Title: @@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:34:20 AM Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป [/size][/b]เวลาผ่านไปเกือบเดือน จนล่วงเข้าเดือนธัดเดอัส(Thaddeus) อากาศเริ่มหนาวเย็นลงแล้ว กองทัพซาโลมแม้จะมีจำนวนทหารมากกว่ากองทัพฟีเลเซียแต่ก็เพราะความหวั่นเกรงการอัญเชิญอัศวินสวรรค์ของทางฝ่ายฟีเลเซีย จึงทำให้ฝ่ายซาโลมไม่กล้าที่จะจู่โจมอาณาจักรแห่งสายลมมากนัก ข้างฝ่ายฟีเลเซียเองแม้มีจำนวนทหารน้อยกว่าแต่ก็เพราะชั้นเชิงในทางการรบที่ไม่เป็นรองใคร ทั้งยังขวัญและกำลังใจมากมายที่ได้จากเมื่อคราวที่บิชอปเกรเกอรี่อัญเชิญอัศวินสวรรค์มาทำลายล้างกองทัพเรือนแสนของซาโลมจนสิ้นซากในพริบตา กระนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีใครทราบเลยว่าแท้จริงแล้วบิชอปเกรเกอรี่มิได้มีความสามารถในการอัญเชิญอัศวินสวรรค์อย่างที่เข้าใจกันแต่อย่างใด ทว่าเป็นเพราะเมตตาจากสวรรค์ต่างหาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ฟีเลเซียสามารถยันกับทัพซาโลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทหารของทั้งสองฝ่ายจึงยังสามารถปักหลักรักษาที่มั่นของตนไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแม้ทั้งสองฝ่ายจะเสียทหารไปจำนวนไม่น้อย ขณะที่กองทัพซาโลมเองเมื่อเสียกองทัพกว่าแสนนายไปกับการรบที่เมืองวอลเนีย แต่จากการรบที่ทุ่งคีราก็ทำให้มีวัตถุดิบมากพอที่จะสร้างกองทัพผีนรกขึ้นมาได้ใหม่ ทำให้จำนวนกองทัพผีนรกในกองทัพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาไม่นานกองทัพผีนรกของซาโลมก็มีจำนวนมากพอและพร้อมที่จะบุกโจมตีกองทัพฟีเลเซียอีกครั้ง เย็นนั้นขณะที่กษัตริย์ซาดินทรงกำลังเดินตรวจดูภายในค่ายที่สร้างขึ้นเพื่อผลิตกองทัพผีนรกโดยมีบลาส เซจ และ แบล็ค ไวเซอร์ พาทอดพระเนตรพร้อมกับคอยถวายคำอธิบายต่าง ๆ ให้ แม้พระองค์จะชินกับรูปร่างหน้าตาที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวของเหล่าทหารผีนรกบ้างแล้ว แต่การเดินอยู่ท่ามกลางกองทัพซากศพที่น่าสยดสยองนับพันนับหมื่นเช่นนี้ก็ทำให้อดที่จะรู้สึกขนลุกและเย็นสันหลังวาบไม่ได้ ทั้งยังกลิ่นสาปฉุนของซากศพที่เริ่มเน่าก็รุนแรงจนแสบจมูกเหมือนจะทำลายประสาทรับรู้กลิ่นของใครก็ตามที่อาจหาญย่างกรายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ข้ายังชั่งใจอยู่ว่าจะใช้กองทัพนี้โจมตีกองทัพฝ่ายใดของฟีเลเซียดี? กษัตริย์ซาดินครุ่นคิด สายตาเหลือบมองดูผีนรกตัวหนึ่งที่ใบหน้าเน่าเฟะ เนื้อบางส่วนเปื่อยจนยุ่ยและมีกลิ่นสาปฉุนรุนแรง หัวทั้งสามของมันหันมาทางซาดินและกำลังจ้องมองพระองค์ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าไร้แววทั้งสามคู่ ทำให้พระองค์ต้องทรงเบ้ปากด้วยความขยะแขยง แต่ข้าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างอยู่ในใจ ข้าสงสัยว่าเมืองวอลเนียมันมีดีอะไร? ทำไมพวกฟีเลเซียถึงทุ่มกำลังปกป้องเสียหนักหนา? หรือมันมีสมบัติมหาศาลซ่อนอยู่ในเมืองนี้ มิใช่เช่นนั้นหรอกฝ่าบาท แบล็ค ไวเซอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ที่พวกมันกำลังปกป้องอยู่คือวิหารฟรานเชสก้าที่อยู่กลางเมืองวอลเนียต่างหากพ่ะย่ะค่ะ ถ้าในนั้นไม่มีสมบัติ งั้นก็คงมีของวิเศษเก็บซ่อนไว้อย่างนั้นสินะ? ซาดินถามแสดงอาการสนอกสนใจอย่างเห็นได้ชัด หามิได้พ่ะย่ะค่ะ จอมเวทย์ดำปฏิเสธอีก ถ้าอย่างนั้นมันมีอะไรอยู่ในนั้นกันแน่? กษัตริย์ซาดินชักจะหงุดหงิดเพราะความอยากรู้ ภายในนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากรูปปั้นนางฟ้าองค์หนึ่ง และพวกข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาเท่านั้น โกหก! หากมีแค่นั้นอย่างที่เจ้าว่า...พวกมันจะทุ่มกำลังปกป้องถึงขนาดนี้หรือ? เจ้าคิดจะเก็บสมบัตินั้นไว้คนเดียวละสิ? กษัตริย์ซาดินตรัส อารมณ์เริ่มครุกรุ่น ดวงตาของ แบล็ค ไวเซอร์ ฉายแววโกรธเคืองขึ้นแวบหนึ่ง ในขณะที่เจ้านกปีศาจก็หรี่ตาทั้งสี่จับจ้องกษัตริย์ซาดินด้วยเช่นกัน จอมเวทย์ดำประกาศด้วยเสียงแหบต่ำ หากข้าพระองค์หวังในสมบัติ เมื่อครั้งที่พระองค์ติดอยู่ในถ้ำวงกตข้าพระองค์คงไม่ช่วยเหลือพระองค์แล้ว ปล่อยให้ตายอยู่ในนั้นแล้วชิงสมบัติมาไม่ง่ายกว่ารึ? แต่สิ่งเดียวที่ข้าพระองค์ต้องการคือทำลายเกรเกอรี่ และฟีเลเซียให้พินาศย่อยยับ Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:36:41 AM ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร? ซาดินถามต่อ ยังทรงแคลงใจอยู่ลึก ๆ
ที่พวกมันทุ่มเทกำลังปกป้องวิหารแห่งนี้ก็เพราะวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่นางฟ้าฟรานเชสก้า อารักขเทวดาของอาณาจักรนี้ ดังนั้นวิหารแห่งนี้จึงเป็นเหมือนวิหารเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง หากวิหารถูกทำลายก็เหมือนกับว่าทั้งอาณาจักรถูกหยาบเกียรติและศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์สร้างสมมาช้านาน แค่นั้นนะรึ!?! กษัตริย์ซาดินแทบจะระเบิดเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ข้าเสียทหารไปเป็นแสนเพียงเพราะไอ้ศักดิ์ศรีโง่ ๆ ของพวกมันอย่างนั้นรึ? ตัวของพระองค์สั่นเทิ้ม ดีละ...ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทำลายศักดิ์ศรีโง่ ๆ ของมันให้สิ้นซากไปเลย ทันทีที่เจ้าจัดการเจ้าบิชอปนั่น ข้าจะทำลายเมืองทั้งเมืองนั่นให้ราบชนิดที่พวกมันจะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในเมืองนี้ตลอดกาล กษัตริย์ซาดินทรงประกาศกร้าวอย่างโกรธเกรี้ยวโดยที่แบล๊ค ไวเซอร์น้อมรับคำอย่างยินดี พร้อม ๆ กับมโนภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดในหัวของเขา เคอร์วิน(Kerwin) ทำไมแกถึงสอบไม่ได้ที่หนึ่งสักที? แกนี่มันโง่จริง ๆ แกเป็นความอับอายของตระกูลเรา ภาพใบหน้าของชายคนหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าพ่อกำลังตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ฉันไม่มีลูกโง่ ๆ อย่างแก หญิงวัยกลางคนผู้เขาเคยเรียกว่ามารดาเบ้ปากใส่อย่างรังเกียจ ทำไมเกรเกอรี่ถึงไม่มาเกิดเป็นลูกฉันนะ? เคอร์วิน เคอร์วิน ภาพเด็กชายผมแดงตะโกนเรียกเขาอย่างร่าเริง เคอร์วิน ไม่เป็นไรนะ คราวหน้าเรามาพยายามกันใหม่ เด็กชายผมสีทอง ดวงตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายส่งยิ้มให้ เสียงร้องแหลมของนกปีศาจดังก้องขึ้นทำลายห้วงความนึกคิดนั้น กษัตริย์ซาดิน และบลาส เซจ กำลังมองตรงมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าที่บูดเบี้ยวด้วยความสะอิดสะเอียนของแบล็ค ไวเซอร์ ถูกซ่อนไว้อีกครั้ง หึ หึ พวกมันจะได้สำนึก อีกไม่นานนี้แหละฝ่าบาท อีกไม่นาน.... แบล๊ค ไวเซอร์แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย s กลางดึกในคืนที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็นคืนหนึ่ง บริเวณที่พักของนักบวชชั้นผู้ใหญ่ประจำเมืองเอรีม บิชอปเกรเกอรี่กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องที่พักของตน ทันใดนั้นจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกำลังสัมผัสตัวของเขาอย่างแผ่วเบา หูของเขาได้ยินเสียงเล็ก ๆ คล้ายเสียงของสตรีพูดกระซิบกระซาบบางอย่างเบา ๆ เขาพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นทว่าเปลือกตาของเขากลับหนักอึ้งเพราะความง่วงงุน เสียงกระซิบนั้นยังคงดังอยู่และดูเหมือนเสียงนั้นดังอยู่ใกล้หูของเขาเหลือเกิน เกรเกอรี่รู้สึกถึงปลายนิ้วที่เนียนนุ่มลากนิ้วจากหน้าผากของเขาเรื่อยละมาถึงปลายจมูกช้า ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใช้หลังมืออ่อนนุ่มลูบไล้อย่างเบามือที่ข้างแก้มของเขา เกรเกอรี่จึงพยายามสลัดไล่ความง่วงงุนฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด ทันทีที่ลืมตาขึ้นเขาก็ต้องตกตะลึงแทบจะลืมหายใจเมื่อมีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ดูจากหน้าตาของเธอแล้วอายุคงไม่เกินสิบแปดปี เธอเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหมดจดงดงามที่สุดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต สีตาดำสนิทเหมือนท้องฟ้าในคืนเดือนมืดทว่ากลับมีประกายแพรวพราวดูโดดเด่นเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นน้อย ๆ อย่างเย้ายวนก่อนจะแย้มยิ้มให้เขา ผิวกายของเธอผุดผาดเป็นสีนวลเรืองรองราวกับดวงจันทร์ที่ลอยเด่นกลางท้องฟ้าที่ไร้เมฆเวลาเที่ยงคืน ผมเหยียดตรงยาวสยายสีดำสนิทเหมือนเส้นไหมนุ่มสีดำล้อมกรอบใบหน้าของเธอจนดูคมเด่นแม้ในแสงสลัวยามเย็นเช่นนี้ ยามเย็นอย่างนั้นรึ? เขาเข้านอนตอนมืดมิใช่หรือ? นี่จะต้องเป็นความฝันแน่ ๆ คิดได้ดังนั้นก็รีบสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อให้ตื่นจากความฝันนี้ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นจึงได้พบว่าเป็นเวลาสายมากแล้วเพราะแสงแดดที่เริ่มจัดสาดเข้ามาตามช่องหน้าต่าง เขาไม่เคยนอนตื่นสายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย คงเป็นเพราะเขานอนมากเกินไปแน่ ๆ จึงทำให้เขาฝันเช่นนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วจึงลุกออกจากเตียงเดินไปที่ประตูห้องแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงประตู จู่ ๆ ก็พบว่าเขากลับไปนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิมเหมือนเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นเมื่อครู่นี้ ทั้ง ๆ ที่เขาแน่ใจว่าเขาได้ลุกขึ้นจากเตียงไปแล้วมิใช่รึ? หรือจริง ๆ แล้วเขายังไม่ได้ลุกออกจากเตียงกันแน่? เกรเกอรี่รู้สึกพิศวงอยู่เพียงครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างขยับอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา เกรเกอรี่รู้สึกตัวเย็นวาบคิดจะสลัดผ้าห่มและอะไรบางอย่างนั้นให้พ้นจากตัวเขา แต่เขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ มันค่อย ๆ ขยับคืบคลานใกล้เข้ามาเรื่อยอย่างช้า ๆ และในวินาทีที่มันโผล่พ้นผ้าห่มนั้นเกรเกอรี่ก็ต้องตกตะลึงอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อกลับกลายเป็นสาวน้อยคนเดิมที่ปรากฏในฝันของเขาโผล่พ้นผ้าห่มขึ้นมา ริมฝีปากสีแดงแย้มยิ้มอย่างยั่วยวน เธอยืดตัวขึ้นจนผ้าห่มเลื่อนหล่นจนไปกองอยู่ที่เอว เกรเกอรี่จึงได้เห็นว่าผมยาวดำขลับของเธอยาวสยายอยู่บนอกของเขาและสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นผ้าห่มในทีแรกกลับกลายเป็นผมสีดำที่ยาวสยายของเธอนั่นเอง เธอยกมือลูบต้นคอของเธอก่อนจะค่อย ๆ ลากมือต่ำลงมาเรื่อย ๆ สายตาของเกรเกอรี่มองตามการนำด้วยมือของหญิงสาวจนพบว่าเธอไม่ได้สวมอาภรณ์ใด ๆ ! หากแต่ใช้เพียงแค่ผมดำขลับยาวสยายเป็นแพรปิดซ่อนเนื้อตัวที่เปล่าเปลือยของเธอไว้เท่านั้น เกรเกอรี่รีบเบือนหน้าหนีทันทีทว่าเธอกลับยื่นมือมาจับผมปอยหนึ่งที่หน้าผากของเกรเกอรี่ไปเหน็บไว้ที่ข้างหูของเขาและเอียงหน้าของบิชอปหนุ่มกลับมาเผชิญหน้ากับตนอีกครั้งก่อนจะยิ้มน้อย ๆ พลางกัดริมฝีปากล่างอย่างยั่วเย้าโน้มหน้าลงมาหาเขา [/size] Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:37:56 AM ไม่! นี่ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ เกรเกอรี่หลับตาและพยายามเรียกสติของเขาให้ตื่นจากความฝันประหลาดนี้
บิชอปพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระและที่สุดเขาก็สะดุ้งสุดตัวลืมตาตื่นขึ้นได้ในที่สุด เกรเกอรี่หายใจหอบรู้สึกเหนื่อยเหมือนคนทำงานหนักมาทั้งวัน เหงื่อแตกจนใบหน้าชื้นแฉะ เขาเหลือบตามองไปรอบ ๆ ห้องที่มืดสลัวของเขา ในฝันนั้นช่างสมจริงจนเหมือนจะยังทิ้งร่องรอยแห่งการสัมผัสไว้แม้ในยามตื่น ฝันที่ดูเหมือนสวยงามแต่กลับทำให้หวาดกลัวอย่างไม่อาจบรรยาย เกรเกอรี่ตัวสั่นน้อย ๆ ฝันนั้นสร้างความหวาดหวั่นลึก ๆ ในจิตใจของเขา หูของเขาแว่วเสียงระฆังดังมาจากที่ไกล ๆ ตีบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วยามจะรุ่งสาง นี่มันฝันอะไรกัน? ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ เกรเกอรี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า บิชอปหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นมุ่งไปยังแท่นภาวนาเพราะคิดว่าหากเขานอนต่ออาจจะต้องวนเวียนอยู่ในความฝันเมื่อครู่อีกแน่ เกรเกอรี่จึงลุกขึ้นมุ่งหน้าเดินไปที่แท่นภาวนา ทันทีที่คุกเข่าลงกลับกลายเป็นว่าเขากำลังนอนจมอยู่ในกองผ้าห่มบนเตียงของเขานั่นเอง เกรเกอรี่มองไปรอบ ๆ ห้องรู้สึกสับสนยิ่งขึ้น เขายังคงติดอยู่ในความฝันหรือนี่? ฉับพลันนั้นก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักเหมือนสาวแรกรุ่นกำลังหัวเราะสนุกสนานจากที่ใดที่หนึ่ง เสียงหัวเราะนั้นใสราวกับระฆังแก้วทว่ากลับกระตุกแกว่งหัวใจของเขาให้รู้สึกหวาดกลัว เกรเกอรี่หันหน้าไปมองทางต้นเสียงก็หามีใครไม่ เสียงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจดังขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเกรเกอรี่มองหาที่มาของเสียงไม่พบ บิชอปหนุ่มพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นแต่ก็พบว่าเขาเหมือนถูกหมุดตอกตรึงไว้กับเตียงของเขาเอง ยิ่งเขาดิ้นรนให้เป็นอิสระเสียงหัวเราะชอบใจก็ยิ่งดังขึ้น ที่สุดเกรเกอรี่จึงตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เจ้าเป็นใคร? ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้! สิ้นคำเกรเกอรี่เสียงหัวเราะก็เงียบลงทันที เกรเกอรี่หันไปรอบ ๆ พยายามมองหาใครก็ตามที่กำลังพยายามล่อลวงเขา ที่ปลายเตียงนั้นเองเกรเกอรี่ก็พบหญิงสาวผู้งดงามที่ปรากฏตัวในฝันของเขาอีกครั้ง เธอค่อย ๆ คลานขึ้นมาจากปลายเตียงด้วยกิริยาแช่มช้าเย้ายวนเหมือนแมวดำสาวทรงเสน่ห์ เธอหัวเราะเบา ๆ ทอดสายตาเชิญชวนเกรเกอรี่อย่างเปิดเผย ข้าคือผู้ที่ท่านจะต้องถวิลหาทุกเช้าค่ำ หญิงสาวกล่าวเสียงไพเราะเหมือนระฆังแก้วเจียระไน คลานเข้ามาใกล้ ข้าคือผู้ที่ท่านจะมอบความจงรักภักดีให้ เธอขยับเข้าใกล้ยิ่งขึ้น ข้าคือผู้ที่ท่านจะต้องเทิดทูนบูชา เธอใช้มืออันอ่อนนุ่มทั้งสองประคองใบหน้าของเกรเกอรี่ไว้ กระซิบเสียงกระเซ้า และข้าคือผู้ที่ท่านไม่อาจต้านทานเธอยิ้มเชิญชวนเลียริมฝีปากอย่างยั่วเย้าอีกครั้งสายตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากบิชอปหนุ่มพลางโน้มตัวลง พระเจ้าข้า โปรดคุ้มครองข้ารับใช้ของพระองค์ เกรเกอรี่ตะโกนสุดเสียง ทำให้หญิงสาวชะงักด้วยความตกใจก่อนจะหายวับไปกับตา ทันใดนั้นเกรเกอรี่ก็สะดุ้งตื่นขึ้น มือกำผ้าห่มแน่นหอบหายใจด้วยความตกใจในความฝันอันน่ากลัว พอเริ่มจะหายงัวเงียก็รีบลุกขึ้นนั่งทันทีรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบจะนั่งไม่อยู่ เกรเกอรี่มองไปรอบ ๆ อย่างโล่งอกที่สามารถหลุดออกมาจากความฝันนั้นได้ เขาพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงในเวลาเย็นที่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำสาดแสงสีอมส้มเข้ามาภายในห้องจนเหมือนจะย้อมทั่วทั้งห้องให้กลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ ภายนอกหน้าต่างมองเห็นดวงอาทิตย์สีส้มนวลดวงโต เกรเกอรี่ได้ยินเสียงผ้าเสียดสีกันข้างตัวจึงหันกลับมา และก็ได้พบว่าข้างกายของเขามีหญิงสาวผู้งดงามคนเดิมนอนคว่ำหน้าอยู่เผยให้เห็นแผ่นหลังเปล่าเปลือยของเธอ เธอนอนหลับตาพริ้มหันหน้ามาทางเขา บิชอปหนุ่มยื่นมือออกไปจะแตะต้องตัวเธอโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเขายื่นมือออกไปเพื่ออะไรกันแน่? เพื่อปลุกหญิงสาวหรือ? หรือว่าเพื่อไล่เธอไป? เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมมือของเขาจึงยื่นออกไปหาราวกับไม่ใช่มือของเขาเอง ยังไม่ทันที่จะสัมผัสถูกตัวเธอเกรเกอรี่ก็รีบบังคับมือของตนกลับมา หญิงสาวก็ลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะตวัดขาพลิกตัวขึ้นอยู่เหนือร่างของเกรเกอรี่และโน้มหน้าลงไปหาเขาทันที ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เรากำลังอยู่ในความฝันไม่ใช่หรือ? ในความฝันเราจะทำอะไรก็ได้ ท่านเคยได้ยินใครกล่าวโทษการกระทำในฝันของผู้อื่นหรือ? นี่ไม่ใช่ความฝัน เจ้ากำลังล่อลวงข้า ออกไป๊! เกรเกอรี่ตะโกนลั่นผลักหญิงสาวเต็มแรงจนตัวเขาเองหงายหลังไปทำให้ศีรษะกระแทกกับขอบเตียงอย่างแรงและสะดุ้งตื่นขึ้น บิชอปหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอามือลูบศีรษะเบา ๆ เพราะความเจ็บ รู้สึกว่าด้านหลังศีรษะปูดบวมน้อย ๆ เขาหันกลับไปมองทางหัวเตียง ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาได้เสียที ความฝันร้ายกาจนั่นทำให้เขาดิ้นจนศีรษะโขกกับเตียงอย่างแรงทีเดียว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เลื่อนมือทั้งสองกลับมาดึงผ้าห่มที่กองยู่ยี่อยู่ที่ปลายเท้า แต่ทันใดเขาก็รู้สึกถึงฝ่ามืออ่อนนุ่มลูบไล้เบา ๆ ที่ด้านหลังศีรษะของเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจลอยแว่วมา ข้าบอกท่านแล้วว่าเมื่อกี้เป็นแค่ความฝันก็ไม่เชื่อ ได้ยินเพียงเท่านั้นหัวใจของเกรเกอรี่ก็อ่อนยวบลงทันที เขายังคงติดอยู่ในวังวนแห่งความฝันอยู่ บิชอปหนุ่มหันไปทางต้นเสียงและก็พบว่าใบหน้าของหญิงสาวนั้นอยู่ใกล้กับเขาจนเกือบจะชิดกัน ท่านไม่มีวันหนีไปจากข้าได้ หญิงสาวแย้มยิ้มโน้มหน้าเข้าไปหาเขาทันที Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:42:18 AM เพียงแค่ริมฝีปากของหญิงสาวแตะสัมผัสถูกริมฝีปากของเขาเบา ๆ ความกลัวชนิดจับขั้วหัวใจก็โหมกระพือจู่โจมจิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว มือและเท้าเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง หัวใจเหมือนถูกบีบกระชากพาลจะหมดสติเสียให้ได้ แต่ยังไม่ทันที่สติจะหลุดลอย หูของเขาก็แว่วเสียงกรีดร้องแหลมลึกเกรี้ยวกราดอย่างน่ากลัวดังขึ้น เขาเปิดเปลือกตาขึ้นแทบจะทันใด จึงได้เห็นว่าหญิงสาวถดตัวถอยห่างออกไปจากเขาแล้ว สายตาอาฆาตมาดร้ายของเธอทำให้ความงดงามเลือนหายไปจนหมดสิ้น ดวงตาแข็งกร้าวระคนหวาดหวั่นของเธอจับจ้องบางสิ่งบางอย่างเหนือศีรษะของเขา บิชอปเกรเกอรี่จึงเห็นว่ามีแสงเรืองรองทอประกายอยู่เหนือเขาและค่อย ๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ บิชอปพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ตาพร่าจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้
พวกเจ้าเป็นใครกัน!?! หญิงสาวตะโกน เสียงที่เคยไพเราะราวระฆังแก้วกลับกลายเป็นเสียงตะโกนแสบแหลม ดวงตากวาดไปมาอย่างรนราน เราคือผู้ปกป้องความเป็น สงฆ์นิรันดร ของเขา เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลเจือความอ่อนโยนของใครคนหนึ่งดังขึ้นเหนือเขา นางปีศาจเจ้าเล่ห์ ช่างบังอาจนักที่กล้าเข้ามาล่อลวงผู้รับใช้ของพระเจ้า เสียงสตรีที่เด็ดขาดมีอำนาจอีกเสียงหนึ่งดังกังวานขึ้น อีกเสียงที่ฟังดูร่าเริงสดใสดังกังวานพร้อมเสียงหัวเราะ ในเมื่อเป็นกายจำแลง ถ้าเช่นนั้นก็ทำให้นางเผยร่างที่แท้จริงออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาเลยสิ" Veritas Existere Aeternus (เวริตัส เอ็คซิสแตร์ เอแตรนัส ) (ความจริงดำรงอยู่นิรันดร์) เสียงตะโกนที่กังวานใสเหมือนหยาดน้ำค้างดังขึ้นก่อนจะมีเสียงดีดของสายเอ็นพร้อมกับแสงสีขาวพุ่งใส่ร่างหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงราวกับศรสวรรค์ ฉับพลันก็เกิดแสงสว่างวาบพร้อมกับเสียงกรีดร้องแหลมลึกดังลั่นสนั่นไหว ทันทีที่แสงจ้าจางลงหญิงสาวผู้งดงามก็เปลี่ยนไป ท่อนล่างของนางเปลี่ยนไปดูคล้ายสัตว์ป่า หางยาวแหลมปลายคล้ายหัวธนูตวัดไปมาราวกับแส้ ท่อนแขนที่เคยเรียวงามกลับกลายมีขนหนาดกดำขึ้นปกคลุมไม่ต่างจากแขนของสัตว์ป่า หูทั้งสองข้างแหลมยาวอย่างกับหูของปีศาจร้าย นางกลับกลายเป็นร่างของซัคคิวบัส(Succubus) นางปีศาจที่ชอบล่อลวงมนุษย์ผู้ชายให้กลายเป็นทาสของตน ทันทีที่ร่างแท้จริงถูกเปิดเผยนางปีศาจก็คลุ้มคลั่งอาละวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว กางกงเล็บคมกริบจิกทึ้งเตียงและผ้าห่มจนขาดกระจาย สายตาจ้องมองมาทางเกรเกอรี่อย่างดุดันและมาดร้ายก่อนจะกรีดร้องเสียงดังพุ่งเข้าใส่เกรเกอรี่ ทันใดนั้นเสียงที่บ่งบอกถึงความสุขุมและผู้มีปัญญาก็ดังขึ้น ท่านบิชอป.... Sanctus Verbum (ซางตุส เวอร์บุม) (พระวาจาศักดิ์สิทธิ์) เมื่อได้ยินดังนั้นเกรเกอรี่จึงนึกได้ถึงพระวาจาศักดิ์สิทธิ์ (Holy words) อันเป็นบทสวดที่สามารถใช้ขับไล่ปีศาจได้ เกรเกอรี่จึงเริ่มท่องด้วยความตั้งใจและสำรวมสมาธิ เพียงแค่บทสวดกระทบหู นางปีศาจก็กรีดร้องดิ้นทุรนทุราย ก่นด่าอาฆาตมาดร้ายสารพัด ครั้นเมื่อบิชอปเกรเกอรี่ท่องบทสวดเสียงดังเปี่ยมด้วยพลังอำนาจยิ่งขึ้น นางซัคคิวบัสก็ยิ่งหวีดเสียงร้องโหยหวนทรมาน ก่อนจะจางหายไปพร้อม ๆ กับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและเสียงด่าสาปแช่งที่ดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ เกรเกอรี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงเงินของดวงอาทิตย์ยามเช้าทอส่องประกายอ่อน ๆ เข้ามาภายในห้องนอนของเขา เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงราวกับจะช่างใจว่าในครั้งนี้เป็นการตื่นที่แท้จริงหรือไม่? ไม่มีกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวหลงเหลืออยู่แล้วแต่เพราะความฝันที่ซ้อนทับกันจนนับครั้งไม่ถ้วนนั่นทำให้ความรู้สึกของเขาไม่มั่นคงนัก บิชอปหนุ่มเหลือบไปรอบ ๆ ห้องช้า ๆ ทั่วทั้งห้องไม่มีวี่แววของใครอื่นเลยนอกจากตัวเขาเอง หูของเขาแว่วได้ยินเสียงฝูงนกที่ออกหากินในยามเช้าร้องขับขานกันอย่างไพเราะ เกรเกอรี่จึงรีบลุกขึ้นจากเตียงพุ่งตัวไปยังหน้าต่างที่ใกล้ที่สุดพลางกวาดสายตามองออกไปภายนอกหน้าต่าง ภาพชาวบ้านที่เริ่มต้นชีวิตประจำวันของพวกเขาดูชินตาเฉกเช่นทุกวัน กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ ๆ เคล้ากลิ่นอากาศบริสุทธิ์สดชื่นโชยพามาตามลม เสียงร้องอันไพเราะของนกเนเดีย(Naedia)ดังแว่วมาจากชายป่าไกล ๆ เกรเกอรี่ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ในที่สุดเขาก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว ช่างเป็นความฝันที่สมจริงเหลือเกิน... และน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดด้วย เกรเกอรี่เปรยออกมาก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง เตียงนอนดูยุ่งเหยิงไปหมด บิชอปหนุ่มจึงเอื้อมมือดึงผ้าห่มที่กองยับยู่ยี่อยู่ที่ปลายเตียงขึ้นมาคิดจะจัดที่นอนให้เรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบด้วยความตกใจเมื่อผ้าห่มของเขาถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่น เศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงสู่พื้น ...เรื่องจริงรึนี่? เกรเกอรี่พึมพำเบา ๆ ด้วยความหวั่นวิตก ใบหน้าเคร่งเครียดและซีดขาว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:44:33 AM ขณะที่กษัตริย์ซิกมันต์กำลังหารือเรื่องการรบกับเจ้าเมืองเอรีมและเหล่าแม่ทัพภายในท้องพระโรง มหาดเล็กก็เข้ามารายงานว่าบิชอปเกรเกอรี่มีเรื่องสำคัญจะขอเข้าเฝ้า กษัตริย์ซิกมันต์จึงทรงหยุดการประชุมไว้ชั่วคราวพร้อมกับเบิกตัวบิชอปเกรเกอรี่เข้าเฝ้า
ท่านบิชอปมีเรื่องด่วนอะไรหรือ? กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นบิชอปเกรเกอรี่มาขอเข้าเฝ้าตั้งแต่หัววัน ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดจะมาขอกราบทูลลากลับเมืองฟีเลเซียพ่ะย่ะค่ะ ทำไม? เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? มิได้มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นที่ฟีเลเซียหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวกระหม่อมเอง เมื่อคืนนี้นางปีศาจซัคคิวบัสมาสร้างฝันมายาหมายจะล่อลวงกระหม่อม นางปีศาจซัคคิวบัสที่ชอบล่อลวงมนุษย์ผู้ชายให้ตกเป็นทาสของมันน่ะหรือ? กษัตริย์ซิกมันต์ตรัสถามอย่างไม่แน่ใจ พ่ะย่ะค่ะ แต่นางปีศาจตนนี้ร้ายกาจกว่าปีศาจซัคคิวบัสทั่วไป เพราะมันสามารถเข้ามาอาละวาดถึงในเขตพรตที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวช ซ้ำยังมีพลังมากจนกระหม่อมเองกว่าจะไล่มันไปได้ก็แทบแย่ทีเดียว ทำไมมันถึงเจาะจงเข้ามาในเขตพรตล่ะ? ในเมื่อเขตพรตเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปีศาจไม่สามารถเข้ามาได้อยู่แล้ว ข้ารู้สึกว่าเหมือนมันตั้งใจจะมาเพื่อเล่นงานท่านโดยเฉพาะ ...หรือว่าจะมีใครส่งมันมาจริง ๆ ? องค์กษัตริย์ทรงถามอย่างสงสัย กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น เพราะการที่นางปีศาจเข้ามาถึงในเขตพรตได้แสดงว่าต้องมีใครสักคนใช้เวทย์แห่งความมืดช่วยเสริมอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ เมื่อคืนนี้กระหม่อมทำได้แค่ไล่มันไปเท่านั้น กระหม่อมเกรงว่ามันอาจจะย้อนกลับมาอีก ดังนั้นกระหม่อมจึงคิดจะขอกราบทูลลาพระองค์กลับเมืองฟีเลเซียเพื่อหาทางป้องกันมันมิให้กลับมาอาละวาดได้อีกตลอดกาล ที่หอสมุดในวิหารหลวงต้องมีบันทึกเกี่ยวกับวิธีแก้พวกอวิชชาและวิธีปราบนางปีศาจไว้แน่ เกรเกอรี่ทูลตอบ กษัตริย์ซิกมันต์ทรงมีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อย คิ้วขมวดเข้ามากันครุ่นคิด ใช้นิ้วชี้เคาะบนที่ท้าวแขน ซึ่งบิชอปเกรเกอรี่เองเมื่อเห็นอาการเช่นนี้ของพระองค์จึงได้กล่าวขึ้น กระหม่อมให้คำมั่นว่าหากรู้วิธีจัดการกับนางซัคคิวบัสแล้วจะรีบกลับมาทันทีพ่ะย่ะค่ะ ท่านบิชอป ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้ท่านไปหรอกนะ แต่ท่านก็รู้ว่าทั้งขวัญและกำลังใจของทหารฟีเลเซีย และทั้งการที่ซาโลมยังไม่กล้าบุกเรามากนักสาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะท่านอยู่กับเราที่นี่... พระองค์ทรงหยุดกล่าวเพียงเท่านั้นคล้ายจะปล่อยให้ท่านบิชอปได้ตริตรองถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เกรเกอรี่เองก็ตระหนักถึงความสำคัญของตัวเองต่อกองทัพในเวลานี้เช่นกัน ทว่าหากเขาไม่กลับไปนางปีศาจอาจจะหวนกลับมาอีกและถ้าเขาพลาดท่าเสียทีให้แก่นางปีศาจ อาณาจักรฟีเลเซียก็คงยากที่จะหาใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งบิชอปแห่งฟีเลเซียแทนเขาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน เมื่อกษัตริย์ซิกมันต์ทรงเห็นว่าท่านบิชอปเองก็มีสีหน้าลำบากใจอยู่ไม่น้อยจึงกล่าวขึ้นในที่สุด เอาเถอะท่านบิชอป ข้าเองก็เข้าใจในความจำเป็นของท่าน ข้าอนุญาตให้ท่านเดินทางกลับฟีเลเซียได้ แต่เมื่อท่านไปถึงฟีเลเซียแล้วให้ท่านพี่เรจิน่ารีบยกทัพขึ้นมาช่วยข้ารบกับพวกซาโลมอีกแรงก็แล้วกัน ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบเดินทางและรีบกลับมาโดยเร็ว Title: Re:@@ นิยายSMN Chapter 35 มายาแห่งฝันต้องสาป @@ Post by: Little Lamb, the Little Angel on September 22, 2005, 01:45:51 AM เชิญเม้าท์กันที่นี่เลยค๊าบ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=15190 |