูดให้กำลังใจ พวกท่านไม่รู้สึกอะไรเลยรึ? แม่ทัพเซนทอร์ถามต่อ แต่เมื่อมองเห็นหน้าของแต่ละคนก็รู้ว่าต่างก็รู้สึกอัดอึดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ข้าพยายามจะไม่สนใจสายตาของคนพวกนี้ คาร์นคำรามเบา ๆ ก้มหน้าก้มตาเดินเหมือนกับพยายามสะกดใจอยู่ ทว่าดูเหมือนดามิก้าซึ่งนั่งบนหลังอาลูปัสจะมีสีหน้าเรียบเฉยมากที่สุด ท่านดูจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนมากที่สุดในหมู่พวกเรานะ เซนทอร์ทราเฮิร์นเอ่ยทักเมื่อเห็นดังนั้น ก็อาจจะใช่ ดามิก้าบนหลังอาลูปัสหันมาตอบอย่างไม่จริงจังนัก ข้าคงจะชินแล้วละมั๊ง? ชินแล้วเหรอ? ดูท่านจะปรับตัวได้เร็วกว่าพวกเราอีกนะ ทราเฮิร์นเอ่ยด้วยความประหลาดใจแกมชื่นชม หึ ใครว่า...สายตาแบบนี้มันก็เหมือนกับที่เวลาเผ่าอื่น ๆ จ้องมองเผ่าทมิฬนั่นแหละ ข้าถึงรู้สึกชินกับมันไงละ คำพูดของสาวชาวป่าทมิฬทำให้ชายทั้งสามต้องหันมามองจนดามิก้าอดหัวเราะไม่ได้ เฮ้ เฮ้ ไม่ต้องมองข้าแบบนั้นหรอก ข้าไม่ได้ติดใจอะไรหรือตั้งใจจะโทษใครนะ เจ้าเป็นเผ่าทมิฬที่ดี คาร์นกล่าวพร้อมกับตบหลังดามิก้าเบา ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็ยิ้มให้อย่างเห็นด้วย เสียตรงที่พูดตรงไปหน่อยเท่านั้นแหละ คาร์นเสริมด้วยใบหน้านิ่งเฉยแต่ก็เรียกเสียงขบขันจากฮารีซันและทราเฮิร์นได้อย่างดี ขอบใจ ดามิก้ายิ้มหยอก ถ้าเป็นคนอื่นพูด คงได้มีการออกกำลังกันกลางเมืองแน่ แต่เพราะเป็นท่านพูด...ข้าจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน เอาน่า...พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก อย่างน้อยก็ทำให้ข้าก็ลืมสนใจสายตาพวกนี้ได้ไปชั่วขณะ ทราเฮิร์นพูดเสริม เร่งฝีเท้ากันอีกนิดเถอะ เราใกล้จะถึงค่ายพักแล้ว ฮารีซันกล่าวยิ้ม ๆ ทำให้ทุกคนมองตรงไปยังที่ว่างที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขา Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:25:02 AM เหนือขึ้นไปบนเนินสูงมีอาคารขนาดใหญ่ที่ถูกใช้เป็นที่บัญชาการชั่วคราว กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ทรงใช้กล้องส่องทางไกลที่ทำให้สามารถมองได้ไกลและคมชัดขึ้น ซึ่งได้จากการประดิษฐ์ของทิโมธี พระองค์ทรงใช้มันส่องสำรวจกองทัพฟูดินันจากระเบียงอาคาร
นี่มันกองทัพอะไรกัน? กษัตริย์ซิกมันต์ทรงเหยียดปากอย่างดูแคลน ขณะส่งกล้องให้แม่ทัพชาร์ล ทันทีที่ชาร์ลยกกล้องขึ้นส่องดูก็ต้องรีบกระแอมเพื่อกลบเสียงหัวเราะ มันไม่ตลกเลยสักนิด ข้าจะให้กองทัพประหลาดเหมือนพวกละครสัตว์อย่างนั้นออกรบได้ยังไง? กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสอย่างเหยียดหยาม ขออภัยฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยเห็น เออ...จะเรียกว่าอย่างไรดี... กองทัพที่แต่งตัวกันด้วยสีสันฉูดฉาดสารพัดสีและเอาแต่อ้าปากหวอหันรีหันขวางมองดูบ้านเมืองของเราราวกับเห็นแดนมายาอย่างนี้ แล้วนั่น... กษัตริย์ซิกมันต์ทรงชี้ลงไปยังเผ่าสมิง นั่นมันคนหรือสัตว์กันแน่! ชาร์ลยกกล้องส่องดูตามที่ซิกมันต์ชี้ อืม... รูปร่างเหมือนสัตว์แต่เดินสองขา อาจจะเป็นพวกเผ่าสมิงก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงก็วันนี้เอง ฝ่าบาท แม่ทัพนายหนึ่งเดินเข้ามาสมทบด้วย เราทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะว่ากองทัพลึกลับที่ลอบโจมตีกองทัพซาโลมคือพวกไหน? ตอนนี้หน่วยสอดแนมรอถวายรายงานอยู่ที่ห้องบัญชาการแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดวงตาของกษัตริย์ซิกมันต์แข็งกร้าวขึ้นทันที วันนี้จะได้รู้กันเสียทีว่าใครคือสุนัขลอบกัดที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ฟีเลเซีย พระองค์ทรงเหลือบมองกองทัพเบื้องล่างด้วยดวงตาที่หรี่แคบและใบหน้าที่บึ้งตึง นั่นก็เป็นอีกปัญหาที่น่าหนักใจที่พระองค์จะต้องจัดการ คิดดังนั้นแล้วก็สะบัดผ้าคลุมออกเดินตรงไปยังห้องบัญชาการทันที ณ ห้องบัญชาการของกองทัพแห่งฟีเลเซีย ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงพร้อม ๆ กับที่กษัตริย์ซิกมันต์ทรงก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นใคร? กษัตริย์ซิกมันต์ทรงถามทันทีที่เห็นหน้าหน่วยสอดแนมทั้ง ๆ ที่ยังเดินไปไม่ถึงบัลลังก์ ทูลฝ่าบาท นายทหารกราบทูล เป็นพวกนักฆ่าแห่งฟีเลเซีย(Felasia Assassin)พ่ะย่ะค่ะ กษัตริย์ซิกมันต์เกือบจะเดินไปถึงบัลลังก์แล้วแต่ก็ต้องทรงหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกของพระองค์ทำให้ทั่วทั้งห้องต้องเงียบสนิท ไอ้พวก... กษัตริย์ซิกมันต์ทั้งประหลาดใจทั้งโกรธจนสรรหาคำมาอธิบายไม่ได้ ความโกรธที่ทำให้พระองค์อยากจะทำลายกำแพงเมืองโครีธาให้ราบเป็นหน้ากลองแล้วลากคอพวกนักฆ่าเหล่านี้มาสำเร็จโทษด้วยมือของพระองค์เอง พระองค์ต้องหยุดพูดแล้วสูดหายใจเข้าอย่างแรงก่อนที่จะทรงสามารถตรัสใด ๆ ได้อีกครั้ง ไอ้พวกสวะนอกกฎหมายพวกนี้เสนอหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยวในการรบของเหล่าอัศวินแห่งฟีเลเซียทำไม? ฝ่าบาท นายทัพนายหนึ่งทูลตอบ พวกโจรเถื่อนนอกกฎหมายพวกนี้พยายามขอสมัครเข้าร่วมกับกองทัพอัศวินตั้งแต่เมื่อครั้งที่สงครามเพิ่งเริ่มต้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไร้สาระ! จะให้พวกคนนอกกฎหมายไร้เกียรติพวกนี้เข้าร่วมในกองทัพอันทรงเกียรติแห่งฟีเลเซียได้อย่างไร? พ่ะย่ะค่ะ นั่นเป็นเหตุให้กองทัพไม่รับคนพวกนี้เข้ามาตั้งแต่แรก นายทัพอีกคนหนึ่งเสริมขึ้น เพราะยุทธวิธีการรบแบบดักซุ่มและลอบโจมตีเหมือนโจรของพวกมันนั้นเป็นเรื่องที่กองทัพไม่อาจยอมรับได้ พวกเจ้าทำถูกต้องแล้ว วิธีการของพวกมันไม่ต่างอะไรกับโจรชั้นต่ำ ไร้เกียรติและศักดิ์ศรีที่สุด! กษัตริย์ซิกมันต์ทรงประณามอย่างดุเดือด นี่คงเป็นความพยายามที่จะทำให้กองทัพยอมรับ แม่ทัพชาร์ลออกความเห็นอย่างไม่ชอบใจนัก พวกมันคงอยากจะได้สิทธิ์การยอมรับเป็นพลเมืองของเรา นายพลมังกรกล่าว ความพยายามโง่ ๆ กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสอย่างเผ็ดร้อน ข้าไม่มีวันยอมรับพวกนอกกฎหมายพวกนี้เข้าเป็นพลเมืองให้เสื่อมเกียรติของประเทศชาติเด็ดขาด ถ้าเช่นนั้นเราจะทำอย่างไรกับพวกนักฆ่าพวกนี้ดี? นายทัพอีกคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ต้องหาวิธีหยุดพวกมันให้ได้ เพื่อไม่ให้เกียรติของกองทัพต้องเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ แม่ทัพชาร์ลพยายามคิดหาทางที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของกองทัพชาตินักรบ ทั่วทั้งห้องบัญชาการต่างก็เงียบเสียงลงพยายามหาวิธียุติการกระทำของพวกนักฆ่าแห่งฟีเลเซีย แต่แล้วในที่สุดที่ประชุมก็ดูเหมือนจะรอคอยคำสั่งเด็ดขาดจากองค์กษัตริย์ซึ่งถือว่าเป็นการชี้ขาดที่ดีที่สุด ส่งหน่วยไล่ล่าออกไป กษัตริย์ซิกมันต์ทรงประกาศเสียงกร้าว เจอพวกนอกฎหมายพวกนี้เมื่อไหร่ให้จัดการได้ทันที Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:27:07 AM ช้าก่อนฝ่าบาท ชาร์ลท้วงขึ้นแทบจะทันที กระหม่อมเห็นว่าเราไม่ควรจะรีบกำจัดพวกนักฆ่าเวลานี้ การที่เราจะแบ่งกองทัพออกไปเพื่อจะรบทั้งศึกในศึกนอกจะทำให้เราเสียกำลังพลไปโดยใช่เหตุ กระหม่อมไม่อยากให้เราสูญเสียทหารกับการนี้ทั้ง ๆ ที่หน่วยไล่ล่านี้อาจจะสามารถปลิดชีพพวกซาโลมได้เป็นร้อยในสนามรบ ลึก ๆ ในใจแล้วชาร์ลก็มองเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากเหล่านักฆ่าแห่งฟีเลเซียอยู่ไม่น้อย
จริงอย่างที่ท่านแม่ทัพว่านะพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็ไม่ได้หันมาโจมตีเรา บรรดาแม่ทัพต่างก็เห็นด้วยและในใจหลาย ๆ คนก็คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเหล่านักฆ่าพวกนี้ไปอีกสักระยะ อย่างน้อยก็ให้เราสามารถยึดเมืองทั้งสองคืนได้เสียก่อน แม่ทัพอีกคนกล่าวเสริม ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจะให้ข้าทนบากหน้ายอมรับสภาพที่น่าอัปยศที่พวกมันก่อนขึ้นรึยังไง? ซิกมันกษัตริย์ทรงตะคอกด้วยความโกรธ กระหม่อมเห็นว่าในเบื้องต้นนี้ เราอาจจะทำประกาศไม่ยอมรับการกระทำของบุคคลกลุ่มนี้ เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนว่าเรากับพวกนักฆ่าพวกนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ชาร์ลออกความเห็น กษัตริย์ซิกมันต์ทรงยกมือขึ้นบีบขมับตนเองกรามขบแน่นและนิ่งเงียบอยู่นาน พระองค์ทรงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตรัสเสียงหนัก ๆ ด้วยความขุ่นเคือง ทำไมอะไร ๆ ก็ประเดประดังกันเข้ามาในชีวิตข้าอย่างนี้นะ เอาตามที่พวกท่านว่าไปก่อนแล้วกัน ถ้ามีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วเราค่อยว่ากันทีหลัง ตรัสจบก็ทรงลุกขึ้นสาวเท้ายาว ๆ ออกจากห้องไปทันที ชาร์ล คาร์แลนซ์ มองดูกษัตริย์ซิกมันต์ด้วยความวิตก ในใจก็คิดถึงสถานการณ์ของกษัตริย์ซิกมันต์ในเวลานี้ นี่เป็นศึกใหญ่ครั้งแรกที่พระองค์ในฐานะกษัตริย์ที่ทรงเป็นแม่ทัพสูงสุดโดยไม่มีกษัตริย์ซิกมันต์ที่ 2 คอยนำเหมือนเมื่อกาลก่อนอีกแล้ว แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันและปัญหาเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องการรบร่วมกับฟูดินันหรือการมีพวกนอกกฎหมายมาคอยยื่นมือเข้ามาแทรกแซงในการรบ และด้วยเลือดสีน้ำเงินที่เข้มข้นไปด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของพระองค์จะทำให้พระองค์ฝ่าฟันการสงครามครั้งนี้ไปได้ด้วยวิธีใดกัน ลำพังตัวเขาเองก็คงช่วยได้แค่ในระดับหนึ่ง เห็นทีเขาจะต้องหาผู้ช่วยเหลือเหมาะ ๆ อีกสักคนที่ช่วยแบ่งเบาภาระปัญหาของพระองค์ไป และต้องเป็นคนที่มีความกล้าพอที่จะขัดหรือโต้แย้งกับกษัตริย์ซิกมันต์ได้ S เจ้าหญิงเรจิน่า พระองค์จะเสด็จไปไหนอีกแล้วเพคะ? นางกำนัลคนสนิทของเจ้าหญิงเรจิน่าอดถามอย่างอ่อนใจไม่ได้ขณะที่วิ่งตามเจ้าหญิงออกมาถึงห้องรับรองแขกภายในจวนที่พักของเจ้าเมือง ที่ซึ่งถูกใช้เป็นที่พักสำหรับเจ้าหญิงเรจิน่า ภายในห้องมีการจัดเตรียมโต๊ะเข็นที่ใส่สำรับสำหรับรับรองแขกไว้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกาน้ำชา ขนมปังสดใหม่ หรือแม้แต่ขนมอบนานาชนิด คราวที่แล้วพระองค์ก็แอบหลบไปที่ค่ายของฟูดินันพระองค์เดียว ทรงทราบไหมเพคะว่าหม่อมฉันกระวนกระวายตามหาพระองค์ด้วยความร้อนใจขนาดไหน? นี่ถ้าอุ๊บ! นางกำนัลกระพริบตาปริบ ๆ เงียบเสียงลงทันทีที่มีขนมปังก้อนใหญ่อุดเต็มปากพร้อม ๆ กับเสียงระเบิดหัวเราะดังลั่นของเจ้าหญิง ข้าคิดว่าการที่เจ้าพูดมากขนาดนี้ จะต้องเสียพลังงานไปมากแน่ ๆ เติมกระเพาะเสียหน่อยจะได้มีแรงพูดต่อ เจ้าหญิงตรัสพยายามหยุดหัวเราะ แต่พอเห็นหน้าของนางกำนัลที่ยังคงจ้องมองพระองค์ตาปริบ ๆ พร้อมกับขนมปังในปาก ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง ฝ่าบาท ทรงแกล้งหม่อมฉันอีกแล้ว นางกำนัลวางขนมปังลงบนโต๊ะ นี่ก็ค่ำลงแล้ว พระองค์ไม่ควรจะเสด็จออกไปจากจวนที่พักเพื่อแอบไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้วนะเพคะ ใครว่าข้าจะออกไปจากจวนกันละ? เจ้าหญิงเรจิน่าทรงมองหาขนมปังชิ้นต่อไป อีกเดี๋ยวชาร์ลจะมาพบข้าต่างหากล่ะ พระองค์หมายถึงแม่ทัพชาร์ล คลาแรนซ์รึเพคะ? นางกำนัลทูลถามอย่างตื่นเต้น มือก็ยกขึ้นจัดแต่งผมโดยอัตโนมัติ ดูท่าเจ้าจะชื่นชอบชาร์ลอยู่ไม่น้อยเลยนะ เจ้าหญิงทรงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์หรี่ตามองแสร้งขยับแว่นตาสมมุติด้วยท่าทางเหมือนอาจารย์ผู้ภูมิในสถาบันการศึกษา ฝ่าบาท หม่อมฉันก็แค่ชื่นชมท่านชาร์ลที่เพียบพร้อมและเก่งกล้าสามารถในฐานะอัศวินและจอมทัพเท่านั้นแหละเพคะ แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสมกันแล้ว พระองค์กับ อุ๊บ! คราวนี้นางกำนัลต้องหยุดพูดเพราะขนมปังที่ก้อนใหญ่กว่าเดิม Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 23, 2006, 06:28:43 AM อย่าแม้แต่จะคิดจับคู่ให้ข้าเชียว เราเป็นแค่เพื่อนกัน และวันนี้เขามาเพื่อปรึกษาราชการกับข้าเท่านั้น เจ้าหญิงทรงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ด้วยใบหน้าจริงจังยิ่งขึ้น เข้าใจใช่ไหม?
นางกำนัลพยักหน้าหงึก ๆ อย่างว่าง่ายในขณะที่เจ้าหญิงทรงเริ่มยิ้มอย่างซุกซนอีกครั้ง ปัง! เสียงเปิดประตูห้องรับรองดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ชาร์ล คลาแรนซ์ก้าวเข้ามาผ่านในห้อง เขาไม่ได้อยู่ในชุดเกราะเต็มยศเหมือนเวลาราชการ แต่อยู่ในชุดผ้าเนื้อดีสีเขียวเข้มหม่นขลิบดำ เขาชะงักค้างครู่หนึ่งเมื่อเห็นสตรีทั้งสองในห้องรับรอง แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาหา ขออภัยฝ่าบาท กระหม่อมไม่คิดว่าพระองค์จะอยู่ที่ห้องนี้แล้ว และ....เออ ชาร์ลลากเสียงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองนางกำนัลที่หน้าแดงแล้วก็ซีดสลับกันไปมาโดยที่ก้อนขนมปังยังค้างอยู่ในปาก ไม่ทราบว่ากระหม่อมมาขัดจังหวะอาหารค่ำหรือเปล่า? นางกำนัลรีบหยิบขนมปังออกจากปากอย่างรวดเร็วโดยใบหน้าที่แดงก่ำจนถึงใบหูจนเจ้าหญิงเรจิน่าทรงหัวเราะร่ากับท่าทางของเธอ นางกำนัลรีบก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมสำรับของว่างให้บุคคลทั้งสองแล้วก็เลี่ยงออกไปยืนรอรับคำสั่งอีกมุมห้องหนึ่งทันที กระหม่อมเดาได้เลยว่าเป็นฝีมือของพระองค์ ชาร์ลอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้พลางแกล้งพูดเสียงเบาเหมือนกลัวใครจะได้ยิน ท่านไม่ต้องเดาเลย เป็นฝีมือข้าอยู่แล้ว เจ้าหญิงตรัสอย่างหนักแน่นด้วยความภาคภูมิในฝีมือเหมือนทหารที่ได้รับคำชมจากแม่ทัพ ไปนั่งที่เก้าอี้เถอะ จะได้คุยได้สะดวกหน่อย เมื่อทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย เจ้าหญิงเรจิน่าจึงเริ่มตรัสถาม เอาล่ะ มันเรื่องอะไรกัน? ก็อย่างที่ฝ่าบาททูลให้ทราบในสารที่ส่งมา กษัตริย์ซิกมันต์ควรจะมีคนช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์ แค่เรื่องการศึกกับจักรวรรดิซาโลมก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ใช่ ในฐานะกษัตริย์ ซิกมันต์ต้องแบ่งภาระอันหนักอึ้งทันทีที่ขึ้นครองราชย์เลย เจ้าหญิงตรัส พ่ะย่ะค่ะ ไหนจะเรื่องการกองทัพฟูดินัน ไหนจะยังพวกนักฆ่านอกกฎหมาย ชาร์ลทูลพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นจมอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น เรื่องฟูดินันให้เป็นธุระของเราเอง เจ้าหญิงเสนอตัวแทบจะทันที ชาร์ลหยุดถ้วยของเขาก่อนที่จะได้ทันดื่มอึกแรก เขาเหลือบมองเจ้าหญิงผ่านขอบถ้วยชาก่อนจะยิ้มกว้าง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา พระองค์ไม่ทรงพลาดที่จะปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ก็ตามจะทำให้พระองค์สนุกได้ ใช่มั๊ยพ่ะย่ะค่ะ? อะไรกันชาร์ล ท่านยังคิดว่าข้าเป็นเด็กซุกซนที่ปีนต้นไม้ในอุทยานหลวงเล่นอยู่หรือยังไง? เจ้าหญิงเรจิน่าแสร้งเหน็บอย่างไม่พอใจ ทูลตามตรง บางครั้งหม่อมฉันก็ยังเห็นว่าเป็นเช่นนั้นอยู่ ชาร์ลยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงสมัยเด็ก ๆ ข้าคือสายลมนะ ถ้าสายลมอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ แล้ว สายลมจะยังเป็นสายลมอยู่ได้อย่างไรกัน? แต่พระองค์ก็นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยเวลานี้พระองค์ก็ไม่ได้ปีนต้นไม้ต่อหน้าคนอื่น ๆ อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยชาร์ล เจ้าหญิงทรงหัวเราะในลำคอ เวลาพระองค์อยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ พระองค์ก็จะวางตัวเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมและงามสง่า แต่กลับเวลาที่อยู่เพียงลำพังกับคนสนิท... ชาร์ลยังคงพูดต่อ ก็ข้ารู้ว่าประชาชนชาวฟีเลเซียต้องการเห็นสิ่งใดจากตัวเจ้าหญิงนะสิ ข้ารู้ว่าตัวเองเป็นความหวังและเป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชน ข้าก็ยินดีจะทำสิ่งนั้นเพื่อประชาชนชาวฟีเลเซีย เพียงแต่ว่า...ถ้ามีโอกาสให้ข้าได้ผ่อนคลายบ้าง ข้าก็ไม่ควรพลาดไม่ใช่รึ? เจ้าหญิงตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งขึ้น ชาร์ลยกถ้วยน้ำชาขึ้นเหมือนยกแก้วเหล้าเวลาดื่มให้เกียรติใครสักคน ทีนี้ก็เลิกวิจารณ์นิสัยที่ดีของข้าเสียที แล้วรีบพูดธุระของเรากันดีกว่า...ไม่งั้นท่านจะได้เห็นนิสัยที่ดีของข้าแผลงฤทธิ์เข้าให้แน่ ๆ เจ้าหญิงแกล้งขู่ด้วยท่าทางเอาเรื่องก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังทำให้ชาร์ลอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้ เอาน่า ที่จริงแล้วข้าก็ไม่ได้ทำเพราะมันน่าสนุกอย่างเดียวหรอกนะ เจ้าหญิงสารภาพ ข้ารู้สึกผิดนิดหน่อย...เออ...จริง ๆ แล้วมันก็มากอยู่เหมือนกัน รู้สึกผิดเรื่องอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ? พระองค์ไปทำอะไรที่ผิดต่อพวกฟูดินันหรือ? ชาร์ลถามอย่างสงสัย ไม่ใช่ข้าเสียทีเดียวหรอก แต่เป็นพวกเราทุกคนต่างหาก ตั้งแต่เรื่องที่เรายกเมืองวอลเนียขึ้นจนทำให้พวกซาโลมบุกเข้าไปโจมตีฟูดินันแทน ตอนที่พวกเราตัดสินใจยกวอลเนียก็ไม่มีใครคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย หรือจะเป็นเรื่องที่เราไปออกกฎห้ามนู่นสั่งนี่กับพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีน้ำใจอาสามาช่วยพวกเรา แต่พวกเรากลับปฏิบัติกับเขาแย่กว่าที่ควรจะเป็น และดูสิ...จนป่านนี้ซิกมันต์ยังไม่ยอมพบฮารีซัน ผู้นำกองทัพฟูดินันเลย กระหม่อมเข้าใจเหตุผลของพระองค์แล้ว แม้กระหม่อมจะไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องสำคัญขนาดที่พระองค์จะต้องเอามาใส่ใจถึงเพียงนี้ เอาเป็นว่าพระองค์อาสาจะรับหน้าที่ดูแลกองทัพฟูดินัน ส่วนเรื่องการเกลี่ยกล่อมให้กษัตริย์ซิกมันต์ทรงยินยอมในเรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกระหม่อมเอง ความที่ว่าชาร์ล คลาแรนซ์นั้นคลุกคลี่กับราชวงศ์อรีธาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเรื่องการได้รับแต่งตั้งเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าหญิงและเจ้าชาย บ่อยครั้งที่ร่วมออกล่าสัตว์ด้วยกัน ทั้งได้รับแต่งตั้งให้สอนเชิงยุทธให้กับซิกมันต์ ทำให้เขารู้สึกสนิทสนมกับเจ้าหญิงและเจ้าชายมากเป็นพิเศษและได้รับความไว้วางใจจากบุคคลทั้งสองมากเป็นพิเศษเช่นกัน ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นพี่ชายใหญ่ที่ต้องคอยดูแลอารักขาทั้งสองพระองค์อย่างดี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจากเจ้าหญิงที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เขาเห็น ตกลง เราก็จะเริ่มงานของเราทันที เจ้าหญิงตรัสให้คำมั่น พ่ะย่ะค่ะ ชาร์ลลุกขึ้นยืน ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมก็ต้องขอตัวไปก่อนเช่นกัน หวังว่าเราจะสามารถชิงเมืองทั้งสองคืนได้ในเร็ววันนี้ ชาร์ลค้อมศีรษะให้เจ้าหญิงเรจิน่าแล้วจึงเดินจากไป Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 45 ศักดิ์ศรีแห่งโอดิลอน @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on June 29, 2006, 06:55:31 PM มาเม้ากันที่นี่นะ นะ นะ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=22304 |