Title: @@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 09, 2006, 07:02:29 PM Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ หลังจากที่เหตุการณ์ต่าง ๆ สงบลง เผ่าฟูดินันได้รับความเสียหายไปถึงครึ่งเผ่า แต่กลับมีจำนวนสมาชิกในเผ่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากบรรดาเผ่าเล็กเผ่าน้อยทั้งหลายที่ถูกทำลายและปล้นสะดมจนไม่มีแม้ที่อยู่อาศัย ต่างก็พากันเดินทางมาขอพึ่งความเอื้ออารีของเผ่าฟูดินัน จนทำให้เผ่าฟูดินันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แล้วยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นไปอีก ที่พักชั่วคราวหลังแล้วหลังเล่าถูกสร้างขึ้นในเขตเผ่าและบริเวณโดยรอบเขตฟูดินันจนแลดูแน่นขนัดไปหมด ทำให้อาณาเขตของเผ่าฟูดินันขยายใหญ่อีกเกือบเท่าตัวและมีทีท่าว่าจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนต่างก็เร่งสร้างที่พักอาศัยที่มั่นคงให้เสร็จก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน ทว่าแม้จะมีคนอพยพมาอยู่ในฟูดินันมากขึ้น แต่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเครียด ความหดหู่ ความกลัว และสิ้นหวัง ไม่มีเสียงหัวเราะหยอกล้อเล่นหัวกันเหมือนเมื่อก่อน บรรดาชาวบ้านมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดผวา แม้แต่ครอบครัวบันดาราเองเสียงหัวเราะก็ยังเหือดหายไป ขณะที่ฮารีซันกำลังช่วยชาวบ้านสร้างบ้านหลังหนึ่ง โดยมีวานาอันยืนประคองผู้เฒ่าวูจินที่ออกมาเดินเยี่ยมบรรดาสมาชิกเผ่าและแวะเวียนมาดูการสร้างบ้านของพวกผู้ชายในเผ่าอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ดามิก้าก็ขี่อลูปัสสัตว์เลี้ยงคู่ใจเข้ามาหาอย่างรวดเร็วทำให้ทุกคนพากันหยุดมือมองผู้เข้ามาใหม่ด้วยความตกใจ บางคนก็กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเพราะคิดว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นอีก ฮารีซันรีบวางมือจากงานที่ทำก่อนจะเดินเข้ามาสมทบกับผู้เฒ่าวูจิน ทันทีที่ดามิก้าลงจากหลังอลูปัสได้ก็รีบกล่าวอย่างร้อนรน ท่านผู้เฒ่า ท่านฮารีซัน เกิด... ดามิก้าต้องหยุดพูดในทันทีทันใดเมื่อเห็นวูจินยกมือขึ้นปรามไว้ เราไปคุยกันในบ้านดีกว่า ปล่อยให้พวกคนหนุ่ม ๆ เขาทำงานกันไป วูจินพูดยิ้ม ๆ กวาดตามองชาวบ้านที่กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น วานาอัน ฮารีซัน พวกหลานช่วยพยุงปู่เข้าบ้านหน่อยเถอะ ปู่เหนื่อยแล้ว วูจินพูดเหมือนคนแก่ขี้เมื่อยก่อนจะยื่นมือให้หลาน ๆ เป็นเคราะห์ดีของครอบครัวบันดาราที่บ้านของพวกเขาได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจึงไม่ต้องเสียเวลาซ่อมแซมมากนัก ครั้นเมื่อทุกคนเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ววูจินก็ทำท่าตกใจหันไปหาหลานสาว วานาอันเอ้ย ปู่ลืมเก็บสมุนไพรที่ตากผึ่งลมไว้หลังบ้าน ป่านนี้คงแห้งได้ที่แล้ว เจ้าไปเก็บเข้าห้องอบยาให้ปู่หน่อยนะหลานรัก ค่ะ ท่านปู่ วานาอันยิ้มตอบน้อย ๆ ก่อนจะเดินออกไปเงียบ ๆ หลังจากเหตุการณ์ที่ค่ายอพยพ วานาอันก็ยิ้มน้อยลงมาก ทำให้วูจินไม่อยากให้หลานสาวต้องกังวลเรื่องใด ๆ อีกในช่วงนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือ ดามิก้า? ฮารีซันถามด้วยความหวั่นวิตกทันทีที่วานาอันเดินคล้อยหลังไป ในขณะที่วูจินก็นั่งเงียบรอฟังอยู่ด้วยความรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก ที่เผ่าของข้ากำลังจะมีพิธีบูชายัญนะสิ ซ้ำยังจะลามไปถึงเผ่าอื่น ๆ ด้วย ดามิก้าพูดเร็วปรื๋อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนใจ เด็ก ๆ กำลังจะถูกฆ่า ข้าไม่รู้จะทำยังไงดี จึงรีบมาปรึกษาพวกท่านนี่แหละ การบูชายัญเด็กอย่างนั้นรึ? วูจินถามอย่างตกใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฮารีซันมองดามิก้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน พวกท่านได้ยินถูกแล้ว ข้าหมายถึงการฆ่าเด็ก ๆ สังเวยนั่นแหละ หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมากมาย หมอผีแห่งป่าทมิฬ(Black wood Shaman) ก็บอกว่าเหตุอาเพศทั้งหลายที่เกิดขึ้น จะแก้ไขได้ด้วยการบูชายัญเด็กชายหญิงเจ็ดคู่ให้แก่เทพแห่งภูเขาและเทพแห่งไฟในคืนเดือนมืดที่กำลังจะถึงนี้ อีกทั้งเผ่าอื่น ๆ ก็ต้องทำอย่างเดียวกันเหตุอาเพศจึงจะผ่านพ้นไปได้ ตอนนี้หลายเผ่าที่อยู่ข้างเคียงกับเผ่าป่าทมิฬก็เริ่มคัดเลือกเด็กชายหญิงจากเผ่าของตนแล้ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 09, 2006, 07:04:21 PM เหลวไหลที่สุด นี่เรายังสูญเสียไม่พออีกหรือ? วูจินเอ็ดเสียงดังด้วยความโกรธ
เราจะทำอย่างไรกันดีครับท่านปู่? ลงเมื่อชาวบ้านเชื่อเช่นนั้นแล้ว เราจะห้ามยังไงก็คงไม่ฟังแน่ ฮารีซันขมวดคิ้วพยายามหาวิธีด้วยความร้อนรน ข้าก็คิดหาทางจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว ดามิก้ากล่าวใช้มือทั้งสองเท้าเอวอย่างหงุดหงิด พวกเจ้ายิ่งร้อนใจก็ยิ่งคิดไม่ออก ผู้เฒ่าปลอบเตือนก่อนจะหลับตาขมวดคิ้วพลางใช้มือเคาะไม้เท้าเป็นจังหวะอย่างคนกำลังใช้ความคิด มันต้องมีทางออกสิ... ใครที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพแห่งภูเขาและเทพแห่งไฟของพวกเจ้า ใครที่ทุกเผ่าเคารพและนับถือมากที่สุด เทพบารามัน เทพบารามัน! ฮารีซันและดามิก้าหันหน้ามาหาผู้เฒ่าวูจินพูดแทบจะพร้อมกัน อืม วูจินลืมตาขึ้น ปู่ก็คิดถึงท่านเทพบารามันเช่นเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นเรารีบเดินทางไปที่วิหารของเทพบารามันกันเถอะ ถ้าเรารีบหน่อยก็คงจะไปถึงก่อนค่ำ เมื่อตกลงกันได้ดังนั้น ทั้งสามก็รีบออกจากบ้านบันดารามุ่งหน้าเดินทางไปยังวิหารแห่งเทพบารามันที่อยู่ในป่าลึกทางทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเผ่าฟูดินันนักทันที ดวงตะวันกำลังคล้อยต่ำใกล้จะลับแสงแล้วเมื่อบุคคลทั้งสามมาถึงวิหารของเทพบารามัน ตัววิหารไม่ใหญ่โตมากนักแต่ก็งดงามวิจิตรผิดกับความเป็นอยู่อันแสนธรรมดาของพวกชาวป่า วิหารก่อด้วยอิฐและหินสีขาวแกะสลักลวดลายสวยงาม แสงสีส้มอ่อน ๆ อาบย้อมตัววิหารทั้งหลังให้แลดูลึกลับเหมือนอยู่ในเมืองลับแล มีเสียงดนตรีอันแสนไพเราะดังแว่วออกมาจากภายในวิหารซึ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มและจิตใจสงบ ภายในวิหารแห่งนี้ไม่มีนักบวชหรือนักพรตอาศัยอยู่ มีแต่เพียงบรรดานักดนตรีหญิงพรหมจรรย์(Musician Maiden)และเหล่านางระบำแห่งเทพบารามัน(Baraman Dancer) ซึ่งทุกนางต่างเป็นหญิงสาวที่เป็นเอกด้านการดนตรีและการร่ายรำผู้ถูกคัดเลือกมาจากเผ่าต่าง ๆ เพื่อมาถวายตัวเป็นนางระบำขับกล่อมเสียงดนตรีและการร่ายรำถวายเทพสูงสุดของบรรดาชาวป่านั่นเอง วิหารแห่งนี้ก็รอดพ้นจากการบุกของกองทัพเพลิงเช่นกัน ทั้งนี้เพราะอยู่ในเขตป่าที่ค่อนข้างลึกลับเส้นทางคดเคี้ยว ซึ่งถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่ก็มักจะหาทางเข้ามาในเขตวิหารไม่เจอนั่นเอง บุคคลทั้งสามยืนอยู่ที่หน้าวิหารอยู่พักใหญ่เพราะไม่อยากเข้าไปรบกวนขณะที่นางรำกำลังร่ายรำถวายเทพ แต่เพียงสักพักก็มีนางรำคนหนึ่งออกมาต้อนรับ นางรำแห่งเทพบารามันสวมใส่เสื้อเกาะอกโทนสีฟ้า กระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้มชายกระโปรงบานพลิ้วออกเหมือนหางปลา มีผ้าสีฟ้าครามยาวคล้องแขนเพื่อเพิ่มความพลิ้วไหวยามร่ายรำ นางผายมือเชื้อเชิญบุคคลทั้งสามเข้ามาภายในวิหารอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตรก่อนจะแนะนำตัวเอง ฉันเป็นหัวหน้านางรำแห่งวิหารเทพบารามัน ท่านผู้เฒ่าแห่งฟูดินัน หัวหน้าเผ่าแห่งฟูดินัน และนักรบแห่งเผ่าป่าทมิฬ พวกท่านมีธุระอะไรหรือคะถึงมาพร้อมกันในเวลาเช่นนี้? พวกเรามีเรื่องอยากจะขอให้พวกท่านขอร้องท่านเทพให้ช่วยเหลือพวกเรา ฮารีซันกล่าว และเริ่มต้นเล่าเรื่องการบูชายัญให้หัวหน้านางรำฟัง เมื่อหัวหน้านางรำฟังจบก็มีสีหน้าตกใจและไม่สบายใจอย่างมาก น่ากลัวเหลือเกิน แต่ท่านจะให้พวกเราช่วยอย่างไร? หัวหน้านางรำกล่าว พวกเราเป็นเพียงนักดนตรีและนางรำ เราไม่สามารถสื่อสารกับเทพบารามันให้พวกท่านได้ ถ้าเราขอให้พวกท่านไปร่ายรำถวายเทพบารามันแล้วให้พวกท่านกล่าวคำแก้การบูชายัญล่ะ? ดามิก้าเสนอ พวกเราไม่อาจโกหกได้ นักรบหญิง พวกเราถือความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ ยิ่งเป็นการอ้างคำพูดของท่านเทพแล้ว เรายิ่งไม่อาจเอื้อม หัวหน้านางรำกล่าวด้วยความเสียใจ แล้วถ้าหากเราจัดประรำพิธีให้ท่านระบำถวายเทพบารามันเท่านั้น ส่วนเรื่องวิธีแก้การบูชายัญเด็ก ๆ เราจะให้หมอผีของเผ่าฟูดินัน(Fudenun Shaman) เป็นผู้จัดการเอง ท่านเห็นว่าอย่างไร? อย่างน้อยก็เพื่อช่วยชีวิตเด็ก ๆ อีกหลายสิบชีวิต วูจินเสนอขึ้นบ้าง หัวหน้านางรำนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ นางเองก็ไม่อยากเห็นเด็ก ๆ ต้องถูกบูชายัญอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน ในที่สุดนางจึงเอ่ยขึ้น แล้วพวกท่านจะเริ่มตั้งประรำพิธีเมื่อไหร่และที่ไหนล่ะคะ? เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคงเป็นที่เผ่าฟูดินันเพราะอยู่ใกล้วิหารนี้ที่สุด วูจินยิ้มอย่างยินดี ขอบคุณท่านมาก ข้าหวังว่าความคิดของท่านจะสำเร็จ หัวหน้านางรำกล่าว พวกเราก็หวังเช่นนั้น ฮารีซันกล่าวตอบ ข้าจะส่งคนมาแจ้งข่าวพวกท่านอีกครั้งเมื่อเราได้วันเวลาที่แน่นอน หัวหน้านางรำโค้งตอบ ก่อนจะกล่าวต่อ นี่ก็ค่ำแล้ว พวกท่านจะพักที่นี่ก่อนหรือไม่? เรามีเรือนรับรองอยู่หลังหนึ่งที่หลังวิหาร เราไม่รบกวนพวกท่านจะดีกว่า อีกอย่างข้าทิ้งหลานสาวไว้ที่บ้าน เดี๋ยวนางจะเป็นห่วง วูจินตอบก่อนจะโค้งขอบคุณ ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็รีบเดินทางจะดีกว่า เพราะนี้ก็ค่ำมากแล้ว หัวหน้านางรำเดินออกมาส่งบุคคลทั้งสามที่หน้าวิหาร ในขณะที่ทั้งสามก็กล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือของหัวหน้านางรำแล้วจึงร่ำลาเพื่อเดินทางกลับเผ่าของตน Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 09, 2006, 07:07:01 PM หลังจากที่ฮารีซันได้ส่งเทียบเชิญไปยังเผ่าต่าง ๆ เวลานี้ที่ประรำพิธีที่จัดขึ้นภายใต้ร่มเงาของมหาพฤกษาอิกดราซิลจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเผ่าที่มาร่วมชุมนุมกันอยู่หลายพันคน ทุกคนต่างก็ใจจดใจจ่อรอการรำบวงสรวงเทพจากเหล่านางระบำแห่งวิหารเทพบารามัน ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปยากนักที่จะมีโอกาสได้ชมการร่ายรำของพวกนาง อีกทั้งจะมีการรับสารจากเทพบารามันผ่านทางหมอผีแห่งฟูดินันอีกด้วย ดังนั้นพิธีบวงสรวงในครั้งนี้จึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
บนประรำพิธีขนาดใหญ่ทรงกลมมีรูปดาวหน้าแฉกและต้นไม้อยู่ในใจกลางวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าฟูดินันถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์อย่างสวยงาม หน้าประรำพิธีถูกจัดให้เป็นที่นั่งของบรรดาผู้นำและผู้อาวุโสจากเผ่าต่าง ๆ โดยผู้นำเผ่าที่ดูจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือสมาชิกชาวป่าเผ่าใหม่อย่างเผ่าสมิงนั่นเอง สักพักเสียงกลองจากเหล่า นักกลองแห่งฟูดินัน (Fudenun Drummer) ก็ดังขึ้นพร้อมกับการร่ายรำของ นักเต้นแห่งฟูดินัน (Fudenun Dancer) ที่ร่ายรำสะบัดผ้าอย่างพลิ้วไหวอยู่บนประรำพิธีด้วยจังหวะที่รุนแรงเร้าใจ เพื่อเป็นการโหมโรงเรียกให้บรรดาชาวป่าที่ยืนกระจัดกระจายกันอยู่บริเวณโดยรอบให้เขยิบเข้ามาชิดประรำพิธีมากยิ่งขึ้น เมื่อเสียงกลองสิ้นสุดลงพร้อมกับนางรำแห่งฟูดินันที่ร่ายรำจบท่าสุดท้ายพอดีก็เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้นจากบรรดาชาวบ้านได้เป็นอย่างดี และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง บริเวณประรำพิธีนั้นเงียบกริบ บรรดาชาวบ้านต่างรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ ทันทีที่เสียงดีดของสายเอ็นจากนักดนตรีผู้บริสุทธิ์แห่งบาราบันเริ่มบรรเลงด้วยท่วงทำนองที่แผ่วเบาอ่อนหวาน สรรพสิ่งต่าง ๆ ก็ดูจะเงียบสงบลงเพื่อฟังดนตรีของพวกนาง เสียงปรบมือดังเป็นจังหวะดังขึ้นเป็นสัญญาณที่กลางประรำพิธี ทุกคนจึงได้เห็นว่าเหล่านางระบำแห่งบารามันปรากฏตัวขึ้นที่กลางประรำพิธีแล้วโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าพวกนางขึ้นมาบนประรำพิธีตั้งแต่เมื่อไหร่ เหล่านางระบำร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงามจนทุกคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ สมกับที่เป็นการร่ายรำเพื่อถวายแด่เทพเจ้า ซึ่งต้องใช้นางรำที่ฝีมือดีที่สุดจากแต่ละเผ่ามาฝึกร่ายรำท่วงท่าพิเศษที่มีไว้สำหรับรำถวายเทพบารามันเท่านั้น การร่ายรำดำเนินต่อไปในขณะที่ใบสีเงินยวงของอิกดราซิลค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาสะท้อนกับแสงแห่งดวงอาทิตย์จนทั่วทั้งประรำพิธีเหมือนเปล่งประกายระยิบระยับ ยิ่งทำให้การร่ายรำนี้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น เมื่อการร่ายรำอันแสนอ่อนหวานจบลงก็ทำให้หลาย ๆ คนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นก็ถึงช่วงเวลาของแม่หมอประจำเผ่าฟูดินันที่จะอัญเชิญสารจากเทพเจ้าสูงสุดของชาวป่าทุกเผ่า นางอยู่ในชุดขาวคลุมทับด้วยเสื้อนอกสีฟ้าและน้ำเงิน แม่หมอก้าวขึ้นมายืนอยู่กลางประรำพิธี ณ จุดกึ่งกลางของดาวห้าแฉก นางมีลูกแก้วผลึกอยู่ในมือ นางยกลูกแก้วขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างตั้งจิตให้ใจสงบ ทันใดนั้นละอองสีขาวเล็ก ๆ ส่องประกาบระยิบระยับก็ค่อย ๆ ล่องลอยจากที่ต่าง ๆ เข้าไปอยู่ในลูกแก้วนั้นจนกระทั่งลูกแก้วเริ่มส่องประกายเป็นสีฟ้าเรืองรอง สารจากท่านเทพถึงชาวเผ่าต่าง ๆ ว่าดังนี้ เสียงของแม่หมอดังขึ้นโดยละเว้นการเอ่ยชื่อของเทพเจ้าอย่างจงใจ เหตุอาเพศต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะยุติลงได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือให้แต่ละเผ่าจัดพิธีบูชายัญด้วยแพะภูเขา (Mountain Goat) ที่เพิ่งเกิดและมีสีขาวปรอดทั้งตัวจำนวนเจ็ดคู่ในคือวันนิล(Nil)ที่จะถึงนี้ เมื่อทำดังนี้แล้วเผ่าต่าง ๆ จึงจะพ้นภัย เมื่อกล่าวจบพร้อมกับดวงแก้วที่ดับแสงลง เสียงกระซิบกระซาบจากบรรดาชาวบ้านที่มาชุมนุมกันก็ดังกระหึ่มไปทั่ว บรรดาผู้อาวุโสและผู้นำเผ่าต่าง ๆ ต่างก็หันมองหน้ากันไปมา บ้างก็ซุบซิบถึงเรื่องที่ได้ยินจนเสียงดังเซ็งแซ่ ทั้งวูจิน ฮารีซัน ดามิก้า ตลอดจนแม่หมอและเหล่านางรำแห่งเทพบารามันต่างก็ลอบสบตากัน รอคอยปฏิกิริยาจากบรรดาผู้นำเผ่าต่าง ๆ ด้วยใจลุ้นระทึก เราไม่ต้องบูชายัญเด็ก ๆ แล้วใช่ไหมนี่? ผู้เฒ่าจากเผ่าหนึ่งกล่าวเสียงดังอย่างยินดี เทพบารามันบอกว่าวิธียุติเหตุอาเพศมีทางเดียวคือบูชายัญแพะภูเขา ท่านไม่ได้บอกว่าให้บูชายัญเด็กนี่ หัวหน้าเผ่าอีกเผ่ากล่าวย้ำด้วยความดีใจ ไชโย ไชโย! ไชโยแด่เทพบารามัน เราไม่ต้องบูชายัญเด็ก ๆ แล้ว เสียงโห่ร้องของบรรดาชาวป่าดังกึกก้องด้วยความยินดี ทุกคนต่างก็เริ่มร้องรำทำเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางรอยยิ้มและความโล่งใจของพวกวูจิน หลังจากงานบวงสรวงสิ้นสุดลงในเวลาพลบค่ำ บรรดาชาวบ้านต่างก็ทยอยแยกย้ายกันกลับที่พักของตน ทว่าบรรดาผู้อาวุโสและผู้นำเผ่าต่าง ๆ กำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดในบ้านของครอบครัวบันดารา หลายคนมีสีหน้าลำบากใจ บ้างก็ครุ่นคิดด้วยความวิตกกังวล บ้างก็นั่งกอดอกนิ่งไม่ไหวติงเหมือนกำลังใช้ความคิด ข้าและฮารีซันไม่ได้ต้องการทำให้พวกท่านลำบากใจ และก็ไม่ใช่ว่าพวกข้าจะเป็นพวกกระหายเลือดกระหายสงคราม แต่การศึกครั้งนี้จะชี้ชะตาชาวเมอริเซียทั้งทวีป พวกเราก็เห็นอยู่แล้วมิใช่หรือว่าพวกซาโลมต้องการดินแดนของพวกเรามากแค่ไหน? สงครามในครั้งนี้คงไม่จบลงง่าย ๆ แน่ แล้วเราจะเห็นแก่ตัวหวังพึ่งกำลังของฟีเลเซียโดยไม่ช่วยเหลือพวกเขาเลยได้อย่างไรกัน? วูจินถามคำถามให้ที่ชุมนุมได้คิด ต่อให้เราไม่ส่งกองทัพออกไปช่วยรบ ไม่ช้าก็เร็วพวกซาโลมก็ต้องเข้ามาโจมตีพวกเราอีกอยู่ดี หลังจากเต่าบินที่ทำให้เกิดช่องเขาขนาดใหญ่นั่น เราไม่มีปราการที่แข็งแกร่งมาปกป้องเราอีกแล้ว เวลานี้เราต้องลุกขึ้นปกป้องตัวเอง ฮารีซันกล่าว ข้าเห็นด้วยกับท่านผู้เฒ่าและท่านฮารีซัน ขืนให้พวกกองทัพเพลิงวิ่งพล่านไปทั่วป่าอีกครั้ง คราวนี้คงไม่มีใครรอดชีวิต แค่ครั้งที่แล้วครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว นายพลเซนทอร์ขบกรามแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะน้ำมือของกองทัพซาโลม เผ่าสมิงยินดีร่วมมือกับพวกท่าน คาร์นประกาศก้องทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งที่ประชุม เพราะเผ่าสมิงที่เคยปฏิเสธเผ่า ๆ อื่นตลอดมาเวลานี้กลับเป็นเผ่าแรก ๆ ที่ยอมเข้าร่วมรบ ครั้งนี้เผ่าสมิงถูกจู่โจมอย่างเจ็บแสบที่สุด พวกเราไม่ยอมนั่งรอให้พวกมันมาโจมตีง่าย ๆ อย่างนี้อีกแน่ ถ้าพวกเราไม่ได้แก้แค้น วิญญาณของบรรดาสมิงที่ตามไปรวมไปถึงวิญญาณของท่านหัวหน้าเผ่าคงไม่มีวันสงบสุข คาร์นคำรามอย่างโกรธแค้น ครั้งนี้เผ่าสมิงสูญเสียมากมายเกินกว่าจะรับได้ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 09, 2006, 07:08:48 PM เผ่าป่าทมิฬก็จะเข้าร่วมด้วย เสียงของดามิก้าดังขึ้นท่ามกลางเสียงพึมพำที่ยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินว่าเผ่าป่าทมิฬก็จะร่วมในสงครามครั้งนี้อีกเผ่า เมื่อการโจมตีครั้งแรก เผ่าของเราถูกโจมตีจนย่อยยับ ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ป่าถูกเผาทำลายด้วยเพลิงเวทย์จนวอดวาย แม้บัดนี้ต้นไม้ที่งอกขึ้นมาก็ยังกลายเป็นสีดำไม่อาจใช้ประโยชน์ใด ๆ ได้อีกเลย เราต้องอยู่กันอย่างแร้งแค้น พวกเราไม่มีวันตายตาหลับแน่ถ้าไม่ได้แก้แค้นพวกมัน
เสียงกระซิบกระซาบค่อยเบาเสียงลงเมื่อหัวหน้าเผ่าเล็ก ๆ เผ่าหนึ่งยืนขึ้น ถ้าเผ่าใหญ่ทั้งสี่ต่างก็มีความเห็นเช่นนี้ ข้าคิดว่าพวกเราก็คงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ร่วมออกรบด้วย หัวหน้าเผ่ากล่าว ไหน ๆ พวกเราก็อยู่ภายใต้ร่มเงาเทพพฤกษาเหมือนกัน เผ่าของพวกเราก็ถูกรุกรานเหมือนกัน ก็เหมือนว่าพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว บรรดาผู้นำเผ่าต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ถ้าเช่นนั้น ข้าเสนอให้เผ่าฟูดินันเป็นผู้นำทัพในครั้งนี้ เพราะเผ่าฟูดินันนั้นถือว่าเป็นเผ่าใหญ่ที่สุด ยิ่งในเวลานี้จำนวนสมาชิกของเผ่าก็ยิ่งขยายใหญ่กว่าเดิมมากเป็นเท่าตัว นอกจากนี้เผ่าของข้าเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของเจ้า ผู้เฒ่าจากเผ่าหนึ่งทางฝั่งตะวันตกเสนอขึ้นพลางมองตรงมาที่ฮารีซัน ผู้นำเผ่ารุ่นเยาว์ที่สุด ท่านผู้เฒ่า ข้ายัง... เด็กเกินไป...ฮารีซันได้แต่กลืนคำพูดที่เหลือลงไปเมื่อถูกปราบไว้เสียก่อน อ้า... ผู้เฒ่าโบกมือห้าม เจ้าไม่ต้องออกตัวหรอก ตลอดเวลาที่เจ้าเป็นผู้นำเผ่าฟูดินัน เจ้าก็ได้พิสูจน์ตัวเองหลายครั้งหลายคราแล้วว่าเจ้ามีความเป็นผู้นำที่ดี มีความอดทนอดกลั้นที่หายากนักในคนวัยเดียวกันกับเจ้า มีเหตุผล และที่สำคัญ เจ้ามีความสุภาพนอบน้อมพอที่จะฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ เผ่าของข้ายินดีที่จะมีเจ้าเป็นผู้นำในสงครามครั้งนี้ แต่ท่านฮารีซันจะไม่อ่อนวัยเกินไปที่จะนำทัพหรือ? ไม่ใช่ว่าข้ามีเจตนาจะสบประมาทความสามารถของท่านหรอกนะ แต่จะให้เด็กหนุ่มที่ไม่เคยออกรบเลยมานำทัพได้อย่างไร? ผู้เฒ่าจากเผ่าทางทิศเหนือเอ่ยขึ้นด้วยความข้องใจ ซึ่งก็มีผู้นำหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพวกท่านคิดว่าใครเหมาะสมล่ะ? เสียงจากหัวหน้าเผ่าที่ถือข้างฮารีซันคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ต่างคนต่างก็มองหน้ากันไปมา ดามิก้า จากเผ่าป่าทมิฬไงล่ะ? จะให้ผู้หญิงเป็นผู้นำได้ยังไง คาร์นล่ะ? ทราเฮริ์นล่ะ? ไม่ ท่านฮารีซันก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว ท่านวูจินไงล่ะ? เสียงทุ่มเถียงกันไปมาเรื่องผู้เหมาะสมก็ดังจนฟังไม่เป็นภาษา เผ่าสมิงก็ใหม่เกินกว่าจะใครจะกล้าเลือก เผ่าป่าทมิฬก็มีชื่อเสียงด้านความป่าเถื่อนจนเกินไป เผ่าเซนทอร์ก็ยืนยันที่จะสนับสนุนฮารีซันเป็นผู้นำมากกว่าจะนำทัพเสียเอง เผ่าเล็กเผ่าน้อยต่าง ๆ ก็ไม่มีความสามารถพอที่จะดูแลกองทัพที่มีคนจำนวนมากมายได้ หลายคนจึงเริ่มเห็นด้วยที่จะให้ผู้เฒ่าวูจินเป็นผู้นำเพื่อเป็นการยุติการทุ่มเถียงที่ไม่มีทางที่จะตกลงกันได้ง่าย ๆ จนในที่สุดวูจินก็ต้องโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนสงบ ข้าเห็นว่าการให้พวกหนุ่ม ๆ นำทัพก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว พวกเจ้าคิดจะให้คนแก่อย่างข้าไปนำทัพออกรบหรืออย่างไร? วูจินถอนหายใจส่ายหน้าอย่างระอาใจ ข้าเกรงว่าจะแก่ตายก่อนที่จะถึงสนามรบน่ะสิ ผู้เฒ่าแห่งฟูดินันแสร้งพูดทีเล่นทีจริงซึ่งทำให้บรรยากาศการประชุมที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง ถ้าพวกเจ้ามีความกังขาในเรื่องความอ่อนวัยและความขาดประสบการณ์ของฮารีซัน เราจะจัดคณะที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้านการรบให้เขา และข้าเองก็จะช่วยเป็นที่ปรึกษาในเรื่องการรบให้เขาด้วย เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็เห็นด้วยกับความคิดนี้จนเสียงสนับสนุนเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่เผ่าสมิง เผ่าป่าทมิฬ และ เผ่าเซนทอร์ก็ยังส่งเสียงสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพราะหลังจากการร่วมกันต้านกองทัพเพลิงเมื่อครั้งที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็ประจักษ์ในน้ำใจและอุปนิสัยใจคอของหัวเผ่าฟูดินันแล้วว่าเป็นคนซื่อตรง จริงใจ มีความอดกลั้นสูง และไม่มีความหยิ่งจองหองหรือถือตัวเลยแม้แต่น้อย เหล่าขุนพลของทั้งสามเผ่าจึงนับถือน้ำใจของฮารีซันมากจนไม่รังเกียจที่จะให้ฮารีซันเป็นผู้นำแม้จะมีวัยที่อ่อนกว่า จนในที่สุดทุกเผ่าต่างก็เห็นพ้องต้องกันที่จะให้ฮารีซันเป็นผู้นำทัพชาวป่า ฮารีซันมีสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อยที่จะเป็นผู้นำเผ่าชาวป่าทั้งหมดออกสู่สงคราม ช่างเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่และเป็นภาระอันหนักอึ้งเหลือเกินสำหรับคนในวัยเพียงสิบแปดปี วูจินยิ้มอย่างเข้าใจพลางตบไหล่หลานชายอย่างให้กำลังใจ ฮารีซันยิ้มรับสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นโค้งให้กับที่ประชุม ขอบคุณท่านผู้อาวุโสและผู้นำเผ่าทุกท่านที่ไว้วางใจมอบหมายตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้ข้า ข้ายังอ่อนด้อยประสบการณ์นักคงต้องขอคำชี้แนะจากทุกท่านอีกมาก แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากพวกท่าน เสียงปรบมือสนับสนุนจากที่ประชุมดังกึกก้อง เช่นเดียวกับผู้เฒ่าวูจินที่ปรบมือมองหลานชายอย่างภาคภูมิใจ ฮารีซันได้พิสูจน์ตัวเองจนทุกเผ่ายอมรับในที่สุด เขาเป็นผู้นำเผ่าอย่างสมภาคภูมิแล้ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on February 09, 2006, 07:10:58 PM การศึกระหว่างซาโลมและฟีเลเซียยิ่งทวีความดุเดือดรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จักรวรรดิซาโลมอันแข็งแกร่งที่ตีเมืองของฟีเลเซียเมืองแล้วเมืองเล่า ดูเหมือนว่าเวลานี้เริ่มอ่อนกำลังลงและค่อย ๆ ถอยร่นกองทัพ นอกจากจะตีเมืองเอรีมไม่สำเร็จแล้วกองทัพเพลิงยังเสียเมืองที่ตีมาได้ไปถึงสองเมืองคือฟอร์เรนเชียและคามินยาร์ด ทั้งนี้ก็เพราะหลังจากที่กษัตริย์ซาดินทรงนำทัพที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหารและทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลออกจากแนวช่องเขาวอลเนีย พระองค์กลับต้องปะทะกับกองทัพเรือนแสนของฟีเลเซียที่ตรึงกำลังคอยท่าอยู่แล้วที่ปากทางนั้นเอง
กษัตริย์ซิกมันต์ทรงโกรธจัดที่ถูกกองทัพเพลิงลูบคมและดูถูกศักดิ์ศรีของอาณาจักรนั่นเอง เนื่องเพราะทันทีที่พระองค์ทรงยกวอลเนียขึ้น กองทัพเพลิงก็ทะลักเข้าถิ่นของพวกคนป่าทันที ทำให้พระองค์ทรงมั่นใจว่าเจตนาที่แท้จริงของกองทัพเพลิงก็คือดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ของพวกคนป่า และเห็นอาณาจักรแห่งสายลมเป็นเพียงแค่ทางผ่านเท่านั้น พระองค์จึงทรงระดมกองทัพตอบโต้กองทัพซาโลมพร้อมกันทั้งทางบกและทางอากาศอย่างเต็มกำลัง กษัตริย์ซาดินจำต้องถอยร่นกองทัพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระองค์ต้องการเลี่ยงการปะทะกันโดยตรง เนื่องจากไม่ทรงต้องการเสี่ยงที่จะเสียเสบียงอาหารและทรัพย์สมบัติมากมายที่ชิงมาจากเผ่าต่าง ๆ ไปกับการปะทะกับกองทัพซึ่งถนัดการจู่โจมแบบรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ พระองค์ไม่ได้เตรียมการมาเพื่อพบกับการต้อนรับของฟีเลเซียที่รวดเร็วในทันทีทันใดที่ยกทัพออกมาจากช่องเขาเช่นนั้น ในขณะที่กองทัพที่เมืองเอรีมซึ่งนำโดยพระราชินีเนริมอร์และจอมทัพราโชยูก็ต้องเสียขบวนรบไปเมื่อไม่มีทัพหนุนช่วยเสริมกำลัง อีกทั้งยังสับสนกับเหตุการณ์เต่าบินยักษ์ที่ทำให้ขาดการติดต่อกับทัพใหญ่ของซาดินซึ่งหายเข้าไปในป่าลึกทึบ ทว่าเพราะการถอยร่นที่ไม่มีการวางแผนของซาโลมนี้ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้กองทัพเพลิงต้องเสียเมืองที่ตีมาอย่างรวดเร็วไปถึงสองเมือง แต่ทั้งนี้ก็เพราะมีกองกำลังลึกลับลอบเข้ามาสร้างความปั่นป่วนภายในค่ายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางเพลิง การลอบสังหารหน่วยลาดตระเวนของซาโลม ซึ่งเป็นสาเหตุให้หน่วยลาดตระเวนของซาโลมหน่วยแล้วหน่วยเล่าหายตัวไปอย่างลึกลับตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งการปล่อยข่าวลวงและคำสั่งปลอมภายในกองทัพ หรือแม้กระทั่งลอบระเบิดกำแพงและประตูเมืองในยามวิกาล เหล่านี้ทำให้กองทัพซาโลมปั่นป่วนและเสียเมืองทั้งสองไปง่าย ๆ อย่างไม่ควรจะเสีย เหตุการณ์นี้สร้างความขุ่นเคืองและคลั่งแค้นให้กับกษัตริย์ซาดินเป็นอย่างมาก ทรงประณามฟีเลเซียว่าเป็นพวกสุนัขลอบกัดที่สวมหนังมังกรปกปิดสันดานโจร คำกล่าวนี้ก็สร้างความโกรธเคืองให้แก่กษัตริย์ผู้อ่อนวัยของฟีเลเซียอย่างมากเช่นกัน s [/b]กลางที่ประชุมของเหล่าแม่ทัพภายในปราสาทที่เมืองคามินยาร์ด หลังจากที่กษัตริย์ซิกมันต์ทรงบังคับเต่ายักษ์วอลเนียไปร่อนลงที่กลางทะเลลึกจนเกิดเป็นเกาะแห่งใหม่กลางทะเลไม่ใกล้ไม่ไกลจากเกาะวาร็อคนัก พระองค์ก็ทรงร่วมออกรบกับจอมทัพชาร์ลและเหล่าขุนพลฝีมือฉกรรจ์ขับไล่กองทัพซาโลมอย่างเต็มกำลังจนสามารถยึดเมืองฟอร์เรนเชียและคามินยาร์ดคืนมาได้สำเร็จ โดยมีเจ้าหญิงเรจิน่าคอยดูแลการบูรณะซ่อมแซมเมืองต่าง ๆ ที่ถูกกองทัพเพลิงทำลายและดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ อยู่ที่เมืองเอรีม ขณะที่กษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 ทรงประชุมกับแม่ทัพเหล่าต่าง ๆ พระองค์ก็ต้องทรงยิ่งขัดเคืองใจมากยิ่งขึ้นกับรายงานข่าวของหน่วยสอดแนมที่รายงานถึงคำพูดดูหมิ่นเกียรติของพระองค์และของฟีเลเซียจากกษัตริย์เมืองเถื่อน สามหาว! กษัตริย์หนุ่มตรัสเสียงกร้าว พวกมันไร้ฝีมือที่จะปกป้องเมืองเอง แต่กลับมาหมิ่นเกียรติของข้าและของฟีเลเซีย มันน่าโมโหนัก แต่ตามที่หน่วยสอดแนมข่าวรายงานมา มีการลอบสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนต่าง ๆ ภายในกองทัพเพลิงอยู่หลายครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพนายหนึ่งทูล เป็นฝีมือพวกไหนกัน? กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสกับชาร์ลอย่างหงุดหงิด ยังไม่มีรายงานแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ คนกลุ่มนี้มักลงมือในยามวิกาลและยังลงมืออย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอยทุกครั้ง แม้แต่พวกกองทัพเถื่อนเองก็ยังจับผู้ที่ลงมือไม่ได้เลยสักครั้ง ชาร์ลทูลตอบ สืบหาตัวการมาให้ได้ ข้าจะไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีแห่งฟีเลเซียต้องมั่วหมองเพราะการกระทำเยี่ยงโจรป่าไร้เกียรติเยี่ยงนี้ ฝ่าบาท นายทัพอีกผู้หนึ่งทูลขึ้น แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้เราสามารถยึดเมืองคืนมาได้เร็วขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพหลายนายเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยแม้จะไม่ค่อยชอบใจกับความจริงข้อนี้ แต่คนที่ไม่ชอบใจที่สุดก็คือกษัตริย์ซิกมันต์ที่ 3 นั่นเอง ชาร์ล ท่านเห็นว่าอย่างไร? กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หม่อมฉันเองก็ไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ แต่อีกสองเมืองที่เหลือนั้นมีปราการที่แน่นหนายากที่จะยึดคืนมาได้ เมื่อคราวที่ซาโลมตีเมืองเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วก็เพราะการจู่โจมอย่างกะทันหันจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว เราจึงเสียเมืองที่มีปราการที่แข็งแกร่งและแน่นหนาที่สุดไปอย่างง่ายดาย หากเราจะยึดคืนมา...ลำพังกำลังของกองทัพเพียงอย่างเดียวคงยากลำบากมากทีเดียว ท่านจะให้ข้ายอมรับการกระทำเยี่ยงโจรป่าของคนพวกนี้หรือ? มิได้พ่ะย่ะค่ะ เราอาจจะแค่ยืดเวลาในการค้นหาไปอีกสักระยะ ถึงอย่างไรเวลานี้ก็มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการมาตามหาว่าเป็นฝีมือของใคร นั่นก็คือเราจะตีเมืองที่มีปราการที่ได้เปรียบและแข็งแกร่งทั้งสองนี้คืนได้อย่างไร? จริงของท่าน กษัตริย์หนุ่มตรัสพลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิด การหาวิธีชิงเมืองคืนสำคัญกว่า เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วข้าจะมาจัดการไล่เบี้ยทีหลัง[/size] Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 40 เครื่องสังเวยบูชายัญ @@ Post by: เซนต์ แมกนัส on March 03, 2006, 04:59:51 AM พูดคุยเกี่ยวกับนิยายบทนี้ที่
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=19617 |